หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก - ตอนที่ 8 เปิดสัมผัสใหม่ โดย สิริสัตตบุษย์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ลึกลับ,แฟนตาซี,ไทย,ระทึกขวัญ,ภูตผี,วิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ลึกลับ,แฟนตาซี,ไทย,ระทึกขวัญ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ภูตผี,วิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,นิยายวาย

รายละเอียด

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก โดย สิริสัตตบุษย์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’

ผู้แต่ง

สิริสัตตบุษย์

เรื่องย่อ

เมฆ นักศึกษาปี 1 ผู้ไม่เคยเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาย้ายเข้า "สมิทิลา" หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... เงียบเสียจนไม่ควรมีเสียงฝีเท้ายามค่ำคืน เสียงเคาะประตูยามดึก แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น... คือความลับที่ซ่อนอยู่

‘พี่ตุนท์’ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสมิทิลา แต่กลับพูดจาเป็นปริศนาเสมอ

‘พี่มะลิ’ พี่สาวแท้ ๆ ที่ดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่าง และพยายามกันเขาออกจากเรื่องนี้

เมื่อ ความลับของสมิทิลาเริ่มเผยตัว

เมื่อ เขาเริ่มเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครควรเห็น

และเมื่อ อดีตที่ถูกฝังลึก... กำลังตื่นขึ้น

ระหว่าง หน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง กับ ความรู้สึกที่ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ เขาจะปกป้องสมิทิลาได้... หรือสุดท้ายแล้ว จะสูญเสียทุกอย่างไป?

 


 


 




***เรื่องราวความเชื่อ จิตวิญญาณ พิธีกรรม สถานที่ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้

เป็นเรื่องสมมติที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***

สารบัญ

สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 1 หอพักลึกลับ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 2 คืนสงบที่ไม่สงบ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 3 สลับห้อง,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 4 สิ่งที่ถูกกักขัง,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 5 กุญแจสู่ความลับ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 6 สื่อกลางระหว่างภพ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 7 สายใยแห่งบุญ,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 8 เปิดสัมผัสใหม่,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 9 ผู้พิทักษ์ฝึกหัด,สมิทิลา หอพักสื่อสองโลก-ตอนที่ 10 พลพรรคเหล่าผู้พักพิง

เนื้อหา

ตอนที่ 8 เปิดสัมผัสใหม่

 เช้าวันใหม่เมฆสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ ร่างกายยังรู้สึกหนักอึ้งจากความเหนื่อยล้าที่สะสมจากคืนก่อนหน้านี้ เขาขยับตัวนั่งบนเตียง พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

 07:12 น.

 Jasmine's Breeze: "เมื่อคืนโทรมาหาพี่ มีอะไรหรือเปล่า?”

 เมฆกะพริบตา มองข้อความจากพี่สาวอย่างมึนงง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาวิ่งลงไปโทรหาพี่มะลิด้วยอาการเสียขวัญสุดขีด... แล้วเธอก็ไม่ได้รับสาย

 เขาถอนหายใจ พลิกตัวนอนจ้องเพดานอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไป

Dreamy Cloud: “ไม่มีอะไรแล้วพี่มะลิ เมฆแค่ตกใจนิดหน่อยอ่ะ”

 ไม่ถึงสองนาทีถัดมา โทรศัพท์ก็สั่นขึ้นอีกครั้ง

 Rrrr~ Rrrr~

 -P’ Mali-

 “ม่อนิ่งงง” เมฆรับสายพี่มะลิพร้อมบิดขี้เกียจ

 [“น้องเมฆ โอเคไหม เป็นอะไรหรือเปล่า?”] เสียงพี่มะลิฟังดูเป็นห่วง เมฆลังเลนิดหน่อยว่าจะเล่ายังไงดี

