หิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ - ตอนที่ 5 ถึงเวลาสำรวจ โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน,ไอซ์สโนว์,สาวพลังหิมะ,แอคชั่น,ยอดมนุษย์,ฮิวแมน,เหนือธรรมชาติ​,แฟนตาซี,การต่อสู้,YukiCoCo,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ไซไฟ,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ไอซ์สโนว์,สาวพลังหิมะ,แอคชั่น,ยอดมนุษย์,ฮิวแมน,เหนือธรรมชาติ​,แฟนตาซี,การต่อสู้,YukiCoCo

รายละเอียด

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ โดย YukiCoCo @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หิมะกลายเป็นหนึ่งเดี่ยวกับฉัน เพียงเพราะฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีพลังเหนือธรรมชาติ

ผู้แต่ง

YukiCoCo

เรื่องย่อ

คำแนะนำจากคนเขียน

นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแต่งขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่จบ

เลยขอนำเสนอไว้สักตอนหนึ่งให้อ่านเล่นๆ ก่อนที่จะมาเขียนต่อ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งขึ้นไม่ได้อ้างอิงจากอะไรทั้งสิ้น

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับผู้มาอ่าน

และให้ความสนใจในนิยายเรื่องนี้นะคะ


บทนำของเรื่อง

เมื่อเด็กสาวลูกเสี้ยวไทยนามว่า มิรารี ต้องออกเดินทางไปยังงานเทศกาลวิทยาศาสตร์ที่นิวยอร์กตามความต้องการของเธอ แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อด็อกเตอร์คนหนึ่งทำเรื่องขึ้นก่อให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้คนตายนับพันร่วมถึงตัวมิรารีที่ไม่น่าจะรอดจากเหตุการณ์นั้น แต่แล้วเวลาผ่านไป 10 ปีตัวเธอที่น่าจะโดนแช่แข็งตายกับฟื้นขึ้นมาในสถานที่แปลกตาเข้าพร้อมกับร่างกายที่เปลี่ยนไป แล้วเธอจะหาใครมาช่วยเธอได้ล่ะ?


กำหนดการลงนิยาย

ยังไม่แน่ชัดนะคะ

สารบัญ

ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนทีี่ 1 ออกเดินทางสู่นิวยอร์ก,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 2 หายนะครั้งใหญ่,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 3 เมื่อตื่นขึ้น,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 4 ฉันติดอยู่บนเกาะร้าง,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 5 ถึงเวลาสำรวจ,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 6 สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 7 จงหลับให้สบาย,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 8 ไฟฟ้ากลับมา,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 9 ข้อความ,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 10 ออกปฏิบัติการช่วยเหลือ,ไอซ์สโนว์ สาวพลังหิมะ-ตอนที่ 11 การช่วยเหลือที่หลอกลวง

เนื้อหา

ตอนที่ 5 ถึงเวลาสำรวจ

ตอนที่ 5 ถึงเวลาสำรวจ

ดวงอาทิตย์กำลังขึ้นสู่ฟากฟ้า แสงอันเจิดจ้ากำลังกระทบตึกปรับหักพังที่อยู่ท่ามกลางพื้นป่าพงไพร ตามทางเดินบางจุดมีความสะอาดมากขึ้นกว่าเดิมไล่ไปตามทางเรื่อย ๆ จนมาถึงโซนหนึ่งที่เป็นโซนห้องพักของเหล่าคนที่อยู่ที่นี่ห้องต่าง ๆ มีการเก็บกวาดจนสะอาดแต่ละห้องมีการปิดประตูหมดเหมือนไม่ให้อะไรเข้ามายกเว้นห้องห้องหนึ่งที่มีการเปิดประตูค้างทิ้งเอาไว้ภายในเป็นห้องเรียบง่ายเหมือนผู้ชายเป็นคนใช้ แต่ภายในห้องนั้นบนเตียงมีกองผ้าหนา ๆ ถูกทับถมกันจนเป็นภูเขาสูง กองผ้าสีขาวนั้นเริ่มมีการเคลื่อนไหวก่อนที่จะมีบางอย่างโผล่ออกมา

 

“อึ้ก!! อ๊าาาาาาา~”

เสียงของมิรารีออกมาพร้อมกับใบหน้าสีขาวงดงาม ใบหน้าอันงัวเงียกำลังหลับอย่างสบายใจก่อนที่จะรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบตัวเปลี่ยนไปจนเธอต้องออกมา

“งึมงำ...”

