ก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน

แปะจะเป็นอินฟลูฯ - 6 หวานเป็นลม โดย Chavaroj @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,เล่าประสบการณ์,ยุคปัจจุบัน,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แปะจะเป็นอินฟลูฯ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ตลก,ไทย,เล่าประสบการณ์,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รายละเอียด

แปะจะเป็นอินฟลูฯ โดย Chavaroj  @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ก็เพราะชีวิตประจำวันมันน่าเบื่อ ก็เลยอยากเป็นอินฟลูกับเขาสักคน

ผู้แต่ง

Chavaroj

เรื่องย่อ



โลกยุคนี้ มันเป็นยุคของ อินฟลูเอ็นเซอร์ นั่นก็คือบุคคลที่มีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย


อินฟลูเอ็นเซอร์ จะมีผู้ติดตามมากมายซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีส่วนร่วมในเนื้อหาที่พวกเขาพูดเป็นประจำ อินฟลูฯ มีมากมายหลายหมวด ไม่ว่าจะเป็นหมวดการท่องเที่ยว สายทำอาหาร สายวิชาการ สายบันเทิง สายสุขภาพ 


แต่ผมจะเป็นอินฟลูฯ สายไหนกันดีนะในเมื่อตัวผมเองก็ไม่เก่งอะไรสักอย่าง....เห้อ

สารบัญ

แปะจะเป็นอินฟลูฯ-1 ลูกสาวท่านฑูต,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-2 Good Day,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-3 เพื่อนร่วมงาน,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-4 เพื่อนร่วมงาน 2,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-5 เพื่อนร่วมงาน 3,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-6 หวานเป็นลม,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-7 ขมเป็นยา,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-8 ไม่เที่ยง,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-9 รสชาติของการเติบโต,แปะจะเป็นอินฟลูฯ-10 มูฟออน

เนื้อหา

6 หวานเป็นลม

โดย Chavaroj




ผ่านจากงานเลี้ยงบริษัท จนเข้าทำงานตามปกติได้ตั้งหลายวัน นี่ก็ย่างเข้าวันที่สามมาแล้ว แต่พนักงานในบริษัท ก็ยังทยอยลงรูป และคลิปวิดีโอของตัวเองลงโซเชียลต่าง ๆ แท็กกันให้คึกคัก ซึ่งก็มีการคอมเม้นต์ การกดไลค์ และการแชร์ กันเป็นที่สนุกสนาน


หนึ่งในคลิปที่มียอดไลค์สูงที่สุดก็คือยอดการสัมภาษณ์บรรดาพนักงานที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารอบในชุดเครื่องแต่งกายธีม "ย้อนยุค" 


แน่ล่ะเฮียตี๋เอาไปแดกรางวัลที่หนึ่ง และแผนกของผมก็ได้ที่หนึ่งในแผนกกลุ่ม ไอ้พวกสะเก็ดอย่างพวกผม หม่อมเจี๊ยบ นังจอย และอีพี่ชีพ น่ะ ก็ไม่ค่อยจะเท่าไร เพราะผ้าผ่อนก็ซื้อยกเมตรมาจากร้านขายผ้า คอนเสปของเราคือเน้นประหยัดและเพื่อเป็นตัวประกอบ ส่งให้พวกบรรดาเจ้านางดูโดดเด่น


แน่นอนเสียเหลือเกิน บรรดาเจ้านาง พระมหาเทวีเจ้า ตลอดจนเหล่านางสนม นางใน สวยโดดเด่น และหมดกันไปคนละหลาย ๆ สตางค์ ก็เช่าชุดแบบจัดเต็ม ไม่ยอมแพ้กันเลยทีเดียวขนาดนั้น




และที่ตลกที่สุดก็คือ ชุดของคุณอ้วน พนักงานแผนกรีเสิร์ช ซึ่งแต่งตัวด้วยชุดสวยงามประหนึ่ง นางนพมาศอย่างไรก็อย่างนั้น แต่เป็นนางนพมาศพลัสไซส์นะ เพราะเธอถนัดประมาณนี้ ชอบประมาณนี้


คุณอ้วนมาทำงานหลังจากผมประมาณหนึ่งปี รูปร่างอ้วนกลมมองไกล ๆ เหมือนโดเรม่อนเพราะเธอไม่ค่อยสูงเตี้ยกว่าผมสิบเซ็นติเมตร ประกอบกับน้ำหนัก 98 กิโลกรัม แต่คุณอ้วนก็มียิ้มที่สวยเก๋น่ารัก ประกอบกับเวลาพูดจะ เธอเสียงหวาน พูดเพราะและมีจริตน่าเอ็นดู


เรียกว่าหลับตาคุยกับเธอจะนึกหน้าเธอไม่ออกเชียวล่ะ ว่าพ่อหมีหุ่นตุ้ยนุ้ย จะตรงกันข้ามกับเสียงหวาน ๆ อย่างนึกไม่ถึงกันทีเดียว