 “เมฆโอเคแล้วพี่มะลิ แค่ฝันร้ายเฉย ๆ” เขาตอบเลี่ยง ๆ

 ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่มะลิจะพูดขึ้น 

 [“งั้นออกมากินข้าวด้วยกันหน่อยไหม พี่อยากเจอเรา นี่พี่อยู่บ้านเพื่อนกำลังจะกลับ เมื่อคืนมาปาร์ตี้วันเกิดที่บ้านมัน เลยค้างที่นี่ไม่ได้กลับหอ”]

 เมฆคิดอยู่ชั่วครู่ มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แถมพี่สาวยังอุตส่าห์ชวนทั้งที่ปกติไม่ค่อยได้นัดกันแบบนี้

 “อืม ก็ได้ พี่มะลิจะให้เมฆไปเจอที่ไหนดี?” 

 พี่มะลินัดร้านอาหารใกล้มหา’ลัย เมฆลุกจากเตียง อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เตรียมของที่ต้องใช้ไปเรียนต่อตอนสิบโมง แล้วออกจากหอไป

 แสงแดดยามสายทำให้เมฆรู้สึกเหมือนโลกเป็นปกติ เขาเดินไปตามถนนหน้ามหา’ลัย นักศึกษาหลายคนเดินผ่านไปมา บางคนนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ บรรยากาศดูธรรมดา...

 จนกระทั่งเขาเห็นบางสิ่งที่ไม่เข้ากัน... ข้างตู้กดน้ำริมฟุตปาธ มีชายชราสวมเสื้อขาด ๆ ยืนจ้องอยู่ตรงมุมเงา แววตาของเขาดูมืดมิด ผิวซีดขาวราวกับไร้ชีวิต เมฆขนลุกวูบ แต่พอเขากะพริบตาอีกครั้ง... ร่างนั้นก็หายไป

 “เราเห็นอะไรวะ…” เขาพึมพำกับตัวเอง พยายามบอกตัวเองว่าอาจจะแค่ตาฝาด

 แต่พอเดินไปอีกไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นอีกครั้ง หญิงสาวสวมชุดนักศึกษายืนก้มหน้าอยู่ตรงบริเวณสวนทางเข้าคาเฟ่แห่งหนึ่ง เธอดูเหมือนนักศึกษาธรรมดา... 

 ยกเว้นก็แต่... เธอยืนอยู่กลางบ่อน้ำพุ เงาสะท้อนในน้ำนั้นไม่มีภาพของเธอ

เมฆหยุดเดินกะทันหัน ใจเต้นระรัว ก่อนจะกระพริบตาแรง ๆ แล้วมองไปอีกที...

 ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น เขาสูดหายใจลึก ยกมือขึ้นกดขมับ 

 นี่เราคิดมากไปเอง หรือเราเริ่มเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นจริง ๆ กันแน่…

 เมฆเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว พยายามไม่คิดถึงภาพที่เห็น และพยายามสงบสติอารมณ์ แต่ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยยังคงฝังแน่นในหัว ใจเต้นรัวขึ้นเล็กน้อยจนเขาต้องยกมือจับอก เพื่อยับยั้งไม่ให้ตัวเองตกใจมากไปกว่าเดิม

 ขณะที่เดินไปยังร้านที่นัดกับพี่มะลิ เขาเริ่มมองเห็นโลกในมุมที่แปลกไป ราวกับบางสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังแฝงตัวอยู่ท่ามกลางผู้คน แต่เมฆพยายามบอกตัวเองว่าแค่คิดมากไปเอง

 เมื่อมาถึงร้านอาหาร เมฆเห็นพี่มะลิมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขารีบเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามพี่มะลิอย่างรวดเร็ว

 "พี่มะลิ!" เมฆทักทายเธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

 “กินอะไรดี สั่งเลยนะ พี่เลี้ยงเอง” มะลิถามพร้อมยื่นเมนูมาให้

 “โห งั้นเมฆไม่เกรงใจน้า~” มะลิมองน้องแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดู

 เมื่อพนักงานเดินมารับออเดอร์ไปเสร็จ มะลิถามถึงเรื่องเมื่อคืน 

 "เมื่อคืนโอเคใช่ไหม?" พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

 "อืม เมฆโอเค แค่ฝันร้ายน่ะ" เมฆแสร้งทำเป็นยิ้มตอบ เขาไม่อยากให้พี่มะลิรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหอพักเลย

 แต่มะลิไม่หลอกตนเอง เธอรู้สึกถึงความแปลกประหลาดในสายตาของเมฆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

 "พี่มะลิ… เมฆถามอะไรหน่อยสิ พี่รู้จักผู้อาศัยคนอื่นในหอสมิทิลาไหม?"

 มะลิหยุดชะงักไปชั่วครู่ แล้วหันมองเมฆด้วยความสงสัย "ทำไมถามแบบนี้ล่ะ?"

 "คือ… เมฆเจอคนแปลก ๆ หลายครั้งแล้ว… อยากรู้ว่ามีใครอยู่ที่นั่นบ้าง" เมฆพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด

 มะลิมองเมฆสักพัก ก่อนจะตอบ "ทำไมเหรอ? เจอใครหรอที่ว่าแปลก ๆ น่ะ?"

 เมฆลังเลจะพูดอะไรบางอย่าง เขารู้ว่าเวลานี้ยังไม่พร้อมที่จะเล่าให้พี่มะลิรู้ทั้งหมด เขาต้องแน่ใจก่อนกว่าพี่มะลิรู้อะไรเกี่ยวกับหอนี้บ้าง ถ้าเธอไม่ได้เจอแบบเดียวกันกับที่เขาเจอ เขาก็ไม่อยากให้เธอต้องมาเผชิญเรื่องแปลก ๆ เช่นเดียวกับเขา

 "เอาเถอะ… พี่ไม่อยากให้เมฆกังวล ถ้าเจออะไรแปลก ๆ ก็บอกพี่นะ"

 เมฆพยักหน้าตอบรับ จ้องหน้าพี่สาวและตัดสินใจถาม "พี่มะลิ..." เมฆเริ่มพูดช้า ๆ "ที่พี่บอกว่า... พี่รู้ว่าสมิทิลาไม่ใช่แค่หอพักธรรมดา พี่รู้ใช่ไหมว่ามัน... ไม่ปกติ" 

 มะลิมองน้องชาย แล้วพยักหน้า "อืม พี่รู้มาตั้งแต่ปีแรกที่อยู่ที่นี่แล้ว เมฆ... พี่อยู่ที่นี่มาเกือบสี่ปีแล้วนะ คิดว่าพี่จะไม่รู้เลยเหรอว่าที่นี่มันมีอะไรแปลก ๆ"

 "แต่ทำไมพี่มะลิ ไม่เคยบอกเมฆเลย..."

 มะลิมองเมฆเหมือนจะสงสัยว่าเขาคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ แต่พยายามเก็บความกังวลไว้ในท่าทาง "หอสมิทิลาไม่ใช่แค่หอพักธรรมดา เมฆต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกอย่างในหอจะเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคย"

 การพูดของพี่มะลิทำให้เมฆเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ เขาอยากได้คำตอบบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เขากำลังพยายามทำความเข้าใจ

 "บางทีเราอาจจะต้องพยายามเข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยเห็น…" เมฆฟังแล้วนิ่งคิดพร้อมกับเลื่อนสายตาไปยังรอบตัว

 มะลิมองท่าทางของน้อง ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า "พี่แค่คิดว่าเมฆจะใช้ชีวิตปกติไปก่อน ไม่อยากให้เมฆต้องมาเจอเรื่องพวกนี้เร็วเกินไป" เมฆชะงักกับคำพูดนั้นของมะลิ

 "ที่ป้าไหมบอกว่าหอสมิทิลาเป็นจุดเชื่อมต่อภพภูมิ... มันหมายความว่ายังไงหรอพี่มะลิ?"