 

มิรารีค่อย ๆ ดึงตัวเองออกจากกองผ้าเธอออกมาแล้วนั้นเครื่องแต่งกายของเธอใส่เพียงเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขายาว เธอนำเสื้อผ้านี้มาจากห้องที่เธออยู่ภายในห้องนี้ทำให้เธอชอบมาก ๆ กลิ่นที่ทำให้รู้สึกดีจนอยากเห็นเจ้าของที่ใช้จริง ๆ ว่าเป็นคนยังไง แต่ในห้องนี้ไม่มีรูปภาพเลยทำให้ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องหน้าตายังไง เธอยืดเส้นยืดสายไปด้านซ้ายด้านขวา

 

“อืมมมมมมมมมมมม นอนในกองผ้านี่ดีจริง ๆ อุ่นอย่างที่ต้องการจริง ๆ คงเพราะเรามีพลังหิมะเลยไม่รู้สึกว่าหนาว แต่...เราอยากได้ความอุ่นแทนนี่สิ...”

มิรารีพึมพำกับตัวเองที่ชอบความร้อนเหมือนตอนเป็นมนุษย์อยู่แล้ว คงเพราะร่างกายเธอเย็นเลยไม่รู้สึกถึงความร้อนมากจนต้องเอาผ้ามากองแบบนี้ แต่เธอก็แอบสงสัยกองผ้าที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าตอนเธอรื้อของข้างใน

“แต่น่าแปลกที่เจ้าของห้องมีผ้าเยอะแบบนี้”

มิรารีครุ่นคิดสงสัยถึงกองผ้าที่เจ้าของห้องนำมาแต่เธอก็ส่ายหน้าเบา ๆ เธอเดินตรงไปที่หน้าต่างที่มองออกไปข้างนอกที่แสงแดดกำลังสาดส่องเข้ามา

“เช้าวันใหม่...อีกหนึ่งวัน...”

 

มิรารีมองวิวที่อยู่สูงจากชั้นล่าง ๆ เธอได้มาอยู่โซนห้องพักที่อยู่ชั้นที่สามหลังจากตรวจสอบว่ามันมีห้องมากว่าชั้นที่หนึ่งยังมีชั้นสองถึงชั้นสี่ เธอเลยได้มานอนที่ชั้นสี่แล้วรู้สึกว่าชั้นหนึ่งกับชั้นสี่จะมีห้องหนึ่งที่แต่งสไตล์คล้าย ๆ กัน เธอยกมือขึ้นมาสิ่งที่ปกคลุมมือของเธอคือถึงมือหนังสีดำมันเงา เธอรู้สึกมีความสุขเมื่อวานเธอค้นหาของในห้องนี้ก็เจอถุงมือที่ใส่แล้วพลังของเธอไม่ทะลุออกมาแล้วแช่แข็งของรอบข้าง เมื่อคืนเธอเลยนอนทั้งที่มีถุงมือนั้นทำให้เธอสบายใจไปได้จุดหนึ่ง

 

“เอาล่ะ...งั้น...ไปอาบน้ำหน่อยดีกว่า...ตอนนี้คงละลายหมดแล้วมั้ง...แต่ก่อนหน้านั้น...”

 

มิรารียิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่ตัวเธอจะออกจากตรงนั้นแล้ววิ่งไปตามเส้นทางภายในตึก วันแรก ๆ เธอทดลองกระโดดและตีลังกาเลยทำให้เธอรู้สึกว่าร่างกายเบามาก ๆ จนเธอฝึกร่างกายมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ นั้นทำให้ทุกเช้าเธอมีความคิดที่จะวิ่งไปตามทางและตีลังกาลงมาจากบันไดชั้นสี่ไปชั้นสาม เป็นอะไรที่มิรารีไม่คิดว่าตัวเองจะทำเลยสักนิด เพราะตัวเธอไม่ใช่คนบ้าบิ่นแบบนี้ แต่ตอนนี้เธอยิ่งบ้ากว่าอะไรเธอกระโดดไปตามจุดต่าง ๆ จนกระทั่งหยุดลงที่หน้าทางเข้า เธอมีเหงื่อออกแต่มันกลายเป็นน้ำแข็งหยดเล็ก ๆ ตกลงพื้น มิรารีไม่คิดว่าการออกกำลังกายตอนเช้าทำให้ร่างกายเธอรู้สึกร้อนจากข้างใน แต่ว่าเธอจะร้อนได้ไงโดยที่ตัวเธอเย็นแบบนี้ช่างแปลกสุด ๆ แต่มิรารีคิดว่าข้างนอกร้อนมากกว่าทำให้เธอเหงื่อแตกแบบนี้

 

“ว้าววววววววววววววว~ วันนี้ขอเป็นวันที่ดีอีกวันทีเถอะ!!”

