เจ้าขุน นักข่าวท้องถิ่นที่ยังไม่มีข่าวเด็ดๆตกถึงท้องและได้ยินถึงข่าวเรือนผี จึงตามหาและเก็บภาพทั้งหมดแต่หารู้ไม่ว่าผีหวงของมันเฮี้ยนแค่ไหน!...

สมบัติเจ้าขุนทอง - บทที่ ๒ เรือนผีไทยจับเจ้าขุนมาทรมาน โดย Ryomurin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ไทย,ดราม่า,รัก,ผี,สยองขวัญ,แฟนตาซี,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สมบัติเจ้าขุนทอง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ไทย,ดราม่า,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผี,สยองขวัญ,แฟนตาซี,ดราม่า

รายละเอียด

สมบัติเจ้าขุนทอง โดย Ryomurin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เจ้าขุน นักข่าวท้องถิ่นที่ยังไม่มีข่าวเด็ดๆตกถึงท้องและได้ยินถึงข่าวเรือนผี จึงตามหาและเก็บภาพทั้งหมดแต่หารู้ไม่ว่าผีหวงของมันเฮี้ยนแค่ไหน!...

ผู้แต่ง

Ryomurin

เรื่องย่อ

สารบัญ

สมบัติเจ้าขุนทอง-บทที่๑ เจ้าขุนขอรับ,สมบัติเจ้าขุนทอง-บทที่ ๒ เรือนผีไทยจับเจ้าขุนมาทรมาน

เนื้อหา

บทที่ ๒ เรือนผีไทยจับเจ้าขุนมาทรมาน

"พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มเอ้ย.."


เสียงของชายวัยชราดังเข้าหูเจ้าขุนที่เผลอหลับไปตื่นขึ้นมาก็ช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนหลับไปเมื่อไหร่ แต่เขาก็อยากให้เหตุการณ์ในตอนนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน หากเขาตื่นขึ้นมาบนที่นอนอุ่นสบายๆเหมือนในก่อน ก็คงจะดี แต่ความคิดก็ต้องหยุดลงเมื่อเจ้าขุนตั้งสติ รีบลุกขึ้นยืนเมื่อได้เห็นใครบางคนมาสักที 


"ลุง มาช่วยผมหรอ รอดแล้วเรา!!"


"เออๆ แล้วเองมานอนทำอะไรที่นี่ว่ะ หรือถูกใครหลอกพามาอีกหรือไงทางมันเปรี่ยวอันตรายนะแถวนี้"ลุงพูดอย่างห่วงคนแปลกหน้าอย่างเจ้าขุน แต่สำหรับเจ้าขุนเหมือนเทวดามาโปรดขอบคุณสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ที่ไม่ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว เจ้าขุนไม่รอช้าที่จะขอลุงติดรถไปส่งในหมู่บ้านใกล้ๆทันที 


"ลุงช่วยผมหน่อย แถวนี้มีหมู่บ้านที่มีเรือนผีไทยเก่าๆไหมครับ"


"เฮ้ย! เองจะไปทำอะไรที่นั่นว่ะ!"ลุงพูดมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก


อย่าบอกนะว่าลุงจะทิ้งผมอีกคนไม่น่าเลยกูปากสว่างจริงๆ 


เจ้าขุนตีปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะพูดคำใหม่นะจุดนี้ต้องหาข้าวกินก่อนละ ดั่งคำที่ท่านโป-เลียน โบนาปาร์ต ได้กล่าวเอาไว้ 'กองทัพต้องเดินด้วยท้อง'


"ลุงไม่ต้องพาไปบ้านผีแล้ว แถวนี้มีหมู่บ้านไหมครับ ขอแบบที่มีร้านข้าว ไม่มีไม่เป็นไรครับ!"


"อื้ม..ฉันก็พอจะรู้ทางไปบ้านเรือนผีไทยอยู่นะ.."


ลุงได้ฟังผมใช่ไหมครับ? เอ๊ะแต่..


"ลุงรู้หรอครับ"


"ใช่..ขึ้นรถมาสิเดี๋ยวหาอะไรให้กินระหว่างทางก็จะเล่าให้ฟังด้วย"


เจ้าขุนตอบตกลงทันทีก่อนจะเก็บของวิ่งขึ้นรถอีต๊อกที่เครื่องติดรออยู่แล้ว


"ข้างในปิ่นโตนะกินได้นะ เมียฉันทำมาให้ลองดูสิ"ลุงเขาว่างั้น วันนี้งานไร่นาคงเสร็จก่อนเที่ยงเลยไม่ได้เปิดปิ่นโต เจ้าขุนเลยขอไม่เกรงใจอดอยากปากแห้งมานาน หยิบมาเปิดดูว่ามีอะไรกินบ้าง


"โห~ น่ากินจังครับ ขอบคุณครับลุง"เจ้าขุนตักไปหนึ่งคำ


"อร่อยมากเลยลุง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยกินฝีมือใครอร่อยเท่านี้มาก่อนเลย"


"ฮ่าๆๆ ใช่ไหมละ เมียฉันคงดีใจนะที่มีคนชมอาหารที่เขาทำ กินต่อไปเถอะกินให้หมดละ"


"ครับ!"


นี่สินะรถชาติของอาหาร~


"ฉันนะเคยเข้าไปในบ้านหลังนั้นมาก่อน" เจ้าขุนเมื่อได้ยินก็หันมองไปทางลุง ที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาอย่างคนระลึกความหลัง เขาเองก็กินไปฟังไปด้วยอย่างตั้งใจ แววตาเหมือนลูกหลานตาใสๆที่ฟังคุณปู่เล่าอดีต


"ลุงเคยเข้าไปหรอครับแล้วทำไมลุงถึง.."


