หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’
ชาย-ชาย,ลึกลับ,แฟนตาซี,ไทย,ระทึกขวัญ,ภูตผี,วิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สมิทิลา หอพักสื่อสองโลกหอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’
เมฆ นักศึกษาปี 1 ผู้ไม่เคยเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาย้ายเข้า "สมิทิลา" หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... เงียบเสียจนไม่ควรมีเสียงฝีเท้ายามค่ำคืน เสียงเคาะประตูยามดึก แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น... คือความลับที่ซ่อนอยู่
‘พี่ตุนท์’ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสมิทิลา แต่กลับพูดจาเป็นปริศนาเสมอ
‘พี่มะลิ’ พี่สาวแท้ ๆ ที่ดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่าง และพยายามกันเขาออกจากเรื่องนี้
เมื่อ ความลับของสมิทิลาเริ่มเผยตัว
เมื่อ เขาเริ่มเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครควรเห็น
และเมื่อ อดีตที่ถูกฝังลึก... กำลังตื่นขึ้น
ระหว่าง หน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง กับ ความรู้สึกที่ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ เขาจะปกป้องสมิทิลาได้... หรือสุดท้ายแล้ว จะสูญเสียทุกอย่างไป?
***เรื่องราวความเชื่อ จิตวิญญาณ พิธีกรรม สถานที่ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้
เป็นเรื่องสมมติที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***
มะลิเดินนำน้องชายไปสู่โถงที่ตั้งของบันไดฝั่งปีกขวา เมื่อเดินมาถึงตีนบันไดก็หันมาพูดกับน้อง “เดี๋ยวพี่จะพาเมฆขึ้นไปดูห้องก่อนนะ ที่พี่จองให้จะเป็นห้องที่อยู่ชั้นสอง โซนด้านในสุดจะเงียบ ๆ หน่อย” พูดจบเธอก็เดินขึ้นบันไดนำไป
เมฆยกกระเป๋าเดินตามพี่สาวขึ้นบันไดไปอย่างเหนื่อยหอบ เพราะกระเป๋าของเขาใบใหญ่มาก ในนั้นมีทั้งเสื้อผ้า และหนังสือประวัติศาสตร์ที่เขาชอบอ่าน
ทางเดินขึ้นบันไดแคบเล็กน้อย แต่ไม่มีฝุ่นเกาะ แสดงว่าหอได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำ ผนังทางเดินมีรูปถ่ายขาวดำสมัยก่อนใส่กรอบติดโชว์เป็นระยะ บางรูปเป็นภาพบรรยากาศในจังหวัดนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน บางรูปเป็นภาพภูเขาและวัดบนดอย เมฆมองดูอย่างเพลิดเพลินจนสะดุดตากับภาพหนึ่ง ภาพสีซีเปียของพระสงฆ์ในชุดจีวรสีเขียวเข้มที่ซีดจางและสึกหรอ เมฆรู้สึกเย็นวูบแปลก ๆ ที่ต้นคอ ราวกับมีบางสิ่งกำลังจับจ้องจากในภาพ
“พี่มะลิ พระในรูปนี้…ทำไมถึงใส่จีวรสีเขียว?” เมฆถามพี่มะลิด้วยความอยากรู้ เขาไม่เคยเห็นพระสงฆ์ใส่จีวรสีนี้มาก่อน
“ก็… อาจจะเป็นพระในยุคก่อนมั้ง พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” มะลินิ่งไปครู่หนึ่งแล้วตอบเหมือนหลีกเลี่ยงคำถาม ก่อนจะรีบเดินนำไป
