หิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ - ตอนทีี่ 1 ออกเดินทางสู่ต่างประเทศ โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไอซ์สโนว์,สาวพลังหิมะ,แอคชั่น,ยอดมนุษย์,ฮิวแมน,เหนือธรรมชาติ​,แฟนตาซี,การต่อสู้,YukiCoCo,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ไอซ์สโนว์,สาวพลังหิมะ,แอคชั่น,ยอดมนุษย์,ฮิวแมน,เหนือธรรมชาติ​,แฟนตาซี,การต่อสู้,YukiCoCo

รายละเอียด

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

คำแนะนำจากคนเขียน

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแต่งขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่จบ

เลยขอนำเสนอไว้สักตอนหนึ่งให้อ่านเล่นๆ ก่อนที่จะมาเขียนต่อ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นไม่ได้อ้างอิงจากอะไรทั้งสิ้น

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับผู้มาอ่าน

และให้ความสนใจในนิยายเรื่องนี้นะคะ


บทนำของเรื่อง

เมื่อเด็กสาวลูกเสี้ยวไทยนามว่า มิรารี ต้องออกเดินทางไปยังงานเทศกาลวิทยาศาสตร์ที่นิวยอร์กตามความต้องการของเธอ แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อด็อกเตอร์คนหนึ่งทำเรื่องขึ้นก่อให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้คนตายนับพันร่วมถึงตัวมิรารีที่ไม่น่าจะรอดจากเหตุการณ์นั้น แต่แล้วเวลาผ่านไป 10 ปีตัวเธอที่น่าจะโดนแช่แข็งตายกับฟื้นขึ้นมาในสถานที่แปลกตาเข้าพร้อมกับร่างกายที่เปลี่ยนไป แล้วเธอจะหาใครมาช่วยเธอได้ล่ะ?


กำหนดการลงนิยาย

ยังไม่แน่ชัดนะคะ

สารบัญ

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนทีี่ 1 ออกเดินทางสู่ต่างประเทศ,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 2 หายนะครั้งใหญ่

เนื้อหา

ตอนทีี่ 1 ออกเดินทางสู่ต่างประเทศ

ตอนที่ 1 ออกเดินทางสู่ต่างประเทศ

คุณเคยคิดไหมว่าคุณพิเศษรึเปล่า คุณหลายคนคงคิดว่าตัวเองนั้นช่างแสนพิเศษกว่าใคร ๆ ที่เข้าในชีวิตของตนเอง แต่เด็กคนหนึ่งกลับไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษกว่าใครเลยสักนิด จนกระทั่งเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับเธอ เมื่อเด็กสาวได้ส่งชื่อของตนเองเพื่อชิงรางวัลไปเที่ยวเทศกาลวิทยาศาสตร์ระยะเวลาหกคืนเจ็ดวัน มันคือความฝันของเหล่าผู้ชื่นชอบวิทยาศาสตร์ แล้วงานนี้ถูกจัดขึ้นที่นิวยอร์กทำให้เหล่าวัยรุ่นนับพันทั่วโลกต้องการที่จะไปงานนี้ พวกเขาไม่จำกัดว่าจะเป็นคนมาจากประเทศไหน แค่พวกเขาส่งชื่อมาทางเว็บไซต์ของสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง การโฆษณาของสถาบันวิจัยนี้ขึ้นมาทุกช่องทางรวมไปถึงป้ายโบรชัวร์ นั้นทำให้เด็กสาวที่ชื่นชอบเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ต้องการที่จะเป็นหนึ่งในร้อยคนให้ได้

 

จนเวลาผ่านไปสองเดือนหลังจากส่งชื่อไป

พื้นสีดำที่เกิดจากการรางยางได้ไม่นานมีรถตู้คันใหญ่สองสามคันกำลังแล่นไปตามเส้นทางตรงดิ่งไปยังพื้นที่โดยรอบไม่มีอะไรนอกจากบ้านใหญ่อันโอ่อ่า ทางเข้าบ้านก็เป็นแบบออโต้ที่กำลังเปิดให้รถทั้งสามเข้าไปข้างในจอดเรียงกัน หน้าประตูบ้านก็มีคนรับใช้พากันออกมาต้อนรับผู้คนที่กำลังเดินออกมาจากรถตู้ ผู้ใหญ่บางคนกำลังออกมาแล้วช่วยประคองผู้สูงอายุสองสามคนที่กำลังลงมาร่วมถึงเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังประคองผู้สูงอายุอันดับสูงของครอบครัวหนึ่งคนลงจากรถตู้

 

“คุณย่าเดินระวังนะคะ” เด็กสาวยิ้มให้แก่ผู้เป็นย่า

 

เด็กสาวที่รูปร่างอวบไม่อ้วนเกินไป ใบหน้ากลมน่ารัก ผิวสีแทนจากเชื้อเอเชีย ดวงตาสีน้ำตาลเข้ากับแว่นตาวงกลมกรอบดำ ผมสีน้ำตาลมัดทรงสูงเป็นหางม้า การแต่งกายสบาย ๆ แต่ดูทันสมัยไม่เฉยเกินไป ทำให้เธอใส่แล้วดูน่ารักแบบคนอวบอ้วนคนหนึ่ง เธอประคองหญิงชราไปขึ้นบันไดทางขึ้นเข้าหน้าบ้านอย่างช้า ๆ ทำเอาหญิงชราที่โดนเด็กน้อยเตือนรู้สึกเหนื่อยใจที่หลานสาวต้องมาตื่นเธอทุกครั้ง

