(NC 18+) นิยายที่จะกระชากอารมณ์ และดึงคุณเข้าไปสู่ยุุคที่ "ดิสโก้เธค" กำลังเฟื่องฟู ระคนไปด้วยกลิ่นอายแห่งยุค 90 ที่หลายต่อหลายคนต่างก็ถวิลหา เขาและเธอต่างก็ได้พบเจอกันที่ "เดอะพาเลซ" ดิสโก้เธคอันหนึ่งของไทย!
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ครอบครัว,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,nc,18+,ยุค 90,Y2K,รักดุเดือด,รักเก่า,นางเอกเก่ง,พระเอกเก่ง,ท้อง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยอดหญิงสิงห์พาเลซ (Queen Bee of The Palace) | NC 18+(NC 18+) นิยายที่จะกระชากอารมณ์ และดึงคุณเข้าไปสู่ยุุคที่ "ดิสโก้เธค" กำลังเฟื่องฟู ระคนไปด้วยกลิ่นอายแห่งยุค 90 ที่หลายต่อหลายคนต่างก็ถวิลหา เขาและเธอต่างก็ได้พบเจอกันที่ "เดอะพาเลซ" ดิสโก้เธคอันหนึ่งของไทย!
"ยอดหญิงสิง(ห์)พาเลซ"
(Queen Bee of The Palace)
[ NC 18+ แซ่บมาก! ]
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ของการรับรู้ตัวตน รับรู้ถึงคุณค่าในตัวเอง เมื่อท่านนักอ่าน ได้อ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะพบความหมายที่มันซ่อนอยู่
*** พึ่งทราบว่านิยายเรื่องนี้มีฉากบรรยายรักที่เร่าร้อน (มาก ๆ) ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ชื่นชอบในแนวนี้ ***
ดังนั้นท่านควรอ่านตัวอย่างก่อน ผู้เขียนย่อมเปิดฉากบรรยายรักให้ลองอ่านดูด้วย
นิยายเรื่องนี้จะเล่าออกเป็น 3 ช่วงเวลา แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละคร และนิยายเรื่องใดก็ตามที่ไม่มีการพัฒนาการของตัวละครเลย บทมันจะทำวนเวียนอยู่เช่นนั้น เนื้อเรื่องไม่ไปไหน
ดังนั้นท่านสามารถคาดหวังเนื้อหาและฉากเร้าใจได้จากนิยายเล่มนี้ โดยมีการเล่าไปถึงการเมืองการปกครอง ชีวิตของผู้คนในยุค 90
โดยผู้เขียนได้แบ่งออกเป็น “สามช่วงเวลา” ด้วยกันดังนี้
(1.) ช่วงเวลาในอดีต สมัยมหาลัยที่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวของทั้งคู่ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งสมัยเยาว์วัยของทุกตัวละครหลัก ซึ่งมีที่มาที่ไป
(2.) ช่วงเวลาแห่งการพัฒนา ซึ่งเป็นการเติบโตของตัวละครหลัก…แต่ละคนย่อมต้องมีอาชีพในสายงานของตน
(3.) ช่วงเวลาปัจจุบัน ที่ทุกเส้นเรื่องต่างก็เวียนมาบรรจบกัน ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ และเป็นบทสรุปของเรื่อง
การันตีความสนุก...ครบทุกรสชาติ
โดย รสเลิศ
ปล. เรื่องนี้เป็น 'นิยายภาคแยก' ของเรื่อง "เสือเจ้าพระยา" ซึ่งมีโครงเรื่องและเนื้อหาเกี่ยวข้องกันนิดหน่อย
"เสือเจ้าพระยา อ่านฟรีภาค 150 ตอน!"
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้มีฉากบรรยายรักที่เร่าร้อน (NC)
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น! ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคล วิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 10 บอกรักผ่านใครก็ไม่รู้!?
