ชั่ววินาทีที่ 'ธารธรรม' ได้สบตากับ 'ศิลา' เขาก็ตกหลุมรักพ่อหนุ่มที่กระโดดลงมาจากต้นมะม่วงพร้อมแมวส้มคนนี้เสียแล้ว...
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ไทย,อื่นๆ,ศิธาร,ศิเป็นของธาร,มหาวิทยาลัย,น่ารัก,หวาน,feel good,feelgood,อ่านฟรี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ศิเป็นของธารชั่ววินาทีที่ 'ธารธรรม' ได้สบตากับ 'ศิลา' เขาก็ตกหลุมรักพ่อหนุ่มที่กระโดดลงมาจากต้นมะม่วงพร้อมแมวส้มคนนี้เสียแล้ว...
เพียงได้พบสบตา 'ธารธรรม' ก็ตกหลุมรัก 'ศิลา' พ่อหนุ่มที่กระโดดลงมาจากต้นมะม่วงพร้อมแมวส้มไปเสียแล้ว
แม่สอนธารธรรมไว้ว่าชอบใครต้องไปให้สุด เตรียใจไปเลยพ่อต้นมะม่วง เจอธารธรรมใส่สุดแน่นอน!!
มาค่ะ มาเปิดเรื่องใหม่กัน
ญ่าฝากคุณผู้อ่านเอ็นดูเจ้าศิกับยัยธารด้วยนะคะ // ไหว้ย่อแบบติดพื้น
เรื่องนี้จะลงทุกวันอังคาร เวลา 2 ทุ่ม(ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง)ค่ะ
“ทาเบา ๆ ดิกรอง” ชาติชายบ่นเพื่อนสาวที่ทาครีมกันแดดให้ตนอยู่
“ทาเองดิ”
“กูทาหลังเองได้ก็ไม่ให้มึงทาหรอก”
“เรื่องมาก! กูยังไม่ต้องลำบากใครเลย”
“แน่สิ! ก็ใส่แขนยาว ขายาวขนาดนี้”
“ว่าแต่ไอ้กรอง มึงเองก็ทาเบา ๆ หลังกูถลอกหมดแล้ว” ธารธรรมหันไปว่าชาติชาย หากใครมาว่ายน้ำที่สระคอนโดฯของกรองทองขณะนี้คงได้เห็นภาพประหลาด ๆ ที่มีคนนั่งเรียงกันทาครีมกันแดด
“เสร็จแล้ว” ชาติชายละมือจากหลังขาว
“ลุย!” เพียงจบคำของเพื่อน ธารธรรมก็วิ่งกระโดดลงน้ำก่อนคนแรก ตามด้วยชาติชาย
“เดี๋ยว พวกมึงรอก่อน” แต่มีหรือไอ้พวกนั้นจะฟัง “ตกลงใครอยากว่ายน้ำกันแน่วะ?”
“ไอ้กรอง ลงมา” พูดไม่พอยังพากันสาดน้ำใส่เธออีก
“ไอ้พวกเวร!”
ว่ายเล่นกันหลายนาที ก็เป็นธารธรรมที่ขึ้นจากสระก่อน เขาทิ้งกายนั่งเก้าอี้ มือขาวเอื้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่ต้องเสียเวลาเดาเลยว่าจะทำอะไร ก็ต้องส่งข้อความหาพ่อต้นมะม่วงน่ะสิ
คิดถึงแล้วเนี่ย!
เป็นเพราะกรองทองอยู่ ๆ ก็อยากว่ายน้ำ จึงไปขุดเขากับชาติชายลุกจากเตียงขึ้นมา เหมือนมันจะเอาคืนที่ธารธรรมเคยปลุกมันไปซื้อโทรศัพท์เป็นเพื่อน แอบชวนศิลาแล้ว แต่รายนั้นติดเรียน
อยากเห็นศิใส่ชุดว่ายน้ำ!
ยอมรับว่าหื่น หื่นสุด ๆ ไปเลย!
ธารธรรม : คิดถึงศิ
ศิลา : อย่าเว่อร์
ธารธรรม : เรียนอยู่แล้วตอบได้ไง
ศิลา : ก็รู้ว่าเรียนแล้วส่งข้อความมาทำไม?
ธารธรรม : ก็คิดถึงอ่ะ!
ศิลา : ว่ายน้ำเสร็จแล้ว?
