เจ้าขุน นักข่าวท้องถิ่นที่ยังไม่มีข่าวเด็ดๆตกถึงท้องและได้ยินถึงข่าวเรือนผี จึงตามหาและเก็บภาพทั้งหมดแต่หารู้ไม่ว่าผีหวงของมันเฮี้ยนแค่ไหน!...

สมบัติเจ้าขุนทอง - บทที่๑ เจ้าขุนขอรับ โดย Ryomurin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ไทย,ดราม่า,รัก,ผี,สยองขวัญ,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สมบัติเจ้าขุนทอง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ไทย,ดราม่า,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,สยองขวัญ,แฟนตาซี,ดราม่า

รายละเอียด

สมบัติเจ้าขุนทอง โดย Ryomurin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เจ้าขุน นักข่าวท้องถิ่นที่ยังไม่มีข่าวเด็ดๆตกถึงท้องและได้ยินถึงข่าวเรือนผี จึงตามหาและเก็บภาพทั้งหมดแต่หารู้ไม่ว่าผีหวงของมันเฮี้ยนแค่ไหน!...

ผู้แต่ง

Ryomurin

เรื่องย่อ

สารบัญ

สมบัติเจ้าขุนทอง-บทที่๑ เจ้าขุนขอรับ,สมบัติเจ้าขุนทอง-บทที่ ๒ เรือนผีไทยจับเจ้าขุนมาทรมาน

เนื้อหา

บทที่๑ เจ้าขุนขอรับ

เสียงนาฬิกาปลุกตอนเช้าดังขึ้นในตอนที่เจ้าขุนนอนหลับอ้าปากน้ำลายยืดอยู่บนเตียง ยังคงไม่ตื่น จนเสียงนาฬิกาจากโทรศัพท์ดังอีกเครื่องหนึ่ง เจ้าขุนเริ่มสะดุ้งนิดนึงแต่ก็ยังไม่ลุกจากที่นอน เสียงดังไปถึงข้างบ้านทำให้หมาข้างบ้านเห่า ตอนนี้เสียงตีกันไม่พัก 


"รู้แล้วๆ เจ้าหมอกตื่นแล้วครับเนี่ย!!"เจ้าขุนตื่นขึ้นมาปิดเสียงพร้อมกับตระโกนบอกหมาข้างบ้านให้เลิกเห่าสักที เมื่อตื่นแล้วเขาก็ไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ออกจากห้องน้ำอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะวันนี้เขาจะได้ส่งงานที่เขาบุกป่าฝ่าดงไปเพื่อได้ข่าวนี้มา เจ้าขุนส่งข้อความให้หัวหน้าบอก 'ได้แล้วครับผม ดีแน่นอน'


เจ้าขุนตอกไข่ลงกระทะพลิกไปมาโปะบนข้าวสวยร้อนๆกับไข่ยางมะตูม พร้อมรับประทานอาหารมือเช้า กินเสร็จก็ออกมาข้างนอกเตรียมพร้อมออกไปทำงานโดยไม่ลืมให้ข้าวเจ้าหมอก 




"ฉันว่ามันไม่ได้นะ ไอ้ข่าวเรื่องป้ามหาภัยเนี่ยคนมันคงไม่อยากจะดูกันแล้ว"ลุงแดงพูดขึ้นอย่างระอา แต่เจ้าขุนก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายปัดงานที่เขาอุตส่าห์ ไปหามาได้อย่างยากลำบากจากหมู่บ้านย่านนึงของอำเภอ.ตื๊ดดดเลยทีเดียว


"ลองดูก่อนก็ได้นะครับลุง ผมนั่งรถตั้งเก้าชั่วโมงเพื่อไปหาข้อมูลมาเลยนะ"


