หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’
ชาย-ชาย,ลึกลับ,แฟนตาซี,ไทย,ระทึกขวัญ,ภูตผี,วิญญาณ,สิ่งลี้ลับ,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
สมิทิลา หอพักสื่อสองโลกหอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... ซ่อนบางสิ่งที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง ‘สมิทิลา’ ไม่ใช่แค่หอพัก แต่มันคือ ‘ประตู’ ที่กั้นระหว่างสองโลกไม่มีใครรู้ว่า... ผู้อยู่อาศัยที่นี่ ไม่ใช่แค่ ‘มนุษย์’
เมฆ นักศึกษาปี 1 ผู้ไม่เคยเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาย้ายเข้า "สมิทิลา" หอพักเก่าแก่ที่เงียบสงบ... เงียบเสียจนไม่ควรมีเสียงฝีเท้ายามค่ำคืน เสียงเคาะประตูยามดึก แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น... คือความลับที่ซ่อนอยู่
‘พี่ตุนท์’ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่เหมือนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสมิทิลา แต่กลับพูดจาเป็นปริศนาเสมอ
‘พี่มะลิ’ พี่สาวแท้ ๆ ที่ดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่าง และพยายามกันเขาออกจากเรื่องนี้
เมื่อ ความลับของสมิทิลาเริ่มเผยตัว
เมื่อ เขาเริ่มเห็นในสิ่งที่ไม่มีใครควรเห็น
และเมื่อ อดีตที่ถูกฝังลึก... กำลังตื่นขึ้น
ระหว่าง หน้าที่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง กับ ความรู้สึกที่ห้ามหัวใจตัวเองไม่ได้ เขาจะปกป้องสมิทิลาได้... หรือสุดท้ายแล้ว จะสูญเสียทุกอย่างไป?
***เรื่องราวความเชื่อ จิตวิญญาณ พิธีกรรม สถานที่ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้
เป็นเรื่องสมมติที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน***
เมื่อถึงเวลาเลิกคลาสช่วงบ่าย นักศึกษาต่างทยอยเดินออกจากอาคารเรียน เมฆเดินออกจากตึกคณะพร้อมกับเข็ม ลมอ่อน ๆ พัดเอื่อยทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของเมฆกลับเต็มไปด้วยความคิดยุ่งเหยิง
เขาลืมไปแล้วว่าเมื่อเช้าเจออะไรตรงทางที่กำลังเดินอยู่นี้ จิตใจของเขายังคงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่พี่มะลิเล่าให้ฟัง เรื่องตระกูลของพวกเขา เรื่อง ‘ผู้พิทักษ์สมดุล’ และหน้าที่ที่เขาเองไม่เคยรู้มาก่อน
"เมฆ นายโอเคปะ? เดินเหม่อไปถึงไหนแล้ว" เข็ม หันมามองเพื่อนที่ดูใจลอยผิดปกติ
"อืม… แค่คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะ" เมฆตอบส่ง ๆ
"คิดอะไรขนาดนั้น หรือไปแอบชอบใครรึเปล่า?" เข็มแซวพลางยิ้มมุมปาก
"เฮ้ย ไม่ใช่" เมฆรีบปฏิเสธ แต่ก็หัวเราะนิด ๆ
ขณะที่ทั้งสองเดินผ่านฟุตปาธริมถนน นักศึกษาหลายคนเดินสวนไปมา บ้างจับกลุ่มคุยกัน บ้างเดินไปหาคาเฟ่เพื่อหาขนมกิน แสงแดดยามบ่ายทอดเงาของอาคารลงบนพื้นถนน เมฆยังคงก้มหน้าคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนไม่ได้สังเกตเลยว่า ทางที่เดินอยู่ตอนนี้ คือเส้นทางเดิมที่เขาเห็น ‘บางสิ่ง’ เมื่อเช้า
และตรงหน้า... คือตู้โทรศัพท์เก่าหลังเดิม
กึก!