 

“อะไรกัน หลานย่า ย่าก็ระวังอยู่นี้ไง” หญิงชราผู้มีร่างผอมบางสมส่วนกำลังยกมือตบมือหลานสาวเบา ๆ

“ย่าบอกระวังแต่ก็เกิดเรื่องตลอดนี่ค่ะ เดียวหนูพาขึ้นห้องนอนแล้วพาอาบน้ำนะคะ”

“จ้า ๆ หลานย่านี้น่ารักจริง ๆ”

“มิรารีดูแลยายด้วยสิจ๊ะ” หญิงชราร่างท้วมพูดขึ้น เธอกำลังเดินอยู่ด้านหน้าทั้งสองคน

เด็กสาวผู้สวมแว่นหันหน้าไปตามต้นเสียงที่เรียกเธอ “เดียวหนูดูแลคุณย่าแล้วหนูจะไปหาค่ะ คุณยาย”

“พวกคุณแม่นี่น่า หลานมีแค่คนเดียวหรือคะ? ลูกหลานคนอื่นก็มีนะ”

“ไม่เอา! มิรารีดูแลพวกแม่ดีกว่านี่น่า!” คุณย่ากล่าวก่อนจะหันไปมองลูกสาวของตนที่เป็นแม่ของเด็กสาว

 

ผู้เป็นลูกได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ ที่ผู้เป็นแม่ของตนเองนั้นเอาแต่ใจจริง ๆ แต่เด็กสาวไม่ว่าอะไรที่ผู้เป็นยายสนใจให้เธอดูแล เธอพยุงผู้เป็นย่าขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของท่านแล้วดูแลทุกอย่างกระทั่งอาบน้ำ ทาครีมบำรุงทุกอย่างจนกระทั่งสวมใส่เสื้อผ้าให้ท่านทุกอย่างจนกระทั่งพาคุณย่านอนรวมไปถึงคุณยายกับคุณตาที่เด็กสาวจะเป็นคนดูแล ตั้งแต่สมัยเด็กที่เธอเห็นแม่จะต้องดูแลผู้ใหญ่ที่บ้านนั้นทำให้เธออยากช่วยและนั้นเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอไป นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้ใหญ่ในบ้านเอ็นดูและรักเธอมาก ๆ เธอเป็นลูกสาวคนที่สี่ของลูกชายคนรอง ชื่อของเธอคือ มิรารี เครือเพชร

 

“ขอบใจนะ มิรารี”

“หนูไปก่อนนะคะ”

“ฝันดีหลานรัก~” เสียงชายชรากล่าว

“ค่ะ คุณตา”

 

มิรารีกล่าวยิ้มอย่างชื่นใจเธอปิดประตูเบา ๆ พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ วันหนึ่งที่เธอดูแลผู้ใหญ่เป็นอะไรที่ไม่ยาก แต่เธอก็เต็มใจที่จะดูแล ถ้ามันช่วยแบ่งเบาภาระให้แม่ได้ มิรารีกำลังเดินขึ้นไปชั้นสองเพราะห้องของคุณตาคุณยายอยู่ชั้นล่างต่างจากคุณย่าที่ชอบนอนที่ชั้นสองจนน่าเป็นห่วงเวลาตอนที่ท่านตื่นขึ้นมาแล้วจะลงชั้นล่าง มิรารีที่ห่วงคุณย่าก็จึงต้องตื่นแต่เช้าทุกครั้ง ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นอยู่นั้นก็มีร่างหนึ่งกำลังออกมาจากห้องโถงใหญ่ที่อยู่ริมขวาของบ้าน เขาเห็นหลานสาวกำลังขึ้นไปชั้นสอง เขาจึงเอ่ยพูดกับเธออย่างร่าเริง

 

"อ้าว หลานลุง จะไปนอนแล้วเหรอ? "

มิรารีได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคยก็หันไปมองก็เห็นชายที่มีรูปร่างอันสูงใหญ่ไหล่กว้าง ผิวขาวต่างจากเธอที่เป็นคนเอเชีย เธอเห็นเขาก็ได้แต่ยิ้มอย่างดีใจ

“อ๊ะ!! ลุงวอลเล็น!!” มิรารีเดินลงมาหาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าดีใจ “ไหนลุงบอกว่าตัวเองไม่สามารถมาได้ไงคะ?”

“ฮ่า ๆ ลุงแค่มาเยี่ยมนิดหน่อยนะ หลานเถอะกำลังไปนอนงั้นเหรอ?”

“ค่ะ...ตอนนี้มันดึกแล้วนี่น่า และอีกอย่างหนูก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่ค่ะ”

“ฮ่า ๆ จริงด้วยนะ ดึกแล้วพักผ่อนเยอะ ๆ ล่ะ” วอลเล็นยกมือลูบหัวเด็กสาวเบา ๆ

“ค่า~” มิรารียิ้มอย่างชอบใจ เธอกำลังเดินหันกลับขึ้นข้างบน

วอลเล็นก็นึกบางอย่างได้ “จริงสิ!! มิรารี”

“ค่ะ...” มิรารีหันกลับมามองอีกฝ่ายอีกครั้ง

“อย่าลืมล่ะวันนี้วันอะไรนะ”

“วันอะไรเหรอคะ?”

