หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก - ตอนที่ 1 หอพักลึกลับ โดย สิริสัตตบุษย์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ลึกลับ,แฟนตาซี,ไทย,ระทึกขวัญ,ภูตผี,วิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ลึกลับ,แฟนตาซี,ไทย,ระทึกขวัญ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ภูตผี,วิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,นิยายวาย

รายละเอียด

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก โดย สิริสัตตบุษย์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’

ผู้แต่ง

สิริสัตตบุษย์

เรื่องย่อ

เมฆ นักศึกษาปี 1 ผู้ไม่เคยเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาย้ายเข้า "สมิทิลา" หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... เงียบเสียจนไม่ควรมีเสียงฝีเท้ายามค่ำคืน เสียงเคาะประตูยามดึก แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น... คือความลับที่ซ่อนอยู่

‘พี่ตุนท์’ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสมิทิลา แต่กลับพูดจาเป็นปริศนาเสมอ

‘พี่มะลิ’ พี่สาวแท้ ๆ ที่ดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่าง และพยายามกันเขาออกจากเรื่องนี้

เมื่อ ความลับของสมิทิลาเริ่มเผยตัว

เมื่อ เขาเริ่มเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครควรเห็น

และเมื่อ อดีตที่ถูกฝังลึก... กำลังตื่นขึ้น

ระหว่าง หน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง กับ ความรู้สึกที่ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ เขาจะปกป้องสมิทิลาได้... หรือสุดท้ายแล้ว จะสูญเสียทุกอย่างไป?

 


 


 




***เรื่องราวความเชื่อ จิตวิญญาณ พิธีกรรม สถานที่ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้

เป็นเรื่องสมมติที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***

สารบัญ

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 1 หอพักลึกลับ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 2 คืนสงบที่ไม่สงบ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 3 สลับห้อง,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 4 สิ่งที่ถูกกักขัง,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 5 กุญแจสู่ความลับ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 6 สื่อกลางระหว่างภพ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 7 สายใยแห่งบุญ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 8 เปิดสัมผัสใหม่,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 9 ผู้พิทักษ์ฝึกหัด,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 10 พลพรรคเหล่าผู้พักพิง

เนื้อหา

ตอนที่ 1 หอพักลึกลับ

‘เมฆ’ ยืนมองรอบ ๆ สถานีขนส่งผู้โดยสารด้วยความตื่นเต้น เขาเพิ่งลากกระเป๋าใบยักษ์ลงจากรถทัวร์ได้ไม่นานและกำลังหันซ้ายหันขวาหาจุดนัดพบกับ ‘พี่มะลิ’ พี่สาวแท้ ๆ ที่แก่กว่าเขา 3 ปี เธอบอกว่าจะมารับเพื่อพาไปหอพักใกล้มหาวิทยาลัย เมฆเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ พลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นปนกังวล เขารู้สึกได้ว่านี่คือการเริ่มต้น ‘การผจญภัย’ ครั้งใหม่ในชีวิต การมาเรียนต่อคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยไม่ไกลจากบ้านมาก แต่ก็ยังต่างเมืองอยู่ดี มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนเดินทางเข้าสู่โลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แต่อย่างน้อยที่นี่เขาก็มีพี่มะลิ พี่สาวคนสวยของเขา ที่เรียนคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเดียวกัน ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ปีเดียวก็ตาม เพราะพี่มะลิกำลังจะจบการศึกษา ในขณะที่เข้าเพิ่งจะเข้าปี 1 ในปีการศึกษานี้เขาหันไปมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตัวเอง พลางคิดว่า

ทำไมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังรอยู่เลย...

“น้องเมฆ! ทางนี้!” เสียงใส ๆ ที่คุ้นเคยดังขึ้นจากมุมหนึ่ง พี่มะลิโบกมือหย็อย ๆ เรียกอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์สีดำคันเล็ก เมฆปัดความคิดในหัว เดินไปหาพี่มะลิด้วยรอยยิ้มกว้าง

“พี่มะลิ! คิดถึงจังเลย” เขาโผเข้ากอดพี่สาวที่ยิ้มรับอย่างอบอุ่น

“โอ๊ยยย มากอดอะไรขนาดนี้ ตัวสูงขึ้นหรือเปล่าเนี่ยเรา” มะลิหัวเราะพลางแกล้งผลักเขาน้องเบา ๆ