"ฉันเคยเป็นหัวหน้าคนงานที่จะไปลื้อบ้านหลังนั้นมาก่อนนะ เมื่อตอนนั้นฉันกลัวมากเลยนะ แต่เขาก็ไม่ทำร้ายฉัน เพราะเราตกลงกันแล้ว"


ภาพย้อนไปในอดีตในตอนที่ลุงยังหนุ่มๆ คนงานเดินสวนกันไปมาอย่างแข็งขันตั้งใจทำงานร่วมกัน ทักทายพูดคุยยิ้มแยมกันเป็นปกติ ลุงเองก็คอยสั่งงานคนงาน อย่างตั้งอกตั้งใจ จนกระทั่งเห็นคนงานคนวิ่งออกมา จากห้องหนึ่งพร้อมโวยวายเสียงดังฟาดงวงฟาดงาจนล้ม ทำให้คนงานคนอื่นตกใจไปด้วย รวมถึงคุณลุงที่ทำสีหน้าสงสัย และตกอกตกใจไปตามๆกัน


"เฮ้ยย!! ..ตัวเชี่ *ไรว่ะออกไป!! ออกไปนะเว่ย!!"


"มันเป็นไรว่ะ!! พวกเอง!!"


"ไม่รู้ครับ!อยู่ๆมันก็วิ่งออกมา! น่าจะเสียสติไปแล้วมั้ง!"


ลุงวัยหนุ่มมองชายที่ดูท่าทางเหมือนคนเสียสติจริงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างไวเพื่อเข้าไปถามไถ่คนที่นอนอยู่กับพื้น แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวชายคนนั้นก็ลุกขึ้นเหมือนจะบ้าครั่งอีกครั้ง ทำให้คนงานแถวนั้นถึงกับถอยหลังห่างออกมาเพราะไม่อยากจะมีภัยเข้าหาตัว ชายคุ้มครั่งยังคงร้องโวยวายเหมือนจะเห็นบางอย่างที่คนอื่นมองไม่เห็น คนภายนอกที่มองมาคงคิดว่าเขาบ้าเสียสติไปแล้วแน่ๆ แต่สิ่งที่ชายคนนั้นเห็นก็ไม่แปลกใจที่เขาจะกลัว เขาเห็นร่างที่ปกคุมด้วยเงาดำมันปรากฏต่อหน้าเขาและค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆเขา พร้อมกับพูดคำพูดธรรมดาแต่แฝงความอาคาดเอาไว้


คืนของกูมา!!


ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเหมือนกับพายุจะเข้า จนทุกคนต้องเอามือบังฝุ่นไว้ทั้งต้นไม้ที่หักล้มก็เช่นกัน ถึงอย่างงั้นชายที่ทำผิดก็ยังไม่ยอมรับใดๆ


"ของอะไรของมึง!"


ชายคนนั้นกล่าวตะโกนดังลั่นไม่สนว่าคนฟังจะเข้าใจหรือป่าว แต่พวกเขาหลายๆคนก็คงคิดแล้วว่าชายคนนี้น่าจะเห็นสิ่งที่มองไม่เห็น ทั้งยังเกิดสภาพอากาศวิปริตเช่นนี้อีก และที่เป็นอย่างงั้นเพราะไปลบหลู่และเข้ามา ลุกล้ำในพื้นที่ของสิ่งนั้นโดยไม่ขออนุญาติใดๆ แต่ไม่ทันได้เห็นว่าเขาจะพูดอะไรต่อเขาก็ลุกขึ้นวิ่งหนีผีตนนั้นไปอย่างคนบ้า ไม่รู้หรอกนะว่าจะพ้นหรือป่าวแต่เขาก็คงไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเป็นแน่


"ลุงแล้วผู้ชายคนนั้นเขา-"


"เขาตายในวันรุ่งขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร บางคนก็บอกว่าเขาฆ่าตัวตายเองเพราะหนี้สิน"


"จะเป็นไปได้ไงครับลุง อยู่จะมาตายเนี่ยนะเหมาะเจาะเกิ๊นนน."


"ใช่ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน"


หลังจากเหตุการณ์นั้นคนงานหลายคนลาหยุดงานกันไป แต่ในขณะเดียวกันคนที่เข้าในห้องนอนในเรือนนั้น ก็วิ่งหัวซุกหัวซุนออกมาคลายกับชายคนนั้น.. วันทัดมาพวกเขาก็ตายด้วยสาเหตุบางอย่าง จนไม่มีใครกล้าเข้าไปอีก สุดท้ายคนที่จะเข้าไปคือลุงในตอนนั้น เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทางตำรวจก็ไม่มีทีมไหนมาสำรวจเพราะคิดว่ามันก็แค่การฆ่าตัวตายหรืออุบัติเหตุ ลุงเดินเข้าไปในห้องเป็นห้องนอนเก่าโบราณมีฝุ่นละอองฟุ้งออกมา เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรนอกจากห้องเก่าที่มีฝุ่น มีใบไม้ปิวว่อนไปมาไม่ต่างจากด้านนอก แต่เขาก็ยังไม่ปักใจสักเท่าไหร่ ในทางกลับกันก็มีร่างกลุ่มก้อนเงามองมาทางเขา เขาเดินสำรวจอย่างเงียบๆ เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากบ้านไม้เก่าๆยังดังตามการย่างเท้า  จนตาไปเตะกับกล่องใบหนึ่ง เป็นกล่องไม่ใหญ่มากดูมีมูลค่าไม่น้อยถึงแม้กล่องจะทำจากไม้แต่กลับไม่มีการผุพังใดๆเลย 


อ่า..ไม่ได้ล็อค


ลุงไวหนุ่มเปิดอย่างช้าๆเพื่อดูว่ากล่องนั่นมีอะไร สิ่งที่อยู่ในนั้นก็ทำให้เขาต้องตกใจ


มันคือทอง ทองจริงๆด้วย ของแท้เลย!


เขาหยิบขึ้นมาดูอย่างตื่นตาที่ได้เห็นทองมากมายขนาดนี้ มันคือทองจริงนั่นแหละนอกจากทองแล้วก็ยังมีสร้อยคอหรือเครื่องประดับมากมาย แต่ไม่ทันที่เขาจะดีใจไปมากว่านี้ก็มีบางอย่างทำให้ฝาหีบปิดลงใช่ ผีหวงของเจ้าเก่าเจ้าเดิมแต่ครั้งนี้มันไม่ได้โผล่มาในร่างเงาดำแต่มาเป็นตัวให้เห้นกันชัดๆไปเลย ให้เห็นใบหน้าของมันฝังลึกในจิตใจใบหน้าของชายที่มีความทุกข์ เลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดสีผิวที่ซีดมาพร้อมกับความหนาวที่เย็นยะเยือก  ก่อนที่ผีตนนั้นจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง


"มึงคงอยากได้สมบัติของกูมากเลยสิหนา!! ถึงได้จ้องมันตาเป็นมันเช่นนั้น!! แหม!!ไอ้พวกชาติชั่วแบบพวกมึง!! ไม่ควรได้ของพวกนี้ไปประดับกายดอก!!!"


"ฉันไม่ได้จะเอาไปนะ ใจเย็นก่อนฉันแค่จะมาลื้อที่นี้เองไม่ได้จะโขมยสมบัติของท่านเลยนะ"เขาล้มลงก้นจุมพื้น พูดอย่างสั่นกลัว แต่ชีวิตต้องมาก่อนเขาไม่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงหรอก วันนั้นเขาพนมมือขอความเมตตา ทั้งน้ำตาคลอด้วย สัญชาตญาณของมนุษย์ที่อยากจะมีชีวิตรอด เขารู้ดีว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรในตอนนี้หากเขาไม่ยอม


"เรือนนี่ก็เป็นสมบัติของกู!! มึงออกไปเสียกูจะให้โอกาสมึง!!! กลับบ้านไปทำไร่ทำนาหาเลี้ยงชีพหรือไปเป็นบ่าวในเรือนใดข้าไม่สน แต่อย่ากลับมาให้กูเห็นอีกรวมถึงคนงานของมึงด้วย!!!ไป!! "


กลับมาปัจจุบันเจ้าขุนที่ตั้งใจฟังอยู่ก็อึ้งสุดๆแต่ก็ขอบใจลุงที่เล่ามาสะยาว ได้ข้อมูลมาเยอะเลยเพราะก่อนหน้านี้เจ้าขุนก็อัดเสียงไว้เป็นที่เรียบร้อย 


"โหลุงอย่างกับหนังแน่ะ ว่าแต่ลุงเห็นตัวเป็นๆจริงหรอครับ แบบจังๆหน้าเลยอะ"


"ใช่ถ้าไม่เชื่อจะลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่ เพราะยังไงคนดีผีคุ้มอยู่แล้ว เฮอะๆ"


ลุงพูดติดตลกแต่ก็ถูกทุกประการ เจ้าขุนไม่เคยทำผิดศิลใดเลยในชีวิตทั้งห้าข้อ เป็นคนดีสุดๆถ้าไม่นับเหยียบมดแมลงไปเป็นพันๆ หรือโกหกเรื่องป่วยไม่อยากไปโรงเรียนตอนเด็กก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่ไม่ทันไรลุงก็พามาส่งถึงที่หมาย ก่อนที่เจ้าขุนจะบอกลาลุงพร้อมกับให้ตังค์ค่าข้าวและค่ารถไปถึงลุงจะไม่อยากได้แต่เขาก็จะให้อยู่ดี


"จำไว้นะไอ้หนุ่ม..อย่าไปยุ่งกับของๆเขา ถ้าของใคร ใครก็รัก ไม่งั้นเขาก็จะมาเอาคืน.."


"คะ..ครับบ"


ลุงอย่าหลอนผมสิผมชักกลัวแล้วนะครับ แงงง 


เจ้าขุนล่ำลาลุงก่อนที่ทั้งสองก็แยกกัน ตอนนี้จ้าขุนยืนอยู่หน้าบ้านของชายที่ไม่เป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน ลักษณะบ้านเป็นบ้านเรือนไทยหลังใหญ่โตไม่น้อย แต่ดูเก่าไม้เริ่มมีปวกกัดกินใบไม้กิ่งไม้กระจายไปทั่ว นี่หละบ้านผีสิงในของแทร่ แต่ผีก็ผีเถอะเจ้าขุนเอาอยู่ อยู่แล้ว ถึงพูดแบบนั้นไปเจ้าขุนก็ขาสั่นขึ้นมาสะงั้น เจ้าขุนยังคงยิ้มสู้ถึงขาจะสั้นแต่นี่แหละสั่นสู้ของเจ้าขุน เจ้าขุนจับขาตัวเองไม่ให้สั่นค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปใกล้บ้านที่ดูทรุดโทรม ก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าบันไดเก่าแก่มาแต่โบราณ


แม่*บันไดจะหักไหมว่ะเนี่ย หวาดเสียวชิบ-


ตุบ!


"เฮ๊ยย!!!!ผมขอโทษครับผมผิดไปแล้ว!!"เจ้าขุนตกใจกลัวสุดขีดยกมือโวยวายเอ่ยคำขอโทษออกไปโดยที่ตัวเองยังไม่ได้ทำอะไร นี่หรือกระต่ายตื่นตูม เจ้าขุนหันมองดูสิ่งที่เข้าเห็นกับสิ่งที่คิดชั่งห่างไกลกันเหลือเกิน


โธ่!ไอ้ลูกมะพร้าวตัวดี อยู่มาร้อยปีไม่ตกมาตกตอนกูมานี่!....


เจ้าขุนมองตาเขียวปัดใส่ลูกมะพร้าวที่ล่วงลงมาก่อนหน้า และเดินไปพร้อมทำสองนิ้วชี้ตาตัวเองกับลูกมะพร้าว ด้วยความแค้นฝังหุ่นของเขา และเดินขึ้นเรือนไปอย่างไม่มีความกลัวอีกต่อไป เจ้าขุนเดินไปถึงประตูเรือนก่อนจะก้าวเท้าไปก่อนหยุดกึก มองเท้าตัวเองที่เกือบเหยียบธรณีประตู


ห้ามเหยียบเดี๋ยวถูกสาปให้โชคร้าย เกือบแล้วเราถ้าไม่งั้นคงได้เดินสะดุดขอบธรณีประตูตลอดปีแน่!


เจ้าขุนเชื่อว่างั้นแหละ และเขาก็ข้ามมันไปแต่สุดท้ายขาสองก็ไม่พ้นอยู่ดี เจ้าขุนสะดุดขอบธรณีประตูล้มจนได้ เหตุการณ์นี้คงไม่ใช่เพราะผีสางที่ไหนมาผลักหรอก คงเพราะความซุ่มซ่ามของเขาเองที่ระวังไม่มากพอ เจ้าขุนลุกขึ้นมาอย่างเขินอายถึงจะไม่มีคนอยู่แถวนั้น แต่ถ้าผีมีจริงก็คงจะอายไม่น้อย เจ้าขุนเดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเกาหัวแกรกๆแก้เขิน


เขาเริ่มถ่ายคริปรอบๆพร้อมกับถ่ายรูปไปด้วย มองสำรวจบ้านและชื่นชมบางสวนที่มีความแบบอริจินอลสุดๆ เหมือนมานิทัศการจำลอง อยุธยา 


"แคก ๆ หือ..ฝุ่นอย่างเยอะเลย"เจ้าขุน ไอคอกแคกกับฝุ่นที่คลุ้งไปทั่วเรือน เขาเริ่มคิดว่าเค้ามาทำอะไรที่บ้านเก่านี่กันแน่นะ


ไม่เห็นจะมีอะไรเลยอะ แค่บ้านเก่าๆธรรมดา ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน


เขาคิดอย่างไม่หวั่น ถึงตอนแรกเขาจะหลอนจากเรื่องที่ลุงเล่ามาแต่มันจะเป็นไปได้หรือที่ผีเหี้ยนจะปล่อยคนไปง่ายๆ อย่างกับหนังแฟนตาซี เอาเถอะถึงอย่างไรเขาก็เคยเป็นมนุษย์ เจ้าขุนก็เข้ามาแล้วจะลองนอนโชว์สักคืนเลยจะเป็นไรไป


"กูจะจับออกข่าวสัมภาษณ์ให้หมดเลย! ผีก็ผีเถอะ"


พรึบๆ!!! 


"เฮ้ย!!"


เจ้าขุนตกใจวิ่งหนีไปห้องหนึ่ง เป็นห้องนอนห้องนั้นที่ลุงเคยเล่าให้ฟัง เจ้าขุนนั่งอุดหูปิดตาอยู่มุมห้องหลังเตียงในสุด ปากบอกก็มาดิครับแต่ใจนี่ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม  เจ้าขุนได้สติลืมตาขึ้นมาก่อนจะชะเง้อชะแง้มองว่าเสียงนั้นไปหรือยังแต่สิ่งที่เห็นคือ  พวกนกมาจิกหากินหรือบินมาทำรัง อย่างหนึ่งที่เขาพึ่งรู้คือพวกนกมาทำรังไว้แถวนี้เยอะมากจริงๆ เสียงลูกมะพร้าวที่ตกลงมานั่นก็คงเพราะพวกนกหรือป่าวนะ ช่างมันถึงยังไงเขาก็ยังไม่มีที่ไปบ้านใกล้เรือนเคียงก็ไม่มี ลุงป่านนี้ก็คงจะถึงบ้านกินข้าวมีความสุขกับเมียไปแล้ว ยังไงก็คงไม่พ้นต้องนอนที่นี่อยู่ดีไม่ว่าจะอยากหรือไม่ก็ตามเจ้าขุนมองรอบๆดูพื้นที่ให้ทั่ว และเดินไปจับกล่องอะไรสักอย่างเขาสงสัยไคร่รู้อย่างยิ่ง นั่นไงจนได้การสัมผัสของที่ๆไม่ใช่ของตัวเองทำให้เจ้าของต้องมาเอาคืน ท่านขุนผีในสภาพที่หน้ากลัวเลือดท่วมตัวโผล่ออกมา ไม่ทันที่เจ้าขุนจะเห็น  ผีตนนั้นก็เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เจ้าขุนเปิดกล่องนั้นก่อนจะปิดลง ไม่ใช่ว่าข้างในไม่มีอะไรแต่เหมือนว่านี่จะไม่ใช่ของที่เขาต้องการ ผีตนนั้นถึงกับงงไม่น้อยวันนี้ไม่ใช่วันของเขาเสียแล้ว แต่ไม่ทันได้หายงง ฝาหีบที่เจ้าขุนปิดไปเมื่อกี้ทำให้ฝุ่นคลุ้งไปทั่ว 


"แคกๆ! โหสุดยอดฝุ่นนี่มากันทั้งโคตรเลยป๊ะเนี่ย...ฮา..."


เชี่ *จะจาม!


"ฮาดดดด!!เช่ย!!!"


เต็มหน้าท่านขุนถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ แต่โชคยังดีที่เขาเป็นแค่วิญญาณที่ไม่มีกายหยาบ เขายังมองคนตัวเล็กผ่านสายตาที่นิ่งเฉย เจ้าขุนเช็ดน้ำมูกตัวเอง ยังมองไม่เห็นคนที่คอยดูอยู่ห่างๆผีตนนี้เองก็อยากรู้ว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะทำอะไร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆเขาก็เริ่มพึมพัมอะไรบางอย่างกับตัวเอง  


"ฝุ่นเยอะแบบนี้จะไปนอนได้ไง"


คนผู้นี้คุยกับเรางั้นรึ!? 


"คืนเดียวก็ไม่ไหวหรอก อืมม...ทำความสะอาดสักหน่อยดีกว่าถ้ามีไม้กวาดหรืออะไรปัดฝุ่นได้คงดี"


กำปัดอยู่นี่


แกรก!


"เฮ๊ย!..อีกละ! แต่เดี๋ยวมีไม้กวาดด้วยถึงจะเก่าก็เถอะ"เจ้าขุนลองใช้กวาดไปมาในบ้านถึงจะช้าไปหน่อยเพราะมันเก่าแถมกิ่งค่อยๆหัก นี่ช่วยแล้วใช่ไหม เจ้าตัวเริ่มเหนื่อยท้อใจ โถชีวิตต้องมาตกระกำลำบาก เจ้าขุนรู้สึกไม่ทันใจเลยถอดเสื้อคลุมชั้นนอกของตัวเองไปปัดฝุ่นแทน ทำให้ฝุ่นคลุ้งไปหมดเจ้าขุนเปิดหน้าต่างรับลมถึงแม้ว่าหน้าต่างจะหลุดไปบานหนึ่งหลังจากเขาหันหลังไป  เขาใช้พลังทั้งหมดปัดทุกอย่างให้สะอาดหมดจด


เสร็จสักที~ 


นี่ถ้าเจ้าขุนมีอุปกรณ์ครบครันบ้านทั้งหลังคงเป็นบ้านหลังใหม่พร้อมอยู่  ซ่อมนิดหน่อยก็อยู่ได้ แต่อย่าหาทำเพราะตอนนี้ดูเหมือนเจ้าขุนจะหมดสภาพ จนเอาตัวนอนลงกับเตียง


"เฮ้อ~ เหนื่อยจัง แต่คืนนี้คงพออยู่ได้แหละ"


ผีเหี้ยนตนเดิมที่ดูเหตุการณ์ทั้งหมดก็ถึงกับอึ้ง เดินตรวจตราดูผลงานของคนหนุ่มอย่างพึงพอใจ 


นี่เขาทำได้ไงกันช่างเป็นบุญตานัก คนผู้นี้ถ้าใครออกเรือนด้วยเห็นทีคงไม่ต้องทำกะไร 


เขายิ้มขบขันกับ มุขของตัวเองอยู่ตนเดียว ก็อยู่มานานหลายศตวรรษไม่เคยเจอคนแปลกๆอย่างนี้มาก่อนเห็นทองกองอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่มีใจอยากได้เลยสักนิดต้องเป็นคนยังไงกันนะ แต่ไม่ทันทีผีจะชื่นชมคนเสร็จจู่ๆ เจ้าขุนก็เด่งตัวขึ้นมาอย่างไวจนแม้แต่ผียังตกใจ 


"เฮ้ย!!ตะกี้นี้มัน"


หรือเขาจะมองมนุษย์ผู้นี้ผิดไป คนก็คือคนเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจ มีความโลภ กิเลส ตัณหา มิรู้จบสิ้น


พวกที่มักจะชอบแย่งชิงทุกอย่างไปเป็นของตัวเอง แย่งชิงสิ่งของและชีวิต นั่นแหละคือมนุษย์!


"แม่*เอ๊ย ลืมเลยว่าที่นี่มีผียังสบายใจอยู่ได้นอนลงไปได้ไงเนี่ย ต้องขอเจ้าของที่ก่อนสิ เดี๋ยวโดนกินตับไม่รู้ตัว"


อึก ...


ไม่รู้ว่าเขาโง่เขาซื่อหรือเขาบ้า  หรือบางทีเขาจะเป็นคนมีจิตใจดีไม่มักมาก อยางที่ใครๆเป็น แต่มันก็ทำให้ท่านขุนผีได้เห็นในสิ่งที่เขาไม่เคยจะได้เห็นจากใครมาก่อน  เด็กคนนี้ไม่มีความกลัวใดๆหรือความต้องการใดๆตัดซึ่งทุกสิ่งและมันทำให้ท่านขุนผีต้องเผอยิ้มออกมา บรรยากาศตอนนี้นั้นมันไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่เคยได้รับ ทั้งเยือกเย็นและหน้ากลัว แต่มันช่างอบอุ่นจริงๆ ตอนนี้ผีตนนี้ได้รับรู้แล้วว่าเด็กหนุ่มร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น


"ขอนอนหน่อยนะครับ....โอเคนอนได้!!"


สติไม่ดีเป็นแน่...^=^


ในตอนดึกเจ้าขุนนอนหลับบนที่นอนอย่างสบายใจลมพัดเย็นสบายเข้ามาถึงจะมียุงมากัดบ้างจนต้องละเมอตบยุงอยู่ตลอดเวลา ผีตนนั้นเองก็เหม่อมองไปที่พระจันทร์เต็มดวง อาจมีเมฆลอยมาบดบังบางส่วนแต่แสงก็ยังสว่างมากพอที่จะทำให้เห็นใบหน้าของคนหลับได้อย่างชัดเจน ท่านขุนผีเดินเข้าไปหาคนที่นอนบนที่ของตนอย่างสบายใจ สรุปแล้วเขากลัวหรือไม่กลัวกันแน่นะ ท่านขุนผีเดินไปนั่งที่ปลายเตียงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่คิดบางอย่างอยู่ 


คนผู้นี้ทำไมมาอยู่ที่นี่กัน เพราะอะไร


ในละหว่างที่ท่านขุนคิดอยู่ ก็มีคนบางคนเดินเข้ามาจะว่าคนหรือมนุษย์ก็ไม่ใช่ชายคนนั้นจับขอบประตูก่อนเริ่มเผยร่างและปีกสีดำมาพร้อมกับขนอีกาที่ปิวว่อนไปทั่ว ดวงตาที่ไร้แวว ขอบตาเหมือนคนไม่ได้นอนมานานดวงตาสีแดงทััพทิมส่องสะท้อนแสงของดวงจันทร์ เขามาในสภาพที่เหมือนคนตาย เขาเริ่มพูดกับท่านขุนด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งเหมือนคนขาดน้ำ


"นี่ท่านยังไม่ได้ฆ่าไอ้เด็กมนุษย์นี่อีกงั้นเหรอ"


"เจ้าอย่าแส่เรื่องของข้า"


"ครับๆ ก็แค่สงสัยเอง อึบเฮ้อออ~"


ชายอีกาจับแขนอีกข้างที่บาดเจ็บ ก่อนจะเข้ามานั่งในมุมมืดจุดที่แสงจันทร์ส่องไม่ถึงและมองไปทางท่านขุนผีด้วยสายตาอิดโรย แต่นี่ยังไม่ถึงคราวตายของเขา แผลของเขาค่อยๆสมานกันช้า


"เจ้าไปโดนกะไรมา" 


"อะไรเป็นห่วงหรอ"เขาพูดแซวๆ ท่านขุนถอนหายใจเหนื่อยหน่ายเมื่อได้ฟังคำเจ้าอีกา 


"...พวกยมทูตนะ เขาต้องการตัวผมมากเลยนะพวกตาแก่ที่กลัวว่าตัวเองจะถูกแย่งหน้าที่ไปไงฮึๆๆ"


"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เลิกมาซ่อนตัวในเรือนข้าเสียที"


"ผมช่วยคุณมาตั้งหลายครั้ง คุณจะช่วยผมไม่ได้บ้างหรือไง.."


"หุบปากของเองเสียเจ้าอีกาปากมาก ข้าช่วยเจ้ามามากโขเจ้ายังมิพอใจอีกหรือบุญนั่นจะสิ้นสุดเมื่อใดกัน เจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนไปด้วย"


ชายอีกาเยาะยิ้มอีกคน ก่อนที่จะเริ่มลุกขึ้นยืนแบบคนมีแรงอีกครั้ง แผลของเขาสมานเสร็จไวกว่าที่คิดก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหา และเอื้อมมือที่เปื้อนเลือดของตัวเองไปเสยผมของอีกฝ่ายก่อนจะจับกำแน่นให้อีกฝ่ายแหงนหน้าขึ้นมองหน้าเขาที่ข่มอยู่ด้านบน ปล่อยลมหายใจที่ร้อนผ่าวออกมา  ทำให้ท่านขุนผีเริ่มหายใจแรงขึ้น เขาไม่ได้ขัดขืนยอมให้อีกฝ่ายทำไปแบบนั้นไม่ใช่ว่าเขาจะชอบพออะไร เขาไม่ชอบจึงแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมา  มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ถึงเขาจะไม่มีลมหายใจแล้วก็ตาม


"ท่านอย่าลืมสิว่าข้าก็ทำร้ายท่านได้ ไม่ต้องถึงมือพวกยมทูตอ่อนแอพวกนั้นหรอก"


"เจ้านี่มันน่ารังเกียจเสียจริง!"


"หึ กลิ่นตัวท่านเนี่ยหอมจังเลยนะ ท่านใช้น้ำอบแบบไหนงั้นหรอ"เจ้าอีกาปล่อยท่านขุนไปโดยดี ท่านขุนผีเริ่มสลายตัวอีกครั้งแต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ คนที่นอนอยู่ก็ดันตื่นมาสะก่อน


"งืมม ๆ ปวดฉี่~"


ไม่ทันไรจู่ๆเสียงคนนอนหลับก็ สะลึมสะลือตื่นขึ้นมางัวเงียพูดพึมพัมกับตัวเอง ไม่ทันได้ตาสว่างก็ลุกขึ้นมาทั้งอย่างนั้นผมเผ้าชี้เด่ไม่เป็นทรง


"เจ้ารีบไปเสีย..เดี๋ยวมนุษย์ผู้นี้เห็นเจ้าจะกลัว"


"ชิ"


เจ้าอีกาหนีไปอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนคนงัวเงียก็ได้แต่บ่นพึมพัมไม่รู้สึกตัวว่า มีใครอยู่ในห้องนี้ด้วยนอกจากเขา 


"งืมม ปวดฉี่จัง ฉี่ที่ไหนดี~ฉี่ตรงนี้เจี๊ยวจะบวมป่าวเนี่ย เหอะๆ"


เอาที่เจ้าสบายใจเถิด เฮ้อ...


เจ้าขุนกลับเข้ามาในห้องหลังเสร็จกิจไม่นาน ว่าจะกลับไปนอนต่อแต่เข้าก็นึกบางอย่างได้


"เอ๊ะ..เมื่อกี้นี้เหมือนมีคนสองคนมานั่งอยู่ในห้องเลยแหะ เดี๋ยวคนหรอว่ะ มึดแบบนี้จะมีคนมาได้ไง"


เชี่ *หรือว่า ผี 


"เผออะไรละ ไม่ใช่หรอกนอนต่อดีกว่าเรา"เมื่อพูดจบก็ลงไปนอนบนเตียงอย่างสบายใจ เจ้าขุนค่อยเข้าสู่ห่วงนิทราอีกครั้ง.... 


"..."


"เฮ้ยยย!!!..เดี๋ยว! นี่เราไม่ได้มานอนค้างแรมแล้วกลับนะเว่ย! ต้องรีบ..ไปเก็บภาพ..สยองตอนกลางดึก แล้วส่งไปให้ลุง!"เมื่อคิดดังนั้นเจ้าขุนก็ไม่รอช้าที่จะเตรียมของใส่กระเป๋าและ กล้องโทรศัพท์มือถือเปิดแฟลช  เจ้าขุนได้ถ่ายใหม่อีกครั้งแต่เพียงแค่ว่าบรรยากาศตอนนี้อย่างกับหนังเฮอร์เร่อร์ ทั้งอากาศที่หนาวเย็นยะเยือกเสียงนกหนูที่ดังเป็นระยะ เสียงซาวด์ที่ดังมาแต่ไกล โบ้บ้านใครมาหอนเอาตอนนี้ขนาดไม่มีบ้านใกล้หอนดังขนาดนี้สุดยอดจริงๆ เจ้าขุนยังคงถ่ายต่อไปเผื่อเจอภาพติดวิญญาณ..


"นี่เราต้องทำแบบนี้นานแค่ไหนผีมันถึงจะออกมาว่ะ"


แน่จริงมึงก็ออกมาดิว่ะ! คิดว่ากูกลัวหรอไอ้ผีบ้า!


"เฮ๊ยอย่าพูดอย่างงั้นไอ้เสียงในหัวเงียบไปเลยนะ ขอโทษนะครับผมไม่ได้คิดอย่างงั้นหรอกครับบ ไม่ออกมาก็ไม่ว่าครับ"


โหไม่แน่นี่หว่า พวกมึงก็แค่ไอ้ผีไม่สิ้นกลิ่นน้ำแดงแหละว่ะ เฮอะๆ


"พอ!!รีบไปดีกว่าตรงนี้แม่*หนาวจัด!ก่อนที่เราจะได้สิ้นชื่อเจ้าขุนสะก่อน"


เจ้าขุนหลังจากทะเลาะกับเสียงในหัวเสร็จก็เดินออกมาก่อนเกิดเรื่องไม่ดีของจริง เขาเดินออกมาจากจุดนั้นอย่างเลิกลัก เขายังมองหันดูข้างหลัง ระแวดระวังไปทั่วจนสายตาเขาไปเห็นชายที่ตัวสูงกว่าเขายืนอยู่


"เฮ้ย! คนนี่ ใช่แน่ๆงั้นในห้องก็จริงอะดิไม่ใช่ผี..เอ่อ...พี่ครับ..พี่..ผมเป็นนักข่าว..อยากขอสัมภาษณ์พี่พอจะมีเวลาสักสองสามนาทีไหม...ครับ.."


แป่ง!แป่ง!นะ


"เจ้าตื่นแล้วงั้นหรือ"


"เอ๊ะ!..เอ่อ ครับ..ตื่นแล้ว"


เจ้าขุนยืนงง พูดอึกอักแต่ก็รู้ดีว่าคนนี้คงมาในตอนที่เราหลับแน่ๆ แต่เขาก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใช่คน ใช่ไหม..แตาก็แปลกที่จะมีคนมาในตอนดึกแถมไม่ใช่โจรที่เข้ามาโขมยของ แต่ถ้าเขาเป็นโจรจะมายืนอะไรตรงนี้ละ


เอ๊ะเดี๋ยว?


เจ้าขุนเริ่มเอะใจและสังเกตชุดที่ชายผู้นี้ใส่ ชุดไทยโบราณตั้งแต่สมัยใดเรื่องนั้นไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่เพราะสมัยนี้ใครจะใส่คอสเพลย์เท่ๆเก๋ถ่ายภาพเจ๋งๆมันก็ไม่แปลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้เรือนไทยผีสิงกำลังฮิตอาจเพราะมีคนอย่ากใส่ชุดไทยมาถ่ายภาพที่นี่แล้วลงโซเชียลเอาให้ ไวรัลแตกไปเลยคนไทยชอบอะไรเสี่ยงๆ เรื่องผีขอให้บอก เพราะจัดเต็มตลอดแต่


เดี๋ยวก่อนนะนี่มันไม่ใช่ฮาโลวีนนะพี่ชาย ทำไมเหมือนจะเห็นอะไรแดงๆที่เสื้อด้วย คุณพี่ทำน้ำหวานสีแดงหกใส่เสื้อหรอครับ?


เจ้าขุนเมื่อคิดอย่างงั้นเลยลองเอากล้องส่องดูก็ถึงกับช๊อคอ้าปากค้าง


ข่าวเด็ดวันนี้ 'หนุ่มสุดช๊อค เห็นผีที่เรือนไทยเก่า ไม่คาดว่าจะได้เจอ' 


และถ้าถามว่าทำไมผมไม่ใช้วิธีมองลอดใต้หว่างขาละก็ แน่นอนว่าเพราะผมไม่อยากโก่งตูดให้ผีดูหรอกนะ  ถ้าผีเกิดเห็นก้นงามๆของผมแล้วเกิดชอบจะทำไง ผมยังไม่อยากเสียตัวให้ใครหรือผีตนไหนตอนนี้สักหน่อย


กลับมาที่เนื้อเรื่อง เจ้าขุนที่อึ้งถือโทรศัพท์ค้างที่ร่างของคนตรงหน้า ในกล้องถ่ายไม่ติดแม่แต่เศษเสี้ยวของเงาผ่านๆ แต่กับเห็นชัดเจนในมุมมองของเขา เจ้าขุนมองสลับไปมา ของจริงกับในกล้องสามสี่รอบ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มหันหลังมา เจ้าขุนเริ่มตัวสั่นเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มแห้ง


ชิ*หายใครจะไปรู้ แม่*ชัดอย่างกับคนจริงๆชัดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว นี่ไม่ใช่คริปถ่ายติดวิญญาณหรือชัตเตอร์ใดๆที่ถ่ายติดผี นี่มัน ผีของจริงแถมถ่ายไม่ติดอีก แบบนี้จะเอาภาพสัมภาษณ์จากไหนไปออกข่าวว่ะ เพราะงี้ไงคนถึงไม่เชื่ื่่่อว่ามีผีแล้วมองเป็นเรื่องตลก บ้าจริง!!


"เจ้าจะเงียบไปไยอยากจะสัมผัสอันใดข้ารือ"


ผีตนนั้นหันมาอย่างไม่สนว่าเจ้าขุนจะกลัวหรือป่าว เจ้าขุนเริ่มถอยหลังออกมาอย่างระมัดระวังตั้งท่ารับมือ กับความสยดสยองของผีตนนี้


มันหันมาแล้วๆ จังหวะนี้ต้องมีเสียงดังตึง!แล้วตามด้วยเสียงกริ๊ดของเราสินะถึงจะน่ากลัว กรี๊ดดด แบบนี้หรือป่าวนะ


เจ้าขุนพูดว่ากริ๊ดในใจ แบบแค่ซ้อมไว้ก่อน จนผีเรือนไทยนี่หันมาจนสุดให้เห็นทั้งร่างกายและใบหน้าเต็มตัว แต่เหมือนจะผิดคาดจากที่เจ้าขุนคิด 


กริ๊ดดดด หล่อชิบหาย!!


ได้กริ๊ดสมใจละทีนี้ ที่ควรตกใจคือเมื่อกี้มันยังมีเลือดอยู่เลย เลือดไปไหนกันไปล้างมาตอนไหนครับเนี่ยนี่สินะพลังของผี


"มิต้องกลัวข้า เจ้าชื่อกะไร"


"เจ้าขุน..ครับ ชื่อผม"


"ชื่อเจ้าช่างไพเราะเสียจริงใครตั้งให้งั้นรือ"


"พ่อครับ.." เจ้าขุนพูดเบาสลดก้มหน้าลงพร้อมเอามือกุมกันไว้ด้านหน้าอย่างคนถ่อมตน และอีกคนที่แอบฟังอย่างเจ้าอีกาที่ก่อนหน้านี้ควรจะไปแล้วแต่เขาก็จะไปที่ไหนไม่ไกลหรอก คงวนเวียนในเรือนนี้ไปทั่ว แต่เขาเองก็รอดูว่าจะเป็นไงต่อ ท่านขุนผีผู้เห็นแล้วว่าชายตรงหน้าดูนอบน้อมและเจียมตัวแค่ไหนจึงเอ่ยออกมา ไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไป 


"ชายผู้ช่างอาภัพ มีลูกสติไม่ดี"


เจ้าขุนเมื่อได้ยินดังนั้นก็ถึงกลับเงยหน้ามองคนที่มองเขาด้วยแววตาที่สงสารและสังเวช เจ้าขุนเริ่มทำหน้าไม่พอใจ นี่เขากล้าว่าเจ้าขุนว่าสติไม่ดีได้ยังไงกัน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีคนพูดอย่างงี้กับเขาเลยนะ เจ้าขุนเริ่มทำท่ามีจุดยืนทำให้คนทำหน้าเศร้า ก็เปลี่ยนสีหน้าตามอารมณ์เจ้าขุนและมองอึ้งไป หรือนี่เขาจะแสดงปฏิหาริของคนสติไม่ดีกันนะ


"นี่คุณพูดงี้ได้ไงอะพ่อแม่ผมยังไม่เคยพูดงี้เลยนะ ผีก็ผีเถอะ!มาว่าคนอื่นสติไม่ดีตัวเองดีมากมั้ง!"


คิกๆๆ


เจ้าขุนพูดจบก็ได้ยินเสียงคนหัวเราะคิกคัก ทำให้เจ้าขุนเจียมตัวอีกครั้งตีปากตัวเอง ท่านขุนผีถอนหายใจส่ายหัวไปมาก่อนจะกระแอมให้คนหัวเราะไปซะ


"ข้าต้องขออภัย แทนคนผู้นั้นด้วยแล้วเรื่องเมื่อครู่นี้เจ้าอย่าถือโทษโกธรข้าเลย"


"ครับไม่เป็นไรผมก็ใจร้อนไปหน่อย.."


"ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ต้องกลัวข้า ข้ามิได้จะทำอันใดเจ้า"


เจ้าขุนที่ฟังก็เริ่มคลายตัวออกมายืนมองปกติ มองคนตรงหน้าที่มีใบหน้างดงามและหล่อเหลา นี่หรือพรหมลิขิตบันดาลชักผ่าน เสียแต่ว่าเขาเป็นผีนี่แหละ 


"พี่ไม่ทำอะไรผมจริงๆใช่ไหมครับ"


"ใช่ เจ้าอย่ากังวล"ท่านขุนผีพูดด้วยลอยยิ้มที่อบอุ่นหัวใจ จนทำให้เจ้าขุนเองก็เบาใจไปเปลาะนึง


"แล้วพี่ชื่ออะไรหรอครับ"


ท่านขุนผีที่ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ถ้าตนเองรู้ชื่อของอีกฝ่ายแล้ว เราเองก็ต้องบอกชื่ออีกฝ่ายเหมือนกัน เจ้าขุนเดินไปอีกทางหนึ่งก่อนจะหันมามองหน้าอีกฝ่าย ลมเริ่มพัดอ่อนๆทำให้เจ้าขุนรู้สึกหนาวขึ้นมาเจ้าขุนกอดอกแน่น มองคนสบตากับคนตรงหน้า ในยามค่ำคืนนี้ที่พระจันทร์เต็มดวงสวยสง่า เหมือนกับดวงตาของผู้ที่จะเอื่อนเอ่ยชื่อของตน 


"ข้าชื่อทอง เป็นเจ้าของเรือนนี้"


วันนี้คงเป็นวันของเราสินะ ลุงครับผมเจอผีที่ลุงบอกแล้วนะ ต่อจากนี้จะเป็นไงกันนะ.....