จากนั้นพี่มะลิก็พาเมฆเดินผ่านห้องแต่ละห้องที่ประตูทำจากไม้สีน้ำตาลเข้ม ทุกห้องหน้าตาก็คล้าย ๆ กัน จนถึงห้องหมายเลข 209 ซึ่งอยู่ด้านในสุดทางเดิน ในขณะที่พี่มะลิไขกุญแจเปิดห้อง เมฆก็เหลือบเห็นว่าผนังทางเดินมีรอยร้าวเบา ๆ ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจในสภาพอาคารนัก แต่พี่มะลิหันมามองแล้วยิ้มราวกับจะบอกว่าไม่ต้องกังวล เมฆจึงไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไป
เมฆเดินตามเข้าไปสำรวจห้องทันที ภายในห้องกว้างขวางกว่าที่เขาคิดไว้ ผนังสีขาวงาช้าง ดูเข้ากับบรรยากาศโดยรวม มีเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กติดผนังด้านบน มุมขวาตั้งเตียงเดี่ยวที่มองแล้วน่าจะนอนได้สบายสำหรับคนตัวเล็กแบบเมฆ ปลายเตียงมีพัดลมตั้งพื้นสีขาววางอยู่ มีโต๊ะเขียนหนังสือขนาดกลางวางชิดผนังข้างหน้าต่าง บนโต๊ะมีโคมไฟอ่านหนังสือแบบวินเทจวางอยู่ตรงมุมซ้าย ตู้เสื้อผ้าไม้เก่าแต่ดูแข็งแรงปิดสนิทวางอยู่มุมขวาของห้อง บนพื้นปูด้วยกระเบื้องสีขาวสะอาดตา แม้เฟอร์นิเจอร์ในห้องจะดูเก่าเล็กน้อย แต่ก็สะอาดและดูแข็งแรง มีสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องให้ครบครัน เมฆเดินไปที่หน้าต่างซึ่งหันออกไปทางต้นไม้ใหญ่และสวนด้านหลังหอ อากาศเย็นสบายพัดเข้ามาทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ขณะจะเดินกลับไปนั่งที่เตียงเมฆสะดุดตากับบางสิ่งบนโต๊ะเขียนหนังสือ เขาสังเกตเห็นลวดลายคล้ายอักษรบางอย่างตรงขอบโต๊ะที่ลบเลือนไปบางส่วน เขาลองใช้นิ้วลูบดู แต่ไม่สามารถอ่านได้ว่าเป็นอะไร
นี่มันตัวหนังสืออะไร…
“เป็นไงบ้าง โอเคมั้ย?” มะลิถามน้อง
เมฆเลิกสนใจอักษรนั่นแล้วเดินไปลากกระเป๋าไปวางไว้ข้างเตียง ก่อนจะหันไปตอบพี่มะลิ “ก็โอเคนะพี่มะลิ ไม่ได้แย่เลย แค่ดูเก่า ๆ นิดหน่อย แต่สะอาดดี”
เขามองสำรวจทั่วห้องด้วยความรู้สึกครึ่งหนึ่งตกใจว่ามันเก่าจริง แต่อีกครึ่งกลับรู้สึกสบายใจอย่างน่าประหลาด เขาแหงนมองฝ้าเพดาน มีไฟดวงหนึ่งติดอยู่กลางห้อง ไม่ถึงกับสว่างจ้าหรอก แต่คงพอใช้ได้
“พี่บอกแล้วว่าดี ราคาก็ถูกกว่าอีกหลายหอในย่านนี้นะ แล้วที่นี่ก็มีร้านกาแฟด้วยสะดวกดี มีป้าไหมกับป้าเดือนคอยดูแล พี่อยากให้เมฆได้ลองอยู่ดู แถมพี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย” มะลิเอามือตบอกทำนองว่า นี่ละของเรื่องที่ดีที่สุด
เมฆหัวเราะขำกับท่าทางของพี่สาว เขาทรุดนั่งลงบนเตียง “เมฆขอพักหายใจแป๊บนึงนะ เมื่อเช้าตื่นเต้นกินข้าวไปนิดเดียวเองอ่ะ นี่ก็ใช้แรงขนกระเป๋าจนพลังหมดแระ”
“งั้นพี่ลงไปซื้ออะไรที่ร้านกาแฟข้างล่างขึ้นมาให้รองท้องนะ เมฆอยู่จัดของไปพลาง ๆ ก่อน” พูดจบมะลิก็ทิ้งให้เมฆอยู่คนเดียวในห้อง
หลังจากพี่มะลิออกไปเมฆสำรวจข้าวของในห้องต่อ เขาเดินไปเปิดประตูไม้อีกบานในห้องซึ่งเป็นห้องน้ำที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ มีอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ อ่างอาบน้ำที่มีฝักบัวและเรนชาวเวอร์ติดอยู่ พร้อมตู้และชั้นวางของให้ เมฆทดลองเปิดน้ำดูทุกก๊อก เมื่อเห็นว่าทุกอย่างปกติดีก็เดินกลับไปรื้อกระเป๋า เพื่อเอาของออกมาจัด
