อะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!

ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด - บทที่ 1 บทนำ โดย ยักษาบรรพกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ไทย,จีน,กำลังภายใน,ดราม่า,แอ็คชั่น,แอ็คชั่น ,พระเอกเทพ,ฮาเร็ม,ระบบ,ระบบผู้ช่วย,ตลก,ผจญภัย,เจ้าสำนัก,หลายโลก,เกิดใหม่,เกิดใหม่ ,พระเอกเก่ง,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ไทย,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

กำลังภายใน,ดราม่า,แอ็คชั่น,แอ็คชั่น ,พระเอกเทพ,ฮาเร็ม,ระบบ,ระบบผู้ช่วย,ตลก,ผจญภัย,เจ้าสำนัก,หลายโลก,เกิดใหม่,เกิดใหม่ ,พระเอกเก่ง,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด โดย ยักษาบรรพกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!

ผู้แต่ง

ยักษาบรรพกาล

เรื่องย่อ

สนใจดูนิยายเสียง + Animation + Soundtrack + SFX ดูได้ 2 ช่องทาง:

YouTube: YAKSAHBANPHAKHAN STUDIO

Fanpage Facebook: ยักษาบรรพกาล สตูดิโอ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พล็อตเรื่อง การต่อสู้เพื่อให้ไปสู่จุดสุงสุด ไม่ นั่นมันแค่ทางผ่าน แล้วการแสวงหาความเข้าใจในมนุษย์ล่ะ นั่นก็เป็นสิ่งที่ระบบตัวติดหนึบมันวางไว้ให้เขาเช่นกัน ส่วนความจริงนั้นเป็นอะไรรึ ฮ่าฮ่า เรื่องพวกนั้นเจ้าคงต้องดูชีวประวัติของข้าจากปกรณัมเอากระมัง

นพเก้า หรืออีกชื่อที่ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญหาย 1 ใน 3 ตัวตนแห่งหายนะ “มหาบาป จูเรน” จอมทรราชผู้กบฏสวรรค์ สิ่งมีชีวิต 2 ใน 10 ส่วน หรือหลายพันล้านชีวิตจากสวรรค์ชั้นที่ 1 ล้วนตกตายด้วยน้ำมือของเขา ไม่เพียงเท่านั้น การฝ่าฝืนกฏเกณฑ์แห่งสวรรค์ สังหารลูกหลานเหล่าทวยเทพ นั่นจึงทำให้เขาถูกตามล่าโดยเต๋าสวรรค์ 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์สวรรค์ชั้นที่ 1 “ท้าวเวสสุวรรณ” แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเขาแต่อย่างใด ด้วยเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์จากพันธะสัญญาแห่งความแค้น ทำให้เขาปลุก 4 ใน 7 บัญญัติจากบรรพกาล เหล่าร่างสถิตยักษาผู้สร้างกลียุคในยุคสมัยต่างๆ ถึง 4 ตน ด้วยบัญญัติ 4 ประการ ทำให้เขาพิชิตใต้หล้าไปถึง 1 ใน 18 ของทวีปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการโดนกลืนกินจิตใจเช่นกัน

แต่แล้วก็ถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ถูกคนที่ไว้ใจทรยศหักหลัง ไม่อาจปกป้องศิษย์ผู้เป็นที่รักได้ พระเจ้าจึงมอบโอกาศให้ย้อนเวลาไปแก้แค้น นพเก้าครุ่นคิด นั่นเป็นพล็อตเกิดใหม่ตามปกติใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ดี

แต่แล้วทำไมกัน! ทำไมถึงมีแต่โลกมนุษย์ที่ย้อนเวลากลับมา บางคนที่ตายไปแล้วก็หวนคืนกลับมาพร้อมความทรงจำเดิม แม้แต่โชคชะตาบางคนก็เปลี่ยนไป บุตรแห่งสวรรค์ที่แต่ละยุคสมัยจะถือกำเนิดขึ้นในบางครั้งกลับผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด พระเจ้าช่างเล่นตลก แต่เดี๋ยวก่อน ข้าเองก็มีระบบเช่นกัน แล้วก็เป็นความผิดของมันด้วย

[ติ๊ง โฮสต์โปรดอย่าลืมภารกิจหลัก หากเจ้าทำไม่ได้ข้าก็มีสิทธิ์เลือกคนใหม่เช่นกัน]

ช้าก่อน! เฮ้อ นพเก้ารู้สึกว่าชีวิตเขารันทดเป็นอย่างมาก ต่อให้มีทรัพยากรสนับสนุนมากแค่ไหนก็ตามที เดิมทีการตามหาบุตรแห่งสวรรค์ในโลกมนาย์ก็ยากเต็มที แต่ด้วยความสามารถของหน้าจอ (ระบบ) เวรนี่ ทำให้เขาต้องข้ามเวลาไปแต่ละบรรพกาลด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่ามันน่าตลกหรือไม่ที่ข้าต้องเดินทางไปทวีปแห่งดาบและเวทย์มนตร์เพื่อไปเชิญผู้ใช้มานามาฝึกพลังปราณฟ้าดิน นั่นยังไม่รวมไปถึงจิตวิญญาณ ออร่า ฟรอซ และผู้ใช้อนิกม่าที่กำเนิดมาก่อนหมดยุคสมัย จนทำให้ถูกทุกขุมกำลังตามล่าเพราะทำให้กลียุควันสิ้นโลกเกิดขึ้นมาก่อนกำหนด

[ติ๊ง ประตูกาลเวลาพร้อมแล้ว โปรดเตรียมตัวเข้าสู่บรรพกาลที่ 2]

อะไร! นพเก้านิ่งงัน ครั้งนี้เขาคงไม่ต้องไปแย่งชิงตัวเหล่าผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญเพื่อไปปราบจอมมารอีกครั้งใช่หรือไม่