“ไม่ใช่เมฆตัวสูงขึ้น พี่มะลิต่างหากที่ตัวเล็กลง” เมฆพูดหยอก

มะลิกลอกตา “พอเลย ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวพี่พาไปหอที่บอกไว้” มะลิบอกพลางช่วยเมฆยกกระเป๋าขึ้นวางบนเบาะ ก่อนจะส่งหมวกกันน็อกให้น้องสวม แล้วเธอก็ขึ้นไปนั่งประจำที่

เมฆพยายามขึ้นไปนั่งซ้อนพี่สาวด้วยความทุลักทุเล เพราะกระเป๋าใบใหญ่ค่อนข้างเป็นอุปสรรคสำหรับเขา

“นั่งได้ป่ะเนี่ย กระเป๋าใบใหญ่มาก พ่อบอกว่าจะมาส่งก็ไม่ยอมให้เขามา ดื้อจริง ๆ” มะลิอดที่จะบ่นน้องไม่ได้ ที่รั้นจะมาเอง ทั้งที่ทุกคนก็เป็นห่วง เพราะน้องน้อยของเธอนั้น ไม่เคยไปไหนคนเดียวเลย

“ก็เมฆไม่อยากรบกวนพ่อนี่นา งานในสวนก็ยุ่งจะตาย แล้วน้องก็มีพี่มะลิอยู่นี่ทั้งคนไง”

“จ้า ๆ เถียงเก่งที่หนึ่ง”

“ไม่ได้เถียงซะหน่อย น้องพูดความจริงต่างหาก!” เมฆบอกพี่สาวด้วยเสียงงอน ๆ

“หึ เกาะดี ๆ นะ เดี๋ยวตกลงไปพ่อกับแม่ได้ตีพี่แน่ ๆ” มะลิบอกน้องด้วยความเอ็นดู

“นี่แหนะ ดีพอหรือยัง” เมฆแกล้งรั้งไหล่พี่มะลิจนเธอเข้ามาชิดกระเป๋าเดินทางที่คั่นระหว่างเขาและเธอ จนเธอหัวเราะขำ

เมื่อมั่นใจว่าเมฆนั่งเรียบร้อยดีแล้ว พี่มะลิก็ออกรถพาเมฆลัดเลาะไปตามถนน มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่เขาไม่คุ้นเคย เขาเห็นว่าวิวสองข้างทางค่อย ๆ เปลี่ยนไปเมื่อเข้าใกล้เขตมหาวิทยาลัย

ถนนสายเล็กนี้เต็มไปด้วยร้านรวงและหอพักมากมาย ขี่มาได้สักพัก พี่มะลิก็เลี้ยวเข้าไปยังซอยเล็กที่แยกออกมาจากถนนเส้นหลัก และหยุดรถที่หน้าประตูไม้สีน้ำตาลบานใหญ่ที่ดูเก่าแต่แข็งแรง บานประตูนี้เชื่อมต่อกำแพงปูนสูงสีขาว ด้านข้างมีประตูเล็กไว้สำหรับคนเข้า-ออกอยู่ เมฆมองไปที่กำแพงเห็นป้ายชื่อหอพักทำจากไม้สีน้ำตาลมีตัวอักษณสีทองเขียนว่า ‘หอสมิทิลา’

มะลิจอดรถมอเตอร์ไซค์แล้วหันมามองเมฆ พอเห็นน้องขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอจึงเดินไปเปิดประตูใหญ่แล้วพูดว่า “เชิญจ้า น้องรัก เชิญพบกับหอในฝันได้เลย”

“พี่มะลิ หอนี้มัน… เก่าไปหน่อยหรือเปล่า” เมฆถามขึ้นเมื่อลงจากรถ มายืนมองบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่สุดซอย ที่พี่สาวของเขาเรียกว่าหอพัก ถ้าจะพูดให้ถูกมันคือบ้านที่แบ่งห้องภายในให้เช่ามากกว่า 

มะลิมองน้องชายพลางยิ้มบาง “เก่าแต่ดีนะ อยู่แล้วสบายใจกว่าไปอยู่พวกหอใหม่ ๆ อีก แถมราคาก็ถูกมากด้วย รวมน้ำไฟแล้วเดือนละไม่ถึงสามพัน เน็ตก็แรง เจ้าของหอก็ใจดีมาก พี่อยู่มาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว” เธอเสริมอย่างมั่นใจ ก่อนจะดึงแขนเมฆให้เดินตามไปยังประตูหน้าหอ เธอผลักน้องให้เดินเข้าไปก่อน ส่วนเธอเดินกลับไปจูงมอเตอร์ไซค์ตามเข้ามาจอดบริเวณลานบ้านที่ปูด้วยหินใช้สำหรับจอดรถ แล้วจึงเดินนำน้องชายไปยังทางเดินหิน ที่ผ่านกลางสวนไปจนถึงตัวบ้าน