สักพักเสียงเคาะประตูเบา ๆ ก็ดังขึ้น เมฆคิดว่าพี่สาวกลับมาแล้วจึงเดินไปเปิดประตู ก็เจอกับหญิงสูงวัยคนหนึ่งหน้าตาคล้ายป้าไหมอยู่บ้าง แต่ผิวสีเข้มกว่านิดหน่อย มีแก้มที่อิ่มกว่าเล็กน้อย เธอถือถุงพลาสติกใส่ขนมปังกับเครื่องดื่มแก้วหนึ่ง
“สวัสดีจ้ะ หนูคือเมฆใช่มั้ย ป้าชื่อเดือนนะ พี่มะลิของหนูเขาติดคุยโทรศัพท์อยู่ เลยฝากป้าให้เอาของมาให้น่ะ” เธอส่งยิ้มอบอุ่นให้ พลางเหลือบมองรอบห้องด้วยสายตาเหมือนประเมินบางอย่าง ก่อนยื่นถุงขนมปังกับเครื่องดื่มให้
“นี่กาแฟโบราณ กับขนมปังสังขยา ลองชิมดูนะลูก แล้วก็พี่มะลิบอกว่าให้เมฆรออยู่ที่ห้องก่อน เดี๋ยวจะขึ้นมาหาจ้ะ”
“อ๋อ ครับ ขอบคุณมากครับป้า” เมฆรับถุงขนมอย่างเกร็ง ๆ
“เมฆหน้าตาน่าเอ็นดูเหมือนที่เขาว่าจริง ๆ ด้วยนะเนี่ย หนูอยู่ที่นี่สบายแน่ ๆ เพราะดูเหมือนที่นี่จะเลือกหนูแล้ว”
“เอ่อ… เลือกอะไรเหรอครับ?”
“อีกไม่นานหนูก็จะรู้เอง…” ป้าเดือนหัวเราะเบา ๆ เธอทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนโบกมือลาแล้วเดินไปทางบันได
เมฆยืนงงเล็กน้อยพลางกัดขนมปังปิ้งไส้สังขยาในมืออย่างหิวโซ รสชาติอร่อยใช้ได้ กาแฟก็หอมเข้มกำลังดี เขาประทับใจกับความอบอุ่นของสองป้าที่เจอ
เวลาผ่านไปไม่เกินครึ่งชั่วโมง พี่มะลิก็ขึ้นมาพร้อมกับกุญแจห้อง
“ป้าไหมให้กุญแจสำรองมาเพิ่มด้วย พี่จะเก็บไว้ให้ก่อน เผื่อช่วงแรก ๆ เมฆลืมกุญแจ แล้วก็ที่นี่มีระบบเข้า-ออกประตูหน้าตึกด้วยสแกนนิ้วด้วยนะ” เธอชูกุญแจโลหะคู่กับคีย์การ์ดสีขาวเล็ก ๆ
“หอเราไม่ถึงกับหรูไฮเทค แต่ก็สะดวกใช้ได้เลยล่ะ”
เมฆพยักหน้าอย่างสบายใจขึ้น “แล้วตกลงพี่มะลิอยู่ห้องไหนเหรอ”
“ห้องพี่อยู่ชั้นสามห้อง 304 อาจจะไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกัน แต่ก็เดินแป๊บเดียวก็ถึง ที่ร้านกาแฟป้าไหมมีขนมกับเมนูเบา ๆ บางวันก็จะมีอาหารเมนูพิเศษที่ป้าเดือนทำนะ จะกินก็สั่งได้ หรือถ้าอยากกินข้าวจริงจัง ก็เดินออกไปปากซอยมีร้านอาหารตามสั่งเยอะแยะ”
บทสนทนาดำเนินไปอีกสักพัก เมฆเริ่มคุ้นเคยกับห้องและข้อมูลต่าง ๆ ที่พี่สาวพรั่งพรูออกมา เขาเกือบลืมความเหนื่อยจากการเดินทางไปสนิท
“เอาล่ะ พี่ว่าเราลงไปข้างล่างกันหน่อยดีกว่า พวกป้าเขาอยากคุยกับเมฆสักหน่อย” มะลิเอ่ยชวน
“อื้อ ลงไปเลยก็ดี เมฆอยากขอบคุณป้าไหมกับป้าเดือนด้วยที่อุตส่าห์ต้อนรับ เมฆเป็นอย่างดี”
ทั้งสองพี่น้องจึงเดินลงบันไดไป พอเดินลงมาจากชั้นสอง เสียงรอบข้างกลับยิ่งเงียบสงบ พอถึงโถงกลางชั้นล่าง เมฆจึงเดินตามหลังพี่สาวไปทางร้านกาแฟ แต่ก่อนที่เขาจะเดินไปถึงบานประตูร้าน เขาเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงโซฟามุมโถงใกล้ตู้จดหมาย ชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กำลังจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ พอเขารู้ตัวว่าถูกมอง เขาก็หันมายิ้มให้เมฆเล็กน้อยอย่างเป็นมิตร
ใครน่ะ?
เมฆรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบ ตอนที่สายตาสบกัน แม้จะเป็นช่วงเสี้ยววินาทีสั้น ๆ
“มีอะไรเหรอเมฆ? รีบเดินมาเร็วป้าไหมรออยู่” มะลิถามด้วยความแปลกใจ
“เปล่าพี่มะลิ” เมฆตอบเสียงเบาคล้ายเหม่อลอยและรีบเดินตามพี่สาวไป แต่ในหัวก็ยังคงนึกถึงรอยยิ้มลึกลับของผู้ชายคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก
ทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้าสู่ร้านกาแฟ ก็ได้กลิ่นกาแฟหอมกระจายไปทั่ว ผสมกับกลิ่นธูปจาง ๆ ที่ลอยมาจากมุมหนึ่ง ป้าไหมกับป้าเดือนยืนยิ้มต้อนรับอยู่หลังเคาน์เตอร์ ราวกับรู้เวลาอยู่แล้วว่าทั้งสองจะลงมา
“มานั่งก่อนสิลูก เดี๋ยวป้าจะทำความรู้จักกับเมฆอย่างเป็นทางการเสียหน่อย” ป้าไหมเชื้อเชิญให้นั่งที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยน้ำเสียงใจดี
เมฆก้มศีรษะแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างพี่มะลิที่หน้าเคาน์เตอร์
“หนูย้ายเข้าวันนี้ก็ดีเลย มีเวลาปรับตัว ก่อนเริ่มเรียนสัปดาห์หน้าพอดี”
“ครับป้า อันที่จริงผมก็กังวลนิดหน่อย กลัวปรับตัวยาก แต่พี่มะลิบอกว่าที่นี่สบาย ใกล้มหาวิทยาลัย แถมได้อยู่กับพี่มะลิด้วย”
ป้าไหมพยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนหรี่ตาเล็กน้อยเหมือนจะสังเกตบางอย่าง “ป้าเห็นหนูแล้วรู้สึกได้เลยนะ ว่าหนูเป็นเด็กจิตใจดี ดูท่าคงรักการทำบุญใช่ไหม”
“เอ่อ… ก็ใช่ครับ ตอนเด็ก ๆ ผมตามพ่อแม่ไปทำบุญบ่อยมากเลยครับ” เมฆตอบด้วยความงงงวย
“ใช่จ้ะ อย่างที่ป้าไหมพูด หนูเมฆหน้าตาใจดี มีบุญติดตัวเยอะด้วย ไม่ต้องกลัวว่าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ มันเหมาะกับหนูพอดี” ป้าเดือนเสริม
คำพูดของป้าทั้งสองคนฟังดูเหมือนล่วงรู้ถึงนิสัยของเมฆเป็นอย่างดี และทำไมป้าถึงดูปลาบปลื้มเรื่องที่เมฆทำบุญ ไหนจะคำพูดแปลก ๆ ที่บอกว่าเมฆมีบุญติดตัวอีก แต่ด้วยบรรยากาศและถ้อยคำแสนสุภาพ เมฆไม่กล้าถามออกไปตรง ๆ ได้แต่แอบเก็บข้อสงสัยเอาไว้
มะลิเองเหมือนจะสังเกตความรู้สึกนั้นของน้องชายได้ เธอจึงยิ้มให้แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “ป้าไหม ป้าเดือนคะ วันนี้เมฆย้ายเข้าแล้วหากคืนนี้ต้องจัดของ ถ้าเกิดมีอะไรฉุกเฉิน เมฆจะติดต่อป้าทางไหนได้คะ”
“มีเบอร์กลางนะลูก พวกป้าผลัดกันเฝ้าอยู่แล้ว ถ้าไม่เจอป้าที่ร้านก็โทรเรียกได้ตลอด” ป้าไหมชี้ไปที่ป้ายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดฝาผนังร้าน
“หรือจะกดเรียกผ่านแอปของหอก็ได้ แต่เดี๋ยวค่อยให้เมฆสมัครทีหลัง”