“หลานขึ้นบนก็จำได้ล่ะ ลุงไปล่ะ” วอลเล็นกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปที่ห้องโถงอีกครั้ง

“???”

 

มิรารีได้ฟังอีกฝ่ายพูดก็งุนงงว่าวันนี้วันอะไรจนเธอเดินขึ้นข้างบนไปอย่างไม่ใส่ใจจนกระทั่งมาถึงชั้นสองก็เดินไปยังประตูบานหนึ่งที่มีป้ายห้อยไว้ว่า ห้องมิรารี มันเป็นห้องนอนของเธอนั้นเองก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้าไปเดินไปตามทางก่อนจะนั่งลงบนเตียงสีขาวนวล เธอรู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งวันร่วมถึงร่างกาย ตลอดหลายวันที่ไปเที่ยวทั้งเดินขึ้นเนิน ไหว้พระประจำจังหวัดแต่ละที่ ไปเที่ยวทะเลเดินตามทางหาดภายในหนึ่งวันจากอาทิตย์หนึ่งที่ไปเที่ยวมันช่างเหนื่อยเกินกว่าเด็กสิบแปดอย่างเธอจะรู้สึกได้จริง ๆ

 

“เที่ยวครั้งนี้ต่างจากไปเที่ยวต่างประเทศอีกนะ...” มิรารีบ่นก่อนจะนอนลงบนเตียงโดยยังไม่ได้อาบน้ำ

 

เธอมองเพดานอย่างครุ่นคิดการที่เธอเหนื่อยไม่ใช่แค่จากการเที่ยวอย่างเดียว แต่การดูแลผู้ใหญ่ก็ด้วยที่ทำให้เธอเหนื่อย แต่การเหนื่อยของเธอก็เคยเป็นคำถามที่ญาติพี่น้องถามว่าทำไมเธอต้องทำหน้าที่นี่คนเดียวเธอก็ตอบไปเพียงแค่ว่าอยากช่วยแม่แบ่งเบาภาระ แต่ที่จริงตัวเธอได้สัญญากับพ่อที่เสียไปว่าจะช่วยดูแลทุกคนภายในบ้าน แต่คำสัญญานั้นคือมีพี่น้องของเธอเป็นผู้ให้คำมั่นด้วยเช่นกัน ใช่ เธอมีพี่ชายอีกสามคนที่ตอนนี้โต ๆ กันหมดแล้ว และพวกเขาเป็นเสาหลักของบ้านที่ส่งเงินมาให้เสมอ นั้นเป็นอะไรที่เธออยากทำมาก ๆ เธอนอนเอามือปิดใบหน้าของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะนึกคำพูดของลุงขึ้นมาว่าวันนี้วันอะไรจนเธอนึกมาได้ว่าวันนี้วันอะไร

 

“จริงด้วย!! วันนี้นี่น่า!!”

 

เด็กสาวรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนตรงไปที่โต๊ะคอมพร้อมกับเปิดคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้า ระหว่างรอเครื่องเปิดช่างเป็นเวลาที่ยาวนานสุด ๆ เธอนั่งมองจอคอมจนหัวใจของเธอกำลังสูบฉีดจนมันเต้นอย่างรวดเร็วมันเต้นแรงอย่างตื่นเต้นกับสิ่งที่เธอกำลังเฝ้ารอจนกระทั่งหน้าจอคอมเปิดมายังหน้าแรกเรียบร้อย มิรารีเปิดไปที่แอปสำหรับเข้าอินเทอร์เน็ต เธอก็กดลิงก์ของเว็บไซต์สถาบันวิจัย มีหัวข้อหลักเป็นการประกาศรายชื่อพอดี มิรารีก็กดเข้าไปทันทีแถมมีให้กรอกเลขที่เธอได้รับตอนหลังสมัครเสร็จ เธอหอบหายใจอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะกรอกตัวเลขลงอย่างช้า ๆ หัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะทำให้มือของเธอสั่นเทาไปหมด จนกระทั่งเลขตัวสุดท้ายเธอกำลังหายใจเข้าลึกขึ้นก่อนจะกดปุ่มที่เขียนว่าเอ็นเทอร์เพื่อป้อนตัวเลขนั้นเข้าไปหน้าต่างใหม่ขึ้นมาเป็นเลขอันดับและชื่อของเธอพร้อมกับข้อความแสดงความยินดี นั้นทำให้เด็กสาวจ้องมองอยู่นานก่อนที่จะอ่านตัวหนังสือตรงหน้า

 

“อันดับ...ที่...96...มิรารี...เครือเพชร...”

มิรารีค่อย ๆ ลุกจากเก้าอี้อย่างไม่เชื่อสายตาใบหน้าของเธอรู้สึกชาไปหมดจนกระทั่งเธอได้สติกลับมา เธอตกใบหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนที่จะมองไปที่หน้าจออีกครั้งก่อนที่จะร้องเย้ออกมาดังลั่นทั้งบ้าน

“เยยยยยยยยยยยยยย้!! ชื่อฉันติดหนึ่งในร้อยแล้ว!! ได้ไปนิวยอร์กแล้ว!!!”