 

มิรารีตะโกนออกไปอย่างดังก้องจนนกที่อยู่ตามต้นไม้พากันบินหนีอย่างตกใจ มิรารีวิ่งกลับเข้าข้างในแล้ววิ่งกลับไปยังชั้นสี่เพื่อไปเอาเสื้อผ้าเพื่อไปอาบน้ำเสียหน่อยหลังจากเสียเหงื่อ แต่ทว่าก็มีสิ่งที่ทำให้มิรารีตะลึงไปชั่วขณะนั้นคือก้อนน้ำแข็งที่เธอทิ้งเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แต่มันยังมีสภาพที่เหมือนเดิมนั้นทำเอาเธอรู้สึกว่าเธอคงต้องไปหาน้ำอาบแน่ ๆ เธออุตส่าห์หาเจอตอนสี่ทุ่มตอนที่ปวดท้องมาก ๆ ตอนแรกยังไม่ได้หาห้องน้ำเลยจนเธอเกือบวิ่งออกข้างนอกตึกไปแล้ว แต่ว่าก็มาเจอป้ายที่บอกว่าเป็นห้องน้ำ นั้นทำให้มิรารีโล่งใจแล้วเขาไปปลดทุกข์ แต่สิ่งที่ตามมาคือน้ำไม่มีนั้นทำเอารู้สึกแย่มาก ๆ แต่ดีที่มีทิชชูแต่เธอก็ไม่ชอบอยู่ แต่เธอยังกดน้ำได้ แต่หลังกดมันก็ไม่มีน้ำขึ้นมาให้นั้นทำให้เธอรู้แล้วว่านั้นคือน้ำสุดท้ายของที่นี่ นั้นทำให้เธอคิดว่าซวยแล้ว

 

ย้อนกลับมาตอนนี้ เธอจะทำไงกับการที่จะไม่ได้อาบน้ำกันนั้น คิดแล้วคันตัวสุด ๆ แต่ว่าเธอจ้องมองน้ำแข็งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

 

‘ฉัน...สร้างได้...ฉันน่าจะละลายมันได้ใช่ไหม?’

มิรารีคิดก่อนที่เธอยกมือขึ้นมาพร้อมกับถอดถุงมือข้างขวาของเธอ มีอันเรียวยาวเล็กสีขาวเนียบกำลังยื่นไปข้างหน้าพร้อมกับสายตาที่กำลังเพ่งสมาธิไปที่น้ำแข็ง

‘ขอล่ะ...ขอให้ได้เถอะ...ละลาย!!’

 

มิรารีจ้องมองสมาธิไปที่ก้อนน้ำแข็งไม่นานมันก็เริ่มละลายลง มิรารีเห็นก็มีสีหน้าดีใจสุด เธอรอให้มันละลายลงถังที่เธอเตรียมเอาไว้ ตอนนี้เธอสามารถอาบน้ำได้สักทีถึงมันจะน่าจะเย็นน่าดูไม่นานหลังน้ำแข็งละลายเธอถอดเสื้อผ้าจนเผยร่างกายอันขาวซีดออกมา เธอจ้องมองร่างกายของตนเองที่ขาวไปหมดร่วมถึงจุดที่เธออาจจะไม่เห็น ร่างกายผอมบางเกินกว่าจะเป็นร่างกายของเธอจริง ๆ เธอขัดตัวเล็กน้อยด้วยสบู่และแชมพูที่เธอเจอในห้องต่าง ๆ ถึงจะไม่ใช่กลิ่นที่เธอชอบ แต่ก็ต้องใช้ไปก่อน

 

“สบายตัวจริง ๆ ดีนะที่มีพวกน้ำยาสระผมกับสบู่อาบน้ำด้วย ไม่งั้นคงได้อาบน้ำเปล่าอย่างเดียวแน่ ๆ”

มิรารีทำความสะอาดร่างกายอย่างสบายใจพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย

“ฮึมมม~ ฮืมมม~”

ร่างกายสีขาวไร้สิ่งเจือปนยิ่งทำความสะอาดมันก็กระจ่างใสกว่าเดิม เธออยากได้แป้งทามาก ๆ ยิ่งคนไทยแบบเธอจะขาดแป้งเย็นไม่ได้เลยจริง ๆ แต่ตอนนี้ตัวเธอเย็นดีแล้วยิ่งร่างกายไม่ต้องเช็ดมันก็แห้งจากการโดนแช่แข็งไปแล้ว

“อืม...คงต้อง...อาบน้ำร้อนแทนแล้วสินะ...ต้องต้มน้ำแล้วสินะ”

มิรารีกล่าวแบบนั้นก่อนจะหันไปหยิบผ้ามาเช็ดเล็กน้อย แต่พอจับผ้าก็แข็งทันทีนั้นทำเอาเธอลืมไปว่ามือไม่ได้ใส่ถุงมือเลย

“บ้าชิบ!!”

