รวมเรื่องราวความหลอนสุดพิลึก ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่า… ยามค่ำคืนกับเวลากลางวัน ช่างเป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พารานอมอล,ลึกลับ,ระทึกขวัญ,เรื่องสั้น,พล็อตสร้างกระแส,สยองขวัญ,แปล,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
นอนไม่หลับรวมเรื่องราวความหลอนสุดพิลึก ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่า… ยามค่ำคืนกับเวลากลางวัน ช่างเป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
รวมเรื่องราวความหลอนสุดพิลึก ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่า… ยามค่ำคืนกับเวลากลางวัน ช่างเป็นโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
"นอนไม่หลับ" คือหนังสือรวมเรื่องสั้นหลอนสั่นประสาท ที่ท้าทายให้คุณลองอ่าน…
เรื่องราวของความเงียบงันที่ไม่น่าไว้วางใจ ความกลัวที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด และเสียงเรียกจากบางสิ่งที่คุณไม่ควรตอบรับ คำเตือน—เรื่องราวเหล่านี้จะค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่ความคิดของคุณ และเมื่อถึงเวลาที่คุณล้มตัวลงนอน…
คุณแน่ใจหรือว่า จะหลับลงได้จริงๆ?
รวมเรื่องเขย่าขวัญที่ถูกแปลเป็นไทย เพื่อแบ่งปันความสยองให้ทุกคนได้อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน
📌 หมายเหตุ: ทุกเรื่องเล่าได้รับอนุญาตจากเจ้าของเรื่องก่อนนำมาแปลเรียบร้อยแล้ว
หากถูกใจ ฝากติดตาม กดคอมเมนต์ และส่งกำลังใจด้วยโดเนทได้นะคะ 😎
ทั้งนี้ สำนวนการแปลถือเป็นลิขสิทธิ์ของผู้แปล เพื่อความบันเทิงของผู้อ่านเท่านั้น ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือนำไปอ่านเผยแพร่ในเว็บใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่อนุญาตให้นำไปเล่าเรื่องด้วยเสียงผ่าน YouTube และ/หรือเว็บอื่นใดทั้งสิ้น ถ้าต้องการแบ่งปัน ให้ใช้วิธีแชร์ลิงก์เท่านั้นนะคะ **หากมีใครพบเห็นการกระทำดังกล่าวที่ไหน โปรดแจ้งกับผู้แปลโดยตรงนะคะ**
สวัสดีครับ ผมชื่อ คิม แทมิน
ชีวิตนักเรียนม.ปลายในเกาหลีเป็นอะไรที่เหนื่อยมากจริงๆ นั่นก็เพราะว่าถึงแม้โรงเรียนจะเลิกแล้ว ผมก็ยังต้องอยู่ติวหนังสือด้วยตัวเองต่อในตอนกลางคืนด้วย ผมเองไม่ได้อยากอยู่ติวหนังสือตอนกลางคืนเลย แต่พ่อกับแม่บังคับ
แน่นอนว่า มันดูเหมือนจะช่วยให้เกรดผมดีขึ้น แต่ผมก็ยังไม่เคยชินกับมันสักทีแม้ว่าตอนนี้จะอยู่เกรดสองแล้วก็ตาม แน่ละว่าพ่อกับแม่ผมอยากให้ผมได้ดี แต่ผมเองต้องเรียนหนักเอาการ ใครล่ะจะอยากอยู่นอกบ้านจนดึกดื่นแบบนั้น
ตอนนี้เหลือเวลาอีกสองเดือนกว่าจะปิดเทอมฤดูหนาว ผมเองกำลังตั้งใจเรียนอย่างหนักเพื่อฤดูสอบปลายภาคที่กำลังจะมาถึง
หลังมื้อเย็น ในห้องเรียนมีผมกับเพื่อนร่วมชั้นอีกประมาณ 15 คน ผมเองกำลังทบทวนบทเรียนอยู่ตามปกติ แต่พวกเพื่อนๆ ของผมนี่สิ ไม่ได้ตั้งใจเรียนเอาเสียเลย คิม ยองมิน และ ซัง จุนอิลที่นั่งอยู้ข้างหลังผมกำลังโม้กันเมามัน พวกมันไม่ได้พยายามจะแสร้งทำเป็นขยันด้วยซ้ำ คัง จีฮุน ที่นั่งอยู่โต๊ะด้านซ้ายมือผมก็ฟุบหลับกรนเสียงดัง ส่วนชิน มินโฮทางด้านขวาก็แอบใช้มือถือตอนครูไม่ทันมอง และตอนฮาน มินซู เปิดหนังสือเรียนก็ฮัมเพลงไปด้วยเสียงดังลั่น สำหรับผมแล้ว หมอนั่นน่ารำคาญที่สุด