เมฆชะงักฝีเท้าทันที ร่างกายเย็นเฉียบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ความทรงจำจากตอนเช้ากลับมาทันที
เขาเห็นภาพในหัวของตัวเอง… เงาของนักศึกษาชายที่ยืนอยู่ในตู้โทรศัพท์ ดวงตาขาวโพลน… ร่างที่ยืนนิ่งผิดธรรมชาติ
เมื่อเขาหันหน้าไปหน้ามองทางตู้โทรศัพท์อีกครั้ง นักศึกษาชายคนนั้น ยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ
แต่ครั้งนี้… เขายืนอยู่นอกตู้โทรศัพท์ ดวงตาขาวโพลนของเขาจับจ้องมาที่เมฆ ผิวซีดขาว ราวกับไร้เลือดหมุนเวียน ริมฝีปากแตกระแหงเหมือนคนขาดน้ำมานาน เสื้อเชิ้ตสีขาว เปรอะเปื้อนรอยน้ำและคราบดินประหลาด ริมฝีปากของเขาขยับ ราวกับจะพูดบางอย่าง แต่ไม่มีเสียงใด ๆ ออกมา
แล้วจู่ ๆ เขาก็พุ่งเข้าหาเมฆ! เร็วมาก!!!
“เหี้ย—!!”
เมฆสะดุ้งถอยหลังอัตโนมัติ เท้าก้าวพลาดไปบนขอบฟุตปาธ เขากำลังจะล้มลงบนถนน!!!
หมับ!
แขนแข็งแรงของใครบางคนคว้าตัวเขาไว้แน่น!
"รับได้พอดีเลย~" เสียงที่คุ้นเคย…
เมฆรีบเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะพบว่า ตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของพี่ตุนท์
“…พี่ตุนท์!?”
อีกฝ่ายยิ้มกว้าง เหมือนกำลังสนุกกับสถานการณ์นี้
“ครับผม~”
เมฆรู้สึกถึงจังหวะลมหายใจของอีกฝ่ายที่ใกล้เกินไป กลิ่นหอมสะอาดจากเสื้อผ้าลอยเข้าจมูก ความอบอุ่นจากอ้อมแขนแนบชิด เกินจำเป็น
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เสียงทุ้มต่ำของพี่ตุนท์กระซิบเบา ๆ ใกล้หู
เมฆตัวแข็งทื่อ
"เฮ้อ... ทีหลังระวังหน่อยนะครับ"
เข็มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ "ให้ตายสิเมฆ! แกทำฉันตกใจหมดเลย!"
เมฆพยายามตั้งสติ แล้วรีบขยับตัวออกจากอ้อมแขนของพี่ตุนท์ ใบหน้าร้อนวูบขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
"ผะ… ผมไม่เป็นไร ขอบคุณครับพี่"
ตุนท์มองหน้าเขานิ่ง ๆ ก่อนจะยิ้มขำ "หืม? ไม่เป็นไรจริงเหรอ? ดูเหมือนหัวใจจะเต้นแรงเลยนะครับ"
"ไม่ใช่สักหน่อย!" เมฆเถียงขึ้นมาทันที
ตุนท์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะยื่นมือมาแตะที่ศีรษะเมฆเบา ๆ "เด็กขี้ตกใจ"
เมฆเบิกตากว้าง รู้สึกว่า ถูกแกล้งเข้าให้แล้ว
"เอ่อ… พี่คนนี้คือใครเหรอเมฆ?" เข็มที่มองอยู่ขมวดคิ้วนิด ๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
เมฆเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้แนะนำตุนท์ให้เพื่อนรู้จัก "อ้อ… นี่พี่ตุนท์ เขาอยู่หอเดียวกันกับเราน่ะ"
ตุนท์ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้เข็ม "สวัสดีครับ"
เข็มพยักหน้ารับพลางมองตุนท์อย่างสำรวจ "อืม… อยู่หอเดียวกัน? งั้นฝากดูแลเมฆด้วยนะคะ มันซุ่มซ่ามขนาดนี้ ถ้าไม่ได้พี่ช่วยไว้เมื่อกี้ คงได้เข้าโรงพยาบาลแน่ ๆ"
เมฆหันขวับ "เฮ้ย! ฉันไม่ได้ซุ่มซ่ามสักหน่อย!"
เข็มหัวเราะพลางโบกมือ "เออ ๆ ถ้านายไม่เป็นอะไรแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนนะ มีธุระที่ต้องไปทำต่อ"
"อืม… ขอบใจนะเข็ม" เมฆพยักหน้า
"อือ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ" เข็มพูดก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง
"เมื่อกี้ตกใจอะไรหรอ?" ตุนท์ถามด้วยความเป็นห่วง
เมฆเผลอเม้มปาก ใจหนึ่งอยากปฏิเสธว่าเปล่า แต่อีกใจ... ยอมรับว่าเมื่อกี้เขา โคตรตกใจ “มะ...ไม่มีอะไรครับ” เขาตอบเสียงติดขัด
พี่ตุนท์เลิกคิ้ว ยกมือขึ้นแตะหัวเมฆเบา ๆ แล้วขยี้ผมของเขา "ตกใจจนหงายหลังขนาดนี้ ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ?"
