อะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ไทย,จีน,กำลังภายใน,ดราม่า,แอ็คชั่น,แอ็คชั่น ,พระเอกเทพ,ฮาเร็ม,ระบบ,ระบบผู้ช่วย,ตลก,ผจญภัย,เจ้าสำนัก,หลายโลก,เกิดใหม่,เกิดใหม่ ,พระเอกเก่ง,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัดอะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
นพเก้าเดินออกจากโรงเรียนโดยไม่สนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นแม่แต่น้อย
“ระบบการแสดงของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
นพเก้าถาม
[ติ๊ง ประทับใจ]
ระบบตอบ
[ติ๊ง ของแสดงความยินดีโฮตส์ได้แสดงการวาดยันต์บุพภาลำเนาไพรฉบับสมบูรณ์ การกระทำของโฮสต์เริ่มก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปรงด้าน อุตสาหกรรมยันต์วิญญาณระดับภูมิภาค รางวัล: เพิ่มช่องทรัพยากร + 5]
“ระบบ ข้าสามารถใช้งานได้อย่างไร”
[โฮสต์สามารถเรียกช่องทรัพยากรได้ผ่านทางจิตแล้วใส่วัตถุในช่อง ทรัพยากร]
นพเก้าหยิบสร้อยคอทองคำ 1 บาทที่น้องสาวให้เป็นของขวัญวันเกิดใส่ในช่องทรัพยากรตรงหน้า
[ช่องทรัพยากร]
[ความจุ 1/5]
[วัตถุ: สร้อยคอทองคำ 1 บาท (ระยะเวลาเพิ่มจำนวน 23 ชั่วโมง 59 นาที 53 วินาที: อัตราเพิ่มจำนวน 1 เท่าตัว)
“ระบบ ถ้ามันครบ 24 ชั่วโมงมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นจริงเหรอ แล้วมันมีข้อจำกัดหรือไม่”
นพเก้าอดสงสัยไม่ได้
[จริงแท้แน่นอน]
[โฮสต์โปรดอย่าสงสัยในความสามารถของระบบ ต่อให้เป็นไอเทมระดับทำเจ้าก็สามารถเพิ่มจำนวนได้ย่างไม่สิ้นสุด]
ช่องนิยายเสียง + อนิเมชั่น + Soundtrack + SFX https://youtu.be/i61R2eEG_ww
สิ้นเสียงประกาศของเจ้าตระกูล หลังผ่านไปสักพักผู้อาวุโสด้านขวาพูดขึ้นโดยท่าทางไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย
“ท่านเจ้าตระกูล ข้าเคยบอกท่านแล้วหากมีอะไรก็ต้องปรึกษาผู้อาวุโสก่อน”
ผู้อาวุโสหวงไค่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกดข่ม
“หึ เหตุใดข้าต้องฟังความเห็นจากเจ้า คำตัดสินของข้าถือเป็นคำขาด”
อัครเดชแสยะยิ้มเย้ยหยัน เจ้าตระกูลก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน เจ้ามีสิทธิอะไรมาขัดการตัดสินใจของข้า เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร
ตึง
หวงไค่ทุบโต๊ะทันที เขาแสดงสีหน้าดุร้ายและท่าทีแข็งกร้าว
“งั้นข้าขอฟังเหตุผลในการตัดสินใจของท่านเจ้าตระกูล เท่าที่ทุกคนรู้ลูกชายท่านนอกจากพลังฝึกปรือแล้วอย่างอื่นล้วนเลวทราม บริหารธุรกิจเป็นหรือไม่ รู้จักคบค้าสมาคมหรือไม่ เพื่อนฝูงที่คบล้วนเป็นขยะในสังคม”
หวงไค่พูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน
“โอหัง”
“โปรดใจเย็นก่อนเพคะนายหญิง”
บ่าวรับใช้ข้างกายปลอบนาง นายหญิงของพวกนางขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายเมื่อมีใครไปยั่วยุนาง ล้วนถูกทุบตีจนบิดามารดาจำไม่ได้ ในอดีตเป็นขุนศึกหญิงในสนามรบ หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับบุตรของนาง นางจะอาฆาตพยาบาทจนถึงที่สุด
หากเป็นเรื่องอื่นนางสามารถทนได้เช่นกัน เพราะการทะเลาะกันในเครือญาติมักจะเกิดขึ้นเป็นประจำ แต่คำพูดของตาเฒ่าคนนี้นางไม่สามารถทนได้ มันสบประมาทเกินไป