คุณอ้วนเธอผมบาง เกือบจะล้านแล้ว แม้จะเอาข้าง ๆ มาปิดหน้าผากเป็นทรงบาร์โค้ด มาแนวเดียวกับคุณยู แต่ทั้งสองคนต่างกันที่คุณยูนั้นซีเรียสกับทรงผมของเธอ แต่คุณอ้วนไม่สนใจเลย


"ใส่วิกค่ะ เวลาแต่งหญิง ง่ายกว่ากันเยอะ" เธอว่าของเธออย่างนั้น แต่ผมก็สังเกตว่าพักหลัง ๆ หนวดเคราเธอเริ่มเยอะขึ้น แล้วผมเธอก็เริ่มหนาขึ้นมีเส้นผมอุย ๆ ประปราย 


"อ้วนกินยาค่ะ" นั่นคือเหตุผลว่าหนวดเคราของเธอขึ้นหร็อมแหร็ม เพราะยานี่เอง


ผมน่ะสนิทกับคุณอ้วนเพราะเธอน่ารัก ประกอบกับตอนเธอมาทำงานใหม่ ๆ อยู่ชั้นเดียวกัน ก็เลยได้เม้ามอยกันบ่อย ๆ แต่พอแผนกรีเสริ์ชโตขึ้นเธอก็ถูกย้ายไปอยู่ชั้นเดียวกับแผนกต่างประเทศ แต่เจอกันก็ยังพูดคุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนเคย


กลับมาที่คลิปของคุณอ้วน เธอตอบคำถามเก่ง และถ้าเข้าไปดูในโซเชียลมีเดีย เธอนั้นเป็นนักล่ามงกุฎคนหนึ่งเลยทีเดียว ถึงเธอจะอ้วนพี แต่หน้าเธอสวย เสียงเธอหวาน และฉลาดในการตอบคำถาม 


"อ้วนได้มาหลายมงกุฏแล้วล่ะ" เธอตอบเสียงเรียบ ๆ ไม่ได้มีแววโอ้อวดในน้ำเสียงเลย เธอน่ะจัดเต็ม หน้าส่งผม ผมส่งชุด ชุดส่งส้นสูง ส้นสูงส่งคิ้ว คิ้วส่งตา ตาส่งจมูก จมูกส่งปาก


"เสียดายเมื่อก่อนอ้วนน่ะประกวดมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา ได้รางวัลบ้างไม่ได้บ้างแต่สนุกดี สมัยนั้นอ้วนยังตัวผอม ๆ น้ำหนักแค่ห้าสิบกว่าเองค่ะ" เธอพูดและทำปากยู่ ไม่แค่นี้นะ เธอเอารูปสมัยเธอผอม ๆ มาให้พวกเราดูเพื่อยืนยันซะด้วย


"ว้าย แล้วไปทำยังไงมันถึงได้อ้วน...เอ่อ ตัวใหญ่ขึ้นอย่างนี้ล่ะ" หม่อมพี่เจี๊ยบถาม ทำตาโตเกือบเท่าไข่ห่าน


"ตอนนั้นอ้วนเริ่มอวบ ๆ ก็พอดีจะเรียนจบมันเครียดทำรายงานเยอะ กินก็เยอะ ก็เลยเริ่มอวบ ๆ เห็นว่าไม่ได้การ อ้วนก็เลยใช้ตัวช่วย ไปกินยาหมอใจร้ายเข้าน่ะสิคะ กินแล้วผอมจริง แต่หม่อมพี่เจี๊ยบอย่ากินเชียวนะ พอหยุดปั๊บ โยโย่เอฟเฟคเลย แถมผมร่วงด้วย คราวนี้ทำยังไงก็ไม่กลับมาผอมแล้วล่ะ เพราะฮอร์โมนมันพัง" เธอเล่าด้วยสายตาเศร้านิด ๆ


"ดีแค่ไหนแล้ว พี่เคยดูในทีวีนะคุณอ้วน กินยาลดความอ้วนแบบนี้แหละ วันดีคืนดี จำอะไรไม่ได้เลย เบลอ มารู้ตัวอีกที เป็นปี ๆ ต้องหัดเดินหัดพูดกันใหม่" หม่อมเจี๊ยบเม้าเพื่อเสริมกำลังใจให้คุณอ้วน


แม้ว่ายากินเพื่อจะให้ผมดกดำนั้นจะทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความอยากความหื่นลดลงได้ เพราะมันเป็นเรื่องของใจ คุณอ้วนถึงเธอจะอ้วนปี๋ แต่ว่าไม่ได้นา เธอก็สวยแซ่บสำหรับผู้ชายบางคนเหมือนกัน


เช้าวันจันทร์วันหนึ่ง เธอกวักมือเรียกผมเหยง ๆ กระซิบกระซาบท่าทางอยากจะเม้าอะไรให้ฟัง