แบบนี้ไงล่ะ ที่ทำให้ผมไม่อยากอยู่ติวหนังสือสักเท่าไหร่เลย
และแล้วอยู่ๆ ผมก็อยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา พอขอครูได้แล้ว ผมก็เดินออกมาจากห้องผ่านทางเดินมืดๆ ผมเดินผ่านห้องเรียนอีกสองสามห้องที่ยังเปิดไฟสว่างและมีนักเรียนคนอื่นๆ ที่ก็กำลังทบทวนบทเรียนอยู่เหมือนกับพวกผม ผมนึกใจเล่นๆ ว่าถ้าไฟในห้องเรียนเหล่านี้ดับ โถงทางเดินคงจะมืดและน่ากลัวน่าดู
พอมาถึงห้องน้ำผมก็เลือกห้องน้ำเพื่อทำธุระ ทุกครั้งที่ต้องใช้ห้องน้ำตอนกลางคืนในที่ๆ ไม่ใช่บ้านตัวเองแบบนี้ บรรยากาศรอบตัวมักจะเหมือนฉากในหนังผียังไงไม่รู้ แต่แน่ละ ว่าผมก็ไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้น ยังไงซะผมก็เป็นนักเรียนม.ปลายเกรดสองแล้วนี่นะ
พอทำธุระเสร็จผมก็เดินไปที่ซิงก์เพื่อจะล้างมือ ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงแปลกๆ ผมหยุดล้างมือแล้วเงี่ยหูฟัง แต่ทุกอย่างเงียบสนิท
นี่เราคิดไปเองหรือเปล่านะ มันฟังเหมือนเสียงคนร้องไห้เลย แต่คงไม่ใช่หรอก ผมคิดไปเองมากกว่า ผงผีอะไร ไร้สาระน่า
ผมล้างมือต่อจนเสร็จแล้วออกเดินกลับไปที่ห้องเรียน และตอนนั้นมันได้เวลากลับบ้านพอดี ซึ่งพอเห็นเพื่อนคนอื่นเริ่มเก็บกระเป๋า ผมเองก็รีบเก็บของแล้วกลับบ้านเหมือนกัน
ตอนเดินกลับบ้าน ใจผมยังคิดถึงเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้อยู่ ใจผมก็อยากเชื่อนะ ว่าหูฝาดไปเอง แต่ยิ่งคิดเท่าไหร่มันก็ยิ่งฟังดูเหมือนเสียงคนร้องไห้
ไม่เอาน่า ลองคิดตามหลักความจริงดูสิ บางทีตอนนั้นอาจจะมีนักเรียนอีกคนในห้องน้ำ และเขานั่งร้องไห้อยู่ในนั้นจริงๆ ก็ได้
ไม่กี่นาทีต่อมาผมก็กลับถึงบ้าน เดินเข้าห้องและคิดว่าจะพยายามทำการบ้านต่อให้เสร็จ แต่พอเปิดกระเป๋า.. ตายห่า เวรกรรม! ดันลืมสมุดการบ้านไว้ที่ห้องเรียน!
เอาไงดี ที่จริงผมรอไปเอาสมุดการบ้านตอนเช้าเลยก็ได้ แต่มันยังเหลือการบ้านอีกเยอะนี่สิ เอาวะ.. กลับไปเอาสมุดที่โรงเรียนเหอะเรา โชคยังดีที่ระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนไม่ไกลมากนัก
เดินแค่ไม่กี่นาที ผมก็มาถึงโรงเรียนและเดินไปตามโถงทางเดินมืดๆ มุ่งหน้าไปยังห้องเรียน เหมือนที่คิดไว้ไม่ผิด โรงเรียนที่ไร้แสงไฟมันดูเหมือนโรงเรียนร้างน่ากลัวเอาเรื่อง แต่ไหนๆ ผมก็มาถึงที่นี่แล้วนี่นะ
พอเข้าใกล้ห้องเรียน อยู่ๆ ผมก็ขนลุกขึ้นมา ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย และผมก็ไม่ได้เห็นอะไรที่น่ากลัวด้วย เพื่อความปลอดภัย ทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้องเรียน ผมล็อคประตูแล้วมองหาที่นั่งตัวเอง
นั่นไง... ว่าแล้ว สมุดการบ้านผมอยู่บนโต๊ะอย่างที่ผมคิดจริงๆ ด้วย
ผมเดินไปหยิบสมุดการบ้านและกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่แล้วก็ต้องหยุดกึกอยู่กับที่เมื่อหางตาหันไปทางหน้าต่างห้องเรียน
มีเด็กผู้หญิงหน้าซีดยืนอยู่ที่ทางเดินจ้องมองมาที่ผมผ่านหน้าต่างนั่น!
ผมคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง โชคยังดีที่ประตูและหน้าต่างทุกบานล็อคอยู่ ผมพยายามสงบสติอารมณ์ สายตายังคงมองไปที่เด็กนักเรียนคนนั้น และแล้วอยู่ๆ เธอก็เริ่มกระพริบตารัวๆ พร้อมสายเลือดไหลเป็นทางออกมาจากสองตานั้น!
ผมหายใจขัดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ขนลุกซู่ สมองส่วนที่ยังทำงานสั่งให้ขาก้าวถอยหลังช้าๆ แต่ดูเหมือนเธอไม่สนใจว่าผมพยายามจะทำอะไร เธอเริ่มใช้ปลายนิ้วมือเคาะที่หน้าต่างเบาๆ อย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ขาสองข้างของผมอ่อนแรงขึ้นมาเฉยๆ เล่นเอาผมล้มแผละลงกับพื้น มาถึงจุดนี้ผมหมดสภาพ ไร้เรี่ยวแรงจะลุกยืนแล้วจริงๆ ใจหวังแต่ว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วย
แต่ไม่มีวี่แววของใครคนอื่นเลย--
และแล้วเธอก็เริ่มเปิดปากพูดอย่างช้าๆ
“ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของฉัน... ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของฉัน... ไม่มีใครเข้าใจความเจ็บปวดของฉัน...
เธอพูดแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า สายตาจับจ้องมาที่ผม น้ำเสียงของเธอเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงเคาะกระจกที่ดังและรัวเร็วมากขึ้นทุกทีๆ
ภาพที่เห็นน่ากลัวมากจริงๆ จนผมเริ่มรู้สึกหน้ามืด รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว แต่หลังจากนั้นไม่นาน ผมได้ยินเสียงสะท้อนของคนหลายคนเรียกชื่อผม
“แทมิน! แทมิน!”
พอรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้งก็เช้าแล้ว นักเรียน ครู และพ่อแม่ของผมต่างพยายามปลุกผม ดูเหมือนว่าผมจะหมดสติไปตั้งแต่เมื่อคืน พอได้สติ ครูและคนอื่นๆ รอบข้างต่างถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้ว่าถ้าเล่าไปตามจริงจะมีใครเชื่อผมมั้แต่เพราะผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง ก็เลยเล่าไปตามจริง พอเล่าจบ ผมทำใจตั้งรับความเป็นไปได้ว่าครูจะบอกให้ผมหยุดโกหก หรือไม่ก็ขู่ให้พูดความจริง แต่ครูกลับมีทีท่าแปลกๆ ดูเหมือนจะนึกถึงสิ่งที่ไม่อยากนึกถึงขึ้นมาได้
“ครูครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถาม
ครูดูเหม่อลอยไปพักใหญ่เหมือนตกอยู่ในภวังค์อะไรสักอย่าง
"เอ่อ... โทษที มันทำให้ครูนึกถึงเรื่องน่ากลัวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนน่ะ”
“เรื่องน่ากลัวอะไรครับครู” ผมถามใจเริ่มสั่น
ครูครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะขอให้ทุกคนที่อยู่ในห้องออกไปก่อน เพื่อที่ครูจะได้คุยกับผมลำพัง ครูบอกผมว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ครูเองก็ได้ยินมาจากพ่อของครูที่ก็เป็นครูของโรงเรียนนี้อีกทีหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
ในตอนนั้น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ ลี มินจี ซึ่งถูกเพื่อนร่วมชั้นรุมรังแก วันหนึ่ง ศพของเธอถูกพบจมน้ำเสียชีวิตในอ่างล้างหน้าในห้องน้ำในโรงเรียน ในตอนนั้น ทุกคนต่างคิดว่าเธอถูกฆาตกรรม แต่ต่อมา หลังจากเรื่องที่เธอถูกกลั่นแกล้งแดงขึ้นมา ทำให้ทุกคนเชื่อว่าที่จริงแล้วเธอฆ่าตัวตาย
บางที วิญญาณของเธอยังคงวนเวียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ด้วยความโกรธแค้น ไม่พอใจที่โรงเรียนไม่อาจดูแลปกป้องเธอได้
ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลิกอยู่ติวหนังสือหลังเลิกเรียน และไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องน่ากลัวที่ผมได้ประสบมา แต่อย่างที่บอก ระยะทางระหว่างบ้านผมกับโรงเรียนไม่ไกลกัน..
ถ้ามองออกไปนอกหน้าต่างบ้านผม คุณจะมองเห็นหน้าต่างของโรงเรียนที่มองผ่านเข้าไปเห็นโถงทางเดินอันมืดมิดได้ชัดเจน
และถ้าตั้งใจมองให้ดี..
คุณอาจได้เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินวนเวียนไปมาที่โถงทางเดินนั้น
*จบ*
---------------------------
Special thanks to DanielTheStudent,