มิรารีหันไปหยิบถุงมือก่อนจะสวมใส่แล้วละลายผ้าที่โดนแช่แข็ง แต่พอละลายมันก็เปียกไปแล้วนี่สิ

“พอละลายแล้วผ้าเปียก...อืม...คงต้องจำเอาไว้...” 

มิรารีสวมเสื้อโดยที่ตัวเธอนั้นไม่เช็ดตัวสักหน่อย เธอหยิบเสื้อเชิ้ตขนาดใหญ่กับกางเกงขายาวสีดำ ดีที่เจ้าของห้องทิ้งเสื้อผ้าให้เธอเลยได้ใส่อะไรสบาย ๆ แบบนี้ แต่กลิ่นเจ้าของคนเก่าทำให้เธอสบายใจและหลงใหลในกลิ่นนี้มาก ๆ

“หอมจัง...อยากรู้จังว่าชายคนนี้เป็นคนยังไงนะ...?”

มิรารีนึกถึงชายรูปร่างใหญ่ที่มีกลิ่นอายน่าหลงใหล จนเธอนึกไปถึงบุคคลที่ไม่รู้จักกำลังสัมผัสใบหน้าของเธอจนเธอนั้นได้สติกลับมาแล้วส่ายหน้าทันที

“อ๊า!! เราเป็นบ้าอะไรเนี่ย! เผลอคิดอะไรบ้า ๆ กัน!”

การคิดถึงชายที่ไม่รู้จักเป็นอะไรที่เธอไม่เคยคิด แต่ตอนนี้เธอเผลอคิดไปแล้วและเกิดมีความรู้สึกที่เคยเห็นแต่ไม่เคยอยากเข้าไปเจอ เพราะเธอนั้นเป็นคนที่ไม่เคยสมหวังในความรักสักครั้ง เธอเลิกคิดทุกอย่างก่อนจะเตรียมตัวไปห้องอาหารเพื่อทานอะไรรองท้องดีกว่า

“เอาล่ะ...เมื่อวานก่อนก็...ทานไก่ย่างแล้ว...วันนี้เอาเป็นมื้อหนัก ๆ หน่อยละกัน”

 

มิรารีคิดเมนูสำหรับวันที่แปดตั้งแต่วันที่เธอฟื้นขึ้นมา ตลอดเจ็ดวันเธอได้รู้ว่าที่นี่นั้นเหมือนโรงเรียนสอนหนังสือที่ตั้งแต่สมุดเรียนและแหล่งข้อมูลในห้องสมุดอีกให้อ่าน แต่เธอรู้ว่าตอนนี้อาจจะผ่านมาหลายปียิ่งทำให้เธออยากรีบกลับบ้านไปหาครอบครัวมาก ๆ แต่เธอยังต้องการสำรวจภายในตึกนี้ว่าจะมีอุปกรณ์อะไรที่ช่วยเธอติดต่อคนภายนอกได้ไหม ระหว่างที่คิดได้นั้นเธอก็หยิบวัตถุดิบภายในตู้เย็นออกมาตั้งแต่ ไข่ ไส้กรอก ขนมปังที่ทำเอง และผักต่างๆ วันนี้เธอจะทำมื้ออาหารแบบคนอเมริกันชอบทาน

 

เสียงมีดกระทบกับเขียงดังเป็นจังหวะการหั่นไส้กรอกเป็นรูปปลาหมึกดูน่ารักสุด ๆ ถ้ามันได้บานออกเป็นรูปปลาหมึกจริง ๆ ตอนนี้ถึงเวลาขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์เธอตั้งหม้อและกระทะลงบนเตาไฟ ส่วนขนมปังเธอเอาใส่เครื่องปิ้งขนมปังอย่างไว หม้อน้ำตั้งไฟไม่นานนักก็เริ่มใส่ผักที่หั่นไว้ แล้วหันไปที่เตากระทะใส่ไส้กรอกและไข่ตอกลงไปเสียงฉ่าของกระทะกับวัตถุดิบช่างน่าฟังยิ่งกว่าอะไรและเสียงต้มน้ำน่าฟังยิ่งกว่าอะไร ไข่ที่กำลังโดนทอดอยู่นั้นกำลังเริ่มสุกได้ทีพร้อมกับไส้กรอกที่กำลังบานเป็นปลาหมึกน้อยหลายตัว

 

“น่ารักจัง คิก ๆ”

 