มือที่ลูบหัวเบา ๆ นั้นมัน... อบอุ่นชะมัด
เมฆเบิกตากว้าง รีบสะบัดหัวออกจากมือพี่ตุนท์ หน้าร้อนวาบไปหมด “ก็—ก็ตกใจแค่นิดเดียวเองพี่! ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย!”
พี่ตุนท์หัวเราะเบา ๆ แต่ยังจ้องเขาอยู่ด้วยสายตาขี้เล่น "ครั้งหน้า ถ้ากลัวอะไร ก็อย่าถอยหลังโดยไม่มองทางสิครับ"
"ผมไม่ได้กลัวสักหน่อย!" เมฆรีบเถียงโดยอัตโนมัติ แม้ว่าตัวเองจะยังใจเต้นแรงอยู่ก็ตาม
"เหรอ?" ตุนท์ยิ้มเจ้าเล่ห์ "งั้นเมื่อกี้ที่ตัวแข็งทื่อ ไม่ใช่เพราะกลัวหรอกเหรอ?"
"...ไม่ใช่!" เมฆปฏิเสธเสียงดัง แต่ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่ามันไม่เนียนเอาเสียเลย
ตุนท์หัวเราะเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้แซวต่อ "โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ใช่"
เมฆทำหน้าบึ้งเล็ก ๆ ก่อนจะหันไปมองตู้โทรศัพท์อีกครั้ง แต่… ชายหนุ่มชุดนักศึกษาหายไปแล้ว ราวกับไม่เคยมีอะไรอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก เมฆขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ภาพหลอนแน่ ๆ แต่พอเขาหันมองตุนท์ อีกฝ่ายกลับดูไม่ตกใจเลยสักนิด
"เป็นอะไร?" ตุนท์ถามด้วยน้ำเสียงที่ปกติ แต่แฝงความสนใจ
เมฆถอนหายใจแรง ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา "เมื่อกี้… ผมเห็น ‘เขา’ อีกแล้ว"
ตุนท์เลิกคิ้ว "เขาไหน?"
"ผู้ชายคนนั้น…" เมฆเผลอกลืนน้ำลาย "ผมเห็นเขาเมื่อเช้าตอนเดินไปเรียน ตอนนั้นเขาแค่ยืนอยู่เฉย ๆ แต่เมื่อกี้… เขาพุ่งเข้าหาผมเหมือนจะ—"
เมฆชะงักกึกเมื่อคิดได้ว่า ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ดูน่ากลัวเลย ถึงจะพุ่งเข้ามาหา แต่มันไม่มีความรู้สึกคุกคามเหมือนกับสิ่งที่เขาเคยเห็นในหนัง
"เหมือนจะ?" ตุนท์ถามต่อ รอยยิ้มบนใบหน้าเจือจางลงเล็กน้อย
"เขาเหมือน… แค่อยากเข้ามาหาผม เขาไม่ได้ดูเป็นอันตราย แต่..." เมฆพูดช้า ๆ พยายามเรียบเรียงความคิด
"อืม… สนใจออร่าของเธอสินะ" ตุนท์พึมพำเบา ๆ
"ออร่า?" เมฆหันไปมองตุนท์อย่างงุนงง
"ใช่" ตุนท์ตอบพลางยักไหล่ "เธอเป็นคนที่มีแต้มบุญเยอะมาก ถ้ามีวิญญาณที่ยังไม่ได้ไปไหน พวกเขามักจะสัมผัสถึงพลังแบบนั้นได้"
"...หมายความว่า เขาแค่จะเข้ามาขอ… บุญจากผม?"
"ก็ใช่น่ะสิ" ตุนท์พยักหน้า "แต่คงไม่รู้วิธีไงล่ะ แค่รู้สึกว่าเข้าใกล้แล้วสบายขึ้น เลยพุ่งเข้าหา"
เมฆนิ่งคิด หมายความว่าชายคนนั้นไม่ได้คิดจะทำร้ายเขา…
"แล้วแบบนี้… ผมควรทำยังไงเหรอครับ?"