ธารธรรม : ยังเลย
ไม่ว่าเปล่าธารธรรมยังส่งรูปกรองทองที่ขี่หลังชาติชายกลางสระ และรูปตัวเองชูสองนิ้วยิ้มแฉ่งให้ดูเป็นหลักฐาน ศิลาอ่านแล้ว แต่กลับไม่ตอบ สงสัยคงตั้งใจเรียนอยู่ ก่อนที่ธารธรรมจะวางโทรศัพท์แล้วกลับไปเล่นน้ำกับเพื่อนต่อก็มีสายเรียกเข้าเสียก่อน
‘ศิลา’
“คิดถึงเราเหมือนกันล่ะสิ” ธารธรรมทักเสียงสดใส
/สั้น/
“หา?”
/กางเกงสั้นไปนะ/ เสียงดุลอดมาตามสาย แค่เสียงยังทำให้เสียวสันหลังได้เลย
“หวง พูดแบบนี้ศิ”
/รีบเล่นรีบกลับ แค่นี้นะ/
แล้วก็วางสายไปทั้งอย่างนั้น แต่การไม่เถียงเรื่องที่ว่าหวง ธารธรรมขอตีความว่าศิลาหวงก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นจะดุเรื่องกางเกงสั้นทำไม
“แอบขึ้นมาเต๊าะเจ้าของหลุมเหรอ” กรองทองเกาะขอบสระทักเพื่อนที่เอาแต่ยิ้มแก้มแตก
“เราต้องใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่าสิ” ธารธรรมตอบก่อนเดินไปนั่งริมสระ ทิ้งขาลงแช่น้ำสัมผัสความเย็น
“กับศินี่มึงไปถึงไหนแล้ววะ?” ชาติชายว่ายมาเกาะขอบสระอีกคน
“เรื่อย ๆ ว่ะมึง แต่ก็มีแนวโน้มพัฒนา”
“คนนี้มึงดูจริงจัง”
“กูก็จริงจังทุกคนปะกรอง” ธารธรรมหันไปเหวเพื่อนสาว
“แต่จากสายตากู กูว่ามันมากกว่าทุกที”
“กูเห็นด้วยกับไอ้กรอง”
“ไม่รู้ดิ แต่คิดว่าถ้าคราวนี้ผิดหวังอีกก็คงเจ็บหนักกว่าที่ผ่านมา”
“พวกกูอยู่ตรงนี้นะเว้ย” ชาติชายว่า
“อื้อ”
หวังว่าศิลาจะไม่แตะกันออกจากหลุม แค่คิดก็เจ็บจนไปไม่เป็นแล้ว...
เป็นเช้าที่ไม่สดใสเอาเสียเลย...
เมื่อวานพากันไปเล่นน้ำเสียสนุกสนาน ตอนเย็นยังไปกินชาบู ต่อด้วยคาราโอแกะจนดึก ลืมไปเลยว่ามีเรียนเช้า แถมบ่ายยังมีควิซ หนังสือสักตัวยังไม่ได้อ่าน ความรู้แทบจะเป็นศูนย์
ไปขอกำลังใจจากลูกชายดีกว่า...
พบรักจะเยียวยาทุกอย่าง...
ว่าแต่เจ้าลูกชายเขาไปไหนนะ?
เดินหาไปมาก็เจอว่าพบรักยังคงนอนขดบนเตียง แปลกจริง...ปกติเจ้าก้อนส้มจะตื่นก่อนเขา แถมยังวิ่งวุ่นให้เปิดประตูห้องนอน ไปกินข้าว ไปวิ่งเล่นแล้ว ทำไมวันนี้ยังคงอยู่ที่เดิม
“พบรัก~” มือขาวลูบขนนุ่ม แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใด มีเพียงดวงตาเล็กมองกลับมาเท่านั้น
“กินหนมไหมป๊ะป๋าเอาให้” แกว่งของชอบต่อหน้าก็แล้ว หยิบไม้ตกแมวมาล่อก็แล้ว พบรักยังคงเอาแต่มอง ใจคนเป็นป๊ะป๋าเริ่มไม่ดี จะขาดเรียนวันนี้ก็ไม่ได้เสียด้วย ที่พึ่งสุดท้ายจึงหนีไม่พ้นเจ้าของหลุม
“ขอโทษนะศิ วันหยุดแท้ ๆ” ธารธรรมเอ่ยอย่างรู้สึกผิด ขณะเปิดประตูให้อีกคนเข้ามา
“ไม่เป็นไร” มือแกร่งลูบกลุ่มผมนิ่ม ปลอบคนตัวขาวที่ทำหน้าหงอย ธารธรรมน่ะเหมาะกับรอยยิ้มสดใสมากกว่า “แล้วพบรักอาการเป็นยังไง?”
