ก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน
ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,เล่าประสบการณ์,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
แปะจะเป็นอินฟลูฯก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน
โลกยุคนี้ มันเป็นยุคของ อินฟลูเอ็นเซอร์ นั่นก็คือบุคคลที่มีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
อินฟลูเอ็นเซอร์ จะมีผู้ติดตามมากมายซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีส่วนร่วมในเนื้อหาที่พวกเขาพูดเป็นประจำ อินฟลูฯ มีมากมายหลายหมวด ไม่ว่าจะเป็นหมวดการท่องเที่ยว สายทำอาหาร สายวิชาการ สายบันเทิง สายสุขภาพ
แต่ผมจะเป็นอินฟลูฯ สายไหนกันดีนะในเมื่อตัวผมเองก็ไม่เก่งอะไรสักอย่าง....เห้อ
โดย Chavaroj
เช้าวันนี้เป็นเวรที่ป๊าจะต้องไปช่วยม๊าจ่ายกับข้าว ไอ้ธรรมหนีไปออกกำลังกายแต่เช้ามืด ผมก็กะว่าจะตื่นตามเวลาปกติ แต่ด้วยความที่นอนหลับยาว ๆ ตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้ก็เลยตื่นแต่เช้าอีกแล้ว
เพิ่งจะหกโมง แต่จะนอนต่อก็ขี้เกียจก็เลยลุกลงมาข้างล่างดีกว่า ป๊าไปกับม๊า ก็เลยไม่มีคนรดน้ำแปลงผัก ผมก็เลยต้องไปช่วยป๊าซะหน่อย เพราะไอ้พายุที่พัดเมื่อวันก่อนจนฝนตกกระหน่ำ ต่อมาก็ไม่มีฝนอีกเลย แต่จะเป็นก้อนเมฆมัว ๆ แทน และพอสาย ๆ เข้าหน่อย แดดก็จะส่องแสงสว่างแจ๋จนแสบผิวแสบหัว
สายยางรดน้ำ ซึ่งใช้ประโยชน์สารพัดตั้งแต่ใช้ช่วยในการซักผ้า ล้างทำความสะอาดรถ และที่สุดก็คือ ใช้รดน้ำต้นไม้ ป๊าท่าจะเอาจริง เพราะมีกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ ๆ หกใบที่ป๊าซื้อมาแล้วยังตั้งเป็นกองอยู่ ข้าง ๆ คือดินถุงที่ถูกซ้อนจนสูงเท่าเอวสองตั้ง
ผมเปิดน้ำแล้วก็รดมันไปเสียทุก ๆ กระถาง ใช้เวลาอยู่ครู่เดียวก็เสร็จ พอเดินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นว่ายังไม่มีใครกลับ ก็เลยหยิบไม้กวาดมากวาดบ้านสักหน่อย
บ้านเราถึงจะไม่ได้อยู่ริมถนน เข้าซอยมาเล็กน้อย แต่ก็ฝุ่นเยอะเหมือนกัน กวาดไปกวาดมา ใช้ที่โกยผงตักไปทิ้งที่ถังขยะ ป๊ากับม๊าก็กลับมาถึงบ้านพอดี
"รดน้ำต้นไม้ให้ป๊าเรอะ เออขอบใจลูก" ป๊าเอ่ยปากเมื่อหันหน้าไปมองหลังบ้านที่แฉะชื้น
"เช้านี้กินข้าวต้มดีกว่า ม๊าอยากกินอะไรให้มันร้อน ๆ หน่อย" ม๊าว่าเหมือนจะปรึกษา ซึ่งอย่ามาพูดเลย ไอ้จะทำข้าวต้มนี่เพราะอยากเอาใจป๊าเสียละมากกว่า บ้านเราทุกคนรู้ว่าป๊าชอบกินข้าวต้มตอนเช้า ๆ