มิรารีใช้ตะหลิวพลิกไส้กรอกไปมาให้มันสุกอีกเล็กน้อยก่อนจะยกกระทะตักวัตถุดิบต่าง ๆ ลงในจานที่เตรียมไว้ เธอหันไปที่หม้อต้มที่เดือดเต็มทีก่อนจะปิดไฟและเอาผักที่ต้มเรียบร้อยแล้วใส่ตะแกรงสะเด็ดน้ำออกก่อนจะลงใส่จานแยก นอกจากผักต้มยังมีสลัดผักอีกในชามก็มีตั้งแต่ แครอท ผักสลัด กะหล่ำม่วง และอะไรที่เธอใส่ แต่ก็มีของที่เธอไม่ชอบที่เธอจะไม่ใส่เข้าไปเด็ดขาด เสียงติ๊กของเตาปิ้งดังขึ้นมิรารีก็เดินไปเอาขนมปังที่ปิ้งใส่จานเล็กก่อนจะกลับมาที่โต๊ะทานอาหาร

 

“เสร็จแล้ว!!”

มื้อเช้าอันเรียบง่ายก็เป็นอันเสร็จ เธอนั่งลงจุดที่เธอนั่งประจำสายตาที่จับจ้องมองจานอาหารของตนเอง เธอหยิบซอสที่จัดเตรียมไว้มาเทลงบนข้างจานก่อนจะเตรียมทานอาหารตรงหน้า

“ทานล่ะนะคะ”

มิรารียกส้อมจิ้มลงไส้กรอกชิ้นหนึ่งพร้อมกับจิ้มซอสที่ใส่ไว้ข้างจาน แล้วกัดเข้าไปคำหนึ่งจนชาติอันเปรี้ยวของซอสมะเขือเทศกับความเค็มและกลมกล่อมของไส้กรอกกระจายไปทั่วปากของเธอ

“อร่อยยยยย~”

พอได้ลิ้มรสชาติของเนื้อสัตว์และผักทำให้เธอหยุดการกินไม่ได้เลย ช่วงเวลาผ่านไปกับการกินนั้นเธอก็เริ่มมีความคิดใหม่ขึ้นมานั้นคือการสำรวจที่ไม่ได้ทำมาตั้งแต่วันแรก เพราะเอาแต่ออกกำลังกายอย่างเดียว

“อืมมมมมมม...ครั้งนี้เอาไงดีนะ...วันแรก ๆ ดูแค่ชั้น 1 กับ 2 ไป...ยังไม่ทั่วด้วยซ้ำ...คงต้องไปจุดอื่น ๆ ต่อแบบคร่าว ๆ ไปก่อน...”

มิรารีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเธอจะไปสำรวจที่ไหนต่อ ระหว่างที่จ้องมองอาหารตรงหน้านั้นเธอก็นึกถึงสิ่งที่อยากกินมากในตอนนี้ไม่ใช่แค่ขนมปัง เนื้อ ผัก เธอรู้สึกหงุดหงิดจนยกมือขึ้นมาขยี้ผมตนเองเบา ๆ

“อ๊ากกกกกกกก!! ทำไมที่นี่ไม่มีข้าวสารเลยนะ!! อยากกินข้าว ทำข้าวไข่เจียวก็ยังดี! หรือทำข้าวหน้าไข่หมูทอดสไตล์ญี่ปุ่นก็ยังดี! คนไทยแบบฉันต้องทานข้าวนะ!!”

 

คำบ่นโวยวายดังก้องไปทั้งห้องครัวครั้งแรกที่เธอตื่นก็นึกถึงอาหารเช้าที่มีข้าวเป็นจากหลัก แต่ค้นหาที่นี่ไม่เจอเลยสักอย่างทำให้คิดว่าที่นี่ไม่น่ามีคนไทยแบบเธอแน่ ๆ ถ้าเธออยู่ที่นี่แล้วมีเมล็ดข้าวเธอจะเอามาปลูกแน่ ๆ ถ้าจะติดอยู่ที่นี่สักระยะ แต่ก็ไม่มีเมล็ดข้าวเลยสักนิด มิรารีทานอาหารจนหมดก็เตรียมตัวไปล้างจานทุกอย่างที่อยู่ในนั้นแล้วทดลองกระทะที่เธอทำให้แข็ง ทำให้มันละลายแล้วก็จริงพวกมันละลายหมดอย่างง่ายดาย ทำให้รู้สึกประหลาดใจสุด ๆ พอทำให้เสร็จหมดแล้วเธอก็เตรียมตัวไปค้นหาอะไรเพิ่มเติม

 

“คงต้องหาอะไรเพิ่ม...แต่ข้อมูลส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในคอม...แต่ไม่มีไฟฟ้าเลยนี่สิ...คงต้องเป็นเอกสารไปก่อนละนะ...”