 "หอนี้เป็นเหมือน ‘ทางผ่าน’ ทำสำหรับดวงวิญญาณและบางตนก็อาศัยอยู่ที่นี่" มะลิพูดด้วยท่าทีที่ไม่ตกใจหรือตื่นเต้นเลยสักนิด

 "หมายความว่า… พี่ก็รู้ว่าที่นี่มีสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่?"

 มะลิพยักหน้า “ใช่ พี่รู้ บางคนเป็นวิญญาณที่ยังไม่ไปไหน บางคนเป็น… ‘ผู้พักพิง’ ”

 เมฆขมวดคิ้ว “แล้วผู้พักพิงต่างจากวิญญาณทั่วไปยังไง?”

 "ผู้พักพิงบางคนอยู่ที่นี่ถาวร แต่บางคนอยู่แค่ช่วงสั้น ๆ อาจเป็นคนที่เพิ่งเสียชีวิตและยังไม่รู้ว่าต้องไปไหน หรือบางคนมีธุระที่ต้องสะสาง" เมฆขมวดคิ้ว นี่หมายความว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างในสมิทิลา

 เมฆเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามต่อ "แล้วพี่เคยเห็นอะไรแปลก ๆ ในหอไหม?"

 มะลิถอนหายใจ "พี่เคยฝันถึง ผู้หญิงใส่ชุดไทยโบราณอยู่บ้าง ตอนมาอยู่แรก ๆ"

 "ผู้หญิงชุดไทยเหรอ?" เมฆพลันนึกถึงคุณสไบ

 "ใช่ มันเป็นฝันที่เหมือนจริงมากจนบางครั้ง พี่รู้สึกว่ามันอาจไม่ใช่แค่ความฝัน" มะลิพูดอย่างเคร่งขรึม 

 "ในฝันเธอเอาแต่ยืนอยู่ในความมืด มองมาทางพี่ ดูน่ากลัวแปลก ๆ รู้สึกเหมือนเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง พี่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่หลังจากนั้น พี่ก็เจอหลวงพ่อพุฒ อยู่ ๆ ท่านก็มาให้คำแนะนำในการจัดห้องในตำแหน่งที่เหมาะสม เตือนไม่ให้ยุ่งกับบางพื้นที่ หรือแม้กระทั่งการยอมรับความผิดปกติในหอพักโดยไม่ตั้งคำถาม ทำให้พี่มั่นใจว่าหอนี้ ‘ไม่ปกติ’ ”

 เมฆขมวดคิ้ว นี่หมายความว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกถึงพลังงานบางอย่างในสมิทิลา

 "นี่พี่ก็เคยเจอหลวงพ่อพุฒหรอ... แล้วผู้หญิงชุดไทย ใช่คุณสไบหรือเปล่า?"

 มะลิหัวเราะเบา ๆ "ไม่ใช่หรอก พี่เคยคุยกับพี่สไบสองสามครั้ง เธอเป็นมิตรและใจดีนะ ไม่ได้ดูน่ากลัวเลย" พี่สไบ? เมฆรู้สึกแปลกใจกับคำเรียกที่ดูสนิทสนมของพี่สาว

 "แล้วพี่รู้ไหมว่าคุณสไบไม่ใช่... มนุษย์?"

 "รู้สิ พี่สไบเป็นผู้พักพิงของที่นี่ เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่อยู่ในสมิทิลา" มะลิอธิบาย “พวกที่ไม่ได้เป็นมนุษย์ แต่มีเหตุผลบางอย่างที่ต้องมาอยู่ที่นี่ อย่าง ‘พี่สไบ’ เธอเป็นนางไม้ เธอบอกว่าเธอเลือกจะมาอยู่ที่นี่เพราะที่นี่มีพลังงานบุญที่ช่วยหล่อเลี้ยงเธอได้”