"ให้ธงช่วยอะไรบ้างล่ะ?" ผมถามและม๊าก็ยื่นไข่ไก่ให้สี่ใบ พร้อมกับบุ้ยใบ้ว่าให้ทำไข่เจียว ถึงเราจะมีไข่ลวกในตอนเช้า แต่การกินข้าวต้มถ้าไม่มีไข่เจียวก็ออกจะขาดอะไรไปสักอย่าง
ไข่เจียวสูตรของม๊านั้น ต้องซอยหัวหอมแดงให้ละเอียดใส่ผสมลงไปด้วย ผมขี้โกงเลือกหัวหอมแดงหัวโต ๆ จะได้แกะง่าย ๆ หน่อย ใส่สักสามสี่หัวก็เห็นจะพอ ครั้นได้อย่างที่เห็นว่าพอดีกัน ก็ตอกไข่ใส่ลงไป ตีให้ขาวจนขึ้นฟอง เหยาะน้ำปลาหน่อยนึง แล้วตั้งกระทะให้น้ำมันร้อนจนควันขึ้น ค่อย ๆ เทไข่ลงทีละน้อยจนเกิดเสียงฉ่า แล้วกลิ่นหอมของไข่ที่ผสมกับหัวหอมก็ลอยคลุ้งไปจนทั่ว
ส่วนป๊าก็รับหน้าที่ล้างแล้วก็หั่นผักบุ้ง พอได้ตามจำนวนก็ใส่ชามไว้เดี๋ยวม๊าจะจัดการต่อเอง
ม๊านั้นแกะขวดแก้วควักหนำเลี๊ยบออกมาสามลูกใช้ช้อนส้อมยีจนแตก แล้วก็เตรียมหมูบดที่ซื้อสำเร็จมาแล้ว เช้า ๆ จะมานั่งสับหมูกันเองสาย ๆ ถึงจะได้กิน
พอผมทอดไข่เจียวเสร็จ ก็โรยพริกไทยจำนวนมาก เผลอสูดหายใจลึก ๆ จนต้องจามออกมาหนึ่งที
กระทะยังคงตั้งไฟ ไม่ต้องล้างต้องเลิ้งมันละ ม๊าเทน้ำมันใส่เพิ่มอีกเล็กน้อย เอากระเทียมไทยที่ถูกอีโต้ตีจนแบนแต๊ดแต๋ ลงไปเคล้าจนกระเทียมสุกเป็นสีน้ำตาลเกรียม แล้วม๊าถึงค่อยเทหมูบดลงไปผัด
บ้านเราใช้ทั้งกระเทียมไทย และกระเทียมหัวใหญ่ ๆ กระเทียมโทนก็มี อันนี้ก็สุดแล้วแต่ว่าจะใช้ทำอาหารอะไรผมชอบใช้กระเทียมโทนเพราะมันแกะง่ายดีไม่มีหัวเล็ก ๆ ติด ๆ กันให้แกะยากแกะเย็น แต่คงเพราะมันแพงกว่ากระเทียมทั่วไปม๊าก็เลยไม่ค่อยให้ยุ่งกับมันมากนัก
พอหมูบดเริ่มสุกม๊าก็ใส่หนำเลี๊ยบลงไปเคล้าผัดอย่างรวดเร็วแต่ก็รอจนหมูมีกลิ่นไหม้กระทะเล็กน้อย แล้วก็ตักใส่ชาม แน่นอนว่าไม่ลืมโรยพริกไทยอีกเหมือนกันก็บ้านเราติดพริกไทย ไม่กินก็เหมือนจะขาดความอร่อยไปมาก
และแน่นอนว่ากระทะมอม ๆ ยังไม่ถูกนำไปล้าง ม๊าเทน้ำมันใส่ลงไปอีกแล้ว ตีกระเทียมอีกเช่นเคย แล้วก็โรยไปบนผักบุ้งที่ป๊าจัดเตรียมไว้ให้ เหยาะเต้าเจี้ยวลงไปจำนวนมาก ตามด้วยน้ำมันหอยขวดโปรด ซีอิ๊วขาวนิดหน่อย แล้วก็น้ำตาลปลายช้อนเพื่อตัดรส
ควันจากความร้อนลอยจนชักจะน่ากลัว ม๊าจัดแจงเทผักบุ้งลงไปในกระทะร้อนฉ่า แน่นอนว่าต้องมีไฟลุกท่วมพรึบ ซึ่งตอนเด็ก ๆ ผมเห็นแล้วก็ออกจะตื่นเต้น แต่พอโตมาแล้วก็เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา
กระทะร้อนจัดจนผักบุ้งโดนผัดไปผัดมาเพียงไม่นานมันก็สลบ ม๊าก็ดับไฟ เป็นอันว่าหมดกระบวนการผัดสำหรับเช้านี้และแน่นอนผักบุ้งผัดไฟแดงก็ต้องโรยพริกไทยอีกเช่นกัน
ด้านป๊าจัดแจงเอาไข่เค็มสามลูกใช้มีดคม ๆ ผ่ากลางแล้วใช้ช้อนสั้นค่อย ๆ แงะมันออกมาจากนั้นก็ใช้มีดหั่นไข่ครึ่งใบจนได้สี่เสี้ยว แล้วก็เอาวางสวย ๆ บนจานใบน้อย ม๊าหั่นมะนาวผสมน้ำตาลกับน้ำปลา จัดแจงซอยหัวหอมแดงกับพริกขี้หนูนิดหน่อย เคล้าจนน้ำตาลละลายแล้วก็ราดลงไปบนไข่เค็ม เท่านี้ก็ได้ยำไข่เค็มเป็นที่เรียบร้อย
ผมมัวแต่วุ่นอยู่ในครัว เห็นเงาไอ้ธรรมแว้บ ๆ พอกับข้าวเสร็จ ข้าวต้มที่ป๊าต้มไว้ตั้งแต่ตอนเช้ามืดก็เม็ดบานสวย กลิ่นข้าวต้มหอม ๆ ลอยคลุ้งตีกันกับกับข้าว ไอ้ธรรมที่แต่งเนื้อแต่งตัวเสร็จก็เดินทำจมูกฟุตฟิต มานั่งรอที่โต๊ะกินข้าวแล้วเราก็หม่ำมื้อเช้าแสนอร่อยพร้อม ๆ กัน
ครั้นมาถึงออฟฟิศ หลังจากส่งม๊ายังที่ทำงาน ผมก็เปิดคอมพิวเตอร์เครื่องประจำ ยังเช้านักแล้วก็ไม่รู้ว่ามีงานอะไรให้ทำ แต่ก็ต้องเปิดคอมพิวเตอร์ไว้ก่อน เปิดเพลงคลอเบา ๆ หม่อมพี่เจี๊ยบมาแล้ว แต่นั่งกินหมูปิ้งกับข้าวเหนียวอยู่ข้าง ๆ เพื่อไม่ให้น่าเกลียดเจ้าตัวก็ลงไปนั่งกองกับพื้นโดยมีโต๊ะบังสายตา
"สวัสดีค่ะทุกคน" เสียงร่าเริงดังขึ้นพร้อมกับยิ้มทักทาย เสียงของคุณยูนั่นเอง
ผมมีพี่อังหรือเจ๊อังคณา หรือแม่หยัว ซึ่งเป็นหัวหน้าสูงสุด รองลงมาจากพี่อัง ก็มีเจ๊น้ำกับคุณยู เป็นหัวหน้าของผมอีกที ที่เรียกเจ๊น้ำนั้นก็เพราะเขาอายุมากกว่า ส่วนคุณยูนั้นที่เรียกคุณก็เพราะให้เกียรติ ด้วยว่าคุณยูอายุน้อยกว่าผม
หล่อนเรียนจบก็เข้าทำงานเลย และตอนนี้ก็กำลังเรียนปริญญาโทต่อซะด้วย เขาว่าดูลูกน้องก็แสดงถึงตัวตนของหัวหน้า เจ๊น้ำกับคุณยูนั้นเป็นคนน่ารัก หุ่นหมีทั้งสองคน เพียงแต่เจ๊นั้นเป็นหมีกลีสลี่ ส่วนคุณยูนั้นเป็นหมีแพนด้า
เจ๊น้ำเป็นสาวชาวใต้ ตาหวานเชื่อมขนตาเป็นแพเหมือนถูกใส่ขนตาปลอม ส่วนคุณยูนั้นเป็นเก้งสาวชาวศรีสะเกษ ผิวขาวอวบอัด แต่สิ่งที่เจ้าตัวไม่ชอบใจคือกรรมพันธุ์จากฝ่ายบิดาที่ทำให้ผมน้อยไปสักหน่อย
พอเจ๊น้ำกับคุณยูมากันครบ เจ๊อังกับอีพี่ชีพก็มาเป็นลำดับต่อไป โดยเจ๊อังเดินส่ายอาด ๆ ในมือถือแก้วกาแฟยี่ห้อดัง ส่วนอีพี่ชีพคงเจอะกับแม่หยัวที่ข้างล่าง ก็เลยรับหน้าที่นายแบก แบกกระเป๋าโน๊ตบุค และกระเป๋าใส่พวกเอกสารกับของใช้กระจุกกระจิก ราวกับลูกหาบ