"หอนี้ไม่ได้แค่เงียบสงบ แต่มันมีประวัติยาวนานมาก เคยเป็นบ้านเก่าของตระกูลใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ตอนนี้เขาปรับให้เป็นหอพัก" มะลิหันมาอธิบายเพิ่มเติมระหว่างที่เดินไปยังตัวบ้าน

"แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่ล่ะ? หออื่นก็มีเยอะแยะที่ราคาไม่แพง" เมฆถามด้วยความสงสัย

"ก็พี่อยากให้เราอยู่ในที่ปลอดภัยไงล่ะ" มะลิหลบสายตาเหมือนรู้บางสิ่งที่ยังไม่อยากบอกน้อง

ระหว่างที่เดินไปตามทางหิน เมฆรู้สึกเหมือนลมเย็นเฉียบพัดผ่าน ทั้งที่อากาศกลางวันยังร้อนอยู่ แสงแดดส่องลงมากลางสวน ทำให้ใบไม้เป็นสีเขียวสว่าง แต่เมฆกลับมองเห็นแวบหนึ่งเหมือนมีเงาของใครบางคนยืนหลบมุมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สายตาเขากวาดดูอีกครั้งก็ไม่พบใคร

“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องเมฆ?” มะลิสังเกตเห็นเมฆหยุดเดินหันมองซ้ายขวาจึงถามขึ้น

“เปล่าหรอก แค่รู้สึกเหมือน… มีคนมองอยู่” เมฆพึมพำตอบ แล้วกลับมาเดินตามพี่สาวต่อ

ที่หอพักแห่งนี้บรรยากาศรอบบริเวณมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านร่มรื่น อากาศเย็นสบายทั้งที่แดดยังแรง กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกปีบลอยมาแตะจมูก ทำให้บรรยากาศเงียบสงบนี้เหมือนดึงดูดเขาให้เดินเข้าไปลึกกว่าเดิม สวนด้านหน้าเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ให้ร่มเงา รวมถึงพุ่มไม้และดอกไม้หลากสีที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทำให้บรรยากาศโดยรวมดูสดชื่นและสงบเงียบ มีพื้นที่สนามหญ้าด้านหน้าดูเหมาะแก่การพักผ่อนหรือเดินเล่น

สุดทางเดินเป็นตัวอาคารสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคสูงสามชั้นทาด้วยสีเหลืองอ่อนซึ่งซีดจางตามกาลเวลา ตัดกับหน้าต่างไม้สีน้ำตาลเข้มพร้อมด้วยลวดลายปูนปั้นสีขาวประดับตามกรอบหน้าต่างเรียงรายเป็นระเบียบ และมีหลังคาทรงจั่วสีน้ำตาลเข้มที่ดูโดดเด่นตัดกับตัวอาคารสีเหลืองอ่อน นอกจากนี้ตรงกึ่งกลางตัวอาคารยังมีระเบียงยื่นออกมาเล็กน้อยบริเวณชั้นสองและชั้นสาม ทั้งหมดนี้ชวนให้นึกถึงความหรูหราสง่างามของยุคเก่า จนดูเหมือนบ้านโบราณอายุเป็นร้อยปี แต่แปลกตรงที่มันไม่ได้ดูโทรมจนน่าขนลุก กลับดูสะอาดเรียบร้อยอย่างน่าประหลาด 

เมฆอดคิดไม่ได้ว่ามันเก่าจริง ๆ ตามที่ตาเห็น เก่าชนิดที่ตัวอาคารบางจุดมีรอยแตกร้าวเล็ก ๆ มีคราบน้ำฝนเป็นรอยบาง ๆ แต่พอเดินเข้าใกล้กลับรู้สึกถึงมนตร์ขลังบางอย่าง เสียงลมพัดผ่านต้นไม้ใหญ่ทำให้บรรยากาศยิ่งเงียบสงบ เมฆหันมองรอบตัวอีกครั้ง เขายังคงรู้สึกเหมือน ‘บางสิ่ง’ กำลังจับจ้องอยู่ แม้จะมองไม่เห็นก็ตาม