 เมฆเริ่มรู้สึกว่าพี่สาวของเขาเข้าใจเรื่องของสมิทิลาลึกซึ้งกว่าที่คิด เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ดูเหมือนมะลิเองก็รับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด

 “แล้วพี่… ไม่เคยคิดจะบอกเมฆเลยเหรอ” เมฆถามเสียงเบา

 มะลิยิ้มแห้ง ๆ “ก็… พี่ไม่รู้ว่าควรบอกตอนไหน อีกอย่าง พี่คิดว่าเมฆอาจจะใช้ชีวิตไปตามปกติได้ ไม่ต้องมาเจอเรื่องพวกนี้”

  “แต่เมฆก็เจออยู่ดี” เมฆถอนหายใจ

 มะลิพยักหน้าอย่างเข้าใจ “จริง ๆ พี่ก็คิดไว้แล้วว่าเมฆอาจจะต้องมาเกี่ยวข้องกับสมิทิลาอยู่ดี”

 “ทำไมล่ะ” เมฆถามทันที

 มะลิหยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเบา “เพราะ… เมฆอาจจะเป็นคนที่ ‘สัมผัส’ ได้มากกว่าคนทั่วไป”

 เมฆนิ่งงัน “หมายความว่าไง…”

 “ก็…” มะลิเหลือบมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพูดต่อ “พี่เคยถามป้าไหมว่าทำไมบางคนถึงไม่เคยเห็นอะไรในสมิทิลาเลย แต่บางคนกลับเห็น… ป้าไหมบอกว่า มันขึ้นอยู่กับ ‘จิต’ ของแต่ละคน” เมฆฟังเงียบ ๆ

 “ถ้าจิตเราสัมพันธ์กับภพภูมิอื่น ๆ หรือถ้าเรามีบุญหรือกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถานที่นี้… เราจะ ‘มองเห็น’ และ ‘ได้ยิน’ มากกว่าคนอื่น”

 เมฆนิ่งไป ในใจเริ่มปะติดปะต่ออะไรบางอย่าง

 “หมายความว่า… เราอาจจะเกี่ยวข้องกับที่นี่?”

 "คือ..." มะลิมองเขาด้วยสายตาจริงจังขึ้น "ตระกูลของเราเป็น 'ผู้พิทักษ์สมดุล' ของสมิทิลา" มะลิตัดสินใจเล่าต่อ เธอไม่อยากปิดบังอะไรน้องอีกต่อไปแล้ว

 เมฆนิ่งไป "หมายความว่ายังไง? งั้นที่พี่เคยบอกเมฆว่ารู้เรื่องที่สมิทิลาไม่ใช่หอธรรมดา แต่ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเรา ก็โกหกงั้นเหรอ"

 มะลิหลุบตาลง “พี่แค่อยากให้เมฆใช้ชีวิตไป ไม่ต้องมารับรู้เรื่องอะไรพวกนี้ พี่ไม่คิดว่าเมฆรับรู้ได้ไว้ขนาดนี้ ขอโทษนะ ที่ไม่ได้เล่าทุกอย่างให้เมฆฟัง ต่อไปพี่จะไม่ปิดบังเมฆอีก” 

 มะลิหยิบสมุดเล่มเก่าจากกระเป๋าและวางลงบนโต๊ะเบา ๆ เมฆมองมันอย่างสงสัย มันเป็นสมุดบันทึกเก่าแก่ที่ดูผ่านกาลเวลามานาน

 "นี่คือบันทึกของปู่ พี่พกมันออกจากหอมาตั้งแต่เมื่อวาน ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้เมฆดูหลังเลิกเรียน แต่เราไม่ได้เจอกัน" มะลิพูดเสียงเรียบ "ปู่เคยเป็น ’ผู้พิทักษ์สมดุล’ ของสมิทิลา และหน้าที่นี้ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นก่อน ๆ"