และแน่นอนเสียเหลือเกิน เข้างานแล้ว แต่เลยมาครึ่งชั่วโมง สาวจอยถึงจะค่อย ๆ ย่องเข้ามาในห้อง แต่ก็ทำเนียน ๆ หยิบโน่นทำนี่จนดูเหมือนอยู่ในห้องนี้มาเนิ่นนานแล้ว
จนเข้าช่วงสาย ๆ นังอั๋นกับพี่มนัสพร้อมด้วยนังต้องก็เดินเข้ามา แผนกเราเวลางานยุ่งก็ยุ่งจนหัวหมุน ถ้าไปจัดงานตามห้างด้วยล่ะก็ ตีสองตีสาม แต่พอไม่มีงานอะไรก็เรื่อย ๆ สบาย ๆ การเดินข้ามแผนกมาเม้ามอยจึงถือเป็นเรื่องปกติ
"เจ๊คุยด้วยหน่อยสิ" พี่มนัสว่าแล้วก็เดินมาใช้มือเท้าที่สเตชั่นซึ่งกั้นโต๊ะแต่ละตัวให้เป็นเอกเทศต่อกัน
"เรื่องอะไรอีนัสเรื่องชุดน่ะเหรอ?" เจ๊อังถามและพี่มนัสก็พยักหน้าหงึกหงัก
"อีอั๋นว่าไป" พี่มนัสบุ้ยปากแล้วนังอั๋นก็ชี้แจงรายละเอียดพวกเราที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เลยต้องยื่นหน้าไปคุยกับเขาด้วย หัวเราะกันกิ๊กกั๊ก พร้อมกับมโนภาพในงานที่จะเกิดขึ้นมันก็น่าสนุกไม่น้อย พวกหัว ๆ เขามีเงินมีทรัพย์ ก็ต้องลงทุนเช่าชุด ส่วนพวกผมสี่คน คือผม อีจอย หม่อมเจี๊ยบและอีพี่ชีพ ก็เล่นง่าย ๆ และลงทุนน้อยที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องมีพร๊อพอยู่บ้างสักหน่อย วิกผมเก่า ๆ ในห้องซาลอนคงมี อีจอยไม่ต้องเพราะนางผมยาวแล้วก็ฟูเป็นสิงโตนาเนียอยู่แล้ว พี่มนัสก็เลยใช้ให้นังต้องไปค้นวิกที่ว่า ได้มาสามอัน แล้วก็เอามาบิด ๆ หมุน ๆ ดูแล้วก็เข้าที เหมือนนางบ่าวในเรื่องสุริโยทัยไม่ผิด
ชุดของพี่อังแน่นอนว่าต้องอลังการที่สุด เครื่องหัวชุดใหญ่จัดเต็ม ส่วนที่เหลือก็พูดคุยนัดแนะกันว่าจะแต่งออกมาในธีมไหน สุดท้ายก็ลงเอยในคอนเสปนางในที่จะต้องนั่งเป็นแถว เกล้าผมเป็นโองขโดง วาดหน้าขาว เขียนคิ้วโก่งราวคันสอน และทาปากแดงราวลิ้นจี่จิ้ม งานนี้ถ้าไม่งามราวคุณข้างใน ก็คงเหมือนผีตุ๊กกี้ในหอแต๋วแตกเลยแหละ
เวลานั้นผ่านเลยอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเช้าวันหนึ่งพวกเราก็มาประจำการอยู่ใต้ตึกแต่เช้า รถทัวร์ขนาดใหญ่โตจอดรออยู่หลายคัน นังอุ๋มกับนังเจี๊ยบถือโทรโข่งอันเล็ก ๆ ตะโกนปาว ๆ ว่าให้แผนกโน้นขึ้นคันโน้น แผนกนี้ขึ้นคันนี้ ดูน่าวุ่นวาย แต่แผนกของพวกผมนั่งล้อมวงรอกันอยู่ตั้งนานแล้ว
น่าแปลกที่อีจอยไม่ยักมาสาย ก็แน่ล่ะ ถ้ามึงมาสาย มึงต้องนั่งรถไปเองค่ะ มันบ่นว่ามันรีบตื่นตั้งแต่ตีห้าทีเดียว