“ลูกไม่เล่นด้วย เอาแต่นอนซึมอ่ะ”
ศิลาทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียง มือแกร่งลูบขนลื่น ซึมจริงอย่างที่คนตัวขาวว่า ปกติเจ้าลูกชายจะอ้อนเขาทันทีที่เจอหน้าด้วยซ้ำ
“มึงไปเรียนเถอะ เดี๋ยวถ้ายังไม่ดีขึ้นกูจะพาลูกไปหาหมอเอง”
“อยากไปด้วย แต่วิชานี้ขาดไม่ได้ แถมตอนบ่ายยังมีควิซอีก”
“อย่างอแงน่า”
“งั้นศิเอากุญแจห้องเราไว้ก่อนนะ เผื่อได้พาลูกไปหาหมอ” มือขาวส่งกุญแจสำรองให้
“โอเค”
“ขอบคุณนะศิ”
“ลูกมึงคนเดียวที่ไหน” ศิลาหยิกแก้มนิ่มอย่างมันเขี้ยว
“โอ๊ยย~”
“ไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวสาย”
“อื้ออ”
“ให้ไปส่งไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ ปั่นจักรยานไปเอา ตอนนี้หน้าม.รถติดสุด ๆ”
“ปั่นระวัง ๆ ล่ะ”
“ครับ”
จุ๊บ
“ธารธรรม” ศิลาเอ่ยเสียงดุเมื่อถูกริมฝีปากนุ่มขโมยจุ๊บ
“ก็กำลังใจก่อนไปเรียนอ่ะ” ว่าพร้อมกับวิ่งตัวปลิวออกไป ทิ้งคนตัวสูงยิ้มตามจนลับสายตา
สรุปแล้วคุณพ่อก็ต้องพาลูกชายไปหาหมอจริง ๆ ศิลาส่งข้อความมาบอกตอนเกือบ 10 โมง แต่กว่าจะได้อ่านก็จบคลาสพอดี อ.สอนแบบไม่ให้นักศึกษาได้หายใจหายคอกันเลยทีเดียว
“แล้วหมอว่าไงบ้าง” ชาติชายถาม
“หมอบอกว่าเป็นหวัด” ธารธรรมตอบพร้อมเก็บของลงกระเป๋า เตรียมเดินออกจากห้องเรียน
“ต้องแอดมิทปะ?”
“เห็นว่าไม่นะ แค่ให้ยามากิน”
“แล้วมึงจะกลับไปดูน้องมะ?” กรองทองเก็บของพลางถาม
“ศิบอกให้รอสอบเลย ไม่ต้องกลับ”
“เชื่อฟังสุด ๆ”
“กูเด็กดีอยู่แล้ว” ชายหนุ่มตอบกวน กรองทองล่ะอยากฟาดหน้ามันสักที
“โห! อย่างร้อน” ชาติชายถึงกับสบถเมื่อโดนไอร้อนปะทะหน้าเมื่อออกจากห้องเรียน
“เออ ร้อนจริง” กรองทองที่เดินตามออกมากเห็นด้วย
“แล้วห้องเปิดแอร์อย่างหนาว” ธารธรรมบ่นอุบ ปกติจะพกเสื้อแขนยาวไว้เสมอ แต่เมื่อเช้ารีบไปหน่อยจึงลืมหยิบมา
“ไปกินข้าวไหนกัน?” เปลี่ยนเรื่องเร็วไปมาจนจับใจความไม่ได้ ต้องยกให้หญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม
“ตึกรวมเลยปะ กินเสร็จก็ขึ้นห้องไปรอสอบเลย” ชาติชายเสนอ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“มึงไปกับกูเปล่า?” กรองทองหันไปถามธารธรรม
“กูปั่นจักรยานไปดีกว่า สอบเสร็จก็แยกกันเลย กูอยากกลับไปดูลูก”
สามเพื่อนซี้แยกกันไปตามยานพาหนะของตน แต่กว่าธารธรรมจะสอบเสร็จก็แทบออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย ชาติชาย กับกรองทองสอบเสร็จและกลับไปก่อนแล้วด้วยซ้ำ เขารีบวิ่งลงจากตึก ใจลอยไปที่คอนโดฯก่อนตัวเสียอีก
แต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจเท่าไหร่ เพราะจากท้องฟ้าที่สดใส สาดไอแดดแผดเผามาทั้งวันกลับครึ้มด้วยเมฆ และสุดท้ายฝนก็โปรยลงมาต่อหน้าต่อตา
อะไรกันครับคุณน้า!