มิรารีเตรียมตัวออกจากห้องครัวเพื่อไปตามทางเส้นทางข้างหน้าแสงแดดสาดลงบนผิวกายสีขาวจนเกิดเป็นแสงระยิบระยับบนร่างกาย มิรารีรู้สึกชอบใจที่ร่างกายได้รับความอบอุ่น เพราะร่างกายของเธอมันเย็นเฉียบลงไม่สามารถสร้างความร้อนได้เลย

“เฮ้อ...อิจฉาคนธรรมดาจริง ๆ ไม่ต้องห่วงว่าร่างกายจะไม่อุ่น...เหมือนเรา...”

 

อีกด้านหนึ่ง ณ เกาะแห่งความหวังเงียบสงัดยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ผู้คนสัญจรห่างหายไปอย่างกับเมืองผีสิง แต่ทว่าตอนนี้ทุกคนแอบกันอยู่ภายในบ้านหรือสถานที่อันเย็นเพียงเพราะสถานการณ์ตอนนี้ไฟดับทั่วทั้งเมืองจากสถานที่ที่หนึ่งที่เป็นต้นเหตุทำให้ทุกอย่างดับไปหมดมาสองสามชั่วโมง แล้วต้นเหตุคือตึกอันสูงใหญ่ที่ทุกคนต่างมีความหวังกับสถานที่แห่งนั้น แล้วคนภายในนั้นกำลังว้าวุ่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่กำลังทดลองบางอย่าง

 

“พวกเจ้าบ้าหรือไง! ที่ทำอะไรไม่ป้องกันก่อนนะ!! รีบซ่อมซะ!! เดป! ติดต่อหน่วยการไฟฟ้าซะ!!”

“ครับ!!!”

เหล่านักวิทยาศาสตร์กำลังว้าวุ่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากการระเบิดทำให้ระบบทั้งเกาะพัง ห่างออกไปตรงนั้นไปที่ฐานบัญชาการในห้องพักส่วนร่วมผู้คนกำลังนั่งกันอย่างหนาแน่น เพราะกำลังพักกันหลังจากสองชั่วโมงที่แอร์ไม่มี บางคนกำลังทำสิ่งที่ทำอยู่โดยมีเหงื่อเต็มตัว บ้างก็กำลังทนความร้อนที่กำลังทรมานพวกเขาเช่นหญิงสาวกลุ่มนี้

“อ๊ายยยยยยยยย~ ร้อน! ทำไมกัน ทำไมต้องเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของปีด้วย!” เมียบ่นออกมาดัง ๆ เธอเอาพัดมาพัดตัวเองเพื่อให้หายร้อน

เพื่อนสาวอีกสามที่อยู่รวมตัวกันมองเมียที่บ่นจนน่ารำคาญ พวกเธอแต่ละคนใส่เสื้อหาน้อยชิ้นเนื่องจากความร้อนที่กำลังเล่นงานพวกเธออย่างรุนแรง ซาร่าได้ยินคำบ่นของเมียเธอก็บ่นเมียกลับ

“นึกว่าเธอร้อนคนเดียวเหรอ? เมีย ตอนนี้ทุกคนก็ร้อนหมดล่ะ ยิ่งไฟฟ้าดับมาสองถึงสามชั่วโมงล่ะ!”

“ก็ฉันร้อนอ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!” เมียยังตะโกนทำเอาคนอื่น ๆ หงุดหงิดเข้าไปอีก

“เลิกบ่นเลยเมียมันน่ารำคาญอ่ะ พวกฉันยิ่งร้อนกว่าอีกเธออยู่ข้าง ๆ ปล่อยพลังออกมานะ!! เธอยังจะบ่นอะไร!? เป็นมนุษย์ไฟไม่ใช่หรือ!?”

“มาเป็นฉันไหม! พีบี!! ฉันร้อนทั้งข้างในทั้งข้างนอก นึกว่าฉันเป็นไฟแล้วจะไม่รู้สึกอะไรหรือไง!! ฉันต้องการความเย็น!!” เมียยิ่งเขยิบเข้าหาพีบี

“อ๊ากกกกกกกกกกกกก! ออกไปเลยยัยบ้า ตัวก็ร้อนยังจะเข้ามาใกล้ฉันอีก!!” พีบีรีบดันเมียออกจากตัวเธอทันที

สาว ๆ ต่างถกเถียงกันจนน่ารำคาญสำหรับบางคนที่กำลังควบคุมอารมณ์ที่กำลังโดนเล่นกับความร้อน ซาร่าจ้องมองทั้งสองคนที่ทะเลาะกันก่อนที่จะปรับสภาพร่างกายของเธอให้เป็นต้นไม้ในเขตร้อน จนอเล็กซ์ที่อยู่ข้าง ๆ แอบแซวอีกฝ่ายที่กำลังปรับสภาพร่างกายของเธออยู่

“อิจฉาซาร่าแฮะ...ที่ไม่ต้องห่วงเรื่องความร้อนนะ”

“อิจฉาทำไมกัน? อเล็กซ์ อย่าอิจฉากันเลย...ฉันต้องปรับสภาพร่างกายของฉันมันก็ลำบากนะ...”