หรือไปโผล่ที่อโยธยาด้วยร่างกายสามัญแล้วต้องกลายเป็นกระสอบทรายให้นักมวยทุบตี

หรือกระทั่งไปสิงห์ร่างนักโทษแหกคุกแล้วกลายเป็นโจรสลัดถึง 2 ทศวรรษ และจบลงด้วยการเป็นแกนนำปฏิวัติทำลายระบอบการปกครองกษัตริย์ของทวีปยุโรปยุคกลางได้สำเร็จ

เฮ้อ ชีวิตล้วนไม่อาจคาดเดา เขามีแต่ต้องพยายามต่อไปเพื่อไขความลับของจักรวาลก่อนที่พวกมันจะซ้อนทับกัน และแน่นอน เขาสาบานว่าจะต้องไปตบหัวล้านของเจ้า “นนทก” บัดซบนั่นให้ได้ นอกจากเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์มันจะใช้งานสะดวกแล้ว ยังต้องมีการจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล ย้อนเวลาไปแก้ปมในจิตใจของจิตวิญญาณยักษาผู้เป็นตัวแทนของบาป 7 ประการ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในอดีตพวกมันก่อกรรมอะไรไว้บ้าง

[ติ๊ง โฮสต์โปรดอย่าท้อแท้ ในฐานะจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ มันคงไม่มีใครเลวร้ายไปกว่าเจ้า]

...

บัดซบ! นพเก้าเมินระบบแล้วก้าวเดินต่อไป

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ระดับพลัง

ดินแดนมนุษย์ (มี 7 ขอบเขตใหญ่)

1.หลอมศิลา ขั้นที่ 1-9 

2.ขัดเกลาศิลา

3.จิตรู้แจ้ง

4.ก่อลักษณ์

5.ราชันยุทธ์

6.จักรพรรดิยุทธ์

7.จ้าวสวรรค์

ดินแดนเซียน สวรรค์ชั้นที่ 1 (ยังไม่เปิดเผย)

1.เทพศักดิ์สิทธิ์

2.???

สารบัญ

ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 1 บทนำ,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 2 เคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 3 กลับบ้าน,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 4 นพเก้า ปะทะ หวงอี้เฟย,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 5 กายาสวรรค์ จุติจักรพรรดิในก้าวเดียว,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 6 อัจฉริยะในรอบพันปี,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 7 อันตัวข้าผู้สืบทอดเป็นคนใจกว้าง,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 8 เทศกาลสวมหมวกเขียว,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 9 เจ้าอยากยกเลิกการหมั้นหมาย โอเคได้เลย,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 10 พบบุตรแห่งโชคชะตา,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 11 จิตใจของข้าแตกสลายเป็นล้านๆชิ้น,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 12 ความลับตระกูลหวง,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 13 พบเจอกายาอมตะ,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 14 บุกรังจักรพรรดิปักษาพิรุณ,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 15 ครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์กับเทพศักดิ์สิทธิ์,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 16 สร้างประตูมิติ,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 17 ฝากคำทักทายเจ้าเมือง,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 18 สอบปรุงยาระดับ 1 ดาว,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 19 ใครบอกกันว่าข้าจะสอบปรุงยาระดับ 1 ดาว,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 20 การปรากฏขึ้นของโอสถระดับตำนาน,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 21 ความเย่อหยิ่ง ปะทะ ความจองหอง

เนื้อหา

บทที่ 1 บทนำ

ช่องนิยายเสียง + อนิเมชั่น + Soundtrack + SFX https://youtu.be/Lu2JM66RUUU?si=8G3u8Cy1vl-MhQxI

ขณะนี้สนามรบโลหิตปะทุพลังปราณวิญญาณไปไม่ต่ำกว่า 10,000 กิโลเมตร ท้องฟ้าแดงฉาน เกิดมรสุมทั่วทุกพื้นที่ ภัยพิบัติทุกรูปแบบ ทัณฑ์สวรรค์ แผ่นดินแตกแยก ภูเขาไฟปะทุ เสียงการต่อสู้ดังกึกก้องไม่ขาดสาย

เมื่อมองดูเป็นการกลุ้มรุมฝ่ายเดียว ท่ามกลางจอมยุทธ์นับหมื่นบน ท้องฟ้า มีบุรุษวัยกลางคนสวมหน้ากากปากของยักษ์แยกเขี้ยว ประดับด้วยเขี้ยวแหลมสีเงินยืดขึ้นจากกรามล่างลักษณะคล้ายออร์ค เขาสวมชุดเกราะศึกสีเขียว ด้านหน้าประดับด้วยอัญมณีหลอมรวมเป็นศิลปะวิจิตรตระการตารูปยักษา มือทั้งสองกำด้วยขวานสองมือที่มีใบใหญ่กว่า 3 เมตร กำลังฟาดฟันกับศัตรูนับสิบ

การฟันแต่ละครั้งควบแน่นไปด้วยจิตแห่งสงคราม ทุกการโจมตีแฝงไปด้วยโทสะและการเผาไหม้ที่ร้อนระอุดั่งดวงอาทิตย์

“ตายซะ”

สิ้นเสียงคำรามของบุรุษ ขวานเหวี่ยงฟันศัตรูมากกว่า 10 คนตรงหน้า ด้วยแรงกดทับของเคล็ดวิชา รวมถึงอำนาจของศาสตราวุธ ศัตรูถูกสะกดข่มอย่างสมบูรณ์ ไม่มีอำนาจต่อต้านแม่แต่น้อย

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

มนุษย์ขาดเป็น 2 ท่อนจากแนวขวาง ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องเจ็บปวด ร่างกายก็ถูกเผาไหม้ในเสี้ยววินาที ดวงวิญญาณถูกเผาไหม้ไม่อาจเกิดใหม่ได้อีก เป็นการลงมือที่โหดเหี้ยมอย่างแท้จริง

“เดรัจฉาน หยุดการกระทำของเจ้าซะ”

สิ้นเสียงของชายชราเกิดแรงดันวิญญาณกดทับจากทุกสารทิศ จากนั้นเกิดระลอกคลื่นปัดเป่า แผ่รัศมีออกไป 10 กิโลเมตร เปิดฟ้าเหนือศีรษะของบุรุษที่ถูกปิดล้อม เผยให้เห็นเงาของดาบยักษ์มหึมาเปร่งรัศมีของการสะกดข่ม จิตสังหารสีดำที่ก่อเกิดเป็นรูปร่างของวิญญาณอาฆาตอบอวลรอบตัวดาบ

ตูมม!!