“อ้าวธาร” เสียงหวานทักขึ้น
“หวัดดีนิ้ง”
เจ้าของหลุมก่อนหน้าศิลา...
“มีเรียนตึกนี้เหรอ?”
“อื้อ” ธารธรรมตอบแล้วละสายตามามองฝนตรงหน้า ฝนแค่นี้คงพอฝ่าไปได้แหละ
“ธะ...”
“เราไปก่อนนะ” ขายาวก้าวออกจากตึก
นิ้งมองตามธารธรรมที่วิ่งไปควบจักรยานคู่ใจ จักรยานคันนั้นที่เธอเคยซ้อนอยู่บ้าง แล้วคนตัวขาวก็ปั่นมันฝ่าฝนออกไป
เธอตัดสินใจถูกแล้ว...
แววตาวูบไหวหลับลงก่อนลืมขึ้น ความรู้สึกหลากหลายหายไป ละสายตาจากแผ่นหลังนั้นแล้วหันตัวเดินไปขึ้นรถแฟนหนุ่มที่มาจอดรับตน
ก็คิดว่าฝนตกแค่นิดหน่อยฝ่าไปก็คงได้...
ได้ก็บ้าแล้ว!
จากตกปรอย ๆ ก็กลับเทลงมาเหมือนโกรธกัน ปั่นออกมาได้ครึ่งทางจะกลับตัวก็ไม่ได้ คงได้แต่ฝ่าไปให้ถึงเท่านั้น ส่วนสภาพเมื่อถึงคอนโดฯก็คงไม่ต้องสืบ
เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ...
เขารีบจอดจักรยานแล้วรีบวิ่งฝ่าฝนอีกรอบไปยังทางเข้าคอนโดฯ มือเปียกกดเรียกลิฟต์ กายขาวสั่นเมื่อลมพัดโดนตัว
“ธารธรรม?” เสียงดุมาพร้อมกับประตูลิฟต์ที่เปิดออก
“อ้าวศิ จะออกไปไหนเหรอ?” ธารธรรมยิ้มถามคนที่ทำหน้ายุ่ง มือหนึ่งถือร่ม ส่วนอีกข้างมีโทรศัพท์มือถือเหมือนกำลังจะกดอะไรสักอย่าง
ศิลามองคนที่เปียกม่อล่อกม่อแล่กตรงหน้า อยู่ ๆ ฝนก็เทลงมา เขาไม่สบายใจเลย เป็นห่วงว่าคนตัวขาวจะเปียกฝน จึงรีบคว้าร่ม รีบโทรหาอีกคนว่าจะไปรับ แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะคนที่เขาห่วงดันตากฝนมาเอง
น่าตีจริง!
“ทำไมไม่รอให้ฝนซาก่อน?”
“อย่าพึ่งดุกันเลยนะ เราหนาว”
แค่ทำเสียงอ้อนหน่อยศิลาก็ใจอ่อนจูงมือขาวเข้าลิฟต์ทันที เมื่อถึงห้องก็ไล่คนตัวเปียกไปอาบน้ำ สระผม มีงอแงนิดหน่อยเพราะอยากไปหาลูกชายก่อน แต่เป็นแค่ธารธรรมจะสู้ศิลาได้อย่างไร สุดท้ายก็ต้องทำตามที่อีกคนบอก ส่วนคนตัวสูงก็หาผ้ามาเช็ดน้ำบนพื้นที่หยดตามพื้น
“ศิลา~” ยังไม่ทันได้เก็บผ้าก็มีเสียงเรียกออกมาจากห้องน้ำ
“หืม?”