"แล้วเธอรู้ไหมเมื่อเช้านี้มีคนส่งข่าวเรื่องนี้มาให้ผม ยี่สิบกว่าคนเลยนะ..นู่น"ลุงแดงยังโต้กลับ พร้อมเอียงคอบอกให้เจ้าขุนมองไปทางเพื่อนร่วมสำนักที่ยืนมองหน้าสลอน แต่ละคนนั่งตั้งท่ายิ้มชูสองนิ้ว เจ้าขุนยิ้มแห้ง คิดว่าไม่เป็นผลที่เขาจะคุยกับลุงต่อจึงเดินออกมาอย่างหงอยๆเหมือนลูกหมาไร้หนทางกลับบ้าน หันกลับไปมองลุง อีกครั้งเหมือนหาความหวังแต่ก็ไม่เป็นผล เจ้าขุนหันกลับมาเดินต่อในเส้นทางอ้างว้าง


อุตส่าห์รักลุงเหมือนพ่อ! ไม่เห็นใจกันเลย! งอน!


เจ้าขุนคงเดินถึงประตูทางออกไปแล้วหากไม่มีคนเดินเข้ามาขัดในตอนที่เขา จะเปิดประตูจนเขาต้องหลีก ให้อีกฝ่ายที่รีบไปไหนก็ไม่รู้ น้องเจ้าขุนยิ่งเศร้าๆซึมๆอยู่ พ่อหนุ่มคนนั้นเดินดุ่มๆเข้าไปหาลุงอย่างตื่นตัว พ่อหนุ่มคนนั้นเดินดุ่มๆเข้าไปหาลุงก่อนพูดสิ่งที่ทำให้เจ้าขุนหยุดกึก 


"นี่ลุง ได้ข่าวเด็จมาคนสนใจกันมากตอนนี้ในโซเชียลคนดันแท็กกันใหญ่เลย"ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นและหอบเหือด เขาคงรีบวิ่งขึ้นบันไดมาจากชั้นหนึ่งจนถึงชั้นเจ็ดเพราะตอนนี้ลิฟต์ดันซ่อมอยู่


"เรื่องอะไรว่ะ อ้าวแล้วแบบนี้ที่อื่นเขาไม่เอาไปทำหมดแล้วเหร๊อ!"


"นั่นแหละประเด็นมันไม่มีใครกล้าเข้าไปทำเพราะเรื่องนี้นะมันเรื่องผีอะดิลุง"


"ห๊ะ!..บ้าไปแล้วผีเผอที่ไหน!"


"ลุงอย่ามาไม่เชื่อเลยถ้าเราทำข่าวนี้ออกสู่สาธารณะแล้วพิสูจน์ความจริงได้ยอดคนดูจะเยอะแค่ไหนลองคิดดู"


"เออจริงประเด็นคือจะหาใครมาทำอะดิขนาดที่อื่นเขายังไม่กล้าเลย แล้วไอ้ลูกหมาที่ไหนในนี้จะกล้าทำว่ะ"


เจ้าขุนยืนฟังสองคนคุยกันมาพักนึงแล้ว และเขาไม่รอช้าที่จะรับงานนี้อย่างแน่นอน เจ้าขุนยิ้มขึ้นมานี่แหละโอกาสที่เขาจะเป็นตัวเอกของสำนักนี้ใครก็หยุดเขาไม่ได้แม้แต่ผีผัวตัวไหนก็ตาม เจ้าขุนหันไปอย่างแน่วแน่ และแน่นอนว่าเขาจะทำมันสำเร็จไม่รอช้าเขาเอ่ยคำที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้ยิน


"ผมเองครับ เจ้าขุนขอรับงานนี่เอง!!"


เจ้าขุนกับมาที่บ้านค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นั้น ทั้งหาข้อมูลกับลุงกลูหรือ จะถามคนในแท็กนั้นคนที่เข้ามาตอบส่วนใหญ่ก็มีดีบ้าง กวนทีนบ้างหรือมาประสาโลกโซเชียล หาไปหามาไม่ก็ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเสียทีรอแล้วรอเล่าก็ไม่มีวี่แวว จนมืดค่ำเจ้าขุนที่เผอหลับไปก็ตื่นขึ้นมาขยี้ขี้ตาก่อนจะดูผลว่ามีใครที่มีสาระมากกว่านี้ไหมและใช่!


"มาแล้ววู้วว..ได้แล้วเว่ย!!"


"โฮ้งๆๆๆ"


"เงียบไปเลย!เจ้าหมอก!"