พี่มะลิที่เดินนำอยู่ข้างหน้าจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “หอนี้ดูสงบกว่าที่คิดใช่ไหม?” เธอเอ่ยเหมือนทดสอบอะไรบางอย่างในน้ำเสียง

“ก็… ดูเงียบดีครับ” เมฆพยักหน้าเบา ๆ ก่อนตอบ 

เขาไม่รู้ว่าคำพูดนั้นออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ หรือเป็นเพียงสิ่งที่เขาพยายามบอกตัวเอง

“อ้าว มาแล้วเหรอมะลิ” เสียงหญิงสูงวัยดังขึ้นจากเฉลียงด้านหน้าตัวอาคาร 

เมฆเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบกับหญิงสูงวัยร่างเล็กคนหนึ่งยืนรออยู่ที่บริเวณหน้าประตูทางเข้า เธอยิ้มกว้างต้อนรับเมฆด้วยแววตาอบอุ่น เธอดูเหมือนคุณป้าทั่วไปในชุดเสื้อลูกไม้สีขาวและผ้าถุงลายดอก แต่สายตาของเธอทำให้เมฆรู้สึกเหมือนเจาะจงสังเกตเขามากกว่าปกติ ราวกับกำลังอ่านอะไรสักอย่างในตัวเขา

“นี่น้องชายที่เคยเล่าให้ป้าฟังใช่ไหม หน้าตาน่าเอ็นดูนะ” คุณป้าตอบพร้อมยิ้มอบอุ่นมาให้

“สวัสดีครับป้า” เมฆยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

“เมฆนี่ป้าไหมนะ ป้าไหมเป็นหนึ่งในเจ้าของหอนี้ ส่วนอีกคนคือป้าเดือน เดี๋ยวก็คงได้เจอกัน” มะลิแนะนำ

“สวัสดีจ้ะเมฆ มะลิพูดถึงหนูบ่อย ๆ เดินทางเหนื่อยไหม?” ป้าไหมถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ ผมตื่นเต้นมากกว่าที่จะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่”

“ดีแล้ว งั้นเดี๋ยวให้พี่มะลิพาหนูเดินดูรอบ ๆ หอนะ ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกป้าได้เลยนะจ๊ะ”

“ครับป้า ขอบคุณมากครับ เอ่อ… พี่มะลิบอกว่าผมจะได้อยู่ห้องที่พี่เขาจองไว้ใช่ไหมครับ” เมฆเอ่ยถาม เขาแยกอยู่คนละห้องกับพี่มะลิ เพราะพ่อกับแม่เห็นว่าโต ๆ กันแล้ว ทั้งสองควรจะมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ไม่ได้มองว่าเป็นการสิ้นเปลืองแต่อย่างใด

“ใช่จ้ะ แต่ก็มีห้องว่างเหลือพอสมควรเลย ที่นี่ลูกค้าหลักก็เป็นเด็กมหาวิทยาลัยกับคนทำงานใกล้ ๆ แต่บางคนก็ย้ายออกไปเร็ว บางคนอยู่กันยาว สุดแล้วแต่ชะตากรรม… เอ๊ย ก็สุดแล้วแต่เขานั่นแหละจ๊ะ”

คำพูดคล้ายหลุดปากของป้าไหมทำเอาเมฆเลิกคิ้วนิด ๆ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ถามต่อ ป้าก็หัวเราะเบา ๆ แบบคนอารมณ์ดี แล้วก็เดินหายเข้าไปทางประตูที่อยู่ด้านปีกซ้ายของโถงกลาง บอกว่าจะเข้าไปเตรียมร้านต่อ ซึ่งเมฆมารู้จากพี่มะลิทีหลังว่าโซนนั้นเป็นร้านกาแฟ เมฆจึงปล่อยผ่านไปอย่างงง ๆ ไม่ได้ใส่ใจมากนัก 

เมฆเดินตามพี่มะลิเข้าไปในหอ เมื่อเดินผ่านประตูหน้าเข้าไปจะเจอกับห้องโถงกลางขนาดใหญ่สีขาวงาช้าง เพดานสูงตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นวิจิตรบรรจงที่แสดงถึงความประณีต กลางห้องมีชุดโซฟาทรงโค้งสีครีมอ่อน พร้อมโต๊ะกลางทรงกลมที่มีแจกันดอกไม้สีขาววางประดับอยู่