 เมฆมองสมุดบันทึกด้วยความสงสัย คำพูดของพี่สาวทำให้เขายิ่งอยากรู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่ จึงเปิดสมุดมาอ่าน ข้อความในนั้นเขียนด้วยลายมือที่เริ่มจางลงจากอายุของมัน

 'สมิทิลาไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัยของมนุษย์ แต่มันคือสะพานเชื่อมต่อระหว่างภพ ผู้ที่อาศัยที่นี่ล้วนมีชะตากรรมเกี่ยวข้องกัน บางคนมาเพื่อจากไป บางคนมาเพื่อชดใช้กรรม และบางคนมาเพื่อรักษาสมดุล'

 'หน้าที่ของตระกูลเราคือคอยดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎของมัน ปกป้องไม่ให้เสียสมดุลและป้องกันไม่ให้พลังงานไม่ดีหรือสิ่งชั่วร้ายหลุดเข้ามาสู่โลกมนุษย์ และช่วยให้ดวงวิญญาณเดินทางไปสู่ที่ที่เหมาะสม'

 'หากใครในสายเลือดของเราถูกดึงดูดให้มาที่สมิทิลา นั่นแปลว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับสถานที่แห่งนี้…'

 เมฆเงยหน้าขึ้นมองพี่สาวอย่างไม่เชื่อสายตา "หมายความว่า… เราถูกกำหนดให้เกี่ยวข้องกับสมิทิลา?"

 มะลิพยักหน้า "ใช่ และดูเหมือนว่าเมฆจะเป็นคนที่ ‘มองเห็น’ ได้มากกว่าพี่"

 เมฆนั่งนิ่ง ทุกอย่างเริ่มมีเหตุผล เขาเคยสงสัยว่าทำไมเขาถึงเริ่มเห็นและสัมผัสสิ่งแปลกประหลาดมากกว่าคนอื่น ทำไมเขาถึงดึงดูดเรื่องราวเหล่านี้ และทำไมเขาถึงมีแต้มบุญในแอป Samithila Connect สูงผิดปกติ

 "หมายความว่า… เมฆไม่เคยเป็นแค่ ‘เด็กธรรมดา’ ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?" เมฆถามเสียงเบา

 มะลิยิ้มบาง ๆ "ไม่ใช่แบบนั้น บางทีเมฆอาจแค่เป็น ‘คนที่ถูกเลือก’ ก็ได้"

 "แล้วพี่ล่ะ?" เมฆถามกลับ "พี่ก็เป็นผู้พิทักษ์สมดุลเหมือนกันใช่ไหม?"

 มะลิเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มจาง ๆ "พี่ไม่ได้ ‘มองเห็น’ เท่ากับเมฆ… พี่แค่รับรู้และทำในส่วนของพี่ แต่คนที่มีสัมผัสพิเศษจริง ๆ คงจะเป็นเมฆ"

 เมฆรู้สึกเหมือนมีบางอย่างหนักอึ้งตกลงมาบนบ่าเขา เขาเพิ่งเริ่มเข้าใจว่า เขาไม่ใช่แค่คนที่บังเอิญมาอยู่ที่สมิทิลา แต่เขาอาจมีหน้าที่ที่สำคัญกว่านั้น

 "แล้ว… พี่คิดว่าเมฆควรทำยังไงต่อไป?"

 มะลิมองน้องชายแล้วยิ้ม "ไม่ต้องคิดมากหรอกเมฆ แค่ใช้ชีวิตไปตามปกติ พี่ไม่ได้บอกสิ่งนี้เพื่อให้เมฆรู้สึกว่าต้องทำอะไรตอนนี้ แค่รู้ไว้ว่า… เมฆจะมีพี่อยู่ข้าง ๆ เสมอ"

 เมฆเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า "เข้าใจแล้ว… แล้วเรื่อง แอป Samithila Connect ล่ะ?"