"อะไรคะ?" ผมถามแล้วคุณอ้วนก็ลากแขนผมไปนั่งหลบมุมเพื่อจะเล่าเรื่องของเธอให้ฟัง


"เมื่อวานอ้วนไปที่XXXมา" เธอหมายถึงซาวน่าเกย์ชื่อดัง ซึ่งปัจจุบันปิดตัวและเป็นเพียงตำนานไปแล้ว ที่นั่นได้ชื่อว่าคนต่างชาติเยอะ ทั้งหัวขาวหัวดำ เรื่อยไปจนถึงหัวโล้น


แน่นอนว่าหุ่นอย่างเธอ ต้องไทป์หมี ๆ ถึงจะชอบ ฝรั่งอั้งม้อ ติดเธอเกรียว และเธอก็ไม่ได้ชอบคนหุ่นผอม ๆ ลีน ๆ เหมือนกัน แต่ถ้าคนหุ่นดีเกิดจะมาชอบเธอ เธอก็ไม่ติด เพราะเธอใจกว้าง คุณอ้วนว่าของเธออย่างนั้น


"คนเยอะไหม?" ผมถามเพราะเกิดมาก็ไม่เคยจะไปเที่ยวอะไรแบบนี้เล้ย เลิกงานก็อยากกลับบ้านนอน ออกต่างจังหวัดก็เหนื่อย ไม่อยากจะไปไหน อยู่แต่ในโรงแรม


"เยอะม๊ากค่ะ แต่ที่สำคัญ เจอผู้ค่ะ หล่อม๊าก หุ่นดี มีซิกแพค มีกล้ามอก คนไทยนี่แหละ เข้ม ๆ หน่อย เห็นแล้วคันกีม๊ากกกกกก" คุณอ้วนเม้า และลากเสียงตอนท้ายยาว พร้อมกับทำตัวสั่นตัวคลอน แสดงถึงความคันระดับแปดริกเตอร์


"แล้วได้ไหมเล่า?" ไอ้ผมก็ลุ้นไปกับเธอ


"ได้สิคะ แค่มองเธอก็ยิ้มให้ อีชั้นก็ลากเธอเข้าห้องเลยค่ะ ความไวเป็นเรื่องของปีศาจ" เธอเล่าไปก็หัวเราะไป เขินนิด ๆ เจ้าหล่อนก็เอามือปิดปาก สะเทิ้นอายเหมือนเป็นสาวเอวสิบห้านิ้ว น้ำหนักยี่สิบห้ากิโลกรัม


"เริด" ผมได้แต่อุทาน นึกดีใจกับเพื่อน


"ก็เริดแหละค่ะ แต่อ้วนก็แอบคิดนะ มันหล่ออย่างกะนายแบบ ทำไมเลือกกูวะ แหม เราก็รู้ตัวเองอ่ะเนอะ แต่ยังไงรู้มั๊ย คุณธง พอปิดประตูปุ๊บ มันดึงอ้วนไปจูบเลย อ้วนงิ เสียว" เธอเล่าแล้วก็ทิ้งตัวมาพิงตัวผม เหมือนหมดเรี่ยวหมดแรง


"ดีงาม" ผมยินดีกับเพื่อน


"ไม่สิ" 


"อ้าว...ทำไมล่ะ?" 


"คุณธง พอจุ๊บปุ๊บ มันผลักอ้วนให้นอนลงเลยค่ะ อ้วนก็ใจตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ยื่นมือไปจับงูของมัน โอ๊ยตายแล้ว เท่าแขนเด็ก อ้วนคิดในใจเลยนะ อีอ้วนงานนี้ถึงกีแหกก็ยอม ถวายชีวิตค่ะ เป็นราชพลี" เธอเล่าพร้อมกับทำท่าแข็งขันผมก็หัวเราะเสียแทบแย่


"มันเอางูมายัดปากอ้วน โอ๊ยตาย ใหญ่โต อ้วนนี่หายใจไม่ออกนึกว่าจะตาย แต่ยอมนะ ตายคางู อ้วนยอม" ฟังแล้วผมก็ได้แต่หัวเราะ แต่ถ้าตายจริง ๆ ก็ไม่โอเคหรอกน่าผมแอบคิด เกิดตำรวจมาชันสูตรพลิกศพ แล้วลงบันทึกประจำวันว่า เสียชีวิตเพราะอะไร มันจะขายหน้าเอา 


"แล้วไงต่อ" ผมเขย่าแขนให้เธอเล่าต่อ


"แล้วงิยังไงต่อรู้ไหม อ้วนก็อมจนเกือบตาย อีหล่อมันหันไปฉีกซองเจลหล่อลื่นค่ะ อ้วนก็ภาวนา ขอให้เบา ๆ ด้วยเถอะ สุดหล่อก็เอาเจลป้ายที่งูอนาคอนด้าตัวเอง ไม่ยอมป้ายที่ถ้ำทองของอ้วนนะ อ้วนแอบร้องอิ๊บอ๋าย แล้วยังไงต่อรู้ไหม?" 