“ลืมหยิบผ้าขนหนูอ่ะ”
ศิลาหยิบผ้าจากราวแขวนแล้วเดินเอาไปให้ มือแกร่งชะงักเมื่อเห็นสภาพของธารธรรม เสื้อนักศึกษาที่เปียกแนบลู่ไปกับกายขาว กระดุมถูกปลดลงทุกเม็ดเผยผิวเนื้อที่เคยเพียงลูบมันผ่านเนื้อผ้า กางถูกปลดกระดุมและรูดซิปลงสุดจนเห็นชั้นในยี่ห้อดัง
“อ่อยอยู่น้าาาา~” มือขาวไต่เล่นตามแขนแกร่ง
“ธารธรรม”
“ไม่หวั่นไหวหน่อยเหรอ?”
เพี๊ยะ!
“ตีเหม่งอีกแล้ว!”
“รีบอาบน้ำ” พูดแค่นั้นก็หันหลังเดินออกมา
ใจร่ม ๆ หน่อยศิลา เก็บอาการไว้
ถึงแม้ภาพเมื่อกี้จะเรียกเลือดแค่ไหนก็ต้องทน!
“ธารเอาผ้าลงถังเลยนะ” ปากตะโกนบอกเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำ ส่วนมือก็ยังคนข้าวในหม้ออยู่
“ครับพ่อ!” เสียงใสตอบกลับ “ทำอะไรอ่ะ? หอมจัง”
“ข้าวต้มปลา” หันมาตอบคนถาม แต่สภาพที่เห็นก็อดดุไม่ได้ “ทำไมไม่แต่งตัวก่อน”
“ออกมาดูพบรัก เราเป็นห่วงลูก” ธารธรรมในสภาที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกายแค่ผืนเดียว ยืนลูบหัวเล็กของเจ้าแมวส้มที่นอนขดบนคอนโดฯแมว
“ลูกไปหาหมอแล้ว กินยาแล้ว แต่มึงพึ่งเปียกฝนมา เอาตัวเองให้รอดก่อนธาร”
“ถามจริง ๆ เลยนะศิ” คนตัวขาวผละจากแมวน้อยเดินมาเท้าแขนลงบนโต๊ะกินข้าว มองศิลาที่ง่วนอยู่กับหม้อข้าวต้ม
“อะไร?” ขนาดตอบยังไม่หันมามองกัน
“เราอ่อยขนาดนี้ จะไม่สนใจกันเลยเหรอ?”
ศิลาถึงกับถอนใจ มือหนาปิดแก๊สก่อนหันมามองอีกคน กายขาวที่พยายามไม่มองเด่นชัดในสายตา คนเขาอุตส่าห์อดทนมาขนาดนี้แท้ ๆ
ร่างสูงเดินมาชิดธารธรรม หมุนตัวอีกคนหันมา เอวขาวถูกดันจนสะโพกเกยขอบโต๊ะ ไม่มีคำพูดใดนอกจากริมฝีปากร้อนที่ทาบทับลงมา ศิลาแทรกเรียวลิ้นกวาดต้อนความหวานด้านในอย่างโหยหา
ธารธรรมตอบรับความร้อนแรงอย่างเต็มใจ มือขาวคล้องคอแกร่งเกี่ยงลงมาให้สัมผัสแนบชิดกันยิ่งกว่าเดิม ที่เอวถูกมือหนาลูบไล้จนขนลุกไปทั้งร่าง
เสียงบดจูบดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ในทั้งชุ่มชื่นและเหนอะหนะ ผละกันแล้วเข้าหากันใหม่อยู่อย่างนั้น กลืนกินซึ่งกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ธารธรรมถูกยกขึ้นจนตัวลอย ขาขาวเกี่ยวเอวหนาโดยมีมือของศิลาประคองที่สะโพก เชื่อใจว่าอีกคนจะไม่ทำตัวเองหล่น จุดหมายคือเตียงกว้างที่ใช้นอนทุกวัน
“ศิลา” เสียงผะแผ่วหลุดเรียกเมื่อแผ่นหลังแตะโดนความนุ่มของฟูก
ไม่การตอบรับจากคนด้านบน มีเพียงสายตาร้อนแรงราวกับจะกลืนกิน บริเวรเอวถูกมือหนาลูบไล้แผ่วเบา และ...
“โอ๊ย! ศิหยิกเราทำไม!?”