“นายหญิงโปรดใจเย็นก่อน ไม่ใช่ว่าบิดาข้าพูดอย่างไม่มีเหตุผล หากนำคนที่ไม่เคยพิสูจน์คุณค่ามาชี้นำตระกูลเราจะสามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขได้อย่างไร”
บุตรชายของหวงไคjพูดขึ้นต้องการใส่ไฟให้อารมณ์ของนางพุ่งสูงขึ้นไปอีก
หลายๆ คนไม่ได้พูดอะไรเพียงดูอย่างสนุกสนานเท่านั้น หากเสือตัวใหญ่ทะเลาะกันแล้วบาดเจ็บฝ่ายที่ได้ประโยชน์จะเป็นพวกเขาเอง
“ท่านลุงโปรดตัดสินใจอีกที ข้าเชื่อว่ามีรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถคนอื่นไม่แพ้คุณชายใหญ่เช่นกัน”
สิ้นเสียงทุกคนหันไปมอง ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นหลานชายของผู้อาวุโสใหญ่ หวงอี้เฟยถือว่าเป็นรุ่นเยาว์อัจฉริยะเช่นกัน อายุ 27 ปี บรรลุถึงขอบเขตที่ 2 ขอบเขตขัดเกลาศิลาขั้นที่ 3 หากไม่มีอะไรผิดพลาดอนาคตจะเป็นผู้สืบทอดหอเก็บคัมภีร์ต่อจากปู่ของเขา นอกจากหน้าตาที่ดีและรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ บุคคลนี้มีสังคมที่กว้างขวางอีกด้วย ไม่มีปัญหาที่จะแข่งขันในการเป็นผู้สืบทอด
คนในโต๊ะอาหารที่เป็นผู้อาวุโสระดับสูงฝ่ายขวาอย่างน้อย 15 จาก 27 คนล้วนสนับสนุนหวงอี้เฟยในการแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตระกูลที่ขึ้นชื่อว่าอารมณ์ร้ายในเวลาปกติจะใช้พลังข่มปราบไปแล้วแต่วันนี้ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุใด บนใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง
ความจริงไม่ใช่สิ่งอื่นใดเขาเพียงต้องการให้การแสดงครั้งนี้เป็นเวทีแรกของบุตรชายในการแข่งขันผู้สืบทอด หากเป็นเวลาอื่นเขาคงใช้พลังสะกดข่มผู้อาวุโสเหล่านี้จนมิดหัวแน่นอน แต่วันนี้แตกต่างออกไป หลังจากที่สัมผัสตัวลูกชายของเขา เขาสัมผัสได้ว่าพลังการฝึกปรือมีความหนาแน่นมาก ความแข็งแกร่งไม่แพ้ขอบเขตขัดเกลาศิลาขั้นที่ 3 แม้แต่น้อย
เมื่อย้อนคิดกลับไปเขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ทำไมเขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการขัดเกลาพลังปราณจากตัวบุตรชาย มีปัญหากับการฝึกปรือหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาคิดเพราะเสียงนึงได้ดังขึ้นในโสตประสาทของเขา
“ในเมื่อเป็นการแข่งขันของผู้สืบทอด ทำไมไม่ให้พวกเขาต่อสู้กันล่ะ”
ชายชราผู้นึงสวมชุดผ้าไหมสีขาวเดินออกมา มีออร่าของราชันที่ทำให้ทุกคนที่พบเจออยากคุกเข่าทำความเคารพ ทุกคนที่โต๊ะอาหารลุกขึ้นและทำความเคารพ
“คารวะผู้อาวุโสสูงสุด”
บุคคลนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเจ้าตระกูลรุ่นก่อนเป็นคุณปู่ผู้ใจดีของนพเก้านั่นเอง และเป็นพี่ชายของผู้อาวุโสดูแลหอตำราอย่างหวงไค่ เขามีนามว่าหวงไท่
หวงไค่ไม่ได้พูดอะไรแต่ส่งสายตาจ้องมองแต่ละคน ทุกคนที่สายตาประกบกันรู้สึกถึงการข่มปราบ พวกเขาทำได้เพียงก้มหน้า เมื่อมองผ่านไปหยุดที่สายตาของนพเก้า เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ภายในแววตาของชายหนุ่มมีความลุ่มลึกไม่สามารถเห็นก้นบึ้งได้ นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า
(หึหึ จิตใจเข้มแข็งใช้ได้)
ดูเหมือนวันนี้จะมีการแสดงดีๆ ให้เขาดู
“ความหมายของผู้อาวุโสคือ?”
อัครเดชรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ เขาพอคาดเดาคำพูดถัดไปได้อยู่บ้าง
“ข้าหมายถึงให้ต่อสู้กัน ประลองฝีมือเพื่อวัดความสามารถ ในศึกประลองเราจะได้ดูนิสัย ความแข็งแกร่ง และการตัดสินใจของบุคคล ดูว่ามีความสามารถในการเป็นผู้นำได้หรือไม่”
ช่างเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากดูการแสดงดีๆ หรือ หลายคนเพียงคิดในใจและกำลังรอการแสดงอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน
“ท่านพ่อข้ารู้สึกว่านี่มันไม่ยุติธรรมสำหรับลูกเก้า”
ยังไงหวงอี้เฟยก็อายุมากกว่าและขอบเขตการฝึกปรือยังห่างกันหนึ่งขั้นใหญ่ หากสู้กันจริงๆ จะไม่เป็นการกำหนดว่ายอมรัยความพ่ายแพ้หรอกหรือ
อัครเดชโบกมือให้ภรรยาของเขา
“หากให้ทั้งคู่ลดระดับมาอยู่ในขอบเขตเดียวกันล่ะ ผู้อาวุโสหวงไค่ท่านคิดว่าอย่างไร”
“ก็เอาสิ ยังไงซะก็เป็นการตัดสินกำหนดตัวผู้สืบทอด การแข่งขันล้วนต้องยุติธรรมอยู่แล้ว”
หวงไค่มั่นใจอย่างมากว่าหลานชายของเขาต้องชนะ ต่อให้ลดฐานการฝึกปรือไปอยู่ในระดับเดียวกันเรื่องของประสบการณ์ก็ไม่สามารถชดเชยได้ นอกจากนี้วิทยายุทธ์ที่หวงอี้เฟยฝึกปรือก็เป็นระดับสวรรค์ขั้นกลาง เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีเคล็ดวิชาระดับสูงกว่าอย่างมากสุดก็เป็นเพียงขั้นต้นเท่านั้น
“คุณชายใหญ่ท่านคิดว่าอย่างไร ท่านคงรับข้อเสนอนี้ใช่หรือไม่”
หวงอี้เฟยยิ้มอย่างเป็นมิตรพลางจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มตัวหลักของงาน
นพเก้าดูไม่สนใจใดๆ เขาหยิบแก้วไวน์ดื่มรวดเดียว หลังจากนั้นเขาเงยหน้ามองหวงอี้เฟยด้วยหางตา
“เจ้าอ่อนแอเกินไป ข้าอยากสู้กับเจ้าด้วยฐานพลังยุทธ์สูงสุด”
โอว
ผู้ชมที่ได้ดูเหตุการณ์ถึงกับตกตะลึง คุณชายใหญ่คนนี้สมองผิดปกติหรือไม่ จะสู้กับอีกฝ่ายข้ามขอบเขตแล้วหวังจะได้รับชัยชนะรึ ทำไมเจ้าไม่ขึ้นสวรรค์ไปเลยล่ะ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า มันต้องแบบนี้สิ วัยรุ่นต้องมีหัวใจที่ท้าทายศัตรูไม่งั้นชีวิตจะต่างอะไรจากปลาเค็ม”
หวงไค่พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขามองนพเก้าราวกับว่ามองคนโง่ สมกับเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโลกกว้าง ด้วยการที่ถูกเลี้ยงดูโดยถูกยกย่องตลอดเวลามันเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นคนยโสโอหังอย่างแท้จริง
หวงไท่มองดูแต่ไม่พูดอะไร แต่ในแววตาเขาฉายแววเสียใจเล็กน้อยดูเหมือนเด็กคนนี้จะไม่เหมาะเป็นผู้สืบทอด ความคิดตื้นเขินเกินไปและใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง
“แม่ พี่ชายสุดยอดมาก หรือวันนี้ข้าจะได้ดูอัจฉริยะในตำนานต่อสู้ชนะข้ามระดับ”
เด็กสาวที่ปกติมักมีเหตุผล แต่พอเปลี่ยนเป็นเรื่องของพี่ชายของนางมันราวกับว่าหายไปในน้ำวน
“พอเลย เงียบแล้วดูเฉยๆ”
หุนหันพลันแล่น หุนหันพลันแล่นเกินไป หวงเม่ยรู้สึกปวดศีรษะหลังจบศึกนี้นางต้องสั่งสอนลูกชายซักสัปดาห์ให้สำนึกถึงสิ่งที่ผิดพลาดในวันนี้