"ฮึ...ยังไงต่อเล่า" 


"มันจับตีนอ้วนข้างนึงเอาไปดูดนิ้วตีน แล้วอีกมือมันก็เอาไปจับงูของมัน แล้วก็ช่วยตัวเองกับนิ้วตีนอ้วน โอ๊ย อยากจะเครซี่ค่ะ" คุณอ้วนพูดแล้วก็เบ้ปาก ทำหน้าเซ็งสุดขีด ดันเจอคนมีรสนิยมแปลก ๆ เห้อ ผมล่ะสงสาร


ไอ้เรื่องของคุณอ้วนนี่ ผมไม่ต้องโพนทะนาให้ใครรู้หรอก เธอเล่าเองเสิร์ฟเอง เล่าให้ฟังทุกแผนก ก็อย่างที่ว่าพนักงานบริษัทผมมีแต่คนเม้าเก่ง เอามาเล่าอีกกี่ทีก็ขำจะตาย


ไอ้เรื่องนั้นทำท่าว่าจะลืม คุณอ้วนก็มีเรื่องใหม่มาเล่าให้เราได้ตื่นเต้นอีกแล้ว


เริ่มต้นเหมือนเดิม ก็คือ เช้าวันเปิดงาน คุณอ้วนที่ไปซุกซนก็มักจะเล่าเรื่องผู้ชายพายเรือที่เธอลากไปกินให้พวกเราได้หัวเราะ แต่เช้าวันนี้เธอหน้าตึง ๆ สักหน่อย


"สวัสดีค่ะ" เธอทักทายตอบ แต่ด้วยหน้าเธอเศร้า ๆ พวกเราก็อดจะเป็นห่วงเสียไม่ได้


"เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่สบาย?" ผมถามอย่างเป็นห่วง


"เกิดเรื่องนิดหน่อยค่ะ" เธอเริ่ม แล้วพวกเราก็พากันล้อมคุณอ้วนเพื่อให้กำลังใจ


"เกิดอะไรขึ้น?" หม่อมพี่เจี๊ยบถาม สีหน้าเป็นห่วงเธอห่วงทุกคนยกเว้นเมียเก่าตาพัน


"คืออ้วนน่ะไปซื้อของเมื่อวานที่ห้างXXX" เธอเกริ่นถึงห้างซึ่งเหล่าเก้งกวางรักสนุก รู้จักกันดีว่า ชอบมาเอ้าท์ดอร์กัน ตัวห้างมีสองชั้น เหล่านางเก้งนางกวางก็เดินขึ้น ๆ ลง ๆ เข้าห้องนั้นออกห้องนี้เป็นที่สนุกสนาน ต่อให้นาน ๆ ที มีรปภ. มาจับได้ว่าทำอนาจาร ก็จะซาไป พอเรื่องเริ่มจะเงียบ เก้งกวางก็มาจับกลุ่มกันอีก ทำเรื่องไม่อายฟ้าอายดินกันอีก


อันนี้ที่ผมรู้มาฟังจากเขาเล่ามาอีกทีนะ ไม่เค้ยไม่เคยไปซุกซนเลยสักที แม้ว่าไอ้ห้างที่ว่าจะใกล้บ้านของผมชนิดเดินไปได้ก็เถอะ ใจมันยังไม่กล้าพอน่ะ


"ก็อ้วนไปซื้อของไง ทีนี้ก็เกิดปวดฉี่ พอเข้าไปฉี่ก็เห็นผู้ชายหุ่นหมี ๆ คนนึง ยืนสะบัดงูอยู่" คุณอ้วนเล่าแล้วก็ทำท่า "สะบัดงู" ให้พวกเราดู แหมมันก็น่าหวาดเสียวอยู่ไม่ใช่น้อย


"แล้วอ้วนก็เข้าไปดีลเลยค่ะ นางยิ้มให้ขนาดนี้ ไม่ค่อยหล่อเท่าไร แต่งูเริ๊ดมากกกก" นั่นไง เริ๊ดมากอีกแล้ว


"ก็พากันเข้าห้องน้ำสิคะ แต่ชิบหาย อ้วนก็ตัวใหญ่ อีนั่นก็ตัวใหญ่ เข้าไปก็ปิดประตูแทบจะไม่ได้ นางก็เลยกระซิบบอกอ้วนว่า เดี๋ยวนางจะกินงูให้อ้วนด้วย แต่นางขอสองร้อย แล้วก็จะชวนอ้วนไปเข้าห้องน้ำสาธารณะใต้ทางด่วนแถว ๆ นั้น" คุณอ้วนเล่า สะบัดหน้าสะบัดตา