พอดิบพอดีมีเสียงเข้าจากมือถือของสายตำรวจ ดังขึ้นก่อนที่ตำรวจนายหนึ่งจะรับสายแต่ไม่ทันพูดเอ่ยต้นสายก็พูดเสียงดังโวยวายด้วยความตื่นเต้น 


"ครับ ส-"


"มึงกูได้แล้ว!ไปส่งกูได้ป๊ะกูไม่มีตังค์นั่งรถเมล์ว่ะ"


"ได้อะไรว่ะ..เฮ้ยเดี๋ยว นี่มึงโทรมาเบอร์สน.เนี่ยนะเบอร์กูก็มี"


"เออๆนะ กูจะไปทำข่าวมึงช่วยกูหน่อย มึงน่าจะเห็นนะข่าวเรื่องเรือนผีไทยอะ"


"อะไรนะ เฮ้ยเดี๋ยวไม่ได้นะมึงเรือนไทยนั่นกูตามทำคดีคนเสียชีวิตอยู่"


เจ้าขุนเงียบฟังและสงสัยว่าคดีที่ว่ามันคือคดีอะไรเพราะเจ้าตัวรู้มาเพียงแค่ว่าเป็นเรือนไทยเก่าที่มีผีคอยหลอกคนที่คิดจะมาโขมยทรัพย์สมบัติของตน ไม่เห็นจะได้ยินว่ามีคนตุย เอ๊ะแต่ผีก็คนตุยนี่หว่า แต่ไม่ทันที่เจ้าขุนจะคิดไปไกลก็ได้สติเอ่ยถามเพื่อนรักอย่างต้องแสง หรือที่เจ้าขุนเรียก


"ไอ้ต้อง พูดเพ้อเจ้อใครจะเสียชีวิตกันไม่เห็นได้ยินข่าว"


"เพ้อเจ้ออะไรแล้วนึกยังไงไปหาผีที่เรือนไทยเก่า หาความตื่นเต้นในชีวิตหรอจ้ะ~!"ต้องแสงพูดน้ำเสียงกวนทีนเพื่อนเจ้าขุน จนเจ้าขุนหน้ามุ่ย


"ช่วยกูหน่อยเถอะน่าแค่ไปส่งกูเอง"เจ้าขุนเริ่มทำเสียงออดอ้อนให้เพื่อนตนช่วย เขาก็รู้สาเหตุว่าเพราะอะไรที่ต้องแสงไม่ไปส่งไม่ใช่เพราะแค่เป็นห่วงแต่เพราะต้องแสงเป็นคนกลัวผีไม่มากก็น้อย แต่ทำไงได้ละก็คนมันไม่มีตังค์นั่งรถเมล์นี่หว่าจ่ายค่าอยู่ค่ากินไปหมดและ ไหนจะค่าน้ำอัดลมที่ไปติดเพื่อนไว้ตั้งหลายเดือนยังไม่จ่าย แถมค่าอาหารเจ้าหมอกหมาข้างบ้านอีก 


"ไม่เว่ย! ไม่มีก็ดีแล้วนอนอยู่บ้านไปหรือไม่ก็ทำข่าวกับหมาข้างบ้านมึงไปก่อนเถอะ!"ต้องแสงพูดจบก็ตัดสายเพื่อนเลิฟอย่างเจ้าขุนไปอย่างไม่สนฟังเพื่อนพูดต่อให้ยาว แต่วางสายไม่ทันขาดช่วง เจ้าขุนก็โทรมาอีกครั้งที่เบอร์เดิม


"มึงจะไม่ช่วยกูจริงดิ"


"ไม่"เสียงสายโดนตัดไปทันทีทำให้เจ้าขุนนิ่งไปด้วยสายตาที่ว่างเปล่า 


ไอ้บ้าเพื่อนแท้แพ้หน้าที่ เชอะใครจะสนต่อรถไปเองก็ได้ว่ะ 


เจ้าขุนคิดในใจ ไปขอยืมตังค์พี่ข้างบ้านเจ้านายของเจ้าหมอกก็ได้ไม่เห็นต้องง้อใคร เจ้าขุนเดินออกไปด้วยความอาวรณ์ 


"เจ้าหมอก!!"