 มะลิหัวเราะเบา ๆ เอ็นดูน้องชายที่กลายร่างเป็นเจ้าหนูจำไมไปแล้ว "พี่มีแอปนั้นตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว”

 เมฆชะงัก "พี่รู้ว่ามันใช้โอนบุญได้?"

 "รู้สิ เมฆคิดว่าที่พวกผู้พักพิงที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่ที่นี่ได้นานขนาดนี้เพราะอะไรล่ะ?"

 เมฆเบิกตากว้าง "พี่หมายความว่า... ทุกคนในหอเคยโอนบุญ?"

 มะลิยักไหล่ "ก็ไม่ใช่ทุกคน แต่คนที่รู้อยู่แล้วก็ช่วยกันโอนให้พออยู่ได้ แต่เมฆไม่ต้องกังวลไปนะ พวกป้าเขาคอยดูแลอยู่"

 เมฆยังคงอึ้ง พี่สาวของเขารู้อะไรมากกว่าที่เขาคิด ตอนนี้เมฆอาจจะยังไม่เข้าใจทุกอย่างดีนัก แต่เขารู้แล้วว่า… เขาไม่ใช่คนนอกสำหรับสมิทิลาอีกต่อไป ขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เสียงใส ๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

 “เมฆ!” เมฆหันไปเห็น เข็มยืนอยู่รอยยิ้มสดใส

 "อ้าว! เข็มมากินข้าวเหมือนกันหรอ นั่งด้วยกันสิ" เมฆยิ้มตอบ

 เข็มพยักหน้าเดินเข้ามาหา นั่งลงข้างเมฆพร้อมมองไปที่มะลิที่นั่งฝั่งตรงข้าม 

 "อ๊ะ นี่ใครน่ะ? พี่สาวที่นายเคยเล่าให้ฉันฟังเหรอ?" เข็มหันมาถามเมฆ

 เมฆพยักหน้า "ใช่ พี่มะลิ นี่เข็มเพื่อนเมฆเอง"

 "สวัสดีจ้ะ" มะลิยิ้มให้

 "สวัสดีค่ะพี่มะลิ ได้ยินเมฆพูดถึงอยู่บ่อย ๆ" เข็มพนมมือไหว้อย่างนอบน้อม

 "เหรอ?" มะลิยิ้มขำ "เมฆพูดอะไรถึงพี่บ้างเนี่ย?"

 "ไม่มีอะไรหรอกพี่!" เมฆรีบโบกมือ

 "อ๋อ ก็แค่บ่นว่าพี่สาวสวยเกินไป เลยไม่กล้าพาเพื่อนผู้ชายมาแนะนำค่ะ" เข็มหัวเราะ

 "จริงเหรอเมฆ?" มะลิหัวเราะเบา ๆ

 "พี่มะลิอย่าไปเชื่อเข็มเลย พูดอะไรไปเรื่อย" เมฆกลอกตา

 "ฮ่า ๆ หนูล้อเล่นค่ะ พี่มะลิ" เข็มพูดพลางนั่งลงข้างเมฆ 

 "จะกินอะไรสั่งสิ" เมฆยื่นเมนูให้เพื่อน

 “อืม ขอบใจ” เข็มพูดแล้วหยิบเมนูขึ้นมาดู

 หลังจากสั่งอาหาร ทั้งสามคนนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย เมื่อกินเสร็จมะลิบอกลา เมฆกับเข็มเพราะเธอมีนัดทำโปรเจกต์กับเพื่อน เมฆกับเข็มจึงเดินออกจากร้านเพื่อไปเรียน

 บรรยากาศช่วงสายของวันคึกคักตามปกติ นักศึกษาหลายคนเดินไปมา บางคนยืนรอรถ บ้างก็นั่งจับกลุ่มคุยกันที่ม้านั่งหินอ่อน ขณะที่เมฆกับเข็มกำลังเดินไปตามฟุตปาธด้านหน้ามหา’ลัย เพื่อไปคณะมนุษยศาสตร์ด้วยกัน

 "เมื่อคืนฉันนั่งอ่านหนังสือจนตีสองเลย นายอ่านยัง?" เข็มพูดพลางบิดขี้เกียจ

 "ยังเลย..." เมฆตอบพลางหัวเราะแห้ง ๆ "เมื่อคืนมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย"

 "อ้าว? เรื่องอะไรล่ะ?"