กรอด
หวงอี้เฟยไม่ได้พูดอะไรออกมา เขากำหมัดแน่นแล้วเป็นฝ่ายที่เดินนำออกไปที่ลานประลองด้านนอก
ลานประลองด้านนอกที่ใช้ฝึกซ้อมของศิษย์หลักห่างออกไปจากคฤหาสน์ราวเดิน 10 นาที มันมีขนาด 100X100 เมตร ทั้งสองด้านห้อมล้อมด้วยกำแพงโดมขนาดใหญ่มีแสงไฟสปอตไลท์ใช้ในเวลากลางคืน ด้านบนหลังคาเปิดทิ้งไว้ให้เห็นหมู่ดาว
ผู้ชมยืนล้อมบนสนามหญ้าห่างออกไป 50 เมตร บนสนามประลองผู้ท้าชิงทั้งสองคนอยู่ห่างกัน 10 เมตรยืนจ้องหน้ากัน โดยมีผู้อาวุโสขอบเขตที่ 4 ขอบเขตก่อลักษณ์เป็นกรรมการตัดสิน เมื่อมีข้อผิดพลาดจะเข้าไปในสนามเพื่อหยุดการประลอง
“ทั้งสองคนแนะนำตัวและระดับการฝึกปรือ”
กรรมการพูดขึ้น มันเป็นขนบธรรมเนียมพื้นฐานที่ผู้ฝึกปรือต้องพึงปฏิบัติตาม
“หวงอี้เฟย ขอบเขตขัดเกลาศิลาขั้นที่ 4 ระดับกลาง โปรดชี้แนะ”
หวงอี้เฟยพูดด้วยท่าทีมั่นใจและชักกระบี่ออกจากฝัก เป็นอาวุธสวรรค์ขั้นต้นใช้เพื่อบดขยี้อีกฝ่ายโดยเฉพาะ เขายังคงคับแค้นใจที่นพเก้าทำให้เขาอับอายต่อหน้าเครือญาติ
“พระเจ้าอาวุธระดับสวรรค์ หากอีกฝ่ายไม่มีไพ่ลับหรืออาวุธระดับเดียวกันก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรด้วย”
ชายคนนึงพูดขึ้นราวกับว่าเขาเดาผลลัพธ์การแข่งขันได้แล้ว
“นพเก้า ขอบเขตหลอมศิลาขั้นที่ 10 ขั้นสมบูรณ์โปรดชี้แนะ”
นพเก้าพูดจาส่งเดชออกมา แล้วรอดูปฏิกิริยาของคนรอบข้าง
“หะ! อะไรน่ะ”
กรรมการอุทานออกมา มีระดับนี้ด้วยหรือ ไม่ใช่ว่าขั้นของขอบเขตหลอมศิลาขั้นสูงสุดเป็นระดับ 9 หรือ
ผู้ชมที่ได้ยินคำนี้ก็นิ่งงัน ไม่มีใครเคยได้ยินหรือรู้จักขอบเขตนี้มาก่อน ในประวัติศาสตร์อัจฉริยะที่เสริมสร้างรากฐานจนสมบูรณ์อยู่ที่ระดับเก้าขั้นสมบูรณ์เท่านั้น เมื่อบุคคลนี้ทะลวงขอบเขตถัดไป จะสามารถสร้างรากฐานขอบเขตต่อไปได้หนาแน่นขึ้น พลังปราณจะมากกว่าคนในระดับเดียวกันที่ทะลวงผ่านขั้นสูงสุดอย่างน้อยสองเท่า
“เป็นไปไม่ได้!”
หวงไท่รู้สึกผิดปกติกับโลกทัศน์ของเขา ตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนถึงปัจจุบันเขาไม่เคยได้ยินขั้นที่ 10 มาก่อน เขากะพริบหายตัวไปจากพื้นหญ้าแล้วขึ้นไปบนลานประลอง มือขวาสัมผัสบริเวณตันเถียนของนพเก้า จากนั้นเขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
มันใหญ่มาก ศิลาที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 1,500 เมตร โดยมีดาวหางหมุนวนอย่างเชื่องช้าหนึ่งดวง สิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมถึงไม่มีเก้าดวงหรือมีวิธีการลับ
“หลานเก้า เจ้าทำได้อย่างไร”
เขาอดไม่ได้ที่จะถาม
“เป็นวิชาลับที่ข้าบังเอิญซื้อได้จากตลาดมืด เคล็ดวิชานี้ทำให้ข้าสามารถหลอมรวมดาวหางเก้าดวงเพื่อทะลวงถึงขั้นที่สิบได้”
เขาตอบได้เพียงเท่านี้
“อืม ท่าเช่นนั้นก็เป็นอันเข้าใจได้ แต่ต่อไปข้าแนะนำให้เจ้าเลิกซื้อของจากตลาดมืดมันไม่คุ้มค่ากับชีวิตเจ้า”