ชั่วพริบตาจากจุดศูนย์กลางการโจมตี เกิดลำแสงสว่างวาบไปทั่วทุกทิศทาง ตามด้วยระเบิดลูกเห็ด การลงมือครั้งนี้เรียกได้ว่าไม่สนพวกพ้อง ส่งผู้ฝึกยุทธ์นับพันสลายเป็นผุยผงจากลูกหลง

หลังผ่านไป 10 ชั่วอึดใจ ควันฝุ่นจากแรงระเบิดค่อยลดลง ผู้ที่โชคดีอยู่รอบนอกได้แต่สังเกตุ ไม่กล้าเข้าใกล้

“สำเร็จไหม?”

“บัดซบ เหตุใดเจ้าถึงพูดประโยคนี้”

สหายด้านข้างอดที่จะตำหนิไม่ได้ ไม่รู้หรือนั่นเป็นประโยคทองนำมาซึ่งลางร้าย

“เจ้ายังต้องถามอีกหรือ ผู้เบิกฟ้าลงมือด้วยตัวเอง เจ้าเดรัจฉานนั่นจบสิ้นแล้ว”

น้ำเสียงอีกคนที่พูดมีอารมณ์แฝงด้วยความเคารพและเกรงกลัว

ฟรึบ!!

มีร่างหนึ่งเคลื่อนย้ายพริบตามาสู่สมรภูมิรบ เป็นชายชราสวมชุดนักพรตเปร่งอำนาจและบารมีของเซียนผู้สูงศักดิ์ ตามด้วยสามร่างติดตามด้านหลัง สายตาเพ่งมองไปที่จุดสีดำท่ามกลางฝุ่นควัน

ชายชราไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพียงใช้มือขวาโบกเบาๆ เรียกลมไล่ฝุ่นควันทั้งหมดในพริบตา

ภาพตรงหน้าปรากฏเป็นบุรุษร่างโชกเลือด สวมชุดเกราะขาดรุ่งริ่งลอยอยู่กลางอากาศ อาวุธในมือหายไป คาดว่าหายไปจากการต้านการโจมตีปลิดชีพเมื่อสักครู่

“อ- อัก”

บุรุษกระอักเลือดออกมา รู้สึกถึงรสหวานปนขมในลำคอ พรางจ้องเขม็งไปที่กลุ่มคณะผู้โจมตี

“จูเรน ถ้าเจ้ายอมจำนนต่อข้าแล้วส่งสมบัติสวรรค์มาข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

เจ้าเบิกฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงคุกคาม จ้องมองจี้ห้อยคอของอีกฝ่ายโดยไม่ปิดบังสายตาหิวกระหาย

“ไอ้แก่บัดซบ ต่อให้ข้าตายก็จะลากพวกเจ้าไปด้วยทั้งหมด”

จูเรนคำรามด้วยความเดือดดาล เขารู้สึกถึงความอยุติธรรม เป็นพวกมันทั้งหมดที่ใส่ความ และฉวยโอกาสตอนเขากำลังทะลวงเขตแดนจ้าวสวรรค์ อีกก้าวเดียวเขาก็จะสำเร็จ ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะยกกองกำลังมาทำลายตำหนักราชัน รวมถึงสังหารสาวก

‘ถ้าหากข้ารู้สึกตัวสักนิด โศกนาฏกรรมครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้น’

เสียดายที่โลกนี้ไม่มีคำว่าถ้าหาก ถูกมือขวาทรยศหักหลังนิกาย ถึงแม้สังหารฝ่ายหลังไปแล้วก็ยังไม่อาจระบายความโกรธที่สุมในอกได้

ตู้ม!!!

โดยไม่คาดคิด สิ้นเสียงระเบิด บุรุษหนุ่มพุ่งเข้าไปหาศัตรูหมายปลิดชีพให้ตกตายไปตามๆกัน เผาไหม้แกนแท้แห่งชีวิตเพื่อเพิ่มศักยภาพสูงสุดในชั่วพริบตา ผิวภายนอกเกิดเป็นสีแดง เส้นเลือดทั้งตัวปูดโปนสีดำออกมาทำให้ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก

“เฮอะ ช่างเป็นมดปลวกที่ยโสโอหัง”

ผู้ติดตามของผู้เบิกฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก กำลังเข้าไปจัดการกับมดปลวกตรงหน้า แต่ผู้นำข้างหน้าโบกฝ่ามือขวางไว้

เจ้าเบิกฟ้ามองดูด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ราวกับการคุกคามตรงหน้าไม่มีอะไรสลักสำคัญ

“เปิดใช้ผนึกระดับแปด!”

หลังออกคำสั่ง ผู้ติดตามทั้งสามคนหยิบแผ่นยันต์ระดับสูงออกมาฉีกออกกลางอากาศ แล้วร่ายคาถาด้วยภาษาโบราณ ปรากฏอักขระกลางฝ่ามือสร้างเป็นลูกบอลอักขระแล้วส่งออกไปตรงหน้า

ด้วยความรวดเร็วอักขระก็หายไป แล้วปรากฏกิเลนสีทองสี่ตัวที่พันด้วยโซ่ตรวนพุ่งเข้าใส่จูเรนด้วยความเร็วแสง

จูเรนต้องการหลบแต่ไม่ทันกาล,ไม่ทันการณ์มังกรทั้งสี่หมุนข้ามศีรษะแล้วใช้โซ่รัดพันจนเขาเป็นดักแด้แล้วส่งระลอกสายฟ้าเข้าไปเพื่อสะกดข่ม

อ๊ากกก!!