"ไปไหมเล่า?" เสียงคนอยากรู้ถาม


"ไปสิคะ" คุณอ้วนเล่าพร้อมกับค้อนให้หนึ่งที


"ไปถึงห้องน้ำใต้ทางด่วนใช่ไหม อ้วนก็จอดรถ ห้องน้ำก็กว้างแล้วก็เงียบดี๊ดี เหมาะแก่การกินกันที่สุด นังอ้วนก็เดินตามผู้ไปเลยคร้า คว้าเจล คว้าถุงยางติดมือไปด้วย เผื่อได้นั่งให้ผู้ชาย โชคดีอ้วนเอาถุง 54 ติดรถมาด้วย" 


"ว๊าย 54 เลยหรอ กีพังเด้อ" ผมตบอก


"ไม่ได้ใช้หรอกค่ะ" 


"อ้าว...ทำไมล่ะ" พวกเราพากันสงสัย


"ก็พอเข้าห้องน้ำ กินงง กินงูกันเสร็จ อ้วนก็จะจ่ายตังค์ให้เขา อีทีนี้ไม่ได้หยิบกระเป๋าสตางค์ไป ก็เลยจะโอนให้น้อง ขอพร้อมเพย์เสร็จสรรพ พอจะกดโอน อีเหี้ยนั่นควักคัตเตอร์ออกมาจิ้มที่พุงอ้วน จากสองร้อย เลยกลายเป็นจ่ายสามพัน โชคดีนะ โอนจากอีบัญชีที่เอาไว้จ่ายค่าของมีเงินเหลืออยู่เท่านั้น โดนจี้หมดบัญชีเลย" คุณอ้วนเธอเล่าพวกเราพากันตกอกตกใจ


"ว้ายแล้วไงต่อ" นังจอยตกใจ ไม่รู้ว่าเพราะการโดนปล้นทำให้นึกผัวในลาดยาวหรือเปล่า ไม่ใช่ผัวอีจอยแน่ ๆ เพราะตอนนี้ยังนอนอยู่ในมุ้งสายบัวจ้า 


"พอออกมาอ้วนก็ตกใจ เข้าไปนั่งในรถก็รีบล๊อคประตูเลย มือไม้สั่นตกใจร้องไห้ โทรศัพท์หาเพื่อน อีเพื่อนก็ยุให้อ้วนไปแจ้งความ" 


"ไฮ้"


"จริง ๆ อีเหี้ยนั่นก็โง่ ให้พร้อมเดย์ก็มีทั้งชื่อนามสกุล คุณพ่อก็เลยลากมันเข้าตะรางค่ะ มันทำมาแล้วบ่อยด้วย แต่คนไม่ค่อยกล้าแจ้งความ ตำรวจเล่าให้ฟังนะคะ" เธอส่งท้าย เราก็ได้แต่ให้กำลังใจเธอไป เออละหนอ ว่าแต่อีตอนสอบปากคำ ไม่รู้ยังไงบ้าง เพราะมันต้องเล่าความจริงทั้งหมดนี่นะ เผลอ ๆ จากคนแจ้งความจะโดนคดีซื้อบริการเสียก็ไม่รู้


เย็นนั้นหลังจากเลิกงาน เมื่อกลับบ้าน ก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้อีธรรมฟัง มันหัวเราะแทบตาย


"มึงก็ระวังเหอะ แรด ๆๆ อย่างมึงน่ะ" ผมด่ามัน แต่มันยักไหล่ทำท่าไม่แคร์สื่อ แม่ได้ยินผมกับไอ้ธรรมคุยกันแต่คงได้ยินไม่ชัดเท่าไรก็เลยถาม แต่ผมไม่กล้าเล่าให้ม๊าฟังหรอก เดี๋ยวม๊าจะหาว่าผมไปซุกซนอย่างเขา


พูดถึงคุณอ้วน ก็ให้ผมคิดถึงของหวาน ในบ้านของเรานอกจากยายหนูดีที่เป็นเด็กชอบกินขนม ป๊าของผมก็ชอบกินของหวานมากที่สุด 


แล้วก็ไอ้การชอบกินของหวานนี่แหละทำให้ป๊าได้เจอะกับม๊า


"สมัยนั้นป๊าเรียนจบ ปวส. แล้ว ช่วยงานอากงที่ร้าน แต่พอมาจับใบดำใบแดง เสือกติดทหารว่ะ ป๊าก็เลยยื่นวุฒิ เลยเป็นแค่หนึ่งปี" ป๊าเล่าประวัติที่ทำให้ป๊าได้เจอกับม๊า


"ม๊าพวกมึงน่ะเป็นลูกจ่าในศูนย์ฝึกทหารใหม่ วันอังคารกับวันอาทิตย์ ก็จะมาเปิดร้านขายขนม บัวลอยไข่หวานมั่ง ข้าวเหนียวสังขยามั่ง" ป๊าเล่าเพิ่ม