“เหรอ...โทษที...”

“อืม แต่ฉันฝึกมาตั้งหลายปีกว่าจะทำได้น่านะ”

“ก็ถือว่าเก่งนะ ไม่เหมือนฉัน…” อเล็กซ์ปลดรองเท้าของเธอร่างกายของเธอก็ลอยขึ้นจนชนกับเพดานข้างบน “ทำได้แค่ลอยตัวน่านะ...เพราะแรงโน้มถ้วนน่านะ”

“ฉันก็ถือว่าพลังเธอก็เจ๋งไปอีกอย่างนะ อเล็กซ์”

ซาร่ากล่าวพร้อมกับโยนเชือกให้อีกฝ่ายก่อนที่เจ้าตัวจะจับเชือกแล้วดึงตัวเองลงมาจนมานั่งกับเก้าอี้แล้วสวมรองเท้าเข้าที่เดิม

“งั้นเหรอ...แต่ว่า...ตอนนี้ฉันอยากไปเที่ยวแช่แอร์ฉ่ำ ๆ เลยนะ...”

“ทำไงได้...ตอนนี้ไฟดับทั้งเกาะ...คงต้องรอยาว ๆ ล่ะ”

“คงสักพักใหญ่ ได้ยินว่าช่างไฟกำลังไปซ่อมไฟฟ้าที่ชั้นใต้ดินอยู่นะ”

“อยากให้ไฟกลับมาไวจริง ๆ อยากจะนอนแช่แอร์เย็น ๆ ตอนนี้จะตายอยู่แล้ว!”

อเล็กซ์มองเมียที่พูดแบบนั้นจนเธอนึกคำที่อีกฝ่ายกับเธอพูด “ทำไม...ไม่มีเมต้าคนไหนสร้างหิมะหรือน้ำแข็งได้เลยเหรอ?”

“เอ๋?”

สาว ๆ ได้ยินแบบนั้นก็แอบคิดเหมือนกัน พวกเขาหลายสิบคนแต่ไม่มีใครที่มีพลังนั้นเลยสักคนจนน่าประหลาดใจจริง ๆ

“จริงด้วยนะ ไม่มีใครมีพลังหิมะเลยสักคนเลยนะ”

“พออเล็กซ์พูดแบบนี้มันช่างน่าแปลกใจจังเลยนะ”

“ไม่น่าแปลกหรอก!” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมา

สี่สาวต่างหันไปมองเจ้าของต้นเสียงที่เอ่ยขึ้นแล้วคนนั้นคือหญิงสาวตัวเล็กที่ทุกคนต่างให้ความเคารพเธอ

“เอวา!”

เอวาเดินมาหาสี่สาวด้วยสภาพเสื้อผ้าน้อยชิ้นเช่นเสื้อกล้ามโชว์เอวกับกระโปรงสั้นเลยหัวเข่าของเธอ ทำเอาบางคนที่เป็นโลลิค่อนคงมองตาเป็นมันไปแล้ว

“พวกเธอเอาแต่บ่นโดยไม่คิดเลยนะว่าเราก็มีเมต้าสายน้ำแข็งอยู่นะ”

“ใครเหรอ!!”

“มีด้วยเหรอ?”

“ถ้ามีพามาเลยสิ!!”

“คนที่โดนแช่แข็งอยู่ตอนนี้ไง!”

ทั้งห้องพักส่วนรวมถึงกับเงียบสงัดเมื่อแอนนาพูดแบบนั้นการพูดถึงการโดนแช่แข็งทำให้ทุกคนนั้นรู้ว่าใครกันที่เอวาพูดถึง เอวาไม่สนใจว่าทุกคนจะมองอย่างใดก่อนจะมองสาว ๆ ทั้งสี่คน พวกเธอลืมไปว่าใครกันที่เป็นเมต้าสายน้ำแข็ง

“พวกเรา...”

“ลืมไป...”

“ฉันไม่ว่าถ้าพวกเธอจะพูดอะไร...แต่ถ้าคนข้างบนได้ยินขึ้น...อาจจะโดนมองแรงทั้งวันแน่...”

“จริง...หมอนั้นยิ่ง...”

“ช่วงนี้หมอนั้นหาโอกาสไปที่นั่นอยู่นี่น่า...”

“ใช่...เพราะเราทิ้งเธอไว้ที่นั่น...”