ส่วนคนที่วางสายก็เปิดแฟ้มคดีเกี่ยวกับคนที่เสียชีวิต ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกเด็กวัยรุ่นลองของหรือพวกคนร้ายหลบหนี รวมถึงคนขี้เมาแถวนั้นเขาสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นฝีมือคนด้วยกันทำก็น่าจะมีล่องลอยอะไรบ้าง เพราะส่วนใหญ่หลักฐานที่มีอยู่ก็เป็นของผู้เสียชีวิต พวกอาวุธก็มีแต่ลอยนิ้วมือของพวกคนร้ายที่เสียชีวิตอย่างเดียว


พวกเขาฆ่ากันเองหรือ? 


ต้องแสงคิดในใจมันไม่มีเบาะแสใดที่ชี้ตัวคนร้ายได้เลยแม้แต่นิดเดียว หรือเขาต้องไปสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองกันนะ พอคิดแบบนั้้นเขาก็มือเย็นวาบสั่นเทาขึ้นมา


อาการกลัวผีกำเริบหรอว่ะ นี่มันไม่ใช่เวลามากลัวนะเว่ยไอ้ต้อง!  อีกอย่างผีมีจริงที่ไหน


ต้องแสงเรียกสติตีหน้าตัวเองเบาๆ แม้ว่าเขาจะกลัวแต่ก็อยากทำหน้าที่  คนที่เสียชีวิตไม่ได้มีแค่คนร้ายหนีคดีหรือพวกสวะสังคม แต่มีเยาวชนที่ไม่รู้ประสา ต่อให้เด็กพวกนั้นจะดื้อรั้นไม่ฟังคำเตือนของผู้ใหญ่แต่พวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาฆ่าแกงกัน ต้องแสงตัดสินใจที่จะรับทำคดีนี้เช่นกันถึงแม้จะมีเพียงแค่เขาก็ตาม แต่ไอ้บ้านผีสิงนั่นต้องถูกเผาให้สิ้นไปสักที ไม่ว่าอะไรจะอยู่ที่แห่งนั้นก็ตาม และสิ่งนึงที่เขาอยากจะปกป้องคือเพื่อนรักอย่างเจ้าขุน..


"เจ้าขุนมึงอย่าพึ่งทำอะไรนะเว่ย.."


ตัดมาที่เจ้าขุนที่ได้รับเงินมาแล้วโดยการต่อลองกับเจ้านายของเจ้าหมอกเรื่องค่าอาหาร พวกเขาคุยเป็นกันเองเหมือนเป็นคนสนิดกันถึงพวกเขาจะไม่ค่อยได้พูดคุยถามไถ่อะไรกันเลยก็ตามแต่คนไทยด้วยกันไม่เป็นไร ไม่เป็นไร หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา เจ้าขุนเดินเข้าร้านสดวกซื้อเพื่อซื้อของกินระหว่างทาง ในตอนที่เจ้าขุนจะเดินเข้าไปนั่นเองก็มีหนุ่มม.ปลายเดินเข้ามาดูท่าทีแปลกๆเหมือนกลัวบางอย่าง ก้มหน้าก้มตาจนเกือบจะชนเจ้าขุน เจ้าขุนก็ไม่คิดอะไรเลยให้เด็กคนนั้นเดินเข้าไปก่อน ถึงจะงงแต่ก็ช่างปะไรแค่เด็กไม่ได้เดือดร้อนอะไร  เจ้าขุนเดินเข้าไปในร้านอีกครั้งแบบไม่มีอะไรมาขัด ก็เจอคนยังพูดถึงเรื่องเรือนไทยนั่นอยู่ เจ้าขุนค่อยเงี่ยหูฟังอย่างคนขี้....สงสัย จะว่าป้าข้างบ้านเข้าร่างก็คงจะใช่ เพราะเป็นงานถนัดของเจ้าขุนอยู่แล้ว เจ้าขุนค่อยๆเดินไปใกล้เด็กนักเรียนหญิงม.ต้นสองคนที่คุยเรื่องนี้กันอยู่อย่างสนุกปาก เหมือนว่าทั้งสองคนจะเป็นสายผีหลอกวิญญาณหลอนชัดเลยฟังจากน้ำเสียงมีต่ำมีสูงขึ้นลงแบบนี้


"นี่เรื่องผีเรือนไทยนั่นนะ เห็นเขาว่าเป็นผีผู้ชายด้วยนะ"


"ได้ยินเหมือนกัน มึงว่าเขาจะหล่อป่าวว่ะอยากรู้จังผีท่านขุนเลยนะเว่ย!"


