หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’
ชาย-ชาย,ลึกลับ,แฟนตาซี,ไทย,ระทึกขวัญ,ภูตผี,วิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สมิทิลา หอพักสื่อสองโลกหอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’
เมฆ นักศึกษาปี 1 ผู้ไม่เคยเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาย้ายเข้า "สมิทิลา" หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... เงียบเสียจนไม่ควรมีเสียงฝีเท้ายามค่ำคืน เสียงเคาะประตูยามดึก แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น... คือความลับที่ซ่อนอยู่
‘พี่ตุนท์’ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสมิทิลา แต่กลับพูดจาเป็นปริศนาเสมอ
‘พี่มะลิ’ พี่สาวแท้ ๆ ที่ดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่าง และพยายามกันเขาออกจากเรื่องนี้
เมื่อ ความลับของสมิทิลาเริ่มเผยตัว
เมื่อ เขาเริ่มเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครควรเห็น
และเมื่อ อดีตที่ถูกฝังลึก... กำลังตื่นขึ้น
ระหว่าง หน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง กับ ความรู้สึกที่ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ เขาจะปกป้องสมิทิลาได้... หรือสุดท้ายแล้ว จะสูญเสียทุกอย่างไป?
***เรื่องราวความเชื่อ จิตวิญญาณ พิธีกรรม สถานที่ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้
เป็นเรื่องสมมติที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***
เช้าวันใหม่มาเยือน แต่ความสงบกลับไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนใจของเมฆ แสงแดดที่สาดส่องลอดผ่านหน้าต่างในล็อบบี้ดูเหมือนจะไม่อาจลบเลือนความกังวลในใจเขาได้ เขานั่งนิ่งอยู่บนโซฟา พลางมองไปรอบ ๆ หอพักที่ดูธรรมดาเกินกว่าจะเชื่อว่ามันเคยมีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นเมื่อคืน
เสียงก้องของนาฬิกาตั้งพื้นโบราณดังเป็นจังหวะ สะท้อนกังวานไปทั่วล็อบบี้แต่อารมณ์ของเมฆกลับนิ่งค้างอยู่กับภาพเมื่อคืน พระในจีวรสีเขียวที่เขาพบเจอ เสียงเคาะประตูยามวิกาล และความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกาะกินใจ
เขาตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปที่ร้านกาแฟ หวังว่าการได้พูดคุยกับใครสักคนจะช่วยให้ความคิดเขาไม่วนเวียนอยู่กับเรื่องเมื่อคืนมากเกินไป
“อ้าว เมฆ ตื่นเช้าจังเลยนะลูก เมื่อคืนหลับสบายไหม?” ป้าไหมเอ่ยถามขณะจัดขนมปังอบใหม่ที่ยังอุ่นอยู่หลังเคาน์เตอร์
“ก็… หลับไม่ค่อยสนิทครับป้า” เมฆตอบตามตรง
ป้าไหมพยักหน้าเล็กน้อย มองเมฆอย่างพินิจ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบถ้วยชาอุ่น ๆ มาวางตรงหน้าเขา “ดื่มก่อนลูก เดี๋ยวป้าจะเล่าอะไรให้ฟัง”
เมฆรับถ้วยชามาถือไว้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของมันช่วยบรรเทาความตึงเครียดลงได้บ้าง เขานั่งนิ่ง รอฟังคำอธิบายจากป้าไหม
"สมิทิลา… มันเป็นมากกว่าหอพัก" ป้าไหมพูดช้า ๆ พร้อมถอนหายใจ
"หมายความว่ายังไงครับ?" เมฆขมวดคิ้ว
ป้าไหมสบตาเขาอย่างจริงจัง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "ที่นี่มีไว้เพื่อคัดกรอง ปิดกั้น และกักขังบางสิ่ง… บางสิ่งที่ไม่ควรออกไปสู่โลกภายนอก"
"แล้ว… สิ่งที่ป้าหมายถึงคืออะไรครับ?" เมฆถาม น้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้น
ป้าไหมเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ "มันคือบางสิ่งที่มีพลังมากเกินกว่าที่ควรจะมี… และตอนนี้มันกำลังตื่นขึ้น"
เมฆรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ คำพูดของหลวงพ่อเมื่อคืนกลับมาในหัวเขาทันที
สิ่งที่ถูกกักขัง… มันเริ่มส่งสัญญาณแล้ว
“แล้วพระในจีวรเขียว… เป็นใครครับ? คือว่า... เมื่อคืนผมเจอท่านเดินเข้าไปในห้องเก็บของครับ”
“หลวงพ่อท่านนั้น… เป็นหนึ่งในผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องสมดุลของที่นี่” ป้าไหมตอบ
“แต่การที่หนูเห็นท่านเมื่อคืน หมายความว่า… บางอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป สัญญาณเริ่มต้นได้ปรากฏขึ้นแล้ว”
คำพูดนั้นทำให้เมฆกลืนน้ำลาย เขานึกถึงตุ๊กตาดินเผาที่เขาเห็นในห้อง 304 มันอาจจะเป็นเพียงจินตนาการของเขาเอง แต่เมื่อคืนเขารู้สึกเหมือนมันกำลัง ‘จ้อง’ เขาอยู่
"ป้าไหมครับ แล้วตุ๊กตาดินเผาในห้อง 304… มันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า?"