ตุนท์ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะตบบ่าเมฆเบา ๆ "ง่ายมาก ก็แค่โอนบุญให้เขาหน่อยไง~"
"โอนบุญ…" เมฆมองตุนท์อย่างไม่แน่ใจ
"ใช่ ลองดูมั้ย?" ตุนท์ว่าพลางเปิดแอป Samithila Connect ในโทรศัพท์ของตัวเอง "เธอแค่ต้องหาว่า ‘เขา’ เป็นใคร แล้วแอดเขาเข้าไป"
เมฆมองโทรศัพท์ของตุนท์ ก่อนจะยกของตัวเองขึ้นมาเปิดแอป เขาเริ่มคิดว่า… โลกของเขากำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
"เอาล่ะ" ตุนท์ยิ้มกว้าง "เรามาหา ‘เขา’ กันเถอะ~"
เมฆมองโทรศัพท์ในมือ เขาเพิ่งเรียนรู้วิธีการโอนบุญเมื่อไม่นานมานี้ แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะเขาต้องหา ‘เขา’ ก่อน
"แล้ว… เราจะหาเขายังไงครับ?" เมฆถามตุนท์พลางเลื่อนดูรายชื่อในแอป Samithila Connect แต่ไม่มีชื่อที่พอจะตรงกับชายหนุ่มที่เขาเห็น
ตุนท์หัวเราะเบา ๆ "แน่นอนว่าเขาจะไม่ได้มีชื่ออยู่ในระบบอยู่แล้ว ถ้าไม่เคยได้รับบุญจากเธอมาก่อน"
"งั้นผมต้องทำยังไง?"
"เราต้องตามหาเขาจริง ๆ น่ะสิ" ตุนท์พูดพลางยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง"น่าจะยังอยู่แถวนี้ หรือไม่ก็ใกล้ ๆ จุดที่เธอเจอเมื่อตอนเช้า"
เมฆพยักหน้า แล้วทั้งสองคนก็เริ่มเดินสำรวจละแวกนั้น
เมฆเดินช้า ๆ หันมองรอบตัวทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนเห็นอะไรผ่านหางตา แต่ทุกครั้งที่หันไป ก็พบแต่ความว่างเปล่า ก่อนจะหันไปมองรอบตัวอีกครั้ง แล้วก็เห็นว่า… มีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงเสาไฟฟ้าข้างหน้า
"พี่ตุนท์…" เมฆพูดเสียงเบา พลางหรี่ตามองไปยังจุดที่เขาสัมผัสถึงบางสิ่ง
ตุนท์เหลือบตามองตาม ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ "เจอแล้วสินะ~"
ชายหนุ่มชุดนักศึกษาคนเดิม… ยืนอยู่ตรงนั้น เมฆสูดหายใจลึก ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้
"คุณ…" เขาเอ่ยเสียงเบา
ร่างซีด ๆ ของอีกฝ่ายค่อย ๆ หันมามอง สายตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและอ้อนวอน "ช่วยฉัน… ได้ไหม…"
เสียงแผ่วเบาราวกับลมหายใจ ทำให้เมฆสัมผัสถึงพลังงานที่อ่อนแรงของเขาได้อย่างชัดเจน
เมฆหันไปมองตุนท์อย่างลังเล “ผมต้องทำยังไง?”
ตุนท์กอดอก มองเขาด้วยสายตาเหมือนครูที่กำลังจะสอนเด็กใหม่ "เธอเคยโอนบุญให้คนในสมิทิลาแล้วใช่ไหม? แต่ข้างนอกน่ะ… กฎมันไม่เหมือนกัน"
เมฆขมวดคิ้ว "ต่างกันยังไงครับ?"
ตุนท์ถอนหายใจ ก่อนจะอธิบาย "ในสมิทิลา วิญญาณที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นี่มีสถานะ ‘ผู้พักพิง’ พวกเขาเชื่อมโยงกับสมิทิลาโดยตรงอยู่แล้ว บุญที่โอนให้เลยไหลเวียนไปอย่างเป็นระบบ"
"แล้วข้างนอก?" เมฆทวนคำ
"ข้างนอก ไม่มีระบบนั้น" ตุนท์พูดพลางชี้ไปที่ชายหนุ่มชุดนักศึกษา "คนที่ยังไม่มี ‘เส้นทางที่แน่นอน’ อย่างหมอนี่ ถ้าเธอจะช่วย ก็ต้องใช้ ‘โหมดโอนบุญภายนอก’ เพราะเขาไม่ถูกบันทึกในระบบของสมิทิลา"
เมฆเปิดแอป Samithila Connect แล้วลองหาชื่อของชายหนุ่ม แต่… ไม่มีข้อมูลขึ้นมา "ไม่เจอข้อมูลเขาจริง ๆ ด้วยครับ"
ตุนท์พยักหน้า "แน่นอน เธอต้องเปิดโหมดโอนบุญภายนอกก่อน"
เมฆมองไปที่หน้าจอแอปก่อนจะกดเปิด [โหมดโอนบุญภายนอก]
✧ [กรุณาสัมผัสพลังงานของผู้รับบุญเพื่อยืนยันตัวตน] ✧
เมฆลังเลก่อนจะเงยหน้ามองตุนท์ "ทำไมต้องสัมผัสพลังงานก่อน?"