เกิดเสียงซ่าจากการช๊อตขึ้น เกิดแผลไหม้เกรียมทั่วทั้งร่างกายพร้อมกลิ่นเหม็นไหม้ จูเรนรู้สึกสายตาพร่ามัว เขาใกล้ตายเต็มที แต่ฝืนยื้อไว้ได้เพราะความกระหายที่จะแก้แค้น

“ท่านผู้นำ มันจะไม่เป็นการเสียของเกินไปหรือ ถึงกับนำยันต์วิญญาณระดับแปดมาใช้”

รองผู้นำร่างเตี้ยบ่นขึ้นมา ก่อนหน้านี้ไม่มีใครสังเกตเห็นอันเนื่องมาจากการฝึกปรือวิชาลึกลับทำให้เขาเข้าสู่สภาวะหลอมรวมกับธรรมชาติ

“หากข้าจับมันได้ง่ายปานนั้น ข้าจะใช้สิ่งนี้ไปทำไม”

เจ้าเบิกฟ้าถลึงตา เมื่อมองดูเหยื่อตรงหน้าในสายตาของเขาแฝงด้วยอารมณ์เสียดายและอิจฉาลึกๆ เสียดายที่อีกฝ่ายเป็นศัตรูหากนำมาเป็นผู้ใต้อานัติได้ การพิชิตดินแดนเป่ยโจ่วคงย่นระยะเวลาพิชิตขึ้นนับร้อยปี

เพื่อให้ได้มาซึ่งวิชาลับของอีกฝ่าย จึงส่งกองกำลังตามล่าไปทั่วสารทิศ น่าเสียดายที่กองกำลังที่ส่งไปไม่ได้กลับมารายงานสถานการณ์ กับตรงกันข้าม ทำให้ฝ่ายหลังแข็งแกร่งขึ้นอีก สิ่งนี้คือความน่ากลัวของอัจฉริยะ ใช้เวลาเพียงร้อยปีบรรลุถึงเขตแดนครึ่งขั้นเขตแดนจ้าวสวรรค์ สร้างความโกลาหลไปทั่วดินแดน

จ้าวเบิกฟ้ามองไปที่จี้ห้อยคอของจูเรนอีกครั้ง สิ่งนี้น่าจะมีความลับซ่อนอยู่เนื่องจากสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจตรวจสอบปฏิกิริยาใดๆ ได้

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้จูเรนยังคงไม่ยอมแพ้ พยายามโคจรพลังปราณแต่ถูกสะกดด้วยสายฟ้าของโซ่ตรวน สลายพลังปราณทั้งหมดที่โคจร

“หึหึ ดูท่าเจ้าคงไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ศาสตร์ลับทั้งหมดเป็นของข้าแล้ว”

จ้าวเบิกฟ้ามองภาพตรงหน้าด้วยความเบิกบานใจ

“ความคิดเจ้าตื้นเขินเกินไป เจ้าอย่าได้คิดว่าจะได้อะไรไปจากข้าง่ายๆ”

จูเรนพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันอย่างแหบพร่า

“ข้ายอมทำลายทุกสิ่งดีกว่าตกไปอยู่ในมือผู้อื่น”

สิ้นเสียงตะโกน เขาโคจรพลังด้วยความเร็วมากกว่าเดิมโดยไม่สนพันธนาการ

“พอได้แล้ว ต่อให้เจ้าโคจรพลังปราณอีกกี่ครั้งผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม”

จ้าวเบิกฟ้าพูดด้วยความหน่ายใจกับคนบ้าตรงหน้า

“ฮ่า เป็นงั้นจริงรึ”

ก่อนที่จะพูดจบ จูเรนระเบิดพลังอีกระลอกหนึ่ง แต่แตกต่างจากรอบที่แล้ว โดยพลังมีแสงศักดิ์สิทธิ์โคจรอย่างบ้าคลั่ง

“เป็นไปได้อย่างไร!!”

จ้าวเบิกฟ้าตกตะลึง ต้องการหยุดการกระทำตรงหน้าแต่ดันสายเกินไป เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์มีพลังของเผ่าพันธุ์เทพอยู่ในตัว ต้องรู้ก่อนว่าการกลืนกินสายเลือดเทพเจ้าถือเป็นการขัดเจตจำนงต์ของสวรรค์ จะถูกเต๋าสวรรค์ตามล่า

“มันสายเกินไปแล้ว”

เมื่อเห็นสีหน้าของคณะสารเลวนี้ อารมณ์ด้านลบของจูเรนรู้สึกลดลงไปเล็กน้อย

ครืน~ ครืน~ 

บรรยากาศในสุสานโลหิตเปลี่ยนไป ท้องฟ้าปรากฏเมฆครึ้ม เกิดวังวนพายุก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า

“ไอ้บ้า!!”

ไม่คาดคิดบุรุษตรงหน้าดึงดูดเต๋าสวรรค์ใส่ตัวเอง เพื่อให้ทัณฑ์สวรรค์คร่าชีวิตทุกคนตกตายไปตามกัน

“เวรเอ๊ย เราทุกคนจะตายกันหมด”

“หนะ หนีเร็วเข้า”

ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลในหมู่ฝูงชน พวกผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านนอกมีจำนวนมหาศาลต่างเร่งรีบออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่ถูกบาเรียปิดล้อมกั้นไว้

นี่คือความน่าเกรงกลัวของเต๋าสวรรค์สังหารทุกสรรพชีวิตแม้ว่าไม่เกี่ยวข้อง หากอยู่ในรัศมี 100 กิโลเมตรมีแต่ตกตายตามกัน หากใครทำให้เต๋าสวรรค์ขุ่นเคือง ผู้ที่โดนลูกหลงทำได้เพียงสาปแช่งบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของผู้สร้างหายนะเท่านั้น

ฟิ้ง!! เปรี้ยง!!