“แต่งตัวให้เรียบร้อย” ศิลาผละตัวออกมาก่อนบอกเสียงดุ แล้วหมุนตัวเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวก็ตีเหม่ง เดี๋ยวก็หยิกเอว ทำร้ายร่างกายกันเก่งที่สุดเลย!” เสียงบริภาษดังไล่หลัง หมดกันอารมณ์ที่พลุ่งพล่านราวกับน้ำเดือด
“พูดมาก” ปากว่าอย่างนั้น แต่มือแกร่งกลับยกทาบหน้าอกลูบเบา ๆ
เกือบไปแล้วศิลา ไม่เก็บอาการอีกแล้ว!
“ศิค้าบบ” ใจยังไม่สงบลงเท่าไหร่เจ้าตัวป่วนก็เรียกกันอีกแล้ว
“ว่า?”
“ขออ้อนหน่อยได้ไหม?”
“เอาอะไร”
“เป่าผม” ธารธรรมที่โผล่ออกมาเพียงครึ่งตัวชูไดรฟ์เป่าผมในมือ
ศิลาส่ายหน้าอ่อนใจ เดินกลับไปในห้องนอน ดีที่รอบนี้ยอมแต่งตัวให้เรียบร้อย ธารธรรมนั่งลงบนพื้น เขาจึงต้องเดินไปนั่งบนเตียงโดยมีอีกคนนั่งตรงระหว่างขา
มือหนาสัมผัสผมนิ่มที่ยังคงชื้นอยู่ ค่อย ๆ เป่าผมให้อย่างเบามือ บรรยากาศรอบกายสงบ มีเพียงเสียงไดรฟ์เป่าผมที่ทำงานอยู่เท่านั้น
“เสร็จแล้ว” เพราะกว่าจะได้เป่า ผมนิ่มก็หมาดไปเยอะแล้วจึงใช้เวลาไม่นาน
“ขอบคุณครับ” ธารธรรมเงยหน้าขอบคุณคนใจดี
จุ๊บ!
ศิลาอดไม่ได้จึงก้มจุ๊บปากนุ่มเบา ๆ
“ไปกินข้าวกัน”
“อื้อ ข้าวต้มปลา ข้าวต้มปลา” ธารธรรมเดินนำออกจากห้องก่อน
“นั่งเลย เดี๋ยวกูตักให้”
“โอเค” ทิ้งตัวนั่งอย่างว่าง่าย “ดูแลดีแบบนี้ เป็นแฟนกันไหม?”
“เพ้ออยู่เหรอ?” ศิลาชะงักมือที่กำลังตักข้าวต้ม
“ไม่เคลิ้มเลยสักนิด”
“ยากหน่อยนะธารธรรม” ว่าพลางวางชามลงตรงหน้าคนตัวขาว
“ว้าว! น่ากินมาก”
“เว่อร์ตลอด”
“อร่อยจัง” ชมหลังจากแอบชิมก่อน
“อร่อยก็ต้องกินให้หมดเข้าใจไหม?”
“รับทราบ”
ศิลายิ้มเมื่อเห็นอีกคนทำท่าต๊ะเบ๊ะ มันเขี้ยวจนอยากจะหยิกสักทีเหลือเกิน กายสูงสอดกายนั่งลงตรงข้าว ตักกินข้าวต้มเป็นเพื่อนธารธรรม
“ว่าแต่ ลูกได้ยามาเยอะไหม?”
“มีลดน้ำมูกกับเสริมภูมิ กินเช้า-เย็น ประมาณอาทิตย์นึง”
“อ้ออ”
“มึงป้อนยาแมวเป็นใช่ไหมธาร”
“...” เป็นคำถามที่ไร้คำตอบ มีเพียงธารธรรมที่เงยหน้าขึ้นจากชามข้ามแล้วมองกันตาปริบ ๆ
“เดี๋ยวกูมาป้อนเอง” กลัวจะเจ็บตัวเหมือนคราวพยายามอาบน้ำแมวอีก
“แหะ ๆ ขอบคุณครับ”
“อือ”
“อย่างนั้นศิเก็บกุญแจสำรองไว้ก่อนก็ได้ จะมาตอนไหนก็ได้เลยนะ”
หลังจากกินข้าวเสร็จธารธรรมก็จะลุกไปล้างชามเหมือนทุกที แต่ก็โดนห้ามไว้ แถมยังไล่ให้ไปพักอีก เขาจึงอุ้มพบรักมานั่งตัก พลางเปิดหนังดู แต่สายตากับไม่โฟกัสบนจอเลยสักนิด เพราะศิลาที่กำลังล้างจานหน้ามองกว่าเป็นไหน ๆ ชีวิตที่มีคนตรงหน้ามันดีจนเขากลัวว่าสักวันจะต้องเจ็บอีก
ถึงแม้จะดูเหมือนว่าธารธรรมตกหลุมรักคนง่ายก็จริง แต่ที่หลายคนไม่รู้คือเขาจริงใจและจริงจังกับเจ้าของหลุมเสมอ ไม่มีทางที่จะปีนออกจากหลุมด้วยตัวเองนอกเสียจากจะโดนเตะออกมา
และแน่ว่าธารธรรมโดนเตะออกจากหลุมทุกครั้งไป...