"เพราะถ้าไม่มีการเชื่อมโยงตรงนี้ ระบบจะไม่รู้ว่าเธอกำลังให้ใคร" ตุนท์อธิบาย "มันเป็นเหมือนการลงทะเบียนชั่วคราวสำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในสมิทิลา"
เมฆพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วค่อย ๆ ยื่นมือออกไปปลายนิ้วของเขาเกือบจะแตะเข้ากับปลายแขนของชายหนุ่ม
✧ [ตรวจพบพลังงาน… ยืนยันตัวตน] ✧
‘เตชินท์’
ชื่อปรากฏขึ้นบนหน้าจอโดยอัตโนมัติเมื่อระบบตรวจจับได้
เมฆเงยหน้าขึ้น "คุณชื่อเตชินท์ใช่ไหมครับ?"
ชายหนุ่มเบิกตากว้างเล็กน้อย ราวกับไม่คาดคิดว่าเมฆจะรู้ชื่อของตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
"ถ้าคุณพร้อมจะรับบุญ ผมจะช่วยนะครับ" เมฆพูดอย่างตั้งใจ
เตชินท์พยักหน้าเล็กน้อย น้ำเสียงสั่นเครือ "ขอบคุณ…"
เมฆกดเลือก ‘เตชินท์’ ในแอป และตั้งใจแผ่บุญให้
✧ [กำลังโอนบุญ…] ✧
พรึ่บ
ลมหายใจของเมฆรู้สึกอบอุ่นขึ้นทันที ราวกับพลังบางอย่างกำลังไหลออกจากตัวเขา แสงสีทองอ่อน ๆ ปรากฏขึ้นรอบ ๆ ร่างของเตชินท์ ราวกับเส้นใยที่ค่อย ๆ ปกคลุมร่างเขา
ชายหนุ่มค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เคยหม่นหมองกลับมีประกายขึ้นมาช้า ๆ น้ำตาคลอเบ้า ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะคลี่ยิ้มบาง ๆ
"ในที่สุด…"
แสงสีทองค่อย ๆ กลืนร่างของเตชินท์ไปทีละน้อย และสุดท้าย… เขาค่อย ๆ จางหายไปในอากาศอย่างสงบ
เมฆถอนหายใจออกมาเบา ๆ มองดูหน้าจอของแอป
✧ [การโอนบุญเสร็จสมบูรณ์] ✧
เมฆหันไปมองตุนท์ "พี่ตุนท์ ทำไมต้องมีขั้นตอนยุ่งยากแบบนี้ด้วยล่ะครับ? ในสมิทิลาผมแค่กดเลือกชื่อแล้วโอนบุญได้เลย"
ตุนท์หัวเราะในลำคอ "ก็เพราะสมิทิลาเป็น ‘สถานที่ที่ถูกควบคุม’ น่ะสิ"
"หมายความว่าไง?"
"หมายความว่าทุกอย่างในสมิทิลาถูกออกแบบมาให้มีสมดุล การโอนบุญภายในจึงง่ายและปลอดภัย แต่ข้างนอกเธอไม่มีระบบช่วยเหลือ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ‘สายสัมพันธ์โดยตรง’ ระหว่างเธอกับวิญญาณ" ตุนท์อธิบาย
เมฆฟังแล้วพยักหน้าช้า ๆ "เข้าใจแล้วครับ"
"เข้าใจก็ดี ทีนี้ก็อย่าพึ่งใจดีแจกบุญให้ใครไปทั่ว ถ้าเธอไม่มั่นใจว่าเขาควรได้รับ"
เมฆขมวดคิ้ว "หมายความว่าไง?"
