(NC 18+) นิยายที่จะกระชากอารมณ์ และดึงคุณเข้าไปสู่ยุุคที่ "ดิสโก้เธค" กำลังเฟื่องฟู ระคนไปด้วยกลิ่นอายแห่งยุค 90 ที่หลายต่อหลายคนต่างก็ถวิลหา เขาและเธอต่างก็ได้พบเจอกันที่ "เดอะพาเลซ" ดิสโก้เธคอันหนึ่งของไทย!
รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,ครอบครัว,พล็อตสร้างกระแส,ดราม่า,nc,18+,ยุค 90,Y2K,รักดุเดือด,รักเก่า,นางเอกเก่ง,พระเอกเก่ง,ท้อง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ยอดหญิงสิงห์พาเลซ (Queen Bee of The Palace) | NC 18+(NC 18+) นิยายที่จะกระชากอารมณ์ และดึงคุณเข้าไปสู่ยุุคที่ "ดิสโก้เธค" กำลังเฟื่องฟู ระคนไปด้วยกลิ่นอายแห่งยุค 90 ที่หลายต่อหลายคนต่างก็ถวิลหา เขาและเธอต่างก็ได้พบเจอกันที่ "เดอะพาเลซ" ดิสโก้เธคอันหนึ่งของไทย!
"ยอดหญิงสิง(ห์)พาเลซ"
(Queen Bee of The Palace)
[ NC 18+ แซ่บมาก! ]
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ของการรับรู้ตัวตน รับรู้ถึงคุณค่าในตัวเอง เมื่อท่านนักอ่าน ได้อ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะพบความหมายที่มันซ่อนอยู่
*** พึ่งทราบว่านิยายเรื่องนี้มีฉากบรรยายรักที่เร่าร้อน (มาก ๆ) ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ชื่นชอบในแนวนี้ ***
ดังนั้นท่านควรอ่านตัวอย่างก่อน ผู้เขียนย่อมเปิดฉากบรรยายรักให้ลองอ่านดูด้วย
นิยายเรื่องนี้จะเล่าออกเป็น 3 ช่วงเวลา แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละคร และนิยายเรื่องใดก็ตามที่ไม่มีการพัฒนาการของตัวละครเลย บทมันจะทำวนเวียนอยู่เช่นนั้น เนื้อเรื่องไม่ไปไหน
ดังนั้นท่านสามารถคาดหวังเนื้อหาและฉากเร้าใจได้จากนิยายเล่มนี้ โดยมีการเล่าไปถึงการเมืองการปกครอง ชีวิตของผู้คนในยุค 90
โดยผู้เขียนได้แบ่งออกเป็น “สามช่วงเวลา” ด้วยกันดังนี้
(1.) ช่วงเวลาในอดีต สมัยมหาลัยที่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวของทั้งคู่ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งสมัยเยาว์วัยของทุกตัวละครหลัก ซึ่งมีที่มาที่ไป
(2.) ช่วงเวลาแห่งการพัฒนา ซึ่งเป็นการเติบโตของตัวละครหลัก…แต่ละคนย่อมต้องมีอาชีพในสายงานของตน
(3.) ช่วงเวลาปัจจุบัน ที่ทุกเส้นเรื่องต่างก็เวียนมาบรรจบกัน ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ และเป็นบทสรุปของเรื่อง
การันตีความสนุก...ครบทุกรสชาติ
โดย รสเลิศ
ปล. เรื่องนี้เป็น 'นิยายภาคแยก' ของเรื่อง "เสือเจ้าพระยา" ซึ่งมีโครงเรื่องและเนื้อหาเกี่ยวข้องกันนิดหน่อย
"เสือเจ้าพระยา อ่านฟรีภาค 150 ตอน!"
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้มีฉากบรรยายรักที่เร่าร้อน (NC)
นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น! ชื่อตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง อาจปรากฏอยู่ในความเป็นจริง “ทั้งนี้ผู้เขียนมิได้มีเจตนามุ่งทำร้ายให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคล วิชาชีพ หรือองค์กรใดทั้งสิ้น” หากแต่ใช้อ้างอิงเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านเท่านั้น…
เนื้อหาในนิยายอาจมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมาะสมปรากฏอยู่บ้าง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง …หากมีความผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ตอนที่ 11 ฝูงชนร่วมโกรธา!
