หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก - ตอนที่ 6 สื่อกลางระหว่างภพ โดย สิริสัตตบุษย์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ลึกลับ,แฟนตาซี,ไทย,ระทึกขวัญ,ภูตผี,วิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ลึกลับ,แฟนตาซี,ไทย,ระทึกขวัญ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ภูตผี,วิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,นิยายวาย

รายละเอียด

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก โดย สิริสัตตบุษย์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’

ผู้แต่ง

สิริสัตตบุษย์

เรื่องย่อ

เมฆ นักศึกษาปี 1 ผู้ไม่เคยเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาย้ายเข้า "สมิทิลา" หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... เงียบเสียจนไม่ควรมีเสียงฝีเท้ายามค่ำคืน เสียงเคาะประตูยามดึก แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น... คือความลับที่ซ่อนอยู่

‘พี่ตุนท์’ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสมิทิลา แต่กลับพูดจาเป็นปริศนาเสมอ

‘พี่มะลิ’ พี่สาวแท้ ๆ ที่ดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่าง และพยายามกันเขาออกจากเรื่องนี้

เมื่อ ความลับของสมิทิลาเริ่มเผยตัว

เมื่อ เขาเริ่มเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครควรเห็น

และเมื่อ อดีตที่ถูกฝังลึก... กำลังตื่นขึ้น

ระหว่าง หน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง กับ ความรู้สึกที่ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ เขาจะปกป้องสมิทิลาได้... หรือสุดท้ายแล้ว จะสูญเสียทุกอย่างไป?

 


 


 




***เรื่องราวความเชื่อ จิตวิญญาณ พิธีกรรม สถานที่ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้

เป็นเรื่องสมมติที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***

สารบัญ

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 1 หอพักลึกลับ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 2 คืนสงบที่ไม่สงบ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 3 สลับห้อง,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 4 สิ่งที่ถูกกักขัง,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 5 กุญแจสู่ความลับ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 6 สื่อกลางระหว่างภพ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 7 สายใยแห่งบุญ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 8 เปิดสัมผัสใหม่,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 9 ผู้พิทักษ์ฝึกหัด,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 10 พลพรรคเหล่าผู้พักพิง

เนื้อหา

ตอนที่ 6 สื่อกลางระหว่างภพ

 โทรศัพท์ของเมฆสั่นเบา ๆ ขณะเขากำลังเก็บของหลังจากจบคาบเรียนประวัติศาสตร์ไทย เขาเหลือบมองข้อความที่เพิ่งเด้งขึ้นมาในแชต

 Aunochrome: เลิกคลาสยัง? ไปกินข้าวกัน โรงอาหารเดิมนะ

 Dreamy Cloud: โอเค เดี๋ยวไปเจอที่นั่น

 "เมฆ! เลิกแล้วไปไหนหรอ"

 เสียงของ ‘เข็ม’ ดังขึ้นจากข้าง ๆ ทำให้เมฆละสายตาจากโทรศัพท์ หันไปมองเพื่อนสาวที่กำลังสะพายกระเป๋าเตรียมออกจากห้องเช่นกัน เข็มเป็นเพื่อนที่เรียนเอกเดียวกับเมฆ เรารู้จักกันเพราะอาจารย์ให้จับคู่ทำแบบฝึกหัดเกี่ยวกับการวิเคราะห์เอกสารในวิชานี้ ด้วยความที่เธอเป็นคนเข้าหาคนอื่นง่ายและชอบชวนเมฆคุยเราจึงสนิทกัน

 "อุ่นชวนไปกินข้าวที่โรงอาหารอ่ะ เข็มไปด้วยกันมั้ย" เมฆตอบเรียบ ๆ ขณะเดินออกจากห้องเรียนพร้อมเข็ม

 "ดีเลย! ฉันขี้เกียจไปกินข้าวคนเดียว งั้นไปกับพวกนายดีกว่า" เข็มว่า พลางก้าวไปเดินเคียงข้างเมฆโดยไม่รอคำตอบ

 เมฆไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะปกติพวกเขาก็ไปไหนมาไหนกับเข็มในช่วงเรียนบ่อย ๆ

 อากาศช่วงเที่ยงค่อนข้างร้อน นักศึกษาหลายคนทยอยออกจากห้องเรียน ใต้ตึกคณะเลยมีคนหนาแน่น บางคนจับกลุ่มคุยกัน บางคนเดินตรงไปที่โรงอาหารเหมือนที่เมฆและเข็มกำลังทำ

 เสียงจ้อกแจ้กของนักศึกษาที่กำลังพักกลางวันดังทั่วโรงอาหาร กลิ่นอาหารตลบอบอวล เมฆเดินลัดเลาะผ่านโต๊ะต่าง ๆ มุ่งหน้าไปยังมุมหนึ่งของโรงอาหารที่ ไออุ่น นั่งรออยู่

 ไออุ่นเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์เมื่อเห็นเมฆ ก่อนจะโบกมือเรียก 

 "เมฆ! ทางนี้" เมฆยกมือรับคำทักทาย ขณะที่เข็มก้าวตามมาติด ๆ ไออุ่นเลิกคิ้วเมื่อเห็นเพื่อนร่วมทางของเมฆ

 "อ้าว เข็มก็มาด้วยเหรอ?"