แรงกดดันมหาศาลส่งผลให้ทุกคนหายใจติดขัด สิ้นแสงสว่างวาบบนท้องฟ้า ตรงจุดกึ่งกลางของภัยพิบัติ รัศมี 100 กิโลเมตร เกิดหลุมทรงกลมยุบลงไปในพื้นดิน มองไม่เห็นก้นบึ้งเหมือนกับโดนบางสิ่งเขมือบไปชั่วพริบตา พื้นที่ทั้งหมดของสนามรบโลหิตหายไปสองในสิบส่วน

หากบอกว่าการโจมตีของจ้าวเบิกฟ้าเหมือนกับการภัยพิบัติธรรมชาติ การลงมือของเต๋าสวรรค์ก็เหมือนกับภัยพิบัติวันสิ้นโลก

ภายนอกรัศมี 100 กิโลเมตรฝูงชนในสนามรบโบราณเงียบสนิท ก่อนที่รู้สึกตัว เมื่อมองดูเมฆบนฟ้าหายไป ผู้ที่ละโมบก็ตรงดิ่งไปจุดศูนย์กลางภัยพิบัติอีกครั้ง หวังว่ามีสมบัติเกิดขึ้นหลังภัยพิบัติ

มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้บางคนต่อหน้าความตายก็ไม่สำนึกเสียใจทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความโลภ

เมื่อมีคนหนึ่งไป คนที่เหลือที่เริ่มรู้สึกตัวก็ไปตามๆ กัน เมื่อลงไปสำรวจตรงจุดศูนย์กลางภัยพิบัติปรากฏจี้หยกชิ้นนึงที่แฝงไปด้วยเจตจำนงของกฎแห่งสายฟ้าก่อนที่จะสลายหายไปในอากาศ

ณ โรงเรียนมัธยมปลายเอเชียที่ 17 ภูมิภาคกลาง ประเทศไทย

ช่วงบ่ายกิจกรรมโรงเรียนดำเนินตามปกติ ทุกห้องเรียนเงียบสงบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยเฉพาะมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 เนื่องจากเหลือเพียง 1 สัปดาห์ที่จะกำหนดชีวิตเส้นทางชีวิตของแต่ละคน จากการสอบปลายภาคสุดท้ายของภาคการศึกษา

ขณะที่ห้องอื่นเต็มไปด้วยความกดดัน แตกต่างจากห้อง 602 อาจารย์สาวใส่ชุดรัดรูปกำลังวาดรูปบนกระดานดำด้วยชอล์ก เพื่อให้อักขระเวทมนตร์สำแดงออกมาให้ชัดเจนที่สุด จึงให้อุปกรณ์เขียนแบบดั้งเดิม เพื่อสะกดความคิดของนักเรียนให้ตั้งใจเรียนมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นแนวคิดที่ประหลาดของผู้อำนวยการของสถาบัน เมื่อครูสาวพยายามอธิบายถึงสมการเวทมนตร์อย่างตั้งใจแล้วหันมากลับมาดูนักเรียน บางคนตั้งใจเรียน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้กระตือรือร้นอย่างที่คิด

ครูเฟรย์ถอนหายใจอย่างสมเพช พรางมองดูบรรยากาศตรงหน้า ในเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เธอจบมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังจากต่างประเทศ ด้วยความอุสาหะและผลงานการฝึกสอนที่โดดเด่นจึงให้รับการประเมินที่จากคณะยันต์คาถาศาสตร์ และได้สอนนักเรียนห้องนี้มาประมาณ 3 เดือนแล้ว

ด้วยระบบการบริหารที่ล้มเหลวของสถาบันเอกชนเวสสุวรรณ โดยตั้งเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อนักเรียนที่ไร้ความสามารถ จะเข้าเรียนได้แค่มีเงินมากพอ ห้อง 602 จึงเต็มไปด้วยนักเรียนจากครอบครัวชนชั้นสูงและลูกหลานพ่อค้าที่ร่ำรวย

ยิ่งคิดนางก็ยิ่งหงุดหงิดดูเหมือนการประเมินด้านการสอนของเธอในเทอมนี้จะลงเอยด้วยความล้มเหลว สุดท้ายถูกตำหนิโดยผู้บริหารของโรงเรียนและถูกร้องเรียนจากผู้ปกครองด้วยผลการเรียนที่ไม่ดี หากอดทนสอนนักเรียนต่อไปนางสามารถทนได้ เพราะนางไม่เคยกลัวความกดดันจากผู้ปกครอง แต่ก็ไม่อยากถูกทำให้อับอายแล้วกลายเป็นเรื่องซุบซิบนินทาจากครูทั่วสถาบัน

(ไม่เป็นไร ถ้าเทอมนี้ไม่ผ่านก็ขอยื่นเรื่องย้ายห้องฝึกสอนเอาก็ได้ เพราะผอ.ตกลงแล้วถ้าไม่ไหวก็เปลี่ยนไปสอนห้องอื่น)

“เอาล่ะ ตั้งใจฟังที่ครูบรรยายและอย่างลืมกลับไปทบทวนบทเรียนวันนี้ด้วย การสอบเหลืออีกหนึ่งสัปดาห์เป็นตัวกำหนดชีวิตของพวกเธอ”