ทำให้เขาถูกบรรดาพวกรุ่นพี่ในคณะบริหารเขม่นเอา “ฉายาสาลิกาลิ้นทอง” ในตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็น “ฝูงชนร่วมโกรธา” เพราะเขาบังอาจมาแย่งชิงแม่ยอดดวงใจ และนางในฝันของเหล่าชายหนุ่มหลาย ๆ คนไป
แน่นอนว่าพาทีสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่ส่งมา แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มเจื่อน และกล้ำกลืนฝืนทนเอา
แต่ดูเหมือนว่าพระศุกร์จะเข้าพระเสาร์แทรก เพราะเรื่องความเจ้าชู้ ที่ได้แล้วก็ทิ้งในสมัยมัธยมปลาย ก็ถูกกระจายข่าวออกมาจากบรรดาปากของหญิงสาว ที่เคยมีสัมพันธ์กับไอ้หมอนี่!
โดยทั้งรุ่นพี่และเพื่อนในห้องก็ฝากให้เอื้อย “เป็นตัวแทนหมู่บ้าน” เอาข้อความไปเกลี้ยกล่อม หรือบอกต่อไปถึงหูของสมรที
โดยที่ไม่ทันตั้งตัว เอื้อยก็ถูกผลักให้เข้าไปอยู่ในวังวนของความวุ่นวายเรื่องนี้ เพื่อบอกกล่าวแก่เพื่อนสนิท ถึงสิ่งที่ตนได้ยินมา
ถึงแม้จะรู้ว่าถูกหลอกใช้ก็ตามแต่ของแบบนี้ก็ฟังหูไว้หูเป็นการดี อย่างน้อยก็มีเพื่อนในสาขาที่เคยมีอะไรกับพาที ออกหน้ามาพูดยืนยันด้วยตัวเอง!
ต้องเข้าใจว่าปกติเรื่องแบบนี้เขาปกปิดกัน ไม่มีใครกล้าออกหน้า แต่พอได้ฟังจากเรื่องที่เล่าลือกันแล้ว ดูท่าคงจะเป็นความจริง เพราะเธอเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันกับพาที
แต่เรียนกันคนละห้องก็เท่านั้น เธอออกหน้ามาเล่าเรื่องเสียขนาดนี้ เนื่องจากความเป็นห่วงจริง ๆ
แต่ว่าภายในใจของหญิงสาวรายนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการล้างแค้น เอาคืนนายพาทีที่แอบมาเจาะไข่แดงเธอแล้วก็ทิ้งไป!
แรงอาฆาตของผู้หญิงนั้น…น่ากลัวเหนือที่พาทีจะจินตนาการออก
สมรพอได้ยินภายในใจก็คิดอยู่หลายตลบ ทั้งฉายาสาลิกาลิ้นทอง ทั้งพฤติกรรมต่าง ๆ กลายเป็นเครื่องตอกย้ำกลาย ๆ เธอจึงเริ่มพยายามแบ่งรับแบ่งสู้ และตีตัวออกหาก…
แต่ทว่าพาทีก็ยังอาศัยลูกไม้เข้ามาออดอ้อน ตอนเธอจะไปเที่ยวเธค ก็ขอตัวไปรับไปส่ง โดยอ้างเรื่องความปลอดภัย จนกระทั่งสัปดาห์หลัง ๆ มาก็ได้เข้าไปเต้นด้วยกัน
และเวลาที่เหล้าเข้าปากสมร เธอก็เหมือนว่าจะกลายร่างเป็นอีกคนหนึ่ง เริ่มเต้นยั่วพาทีเสียจนปลุกอารมณ์กำหนัดในตัวชายหนุ่มออกมา
น้องชายของเขาแอบถูกสาวสวยตรงหน้า ถูไปถูมาหลายครั้งไม่ใช่น้อย!
ทางด้านเอื้อยก็แรงไม่แพ้กัน ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์นั้นมันได้เปลี่ยนนิสัยของคนไปอย่างสิ้นเชิง จากเด็กสาวใส ๆ กลายเป็นผู้หญิงแสบซ่าเต้นหว่านเสน่ห์ไปทั่ว โดยเฉพาะคืนวันเสาร์ที่มีหนุ่มหลายคนมาติดพัน…
พาทีไม่ได้เข้าไปห้ามในทางด้านของเอื้อย
ถึงแม้ว่าเขาจะกินเหล้า แต่ว่าก็จิบมันพอเป็นพิธี นั่นก็เพราะว่าของดีของเด็ดมันหลังจากนั้นต่างหาก พอพวกบรรดาสาว ๆ เมาก็อยู่เงื้อมมือมารของเขา!