"โห" ผมร้องทำหน้าชื่นชม ไม่ง่ายที่นังจอยจะตื่นก่อนตะวันขึ้น
"ลูกกูมันเยี่ยวน่ะ ตื่นมาล้างตูดมัน แล้วก็ขี้เกียจนอนต่อ เจ๊อังคาดโทษกูเลยว่าห้ามมาสายกูก็เลยอาบน้ำแต่งตัวออกมาเลย" นังจอยเล่า
ส่วนหม่อมพี่เจี๊ยบใส่กางเกงยีนดูทะมัดทะแมงใส่เสื้อโปโลดูน่าอึดอัด แล้วก็มีแว่นตาที่ใส่แล้วดูเท่ชะมัดสวมอยู่บนดั้ง
สมาชิกแผนกต่าง ๆ พากันขึ้นรถเหมือนถูกเกณฑ์จริง ๆ ก็ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ว่าต้องขึ้นคันไหน เน้นรวมแผนก แต่หม่อมพี่เจี๊ยบได้สลายตัวไปอยู่ใต้ท้องรถเสียแล้ว ที่ด้านล่างเปิดบ่อนคาสิโนเล็ก ๆ อุ๊ปส์ เปิดเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์
อีจอยที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอน นั่งเบาะข้าง ๆ ผม ส่วนอีพี่ชีพ น่าจะไปอยู่กับก๊วนคนรถ ผมนั่งรวมกับพวกแผนกแบรนด์ ซึ่งเป็นสาวน้อยหน้าแฉล้มหน้าตาดูไม่มีพิษไม่มีภัย
แผนกแบรนด์ของบริษัทผม แบ่งออกเป็นสามแผนก แผนกแรกดูแลเคมี คือพวกสีผมแล้วก็ยายืดยาดัด แผนกที่สองดูพวกผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงกับแชมพูครีมนวด ครีมบำรุงผม และแผนกสุดท้าย ดูแลพวกเฟอร์นิเจอร์สำหรับร้านทำผม
บนรถคันของผมก็มีพวกที่สนิท ๆ กันอีกคือพวกแผนกอาร์ต มีพี่ยอดเป็นหัวหน้า พี่ยอดที่ดูซื่อ ๆ น่ารักที่สุด แต่ก็มีแฟนแล้วคือหัวหน้านังข้าวตูแผนกต่างประเทศไม่รู้ไปรักกันตอนไหน แล้วก็พวกแผนกศิลป์ซึ่งดูเซอร์ ๆ อีกสามสี่คน พี่สิทธาหนุ่มแว่นตัวผอมสูงเนิร์ด ๆ ผมยาว อะตอมผู้อวบ ๆ ดำ ๆ ใส่แว่นกลม ๆ แต่ได้ข่าวว่าเจ้าชู้ยักษ์ ฟันสาว ๆ ไปทั่ว แล้วก็อีกสองคนที่เป็นเด็กใหม่ ผมยังไม่ค่อยสนิท
ขึ้นรถมาก็เม้ามอยจนเหนื่อยอ่อน เสียงหม่อมเจี๊ยบที่ด้านล่างตะโกนด่าเซ็งแซ่ จะหัวหน้าหรือพวกเฮีย ๆ เซลล์ ถ้าตุกติก หรือโยกโย้ หม่อมเจี๊ยบด่าไม่ไว้หน้ากันละ
เมื่อถึงรีสอร์ตอันเป็นจุดหมาย ก็มีเล่นเกมกันเป็นที่สนุกสนาน รู้สึกเหมือนตัวเองกลับมาเป็นนักเรียนตอนออกค่ายลูกเสือ แต่สนุกที่สุดก็คือ ขำเฮียตี๋ที่ถูกมัดแขนติดกับเฮียโจ เซลล์ใหม่สุดหล่อ ที่สาว ๆ ในบริษัทกิ๊วก๊าว
ส่วนตัวผมเองถูกมัดกับนังข้าวตู แน่นอนว่าแพ้ไม่เป็นท่าเพราะนังข้าวตูมันเป็นคนบ้าจี้ อะไรนิดอะไรหน่อยนางก็ขำเสียแทบเป็นแทบตาย แล้วพอลองได้ขำนางก็หมดเรี่ยวหมดแรง ผมก็เลยเล่นเกมอะไรเป็นที่โหล่ตลอด ซึ่งก็ไม่ได้คิดจะได้รางวัลอะไรกับเขาอยู่แล้ว เน้นสนุก