ที่พาทีไม่ได้ไปตามวุ่นวายตอแยกับสมร ก็เพราะช่วงนี้เขามีเรื่องต้องทำ “กว่าจะหาคู่ขาที่ถึงอกถึงใจขนาดนี้ได้มันไม่ใช่เรื่อยง่าย ๆ” เขางัดวิธีสารพัดทำให้แฟนหนุ่มของเฟืองลดาผิดใจกัน…ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะย้ายเข้ามาอยู่ในหอเดียวกันกับเขา
จึงทำทั้งคู่ ต่างกลายเป็นเครื่องบำบัดความใคร่ “ให้แก่กันและกัน จนไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอย่างอื่น เช่น ผู้หญิงที่เขาหมายปอง” เพราะตัณหามันได้ครอบงำเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
…
ส่วนทางด้านสมร ที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่หอ เพียงหนึ่งเดือนก่อนเปิดเทอม เป็นช่วงเวลาที่เธอจำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ
และนอกจากเที่ยวกลางคืนแล้ว เธอก็พยายามจะทำความรู้จักกับสถานที่เที่ยว รอบ ๆ มหาลัย หรือกระทั่งหันไปหาสถานที่เที่ยวอื่น ๆ เช่น นาซ่าสเปซซี่โดม แถวรามคำแหง หรือว่าที่เธคอื่น ๆ ซึ่งคนมักชื่นชอบไปเที่ยวกัน ที่ไหนว่าดี ที่ไหนดังเธอไปเที่ยวหมด!
สองสาวจึงกลายเป็นนักท่องราตรีตัวยง มีอิสระในชีวิตอย่างเต็มที่ กับแสงสีในค่ำคืนของเมืองกรุงฯ “ทั้งคู่ไม่เคยรู้สึกว่า จะอิสระเท่านี้มาก่อนในชีวิต” ในขณะนั่งรถไปเที่ยวก็ไม่ลืมที่จะแหกปากโวยวาย ตะโกนกรีดร้อง พร้อมโบกไม้โบกมือไปตามท้องถนนอย่างสนุกสนาน
ช่วงนี้ทั้งคู่ก็ได้ลิ้มลอง “รสชาติของเหล้า…อย่างเต็มคราบเสียที” โดยไม่ต้องกลัวว่าพ่อกับแม่จะมาดุด่า “เดือนที่ผ่านมานี้…ทั้งคู่ต่างก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มเข้ามา” ทั้งเพื่อนใหม่จากต่างสาขา รวมไปถึงรุ่นพี่ และเพื่อนร่วมรุ่นที่คณะ ทำให้ทั้งสองเปิดโลกทัศน์มากขึ้น รู้จักผู้คนมากขึ้น
วันเปิดเทอมที่จวนเจียนจะเข้ามาถึง…ในอีกไม่กี่วัน ก็ทำเอาสองสาว อดตื่นเต้นไม่ได้กลับชีวิตที่แปลกใหม่ เพราะในการเรียนมหาลัย ไม่เหมือนกับตอนเรียนมัธยม…อีกต่อไปแล้ว จำเป็นต้องมีความรับผิดชอบกับตัวเอง ไม่ได้มีครูบาอาจารย์มานั่งจ้ำจี้จ้ำไช
แถมไม่มีติด “ร.” ที่สามารถซ่อมได้เหมือนมัธยม “ถ้าสอบไม่ผ่านก็ติด ‘F’ และจะต้องลงเรียนใหม่เท่านั้น!” ดังนั้นจึงต้องบริหารจัดการชีวิตให้ดี ๆ วันเวลาที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่มัวแต่จะเที่ยวเล่น จนละเลย ที่จะทำความรู้จักกับมหาลัย รวมถึงการเรียนการสอน
ข้อมูลส่วนมากจะได้มาจากปากคำของรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่า ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน คอยมีคนมาบอกมาเล่าถึงกิจกรรมที่ทั้งคู่จะต้องพบเจอในวันรับน้อง “รุ่นพี่ผู้หญิงส่วนใหญ่ ในคณะแทบจะเป็นรุ่นพี่จากโรงเรียนเดิมเกือบ 30% ทีเดียวเชียว”
และแล้ววันเปิดเทอมก็มาถึง…
สมรกับเอื้อย ทั้งคู่ยืนส่องกระจกแต่เช้า หมุนตัวดูความเรียบร้อย ของชุดนักศึกษาพวกเธอแอบทาปากแดง ๆ เล็กน้อย “ด้วยน้ำยาอุทัยทิพย์” เพราะพอรู้กฎระเบียบของการรับน้องมาอยู่บ้าง