ป้าไหมชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าของเธอเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนที่เธอจะตอบ เสียงของป้าเดือนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
"เมฆ หนูยังไม่ควรรู้เรื่องนี้" ป้าเดือนเดินเข้ามา พร้อมวางถาดขนมปังบนโต๊ะ "บางสิ่งไม่ควรถูกแตะต้อง"
เมฆเม้มปากแน่น ความอยากรู้อยากเห็นยังคงลุกโชนอยู่ในใจ แต่คำพูดของป้าเดือนทำให้เขาไม่กล้าถามอะไรต่อ หลังจากนั้นบรรยากาศในร้านกาแฟก็เงียบลง เมฆรู้สึกเหมือนถูกดึงกลับมาสู่ความเงียบงัน
เขาใช้เวลาที่เหลือในช่วงเช้าที่ร้านกาแฟเพื่อครุ่นคิดถึงสิ่งที่ป้าไหมเล่า แม้จะได้คำตอบว่าหลวงพ่อเป็นผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องสมดุลของที่นี่ แต่ปริศนาก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ถึงแม้จะพยายามหาคำตอบจากป้าไหมและป้าเดือนในตอนเช้า แต่คำตอบกลับคลุมเครือเหมือนพวกเธอกำลังปิดบังบางอย่าง
เมฆกลับขึ้นไปที่ห้อง 304 พร้อมกับความรู้สึกที่หนักอึ้งกว่าเดิม แม้จะได้ยินคำตอบจากป้าไหมและป้าเดือน แต่คำพูดที่คลุมเครือของพวกเธอกลับยิ่งทำให้ปริศนาเกี่ยวกับสมิทิลาและพระในจีวรเขียวเพิ่มพูนขึ้น ราวกับว่าทุกคำพูดซ่อนบางสิ่งไว้ในเงามืด
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องความรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ ก็กลับมาอีกครั้ง เมฆกวาดสายตามองไปรอบห้อง และสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่ตุ๊กตาดินเผาที่ควรจะวางอยู่บนโต๊ะ แต่ตอนนี้มันกลับถูกย้ายไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง
มันถูกตั้งไว้อย่างจงใจ ราวกับกำลังจับจ้องมาที่เขา
“พอแล้ว…” เมฆพึมพำเบา ๆ เขาส่ายหน้า หัวใจเต้นแรงโดยไม่มีสาเหตุ ความไม่สงบในใจเริ่มกลืนกินเขาอย่างช้า ๆ
เขาคว้ากุญแจห้องและตัดสินใจเดินออกมา เขาต้องการหาอะไรบางอย่างที่ทำให้ใจสงบ บางทีการเปลี่ยนบรรยากาศอาจช่วยได้ เมฆเดินออกจากตัวอาคาร และปล่อยให้เท้าพาเขาไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสายตาของเขาหยุดอยู่ที่สวนหลังหอพัก
สวนหลังหอพักดูร่มรื่น เงียบสงบ และเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ที่ปกคลุมพื้นที่รอบ ๆ แสงแดดลอดผ่านใบไม้สาดเป็นจุดเล็ก ๆ บนพื้น เสียงนกร้องและลมที่พัดแผ่ว ๆ ทำให้บรรยากาศดูเหมาะสำหรับการปลอบประโลมใจ
“แถวนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครมา…” เมฆพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินลึกเข้าไปในเส้นทางเล็ก ๆ ที่คดเคี้ยว บรรยากาศที่เงียบงันช่วยคลายความรู้สึกอึดอัดในใจไปได้บ้าง
แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกแปลก ๆ ก็เริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างจับจ้องอยู่จากด้านหลัง เสียงฝีเท้าของเขาที่เดินผ่านใบไม้ดังขึ้นเบา ๆ แต่ก็คล้ายมีเสียงอื่นสะท้อนกลับมาเป็นจังหวะเดียวกันจนกระทั่ง...