 "แน่นอน นายชวนเมฆแต่ไม่ได้ชวนฉัน ฉันก็ต้องตามมาเองสิ" เข็มตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะนั่งลงข้างเมฆ

 "เออ ๆ นั่งเลย" ไออุ่นหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองร้านข้าวพลางถาม "กินอะไรกันดี?"

 เมฆไล่สายตาไปตามร้านต่าง ๆ พลางถอนหายใจ "คิดไม่ออกอ่ะ อุ่นคิดให้หน่อยสิ"

 "ข้าวมันไก่มั้ย?" ไออุ่นเสนอ

 "เออ ก็ดีนะ" เมฆพยักหน้า ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา "เดี๋ยวฉันไปสั่งเอง นายเอาอะไร?"

 "ข้าวมันไก่ไม่หนัง" ไออุ่นตอบ พลางก้มหน้าเล่นโทรศัพท์

 "ฉันเอากะเพราหมูกรอบไข่ดาว" เข็มเสริม พร้อมโบกมือไล่เมฆ "ไปเลย ไปเลย นายเป็นคนรับออเดอร์เองแล้วนะ"

 เมฆถอนหายใจ แต่ก็เดินไปสั่งข้าวให้เพื่อน ระหว่างที่กำลังรอ เมฆก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มนักศึกษาหญิงที่ยืนรวมกันอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร

 เขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก จนกระทั่งหางตาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตพับแขน กางเกงสแลคทรงพอดีตัว ผมสีดำขลับเป็นระเบียบ แต่มีรอยยิ้มกวน ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์

 พี่ตุนท์…

 เมฆขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างสูงของอีกฝ่ายเดินผ่านโรงอาหารไปอย่างสบาย ๆ ราวกับไม่ได้รับรู้ถึงความสนใจรอบตัว แต่กลับเป็นที่สนใจของคนรอบข้าง

 เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นเป็นระลอก หญิงสาวสองสามคนที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างพากันหันไปมองตุนท์ด้วยสายตาตื่นเต้น บางคนรีบสะกิดเพื่อนข้าง ๆ ให้ดู บางคนแอบยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างรวดเร็ว

 "กรี๊ดด หล่อมากอะ!!"

 "พี่เขาเรียนคณะอะไรอ่ะ? รุ่นพี่ปีไหน?"

 "เห็นอยู่แถวนี้บ่อย ๆ นะแต่ไม่รู้จักเลย…"

 ในขณะที่กลุ่มคนรอบข้างยังคงจับกลุ่มซุบซิบกันอยู่ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปหาตุนท์พร้อมรอยยิ้มขวยเขิน ในมือของเธอมีโทรศัพท์มือถือเตรียมพร้อม

 "เอ่อ… ขอโทษนะคะ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม?"

 เมฆเหลือบตามองอย่างสนใจ ตุนท์หยุดเดิน ก่อนจะหันไปยิ้มบาง ๆ ให้ผู้หญิงคนนั้น

 "ได้สิครับ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อให้ถ่ายรูปได้มุมดีขึ้น

 ผู้หญิงคนนั้นแทบจะกลั้นกรี๊ดไว้ไม่อยู่ รีบกดถ่ายเซลฟี่ตัวเองคู่กับตุนท์อย่างรวดเร็ว ในขณะที่เพื่อนของเธอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มใจกล้าขึ้น เดินเข้ามาร่วมเฟรมด้วย 

 "ขอบคุณมากเลยนะคะพี่" เธอกล่าวกับตุนท์หลังจากได้รูปแล้ว

 "ยินดีครับ" ตุนท์ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเสน่ห์ แล้วก้าวเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 เมฆยืนดูเหตุการณ์ตรงหน้านิ่ง ๆ แล้วถอนหายใจเบา ๆ 

 "เสน่ห์แรงไม่ใช่เล่นเลยแฮะ…"

 เขาหันกลับไปสนใจอาหารที่สั่งไว้ รออยู่ไม่นานก็ได้ข้าวมันไก่สองจานกับกะเพราหมูกรอบ ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ

 ไออุ่นเลิกคิ้วเมื่อเห็นเมฆทำหน้าประหลาด ๆ "ทำไมทำหน้าแบบนั้น?"

 "เจอคนรู้จักน่ะ" เมฆตอบก่อนจะวางจานข้าวลงตรงหน้าเข็มและไออุ่น "กินเถอะ หิวแล้ว"

 "ใครวะ?" เข็มถาม พลางตักข้าวเข้าปาก

 "ช่างเถอะ เธอไม่รู้จักหรอก" เมฆตอบแบบเลี่ยง ๆ

 เข็มไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ ทั้งสามคนนั่งกินข้าวด้วยกัน ท่ามกลางเสียงพูดคุยและบรรยากาศคึกคักของโรงอาหาร

  

  

 หลังจากแยกกับไออุ่นที่โรงอาหาร เมฆกับเข็มก็ไปหมกตัวอยู่ในหอสมุดตลอดทั้งบ่าย ก่อนเมฆจะแยกกลับหอในช่วงเย็น ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอ่อนของยามเย็น ลมพัดเอื่อย ๆ ช่วยให้ความเหนื่อยล้าจากวันเรียนค่อย ๆ ผ่อนคลายลง

 “กลับมาแล้ว…” เมฆพึมพำกับตัวเองก่อนจะเดินขึ้นไปที่ห้อง 

 เขาหยิบกุญแจมาไขประตู แล้วเปิดเข้าไป จังหวะที่กำลังจะก้าวเข้าไปในห้อง เมฆเหมือนเห็นแสงเรืองรองบางอย่างตรงโต๊ะเขียนหนังสือ เขารีบเดินตรงไปที่โต๊ะ วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ สายตาจับจองไปที่ขอบโต๊ะเขียนหนังสือ ลวดลายคล้ายอักษรบางอย่างที่เขาเคยสังเกตเห็นวันแรกที่ย้ายเข้า ตอนนี้เหมือนจะชัดเจนขึ้น

 เมฆขมวดคิ้ว เดินเข้าไปใกล้โต๊ะ แล้วใช้นิ้วลูบผ่านอักษรเหล่านั้น สัมผัสเย็นวาบแผ่ซ่านขึ้นมาทันที เมฆสะดุ้ง รีบชักมือออก ก่อนจะมองนิ้วตัวเองที่ยังคงรู้สึกเย็นอยู่

 “อะไรเนี่ย... เมื่อก่อนมันไม่เป็นแบบนี้นี่” อักษรที่ลบเลือน เหมือนกำลังเผยตัวขึ้นมาทีละนิด ในแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องลอดผ่านหน้าต่าง

 เมฆกลืนน้ำลาย นี่มัน... เหมือนยันต์ที่เขาเห็นที่หน้าต่างและประตู้ห้องพี่มะลิเลย แต่ก่อนที่เขาจะได้ขบคิดอะไรไปมากกว่านี้...

 "โย่ว~" 

 "อ๊ากกก!!!" เมฆร้องเสียงหลง กระโดดไปเกาะกำแพง ก่อนจะหันไปเห็นว่า ตุนท์กำลังยืนพิงประตูห้อง พร้อมรอยยิ้มกวน ๆ

 "พี่ตุนท์!!! พี่เข้ามาได้ไง!?"

 "ก็เธอเปิดประตูให้ฉันเข้ามาไง" ตุนท์ตอบหน้าตาย

 "ผมเปิดประตูให้ตัวเอง ไม่ได้เปิดให้พี่นะ!"

 "หรอออ~" ตุนท์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวพิงกำแพง 

 "ว่าแต่... เธอดูอะไรอยู่เหรอ?"**

 เมฆชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองขอบโต๊ะ อักษรที่เผยให้เห็นเมื่อครู่... ตอนนี้ดูเหมือนจะเลือนหายไปแล้ว เขาขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองตุนท์อย่างจับผิด

 "...พี่ตุนท์รู้เรื่องนี้ใช่ไหม?"

 ตุนท์ยักไหล่ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้โต๊ะเขียนหนังสือ แล้วใช้นิ้วแตะลงบนอักษรจาง ๆ "อืม... มันเริ่มทำงานแล้วสินะ"

 "ทำงาน?" เมฆขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม "หมายความว่าไง?"

 "ก็หมายความว่า…" ตุนท์ลดรอยยิ้มลงเล็กน้อย "เธอเริ่มเชื่อมโยงกับสมิทิลาโดยไม่รู้ตัว"

 "เชื่อมโยง?" เมฆทวนคำ

 "เธอเห็นแล้วใช่ไหม? อักขระที่ 'คนทั่วไป' ไม่ควรเห็น" ตุนท์เอนตัวพิงโต๊ะอย่างสบาย ๆ

 "พวกมันเริ่ม 'ทำงาน' แล้ว และนั่นหมายความว่าผนึกของที่นี่กำลังตอบสนองกับพลังของเธอ"

 "...หมายถึงอักษรบนโต๊ะ?"

 "ไม่ใช่แค่นั้น" ตุนท์ยิ้มขำ ๆ ก่อนจะหันมองขอบโต๊ะอีกครั้ง ดวงตาคมลึกของเขาสะท้อนอะไรบางอย่างที่เมฆไม่อาจเข้าใจ

 "เธอควรระวังตัวไว้หน่อยนะ" น้ำเสียงของตุนท์ฟังดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย จนเมฆรู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

 "หมายถึงอะไร?"

 "ฉันแค่เตือน..." ตุนท์พูดช้า ๆ "เพราะจากนี้ไป สิ่งที่ถูกกักขัง อาจจะเริ่มส่งสัญญาณมากขึ้น"

 เมฆนิ่งเงียบไป คำพูดนั้นทำให้เขานึกถึงประโยคที่พระในจีวรเขียวพูดเมื่อคืน...

 สิ่งที่ถูกกักขัง มันเริ่มส่งสัญญาณแล้ว

 เมฆกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงเข้าสู่บางสิ่งที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 "เอาล่ะ ฉันบอกมากพอแล้ว วันนี้ขอใช้ห้องเธอเป็นที่พักชั่วคราวหน่อยนะ~" ตุนท์ทิ้งตัวลงบนเตียงของเมฆหน้าตาเฉย

 "พี่ตุนท์!! นี่มันห้องผมนะ!!" เมฆยืนเท้าเอว มองร่างสูงที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของเขาอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ดวงตาสีเข้มเหลือบมามองเขา พร้อมรอยยิ้มกวน ๆ ที่ทำให้เมฆอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่

           “พี่ตุนท์ พี่มานอนห้องผมแบบนี้ได้ไง?”

           "ก็เธอดูจะมีเรื่องให้คิดเยอะนี่นา ฉันก็แค่มาคุยเป็นเพื่อนไม่ดีเหรอ?" ตุนท์ยักไหล่ "อีกอย่าง เตียงห้องนี้ก็นุ่มดีนะ"

 "ทำไมพี่ไม่ไปนอนที่ห้องตัวเองเล่า!" เมฆโวยวาย แต่ตุนท์กลับหัวเราะเบา ๆ ทำเหมือนคำพูดเขาเป็นลมผ่านหูไปแล้ว

 เมฆยอมแพ้ เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตรงโต๊ะอ่านหนังสือของตัวเอง พลางขมวดคิ้วคิดถึงสิ่งที่ตุนท์พูดก่อนหน้านี้ สิ่งที่ถูกกักขัง มันเริ่มส่งสัญญาณแล้ว มันหมายถึงอะไร? และเขาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไง?

 "พี่ตุนท์…" เมฆลังเลก่อนจะเอ่ย "เรื่องเมื่อกี้… พี่หมายถึงอะไรที่ว่ามันเริ่มส่งสัญญาณ?"

 ตุนท์เอนตัวพิงหัวเตียง ขยับตัวให้สบายขึ้น ก่อนจะมองเมฆด้วยสายตาลุ่มลึก "หมายความว่า… ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่หอพักธรรมดา"

 "ป้าไหมบอกผมแล้วว่า สมิทิลาเป็นสถานที่สำคัญที่เชื่อมระหว่างสองโลก" เมฆขมวดคิ้ว "ป้าบอกว่ามันมีไว้เพื่อคัดกรองและปิดกั้นบางสิ่ง… บางสิ่งที่ไม่ควรออกไปสู่โลกภายนอก"

 "ป้าไหมพูดถูก" ตุนท์พยักหน้า "ที่นี่เป็นเหมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างภพภูมิ เป็นที่ที่วิญญาณเดินทางผ่านเพื่อไปยังจุดหมายที่เหมาะสม… แต่มันก็ต้องมีคนดูแลไม่ให้เกิดความวุ่นวาย"

 "คนดูแล?" เมฆขมวดคิ้ว

 "ก็เหมือนสนามบินนั่นแหละ" ตุนท์ไหวไหล่ "ถ้าไม่มีการจัดการ คงวุ่นวายไปหมด วิญญาณเร่ร่อนจะติดค้าง พวกที่ไม่ควรออกมาก็อาจจะเล็ดลอดออกมาได้"

 เมฆนิ่งคิดตาม แม้จะยังรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเหนือความเข้าใจ แต่สิ่งที่เขาเจอมากับตัวมันก็ยากเกินกว่าจะปฏิเสธ

 "แล้วพี่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้?"

 "ฉันเป็น 'คนเฝ้าประตู' ไงล่ะ" ตุนท์ยิ้มเจ้าเล่ห์

 "คนเฝ้าประตู?"

 "คนที่คอยดูแลเส้นทางการเดินทางของวิญญาณ คอยช่วยให้ดวงวิญญาณที่ควรไปสู่สัมปรายภพได้เดินทางไปตามกรรมของพวกเขา… และคอยดูด้วยว่าไม่มีอะไรที่ ‘ไม่ควรออกมา’ เล็ดลอดออกไป"

 "แล้วอะไรคือ 'สิ่งที่ไม่ควรออกไป'?"

 ตุนท์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ "มันเป็นพลังบางอย่างที่อยู่ผิดที่ผิดทาง… พลังที่ไม่สมควรจะหลุดออกไปในโลกมนุษย์"

 "หมายความว่าไง?" เมฆรู้สึกว่าหัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 "สมิทิลามีบางอย่างที่ถูก 'ผนึก' ไว้" ตุนท์พูดเสียงเรียบ "บางสิ่งที่ควรถูกกักขังเอาไว้ เพราะถ้ามันเล็ดลอดออกไป… สมดุลระหว่างโลกมนุษย์กับภพภูมิอื่นอาจถูกทำลาย"

 เมฆกลืนน้ำลาย ฝ่ามือเริ่มเย็นเฉียบ "แล้ว… ทำไมตอนนี้มันถึงเริ่ม 'ส่งสัญญาณ' ได้ล่ะ?"

 ตุนท์ยิ้มมุมปาก แต่ดวงตาของเขาฉายแววจริงจัง "เพราะผนึกที่เคยแข็งแกร่ง… กำลังอ่อนแรงลง"

 เมฆนิ่งไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

 "และการที่เธอเริ่มเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น…" ตุนท์เอนตัวเข้ามาใกล้เล็กน้อย "อาจเป็นสัญญาณว่าเธอเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากกว่าที่เธอคิด"

 "เกี่ยวข้อง?" เมฆขมวดคิ้ว "พี่หมายความว่ายังไง?"

 ตุนท์ไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา "ช่างเถอะ เรื่องพวกนั้นเอาไว้ทีหลัง" เขาพูดเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน "ฉันมีอะไรสนุก ๆ จะให้เธอลอง มานั่งใกล้ ๆ ฉันนี่สิ"

 "หืม?" เมฆหรี่ตามองตุนท์อย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ยอมเดินนั่งข้าง ๆ เขาบนเตียง

 "นี่ไง ก่อนขึ้นมาป้าไหมฝากฉันให้มาสอนเธอใช้แอปของหอเรา เพราะเธอรู้แล้วว่าที่นี่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภพภูมิ ดังนั้นเธอควรรู้วิธีการใช้งานแอปของหอเราได้แล้ว เห็นว่าช่วงนี้มะลิยุ่ง ๆ น่าจะไม่มีเวลาสอนเธอ ป้าไหมเห็นฉันอยู่ว่าง ๆ เลยให้ฉันมาสอนเธอแทน" ตุนท์ยิ้มกวน ๆ ก่อนจะเปิดหน้าแอปพลิเคชันอันหนึ่งในโทรศัพท์ให้เมฆดู

 เมฆมองหน้าจอโทรศัพท์ของตุนท์ เห็นไอคอนแอปพลิเคชันรูปร่างคล้ายใบโพธิ์สีทอง พร้อมตัวอักษรคำว่า ‘Samithila Connect’

 "แอปของหอเหรอครับ? ใช้ทำอะไร?" เมฆถามพลางขมวดคิ้ว

 "ดูนี่! แอปนี้ไม่ใช่แค่แอปธรรมดานะ" ตุนท์แตะเปิดแอปให้ดู "มีระบบ Billing Summary เช็กยอดค่าเช่าหอ จ่ายผ่านแอปได้เลย"

 "Maintenance Request แจ้งซ่อมทุกอย่างที่เสียหายในหอ สมิทิลาเก่าก็จริง แต่มีระบบทันสมัยนะ"

 "Community Board เป็นที่รวมข่าวสาร พวกกิจกรรมของหอ หรือคนอยากแชร์อะไรแปลก ๆ ก็โพสต์ได้"

 "เอ่อ… หอพักนี่พัฒนาไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอครับ" เมฆพูดเสียงแผ่ว แต่ตุนท์ยังคงยิ้มกวน ๆ

 "ยังไม่หมดนะ!" ตุนท์ยักคิ้วก่อนปัดนิ้วเลื่อนไปอีกหน้า "มีฟังก์ชัน Friends & Chat ให้เธอแอดเพื่อนที่อยู่ในหอ คุยกันผ่านแอป หรือแม้แต่ส่งสติ๊กเกอร์กันได้ด้วย~"

 เมฆพยักหน้า "ก็เหมือนแอปหอพักทั่วไปหรือเปล่าครับ"

 "ไม่เหมือนหรอก…" ตุนท์ไหวไหล่ก่อนจะชี้ไปที่ไอคอน Merit Transfer "เพราะมี Merit Transfer System หรือระบบ ’แต้มบุญ’ ที่ใช้โอนบุญให้กันได้ด้วย"

 "โอนบุญ?" เมฆทวนคำด้วยความสงสัย

 "ใช่! เหมือนโอนเงินนั่นแหละ แต่แทนที่จะเป็นเงิน มันคือพลังงานบุญที่ใช้ช่วยรักษาสมดุลของสมิทิลาได้" ตุนท์พูดพร้อมกับแตะไปที่แถบ ‘แต้มบุญ’ ในแอป

 "หมายความว่ายังไงครับ?" เมฆยังคงงงอยู่

 "ที่นี่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับภพภูมิอื่น ๆ ใช่ไหมล่ะ?" ตุนท์อธิบายต่อ "แอปนี้เชื่อมโยงกับระบบพลังงานของหอพักโดยตรง แต้มบุญที่พวกเราทุกภพภูมิในหอนี้สะสมไว้สามารถใช้ในการรักษาสมดุลของพื้นที่นี้ได้ ไว้ส่งให้กันก็ได้ หรือจะใช้ช่วยส่งดวงวิญญาณที่ยังติดอยู่ในหอนี้ให้เดินทางไปยังภพภูมิที่เหมาะสมก็ได้"

 "แล้ว… แต้มบุญมาจากไหนครับ?" เมฆถามต่อ

 "ก็จากการทำทาน รักษาศีล หรือสวดมนต์ภาวนายังไงล่ะ หรือแม้แต่ช่วยเหลือกันในหอนี่แหละ!" ตุนท์ตอบอย่างง่าย ๆ "ถ้าเธอทำความดี แต้มบุญในบัญชีของเธอก็จะเพิ่มขึ้น แล้วเธอก็สามารถเลือกโอนไปให้วิญญาณ หรือส่งให้คนอื่นในหอได้"

 "มัน… ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้นะครับ" เมฆพูดอย่างไม่มั่นใจ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้

 "ถ้างั้นลองโหลดแอปดูสิ!" ตุนท์หัวเราะ "แค่สแกน QR Code นี่เลย"

 เขายื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เมฆดู QR Code ที่ปรากฏบนแอป เมฆหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาสแกนอย่างลังเล ก่อนที่หน้าดาวน์โหลดแอปจะปรากฏขึ้นบนจอ

 "ยินดีต้อนรับสู่ Samithila Connect แอปเดียวที่ช่วยให้เธอเชื่อมโยงกับหอพักนี้ได้อย่างแท้จริง!" ตุนท์กล่าวด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่ดวงตาของเขากลับฉายแววบางอย่างที่ทำให้เมฆรู้สึกว่า... แอปนี้อาจไม่ใช่แค่แอปธรรมดาทั่วไป

 เมฆนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองหลังจากดาวน์โหลดแอป Samithila Connect เสร็จเรียบร้อย อินเทอร์เฟซของแอปเต็มไปด้วยสัญลักษณ์แปลกตา สีทองเรืองรองให้ความรู้สึกเหมือนกำลังใช้งานอะไรที่ลี้ลับ

 “ติดตั้งเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ต้องลงทะเบียนก่อนนะ พอสมัครเสร็จต้องยืนยันตัวตนกับป้าไหมอีกที เดี๋ยวฉันจะส่งข้อความไปบอกป้าไหม ให้แกกดยืนยันให้เธอ ยังไงลองกรอกไปเลยเดี๋ยวฉันดูให้ พอได้ User ID แล้วระบบจะเชื่อมโยงกับ ‘บุญ’ ที่มีอัตโนมัติด้วยนะ”

 เมฆทำตามอย่างว่าง่าย เขากรอกชื่อนามสกุล เบอร์โทร ตามแบบฟอร์มในแอป แล้วมีหน้าถัดไปให้ถ่ายรูปหน้า-หลังบัตรประชาชน หรือบัตรนักศึกษา เสร็จแล้วกด ‘ยืนยัน’ ไม่ถึงหนึ่งนาที หน้าจอขึ้นว่า ‘ยินดีต้อนรับ Dreamy Cloud’

 "โอ้ ผมมีแต้มบุญเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?" เมฆเลิกคิ้วมองตัวเลขที่ขึ้นสูงกว่าปกติ

 "ปกติแล้วคนทั่วไปจะมีแต้มบุญเริ่มต้นไม่เยอะขนาดนี้" ตุนท์พึมพำ "เธอเคยทำบุญใหญ่อะไรมาบ้างไหม?"

 "ผมก็แค่ทำบุญปกติ ไหว้พระ สวดมนต์มาตั้งแต่เด็ก" เมฆตอบ

 "นั่นแหละ แต่ไม่ใช่แค่บุญจากอดีต… ดูนี่" ตุนท์เลื่อนหน้าจอไปที่แถบ ‘ที่มาแต้มบุญ’

 เมฆเห็นว่ามีการแบ่งหมวดหมู่ เช่น ‘บุญสะสมจากอดีต’ ‘บุญจากการกระทำปัจจุบัน’ และ ‘บุญจากแรงศรัทธา’

 "แรงศรัทธา?" เมฆเอียงคอ

 "ใช่ บางคนแค่มีพลังพิเศษ คนอื่นศรัทธาก็ทำให้แต้มบุญเพิ่มขึ้นได้" ตุนท์กล่าว "เหมือนหลวงพ่อพุฒ… หรือแม้แต่เธอเอง"

 เมฆอาย ๆ ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าตัวเลขเหล่านี้ได้มาจากไหน แต่คงเป็นไปตามที่ป้าไหมบอกว่า ‘ทำบุญมาตั้งแต่เด็ก’ จึงมีแต้มบุญสูง

 "โอเค ทีนี้ฉันจะอธิบายให้ฟังว่าฟังก์ชันของแอปนี้ทำอะไรได้บ้าง" ตุนท์พูดพลางเอนตัวพิงหมอนบนเตียงของเมฆ ท่าทางสบายใจเหมือนอยู่ในห้องตัวเอง

 "เอ่อ… พี่จะไม่ทำตัวให้เป็นแขกหน่อยเหรอครับ?" เมฆมองอีกฝ่ายที่นั่งพิงหมอนไขว่ห้างบนเตียงตัวเองอย่างไม่เกรงใจ

 "ห้องนี้เธอมีฉันใช้ด้วยแล้วกัน ถือว่าเป็นสถานที่พำนักชั่วคราวของ ‘ผู้เฝ้าประตู’ ไง" ตุนท์ยิ้มกวน ๆ ก่อนจะชี้ไปที่หน้าจอเมฆ

 เมฆเลิกคิ้วขึ้นอย่างจับผิด “พี่นี่อ้างคำว่าผู้เฝ้าประตูบ่อยจังเลยนะ”

 "ก็ฉันเป็นผู้เฝ้าประตูจริง ๆ นี่" ตุนท์หัวเราะเบา ๆ "แต่เอาเถอะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า! ดูตรงนี้สิ นอกจากฟังก์ชันพื้นฐานแบบหอพักทั่วไปแล้ว แอปนี้ยังมีอะไรเจ๋ง ๆ อีกเพียบ!"

 "อย่างแรกสุดคือ ‘Mission Reminder’ ระบบนี้จะคอยแจ้งเตือนเธอว่ามีดวงวิญญาณที่ต้องการบุญรออยู่" ตุนท์อธิบายพลางเลื่อนหน้าจอไปที่แท็บแจ้งเตือน เมฆเห็นข้อความบนจอ

 “งั้นถ้าผมอยากช่วยคนอื่น ก็เปิดแอปเช็คดูแล้วก็เลือกโอนบุญส่งให้เขาได้เลยเหรอ?” เมฆลองกดดูเมนู “มันเหมือนโอนเงินออนไลน์เลยนะครับ มีชื่อผู้รับ มีจำนวนแต้มบุญ… โอ้ นี่มันสุดยอดจริง ๆ” ตุนท์ยิ้มขำท่าทางตื่นเต้นเหมือนเด็กน้อยของเมฆ ก่อนจะอธิบายต่อ

 “ใช่ พวกเทพอารักษ์ ผี วิญญาณ อยู่ได้ยาวขึ้นด้วยบุญที่มนุษย์โอนให้ ส่วนมนุษย์บางรายก็ต้องได้รับการโอนบุญกลับเหมือนกัน เวลาเจ็บป่วย หรือเสียพลังชีวิต ทดแทนได้เหมือนกัน เหมือนเป็นการ ‘แลกเปลี่ยนพลังงาน’ ไม่ได้เกี่ยวกับเงินทองเลยนะ” 

 “เข้าใจล่ะครับ” เมฆพยักหน้า กดสำรวจฟังก์ชั่นอื่น ๆ อาทิ ‘แชทหอ’ ที่มีห้องต่าง ๆ ไว้พูดคุย อัปเดตประกาศ หรือแชร์ประสบการณ์แปลก ๆ

 "แล้วพี่ใช้บ่อยไหม?" เมฆถามขณะลองกดดูโปรไฟล์ของตุนท์ ‘Tuniverse’ ที่มีภาพโปรไฟล์เป็นรูปตุนท์ใส่หมวกเท่ ๆ "โอ๊ะ! มีเขียนชื่อเผ่าพันธุ์ด้วย… ‘นาค’?"

 มือเมฆชะงักกึก สายตาตรึงอยู่ที่คำว่า ‘นาค’ บนหน้าจอ

 “…หมายถึงอะไรครับ?” เขาเงยหน้าขึ้นมองตุนท์ทันที

 "ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ" ตุนท์ยักไหล่ "ฉันเป็นนาค"

 เมฆนิ่งค้างไปสามวินาที ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างงุนงง “เดี๋ยว… เดี๋ยว… พี่หมายถึง ‘นาค’ แบบในตำนานแบบนั้นน่ะเหรอ?”

 "ก็ใช่สิ เธอเพิ่งรู้เหรอ?" ตุนท์เลิ่กคิ้ว

 "จะไปรู้ได้ไงเล่า!?" เมฆแทบจะโวยวายออกมา “ป้าไหมบอกแค่พี่ก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน ไม่เคยมีใครบอกผมเลยสักคำว่าพี่เป็นนาคจริง ๆ!”

 "อ้าวเหรอ?" ตุนท์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ "ฉันก็นึกว่าเธอรู้อยู่แล้วเสียอีก"

 "พี่คิดว่าผมจะไปรู้จากไหนครับ!?" เมฆรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสียสติไปอีกขั้น นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องของวิญญาณ หรือการโอนบุญแล้ว… พี่ตุนท์เป็น ‘นาค’ จริง ๆ น่ะเหรอ!?

 "เฮ้อ เธอนี่ความรู้สึกช้านะเมฆ" ตุนท์เอนตัวพิงหมอน สายตามองเมฆด้วยความเอ็นดูปนขบขัน "แต่เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนี้เธอก็รู้แล้ว"

 เมฆยังคงอ้าปากค้าง พยายามเรียบเรียงความคิด "งั้นแบบนี้… พี่… ก็เป็นพวกเดียวกับตำนานพญานาคอะไรพวกนั้นน่ะเหรอ?"

 "ใช่ ก็ประมาณนั้น"

 "แล้ว… พี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง? ทำไมถึงต้องเป็น ‘ผู้เฝ้าประตู’ ด้วย?"