ทุกคนนั่งตัวตรงทันที หลายคนรู้สึกกดดันอย่างยิ่งเนื่องจากผลสอบครั้งนี้หากผ่านไปได้สามารถเข้าร่วมมหาวิทยาลัยชั้นนำ เส้นทางการฝึกปรือจะราบรื่นมากขึ้นยกระดับฐานะสังคมโดยตรง แล้วแสวงหาโอกาสในดินแดนรกร้างเพื่อเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ สามารถผู้ที่มีความหวังนี่ถือเป็นความคิดทั่วไป

แล้วถ้าหากไม่ผ่านล่ะ แน่นอนว่าต้องเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไปแล้วจบมาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือเรียนจบไปทำงานพาร์ทไทม์ กลายเป็นฝูงมดงานทั่วไป ไม่สามารถยกระดับฐานะได้ตลอดชีวิต

ครูเฟรย์มองภาพด้านหน้าอย่างพึงพอใจเมื่อการพูดของนางสร้างความกระตือรือร้นให้นักเรียนมากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปโต๊ะเรียนท้ายแถวด้านซ้ายเธอก็ขมวดคิ้ว

ขวับ!!

นักเรียนทุกคนลดเสียงลง แล้วหันไปดูบุคคลสองคน

เมื่อมองภาพตรงหน้าเด็กหนุ่มสองคนไม่ได้ตั้งใจฟังแม่แต่น้อย คนหนึ่งอ้วน คนหนึ่งผอม ขณะที่คนหนึ่งจ้องมองไปทางทิศที่ครูสอนด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม อีกคนก็มองไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเหม่อลอย

ครูคนสวยทอดสายตาไปที่คนริมหน้าต่าง

“นพเก้า ไหนเธอลองอธิบายหลักการทำงานของคาถาบุพผาลำเนาไพรให้ฟังที” เธอพูดด้วยน้ำเสียงดุดันเล็กน้อย

ซูด!!

เสียงสูดอากาศดังขึ้นทั่วบริเวณ รู้สึกว่าเพื่อนคนนี้งานเข้าแล้ว ต้องรู้ก่อนว่ายันต์วิญญาณบุปผาลำเนาไพรอยู่ในระดับ 2 ไม่ได้ถือว่ามีความหายากในมณฑลสิงค์คำรณ เนื่องจากส่วนใหญ่จะใช้งานในอุทยานป่าไม้และสวนพฤกษศาสตร์เพื่อใช้หล่อเลี้ยงพืชสมุนไพรให้สามารถเติบโตได้ทุกสภาพอากาศ เร่งการเติบโตได้ 10% จึงแพร่หลายอย่างมากในหอการค้า โดยราคาไม่เกิน 10,000 บาทต่อใบ

หากให้อธิบายหลักการทำงานสำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 6 ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด เพียงศึกษาหนังสือยันต์คาถาชีวิตประจำวันเบื้องต้น และทฤษฎีแอมนิมัสขั้นกลางก็เพียงพอสำหรับอธิบายหลักการได้คร่าวๆ หากเป็นคนอื่นในชั้นเรียนแปดในสิบสามารถอธิบายได้อย่างแน่นอน

เมื่อพูดถึงนพเก้าและเจ้าอ้วน ลูกคนรวยและผู้ติดตามผู้ซื่อสัตย์ที่ไม่เคยเข้าชั้นเรียนใดๆ แต่วันนี้ไม่รู้ว่าดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือไม่ ถึงเข้าชั้นเรียนตามปกติ

“ล~ ลูกพี่ซวยแล้ว คุณครูกำลังถามพี่อยู่น่ะ ฮิฮิ”

เมื่อเห็นสายตาครูจ้องมาเจ้าอ้วนหายจากอาการเพ้อฝัน พูดด้วยความตะกุกตะกักมองไปที่นพกรด้วยรอยยิ้ม

หืม

นพเก้าพึ่งรู้สึกตัวจากอาการเหม่อลอย และสังเกตเห็นว่าบรรยากาศในห้องเรียนเปลี่ยนไป จากนั้นจ้องไปที่ครูเฟรย์

“รบกวนช่วยทวนคำถามอีกครั้งได้ไหมครับ”

นพเก้าถามคำถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะกำลังทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้า

“หึ ครูต้องการให้เธออธิบายหลักการยันต์วิญญาณลำเนาไพร โดยขึ้นมาบรรยายหน้าชั้นเรียนให้เพื่อนฟัง

เมื่อเธอเห็นว่านักเรียนผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจฟังคำถาม เธอก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงออกมา ด้วยพูดเสริมประโยคมากขึ้น หากตอบไม่ได้เธอคิดจะลงโทษให้เจ้าเด็กคนนี้ออกไปยืนสำนึกผิดหน้าชั้นเรียน

ครืด

เด็กหนุ่มแปลกหน้าลุกจากเก้าอี้เดินไปหน้าชั้นเรียนก่อนที่จะขึ้นแท่นบรรยาย ทันใดนั้นฝีเท้าก็หยุดชะงัก มองไปที่สัญลักษณ์บนกระดานดำพรางขมวดคิ้ว มีแววสงสัยเล็กน้อยแล้วพึมพำเบาๆ

“นี่มันไม่ถูกต้อง”

นักเรียนในชั้นเรียนอาจไม่ได้ยินเสียงพึมพำ แต่ครูประจำชั้นได้ยินอย่างชัดเจน ด้วยปรสามสัมผัสของผู้ฝึกปรือเขตแดนขัดเกลาศิลาซึ่งมีประสาทสัมผัสมากกว่าคนทั่วไป 10 เท่า เธอสามารถได้ยินชัดเจน

“ห่ะ?”