ทั้งคู่ไม่มีปัญหาในการรับน้องแม้แต่น้อย เข้ากันได้ดีรุ่นพี่ บอกให้ทำอะไรพวกหล่อนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ส่วนสาวสวยดาวเด่นอย่างสมร… “ย่อมถูกเลือกให้ไปประกวดดาวของสาขา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใดสำหรับสมร เพราะเวลาเธอไปไหนมาไหนก็เป็นที่จับตามองของคนอื่น ๆ อยู่แล้ว”
พอได้รู้ว่าตนเองได้ลงประกวดสาขาก่อน หากชนะจะได้ส่งประกวดเป็นดาวมหาลัย เธอก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย ทว่าก็ไม่ได้กังวลขนาดนั้น เพราะแต่เด็ก “คุณนายสมพร” แม่ของเธอก็จับลงประกวดโน่นนี่นั่นออกจะบ่อย จึงทำให้เธอมีความมั่นใจและภูมิต้านทานที่ดีในระดับหนึ่ง…
ความสวยเด่นเช่นนี้ ย่อมทำให้รุ่นพี่ผู้ชายในสาขา ต่างพากันมารุมจีบเธอกันตรึม “สร้างความอิจฉาและริษยาให้กับสาวร่วมสาขา ๆ ไม่ใช่น้อย” แต่เพราะว่า “โพลไฟล์ของเธอดีก็ไม่ใช่น้อย” จึงไม่มีกล้าใครกลั่นแกล้งอะไร เนื่องจากเป็นถึงลูกนักการเมืองดัง แถมบ้านรวย ทำธุรกิจใหญ่โต
“เรียกได้ว่าใครที่กลายไปเป็นลูกเขยบ้านนี้ ก็เหมือนหนูตกถังข้าวสารก็ไม่ปาน…”
เพียงพริบตาเดียว “ชีวิตในมหาลัยของสมร” ก็เดินทางมาถึงวันประกวดดาวเดือน ซึ่งจากรูปถ่ายที่ติดประชาสัมพันธ์ และการตอบคำถามที่รุ่นพี่ซักซ้อมมาเป็นอย่างดีก็มั่นใจได้เลย ว่าเธอจะต้องได้เป็นดาวมหาลัยแน่ ๆ
…
ในขณะเดียวกันนั้น พาทีก็ติดเฟืองลดาอย่างกับตังเม… ทำตัวติดกันไม่ห่าง เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าชีวิตนี้จะหลงใหลใครได้เท่าผู้หญิงคนนี้มาก่อน เพราะเธอมีพร้อมทุกอย่างตามที่เขาต้องการ ทว่าอนิจจาดูเหมือนสำหรับเฟืองลดาแล้ว “พาทีก็ดูเหมือน…ของเล่นชั่วคราว!”
ตัวเธอพร้อมที่จะทิ้งชายหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ตลอดเวลา คล้ายพร้อมที่จะ “ทิ้งสามล้อและโดดขึ้นรถเบนซ์”
ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่มีสิทธิ์เลือก ประเดี๋ยวนี้ผู้หญิงก็มีสิทธิ์แบบนี้เช่นกัน “การส่งเสริมคุณค่าความเท่าเทียมทางเพศในตอนนี้กำลังมาแรง!” ส่วนตัวเธอเองก็เริ่มเบื่อกับรสรักเดิม ๆ ของแฟนคนปัจจุบันแล้ว…
พอได้รู้ประวัติว่า “เป็นลูกของครูต๊อกต๋อย เฟืองลดาก็ยิ่ง…พยายามที่จะตีตัวออกหาก เรื่องอะไรที่จะต้องเอาตัวเองไปผูกมัดกับชายหนุ่ม เพราะในใจเธอก็รู้ดีว่าหมอนี่ไม่มีทางหยุดที่เธอเป็นคนสุดท้ายแน่ ๆ” ดังนั้นก่อนจะถูกทิ้ง “ทำไมเธอถึงไม่เป็นฝ่าย บอกเลิกเสียก่อนล่ะ?”
โอกาสของเธอมาถึงในเวลาไม่นาน หลังจากคิดตกผลึกเพราะชายหนุ่มหล่อหน้าตาดีที่เจอกันในผับเดอะพาเลซ ก็ชวนเธอไปเดทแรกที่สยามด้วยกัน ทั้งคู่ดูแล้วศีลเสมอกันไปด้วยกันได้ดี แถมอายุก็รุ่นราวคราวเดียวกันอีก
แถมพอได้ลองกินกันแล้ว…เธอก็ต้องยอมรับว่า “แม้อีกฝ่ายจะไม่เด็ดเท่าพาที แต่ของแบบนี้มันสอนกันได้!” หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เฟืองลดาก็ตัดสินใจบอกเลิกพาที “และย้ายไปอยู่หอกับชายหนุ่มซึ่งเป็นแฟนใหม่ทันที!”
พาทีพยายามดึงหน่วงและรั้งเธอไว้ แต่ปรากฏว่าก็ถูกเธอขับไล่ไสส่ง “แถมพูดจาตัดขาดเยื่อใย ยังไม่รวมพูดจาลามปาม ไปถึงพ่อของตนด้วยถ้อยคำรุนแรง!”