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เอื้อยก็ควงหนุ่มไม่ซ้ำหน้ากันเลย และคืนนี้เธอก็ได้นัดหนุ่มคนนั้นมาด้วย ก่อนจะเต้นยั่วจนชายหนุ่มบีบขยำไปทั่วทั้งเรือนร่างของหล่อน ขณะที่ยังอยู่ในร้าน
ช่วงเวลา “สโลว์ซบ” เป็นภาพน่าบาดตาบาดใจ ของเหล่าคนโสดที่มองดูคนมีคู่ออกไปเต้นรำกันที่หน้าฟลอร์ในจังหวะเพลงช้า
ช่วงเวลานี้เกิดมาจากเพลงช้าหวาน ๆ ซึ้ง ๆ และคู่หนุ่มสาวมักจะซบกันคลอเคลียกัน
มือคู่เดทของเอื้อยอยู่ไม่สุขฉันใด ทางด้านเอื้อยเองก็แทบไม่ต่างกัน
มือหนึ่งคว้าเป้ากางเกงชายหนุ่มฝั่งตรงข้าม ก่อนจะบีบขยำทำเอาชายหนุ่มหน้าเขียว เพียงแต่ด้วยความมืดแสงไฟสลัว จึงทำให้ไม่มีใครมองเห็น…
ปากของเอื้อยก็พูดพร่ำพรรณนาว่า “กวีรักเราจริง ๆ ใช่มั้ย!?” ตาของเธอปรือเป็นอย่างมาก เพราะกำลังเมาได้ที่พอดิบพอดี…
ชายหนุ่มย่อมปากหวาน บอกรักตามปกติ ก่อนจะโอบเอวหญิงสาว เข้ามาซบที่หน้าอกของตน เอื้อยทำไปโดยสัญชาตญาณตามประสาสาวโสด ที่ไม่เคยผ่านมือชายใดจึงอยากได้คนที่รักแท้และรักจริง
และอยากลิ้มลองรสรัก เหมือนเพื่อนสาวคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นี่ เธอดูใจชายหนุ่มคนนี้มาพักหนึ่งแล้ว สืบประวัติมาก็นิสัยคบหาได้จริงใจ แถมฐานะที่บ้านก็มั่นคงดี
เอื้อยกระซิบที่ข้างหูชายหนุ่มเบา ๆ ว่า “นี่…วันนี้เราขอไปนอนห้องกวีได้มั้ย?” และด้วยความก๋ากั่นของเธอที่ซ่อนเอาไว้ มันเริ่มแสดงออกมาอย่างเปิดเผยยามเมื่อได้กินสุรา
ชายหนุ่มที่ชื่อว่ากวี ก็ยิ้มรับและตอบกลับไปทันทีว่า “ได้แน่นอน!” ก่อนที่ทั้งคู่จะจูบกันอย่างดูดดื่ม
และก็ขอตัวพาทีออกจากร้านไปก่อน ส่วนสมรที่เมาซบอยู่บนไหล่ของพาที ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกถึงโอกาสอันดีงาม ทว่าตนยังยับยั้งช่างใจไว้ก่อนไม่ได้รุ่มร่ามเกินงาม
สมรที่เห็นเพื่อนเดินจากไปพร้อมกับแฟนหนุ่ม เธอก็รู้ได้ทันทีว่าทางยัยเอื้อยคงกลับไปที่ ‘เรือนหอ’ ของฝ่ายชายเป็นแน่
ส่วนตัวเธอเองที่ไม่มีสติก็บอกให้พาทีไปส่งที่ห้องของเธอหน่อย ช่วงสโลว์ซบก็มักจะมีคนเดินออกไปในทำนองนี้…
……
ที่ด้านหน้าเดอะพาเลซ…
เด็กรับรถคนหนึ่งมองดูแล้วเป็นเด็กนักศึกษาอายุราว ๆ สิบแปดสิบเก้าปี กำลังโบกรถต้อนรับขับสู้กับแขกเหรื่อที่มาเที่ยวอย่างขะมักเขม้น
ก่อนจะมีคนตะโกนเรียกให้ไปช่วยดูในร้านหน่อย
“เฮ้ยไอ้รัก! ตามเข้าร้านมาหน่อย ผู้จัดการเขาบอกว่าขาดคนช่วยว่ะ!” ชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยตะโกนดังขึ้นมา
“รัก” ที่กำลังโบกรถจอดอยู่ก็ตะโกนกลับไป “อ่าวเฮ้ย! แล้วตรงนี้ใครจะรับหน้าวะ นี้แขก VIP ทั้งนั้นเลยนะมึง! เอางี้ไอ้แสงมึงไปถามอีกทีหนึ่ง วันนี้มีพวกแขกเหรื่อดัง ๆ ทั้งนั้นเลยนะเว้ย ที่ได้โทรมาจองคิวจอดรถ!”