ในตลาดมืดเต็มไปด้วยวัตถุและเคล็ดวิชาแปลกประหลาดมากมาย โดยทั่วไปคนปกติจะไม่ซื้อเคล็ดวิชาจากตลาดมืดมากนัก เพราะมีความเสี่ยงที่อาจจะเป็นของที่ขโมยมาหรือเป็นวิชาหลอกลวงฝึกแล้วอาจธาตุไฟเข้าแทรกตาย อย่างโชคดีอาจแค่พิการ ในอดีตเคยมีคนโง่ซื้อเคล็ดวิชาระดับสวรรค์ด้วยราคาเพียง 20,000 บาทถูกกว่ามือถือไอโฟนด้วยซ้ำ หลังจากฝึกปรือล้มเหลว ไม่สามารถเรียกร้องจากพ่อค้าตลาดมืดได้ เพราะอีกฝ่ายหนีไปแล้ว เมื่อเขาไปแจ้งตำรวจเขาโดนจับตัวทันที ศาลตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 10 ปี
“เอาล่ะ ข้าจะคุยกับเจ้าในภายหลัง”
หวงไท่หันหลังเดินจากไป
เมื่อผู้ชมเห็นฉากนี้ก็รู้สึกประหลาดใจจนเปลี่ยนเป็นความอิจฉา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับความโปรดปรานจากผู้มีขอบเขตราชันยุทธ์ ต่อให้เป็นลูกหลานสายตรงก็ตาม
เมื่อหวงอี้เฟยเห็นฉากนี้เขารู้สึกอิจฉาจนกัดฟันกรอด เหตุใดคนที่ได้ดีถึงเป็นหมอนี่ตลอด
“ในเมื่อไม่มีปัญหาก็ให้เริ่มการประลองได้”
เมื่อกรรมการเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจให้เริ่มการประลองยุทธ์ทันที
สิ้นเสียงกรรมการตัดสินหวงอี้เฟยไม่รีรอโคจรพลังในตันเถียน เขางอเข่าลงโคจรพลังธาตุดินด้วยความเร็วสูงมือขวากำที่ด้ามกระบี่ยังไม่ออกจากฝัก ชั่วพริบตาโดยมีหวงอี้เฟยเป็นจุดศูนย์กลางเกิดรัศมีแรงโน้มถ่วงกดทับกระจายออกไป 50 เมตรรอบตัว ด้านหลังของเขามีภาพของช้างแมมมอธสีน้ำตาลที่มีตาสีเหลืองอำพันค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ผู้ชมที่เห็นเหตุการณ์ก็แตกตื่นทันที
“นั่นมันเคล็ดวิชามวยไทยคชสารใช่หรือไม่ ข้าสัมผัสได้ถึงอ่อร่าของการกดทับพื้นดิน”
“ใช่แน่นอนมีเพียงเคล็ดวิชาระดับสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้นถึงสำแดงพลังได้ระดับนี้ นอกจากนี้ดูเหมือนหวงอี้เฟยจะเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง ดัดแปลงเคล็ดวิชาหมัดมวยเป็นเคล็ดวิชากระบี่ได้อย่างสมบูรณ์”
ผู้อาวุโสที่เห็นเหตุการณ์พูดคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดัดแปลงเคล็ดวิชาหนึ่งได้โดยเฉพาะระดับสวรรค์ มันมีความซับซ้อนเกินไป พวกเขาไม่มั่นใจว่าหากใช้เวลา 10 ปีจะสามารถทำให้สมบูรณ์ได้หรือไม่
หวงไค่ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามหัวเราะในลำคอด้วยความเบิกบาน ดูเหมือนว่าเวทีนี้จะเป็นการแสดงของหลานชายเขา แรกเริ่มเดิมทีเขามอบเคล็ดวิชานี้ให้หวงอี้เฟยตั้งแต่อายุ 12 ปี หลังผ่านไป 6 ปีฝึกจนถึงขั้นเชี่ยวชาญ จากนั้นเมื่อเขารู้แจ้งในพรสวรรค์ของเขา เขาเปลี่ยนมาใช้กระบี่แทนหมัดมวย เมื่ออายุ 25 ปีเขาหลอมรวมเคล็ดวิชากับร่างกายอย่างสมบูรณ์แล้วสร้างเคล็ดวิชาใหม่
หวงไค่หันไปดูอัครเดช
(หึ เป็นอย่างไร นี่คือความแตกต่างของอัจฉริยะและคนธรรมดา)
อัครเดชเพียงมองอย่างเฉยเมยเท่านั้น เขาโคจรพลังอย่างเงียบๆ หากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นเขาจะพุ่งเข้าไปช่วยเหลือบุตรชายทันที