ถ้าศิลาเตะออกจากหลุมเหมือนทุกคนที่ผ่านมา เขาจะทนได้ไหมนะ?
แค่คิดก็เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก...
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“หือ?”
“สีหน้ามึงไม่ดีเลย ปวดหัวหรือเปล่า” มือแกร่งทาบลงหน้าผากมนวัดอุณหภูมิ “ตัวไม่ร้อนนะ”
“เราไม่ได้เป็นอะไร แค่คิดนู่น คิดนี่เพลินไปหน่อย”
“ไม่สบายตรงไหนให้รีบบอกนะ”
“อืม” ธารธรรมรับคำ “ศิจะกลับเลยเหรอ?”
“มึงว่าไงอะ”
“อย่าพึ่งกลับได้ไหม? อยู่ด้วยกันก่อน” ถามพลางจับมือหนาเขย่าเบา ๆ ช้อนตามองใบหน้าคม
“อ้อน?”
“แล้วอ้อนได้ไหม?”
“กูตามใจมึงอยู่แล้ว”
เพราะโดนอีกคนอ้อน ศิลาจึงทิ้งกายลงนั่งดูหนังเป็นเพื่อน แขนแกร่งพาดพนักหลังพิงหลังไว้ ตอนนี้จึงเหมือนว่ากำลังโอบธารธรรมที่ทิ้งตัวพิงเขา หัวทุยซบลงบนอกแกร่ง บนตักของคนตัวขาวมีแมวส้มขดตัวนอนอย่างสงบ ถ้าเป็นธารธรรมคงเรียกภาพนี้ว่า ‘ครอบครัวสุขสันต์’
ดูหนังยังไม่จบศิลาก็สัมผัสได้ว่าอีกคนหลับไปแล้ว ดูท่าจะหลับสบายจนไม่อยากปลุก แต่จะให้นอนสภาพนี้ก็คงไม่ได้ จึงต้องตัดใจทำลายห้วงนิทราของเจ้าของห้อง
“ธารธรรม” เขย่าปลุกเบา ๆ “ธาร”
“อื้ออ ศิลา~”
“ตื่นก่อน ไปนอนในห้องดี ๆ”
“อื้ออ”
“ป่ะ” ศิลาก้มอุ้มลูกชายไว้ด้วยแขนข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ยื่นให้คนงง่วง แล้วจับจูงไปยังห้องนอน
ธารธรรมล้มตัวลงบนเตียง มองคนตัวสูงที่วางพบรักลงที่ปลายเตียงอันเป็นที่นอนประจำแล้วจึงวกมาห่มผ้าให้กัน
“ดูแลดีทั้งคนทั้งแมวอย่างนี้เราขอยกตำแหน่ง’คุณพ่อดีเด่น’ให้เลย”
“นอนไป อย่าพูดมาก”
“ครับ”
“ฝันดีนะ”
“ตรงนี้ ๆ” ว่าพลางจิ้มนิ้วลงบนหน้าผากตัว “ต้องจุ๊บเหม่งฝันดีด้วย”
จุ๊บ
“พอใจยัง?”
“ได้แล้ว เราได้จุ๊บเหม่งฝีนดีจากศิลาแล้ว...” ปลายเสียงขาดหายไปพร้อมกับสติที่รางเลือน
ถ้าเป็นเกมคงมีแอดชีพเม้นเด้งแจ้งเตือน
จุ๊บเหม่งฝันดีจากศิลา(หลังจากคราวก่อนได้ฝ่ามือฟาดเหม่ง)-