เสียงดีใจของเด็กสาวดังไปทั่วทั้งบ้านทำให้คนเป็นแม่ที่อยู่ชั้นสองได้ยินเสียงลูกก็งุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นจนเดินตรงไปห้องลูกสาวทันทีก่อนจะเคาะประตูเบา ๆ

“มิรา!! เสียงดังรบกวนย่า ๆ นะ เบาเสียงหน่อย!!”

เด็กสาวได้ยินคนเป็นแม่ก็รีบพุ่งตัวไปที่ประตูแล้วเปิดออกจนเห็นใบหน้าเธอฉีกยิ้มอย่างดีใจ “แม่!! หนูติด 1 ใน 100 แล้ว!!”

“1 ใน 100 อะไรกัน?”

“งานวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดจะจัดทุก ๆ 1 ปีครั้งไง!! มีชื่อหนูด้วย!!”

“ตายจริงลูกแม่ ยินดีด้วยนะ!! โชคดีจริง ๆ”

“เย้!!! หนูจะเอาไปเล่าให้พี่ ๆ ฟัง!!”

มิรารีกระโดดโลดเต้นจนคนเป็นแม่ต้องห้ามและไล่ลูกสาวไปอาบน้ำ เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ลูกมุ่งหวังมาเดือนสองเดือนจะได้ผลแบบนี้ เธอขอให้ลูกได้ทำสิ่งที่อยากทำเป็นดีที่สุด มิรารีเข้าไปอาบน้ำอย่างดีใจไม่กี่วันหลังจากนี้เธอต้องเตรียมตัวพร้อมสำหรับการเดินทางสู่โลกใหม่ที่จะได้เจอ

 

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

 

สถานที่ที่มีผู้คนต่างรอการออกเดินทางไปยังต่างประเทศหรือที่ไหน ๆ ก็ตามที่พวกเขาอยากจะไปกัน ผู้คนเดินผ่านไปผ่านมาตามจุดต่าง ๆ ในสนามบิน ในหมู่ผู้คนมากมายนั้นมิรารีกำลังนั่งรอคนที่จะมารับเธอตามรายละเอียดที่ระบุไว้ในอีเมลและเว็บไซต์ที่แจ้งเข้ามาว่าต้องรอที่ไหนแล้วจะมีคนมารับ แต่เธอมองซ้ายมองขวาว่ามีใครที่เหมือนเธอไหมที่เป็นผู้โชคดีแต่ก็ไร้วี่แววคนที่จะมายืนในจุดเดียวกับเธอนอกจากเธอและครอบครัวที่มารอเป็นเพื่อน แต่มีคนหนึ่งคนที่กังวลมากกว่ามิรารีคือแม่ผู้ที่กำลังที่กำลังจะเห็นลูกสาวกำลังออกเดินทางไปยังที่ไกล ๆ เธอเดินมาลูกสาวเพื่อจัดเสื้อและถามสิ่งต่าง ๆ กับลูกสาว

 

“ลูกไม่ลืมอะไรแน่นะ พาสปอร์ต ของใช้ส่วนตัว ยาสีฟัน สบู่ ยาโรคหอบของลูกอีกล่ะ!”

“หนูเอามาครบทุกอย่างที่แม่ถามทุก ๆ 2 นาทีแล้วค่ะ!” มิรารีเน้นย้ำคำตอบเดิมที่ผู้เป็นแม่จะถามทุกวิ

“เฮ้อ...แม่ห่วง ลูกนะรู้ไหม! ลูกไม่เคยออกจากอกแม่มานาน นี่ลูกจะไปอยู่ต่างที่ต่างแดนเชียวนะ!”

“หนูรู้แม่” เด็กสาวกอดผู้เป็นแม่พร้อมหอมแก้ม “ไม่ต้องห่วงหนูมากหรอก หนูไปแค่หนึ่งอาทิตย์เดียวก็กลับมาแล้วนะคะ”

ได้ยินคำพูดของลูกสาว คนเป็นแม่กอดลูกสาวอย่างแนบแน่น “แม่คงคิดถึงลูกใจจะขาด ไปแค่หนึ่งอาทิตย์ เหมือนลูกหายเป็นปี”

“โธ่! แม่” เด็กสาวส่ายหน้าเปล่า ๆ “หนูไม่หายไปเป็นปีแน่ ๆ ค่ะ”

“จ๊ะ แล้วพวกของมีค่าเก็บดีแล้วนะ”

“ค่ะ เก็บไว้หมดใกล้ตัวและที่ซ่อนเร้นจากตาผู้คนด้วยค่ะ”

“ดีแล้ว แล้วเงินที่พวกคุณย่าให้เอาไปด้วยใช่ไหม?”