ด้านหนึ่งของห้องมีตู้ล็อกเกอร์ไม้สีเข้มขัดเงา ซึ่งมีช่องสำหรับใส่จดหมายขนาดเล็กหลายสิบช่องเรียงกันเป็นแถว ทุกช่องติดตั้งกุญแจล็อกแน่นหนา แต่ละช่องมีที่จับทองเหลืองทรงกลม มีป้ายเล็ก ๆ ที่บ่งบอกหมายเลขห้อง ซึ่งตัวเลขบางตัวเลือนรางไปจนแทบอ่านไม่ออก เหมือนผ่านการใช้งานมานาน ข้างตู้จดหมายเป็นเครื่องกดน้ำสูงประมาณอกที่กดได้ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น

ถัดจากเครื่องกดน้ำมาทางขวาจะเป็นช่องประตูโค้งทะลุไปห้องซักผ้า ที่มีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าตั้งซ้อนกันอยู่ฝั่งผนังด้านในอย่างละ 5 เครื่อง ในห้องมีโต๊ะพับผ้าอยู่ตรงกลางห้อง และมีเคาน์เตอร์หินที่ติดตั้งอ่างซักล้างเอาไว้อย่างดี

เมื่อเดินออกมาจากห้องซักผ้า พี่มะลิพาเมฆไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้ประดับกระจกที่อยู่ทางฝั่งปีกซ้าย เธอแนะนำว่านี่คือร้านกาแฟของป้าไหมป้าเดือน เมฆมองทะลุกระจกเข้าไปในร้าน มองเห็นการตกแต่งร้านแบบคลาสสิก ทั้งโต๊ะไม้ทรงกลมตัวใหญ่ เก้าอี้หวาย ถักด้วยลายโปร่งสบายตาดูอบอุ่นและเรียบง่าย แต่แฝงด้วยเสน่ห์ของงานฝีมือ พนักพิงดัดเป็นทรงโค้งมนรองรับสรีระได้ดี มีเบาะรองนั่งสีขาวนวลดูหนานุ่มน่านั่ง ผนังร้านประดับด้วยจานเซรามิกลวดลายวินเทจ เพดานห้อยโคมไฟทรงย้อนยุค มีเคาน์เตอร์บาร์ที่มีเก้าอี้ไม้ทรงสูงเรียงอยู่สี่ตัว ถัดจากเคาน์เตอร์เป็นตู้กระจกตั้งของโชว์พวกขนมปัง ขนมไทยต่าง ๆ ที่ถูกครอบไว้ด้วยฝาแก้วใส

หลังจากเดินดูส่วนกลางของหอที่ชั้นล่างนี้ เมฆก็รู้สึกได้ว่าเจ้าของค่อนข้างใส่ใจความเป็นอยู่ของผู้เช่ามาก เห็นได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เขาหวังว่าห้องที่พี่มะลิจะพาไปดูจะน่าอยู่เหมือนบรรยากาศโดยรอบเช่นกัน

เมื่อเดินดูชั้นล่างจนครบแล้ว พี่มะลิก็เดินนำเขาผ่านห้องโถงกลางไปยังช่องประตูโค้งที่อยู่ทางฝั่งปีกขวา ซึ่งเธอบอกว่ากับเขาว่าเป็นที่ตั้งของบันได แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินตามพี่มะลิไป 

‘ยินดีต้อนรับนะ…’

เสียงกระซิบเบา ๆ ดังแว่วจากโถงกลาง มันฟังดูนุ่มนวล แต่ก็แฝงความเย็นยะเยือกที่ไม่อาจอธิบายได้ เมฆหยุดก้าวเดินทันที หัวใจเต้นแรงจนเขารู้สึกได้ เขากวาดสายตามองรอบโถงกลางอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

ลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่าน แม้ในหอจะไม่มีหน้าต่างเปิด เมฆรู้สึกเหมือนลมหายใจของเขาหนักขึ้น ราวกับมีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่จากมุมห้อง

“น้องเมฆ เป็นอะไร?” พี่มะลิเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นเขาหยุดเดิน

“เปล่าครับ…” เมฆตอบเสียงแผ่ว พยายามรวบรวมสติและเดินตามพี่สาวไปยังบันได แต่ในหัวของเขากลับเต็มไปด้วยคำถาม เสียงนั้นไม่ใช่แค่กระซิบธรรมดา… มันเหมือนเสียงที่ทิ้งร่องรอยไว้ในจิตใจ