"บางที... ไม่ใช่วิญญาณทุกตนที่รับบุญแล้วจะไปดีเสมอไป"
เมฆขนลุกวาบกับคำพูดนั้น เขาเริ่มเข้าใจว่าการช่วยเหลือวิญญาณไม่ใช่แค่เรื่องของน้ำใจ แต่ต้องใช้วิจารณญาณที่มากพอด้วย
เขามองจุดที่อีกฝ่ายยืนอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นแล้ว เหลือเพียงอากาศว่างเปล่า ความรู้สึกโล่งอกปะปนกับความยินดี เขาเพิ่งช่วยใครบางคนได้จริง ๆ และมันเป็นครั้งแรกที่เขารับรู้ว่า ‘สัมผัสพิเศษ’ ของเขาอาจมีความหมายมากกว่าที่คิด
"เป็นไงบ้าง?" ตุนท์ถาม ขณะที่ยืนล้วงกระเป๋ามองเขานิ่ง ๆ
"...ผมรู้สึกว่า ผมเพิ่งช่วยใครบางคนได้จริง ๆ" เมฆตอบเสียงเบา
ตุนท์หัวเราะเบา ๆ "ก็ใช่น่ะสิ นี่แหละหน้าที่ของ ‘ผู้พิทักษ์สมดุล’ "
เมฆยังคงนิ่งอยู่กับที่ จิตใจยังวุ่นวายกับคำถามมากมาย เขาไม่ได้กลัวการช่วยเหลือดวงวิญญาณ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไป เขายังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะรับมือกับมันได้นานแค่ไหน
"เดินเล่นกันหน่อยไหม?" ตุนท์พูดขึ้นลอย ๆ
"เอ๋?" เมฆหันขวับ "ทำไมล่ะ?"
"ก็เธอเพิ่งโดนผีพุ่งเข้าใส่ไปเมื่อกี้ จะให้กลับหอเลยก็ดูจะตึงเกินไปนะ" ตุนท์ยิ้มมุมปาก "เดินเล่นให้สบายใจก่อน ค่อยไปหาขนมกิน เติมพลังหน่อย เป็นไง?"
เมฆคิดตามแล้วพยักหน้า เขายอมรับว่าตัวเองยังรู้สึกมึน ๆ อยู่ และการเดินเล่นอาจช่วยให้เขาตั้งสติได้ดีขึ้น
เมฆกับตุนท์เดินเลียบถนนที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ร่มรื่นของมหา’ลัย สายลมยามเย็นพัดผ่านต้นไม้ เสียงนักศึกษาคุยกันเป็นกลุ่ม ๆ คลออยู่รอบตัว เมฆก้มหน้าคิดอะไรเงียบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้น
"...พี่ตุนท์ ผมมีเรื่องอยากถามครับ" เมฆพูดขึ้นหลังจากเดินมาได้สักพัก
"หืม? อะไรล่ะ?"
"ทำไมผมถึงเห็นผีมากขึ้นกว่าปกติครับ?" เมฆขมวดคิ้ว "เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยเห็นชัดขนาดนี้ อาจจะรู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ แต่ไม่เคยเห็นเป็นตัวเป็นตนแบบนี้เลย"
ตุนท์หันมามองเขา ก่อนจะยิ้มเล็ก ๆ "เธอคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุล่ะ?"
เมฆนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ "...ผมเริ่มเห็นอะไรชัดขึ้นตั้งแต่ย้ายมาอยู่สมิทิลา"
"ถูกต้อง" ตุนท์พยักหน้า "แต่ไม่ใช่แค่เพราะสมิทิลาหรอกนะ มันเป็นเพราะ ‘พลัง’ ของเธอกำลังตื่นขึ้นต่างหาก"
เมฆขมวดคิ้ว "พลังของผม?"
"ใช่" ตุนท์ถอนหายใจ "ตระกูลเธอเป็น ‘ผู้พิทักษ์สมดุล’ ใช่ไหมล่ะ?"
"...ใช่ครับ พี่มะลิเล่าให้ผมฟังแล้ว"
"นั่นแหละ คำตอบก็อยู่ตรงนั้นแล้ว" ตุนท์พูดเรียบ ๆ "พลังของผู้พิทักษ์สมดุลจะไม่ถูกปลุกขึ้นมา จนกว่าพวกเขาจะเข้าสู่ ‘สถานที่’ หรือ ‘เหตุการณ์’ ที่ทำให้มันถูกกระตุ้น"
"...หมายความว่าพลังของผมตื่นขึ้นเพราะผมมาอยู่ที่นี่?"