“ค่ะ เงินทั้งหมดอยู่ในธนาคารแล้วค่ะ”

“ดีจ้ะ”

 

ผู้เป็นแม่ลูบใบหน้าของลูกสาวอย่างเอ็นดูยิ่งเป็นเด็กน่ารักเธอยิ่งไม่อยากให้ลูกสาวจากไปไหน เธอนึกถึงสมัยก่อนที่ลูกสาวยังเป็นแค่เด็กตัวน้อยที่ยังช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ต้องมีเธออยู่ข้าง ๆ แต่ตอนนี้ลูกสาวคนนั้นกลับโตเป็นสาวพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว นั้นทำให้น้ำตาของคนเป็นแม่ไหลซึมออกมา มิรารีเห็นก็ได้แต่เช็ดน้ำตาแม่ออกจากใบหน้าอันสดใสนั้น ก่อนที่จะมีชายแปลกหน้าสวมชุดสูทเดินมาอยู่ด้านหน้าของมิรารีพร้อมกับกล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษกับเธอ

 

“Excuse me. Are you Miss Mirari? (ขอโทษครับ คุณคือคุณมิรารีใช่ไหม?) ”

“อ๊ะ...Yeah! (ใช่ค่ะ!) ” มิรารีเอ่ยตอบก่อนจะหันไปมองคนตรงหน้าของเธอที่เอ่ยถามชื่อเธอ

“Could you follow me, please? (เชิญตามผมมาเลยครับ) “

“Yeah… (ค่ะ...) " มิรารีตอบรับทันที

 

**ถ้าภาษาอังกฤษของเราผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะคะ

เราไม่ค่อยเก่งเท่าไรนะคะ**

 

มิรารีรู้เลยว่าชายตรงหน้าที่เชิญเธอตามไปเป็นคนจากสถาบันวิจัย เพราะตรงแขนเสื้อของเขามีผ้าที่ติดโลโก้ของสถาบันวิจัยอยู่ ตอนแรกเธอจับจ้องและวิจัยอยู่ถึงเนื้อผ้าและการปักว่าไม่ใช่คนทำแป๊บเดียวน่าจะทำมานานแล้ว ก่อนที่เธอจะหันไปหาแม่และโอบกอดท่านก่อนจะจากลา ผู้เป็นแม่ได้แต่กอดและบอกว่าจะบอกพี่ชายทั้งสามให้ว่าเธอกำลังเดินทางไปนิวยอร์ก ดีที่พี่ของเธอทั้งสามอยู่ที่นั่นพอดี ก่อนที่เธอจะตรงดิ่งเดินตามชายในชุดสูทไปในทันใด ชายชุดสูทนำทางเธอไปตามทางจนออกนอกตัวสนามบิน มิรารีมองอย่างสงสัยว่าออกไปไหนกันจนมาถึงลานกว้างใหญ่ที่สำหรับเครื่องบินลงจอด แต่ตรงหน้าเธอไม่มีเครื่องบินสักลำ

 

“เอ่อ...คือ...” เธออยากจะถามชายชุดสูทก่อนจะมีรถกอล์ฟมาจอด

“เชิญขึ้นมาเลยครับ”

คนขับรถกอล์ฟกล่าวออกมาเป็นภาษาไทยก่อนที่ชายชุดสูทจะให้เธอเข้าไปนั่ง มิรารีจ้องมองก่อนที่คนขับจะมาหยิบกระเป๋าเธอไว้ด้านหลังรถ เธอก็ยอมขึ้นไปนั่งอย่างเงียบ ๆ ชายชุดสูทก็เดินขึ้นไปนั่งข้าง ๆ เธอแล้วคนขับก็กล่าวบางอย่างก่อนออกตัว

“ไปแล้วนะครับ!!”

 

รถกอล์ฟเริ่มเคลื่อนตัวไปข้างหน้าทันที มิรารีสงสัยเลยว่ารถกอล์ฟนี้จะพาเธอไปส่งที่ไหน เมื่อรถกอล์ฟออกมาจากบริเวณสนามบินสู่ลานกว้างของสนามบิน มิรารีก็เห็นทางข้างหน้าที่มีเครื่องบินลำเล็กจอดอยู่ แต่เครื่องบินที่เห็นขนาดไม่ให้เล็กกว่าเครื่องบินปกติเลยมันใหญ่พอตัวสำหรับคนคนเดียวขึ้นจนเธอคิดว่าอาจจะมีคนมาก่อนเธอแล้วก็ได้ เธอหันไปหาคนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วกล่าวถามทันที

 

“ขอโทษนะคะ!” เด็กสาวพูดเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเรียกชายต่าง ๆ

“ว่าไงครับ!?”

“นอกจากหนูแล้วมีคนอื่นอีกไหมคะ!?”

“ไม่มีครับ! คุณเป็นคนเดียวในประเทศนี้ที่เป็นผู้โชคดีครับ!”

“ว้าว...”

 

มิรารีถึงกับร้องว้าวออกมาอย่างอ้ำอึ้งเธอไม่คิดเลยว่าตนเองจะเป็นผู้โชคดีขนาดนี้ที่ได้เป็นในหนึ่งผู้เข้าร่วมงานเทศกาลวิทยาศาสตร์คนเดียวในประเทศแถมตอนนี้เธอได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวที่ทางสถาบันวิจัยจัดอีกโคตรดีสุด ๆ สำหรับมิรารี เมื่อรถกอล์ฟจอดลงด้านข้างเครื่องบิน มิรารีก็ลงจากรถกอล์ฟก็มีพนักงานมาต้อนรับเธอก่อนที่เธอจะขึ้นไปข้างในอย่างรวดเร็ว ชายชุดสูทลงจากรถพร้อมกับให้ทิปคนขับแล้วเดินขึ้นบันไดตามไปด้วย มิรารีที่รีบขึ้นมาพร้อมกับยกกระเป๋าเดินทางมาด้วยก็ได้การต้อนรับจากข้างในอีก

 

“ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านมิรารี ผู้โชคดีติดอันดับ 1 ใน 100 คนค่ะ!”