“เออว่ะ…เดี๋ยวกูไปถามผู้จัดการก่อน” ชายหนุ่มที่ชื่อแสงก็พยักหน้ารับ ก่อนวิ่งเข้าไปในร้าน และกลับออกมาด้วยความรวดเร็ว
“พี่ผู้จัดการเขาบอก ถ้าอย่างงั้นมึงรับรถบริการให้ดี อีกเดี๋ยวถ้าขาดเหลืออะไรจะมีคนวิ่งมาบอกมึงเอง!” แสงพูดจบไม่ทันได้รอคำตอบก็รีบวิ่งเข้าร้านทันที
ขณะที่รักกำลังยืนโบกรถและจัดคิวอยู่นั้น เผอิญว่าสายตาของเขา ก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวสวยรายหนึ่ง ซึ่งกำลังเมาไม่ได้สติ และได้ถูกประคองออกมาจากในเธค พร้อมกับทางด้านของชายหนุ่มที่คิ้วหนาเข้ม
ชายหนุ่มคนรับรถหรี่ตาลง ก่อนจะตะโกนเรียกทั้งสองคนนั้น “เอ่…คุณทั้งสองครับ รอเดี๋ยวก่อน!” จากนั้นชายหนุ่มรับรถที่ชื่อรัก ก็ได้วิ่งหน้าตั้งเข้าไปหาทั้งสองคน
ส่วนพาทีย่อมหยุดชะงักตามเสียงเรียก เพียงแต่หัวคิ้วของเขาก็ได้ขมวดชนกันเล็กน้อย
เขามีท่าทาง…ที่ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งกับไอ้บ้าที่มาตะโกนสั่งหยุดเขาไว้ เพราะว่าอ้อยกำลังจะเข้าปากช้างอยู่รอมร่อ! เขาอดไม่ได้ที่จะสูดดมกลิ่นน้ำหอม และกลิ่นกายของสมร
ส่วนทางด้านของหญิงสาว ก็คล้ายกับว่าตัวเธอกำลังอยู่ในอาการมึนเมา ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพราะหากพาทีจะแต๊ะอั๋งตรงไหน หรือว่าจับตรงไหน อีกฝ่ายก็ไม่มีทางรู้ได้เลย
ทางรักวิ่งคลี่ยิ้มเข้ามาหา ก่อนที่จะเข้าตรงไปที่ชายหนุ่มซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่กำลังประคองหญิงสาวเอาไว้อยู่
“คุณลูกค้าครับ เอ่อ…ไม่ทราบว่าต้องการจะให้เรียกแท็กซี่ให้มั้ยครับ?”
พาทีตอบเสียงเย็นชาสั้น ๆ ว่า “ไม่ต้องขอบใจ!” ก่อนที่เขากำลังจะก้าวเดินต่อไป กลับถูกหยุดด้วยคำพูดของไอ้เด็กรับรถคนนี้อีกครั้ง
“เอ๊ะ…นี่มันคุณหนูสมร ลูกของท่าน ส.ส.เสมอ หรือเปล่าครับเนี่ย?” รักชะโงกหน้าเข้ามามองใกล้ ทำทีว่ากำลังสำรวจอย่างละเอียด
ก่อนจะถามเองตอบเอง “ชัดเลย...คุณหนูสมร!?”