"ก็ไม่เชิง" ตุนท์หรี่ตามองเมฆ "มันเริ่มตื่นขึ้นตั้งแต่เธอเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่ง ตั้งแต่คืนแรกที่เธอมาอยู่ที่สมิทิลา เธอเริ่ม ‘สัมผัส’ ได้แล้ว"
เมฆนิ่งไป… คืนนั้นที่เขาไปนอนห้องพี่มะลิ เขาได้ยินเสียงขูดประตู เห็นเงาตะคุ่มในฝัน ได้ยินเสียงแปลก ๆ ในห้องของพี่มะลิ ทุกอย่างมันเริ่มต้นตั้งแต่วันแรกที่เขาย้ายเข้าไป
"เพียงแต่ว่าตอนนั้นมันยังไม่ชัดเจนมาก" ตุนท์พูดต่อ "แต่พอเธอเริ่มโอนบุญให้ ‘จันทร์เจ้า’ และเริ่มเชื่อมโยงกับพลังของสมิทิลา ‘สัมผัส’ ของเธอก็เลยเปิดขึ้นเรื่อย ๆ"
"...หมายความว่าต่อไป ผมจะเห็นพวกเขาบ่อยขึ้นเหรอครับ?"
"แน่นอน" ตุนท์หัวเราะ "แถมอาจจะเห็นได้ชัดขึ้นกว่านี้อีกด้วย"
เมฆกลืนน้ำลาย "แล้วผมจะปิดมันได้ไหม?"
"หืม?" ตุนท์เลิกคิ้ว "เธออยากปิดมันหรอ?"
เมฆนิ่งไปเล็กน้อย "ผมไม่แน่ใจครับ…"
เขาค้นพบว่า เขาไม่ได้กลัวการเห็นวิญญาณ แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้เขาสับสน เขายังไม่รู้ว่าตัวเองควรรับมือกับสิ่งนี้ยังไง
ตุนท์มองเขาเงียบ ๆ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ "เธอยังไม่ต้องคิดมากหรอก ค่อย ๆ ทำความคุ้นเคยไปก่อน"
"โอเค เดินมากพอแล้ว ไปหาอะไรหวาน ๆ กินกันเถอะ" ตุนท์พูดขึ้น ขณะยืดเส้นยืดสาย
"หา? เมื่อกี้พี่บอกให้เดินเล่น ตอนนี้เปลี่ยนเป็นกินขนมแล้ว?" เมฆถามอย่างงุนงง
"ก็ใช่น่ะสิ" ตุนท์ยักไหล่ "ชีวิตเธอตอนนี้เต็มไปด้วยเรื่องหนัก ๆ จะไม่หาอะไรหวาน ๆ เติมพลังหน่อยเหรอ?"
เมฆนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง... ก็จริงของเขา "...ก็ได้ครับ" เมฆพยักหน้า "แล้วเราจะไปที่ไหนกันล่ะ?"
"คาเฟ่ริมน้ำถัดจากคณะเธอเป็นไง?" ตุนท์เสนอ "บรรยากาศดี แล้วก็ขนมอร่อยนะ"
เมฆพยักหน้า เขาเคยไปที่นั่นอยู่สองสามครั้ง เป็นคาเฟ่ที่ออกแบบตกแต่งให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติ บรรยากาศร่มรื่น
"โอเคครับ" เมฆตอบตกลง ก่อนจะเดินไปพร้อมตุนท์
บรรยากาศภายในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟและขนมหวาน เสียงพูดคุยของนักศึกษาที่มานั่งทำงานเบา ๆ แทรกอยู่ในบรรยากาศ เมฆเลือกนั่งที่โต๊ะริมกระจก ขณะที่ตุนท์ไปสั่งขนมและเครื่องดื่ม
"เธออยากสั่งอะไรก็สั่งเลย เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง" ตุนท์พูดขณะยื่นเมนูให้เมฆ
"เดี๋ยว ๆ พี่ไม่ใช่มนุษย์แล้วพี่มีเงินเหรอ?" เมฆรับเมนูมาแล้วเปิดดู ก่อนจะเหลือบมองตุนท์
"เธอไม่เคยได้ยินว่านาคมีทรัพย์เยอะเหรอ?" ตุนท์หัวเราะ
"...หมายถึงพวกทรัพย์สมบัติในตำนานน่ะเหรอ?"
"ใช่สิ" ตุนท์ไหวไหล่ "พี่รวยมาก"
"...รวยมาก?"