“แอปของหอ?” เมฆเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
ป้าเดือนหัวเราะก่อนจะตอบว่า “ใช่จ้ะ มันเป็นแอปเฉพาะที่ป้าไหมลงทุนจ้างคนทำมา ไม่ต้องตกใจหรอก เดี๋ยวเมฆค่อยมาลงทะเบียนและหัดใช้กันอย่างละเอียดอีกที เป็นแอปที่สะดวกดีนะลูก มีฟังก์ชั่นให้แชท บอร์ดโพสประกาศ และเช็คยอดจ่ายอะไรต่าง ๆ อยู่ในนั้น”
เมฆฟังแล้วก็รู้สึกว่าเป็นหอที่ดูแปลกเกินคาด เดิมคิดว่าหอเก่าคงไม่มีเทคโนโลยีอะไรมาก แต่กลับมีกลิ่นอายความเป็นโบราณผสมกับความทันสมัยผ่านแอปที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เขายิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้น
ป้าไหมเห็นสีหน้าเมฆแล้วก็ยิ้มแบบรู้ทัน “หนูไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวช่วงเย็นถ้าสนใจลองลงมาชิมอาหารของป้าเดือนได้นะ ป้าเขาทำกับข้าวอร่อย รสมือคนเหนือ มีหลายเมนูที่หากินที่อื่นไม่ได้ง่าย ๆ นะ”
“ขอบคุณมากครับป้า” เมฆรู้สึกเป็นกันเองขึ้นมากแล้ว จึงยิ้มกว้างตอบ
“เมฆ เดี๋ยวพี่ต้องขอตัวไปห้องเพื่อนก่อนนะ พอดีมันนัดไว้อ่ะ คงกลับมาค่ำ ๆ” มะลิกระซิบบอกน้องชาย “อยู่ได้ไหมเรา หรืออยากไปด้วย?”
เมฆส่ายหน้า “ไม่เป็นไรพี่มะลิ เมฆขออยู่จัดของก่อน แล้วก็ค่อยลงมาหาอะไรกินข้างล่าง ช่วงเย็น”
“โอเค ๆ ถ้างั้นบ่ายนี้เมฆก็อยู่ห้องไปก่อนนะ พี่ไม่น่าจะกลับดึกมาก” พูดจบมะลิก็ลุกขึ้นเตรียมออกจากร้าน ทิ้งเมฆไว้กับความรู้สึกตื่นเต้นเบา ๆ
เมฆหันไปยิ้มให้สองป้าอีกครั้ง “ขอบคุณนะครับที่กรุณา ผมขอตัวขึ้นไปจัดของต่อเลยนะครับ”
“จ้ะ ตามสบาย ถ้าต้องการความช่วยเหลือ มาที่ร้านได้เลยนะ” ป้าไหมตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่ม
เมฆโค้งตัวนิด ๆ และเดินออกจากร้านมา ครั้นมาถึงโถงกลางอาคาร เขาตัดสินใจเดินออกไปสูดอากาศตรงสวนด้านหน้า เพื่อผ่อนคลายซะหน่อย เขาหยุดยืนมองรอบตัวอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกได้ว่าตึกสามชั้นที่ดูธรรมดา ๆ กลับมีมุมมองน่าค้นหามากขึ้น อาจจะเป็นเพราะแสงแดดช่วงบ่ายส่องผ่านกิ่งไม้ใหญ่ด้านข้างตึก ทำให้เกิดเงาทาบลงบนกำแพงเป็นลวดลายแปลกตา เมฆเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ตอนนี้มีเมฆบาง ๆ ลอยเอื่อย เมื่อยืนสูดอากาศจนพอใจแล้ว เมฆจึงเดินกลับห้องเพื่อไปจัดของต่อ
เมฆก็เริ่มจัดข้าวของในห้องพัก เขาแขวนเสื้อผ้าในตู้ไม้เก่าที่ดูแข็งแรงอย่างน่าประหลาด จัดเรียงหนังสือบนโต๊ะเขียนหนังสือใกล้หน้าต่าง และปูผ้าปูที่นอนใหม่ที่เขานำมาด้วย