นพเก้ารู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงราว 10 ตันกดทับร่างกายเมื่อเขาพยายามขยับเขยื่อนราวกับว่าเขาติดอยู่ในบึงโคลน
ชั่วพริบตาต่อมาหวงอี้เฟยฟาดกระบี่ออกไปในแนวทแยงด้วยความเร็วปานสายฟ้า แล้วฟาดฟันต่อเนื่องออกไปกลายเป็นปราณประบี่บิน 7 สายเขาไม่ต้องการให้โอกาสนพเก้าหลบได้แม้แต่ครั้งเดียว
เมื่อปราณกระบี่สายแรกพุ่งผ่านเข้ามา เขาใช้แขนทั้งสองข้างป้องกันเอาไว้เกิดรอยแผลลึกลงไปหนึ่งนิ้ว เลือดสดๆ กระฉูดออกมา
อ่า
เมื่อเด็กสาวเห็นแขนพี่ชายของนางชุ่มไปด้วยเลือดนางกรีดร้องออกมาและหลับตาลง นางไม่มั่นใจว่าพี่ชายของนางจะรอดจากการโจมตีนี้ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามชั่วพริบตาเลือดที่กระเซ็นออกมายังไม่ทันถึงพื้น มันเริ่มควบแน่นตกผลึกกลายเป็นเคียวขนาดใหญ่สีแดงโลหิตราวกับอัญมณีสีแดง จากนั้นเขาเหวี่ยงออกไปสกัดกั้นปราณกระบี่ทั้งหมด
ซี
ผู้ชมสูดหายใจลึก เป็นอีกหนึ่งครั้งที่เด็กหนุ่มคนนี้สร้างความประหลาดใจให้พวกเขา นี่มันศาสตร์มืดอะไรกัน ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคนไม่ใช่สิ่งอื่นใด มันคืออสูรโลหิต พลังลำดับแรกของเพลิงแห่งความละโมบควบแน่นโลหิตเปลี่ยนเป็นศัสตราวุธ พูดง่ายๆ มันคือนักรบโลหิตในรูปแบบของอาวุธ ไม่เพียงเท่านั้นบาดแผลบนแขนทั้งสองข้างของนพเก้าเลือดหยุดไหลและสมานตัวอย่างรวดเร็ว ผิวสีขาวเนียนราวกับไม่เคยเกิดแผลมาก่อน
นี่เป็นอีกหนึ่งพลังของเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์ลำดับแรก การฟื้นฟูไร้สิ้นสุดเป็นความสามารถจากสองในสามของเพลิงแห่งความละโมบเปลี่ยนพลังปราณในตันเถียนเป็นแก่นแท้พลังชีวิตฟื้นฟูร่างกายได้เบื้องต้น แต่ความสามารถระดับเริ่มแรกยังไม่สามารถงอกอวัยวะใหม่ได้ แต่แค่นี้ก็นับว่าขี้โกงเต็มที
หวงไค่รู้สึกใจเต้นตึกตัก เจ้าเด็กคนนี้มีความลับกี่อย่างกันแน่
หลังการโต้กลับครั้งแรกนพเก้ายังไม่หยุดลงเขาหมุนควงเคียวโลหิตในมือซ้ายเปลี่ยนให้กลายเป็นอาวุธเพลิงแล้วเหวี่ยงออกไป
“บัดซบ”
เมื่อหวงอี้เฟยเห็นการโจมตีครั้งนี้เขาเปลี่ยนจากรูปแบบป้องกันเป็นหลบเลี่ยงอย่างรวดเร็ว ต่อให้พลังของเขาเป็นธาตุดินที่เน้นการปราบปรามและป้องกันก็ตามเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีพลังพอสามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้
อาณาเขตแรงโน้มถ่วงหายไปเมื่อหวงอี้เฟยขยับร่างกาย
เมื่อเห็นเช่นนี้นพเก้าก็พุ่งออกไปดั่งลูกศร
“เคล็ดวิชารัตนห้าธาตุ”
ด้วยการหยิบยืมพลังปราณจากฟ้าดินรอบตัวหมัดซ้ายของเขาง้างออกโคจรด้วยพลังธาตุทั้งห้าก่อนที่จะชกอัปเปอร์คัตขึ้นกลางอากาศ ภาพพื้นหลังของเขาปรากฏวัชระที่เป็นผลึกแก้วกระโจนออกมา ร่างเงาของมันใช้เขาทั้งสีข้างขวิดยกหวงอี้เฟยขึ้นกลางอากาศ
หวงอี้เฟยที่เท้าของเขาหลบเลี่ยงจากการโจมตีเมื่อครู่ เขายังไม่ถึงพื้นก็ถูกกระแสพลังโจมตีอย่างฉับพลันอีกครั้ง ช้างวัชระตัวนี้โจมตีด้วยเขี้ยวอันแหลมคมของมัน ทิ่มแทงไปที่กลางท้องหวงอี้เฟย ขว้างอีกฝ่ายขึ้นกลางอากาศดั่งผ้าขี้ริ้ว
อั๊ค!