ในที่สุดค่ำคืนที่พวกเรารอคอยก็มาถึง แผนกการตลาดเราโดนเกณฑ์มาที่ห้องพักของพวกพี่มนัส เจ๊อังโดนโม่หน้าซะสวยเช้ง เรียกว่างานประณีต ส่วนไอ้พวกผมมันงานหยาบ ๆ ผ้าสีตุ่น ๆ ถูกเอามารัดอก แต่หม่อมพี่เจี๊ยบกับนังจังน่ะให้ตายก็ไม่ยอมเผยผิวใส ก็เลยขอใส่เสื้อยืดสีเนื้ออยู่ข้างใน
ผมกับอีพี่ชีพรัดผ้าคาดอก ตามด้วยโจงกระเบนที่นังอั๋นเป็นคนนุ่งให้อย่างลวก ๆ เราเน้นตลกไม่ได้เน้นสวยอยู่แล้ว เราแต่งตัวง่ายจึงเสร็จก่อนคนอื่น อีพี่ชีพที่ถูกเขียนคิ้วด้วยเพราะปกตินางไม่มีคิ้ว พี่มนัสแกล้งเขียนคิ้วให้ซะเหิน พวกเราหัวเราะแทบตาย อีพี่ชีพมองตัวเองในกระจกทำโวยวายแต่ดูท่านางจะชอบแฮะ
ส่วนวิกผมก็นังอั๋นก็จัดแจงรวบแล้วก็มัดเป็นก้อนที่ด้านข้างทำให้เหมือน ๆ กันดูแล้วก็เข้าทีไม่หยอก
ข้างเจ๊น้ำกับคุณยู เนื่องจากหุ่นอวบอัด และคุณยูมีอุปสรรคเรื่องผม ทั้งสองคนก็เลยตกงกันว่าจะแต่งตัวเป็นมหาเทวีจิระประภา สวมก่องนม มวยผมต่ำที่ด้านหลัง ขโมยดอกไม้ที่รีสอร์ตเอามาแซม ๆ ดูแล้วก็สวยสะไม่น้อย
ทำให้คนอื่นสวยแล้วก็ถึงคิวตัวเองบ้าง พี่มนัส นังต้องและนังอั๋น ทาหน้าขาววอก เขียนคิ้วโก่งราวคันศร ทาปากแดงแจ๋ เอาเป็นว่าทุกคนพร้อมสรรพ คณะสุริโยทัยของเราก็ตั้งแถวเตรียมเดินขบวนเพราะตอนนี้เสียงดนตรีเสียงโวยวายของนังอุ๋มกับนังเจี๊ยบ ตะโกนเรียกให้พวกเราทยอยไปรวมตัวกันที่ห้องประชุมได้แล้ว
ต้องมีการซักซ้อม และก่อนที่คณะของเราจะเข้าห้องประชุม มีการนัดแนะให้เปิดเพลง อยู่เพื่อแผ่นดินนี้ก่อนซะด้วย เล่นใหญ่เล่นโต คนฮือฮา แต่ท้ายขบวนสุดคืออีพี่ชีพ คนเห็นก็หัวเราะกันแทบตาย
ที่นั่งของพวกเราอยู่โซนหน้า ๆ พี่อังคงนึกเสียใจนิด ๆ เพราะผ้าผ่อนยาวหลายเมตรที่พาดโน่นพาดนี่ก็ทำเอาไม่ค่อยสะดวกเท่าไร พวกเรานังข้าทาสนั่งปุ๊บ เด็กเดินอาหารก็เอาออเดิร์ฟมาเสิร์ฟปั๊บ พวกเราก็ไวเหมือนกันจัดแจงตะเกียบ คีบไข่เยี่ยวม้า กับขิงดองมากินทันที ส่วนผมเปิดด้วยหอยจ๊อที่อร่อยพอใช้
เสียงฮือฮาขบวนต่อมาคือของแผนกพี่ยอด เล่นใหญ่ไม่แพ้กัน เพลงบางระจันของน้าแอ๊ดคาราบาวดังขึ้นแล้วกลุ่มชายหน้าตามอม ๆ นุ่งโจงกระเบน พร้อมกับดาบไม้ในมือก็เฮกันเข้ามา พี่ยอดอุ้มตุ๊กตาควายตัวใหญ่เข้ามาด้วย ขำกันแทบตาย แต่ละคน แสกกลาง ใส่หนวด ใส่เสื้อกั๊กสีแดงลงอักขระเลขยันต์ เหมือนจะไปออกรบจริง ๆ อย่างนั้นเชียว เพียงแต่ถ้าพวกนี้ไปรบมีแต่ตายเท่านั้น