หลังจากจัดของเสร็จเรียบร้อย เมฆเดินไปล็อกประตูห้องพลางทอดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องพักอีกครั้ง เตียงนอนติดหน้าต่างมีผ้าม่านสีขาวอ่อนพริ้วเบาเมื่อสายลมจากพัดลมพัดผ่าน เขาอดคิดไม่ได้ว่า แม้จะเป็นหอราคาถูก แต่มันดูเรียบร้อยกว่าที่เขาคิดไว้มาก
“สบายกว่าที่คิดแฮะ…” เมฆพึมพำกับตัวเองก่อนจะนั่งลงบนเตียง
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง~
เสียงแจ้งเตือนในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดดู เห็นข้อความเด้งในกรุ๊ปแชทของภาค ที่เขาถูกดึงเข้าไปตั้งแต่วันไปรายงานตัว
เอกประวัติศาสตร์ รุ่น XX (56)
เจ้าหมูพองลม: “ใครอยู่หอใกล้ ๆ มอบ้าง? ขอแนะนำหน่อย”
ยัยแคนดี้หวานเจี๊ยบ: “ระวังนะ มีหอเก่าที่เคยมีข่าวเรื่องผีด้วย”
พี่หมีโกโก้: “เฮ้ย เรื่องจริงปะ? เล่าเลย”
ป๊อปคอร์นรสคาราเมล: “เราเคยได้ยินมาว่ามีหอพักแถวนี้ที่ชั้นบนสุดมีคนเห็นเงาคนเดินอยู่ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ และบางห้องยังมีเสียงเหมือนคนคุยกันในตอนกลางคืน ทั้งที่เป็นห้องว่าง… อื้อหือ ฟังแล้วขนลุกเลย”
เมฆไล่อ่านบทสนทนาอย่างสนใจ มีข้อความหนึ่งในกรุ๊ปพูดถึงหอพักเก่าที่เคยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับพระจีวรสีเขียวที่ปรากฏตัวในความฝันของคนพักอาศัยบางคน เมฆชะงักและรีบย้อนอ่านข้อความอีกครั้งด้วยความรู้สึกแปลก ๆ
“เรื่องเล่าผีนี่มาไวจริง ๆ เลยแฮะ ยังไม่ทันเปิดเทอมเลย…” เมฆพูดกับตัวเองพร้อมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะวางโทรศัพท์ลง
การสนทนาในกรุ๊ปดำเนินต่อไป เมฆพยายามไม่ใส่ใจกับเรื่องผีที่เพื่อน ๆ พูดถึง เขาเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ชอบแต่งเติมเรื่องราวให้ดูน่ากลัวเกินจริง แต่ลึก ๆ แล้ว เขาไม่สามารถปฏิเสธความกังวลที่เริ่มก่อตัวขึ้นได้
เมฆพยายามหาอะไรทำเพื่อให้เลิกคิดฟุ้งซ่าน เขาเข้าแอปหาร้านอาหารเพื่อสั่งอะไรมากินเป็นข้าวเย็น
คืนแรกของเมฆเริ่มต้นอย่างเงียบสงบ หลังอาบน้ำเสร็จเขาก็นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง เขารู้สึกได้ว่าห้อง 209 ที่ตรงสุดปลายทางเดินชั้น 2 นี้ ‘สงบเกินไป’ แต่ในความเงียบสงบกลับแฝงด้วยบางอย่างที่เขาอธิบายไม่ถูก ราวกับมีแรงดึงดูดลึกลับอยู่รอบห้อง… และนั่นคือคืนแรกที่เมฆได้ ‘ตกหลุมรัก’ บรรยากาศลึกลับของหอสมิทิลานี้ โดยไม่รู้เลยว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
เมื่อเริ่มง่วงจึงวางโทรศัพท์ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟที่โต๊ะข้างเตียง แต่ทันทีที่ปิดไฟ บรรยากาศรอบตัวกลับรู้สึกแปลกไปเล็กน้อย มันเงียบเกินไปจนเมฆรู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง เงียบจนเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นเบา ๆ เขาดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงคาง พยายามปลอบตัวเองว่าไม่มีอะไร