“ที่นี่เงียบดีนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นกะทันหันจากด้านหลัง
เมฆสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปทันที และพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใต้เงาต้นไม้ใหญ่
“เมื่อกี้… คุณไม่อยู่ตรงนั้น” เมฆเอ่ยเสียงแผ่ว สายตามองชายหนุ่มราวกับกำลังจับผิด
“ฉันอยู่ที่นี่ก่อนเธอจะมาถึง แต่บางทีเธออาจจะไม่ได้สังเกต… หรือบางที ที่นี่อาจไม่ได้อยากให้เธอเห็น” ตุนท์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แฝงความลึกลับ
"ที่นี่... ไม่อยากให้ผมเห็น?" เมฆขมวดคิ้ว คำพูดนั้นฟังดูแปลก แต่ด้วยสิ่งที่เขาเจอมาในหอพัก ทำให้เขาไม่อาจมองข้ามไปได้
“คุณเป็นใครกันแน่?” เมฆถามพร้อมถอยหลังเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวง
“แค่คนที่ทำหน้าที่เฝ้าดูที่นี่ก็เท่านั้น” ตุนท์ยิ้มบาง ๆ
“เฝ้าดู? หมายความว่าไง?” เมฆถามเสียงแผ่ว
“บางครั้ง สถานที่หนึ่ง ๆ อาจมีบางสิ่งที่ต้องได้รับการดูแล” ตุนท์เอียงศีรษะเล็กน้อย “และฉันก็แค่... คนที่อยู่ที่นี่มานานพอจะเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปยังไง”
"คุณรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ใช่ไหม?" เมฆจ้องมองเขา
“อืม รู้สิ แต่เธอควรไปหาคำตอบเองมากกว่าฟังจากฉัน” ตุนท์หัวเราะเบา ๆ
“หาคำตอบเอง?” เมฆทวนคำ
“ถ้าเธออยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ บางทีคนที่ใกล้ตัวเธอที่สุดอาจจะมีคำตอบให้ก็ได้” ตุนท์พูดเสียงเบา ๆ ก่อนจะถอยหลังเล็กน้อย
เมฆชะงัก คนที่ใกล้ตัวที่สุด? ภาพของพี่มะลิแวบขึ้นมาในหัวโดยไม่ตั้งใจ
“แต่ถ้าเธออยากรู้มากกว่านี้ เราคงต้องเจอกันอีก…” ตุนท์พูดก่อนจะหันหลังกลับ
“เดี๋ยวสิ! คุณหมายความว่ายังไง?” เมฆรีบก้าวไปข้างหน้า หวังจะจับตัวอีกฝ่ายไว้ แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา ร่างสูงโปร่งของตุนท์ก็เหมือนละลายหายไปในเงาไม้ใหญ่
เมฆหยุดนิ่ง ใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านราวกับจะทิ้งคำเตือนบางอย่างไว้เบื้องหลัง กลิ่นดอกไม้จาง ๆ ที่เหมือนจะลอยมาจากต้นไม้รอบข้างกลับทำให้เขารู้สึกถึงความไม่ปกติ
“นี่มัน… อะไรกันแน่?” เมฆพึมพำเบา ๆ ก่อนจะถอยหลังออกจากจุดนั้น ดวงตายังคงมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่ตุนท์เคยยืนอยู่ ความรู้สึกว่ามีบางอย่างใหญ่โตและซับซ้อนกว่าที่เขาคิดเริ่มคืบคลานเข้ามาในใจ
หลังจากที่พบกับชายหนุ่มลึกลับชื่อ ‘ตุนท์’ ในสวนหลังหอพัก เมฆเดินกลับมาในหอด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ราวกับคำพูดของชายหนุ่มทิ้งน้ำหนักบางอย่างไว้บนบ่า
คนที่ใกล้ตัวที่สุด...
คำพูดนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ราวกับเป็นปริศนาที่แฝงด้วยความหมายลึกลับ การพบตุนท์ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงเข้าสู่บางสิ่งที่ใหญ่โตเกินความเข้าใจ
“ทำไมถึงเป็นเรา…” เมฆพึมพำ ขณะเดินผ่านทางเดินบนชั้นสาม เสียงฝีเท้าของตัวเองสะท้อนเบา ๆ ในความเงียบสงัดของยามค่ำคืน บรรยากาศชั้นสามดูวังเวงอย่างบอกไม่ถูก แสงไฟสลัวจากโคมไฟติดผนังทำให้รอยร้าวบนผนังดูเหมือนลวดลายลึกลับที่คอยจับจ้องเขา
เมฆกลับเข้าห้อง 304 ความรู้สึกอึดอัดที่คุ้นเคยหวนคืนมาอีกครั้ง เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจดูข้อความและไถโซเชียลเล่น ขณะนั้นเองพี่มะลิก็ส่งข้อความมา
Jasmine's Breeze:
"น้องเมฆ คืนนี้พี่อาจจะกลับดึกมาก ๆ หรือไม่ก็ไม่กลับเลยนะ งานยังไม่เสร็จ เมฆนอนห้องพี่อีกคืนนะ ถ้ามีอะไรด่วนโทรหาพี่ได้เลยนะจ๊ะ”
เมฆถอนหายใจ วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าหนักใจ เขาหันไปมองตุ๊กตาดินเผาที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง มันยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมกับเมื่อตอนกลางวัน แต่บรรยากาศรอบตัวกลับดูเปลี่ยนไป เขารู้สึกเหมือนตุ๊กตาตัวนี้กำลัง ‘จ้องมอง’ เขาอยู่ตลอดเวลา ราวกับมันกำลังรอคอยบางสิ่ง
“เราต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ได้…” เมฆพึมพำกับตัวเอง
หลังจากนั้นเขาก็เอาแต่คิดวนเวียนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ตัวเองเจอ จนกระทั่งเข้านอน เขาพยายามข่มตาหลับ แต่ความคิดมากมายยังคงวนเวียนอยู่ในหัวจนกระทั่งผล็อยหลับไป
เมฆตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยอาการมึนงง เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียง ขยี้ตาเพื่อขับไล่ความง่วงงุน ภาพในฝันเมื่อคืนยังคงติดอยู่ในหัว ประตูบานใหญ่ที่เต็มไปด้วยลวดลายอักขระโบราณ และเสียงสะท้อนของใครบางคนที่กำลังเรียกชื่อเขา มันชัดเจนจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามันอาจจะไม่ใช่แค่ความฝันธรรมดา
เมฆตัดสินใจลงไปที่ร้านกาแฟเพื่อหาอะไรรองท้อง แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือการพบพี่มะลิที่นั่งอยู่กับป้าไหมที่โต๊ะตัวหนึ่ง เธอดูอิดโรยแต่ยังมีรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า
“พี่มะลิ?” เมฆเอ่ยเรียกด้วยความประหลาดใจ
“อ้าว น้องเมฆ ตื่นแล้วเหรอ? พี่เพิ่งกลับมาเมื่อกี้นี่เอง” มะลิหันมายิ้มให้เขา “เมื่อคืนพี่นั่งทำงานจนเกือบเช้าเลย เดี๋ยวพี่จะเอาของที่ห้องแล้วไปเรียนต่อ”
“แล้วพี่ไม่เหนื่อยเหรอ? พี่นอนบ้างหรือยัง?” เมฆขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เหนื่อยสิ แต่มันก็ต้องทำงานให้เสร็จนี่” มะลิตอบพร้อมหัวเราะเบา ๆ
ป้าไหมที่นั่งอยู่ด้วยมองดูพี่น้องทั้งสองก่อนจะเอ่ยขึ้น “เมฆ หนูอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสมิทิลาอีกหรือเปล่า? เมื่อวานป้ายังเล่าให้หนูฟังไม่หมดเลยนี่ใช่ไหม?”