ครูเฟรย์ประหลาดใจเล็กน้อยรู้สึกเหมือนได้ยินผิดไป

“ตรงนี้มี 3 จุดไม่ถูกต้อง และการวาดคาถาขาดความสมบูรณ์”

เด็กหนุ่มแปลกหน้าพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย

“นี่เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม ครูให้เธออธิบายแต่ดันมาพูดจาไร้สาระ ออกไปยืนสำนึกผิดหน้าห้องเรียนเลยไป”

เธอตวาดแล้วไล่นักเรียนออกไปตรงๆ ต้องการจบการสนทนาไร้สาระนี้

บอกตามตรงว่าตอนแรกเธอค่อนข้างประทับใจชายคนนี้ เพราะหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลา ใบหน้าเรียวยาว แววตาล้ำลึกที่ฉายแววเฉลียวลาดและความมั่นใจ และส่วนสูง 1.8 เมตร ถือว่าเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบในอุดมคติของผู้หญิงหลายๆ คน แต่การพูดและการกระทำทั้งความเฉยเมยและดูถูกความรู้ของเธอทำให้รู้สึกโมโหทันที

ในขณะที่เธอจบจากสถาบันเฟยหยาง เธอถือเป็นอัจฉริยะชั้นนำด้านยันต์คาถาติดอันดับ 3 ของโรงเรียน แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็อดไม่ได้ที่จะชมเชย

(แต่นี่อะไร มาบอกว่ายันต์คาถาบุปผาลำเนาไพรไม่ถูกต้องทั้งที่วาดออกมาได้เกินมาตรฐานด้วยซ้ำ)

นพเก้ารู้สึกหน่ายใจ การกลับในอดีตในรอบ 100 ปี ยังอยู่ในช่วงยุคฟื้นคืนอารยธรรมโบราณจึงไม่แปลกใจที่ความรู้จะถดถอยลง

เขาไม่สนใจคำสั่งของครูพลางเดินไปหยิบชอล์กที่กระดานแล้วเริ่มวาดยันต์คาถาใหม่ถัดจากด้านซ้ายที่ครูวาดสอนนักเรียน

“มัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบออกไปอีก”

ตอนนี้เธอเริ่มทนไม่ไหวจากพฤติกรรมที่ไม่เคารพครูบาอาจารย์ของนักเรียนคนนี้และต้องการแสดงอำนาจ ใช้กำลังเพื่อไล่เขาออกไป

ไม่ถึง 10 วินาทีต่อมา ปราณวิญญาณมหาศาลจากทั่วห้องเรียนไหลเข้าไปในสัญลักษณ์ยันต์คาถาบนกระดานดำ

“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น”

“น~ นี่มันอะไรวะ!!

นักเรียนในชั้นเรียนบางคนเผลอสบถออกมา เพราะภาพตรงหน้ามันน่าตกใจเกินไป การที่ปราณวิญญาณไหลเวียนเข้าสู่สัญลักษณ์หมายความว่ายันต์คาถาได้วาดเสร็จสมบูรณ์

แต่นี่มันไร้สาระเกินไป ใช้เวลา 10 วินาทีในการวาด ต้องบอกว่าแม่แต่ระดับปรมาจารย์อักขระต้องใช้ 1 นาทีเป็นอย่างน้อยในการวาด

ครูประจำชั้นก็ตกใจเช่นกัน เช่นรู้สึกเหมือนฝันไป เด็กหนุ่มที่ไม่เคยเข้าชั้นเรียนของเธอเลย กลับวาดยันต์วิญญาณโดยมีฝีมือสูงกว่าปรมาจารย์อักขระ

“เอาล่ะ อย่างที่ทุกคนเห็นยันต์คาถาบุปผาลำเนาไพรใช้เพื่อหล่อเลี้ยงพืชและสมุนไพร จากที่เห็นตามรูปนี้สามารถเพิ่มปราณหล่อเลี้ยงชีวิตในพื้นที่ขึ้น 50% ถึงจะเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์ การที่ปัจจุบันแสดงได้ 10% เพราะขาดไป 3 ปัจจัย ปัจจัยแรกการวาดจุดศูนย์รวมวิญญาณแบบคู่ตามลำดับถึงจะแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่ 1 เท่า ต่อมาการวาดอักขระทั้ง 4 ทิศถือเป็นความผิดพลาด การใช้อย่างเหมาะสมต้องวาดเป็น 2 ทิศทางเท่านั้น สุดท้ายฝีมือของคนวาดต้องห้ามวาดลายเส้นทับกันไม่งั้นจะสูญเสียประสิทธิภาพไปอย่างน้อย 30%”

นพเก้าบรรยายห้าชั้นเรียนให้ทุกคนฟังอย่างจริงจัง

นักเรียนทั้งห้องไม่ได้ฟังคำอธิบายแม้แต่น้อยเพราะผลกระทบระลอกนี้มันหนักเกินไป จนทำให้บางคนรู้สึกเสียสามัญสำนึก

“ที่อธิบายก็เพียงเท่านี้”

นพเก้าถอนหายใจหลังบรรยายเสร็จแล้วผลักประตูเดินออกนอกห้องเรียน

ความเงียบเกิดขึ้นทั้งชั้นเรียนแม้แต่เสียงเข็มหล่นก็สามารถได้ยินได้ จากนั้นไม่นานเกิดความโกลาหลขึ้นทั่วทั้งห้อง

นพเก้าเดินออกจากโรงเรียนโดยไม่สนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นแม่แต่น้อย

“ระบบการแสดงของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

นพเก้าถาม

[ติ๊ง~ ประทับใจ]

ระบบตอบ

[ติ๊ง~ ของแสดงความยินดีโฮตส์ได้แสดงการวาดยันต์บุปผาลำเนาไพรฉบับสมบูรณ์ การกระทำของโฮสต์เริ่มก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้าน อุตสาหกรรมยันต์วิญญาณระดับภูมิภาค รางวัล: เพิ่มช่องทรัพยากร + 5]

“ระบบ ข้าสามารถใช้งานได้อย่างไร”