เวลาผ่านไปช้า ๆ เมฆพลิกตัวไปมาแต่ไม่สามารถหลับลงได้ง่าย ๆ ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
มันเป็นเสียงเคาะประตูที่ฟังดูเบาแต่กลับแฝงความหนักแน่นในความเงียบ เมฆนิ่งฟังด้วยความระแวง ราวกับเสียงนั้นไม่ใช่แค่การเคาะ แต่เหมือนเรียกเขาให้เข้าใกล้
เขากลั้นหายใจ เอ่ยถามเสียงเบา “ใครครับ?”
ความเงียบงันตอบกลับมา แต่ในความเงียบ เมฆรู้สึกเหมือนมีลมเย็นวูบผ่านใต้ประตู เขากอดผ้าห่มแน่น พยายามบอกตัวเองว่าอาจเป็นคนที่อยู่ห้องข้าง ๆ แต่ลึก ๆ แล้ว เขากลับรู้สึกว่า…มันไม่ใช่
“อาจจะแค่คิดไปเอง” เขาพึมพำปลอบตัวเอง ก่อนที่ความง่วงจะค่อย ๆ ครอบงำและเขาก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
เช้าวันต่อมา เมฆตัดสินใจเดินสำรวจหอพักก่อนลงไปซื้อกาแฟที่ร้านกาแฟของป้าไหม
“อรุณสวัสดิ์ครับป้าไหม ป้าเดือน” เมฆเอ่ยทัก สายตากวาดมองในร้านว่ามีคนอื่นอยู่หรือเปล่า จะได้ถามป้าไหมเรื่องเสียงประหลาด แต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ…
“อ้าว ตุนท์ มาพอดีเลย” ป้าไหมเรียกชายหนุ่มหน้าตาคมคาย ผิวแทนสูงโปร่ง สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวอ่อนกับกางเกงขายาวสบาย ๆ
“นี่เมฆ เป็นเด็กมหาลัยปีหนึ่ง เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่หอเราเมื่อวานนี้เองจ้ะ ส่วนตุนท์ก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน” ป้าไหมยิ้มกริ่ม
“สวัสดีครับพี่…” เมฆรีบยกมือไหว้ “เอ่อ… พี่ชื่อว่าตุนท์เหรอครับ?”
“อืม ยินดีที่ได้รู้จัก… ดูเหมือนเมื่อคืนเธอจะนอนไม่ค่อยหลับสินะ” ตุนท์ส่งยิ้ม แต่แฝงความรู้สึกเหมือนเขารู้อะไรบางอย่าง
เมฆชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนอึกอักเล่าเรื่องที่เขาเจอให้ฟังคร่าว ๆ
“เสียงเคาะประตู…” ตุนท์ทวนคำเบา ๆ ราวกับกำลังครุ่นคิด “บางครั้ง… เสียงพวกนั้นก็แค่การ ‘ทักทาย’ อย่าเพิ่งคิดมากเกินไป”
เมฆมองหน้าเขาด้วยความสงสัย
แต่ก่อนจะได้ถามอะไร ตุนท์ก็ยิ้มบาง ๆ และพูดต่อ “ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ มาคุยกับฉันได้เสมอ สมิทิลา… มักจะเลือกคนที่เหมาะสมเสมอ”
เมฆรู้สึกถึงความอบอุ่นประหลาดจากคำพูดกับรอยยิ้มอ่อนโยนของตุนท์ แม้พึ่งเจอกันครั้งแรก แต่เหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาอยากรู้จักชายคนนี้มากขึ้น…