"ป๊าพวกมึงซื้อทีละหลาย ๆ ห่อ ซื้อทุกครั้งที่ม๊ามาขาย มาจีบด้วยแหละ แต่ม๊าเชิดใส่" แน่ะม๊าขิงซะเลย


"แล้วไปยังไงมายังไงต่อล่ะป๊า?" พวกเราซัก ตอนนั้นยังเด็ก ๆ อยู่เลยเล่าไปดูหน้าม๊าที่ยิ้มเขินไป ขำกันจะแย่


"พอฝึกครบสอบเดือน ก็ต้องแยกเหล่า ป๊ามึงก็ขอที่อยู่เขียนจดหมายมาหาม๊าทุกอาทิตย์เล่า เล่าแต่เรื่องบ้า ๆ บอ ๆ" ม๊าบ่นทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่แอบยิ้มเขิน สมัยก่อนโทรศัพท์มือถือก็ยังไม่มี พ่อของม๊าก็ดุแสนดุ และป๊าก็ไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวที่มาจีบลูกสาวคนสวยของจ่าสุดโหดเสียเมื่อไร 


แต่ป๊าก็สม่ำเสมอ เขียนจดหมายหาม๊าตลอด จนม๊าใจอ่อน เขียนตอบกลับไปบ้าง แสดงว่าอย่างนี้มีใจแล้วแหละ 


"แต่ม๊าก็บอกป๊าพวกมึงนะ ม๊าไม่เอานะไม่แต่งงานกับพวกพลทหารหรอกนะ ตอนนั้นม๊าไม่รู้หรอกว่าบ้านป๊าพวกมึงรวยหรือจน ไม่ได้สนใจด้วย แต่ป๊าก็สัญญาว่าจะทำตัวเองให้มีอนาคต มีความมั่นคงแล้วจะกลับมาแต่งงานกับม๊า" ม๊าเล่ามือก็ง่วนกับงานไปด้วย ส่วนป๊าก็ยิ้มเขิน


ป๊าก็เลยสมัครเข้าเป็นทหารต่อซะเลย อย่างน้อยก็จะได้อยู่ใกล้ ๆ กันไม่ใช่ใครจะสมัครเป็นจ่าต่อก็ได้นะ ต้องใช้เส้น พอดีอากงก็มีเพื่อนใหญ่ ๆ โต ๆ อยู่บ้าง ป๊าก็เลยได้เป็นจ่าตรีกับเขา ทำงานกระด๊อกกระแด๊ก แล้วก็เรียนรามต่อให้จบปริญญาตรี ระหว่างนั้นก็ไปมาหาสู่กับม๊าทุกวันหยุด จนพ่อของม๊าเห็นใจจนได้แต่งงานกัน


พอดีมีตำแหน่งว่างที่กรุงเทพฯ ป๊าก็เลยชวนม๊ามาอยู่ด้วยกัน ป๊าว่าอยู่กรุงเทพฯ โอกาสก้าวหน้ามันมากกว่า แล้วป๊าก็อ้อนว่า ถ้าไม่เจอม๊าคงทนใช้ชีวิตอยู่คนเดียวไม่ได้แน่ ๆ ม๊าก็เลยต้องจากบ้านมา เพื่ออยู่กับป๊าสองคนผัวเมีย


"แรก ๆ ลำบากจะตาย อยู่บ้านพักทหารเรือ มันก็ไม่ได้ต่างจากที่บ้านเก่าม๊าเท่าไรหรอก แต่มันลำบากเพราะไม่รู้จักใครมากกว่า พออยู่ ๆ ไปม๊าทนเหงาไม่ไหว ก็เลยปรึกษากับป๊าขอทำงานก็แล้วกัน ม๊าก็ไม่ได้เรียนสูงจบแค่มัธยมต้น ก็เงินเดือนจ่าโท แล้วยังมีน้อง ๆ อีกตั้งหลายคนม๊าเห็นเขารับสมัครแม่บ้าน ม๊าก็เลยไปสมัคร ก็สนุกดี" ม๊าเล่าพวกเราก็ได้แต่อมยิ้ม เพราะแววตาของม๊า พอเล่าเรื่องเก่า ๆ ก็ดูจะมีสายตาชวนฝันอยู่ไม่น้อย


"ม๊าทำอะไรน่ะ?" ผมหันไปถาม และเปลี่ยนไปช่วยม๊าทำขนมดีกว่า 


"ทำปลากริมไข่เต่า หนูดีมันชอบ" ม๊าพูดพร้อมกับผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งข้าวเหนียว จากนั้นก็ค่อย ๆ ใส่น้ำสุก เราต้องทำสองชาม สำหรับทำปลากริมชามหนึ่ง และไข่เต่าอีกชามหนึ่ง


การใส่น้ำสุกนั้นก็ต้องค่อย ๆ ใส่เพราะความแห้งของแป้งไม่เท่ากัน แต่สังเกตว่า เราจะสามารถนวดจนได้แป้งเป็นก้อนหลุดจากชามได้ 