คำถามนั้นทำให้เมฆชะงัก เขานั่งลงที่โต๊ะทันที ก่อนจะเล่าเรื่องคนชื่อตุนท์ให้ป้าไหมฟัง
“ตุนท์เหรอ…” ป้าไหมพึมพำพร้อมถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้น หนูคงเข้าไปลึกกว่าที่ป้าคิดไว้แล้ว สมิทิลาไม่ใช่แค่หอพักธรรมดา… มันเป็นสถานที่สำคัญที่เชื่อมระหว่างสองโลก” ป้าไหมเริ่มต้นเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและจริงจัง
มะลิที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ เมฆชะงักเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรทันที
“สองโลก?” เมฆถาม สีหน้าฉายแววสงสัย
“ใช่ โลกมนุษย์ และโลกวิญญาณ” ป้าไหมตอบ
“แล้ว… ที่นี่เกี่ยวข้องยังไงกับพิธีกรรมคะป้าไหม?” มะลิหลุบตามองแก้วกาแฟในมือ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามรักษาความสงบ
ป้าไหมเหลือบตามองมะลิราวกับชั่งใจ แต่สุดท้ายก็พูดต่อ “ตั้งแต่อดีต สมิทิลาเป็นสถานที่สำหรับทำพิธีส่งวิญญาณที่ยังไม่สงบให้ไปสู่ภพภูมิที่เหมาะสม แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่พิธีเหล่านั้นสำเร็จ และบางครั้ง… ความผิดพลาดก็นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เราไม่ต้องการ”
เมฆนิ่งฟัง ขณะที่มะลิขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม
“ผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการนี่หมายถึงอะไรครับ?” เมฆถาม
“มันคือการที่พลังงานด้านลบ ความอาฆาต ความเสียใจ และความเจ็บปวดของวิญญาณ รวมตัวกันจนกลายเป็นบางสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น” ป้าไหมพูดพลางถอนหายใจ
“แล้ว… สิ่งนั้นยังอยู่ที่นี่เหรอครับ?” เมฆกลืนน้ำลาย
“ถูกกักขังไว้ที่นี่ เพื่อไม่ให้มันออกไปทำร้ายใครอีก” ป้าไหมตอบ แต่หลบสายตาของเมฆเล็กน้อย
“ป้าคะ แล้วเรื่องนี้… เกี่ยวข้องกับพวกเราไหมคะ?” มะลิพูดพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
ป้าไหมมองมะลิอย่างชั่งใจ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง “มะลิ หนูรู้อะไรบางอย่างอยู่แล้วใช่ไหมลูก?”
เมฆหันขวับไปมองพี่สาวทันที “พี่มะลิรู้อะไร? พี่รู้เรื่องนี้อยู่แล้วเหรอ?”
มะลิสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบ “พี่รู้แค่ว่า… สมิทิลาไม่ใช่แค่หอพักธรรมดา” เธอหยุดไปครู่หนึ่งราวกับกำลังตัดสินใจว่าจะพูดต่อหรือไม่ ก่อนจะเบือนสายตาหนี
“แต่พี่ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเรา...” มะลิเอ่ยเสียงเบาแบบคนรู้สึกผิด
“เกี่ยวข้องสิ!” เมฆเสียงดังใส่พี่มะลิอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “ถ้าพี่รู้อะไร ทำไมไม่บอกผมล่ะ?” เมฆถามพี่สาวออกไปด้วยความโมโห เขาต้องเผชิญเรื่องราวแปลกประหลาดมากมายในหอนี้ ภายใต้ความอึดอัดที่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนกับเขาเลยสักคน
“พอแล้วทั้งสองคน” ป้าไหมยกมือขึ้นห้าม “เรื่องนี้มันซับซ้อนกว่าที่จะเล่าทั้งหมดในตอนนี้ มะลิ ถ้าหนูรู้อะไรเพิ่มเติม ก็อย่าปิดบังน้องอีกเลยนะลูก ส่วนเมฆ ป้าขอแค่ให้ระวังตัว อย่าเข้าไปยุ่งกับสิ่งที่หนูยังไม่เข้าใจนะลูก”
เมฆพยักหน้าเงียบ ๆ แม้จะยังมีคำถามมากมายในหัว ส่วนพี่มะลิเองก็ไม่พูดอะไรต่อเช่นกัน
หลังจากจบสนทนากับป้าไหม พี่มะลิก็กลับไปที่ห้อง 304 ของตัวเอง ก่อนไปยังไม่ลืมที่จะขอโทษเมฆ ที่ก่อนหน้านี้ปิดปังเรื่องราวของหอและสัญญาว่าจะเล่าเรื่องที่เธอรู้ให้ฟัง แต่ตอนนี้เธอต้องรีบไปเรียนก่อน ส่วนเมฆที่ได้รับกุญแจห้อง 209 คืนก็เดินกลับไปที่ห้องด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เมฆจำใจต้องเตรียมตัวไปเรียน แม้จะรู้สึกว่าหัวสมองยังเต็มไปด้วยเรื่องของหอสมิทิลา แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก วันนี้วันจันทร์เขามีคาบเรียนตอนสิบโมง
ระหว่างเดินไปมหา’ลัย เมฆยังคงคิดถึงเรื่องที่ป้าไหมพูดเกี่ยวกับ ‘สองโลก’ และสิ่งที่ถูกกักขังในหอพัก เขาเดินเหม่อไปจนเกือบสะดุดขอบฟุตบาท โชคดีที่คว้ากระเป๋าตัวเองไว้ได้ก่อนจะล้ม
“เกือบไปแล้ว…” เขาพึมพำกับตัวเอง
“เธอควรระวังให้มากกว่านี้นะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้าง ๆ
เมฆสะดุ้งเฮือก ก่อนจะพบว่าเป็น ตุนท์ ที่ยืนอยู่ข้างเขา พร้อมถือแก้วกาแฟในมือ
“พะ…พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่!?” เมฆแทบกระโดดถอยหลัง
“เดินตามเธอมาสักพักแล้วล่ะ~” ตุนท์ตอบพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์
"แล้วเดินตามผมทำไม!?" เมฆเบิกตากว้าง
“ก็เห็นเธอเดินเหม่อจนเกือบตกท่อ เลยคิดว่าอาจต้องช่วย” ตุนท์หัวเราะเบา ๆ
เมฆชะงัก แล้วก้มลงมองตัวเอง นี่เขาเผลอเดินเพลินขนาดนั้นเลยเหรอ…
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก…” เมฆพึมพำเบา ๆ แต่ตุนท์ทำหน้าเหมือนจะเถียง
“ว่าแต่พี่มาแถวนี้ทำไม?”
“หืม? ฉันเป็นนักศึกษาที่นี่น่ะ” ตุนท์ยิ้มกว้าง
“หา!?” เมฆอ้าปากค้าง นี่เขาไม่เคยเห็นพี่ตุนท์ในมหา’ลัยเลย
“แปลกอะไร? มหา’ลัยนี้ไม่ได้มีนักศึกษาหล่อ ๆ แค่เธอคนเดียวนะ~” ตุนท์พูดกลั้วหัวเราะ
เมฆหน้าเหวอไปชั่วขณะ "ไม่ใช่ประเด็นนั้นสักหน่อย!"