[โฮสต์สามารถเรียกช่องทรัพยากรได้ผ่านทางจิต แล้วใส่วัตถุในช่อง ทรัพยากร]

นพเก้าหยิบสร้อยคอทองคำ 1 บาทที่น้องสาวให้เป็นของขวัญวันเกิดใส่ในช่องทรัพยากรตรงหน้า

[ช่องทรัพยากร]

[ความจุ 1/5]

[วัตถุ: สร้อยคอทองคำ 1 บาท (ระยะเวลาเพิ่มจำนวน 23 ชั่วโมง 59 นาที 53 วินาที: อัตราเพิ่มจำนวน 1 เท่าตัว)

“ระบบ ถ้ามันครบ 24 ชั่วโมงมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นจริงเหรอ แล้วมันมีข้อจำกัดหรือไม่”

นพเก้าอดสงสัยไม่ได้

[จริงแท้แน่นอน]

[โฮสต์โปรดอย่าสงสัยในความสามารถของระบบ ต่อให้เป็นไอเทมระดับทำเจ้าก็สามารถเพิ่มจำนวนได้ย่างไม่สิ้นสุด]

ระบบตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจและฉายแววความเย่อหยิ่งเล็กน้อย

เมื่อได้ยินคำตอบสีหน้าของนพเก้าฉายแววครุ่นคิดเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน เพราะความสามารถของระบบเหมือนกับจี้หยกในชีวิตที่แล้ว เหตุผลที่คนไร้พรสวรรค์อย่างเขาสามารถบรรลุของเขตแซงหน้าอัจฉริยะเหล่านั้นได้ เพราะความสามารถอันอัศจรรย์ แต่ปัจจุบันแตกต่างออกไปตรงที่มีระบบผูกมัด และสามารถเพิ่มช่องทรัพยากรได้ หากเป็นอดีตสามารถใส่วัตถุได้ 1 อย่างเท่านั้น

[โฮสต์สามารถเพิ่มช่องเก็บของได้ 3 วิธี วิธีแรกคือการทำลายสถิติต่างๆ หรือสร้างผลกระทบต่อโลกผู้บ่มเพาะอย่างมีนัยสำคัญ วิธีที่สองการเก็บสมบัติล้ำค่า ยิ่งมีค่ามากรางวัลยิ่งเพิ่มขึ้น วิธีที่ 3 ทำภารกิจที่ระบบมอบหมายให้สำเร็จ]

เสียงระบบดันขึ้นมาในโสตประสาทของนพเก้า มันอธิบายราวกับรู้คำถามล่วงหน้าของนพเก้า

[ติ๊ง ปลดล็อกพลังวาสนาครั้งแรก พลังรัศมีตรวจจับของล้ำค่า โฮสต์สามารถเริ่มใช้ได้แล้วตอนนี้ โดยสามารถตรวจสอบของล้ำค่าที่สุดในรัศมี 10 กิโลเมตรได้ (จำนวนการใช้งาน 1 ครั้ง: ระยะเวลาสะสม 1 เดือน)]

“พลังวาสนาของระบบมีกี่ระดับกันแน่?”

นพเก้าถามด้วยความอยากรู้

[ระบบยังไม่สามารถให้คำตอบกับโฮสต์ได้ โฮสต์จำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อรู้ข้อมูลเชิงลึก]

[ติ๊ง ระบบออกภารกิจจำกัดเวลา ‘มุ่งสู่ความเป็นเลิศ’ ใช้รัศมีตรวจจับสมบัติล้ำค่า รับสมบัติที่มูลค่าสูงที่สุดภายใน 1 วัน ยิ่งมีค่ามากผลตอบแทนยิ่งมาก (ระยะเวลาภารกิจ 23 ชั่วโมง 59 นาที 51 วินาที รางวัลขั้นต่ำ: ช่องทรัพยากร 10 ช่อง)]

“ระบบเจ้าโหดร้ายมาก”

นพเก้าพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ เขาพึ่งจุติไม่ถึง 1 วันด้วยซ้ำ ฐานการฝึกปรือยังไม่ได้พัฒนาด้วยซ้ำแล้วให้ภารกิจมหาโหดเสียแล้ว

[โฮสต์จะเลือกไม่ทำภารกิจจำกัดเวลาก็ได้ แต่ระบบไม่มีรางวัลให้]

ระบบพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ระบบ กรณีภารกิจล้มเหลวมีบทลงโทษหรือไม่?”

นี่คือสิ่งที่นพเก้ากังวลมากที่สุด

[โฮสต์ไม่ต้องกังวล ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัดทำหน้าที่สนับสนุนโฮสต์จะไม่มีการลงโทษใดๆ]

“เอาล่ะ ถ้างั้นใช้รัศมีตรวจจับสมบัติล้ำค่าเลย”

นพเก้าพูดกับระบบ

[ติ๊ง~ ใช้รัศมีตรวจจับสมบัติล้ำค่า]

สิ้นเสียงของระบบวิสัยทัศน์ด้านหน้าของนพเก้าเปลี่ยนไป สภาวะจิตใจของเขาได้รับผลกระทบเข้าสู่สภาวะว่างเปล่า ไม่นานก็กลับเป็นปกติ จากนั้นรัศมีสีทองปะทุขึ้นโดยมีนพเก้าเป็นจุดศูนย์กลาง

วิสัยทัศน์ตรงหน้าเขาเปลี่ยนไปรู้สึกถึงสัมผัสพิเศษที่ให้ความรู้สึกสามารถตรวจจับวาสนาได้ ในสายตาของเขาเห็นถึงเส้นสีต่างๆ นำทาง 10 กว่าเส้นในสายตา

นพเก้าเริ่มออกเดินทางไปตามทิศทางของเส้นวาสนาสีทองที่ใหญ่ที่สุด โดยตรงไปที่สวนพฤกษศาสตร์ของคณะเวทมนตร์