มิรารีถึงกับยืนอึ้งอยู่สักระยะ ก่อนที่จะมีแอร์โฮสเตสเข้ามาหยิบกระเป๋าของเธอ

“ขอนำกระเป๋าไปไว้ในห้องนอนนะคะ”

“ค่ะ...” มิรารีส่งกระเป๋าให้แอร์โฮสเตส ก่อนจะนึกคำพูดเมื่อกี้ของแอร์โฮสเตสคนนั้น “ห้องนอนเหรอ?”

“ที่นี่มีห้องนอนสำหรับผู้โชคดีไว้พักช่วงรอเวลากว่าจะถึงนิวยอร์กนะคะ” แอร์โฮสเตสอีกคนออกมากล่าวพูด

“แบบนี้เอง...” มิรารีพยักหน้าเข้าใจทันที

 

มิรารีคาดไม่คิดว่าเป็นอย่างที่ชายชุดสูทกล่าวว่าเธอนั้นคือคนเดียวที่อยู่ในเครื่อง เธอค่อย ๆ เดินไปนั่งบนเก้าอี้นุ่ม พอเธอนั่งลงไปก็รู้สึกสบายตัวยิ่งกว่าอะไร เธอไม่เคยได้นั่งอะไรที่สบายแบบนี้จนอยากหลับ เธอมองรอบ ๆ อย่างสนใจถึงจะเคยขึ้นเครื่องบินมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยชินกับเครื่องบินดี ๆ แบบนี้สักครั้งก่อนที่เธอมองรอบตัวที่มีตั้งแต่ทีวี เครื่องเล่นวิดีโอเกม ขนมขบเคี้ยวมากมายให้ทาน มิรารีคิดเลยว่านี้ช่างเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายมาก ๆ ระหว่างที่รอเครื่องขึ้นอยู่นั้น ชายชุดสูทก็เดินเข้ามาหาเธอ

 

“จะขึ้นเครื่องเลยไหมครับ?”

มิรารีหันไปมองชายชุดสูทที่กล่าวคำถามกับเธอ นั้นทำให้เธอครุ่นคิดว่ามีเธอคนเดียวก็ขึ้นเครื่องเลยดีกว่า

“เอ่อ...จะออกเลยก็ได้ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วนะคะ”

ชายชุดสูทได้รับคำตอบ เขาหันไปพยักหน้าให้แอร์โฮสเตส เธอก็ยกหูโทรศัพท์เพื่อแจ้งกัปตันและอีกคนก็ยกหูโทรศัพท์เพื่อบอกกล่าวบางอย่างผ่านลำโพงในเครื่องบิน

“ขอให้ท่านโดยสารทุกท่านโปรดนั่งกับที่ของท่าน แล้วรัดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัยของท่าน เรากำลังจะออกเดินทางจากกรุงเทพไปยังนิวยอร์กในไม่ช้า ระหว่างรอโปรดอ่านคู่มือความปลอดภัยระหว่างการเดินทางด้วยนะคะ”

เมื่อแอร์โฮสเตสกล่าวจบมิรารีฟังทุกประโยคที่แอร์โฮสเตสกล่าว เสียงของแอร์โฮสเตสช่างน่าฟังกว่าเจ้าหน้าที่ตามเครื่องบินทั่วไปเสียอีกถึงจะกล่าวแบบยื้อยาวจนน่าเบื่อ เธอก็ต้องรับฟังเพราะพวกเขาคือเจ้าหน้าที่

แอร์โฮสเตสคนหนึ่งเดินมาเด็กสาวก่อนจะโค้งตัวถามบางอย่าง “ท่านมิรารีอยากได้อะไรหลังขึ้นเครื่องไหมคะ?”

มิรารีมองแอร์โฮสเตสตรงหน้าที่เอ่ยเรียกเธอว่าท่านทำเอาเขิน ๆ ชอบกล ก่อนที่เธอจะอ้ำอึ้งว่าตัวเองจะพูดยังไงดีจนเผลอถามอะไรที่มันดูน่าอายออกไป

“ต้องจ่ายเงินด้วยไหมคะ?”

ในความคิดของมิรารีนั้นตอนนี้โคตรอายกับคำถามของตนเองมาก ๆ แอร์โฮสเตสยิ้มออกไปแล้วตอบคำถามของเด็กสาว

“ไม่ต้องค่ะ นี่เป็นบรรณาการสำหรับผู้โชคดีนะคะ”

“คะ...ค่ะ” มิรารีหันไปหยิบเมนูเธอจ้องมองเมนูมากมาย ก่อนจะสั่งอาหารที่ต้องการ “เอ่อ...หนูขอเบอร์เกอร์ หอมใหญ่ทอด โคล่าค่ะ”

“รับทราบค่ะ รอเครื่องขึ้นแล้วดิฉันจะนำมาเสิร์ฟค่ะ” พนักงานรับเมนูแล้วเดินออกจากตรงนั้น

“ค่ะ...”