ก่อนที่เมฆจะได้ซักไซ้เรื่องพี่ตุนท์ต่อไป เสียงเรียกชื่อเขาก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“เมฆ! รอด้วยสิ”
เมฆหันกลับไปเจอ ‘ไออุ่น’ เพื่อนร่วมคณะกำลังเดินเข้ามาหา ไออุ่นเป็นเพื่อนคนแรกที่เขาสนิทด้วยตั้งแต่เปิดเทอม เรารู้จักกันเพราะได้นั่งข้างกันในคาบแรกของวิชาจิตวิทยา ไออุ่นกำลังเดินมาในชุดนักศึกษาเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวหลวมกับกางเกงสแลคเข้ารูป ผมสีน้ำตาลเข้มของเขาดูเรียบร้อยแต่มีปอยเล็ก ๆ ตกลงมาที่หน้าผาก สะพายกระเป๋าหนังไว้บนบ่า และในมือถือน้ำผลไม้ปั่นแก้วหนึ่ง
“อ้าว ไออุ่น” เมฆยิ้มออกมาเล็กน้อย
“อืม… นี่ใครเหรอ?” ไออุ่นมองเมฆสลับกับตุนท์ ดวงตาคมมีประกายสงสัยนิด ๆ
“อ๋อ…” เมฆเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน “พี่ตุนท์ครับ… เอ่อ…” จะให้บอกว่านักศึกษาก็ยังไม่แน่ใจ จะบอกว่าเป็น…อะไรกันแน่?
แต่ยังไม่ทันที่เมฆจะคิดออก ตุนท์ก็แทรกขึ้นมา
“ฉันเป็นพี่รหัสเมฆน่ะ~”
“…หา?” เมฆหันขวับไปมองคนพูดทันที “พี่พูดมั่วอะไรเนี่ย!?”
“ก็ถ้าฉันบอกว่าเป็นรุ่นพี่เฉย ๆ เธอคงไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ? งั้นเป็นพี่รหัสแล้วกัน~” ตุนท์หัวเราะเบา ๆ แล้วจิบกาแฟหน้าตาเฉย
“แปลกดีนะ ฉันนึกว่าเมฆไม่มีพี่รหัสซะอีก…” ไออุ่นเลิกคิ้วนิด ๆ
“ก็ไม่มีไง!” เมฆรีบแก้ตัว “พี่ตุนท์อย่ามามั่วสิ!” แต่ไออุ่นกลับหัวเราะเบา ๆ
“แต่ก็ดีนะ เมฆจะได้มีพี่คอยดูแล… ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักครับ พี่ตุนท์”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ไออุ่น” ตุนท์ยิ้มกว้างก่อนยื่นมือออกไป ไออุ่นก็ยื่นมือไปจับเป็นเชิงทักทาย
เมฆยืนงง ๆ มองสองคนจับมือกันแล้วรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนเจอคนสองคนที่อยู่กันคนละโลก แล้วจู่ ๆ ก็มาทักทายกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
“เฮ้ย ๆ นี่เราไปเรียนกันเถอะ เดี๋ยวสาย” เมฆรีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วดึงไออุ่นเดินออกไปจากตรงนั้น
แต่ก่อนที่เขาจะก้าวไปได้ไกล เสียงของตุนท์ก็ดังขึ้นข้างหลัง
“ไว้เจอกันนะ น้องรหัส~”
เมฆสะดุ้ง แล้วหันไปมองอย่างหงุดหงิด แต่ตุนท์ก็แค่โบกมือลาแบบขี้เล่น
“อะไรของเขา…!?” เมฆบ่นพึมพำ
“เขาดูแปลก ๆ นะ… นายรู้จักพี่เขามาก่อนเหรอ?” ไออุ่นมองเมฆอย่างสงสัย
“ก็ไม่นานมานี้เอง…” เมฆถอนหายใจ
ไออุ่นพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “นายเรียนประวัติศาสตร์ไทยใช่ไหม? เดี๋ยวฉันเดินไปด้วย ฉันมีเรียนวิชาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต้องไปตึกเดียวกัน”
“อืม… ขอบใจนะ” เมฆยิ้มบาง ๆ อย่างน้อยการได้เดินไปกับไออุ่นก็ทำให้เขารู้สึกสงบขึ้นหน่อย
แต่ไม่รู้ทำไม… เขารู้สึกเหมือนมีสายตาบางอย่างกำลังมองตามหลังเขาอยู่