ท่าทางของรัก ดูเปลี่ยนไปจากใบหน้ายิ้มแย้มก็เงยหน้า มองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมีเลศนัย พร้อมแนะนำตัว “พอดีผมคนปทุมเหมือนกัน เคยแวะไปเยี่ยมท่าน ส.ส. ที่บ้านน่ะครับ” รักหรี่ตาพร้อมพูดจาหยั่งเชิง
อันที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นใคร และไอ้หมอนี่เป็นใคร เพราะสมรคือหนึ่งในสาวงามที่ตนหมายปองมานานเช่นกัน ทว่าไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิด จนได้มาทำงานที่นี่ ตั้งแต่รู้ว่าสอบติด ถึงได้รู้ว่าคุณหนูชอบเที่ยวกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจ
ตัวเขาเองก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จัก อยากเข้าไปแนะนำตัวเองเต็มทน แต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยความรู้สึกที่ด้อยกว่า ทั้งในแง่ฐานะทางครอบครัว กระทั่งเพจเจอร์เขายังไม่มีปัญญาจะซื้อไว้เลย ที่มาทำงานก็เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ส่งเสียตัวเอง
และปกติแล้ว เขามักแอบมองเธออยู่อย่างห่าง ๆ ส่วนไอ้หมอนี่ชื่อพาที เขากลับรู้จักดี ด้วยเพราะว่าฉายาสาลิกาลิ้นทอง มันดังกระเดื่องไปทั่วทั้งอำเภอเมือง…
ปกติแล้วสมร เวลามาเที่ยวก็ไม่ได้เมาขาดสติถึงขนาดนี้ เขาจึงไม่ค่อยไปยุ่มย่ามกับเธอสักเท่าไร แต่พอเห็นสภาพในวันนี้ต่างจากวันอื่น ๆ จึงเข้ามาหยุด และหยั่งเชิงด้วยคำพูด!
“มึงทักคนผิดหรือเปล่า!?” พาทีชักสีหน้าใส่
“คุณลูกค้าจะบ้าหรือเปล่าครับ? คนเราเคยเจอะเคยเจอกันอยู่หลายครั้ง มันจะมาจำผิดง่าย ๆ ได้อย่างไงกัน?”
ทางด้านของรักเองตอบแบบมีลูกล่อลูกชน ซึ่งสมแล้วกับที่จะได้เป็นว่าที่ทนาย และว่าที่อัยการ หรือกระทั่งว่าที่ผู้พิพากษา ในอนาคตเพราะตัวเขาเรียนอยู่ “สาขานิติศาสตร์”
ทางด้านเอื้อยซึ่งถูกหนุ่มหล่อแห่งคณะวิทยาศาสตร์ ชื่อว่า “กวี” พาเธอกลับมาที่หอพักของตัวเอง เมื่อเธอเป็นเช่นนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง สมรเพื่อนรักสาวเจ้าแผนการ
แต่อันที่จริงแล้ว…หญิงสาวแสร้งทำเป็นเมาไม่รู้เรื่อง หากแต่สติสตังยังอยู่ครบ
เพราะที่ทั้งคู่ทำไปคือการแสดงล้วน ๆ ตัวเธอเองนั้นก็แค่อยากจะพลีกาย เพื่อสังเวยรสกามารมณ์ที่บรรดาชายหนุ่ม และหญิงสาวเฝ้าปรารถนา
ส่วนทางด้านสมรก็ทำไปเพียงเพื่อที่จะได้ลองใจนายพาที!
ตัวสมรในขณะนี้ได้แต่แอบกัดฟันกรอด ด่าสาปแช่งนายเด็กรับรถ อยู่ภายในใจ “นี่ฉันต้องมาแกล้งนอนหลับ แกล้งเมาอยู่แบบนี้น่ะเหรอ?”
และอีกใจหนึ่งก็คิดว่า “แบบนี้ก็แย่แล้วล่ะสิ ไอ้หมอนี้มันดันรู้จักเรา แถมรู้จักครอบครัวเราอีก แล้วถ้าเกิดมันเอาเรื่องไปฟ้องพ่อแม่ขึ้นมาล่ะจะทำยังไงดี?”
ความกังวลก็ก่อตัวขึ้น ภายในจิตใจของเธอ จึงใช้ความคิดเจ้าแผนการของเธอเตรียมวางแผนต่อไปว่าจะรับมืออย่างไรดี?