อันดับแรกเราก็ต้องปั้นไข่เต่า ผมปั้นแป้งเป็นก้อนกลม ๆ เหมือนเม็ดขนมบัวลอย ม๊าสอนผมมาอย่างนี้ แต่ปลากริมไข่เต่าที่ร้านอื่น ๆ เขาเป็นตัวยาว ๆ เหมือนกัน ผมก็เคยนึกสงสัยชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า ปลากริมกับไข่เต่า มันก็ต้องมีแป้งสองแบบสิ แต่ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรผมก็กินแต่ฝีมือของม๊าอยู่แล้ว


ผมปั้นเป็นไข่เต่ากลม ๆ ส่วนม๊า ปั้นแป้งเป็นเส้นยาว ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ใช้มีดตัดจนได้เส้นอวบ ๆ ตัน ๆ นุ่มหยุ่น


ใช้เวลาปั้นอยู่ไม่นานก็เสร็จ ทีนี้ก็ถึงขั้นตอนการต้มน้ำกะทิแล้วล่ะ ม๊าแยกเป็นสองหม้อย่อม ๆ หม้อหนึ่งใส่น้ำตาลมะพร้าว เพื่อให้ได้รสหวานกลม แต่แค่นี้หวานไม่พอม๊าใส่น้ำตาลทรายลงไปเพื่อเพิ่มความหวานแหลม และใส่เกลือติดปลายนิ้วอีกหน่อย


ส่วนอีกหม้อใส่น้ำตาลทรายขาว และใส่เกลือเพิ่มให้เค็มปะแล่ม ๆ ติดปลายลิ้น ไม่ลืมที่จะใส่ใบเตยหม้อละใบ เพื่อให้ได้กลิ่นหอม ๆ ไม่อย่างนั้นความอร่อยจะลดลงเป็นอันมาก


ไม่ต้มด้วยไฟแรงเพราะไม่อย่างนั้นกะทิจะแตกมันเอาแป้งสองอย่างลงในหม้อต้มจนสุก เมื่อสุกตัวขนมก็จะลอยขึ้นมาข้างบน เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จหม่ำได้ตามอัธยาศัย


ยายหนูดีกรี๊ดกร๊าดเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วได้กลิ่นขนมหอม ๆ นังธารมากับลูก แล้วก็ยังพาผัวมาด้วย คงเพราะม๊าโทรศัพท์ไปเรียกให้ลูกสาวกับลูกเขยมากินขนมด้วยกัน 


โดยปกติช่วงหลัง ๆ มื้อเย็นบ้านเราก็จะกินอะไรกันแค่เบา ๆ ท้อง ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จัดเต็มชุดใหญ่ แต่พอม๊ามีความรู้มากขึ้นเรื่องสุขภาพและโภชนาการ บ้านเรามื้อเย็นก็กินอะไรกันแค่เบา ๆ อาจจะแค่น้ำเต้าหู้คนละถุง หรือไม่ก็อาจจะเป็นเต้าฮวยน้ำขิง 


ส่วนใครหิว เพราะไม่อยู่ท้อง ก็ขอเชิญเดินไปตลาดเพื่อหาของกินได้ตามใจ ซึ่งช่วงแรก ๆ ผมก็อดจะหาของกินมารองท้องจนได้ แต่พักหลัง ๆ พอเริ่มชินและคิดว่าพอเราทำไอเอฟ อดอาหารหลังหกโมงเย็น มันก็ดีต่อสุขภาพเหมือนกัน จนเดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องกินอะไรตอนเย็น ๆ ก็ไม่ทรมานอีกแล้ว


ยัยธารจัดแจงตักขนมปลากริมไข่เต่า ใส่ถ้วยใบน้อย ๆ ให้ลูกกับผัว ไม่ลืมจะตักให้ป๊ากับม๊า 


"ธงกินด้วยกันนะแบ่งกันกิน" นังน้องสาวคนดีพูดพร้อมกับตักขนมมาเท่าแมวดม เราสองพี่น้องแบ่งกันกินคนละคำสองคำ โดยมีไอ้ธรรมขอกินด้วยแค่คำเดียวเท่านั้นเพราะมันกลัวหุ่นฟิตเปรี๊ยะของมันจะโดนเพิ่มไขมัน


"สมัยอาม่าสาว ๆ อากงของหนูชอบกินปลากริมไข่เต่าที่สุด ซื้อที่ละห้าห่อเชียวนะ" ม๊าเล่าให้หลานสาวฟัง


"ซื้อไปทำอะไรเยอะแยะล่ะคะอากง?" ยายหลานสาวขี้สงสัยไม่วายจะถาม


"ก็ซื้อไปฝากเพื่อนมั่งอะไรมั่ง อยากจะให้หมดไว ๆ เบื่อไอ้พวกทหารที่มาด้อม ๆ มอง ๆ อาม่าของหนูดีไงลูก" ป๊าเล่าแล้วก็ทำตาเจ้าชู้ใส่ม๊า เขินกันไปอีก


"แล้วพอขายหมดล่ะคะ?" นังตัวเล็กยังสงสัย แต่ไอ้หน้าแบบนี้มันทะเล้นชัด ๆ


"อากงก็ช่วยอาม่าเก็บร้านน่ะสิ คนเราพอจะจีบเขาก็ต้องลงทุนหน่อย ทั้งแรงกายแรงใจ" ป๊าพูดซะเลี่ยน พวกเราลูก ๆ แอบแลบลิ้นแต่ยายหนูดีหัวเราะกิ๊ก


"หนูดีจำไว้นะลูก ถ้าจะมีแฟน ไอ้หนุ่มที่ไหนมาจีบ ต้องดูที่มันทุ่มเท แล้วก็สม่ำเสมอ ไม่ใช่มาทำดีกับเราป๊อบ ๆ แป๊บ ๆ แบบหมาหยอกไก่ ที่ร้ายกว่านั้นก็คือพวกฟันแล้วทิ้ง อันนี้น่ากลัวมาก ต้องดูดี ๆ ถ้าใครมาจีบต้องเอามาให้อากงสกรีนดูก่อนว่าผ่านไหม" ดูสิป๊าของผมสอนอะไรหลานก็ไม่รู้ นังตัวแสบทะเล้นหัวเราะใหญ่เลย ส่วนผมคิดว่าไอ้หนุ่มที่ไหนมันจะกล้าให้พันจ่าเอกคนนี้สกรีนกันเล่า ท่าทางดุจะตายไป และอากงสุดโหดก็คงจะไม่ยอมให้หลานสาวผมม้าเต่อมีแฟนกับเขาง่าย ๆ หรอก


ผมล่ะไม่อยากจะเล่าให้ป๊ากับม๊าฟัง เพราะนังตัวแสบแอบมากระซิบกับผมว่าหล่อนมีแฟนแล้ว ชื่ออะตอม ไอ้เด็กนั่นเอาอมยิ้มมั่ง เอาลูกอมมั่งมาฝากหลานสาวของทุกวี่ทุกวัน กินจนยายหนูดีจะฟันผุอยู่แล้ว 


โดยเฉพาะอีแม่มันเล่าให้ฟังไม่ได้เด็ดขาดไม่อย่างนั้นนังธารได้ไปแหกอกคุณครูที่โรงเรียนแน่ ๆ โธ่เอ๊ยเด็กมันตัวกระเปี๊ยกแค่นี้ จะแก่แดดแก่ลมบ้างก็อย่าไปว่าอะไรมันเลย เดี๋ยวพอโตแยกย้าย ลืมหมดว่าใครจีบใคร 


แล้วการซักถามชีวิตของหลานสาวก็เริ่มขึ้น ถามมันตั้งแต่เช้ามากินอะไร ไล่ไปจนถึงตอนเย็นกินอะไรกันทีเดียว ถามว่าเรียนสนุกมั๊ย เล่นอะไรกับเพื่อนบ้าง นังตัวเล็กก็เล่าได้เป็นฉาก ๆ มันคุยเก่งเหมือนใครกันหนอ


"กลับบ้านต้องแปรงฟันด้วยนะลูก" อีนังแม่ไม่วายที่จะเตือน สมัยเด็ก ๆ นังธารก็ฟันผุ พอมีลูกเอง บังคับลูกอย่างกับอะไรดี แต่ก็ต้องชมยายหนูดีที่ไม่มีฟันผุสักซี่ แถมฟันเรียงตัวสวยขาวเป็นระเบียบ เราก็ต้องเอาข้อผิดพลาดในวัยเด็กของเราไปอบรมลูกหลานไม่ให้ผิดซ้ำรอยกับเรานั่นแหละ


"อย่ากินขนมหวาน ๆ เยอะนะลูก กินแค่พอรู้รสกินมาก ๆ ฟันผุ" ไอ้ธรรมขอมีเอี่ยวกับการสอนหลานบ้างส่วนพ่อของมันได้แต่นั่งอมยิ้ม ก็ผัวนังธารมีปากมีเสียงที่ไหน เกิดมาเพื่ออยู่ใต้อาณัติของเมียเท่านั้น


"หนูดีรู้ค่ะ แปะธงสอนว่า หวานเป็นลมขมเป็นยา" นังตัวเล็กทำท่าสลักสำคัญ เพราะใช้คำใหญ่


"มันแปลว่าอะไรรู้ความหมายหรือเปล่า" ผมซักนังเด็กแก่แดด


"ไม่รู้ค่ะ" 


"เอ๊า" พวกเราทุกคนอุทานพร้อมกัน แล้วก็พากันหัวเราะนังเด็กแก่แดดที่หัวเราะคำตอบของตัวเองพร้อมกับคนแก่ ๆ ทั้งหลาย