ก็ดูสภาพแต่ละคนสิ ก็คนที่วัน ๆ นั่งอยู่แต่หน้าคอม ไม่ได้ออกกำลังกายกันสักนิด ย่อมมาพร้อมพุงกะทิไม่ใช่น้อย ๆ พี่ยอดตัวอวบ ๆ เหมือนหมีขาว ส่วนพี่สิทธาตัวผอมสูงแต่ลงพุงยิงขำเข้าไปอีก ตาอะตอมดูไกล ๆ งงว่าเป็นชาวบ้านหรือเป็นควายเพราะผมปีกม้วนเหมือนเขาควายอย่างไรก็อย่างนั้น
แต่ที่ออกจะน่าสงสารก็คือคนที่อยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็ล้วนแต่สายตานั้น จะมาออกรบพม่ารามัญก็เลยไม่ยอมใส่แว่นกันสักคน อีทีนี้เดินก็ต้องเดินเกาะกลุ่มกันไป พี่ยอดที่ดูจะสายตาดีที่สุด ก็อยู่หน้าสุด คนอื่น ๆ เวลาเดินก็ขอเกาะขอเกี่ยวกันไปด้วยไม่อย่างนั้นได้เดินชนไม่อะไรก็สะดุดหกล้ม มองไกล ๆ เหมือนคณะหมอนวดตาบอดเหมือนกัน น่าสงสาร
นี่ยังไม่รวมพวกช่างผมกะเทยซึ่งเจ๊อังมักจะจ้างมาเป็นฟรีแลนซ์ยามออกงานที่ถูกเชิญมาด้วย แม่เจ้า แต่ละคนเหมือนหลุดมาจากอัลคาซ่าโชว์ เล่นเปลือยอกอร้าอร่าม ทำให้พวกหนุ่มโรงงานมองกันตาเหลือก ถึงจะมีแผ่นแปะหัวนมก็เถอะ และนมนั้นก็เป็นนมปลอมด้วย แต่ผู้ชายที่เริ่มเมา ยังไงก็ต้องหวั่นไหวอยู่ดี
จบท้ายสร้างความฮือฮาก็คือเฮียตี๋ที่มาในชุดก็อตซิล่า ขำกันแทบตาย เฮียตี๋ที่ตัวเล็ก ๆ หน้านิ่ง ๆ แต่ถ้าสนิทจะรู้ว่าเฮียตี๋ปากร้ายที่สุด พอใส่ชุดอย่างนี้ก็น่าเอ็นดูชะมัด
ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีการแจกรางวัลโน่นนี่มากมาย ประเภททีมแน่นอนว่าแผนกผมต้องชนะอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนประเภทเดี่ยวเฮียตี๋เอารางวัลไปกิน แต่สงสารแกหน่อยตอนขึ้นไปรับรางวัลจากการเล่นเกม เฮียตี๋ตกบันได ไม่รู้หัวร้างข้างแตกหรือเปล่า
งานเลี้ยงเลิกรา ขาเหล้าก็ยังเต้นที่หน้าเวทีต่อไป หม่อมเจี๊ยบคงต้องเลือกตัดสินใจว่าจะเมาหรือจะรวย คืนนี้หม่อมพี่อยากรวยจึงไม่แตะเหล้าเลยสักนิด ผู้คนค่อย ๆ ทยอยกลับห้อง พวกผมรีบกลับห้องเพื่อล้างเนื้อล้างตัว จะเข้านอน พี่เจี๊ยบหนีไปเล่นไพ่ร่วมกับหลาย ๆ คนคืนนี้คงมีคนไม่ได้นอน แต่น้องธงง่วงฉิบหายแล้ว ขอนอนก่อนละ ผีเผอคงทำอะไรไม่ได้เพราะมีสิ่งที่น่ากลัวกว่าผีอยู่หลายอย่าง
ตัดมาที่กลับถึงออฟฟิศโดยสวัสดิภาพ ผมโทรศัพท์ให้ไอ้ธรรมขี่มอเตอร์ไซค์มารับ ไม่ค่อยอยากให้คนเห็นไอ้ผีนี่เลยเพราะเดี๋ยวจะโดนแซว ก็ผมไม่เค้ยไม่เคยที่จะมีเรื่องเสียหาย ผู้ชายพายเรือน้องธงไม่เคยสน มุ่งหน้าแต่จะทำงาน