 ตุนท์มองเมฆนิ่ง ๆ ไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ "คำถามเยอะขึ้นทุกวันเลยนะ"

 "ก็ผมอยากรู้นี่!" เมฆขึ้นเสียงนิด ๆ ตุนท์ไม่ได้โกรธอะไร กลับยิ้มมุมปากแทน

 "ไว้ถึงเวลาที่เหมาะสม เธอจะได้รู้เอง" ตุนท์พูดเสียงเรียบ ก่อนจะเอื้อมมือแตะไหล่เมฆเบา ๆ

 สัมผัสนั้น… เย็นวาบ

 เมฆสะดุ้งเล็กน้อย เขารู้สึกได้ถึงความเย็นที่ไม่ใช่ความเย็นปกติ แต่มันให้ความรู้สึกคล้ายกับตอนที่เขาแตะยันต์บนโต๊ะเมื่อคืนที่ผ่านมา

 "พี่… ผิวเย็นจัง" เมฆพึมพำโดยไม่รู้ตัว

 "ก็แน่ล่ะ ฉันไม่ใช่มนุษย์นี่" ตุนท์หัวเราะเบา ๆ

 "พี่… จริง ๆ แล้วพี่มีร่างเป็นงูใช่ไหมครับ?" เมฆกลืนน้ำลาย ฝ่ามือกำแน่นเล็กน้อย

 "หืม? ทำไมเธออยากเห็นร่างจริงของฉันหรอ?" ตุนท์ยกยิ้มมุมปาก เจือแววหยอกเย้า

 "ไม่! ไม่ ๆ ผมแค่… แค่…" เมฆรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ รีบหลบสายตาจากดวงตาคมลึกของตุนท์

 "โอเค พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวเธอจะรับไม่ไหว" ตุนท์หัวเราะออกมาเบา ๆ

 "ผมว่าผมก็รับไม่ไหวจริง ๆ แล้วล่ะ…" เมฆถอนหายใจหนัก "ผมควรจะค่อย ๆ ซึมซับเรื่องนี้ใช่ไหม?"

 "ใช่ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจไป เดี๋ยวเธอจะคุ้นเคยกับมันเอง"

 เมฆยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง พลางมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ยังค้างอยู่ตรงโปรไฟล์ของตุนท์ คำว่า เผ่าพันธุ์: นาค ยังคงเด่นชัดอยู่ตรงนั้น

 นี่เขามาอยู่ท่ามกลางอะไรเข้าไปแล้วเนี่ย…?

 ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนจากแอป ‘Samithila Connect’ ดังขึ้น ตุนท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ

 "อ้าว คืนนี้มีคนตั้งกิจกรรมแลกเปลี่ยนบุญแฮะ… เธอสนใจไปดูไหม?"

 เมฆที่กำลังสำรวจฟังก์ชันในแอปอยู่ เงยหน้าขึ้นมาอย่างสงสัย "แลกเปลี่ยนบุญ? ต้องทำไงครับ?"

 ตุนท์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ขยับท่านั่งให้สบายขึ้น "ก็เหมือนการทำบุญหมู่ไง บางคนโอนบุญช่วยเพื่อนที่ป่วย หรือบางคนต้องใช้บุญเพื่อรักษาสภาพร่างให้มั่นคง ไม่ให้หลุดเป็นวิญญาณเร่ร่อน"

 "พี่หมายถึง…" เมฆหยุดคิดไปชั่วขณะ ก่อนจะเบิกตากว้าง "ผู้อาศัยในหอไม่ได้มีแค่มนุษย์เหรอครับ?"

 "ทำไม? พึ่งรู้เหรอ?" ตุนท์เลิกคิ้ว ขยับยิ้มมุมปากเล็กน้อย

 เมฆชะงักไป เขากำลังจะตอบว่า ‘ใช่’ แต่พอคิดทบทวน มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจขนาดนั้น ตั้งแต่ย้ายเข้ามาที่สมิทิลา ทุกคืนที่ผ่านมาก็เต็มไปด้วยเรื่องเหนือธรรมชาติ และยิ่งเมื่อคืน…

           "…" เมฆนิ่งคิด ก่อนจะพูดเบา ๆ "ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง…"

 ตุนท์มองท่าทางของเมฆอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มขำ "เธอเริ่มเข้าใจแล้วสินะ… ดีแล้วล่ะ ไว้พี่จะพาเธอไปทำเรื่องสนุก ๆ นะ"

 เมฆขมวดคิ้วเล็กน้อย ตะหงิดใจกับอะไรบางอย่างในประโยคของตุนท์ แต่ก็นึกไม่ออก

 …เมื่อกี้พี่ตุนท์แทนตัวเองว่า ‘พี่’ งั้นเหรอ?

 เมฆสลัดความคิดนั้นออกจากหัว ยังไงพี่ตุนท์ก็เป็นคนชอบพูดกวน ๆ อยู่แล้ว อาจจะเป็นแค่จังหวะพูดเล่นก็ได้

 "เอาล่ะ วันนี้พอแค่ก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ลองโอนบุญดูนะ เดี๋ยวพี่แนะนำให้" ตุนท์พูด พลางเอนตัวพิงเก้าอี้เหมือนเดิม

 เมฆพยักหน้า หัวคิ้วยังขมวดเล็กน้อยกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ พลางมองตัวเลขแต้มบุญของตัวเองบนหน้าจอ "พรุ่งนี้ลองโอนให้ใครดีนะ…?"

เขาไม่รู้เลยว่า… การโอนบุญครั้งแรกของเขา อาจจะเปลี่ยนโชคชะตาของใครบางคนไปตลอดกาล