ด้วยการโจมตีนี้กระดูกแขนซ้ายแตกร้าว ซี่โครงหักสี่ซีก ขณะที่หวงอี้เฟยลอยเคว้งกว่าสิบเมตรกลางอากาศ เคียวเพลิงโลหิตที่นพเก้าขว้างออกไปบินกลับมาด้านหลังหวงอี้เฟยราวกับมีจิตสำนึกที่ทำตามคำสั่ง เป็นผลจากนักรบโลหิตที่เปลี่ยนร่างเป็นอาวุธ แต่เนื้อแท้ยังเป็นนักรบโลหิตเช่นเดิม
หวงอี้เฟยรู้สึกเสียวสันหลังวาบเขาหันกลับไปกลางอากาศโคจรพลังธาตุดินเคลือบที่กระบี่หมายจะป้องกันการลอบโจมตี โดยไม่คาดคิดเคียวโลหิตเปลี่ยนรูปเป็นกระบี่สี่เล่มจากนั้นแทงเข้าที่ร่างกายของหวงอี้เฟยสี่ทิศทาง หัวไหล่ ลำตัว แขน ขา ล้วนถูกแทงทะลุ จากสายตาผู้ชมไม่ทราบว่าตายไปแล้วหรือไม่
“หยุดการประลอง”
การลอบโจมตีฉับพลันนี้เหนือความคาดหมายของกรรมการ เขาไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มที่พึ่งถึงขั้นหลอมศิลามีความสามารถควบคุมอาวุธระยะไกลได้ โดยทั่วไปตามสามัญสำนึกสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ขอบเขตรู้แจ้งเท่านั้น กรรมการพุ่งขึ้นกลางอากาศรับหวงอี้เฟยที่กำลังสลบจากความเจ็บปวดรุนแรงลงมาอย่างนุ่มนวล จากนั้นตรวจสภาพร่างกาย เมื่อทราบว่าไม่ส่งผลอันตรายถึงชีวิตเขาถอนหายใจโล่งอกแล้วเรียกทีมแพทย์ฉุกเฉินมาดำเนินการต่อ
กรรมการมองไปที่ชายหนุ่มบนลานประลองสักพักด้วยสายตาชื่นชมก่อนแจ้งชื่อผู้ชนะการประลอง
“อี้เฟย เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่”
พ่อของหวงอี้เฟยเดินมามองดูสภาพที่น่าอนาถของลูกชายที่อยู่บนเปลหามเมื่อเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขาจ้องไปที่นพเก้าด้วยแววตาอำมหิต
“เจ้าเด็กเวร เหตุใดเจ้าถึงโหดเหี้ยมนักนี่เป็นแค่การประลอง ท่านเจ้าตระกูลข้าไม่เห็นด้วยกับการมีผู้สืบทอดเช่นนี้ คนที่มีจิตใจอำมหิตเราไม่สามารถยอมรับได้”
หวงไค่ไม่ได้พูดอะไรแต่สองมือไพล่หลังกำแน่นจนส่งเสียงกระดูกหัก
“หุบปาก”
อัครเดชคำรามออกมา เสียงนี้ไม่ดังนักแต่กระแทกเข้าไปในจิตใจของทุกคน ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“ตอนนี้การต่อสู้พิสูจน์คุณค่าได้ผ่านไปแล้ว เจ้าไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรืออย่างไร”
ผู้ชมที่อยู่โดยรอบก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร กลับกันเขารู้สึกเหมือนการเรียกร้องนี้เป็นเรื่องโง่เง่า เมื่อเกิดการประลองขึ้นหากมีคนบาดเจ็บหรือพิการต้องโทษที่เจ้าอ่อนแอเอง หากสู้กันโดยมีอีกฝ่ายเสียชีวิตการตัดสินโทษในตระกูลก็มีเช่นกัน โดยขึ้นอยู่กับระดับความร้ายแรง
หวงไค่แค่นเสียงเย็นชา ยิ่งฝ่ายของเขาพูดมากขึ้นมันจะกลายเป็นเรื่องตลกเท่านั้นขณะที่เขาพยายามพูดเพื่อควบคุมสถานการณ์นพเก้าก็พูดขึ้นมา
“ลุงหวงจ้านท่านหมายความว่าอย่างไรที่ข้าโจมตีอย่างโหดเหี้ยม การโจมตีของข้ามุ่งเน้นไปที่ร่างกายภายนอกเท่านั้น หากรักษาตามมาตรฐานก็หายดีภายในหนึ่งสัปดาห์ หรือให้กินยาดีๆ สามวันก็กลับมาวิ่งเล่นได้ตามปกติแล้ว”