กริ๊ดดด


ชัดเลยบ้าผู้ชาย!


"เอ่อ...น้องครับ พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหมเรื่องเรือนไทยนั่นนะ พี่เป็นนักข่าวอยากจะขอข้อมูลอะไรหน่อย" เจ้าขุนเดินเข้าไปหาสองสาวที่ยืนมองหน้ากันอย่างเกรงใจ


แต่คนที่ได้ยินไม่ได้มีเพียงน้องสองคนนั้นกลับมีหนุ่มม.ปลายที่ดูท่าทีแปลกๆนั่นแอบฟังอยู่เช่นกัน สองสาวที่มองหน้ากันในตอนแรกก็กลับมาดี๊ด๊าตาโตหวานฉ่ำ เมื่อได้ยินว่าเจ้าขุนเป็นนักข่าว แถมหน้าตาก็ดีแบบนี้กี้ชอบ!


"ได้สิค่ะ!"


"พี่อยากรู้อะไรถามมาได้เลยค่ะ น้องจะบอกให้หมดเลยค่ะ!"


คิดถูกหรือคิดผิดว่ะเนี่ย! ที่มาถามน้องสองคนนี้...แต่เอาว่ะ ถามๆไปเผื่อได้อะไรบ้างสักนิดก็ยังดี


ผลสุดท้ายเจ้าขุนเดินออกมาจากร้านสดวกซื้อแบบหงอยๆเป็นไอ้ลูกหมาอีกครั้ง


หงิง ไม่ได้เชี่*อะไรเลยโว่ย!! นอกจากไม่ได้อะไรยังโดนเด็กลวนลามอีกโคตรไม่คุ้ม


"เอ่อ..พี่ครับ..."


เจ้าขุนถึงกับร้องห๊ะที่ได้ยินคนมาเรียกในตอนที่เขางุดงิด จะอะไรอีกละขอถ่ายรูปก็มาก็เข้าใจคนมันหน้าตาดีทุกมุมมองของคนหล่อและน่ารักคนแบบเจ้าขุนทำไมไม่เป็นพระเอกให้มันจบๆนะ..


"มีอะไรน้องเข้าใจว่าพี่หล่อ พี่ผิดเองที่หล่อเกินห้ามใจ แต่ไม่ได้หรอกนะพี่ก็มี สเปคในดวงใจอยู่แล้วละ"


"เอ่อ..ไม่ใช่ครับคือ...พี่ก็ไม่ใช่สเปคผมเหมือนกันแต่ พี่อย่าไปที่นั่นเลยนะครับผมเตือนไว้ก่อน"


เจ้าขุนถึงจะรู้สึกเสียเซลล์ แต่เขาก็ยังคงมีเป้าหมายเดิมที่เขาสนใจกว่าความหล่อของตัวเอง


"นี่เรารู้หรอเรื่องนั้นน่ะ บอกพี่หน่อยพี่เป็นนักข่าวนะพี่ขอคุยสักนิดนึงได้ไหม"


เจ้าขุนจับไหล่ของอีกฝ่ายแน่น อย่างมีหวังสวนหนุ่มม.ปลายคนนั้นก็มีท่าทีกลัวๆอยู่บ้างแต่ก็คิดว่าควรจะบอกไปดีไหม อยู่ในใจ และเขาก็คิดได้ 


ทั้งสองคนมานั่งอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าขุนก็ต้องเลี้ยงข้าวเด็กหนุ่ม ที่ยังทำท่าทีไม่มั่นใจอยู่ เจ้าขุนนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ก็หันมองดูเด็กหนุ่มที่ยังไม่ยอมกินสักทีจนเขาต้องเอ่ยทัก


"นี่กินซิ ไม่ต้องห่วงพี่เลี้ยงเองนะถือว่าตอบแทนเรื่องที่เราเล่าให้พี่ฟั-"


"ผมพูดจริงๆนะครับ!!"


เจ้าขุนถึงกับหยุดมองคนที่จู่ๆก็เริ่มร้องไห้และสั่นกลัว คนในร้านก็เริ่มหันมองกันจนเจ้าขุนต้องพูดบอกว่าไม่มีอะไรครับ เจ้าขุนลองค่อยๆถามเด็กคนนั้นอย่างจริงจัง พร้อมหยิบโทรศัพท์มาอัดเสียง


"เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ เล่าให้พี่ฟังได้ไหม...นะ"


"ผมไม่อยากเล่าเลย ผมไม่อยากพูดถึงมันอีกแต่ถ้ามันทำให้พี่ล้มเลิกความคิดได้ผมก็จะเล่าให้ฟังครับ"เด็กหนุ่มพูดเสียงสั่นยังคงร้องไห้อยู่ และ กล้ำกลืนฝืนทนบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัว


"ผมนะไม่ใช่แค่รู้มาหรอกครับ แต่ผมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นกับพี่ๆอีกสามคนครับ"


เจ้าขุนเมื่อได้ฟังก็คิดไปถึงในตอนที่เขาได้ยินมาจากต้องแสงว่ามีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ และรอฟังคำที่เด็กหนุ่มเล่าให้ฟัง บางที่เด็กพวกนั้นอาจรอดก็ได้ ใครจะไปรู้ 


"งั้นหรอๆ งั้นพาพวกเขามาที่นี่ด้วยซิเผื่อจะได้ช่วยกันเล่-"


"พวกเขาตายหมดแล้วครับ!!"เด็กหนุ่มตะโกนดังลั่นร้าน ครั้งนี้เขาเริ่มร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อพูดคำนั้นออกไป ทำให้เจ้าขุนนิ่งสนิด และคนในร้านก็ต้องมองอีกครั้งนึงทำให้เจ้าขุนต้องบอกว่าไม่มีอะไร 


ชัดเลย ต้องแสงมันพูดจริงด้วย แล้วเราจะรอดไหมว่ะเนี่ย!


"แต่นั่นเพราะพวกพี่ๆ ไปยุ่งของพวกนั้นนั่นแหละครับ.."


"ของ....ของอะไร"


"เหมือนจะเป็นของมีค่าที่อยู่เรือนนั่นนะครับ พวกทองคำพวกเครื่องประดับต่างๆของพวกนั้นมันดูมีราคามากเลย พวกพี่ๆเลยจะโขมยมาขายนะครับ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร..ทุกคนก็.."เด็กหนุ่มเริ่มเบะปากอีกครั้ง


เอาอีกแล้วจะร้องอีกแล้ว!!


เจ้าขุนพอเข้าใจอยู่บ้าง วันนั้นเลยปลอบใจน้องที่ร้องไห้ให้สงบก่อนแยกย้ายกันไป กลับบ้านถึงแม้ว่าตอนแรกเขาอยากจะไปส่ง แต่น้องมันก็บอกว่ากลับเองได้ผมไม่เป็นไร  สิ่งเดียวที่หวังคือหวังว่าน้องเขาจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างในสักวัน การที่พี่ๆของเขาตายไม่ใช่ความผิดของเด็กหนุ่มแต่เพราะจิตใจของคนเหล่านั้นเองต่างหาก  เจ้าขุนยังคงมุ่งมั่นแม้ว่าจะได้ยินเรื่องที่น่ากลัวมาเพราะอย่างไรเขาก็รับงานมาแล้วจะมายกเลิกตอนนี้มันก็จะดูขี้ขลาดไปหน่อย  ก็เป็นถึงเจ้าขุนเลยนะเว่ยเรื่องแค่นี้ขนสักเส้นก็ไม่ตั้งหลอก เจ้าขุนเตรียมขึ้นเมล์จากเมืองกรุงสู่ พื้นที่ของบ้านผีนั่นอย่างมุ่งมั่น ถึงจะหาวระหว่างทางเขาก็ไม่หวั่นหลับนิดหลับหน่อยคงไม่เป็นไร เดี๋ยวพอถึงที่หมายเดี๋ยวก็มีคนปลุกเองนั่นแหละ 


และรวมถึงต้องแสงที่ก็เตรียมพร้อมเหมือนกันเขาเองก็ได้ยินมาว่ามีเด็กคนนึงรอดมาจากเหตุการณ์วันนั้น ถึงคำตอบจะไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะได้ยินเพราะเขาเอาแต่เตือนไม่ให้ไปอย่างคนไร้สติ อาการนี้ก่อนที่เขาจะไปเจอกับเจ้าขุนเสียอีก


แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็มาถึงบ้านเรือนผีนั่นก่อนเจ้าขุนเป็นที่เรียบร้อยถึงเขาจะยังกลัวที่จะเข้าไป แต่ก็ยังจับแขนที่สั่นนั่นไว้แน่น กัดฟันเดินเข้าไปในเรือนไทยเก่าๆเสียงไม้ดังเอี๊ยดอ๊าดตามการย่างเท้าของต้องแสงเอง ความเงียบทำให้เขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย ในขณะนั้นยังมีสายตาของอีกาตัวหนึ่งที่จ้องมองเขาอยู่เช่นเดียวกัน อีกาบินออกไปจน ต้องแสงได้ยินเสียงปีกกระพรือดังจนเขาตกใจ เขารู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองเขา และผ่านหลังเขาไปมา เขาหันหลังตามแต่ก็ไม่เห็นมีอะไร เขาคิดว่ามันไม่ใช่สัตว์หรือสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่บนโลกนี้แน่นอน


ก่อนจะมีเงาร่างใหญ่ปรากฏต่อหน้าเขาก็ทำให้เขาเหงื่อตกตัวสั่นกลัวขึ้นมากกว่าเดิม ต้องแสงแหงนมองขึ้นไปมองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ แววตาสีแดงทัพทิมจ้องมองคนตัวเล็กที่ตัวสั่นจนน้ำตาจะไหลออกมา  ต้องแสงอาปากค้างไป แม้แต่เสียงกริดร้องก็ยังไม่มี..


มีเพียงเจ้าขุนที่ทักไปหาเพื่อนรักอย่างต้องแสงว่าเขากำลังจะไปที่เรือนไทยผีนั่นแล้วนะ และบอกอีกว่าถ้าเขาไม่ติดต่อไปก็ช่วยซื้อข้าวให้เจ้าหมองด้วย 


เพราะกูกำลังไปแล้วนะ ไอ้เรือนผีขี้งกสมบัติอาคาดแค้น ถึงตายก็ต้องทำข่าวเด็ดให้ได้!!


"สมบัติกูห้ามผู้ใดแตะ!!!!!!!"


"หนู...หนูลูกตื่นได้แล้วจ้ะถึงแล้วนะ.."


เจ้าขุนสดุ้งตื่นขึ้นมาบนรถเสียงของป้ากระเป๋ารถเมล์เรียกผมอย่างใจเย็น คาดว่าจะใจเย็นกว่าเสียงในหัวของผมเสียอีก


"อ่ะ!..ครับ.."เจ้าขุนพูดอย่างว่าง่ายก่อนจะลงจากรถไปแบบงงงวย  รถวิ่งผ่านเขาไปหลังจากส่งเขาตรงศาลาริมทาง ป้ารถกระเป๋ารถเมล์บอกว่าต่อจากนี้เจ้าขุนจะต้องหารถไปเอง เพราะหมู่บ้านที่เจ้าขุนจะไปมันไม่มีคนอยู่แถวนั้น แล้วป้าก็กลัวเรื่องข่าวเรื่องผีด้วย


โหนี่รู้กันทั้งประเทศแล้วมั้งไม่ต้องทงไม่ต้องทำกันแล้วมั้งข่าวให้เขารู้กันแบบนั้นนั่นแหละว่าไอ้เรือนบ้านนั้นมีผีโรคจิตฆ่าคนตุย


แต่ทำไงได้มาถึงตรงนี้ละจะหันหลังกลับก็กลับไม่ได้ บ่มีรถกลับ เจ้าขุนนั่งตรงศาลาริมทางเพื่อผ่อนคลายพักนึงและรอรถที่จะผ่านมาเขาหวังว่าจะมีสักคันหนึ่งหรือสองคันก็ยังดี เจ้าขุนลุกขึ้นเดินวนดูถนนมองรถซ้ายขวา หลายครั้งก่อนจะไปนั่งที่เดิม บางครั้งก็หยิบขนมขึ้นมากินลองท้อง และเขาก็ทำซ้ำเดิมมาหลายนาที จนไม่มีวี่แววใดๆ


นี่มันเหตุการณ์แห่งการรอคอยเหมือนตอนหาบ้านเรือนไทยผีนั่นเลย สมแล้วจริงๆ


แต่ถึงจะบ่นในใจไปแต่เจ้าขุนก็ยังรอรถที่จะมารับเขาอยู่ดีเพราะถ้าจะเดินไปก็คงเสียเวลาทางที่ไปถูกไหมไม่รู้ ถ้าหลงก็คงแย่ 


แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์ครับผ่านมา


เสียงสวรรค์ชัด..


"พี่ครับพี่! จอดหน่อยครับ! จอดหน่อย คือผมอยากให้พี่ช่วยหน่อยนะครับ"เจ้าขุนวิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลืออย่างเร่งรีบ ถ้าชักช้าเดี๋ยวจะไม่ทันการ ทำให้รถคันนั้นหยุดและสงสัยไปตามกัน รถมอเตอร์ไซค์ที่หญิงวัยกลางคนเป็นคนขับมาพร้อมกับลูกอีกหนึ่งเอ๊ะ! หรือจะหลานกันนะ  แต่ไม่จำเป็นต้องคิดต่อเจ้าขุนก็พูดเอ่ยขึ้นมาอย่างไว


"พี่รู้จักบ้านเรือนผีไทยที่เขาว่าเหี้ยนไหมครับ ผมเป็นนักข่าวจะม-"


"ฮืออออ"


ไม่ทันได้กล่าวจบเสียงเด็กข้างหลังก็ร้องไห้โชว์หนึ่งบทเพลง ทำให้เจ้าขุนก็งงแต่ก็ไม่ถึงกับไม่รู้หรอกว่าทำไม


"ไอ้น้องอย่าไปบ้านหลังนั้นเลยกลับบ้านไปกินข้าวกินปลาเถอะ! รักษาชีวิตตัวเองก่อน! ฉันไปละอย่ามาถามฉันเลย!!"หญิงคนนั้นพูดพร้อมกับเตรียมออกรถไป อย่างร้อนลน ไม่ทันที่เจ้าขุนจะได้พูดต่อไปอีกเขาก็ถูกทิ้งไว้กลางทางอีกครั้ง


"อ้าวเดี๋ยวพี่! อย่างน้อยก็บอกทางหรือยืมโทร..ศัพท์..."


เวรกรรม! รู้งี้เชื่อไอ้ต้องดีกว่า


เจ้าขุนคิ้วผูกกันเป็นคนยุ่งงานพูดอย่างไม่สบอารมณ์อย่างแรง และกลับมาเป็นคนหมดอะไรตายอยาก คนที่กระตือรือร้นที่จะทำงานหายไปแล้วหวังว่าทุกคนจะไม่ลืมชายที่เริงร่าคนนั้นนะ สุดท้ายเจ้าขุนก็ต้องมานั่งจ๋องด้วยสายตาที่ว่างเปล่าอีกครั้ง กับสีหน้าที่ซีดเผือก เพราะสะเบียงที่เตรียมมาก็หมดตามๆกันไป ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนติดเกาะกลางทะเลถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ที่พื้นดินก็ตาม เจ้าขุนยังคงคิดถึงสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำอยู่ในใจถึงแม้ว่าเข้ายังไม่สามารถได้มันก็ตาม


ข้าว~~ อยากกินข้าว~