มิรารีหันกลับมานั่งปกติเธอรู้สึกเขินอยากมุดดินหนีสุด ๆ ระหว่างนั้นเองเธอก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังปะทุขึ้นข้างในก่อนจะมองซ้ายมองขวาจนกระทั่งแอร์โฮสเตสอีกคนเดินทางมา

“ขอโทษนะคะ!”

“ค่ะ ท่านมิรารี มีอะไรให้ช่วยหรือคะ?”

“คือ...จะเข้าห้องน้ำนะคะ”

“อ๋อ...ห้องน้ำอยู่ทางนั้นค่ะ แต่โปรดรอสักครู่นะคะ เครื่องจะขึ้นแล้ว รอเครื่องขึ้นแล้วค่อยเข้านะคะ”

 

มิรารีถึงกับหน้าซีดทันใด เนื่องจากตอนนี้ข้าศึกกำลังบุกเข้ามาเรื่อย ๆ จนเธอเริ่มทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เสียงเครื่องยนต์เริ่มทำงาน เครื่องบินกำลังเคลื่อนตัวออกจากที่เดิมอย่างช้า ๆ จนกระทั่งเครื่องบินออกตัวทะยานสู่ฟากฟ้า พอเครื่องทรงตัวเรียบร้อย มิรารีก็รีบลุกออกจากที่นั่งแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ ไม่กี่นาทีเธอก็ออกมาพร้อมใบหน้าสบายใจที่ปลดปล่อยทุกข์เบาไปแล้ว เธอก็เดินกลับมานั่งที่อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟทันที อาหารที่เธอสั่งนั้นออกมาน่าทานมาก ๆ ทำเอาน้ำลายไหลออกมาจากปากเลยจริง ๆ มิรารีรีบเช็ดน้ำลายก่อนจะรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์ มือทั้งสองข้างกำลังหยิบเบอร์เกอร์ก้อนใหญ่ขึ้นมา เธออ้าปากกัดเข้าไปคำใหญ่รสชาติของเนื้อฉ่ำไปทั้งอนุ ยิ่งรสชาติของผักและซอสเข้ากับเนื้อยิ่งกว่าอะไรความเค็มความหวานจากซอสช่างละมุม ยิ่งกินกับหอมทอดที่จิ้มกับซอสที่เข้าคู่ยิ่งทำให้มิรารีมีความสุขสุด ๆ เสียงกัดอาหารและเสียงดูดน้ำทำเอาชายชุดสูทมองเด็กสาวที่กินอย่างอร่อยจนเวลาผ่านไปไม่กี่นาทีอาหารบนโต๊ะก็หมดไป มิรารีอิ่มจนเริ่มง่วงนอนจนอ้าปากห้าวซะกว้างจนรถสามารถผ่านเข้าไปได้เลย

 

ชายชุดสูทเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็กล่าวบางอย่างออกมา “ถ้าจะนอนก็สามารถนอนได้เลยนะครับ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงนิวยอร์ก”

“คะ...ค่ะ”

หลังจากชายชุดสูทพูดจบทางแอร์โฮสเตสก็เป็นงานมาก ๆ พวกเธอพามิรารีไปยังห้องที่อยู่ภายในเครื่องบินพอเปิดประตูเข้ามาเห็นภายในห้องที่มีเตียงใหญ่และทีวีเล็ก ๆ ให้นอนดูแถมปลายเท้ามีที่วางให้เดินผ่านตรงนั้นเลยมีกระเป๋าของเธออยู่นั้นทำให้ชอบใจมาก ๆ ก่อนจะวิ่งลงไปนอนบนเตียงอย่างชอบใจ

“อ๊ายยยยย สบายจังเลย ช่างเหมือนฝันที่ดีจริง ๆ”

มิรารีเงยหน้ามองเพดานเครื่องบินก่อนจะจ้องมองไม่นานนักดวงตาที่เปิดกว้างก็ค่อย ๆ หุบลงอย่างเหนื่อยล้าไปอย่างง่ายดาย

 

เมื่อเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราอย่างเงียบสงบจนลึกเข้าสู่ความฝัน มิรารีกำลังมีความสุขกับครอบครัวภายในสถานที่ที่หนึ่ง จนกระทั่งพวกเขาทุกคนทำหน้านิ่งจนเธอมองอย่างแปลกใจก่อนที่พวกเขาจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากจุดที่เธออยู่ มิรารีจ้องมองอย่างงุนงงเธอรู้สึกถึงความผิดปกติก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งตามพวกเขาทุกคน เธอพยายามจะเอื้อมมือไปหาทุกคนแต่ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้จนกระทั่งมือของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด ตอนนั้นความรู้สึกหวาดกลัวครอบงำจนเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน นั้นทำให้เธอหอบหายใจอยู่สักระยะ ใบหน้าของเธอมีเหงื่อชุ่มไปหมดจนเธอรู้สึกแปลก ๆ กับความฝันนั้นว่าทำไมทุกคนถึงเดินจากไปและมือของเธอกำลังกลายเป็นสีขาวมันหมายความว่าไง

 

“เป็นฝัน...บอกเหตุที่ไม่ดีเอาซะเลย...”