ชายหนุ่มได้แต่กัดฟันกรอด ดวงตาแดงก่ำ มือทั้งสองกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ตอนนี้มีแต่เสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวเขาเลยก็คือ “น้ำหน้าอย่างนาย เป็นแค่ลูกของครูจน ๆ ใครเขาจะไปเอาทำผัว? และอย่าคิดว่าเราไม่รู้นะว่านายแอบไปจีบยัยเด็กบัญชีนั้น!?”
อันที่จริงแล้วเขารู้สึกถึงการเสียศักดิ์ศรีที่ถูกบอกเลิก เพราะโดยปกติเขามักจะเป็นคนทิ้งคนอื่นไปก่อน โดยพูดจาไม่เหลือเยื่อใยต่อกัน…
ทำให้ความเกลียดชังค่อย ๆ เริ่มก่อตัวขึ้น ทีละนิดในหัวใจของพาที “เพียงแค่เพราะกูจนน่ะเหรอ…ฮึ!?” ความคิดวนเวียนอยู่ในสมองของเขา
ก่อนที่ชายหนุ่มจะทำเสียงฮึดฮัด และปาดคราบน้ำตา…จิตใจที่มุ่งมั่นของเขายิ่งนานยิ่งก่อตัวเป็น “ความทะเยอทะยาน ความมั่งคั่งร่ำรวย ชื่อเสียงเงินทอง” เขาจะต้องทำมันให้สำเร็จให้จงได้!
เพราะหากมีสิ่งเหล่านี้แล้ว “พวกสาว ๆ จะหนีเขาไปไหนพ้น” หากไปถึงจุดนั้น สาว ๆ ก็เป็นได้เพียงดอกไม้ริมทางสำหรับเขา… “เด็ดมาดมแล้วก็โยนทิ้งอย่างไม่สนใจไยดี!”
พาทีเริ่มเปลี่ยนความเสียใจเป็นแรงผลักดัน “อันมุ่งมั่นและแรงกล้า จากนั้นเขาก็ไปหาสาวบัญชีที่ไปตามจีบไว้ ส่งข้อความเข้าเพจเจอร์ของเธอและนัดแนะไปกินข้าว” ทว่าในขณะที่เขากำลังจะออกไปกินข้าวกับสาวคนใหม่
บังเอิญเหลือบไปเห็นป้ายโฆษณา “เชิญชวนเข้าชมการประกวดดาวเดือนของมหาลัย” ก่อนมองเห็นรูปของผู้สมัครในปีนี้ และเผอิญก็พบใบหน้าอันคุ้นเคย
“ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เขาถวิลหามาเนิ่นนาน เฝ้าใฝ่ฝันมาเป็นแรมปี” ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา… “ตัวเขาเองก็ไม่ได้ลืมสมร หากแต่ติดใจในรสรักของแม่เฟืองลดา” เรียกได้ว่าติดจนงอมแงมเลยทีเดียว
หลังจากกลับจากการกินข้าววันนั้น พาทีก็ไปที่ตู้โทรศัพท์ ซึ่งคนต่อแถวคิวยาวเป็นหางว่าว ไม่ได้สะดวกสบายเป็นเหมือนโทรศัพท์บ้านแต่อย่างใด…
“ในยุคที่อะไรก็ติดต่อกันยากลำบาก ตู้โทรศัพท์สาธารณะก็ต่อแถวยาวเป็นหางว่าว” ใครที่แสดงความซาบซึ้งนานเป็นพิเศษ… ย่อมกลายเป็นเป้าสายตา ถูกเขม่นจากคนที่รออยู่ด้านหลังโดยง่าย “บางครั้งถึงขั้นเคาะกระจกเรียกก็มี”
พาทีต่อสายไปหาโอเปอร์เรเตอร์ ก่อนจะพูดฝากข้อความยาวเหยียด ส่งไปให้สมร จนเกินตัวอักษร ทางพนักงานโอเปอร์เรเตอร์ก็บอกกลับว่า “กรุณากระชับข้อความด้วยค่ะ” ทำเอาพาทียิ้มเจื่อน
บางครั้งการส่งข้อความบอกรักมันก็น่าเขินอายไม่ใช่น้อย เพราะว่าไอ้คนที่เราพูดด้วยมันดันเป็นใครก็ไม่รู้เสียนี้ แต่ดันรู้ความลับของเราหมดแล้ว! “กลายเป็นว่าไม่ได้อายที่จะบอกรักบอกคิดถึงคนที่อยู่ปลายทาง ‘แต่อายที่จะพูดกับโอเปอร์เรเตอร์’ นี่แหละ!”
พออยู่ในตู้โทรศัพท์นานเพื่อแก้ข้อความ เขาก็ถูกคนด้านหลังเคาะกระจกไล่เสียแล้ว…
ทำให้เขาต้องทำงานแข่งกับเวลา ไม่เช่นนั้นคงได้วางมวย กับไอ้หน้าดุคนนี้เป็นแน่!
…
หลังจากสมรได้รับข้อความก็เร่งรีบไปหาตามจุดนัดพบ ที่พาทีได้บอกไว้ “เพราะอีกฝ่ายบอกว่า…จะรอจนกว่าเธอจะมา!” อันที่จริงดูเหมือน สมรเองก็ไม่ได้คิดถึงนายคิ้วหนาคนนี้มาก เหมือนสมัยตอนอยู่มัธยมแล้ว เพราะว่าที่มหาลัย มีชายหนุ่มหลากหลายคน เข้ามาพัวพันกับเธอ “ทั้งที่หล่อกว่า และดูดีกว่า…”
หากแต่ด้วยเป็นคนที่รู้จักกันมานานได้สักระยะ แถมอีกฝ่ายเคยไปฝากท้องเป็นประจำที่บ้านหล่อนต้องหลายครั้ง อีกทั้งยังสนิทกันมาก ทั้งช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันมา “ครั้นจะปฏิเสธก็ดูจะหักหาญน้ำใจกันเกินไปหน่อย…”
พอมาถึงที่หมาย “เธอก็เห็นพาทีชายหนุ่มหล่อคิ้วเข้ม กำลังยืนเหม่อลอย ดูเหมือนกำลังจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่…สมรเดินเข้าไปสะกิด ปลุกเขาให้ออกจากภวังค์”
“ว่าไงที? มีอะไรเหรอถึงเรียกเรามาด่วนขนาดนี้?” สมรเอ่ยปากถามด้วยความฉงน
“ไม่มีอะไรมาก พอดีช่วงนี้รับน้องหนักไปหน่อยนะ เลยไม่ได้มีเวลาเจอหมอนเลย…” ชายหนุ่มถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้นต่อว่า “เราเห็นป้ายโฆษณาแล้วนะ ที่หมอนจะลงประกวดดาวมหาลัย จึงส่งข้อความเรียกมาคุย…เพื่อให้กำลังใจนี่แหละ!”
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง อกผายไหล่ผึ่ง มองดูแล้วใจกว้างดูเป็นกันเอง ก่อนจะสัพยอกว่า “นี่ไปเที่ยวพาเลซให้มันน้อย ๆ หน่อยก็ดีนะ ได้ข่าวมาว่าไปทุกวันเลยนี้?” มุมปากของเขาตวัดขึ้นเป็นรอยโค้ง เผยฟันขาวสดใส มองดูแล้วมีเสน่ห์เฉพาะตัวเหมือนกัน
“ร…รู้ได้ไง?” สมรทำตัวเลิ่กลั่กทันที
พาทีกลั้นยิ้มก่อนตอบไป “ถึงหมอนจะลืมเรา แต่ว่าเราไม่เคยลืมหมอนเลยนะ…” คำพูดหวาน ๆ ก็พ่นออกมาจากปากพาทีอีกครั้ง! เพราะหนังสือรวมกลอนจีบสาว ที่อ่านมาตั้งแต่อยู่มัธยม ทำให้มีคำหวานมากมาย
ที่จะใช้พูดออกไป หรือส่งข้อความออกไปจีบสาวผ่านตัวอักษร ในเพจเจอร์ นั้นจึงทำให้คำพูดเลี่ยน ๆ พวกนี้มีอยู่เต็มหัวไปหมด และยังรวมกับประสบการณ์ส่วนตัวด้วยแล้ว!
สมรก็เขินอายทันทีที่ได้ยินคำพูดจากปากพาที…ภายในใจก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ตนหลงลืมชายหนุ่มไปเลย ดังนั้นความรู้สึกเก่า ๆ ที่จืดจาง จึงค่อย ๆ กลับคืนมา และอันที่จริงมันก็พึ่งผ่านไปไม่ได้กี่เดือนเท่านั้น “เพียงแต่ต้องมาอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ มันจึงทำให้รู้สึกนานเป็นปี!”
จากนั้นทั้งสองก็คุยกะหนุงกะหนิงกันไปเรื่อย จนชักชวนกันไปกินข้าว “ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มก่อตัวขึ้นใหม่…อีกครั้งหนึ่ง!”
ขออนุญาตฝากช่องทางการติดตามครับ
https://www.tiktok.com/@rodlert3659
ขอบคุณครับ :)