เป็นความจริงที่นพเก้าเลือกทำแค่นี้เพราะเห็นเป็นคนในตระกูล หากไม่ใช่เขาจะไม่เกรงใจที่จะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ
“หวงจ้านที่เจ้าพูดมาไม่ถูกต้อง ทุกการโจมตีของนพเก้าไม่มีส่วนกระทบต่อเส้นลมปราณหรืออวัยวะสำคัญ หากเจ้าไม่มั่นใจสามารถมาตรวจสอบเองได้”
จังหวะนี้แม่แต่กรรมการเองก็เข้าข้างเขาเช่นกัน ตอนนี้เขาตัดสินใจเลือกข้างอย่างเงียบๆ และเริ่มประจบประแจง
เมื่อเห็นการแสดงออกรอบตัวหวงจ้านรู้สึกอับอายเขาไม่มีหน้าจะอยู่ที่นี่ต่อไป หวงจ้านและหวงไค่จากไปอย่างเงียบๆ
“ลูกเก้า ดูเหมือนเจ้าจะซ่อนความลับไว้มากมายเหลือเกิน”
อัครเดชรู้สึกอยากพูดหยอกล้อบุตรชาย เขาสงสัยเกี่ยวกับทักษะต่อสู้ของนพเก้า แต่ก็ไม่อยากซักไซร้อะไร
“ฮ่าฮ่า ท่านพ่อข้าแค่โชคดีเล็กน้อย”
นพเก้าทำเพียงหัวเราะ หากพ่อของเขาอยากรู้ความลับเขาคิดจะบอกเมื่อถึงเวลาสำคัญ
เมื่อกรรมการได้ยินเช่นนี้มุมปากเขากระตุก เจ้าไม่คิดหรือว่าคำพูดถ่อมตัวของเจ้ามันทำให้ดูอวดดีขึ้นไปอีกจนผู้อื่นรู้สึกอยากทุบตี
เมื่อไม่มีเรื่องบันเทิงผู้คนเริ่มแยกย้ายจากไปเหลือเพียงพ่อแม่ลูก นพเก้าพูดคุยกับครอบครัวซักพักก่อนที่จะกลับไปห้องนอนของตัวเอง
ฟู่!
เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้นอนเตียงหรูหราแบบนี้ เขารู้สึกเหนื่อยล้ามากในหนึ่งวันเกิดเรื่องขึ้นมากมาย แต่เขายังหลับไม่ลง เขาเปิดช่องทรัพยากรดูผลกายาสถิต มันยังเหลือเวลาอีก 17 ชั่วโมงก่อนจะเพิ่มขึ้น 1 ชิ้น
“ระบบข้าต้องการเปิดการอธิษฐานฟรี 10 ครั้ง”
ตอนนี้ด้วยรางวัลจากระบบเขามีช่องทรัพยากร 45 ช่อง ยังเหลือใช้อีก 40 ช่อง ด้วยฐานะเศรษฐีระดับกลางเขาวางแผนที่จะเติมของมีค่าให้เต็มคลัง โดยไม่เสียเวลา เขารีบสุ่มกาชาทันที
[ติ๊ง เปิดฟังค์ชันการอธิษฐานสมบัติมงคล]
สิ้นเสียงระบบ จิตใต้สำนึกของเขาย้ายไปยังมิติเอกเทศ รอบข้างเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ด้านบนเป็นฟ้าสีครามมองไม่เห็นเส้นขอบฟ้า ด้านล่างเป็นกระจกที่สะท้อนเงาตนเอง
ฟิ้ว
ท้องฟ้าระเบิดขึ้นชั้นเมฆถูกทะลวงเป็นวงกลมดาวหางทั้งสิบดวงระเบิดลงมาตรงหน้าเขา หลังตกกระทบพื้นเมื่อลำแสงสะท้อนจนตาพร่ามัว มันหายไป ปรากฏสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมที่บรรจุภาพด้านใน 10 ภาพเรียงต่อกัน
โดยกรอบของวัตถุในนั้นในฐานะตนที่เล่นเกมก็เข้าใจทันที มันคือการแบ่งระดับของไอเทม ครั้งนี้มีไอเทมสีทอง 1 อัน สีม่วง 2 อันและสีเขียว 7 อัน ดูเหมือนครั้งแรกเขาจะกดได้ของดี ตอนนี้โชคมือใหม่เขาเหมือนจะยังไม่หมดไปตั้งแต่ได้ผลกายาสถิต
เมื่อเข้ากดไปที่ช่องโฮโลแกรมสี่เหลี่ยมกลางอากาศของระดับสีทอง ข้อมูลต่างๆ ก็แสดงขึ้น