 "ก็แค่..." เมฆอ้ำอึ้ง จะให้บอกว่าเมื่อคืนเขาเจอเรื่องลี้ลับในหอจนเสียขวัญ ก็ดูจะไม่เข้าท่าเท่าไหร่ "ก็แค่ฝันร้ายเมื่อคืนอ่ะ ไม่มีอะไรหรอก"

 เข็มยักไหล่ "เหรอ? อย่าลืมอ่านล่ะ พรุ่งนี้มีเทสนะ"

 เมฆพยักหน้ารับเบา ๆ ระหว่างที่เดินไปบรรยากาศยามเช้าครึกครื้นแต่แล้ว... เมื่อเขาเดินผ่าน ตู้โทรศัพท์เก่า ที่ตั้งอยู่ข้างฟุตปาธใกล้ ๆ กับต้นไม้ใหญ่

 ตู้โทรศัพท์นี้แทบไม่มีใครใช้งานมานาน กระจกด้านข้างแตกร้าว แผงปุ่มกดขึ้นสนิม ประตูฝืดจนแทบเปิดไม่ออก มีเพียงโฆษณาเก่าที่ถูกแปะทับซ้อนกันหลายชั้น

 ทว่า... วันนี้มันดูแปลกไป เมฆรู้สึกเหมือนมีบางอย่างอยู่ตรงนั้น พอหันไปมอง—

 มี ‘นักศึกษาชาย’ ยืนอยู่ในตู้โทรศัพท์ เป็นนักศึกษาทั่วไป เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแลคสีดำ ถือสมุดเล่มหนึ่งไว้ในมือ ดูเหมือนกำลังรอโทรศัพท์

 แต่มันมีบางอย่างแปลกไป เขายืน นิ่งเกินไป เงียบเกินไป ไม่มีแม้แต่การกระพริบตา แต่แล้ว… นักศึกษาชายคนนั้นก็หันหน้ามามองตรง ๆ

 เป็นครั้งแรกที่เมฆเห็น 'ดวงตาของเขา' ตาขาวโพลน ไม่มีตาดำ หัวใจของเมฆเต้นวูบ เขารู้สึกถึงความเย็นวูบผ่านต้นคอโดยอัตโนมัติ ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

 "เมฆ?" เสียงของเข็มดังขึ้นข้างตัว ทำให้เมฆสะดุ้งเล็กน้อย

 เขารีบหันไปมองเพื่อน ก่อนจะมองกลับไปที่ตู้โทรศัพท์อีกครั้ง ร่างของนักศึกษาชายคนนั้นหายไปแล้ว ไม่มีใครอยู่ในตู้โทรศัพท์อีกแล้ว...

 "เป็นอะไรอะ?" เข็มขมวดคิ้วมองเมฆที่ยืนชะงักไป

 "ปะ... เปล่า" เมฆพยายามกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอ สูดลมหายใจลึก รีบเดินไปข้างหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 เข็มมองตามสายตาของเมฆ แล้วหันกลับมามองเขา “อะไรของนาย?”

 "เปล่า ไม่มีอะไรหรอก รีบไปเถอะ เดี๋ยวเข้าเรียนสาย" แต่ในใจของเมฆ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ อีกแล้ว

 ครั้งก่อนเขาเห็นแค่เงาแวบ ๆ แต่คราวนี้… เขามองเห็นรายละเอียดของใบหน้า เสื้อผ้า ทุกอย่างชัดเจนเหมือนเป็นคนจริง ๆ

เรา…เริ่มเห็นพวกเขาชัดขึ้นจริง ๆ แล้วสินะ…