“มิรารี...ผู้น่าสงสาร...” ซาร่ากล่าวออกมา “เธอไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้...เราจะละลายเธอออกมาแล้วก็ตามที...แต่น้ำแข็งพวกนั้น...ก็จะแช่แข็งเธอเหมือนกำลังปกป้องเธอ...”

“จริง...เฮ้อ...ผ่านมาหลายปีแบบนี้แล้ว...โลกกำลังสงบสุข...จนอยากให้เธอ...ฟื้นขึ้นมา...”

“เธอตื่นขึ้น...คงมีเรื่องให้เธอปวดหัวอีกเยอะ”

“ใช่!”

ทั้งสี่สาวต่างกล่าวตอบอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเอวา โดยที่พวกเธอไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้พวกเธออาจจะจ้องมีความวุ่นวายอีกมากหลังจากที่ได้รับรู้ว่าอีกไม่ช้าพวกเธอกำลังเจอกับอะไร

 

เกาะปริศนา ข้างในซากตึกปรับหักพัง ตึกที่ 1

 

วันแรกของการสำรวจหลังจากพักร่างกายมาตลอดทั้งสัปดาห์ถึงเวลาที่เธอจะตรวจสอบดึกต่าง ๆ ที่อยู่เกาะกลุ่มกัน วันนี้เธอกลับมาอยู่ตึกที่เธออาศัยอยู่ตรงนี้ เธอหยิบแผนผังที่ตัวเองเขียนไว้ตั้งแต่ตึกแรกตั้งแต่ชั้นแรกจนถึงชั้นที่เธออยู่ เธอเตรียมจะไปเขียนแผนผังที่ชั้นสามกับสี่ต่อ เธอกระโดดขึ้นไปที่เสาที่พังแล้วพิงอยู่ชั้นที่สอง เธอก้าวเดินไปอย่างไม่คิดอะไรจนมาถึงชั้นสอง ทุกจุดที่เธอสำรวจชั้นล่างเหมือนประชาสัมพันธ์ ลึกเข้าไปเป็นโรงอาหาร ห้องนอนจนกระทั่งมีห้องเรียนที่เธอเห็น นั้นทำให้เธอคิดว่าตึกที่เธออยู่อาจจะเป็นโรงเรียนก็ได้ ระหว่างที่เธอกำลังเดินไปตามทางนั้นลมบางอย่างก็พัดใส่เธอจนเธอรู้สึกคันจมูกจนกระทั่งเธอจามออกมา

 

“ฮัดชิ้ว!”

มิรารีขยี้จมูกของตัวเองอย่างคันๆ เธอรู้สึกคันจมูกไปหมด

“ใครนินทาเราหรือเปล่าเนี่ย?”

เธอรู้สึกคันจมูกมาก ๆ ไม่คิดว่าจะมีลมหนาวพักเข้ามาใส่เธอแบบนี้ แต่ลมมาจากไหนกันจนเธอไม่ใส่ใจเท่าไหร่ก่อนจะวนรอบตึกที่อยู่จนเสร็จเธอนั่งลงที่ใจกลางชั้นสี่

“เสร็จสักที...”

 

มิรารีจ้องมองกระดาษตรงหน้าของตัวเองที่มีแต่ลายมือที่อ่านไม่ค่อยออกแต่เธอเข้าใจเพราะจำได้ว่ามันคืออะไรมั้ง แต่เธอคงต้องไปเขียนใหม่ เธอจ้องมองภาพที่เป็นโซนห้องพัก เธอสงสัยว่าใครที่อยู่ที่นี่คงจะว้าวุ่นตอนนี้กัน เพราะบางห้องเธอไม่ได้เข้าไปยุ่งจนมันรกเหมือนเดิม เธอถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นออกจากตรงนั้น แล้วเท้าของเธอก็เหยียบบางอย่างทำให้รองเท้าของเธอนู้นขึ้นมา

 

“อะไรนะ?”

มิรารีก้มมองก่อนจะย่อตัวลงไปหยิบขึ้นมา มันเป็นกระดาษที่ถูกพับกันหนา ๆ จนน่าสงสัยเธอลองเปิดมันออกมาก็เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด

“นี่มัน..แผนผัง...ตึกนี้?”

กระดาษถูกกางลงบนพื้นก็ได้เห็นว่ากระดาษนี้ถูกเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับชั้น ๆ ว่ามีอะไร แล้วเธอก็มองไปที่ชั้นหนึ่งที่เธอไม่คาดคิดว่ามันจะเขียนอะไรไว้

“ชั้นหนึ่ง...ยังไม่ถึงครึ่งที่เราวาดเลยนะ...หรือว่าชั้นหนึ่ง...ยังมีทางลับซ่อนอยู่งั้นเหรอ?”

 

จบตอนที่ 5 โปรดติดตามตอนที่ 6 ต่อไป