"มากกกก~" ตุนท์ยิ้มกวน "ถ้าเธอขอเงินพี่ใช้ พี่ก็ให้ได้นะ"
เมฆกลอกตา "พี่นี่พูดอะไรแบบนี้ได้หน้าตายมากเลยนะครับ"
"พี่พูดจริง" ตุนท์หัวเราะ "แต่เอาเถอะ ตอนนี้อยู่ในโลกมนุษย์ ก็ต้องใช้เงินมนุษย์ปกตินั่นแหละ"
เมฆถอนหายใจ ยังไม่อยากขุดคุ้ยเรื่องนี้ต่อ เขาเลยกลับไปสนใจเมนูขนมแทน "งั้นเอาเค้กมะพร้าวละกันครับ"
"โอเค งั้นฉันเอาเครปเค้กกับชานม" ตุนท์หันไปสั่งกับพนักงาน แล้วทั้งสองก็นั่งลงที่โต๊ะริมหน้าต่าง
"รู้สึกยังไงบ้าง?" ตุนท์ถามพลางคนชานมของตัวเอง
"เรื่องไหนครับ?"
"เรื่องที่เจอวันนี้น่ะสิ" ตุนท์ยิ้มบาง ๆ "เธอดูจะไม่ค่อยกลัวแล้วนะ หลังจากที่เข้าใจว่า ‘ผี’ ก็เป็นแค่ดวงวิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือ"
เมฆนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า "ครับ... ตอนแรกก็กลัวอยู่หรอก แต่พอรู้ว่าเขาแค่ต้องการบุญ ผมก็เริ่มรู้สึกว่าวิญญาณที่ผมเห็นอาจจะไม่ได้มีเจตนาร้ายทั้งหมด"
"นั่นแหละที่อยากให้เธอเข้าใจ" ตุนท์ยิ้ม "การเห็นวิญญาณไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป บางทีการที่เธอเห็นพวกเขา อาจหมายความว่าเธอสามารถช่วยพวกเขาได้"
"แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมจะทำแบบนั้นตลอดไป" เมฆพูดพลางใช้ช้อนตักเค้ก "คือ... ผมไม่ได้อยากเป็น ‘คนเห็นผี’ ตลอดเวลาหรอกนะครับ"
"เธอไม่ได้เป็นแค่ ‘คนเห็นผี’ หรอกนะเมฆ" ตุนท์หัวเราะ "เธอเป็น ‘ผู้พิทักษ์สมดุล’ ต่างหาก"
เมฆถอนหายใจ เขารู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะหลีกเลี่ยงได้ง่าย ๆ อีกต่อไป... "แล้ว ‘ผู้พิทักษ์สมดุล’ นี่มันต้องทำอะไรบ้างครับ? ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเลย"
"ง่าย ๆ เลยนะ" ตุนท์เอนหลังพิงเก้าอี้ "หน้าที่ของเธอ คือการดูแลให้สมิทิลาและ ‘เส้นทางเชื่อมภพภูมิ’ ยังคงเป็นระเบียบ วิญญาณที่ยังมีห่วงต้องได้รับการช่วยเหลือ และ... ต้องป้องกัน ‘บางอย่าง’ ที่อาจจะเข้ามาปั่นป่วนสมดุล"
"ปั่นป่วนสมดุล?" เมฆขมวดคิ้ว "หมายถึงอะไรครับ?"
ตุนท์นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงเบาลง "ไม่ใช่ทุกดวงวิญญาณที่เธอเห็นจะเป็นวิญญาณที่ดี หรือแค่รอให้ใครโอนบุญให้..."
เมฆรู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กน้อย "หมายความว่ายังไงครับ?"
ตุนท์ไม่ได้ตอบ แต่เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ "เอาไว้ถึงเวลาที่เหมาะสม เธอจะเข้าใจเอง"
เมฆกลอกตา "ทำไมพวกพี่ชอบพูดแบบนี้กันทุกคนเลยครับ? ไม่บอกให้รู้ตอนนี้เลยล่ะ"
ตุนท์หัวเราะเบา ๆ "เพราะบางเรื่อง ถ้ารู้เร็วเกินไป เธออาจจะยังไม่พร้อมรับมือ"
เมฆเงียบไป เขารู้สึกว่าคำพูดของตุนท์ไม่ได้เป็นแค่การพูดลอย ๆ แต่มันมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่
"เอาเถอะ กินขนมเข้าไปก่อน เธอจะได้ไม่คิดมาก" ตุนท์พูดพลางดันจานเค้กมาให้เมฆ
เมฆถอนหายใจ แต่ก็ยอมกินต่อไปโดยไม่พูดอะไร