 

มิรารีส่ายหน้าเบา ๆ เธอไม่ชอบฝันอะไรทำนองนี้จริง ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นออกจากเตียงแล้วออกมาห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา เธอมองตัวเองในกระจกที่สะท้อนใบหน้าของตนที่มีลักษณะอันกลมกลิ้งผิวสีน้ำตาลอ่อน ๆ ถึงเธอเป็นชาวเอเชีย แต่เธอก็เป็นลูกครึ่งที่มีใบหน้าสวยพอตัวถ้าเธอไม่อ้วน และยิ่งเธอเป็นลูกเสี้ยวของเสี้ยวอีกทำให้เธอมีเชื้อสายที่หลากหลายเช่นไทย จีน ลาว ยุโรป อเมริกัน นี่คงเป็นผลทำให้เธอมีผิวสีเหมือนแม่มากกว่าพ่อที่เป็นชาวต่างชาติ แต่เธอก็ไม่สนใจเท่าไหร่ว่าตนเองจะมีหน้าตายังไงหรือสีผิวที่ต่างจากใคร เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินออกมาไปหยิบมือถือที่อยู่ภายในห้องนอนเธอมองมือถือว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่ เมื่อหน้าจอเปิดแสงสว่างขึ้นมาทำให้เธอเห็นว่าตอนนี้เวลาสองทุ่ม เวลาผ่านมาหลายชั่วโมงหลังจากออกจากสนามบินตั้งแต่สิบโมงห้านาที ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะหลับไปนานแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอได้หลับสบายโดยไม่มีคนมากวนใจ เธอเดินออกมาจากห้องก็เห็นเหล่าแอร์โฮสเตสกำลังพัก พวกเธอก็ลุกขึ้นเมื่อเห็นเธอออกมาจากห้อง

 

“สายัณห์สวัสดิ์ยามเย็นค่ะ” เหล่าแอร์โฮสเตสกล่าวทักทายขึ้นมา

มิรารีที่ได้ยินก็ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ...”

“ท่านมิรารีอยากรับประทานอาหารเลยไหมคะ?” แอร์โฮสเตสคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น

มิรารีจ้องมองสักพักก่อนที่เธอรู้สึกหิว เพราะเธอยังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน แต่เธอก็ทานอาหารข้ามเกี้ยวข้าวเช้ากับข้าวกลางวันมาแล้วด้วย

“ทานค่ะ ฝากด้วยนะคะ” มิรารีพูดจบก็เดินมานั่งเก้าอี้ที่ตัวเองต้องนั่ง

“รับทราบค่ะ!”

 

แอร์โฮสเตสเดินตรงไปยังโซนปฏิบัติงานของตนเองกันทันที มิรารีมานั่งก็เห็นชายชุดสูทนอนหลับอยู่ที่เก้าอี้ ทำให้เธอพยายามทำอะไรให้เบาที่สุดเธอมองออกไปนอกหน้าตาที่มืดสนิท เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังบินที่ไหน เวลาผ่านไปสิบชั่วโมงยังเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงนิวยอร์กเธอขอให้ได้ไปถึงเร็ว ๆ ถึงจะเซ็งกับการเดินทางระยะยาว เธอคงต้องหาอะไรทำระหว่างนี้ ไม่นานนักแอร์โฮสเตสก็นำอาหารมาเสิร์ฟให้ มิรารีเห็นอาหารตรงหน้าก็ทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาทันที กลิ่นหอมของเครื่องเทศกระจายออกมาก่อนที่จะเปิดฝากล่องข้าวออกมา เครื่องแกงมัสมั่นช่างหอมตลบไปทั้งห้อง ถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับแป้งโรตีที่มีเสียงกรอบของแป้งที่ได้รับความร้อน ทำเอามิรารีรู้สึกถึงความอยากมาก ๆ ไม่รอช้ามิรารีตักคำแรงกลิ่นของเครื่องเทศกำลังไหลออกมาทั่วทั้งปาก รสของแป้งที่กำลังชุ่มน้ำซอสของแกงทั้งละมุมยิ่งกว่าอะไร ช้อนที่กำลังตักมันฝรั่งที่แค่ใช้ช้อนตักก็ขาดทันที ยิ่งเอาเข้าไปภายในปากมันเหมือนกำลังละลายไปทั่วทั้งปากกินแต่ละคำทำเอามิรารีรู้สึกถึงความอร่อยของมือนี้ พอ ๆ กับเบอร์เกอร์ไม่มีผิด ไม่นานนักมิรารีก็อิ่มสุขกับอาหารมื้อนี้มาก ๆ ก่อนที่จะหาอะไรทำ พอเดินกลับห้องนอน ชายชุดสูทก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับขอให้แอร์โฮสเตสเสิร์ฟอาหารแบบนี้กับเด็กสาว เธอกินอาหารอย่างน่าอร่อยทำเอาเขาหิวขึ้นมาเมื่อตอนที่กินเบอร์เกอร์ไม่มีผิด

 

จบตอนทา 1 โปรดติดตามต่อตอนที่ 2 ต่อไป