ผมค่อย ๆ เดินย่อง ๆ มาตามทางแคบ ๆ ซึ่งนัดแนะกับไอ้ธรรมไว้แล้ว รออยู่ครู่ใหญ่จนเกือบอารมณ์เสีย ไอ้ตัวโตพร้อมกับบิ๊กไบค์ก็มาจอดที่ตรงหน้า
"มีของฝากอะไรบ้าง" ไอ้เวรนี่ทวงทันทีเมื่อเจอหน้า
"มีแต่ขนม มึงกินเรอะ" ผมพูดขณะที่สวมหมวกกันน็อก จะไม่ใส่ก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคุณพ่อเจอจะเรียกปรับ ล่าสุด คนขับถ้าไม่ใส่จัดไปห้าร้อย ส่วนอีคนซ้อน แปดร้อย แหมหากินง่ายชะมัด
ขับรถมาถึงบ้านในชั่วอึดใจ โชคดีที่พอถึงบ้านปุ๊บฝนก็ตกปั๊บ เรียกว่าถึงบ้านอย่างฉิวเฉียด ม๊ากับป๊าที่นั่งเล่นหน้าทีวียิ้มให้ นังหนูดีมานั่งเล่นที่บ้านด้วย พอเจอหน้าผมก็ยิ้มอย่างดีใจแล้วก็วิ่งมากอด
"วันนี้มาอยู่เป็นเพื่อนอากงกับอาม่าเหรอคะ?" ผมถามนังตัวเล็ก
"ค่ะ ป๋ากับม๊าไปธุระหนูเลยมาอยู่ที่นี่ดีกว่า" นังตัวเล็กฉอเลาะ
"เอ้าแปะซื้อขนมมาฝาก" ผมแกะห่อขนมออกมาเจ้าหล่อนร้องเฮดีใจ ส่วนผมขอขึ้นไปอาบน้ำอาบท่า แล้วก็แยกเสื้อผ้ามาโยนใส่เครื่องซักผ้า เพราะไม่ชอบดองอะไรไว้นาน ๆ
จบที่มื้อเย็นพวกเรานั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน วันนี้ดีหน่อยที่หลานมานั่งกินด้วย ก็เลยจบด้วยมันต้มน้ำตาลอุ่น ๆ ใส่ขิงจนน้ำขิงเผ็ดเชียวล่ะ นังหนูดีท่าทางจะกินยาก ก็เลยต้องกะเทาะน้ำแข็งมาให้หล่อนใส่ค่อยกินได้หน่อย
กว่าจะตากผ้าเสร็จก็เย็นย่ำ นังธารมารับลูกสาว ไม่รีบกลับก็เลยตักมันต้มขิงมานั่งโซ้ยพร้อมกับนินทาผัวให้ป๊ากับม๊าฟัง เห็นด่าเก่งอย่างนี้ พออยู่บ้านผัวก็เอาอกเอาใจผัวกับแม่ผัวอย่างกับเทวดาเหมือนกันแหละว๊า
จนถึงช่วงหัวค่ำก่อนจะเข้านอน ผมก็อดจะเข้าไปดูเพจบริษัทซึ่งทั้งพนักงาน ทั้งแผนกบุคคลต่างก็กำลังโหลดรูปจากงานบริษัทกันรัว ๆ ดูไปก็หัวเราะไป ทำงานที่นี่มันสนุกชะมัด มีเพื่อนร่วมงานดี ๆ ที่น่ารัก ทำงานกันเหมือนพี่น้อง ตื่นมาก็อยากจะไปทำงานจะได้ไปเม้ากัน ผมว่ามันหากันไม่ได้ง่าย ๆ
ความคิดของผมนี่มันก็ถูกในเวลานั้น แต่ผมลืมไปว่าไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน สนุกในปัจจุบัน แต่อนาคตเราจะหวังให้มันเหมือนเดิมไม่ได้หรอก ทุกสิ่งในโลกก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน มีพบก็มีจาก เกิดขึ้นตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป