อะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ไทย,จีน,กำลังภายใน,ดราม่า,แอ็คชั่น,แอ็คชั่น ,พระเอกเทพ,ฮาเร็ม,ระบบ,ระบบผู้ช่วย,ตลก,ผจญภัย,เจ้าสำนัก,หลายโลก,เกิดใหม่,เกิดใหม่ ,พระเอกเก่ง,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัดอะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
สนใจดูนิยายเสียง + Animation + Soundtrack + SFX ดูได้ 2 ช่องทาง:
YouTube: YAKSAHBANPHAKHAN STUDIO
Fanpage Facebook: ยักษาบรรพกาล สตูดิโอ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พล็อตเรื่อง การต่อสู้เพื่อให้ไปสู่จุดสุงสุด ไม่ นั่นมันแค่ทางผ่าน แล้วการแสวงหาความเข้าใจในมนุษย์ล่ะ นั่นก็เป็นสิ่งที่ระบบตัวติดหนึบมันวางไว้ให้เขาเช่นกัน ส่วนความจริงนั้นเป็นอะไรรึ ฮ่าฮ่า เรื่องพวกนั้นเจ้าคงต้องดูชีวประวัติของข้าจากปกรณัมเอากระมัง
นพเก้า หรืออีกชื่อที่ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญหาย 1 ใน 3 ตัวตนแห่งหายนะ “มหาบาป จูเรน” จอมทรราชผู้กบฏสวรรค์ สิ่งมีชีวิต 2 ใน 10 ส่วน หรือหลายพันล้านชีวิตจากสวรรค์ชั้นที่ 1 ล้วนตกตายด้วยน้ำมือของเขา ไม่เพียงเท่านั้น การฝ่าฝืนกฏเกณฑ์แห่งสวรรค์ สังหารลูกหลานเหล่าทวยเทพ นั่นจึงทำให้เขาถูกตามล่าโดยเต๋าสวรรค์ 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์สวรรค์ชั้นที่ 1 “ท้าวเวสสุวรรณ” แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเขาแต่อย่างใด ด้วยเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์จากพันธะสัญญาแห่งความแค้น ทำให้เขาปลุก 4 ใน 7 บัญญัติจากบรรพกาล เหล่าร่างสถิตยักษาผู้สร้างกลียุคในยุคสมัยต่างๆ ถึง 4 ตน ด้วยบัญญัติ 4 ประการ ทำให้เขาพิชิตใต้หล้าไปถึง 1 ใน 18 ของทวีปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการโดนกลืนกินจิตใจเช่นกัน
แต่แล้วก็ถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ถูกคนที่ไว้ใจทรยศหักหลัง ไม่อาจปกป้องศิษย์ผู้เป็นที่รักได้ พระเจ้าจึงมอบโอกาศให้ย้อนเวลาไปแก้แค้น นพเก้าครุ่นคิด นั่นเป็นพล็อตเกิดใหม่ตามปกติใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ดี
แต่แล้วทำไมกัน! ทำไมถึงมีแต่โลกมนุษย์ที่ย้อนเวลากลับมา บางคนที่ตายไปแล้วก็หวนคืนกลับมาพร้อมความทรงจำเดิม แม้แต่โชคชะตาบางคนก็เปลี่ยนไป บุตรแห่งสวรรค์ที่แต่ละยุคสมัยจะถือกำเนิดขึ้นในบางครั้งกลับผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด พระเจ้าช่างเล่นตลก แต่เดี๋ยวก่อน ข้าเองก็มีระบบเช่นกัน แล้วก็เป็นความผิดของมันด้วย
[ติ๊ง โฮสต์โปรดอย่าลืมภารกิจหลัก หากเจ้าทำไม่ได้ข้าก็มีสิทธิ์เลือกคนใหม่เช่นกัน]
ช้าก่อน! เฮ้อ นพเก้ารู้สึกว่าชีวิตเขารันทดเป็นอย่างมาก ต่อให้มีทรัพยากรสนับสนุนมากแค่ไหนก็ตามที เดิมทีการตามหาบุตรแห่งสวรรค์ในโลกมนาย์ก็ยากเต็มที แต่ด้วยความสามารถของหน้าจอ (ระบบ) เวรนี่ ทำให้เขาต้องข้ามเวลาไปแต่ละบรรพกาลด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่ามันน่าตลกหรือไม่ที่ข้าต้องเดินทางไปทวีปแห่งดาบและเวทย์มนตร์เพื่อไปเชิญผู้ใช้มานามาฝึกพลังปราณฟ้าดิน นั่นยังไม่รวมไปถึงจิตวิญญาณ ออร่า ฟรอซ และผู้ใช้อนิกม่าที่กำเนิดมาก่อนหมดยุคสมัย จนทำให้ถูกทุกขุมกำลังตามล่าเพราะทำให้กลียุควันสิ้นโลกเกิดขึ้นมาก่อนกำหนด
[ติ๊ง ประตูกาลเวลาพร้อมแล้ว โปรดเตรียมตัวเข้าสู่บรรพกาลที่ 2]
อะไร! นพเก้านิ่งงัน ครั้งนี้เขาคงไม่ต้องไปแย่งชิงตัวเหล่าผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญเพื่อไปปราบจอมมารอีกครั้งใช่หรือไม่
หรือไปโผล่ที่อโยธยาด้วยร่างกายสามัญแล้วต้องกลายเป็นกระสอบทรายให้นักมวยทุบตี
หรือกระทั่งไปสิงห์ร่างนักโทษแหกคุกแล้วกลายเป็นโจรสลัดถึง 2 ทศวรรษ และจบลงด้วยการเป็นแกนนำปฏิวัติทำลายระบอบการปกครองกษัตริย์ของทวีปยุโรปยุคกลางได้สำเร็จ
เฮ้อ ชีวิตล้วนไม่อาจคาดเดา เขามีแต่ต้องพยายามต่อไปเพื่อไขความลับของจักรวาลก่อนที่พวกมันจะซ้อนทับกัน และแน่นอน เขาสาบานว่าจะต้องไปตบหัวล้านของเจ้า “นนทก” บัดซบนั่นให้ได้ นอกจากเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์มันจะใช้งานสะดวกแล้ว ยังต้องมีการจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล ย้อนเวลาไปแก้ปมในจิตใจของจิตวิญญาณยักษาผู้เป็นตัวแทนของบาป 7 ประการ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในอดีตพวกมันก่อกรรมอะไรไว้บ้าง
[ติ๊ง โฮสต์โปรดอย่าท้อแท้ ในฐานะจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ มันคงไม่มีใครเลวร้ายไปกว่าเจ้า]
...
บัดซบ! นพเก้าเมินระบบแล้วก้าวเดินต่อไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ระดับพลัง
ดินแดนมนุษย์ (มี 7 ขอบเขตใหญ่)
1.หลอมศิลา ขั้นที่ 1-9
2.ขัดเกลาศิลา
3.จิตรู้แจ้ง
4.ก่อลักษณ์
5.ราชันยุทธ์
6.จักรพรรดิยุทธ์
7.จ้าวสวรรค์
ดินแดนเซียน สวรรค์ชั้นที่ 1 (ยังไม่เปิดเผย)
1.เทพศักดิ์สิทธิ์
2.???
ช่องนิยายเสียง + อนิเมชั่น + Soundtrack + SFX https://youtu.be/NA_10VAVAZk
ในเขตแดนเซียนหลักประกอบไปด้วย 36 สำนัก 9 นิกาย และ 3 แดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจันทร์เสี้ยวกำลังไปแจ้งข่าวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทพจันทรา ขณะเดียวกันก็สั่งให้ซู่ไป๋กลับไปแจ้งข่าวกับเจ้าสำนักเรียกรวมพลสำนักและนิกายภายใต้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพจันทรา
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามบุคคลสำคัญก็มากันครบถ้วน ทุกคนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เดิมทีการเรียกรวมตัวบุคคลสำคัญทั้งหมดแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะที่เจ้าสำนักต่างๆ ทักทายกันตามมารยาท บุคคลหลักก็ได้มาถึงแล้ว
จักพรรดินีเทพจันทราโผล่ขึ้นจากอากาศแล้วลอยลงมานั่งบนบัลลังค์ จักรพรรดินีผู้นี้มีนามว่าอารัคนา รูปร่างหน้าตาของนางดั่งเทพเซียน ผมยาวถึงด้านหลังและตาสีทองส่งผลให้เหมือนกับเทพอัศวินหญิงในตำนานฝั่งยุโรป ด้านหลังของนางปรากฏสภาวะของภาพจันทราส่งผลให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในห้วงเวลากลางคืนตลอดเวลา
“คารวะแด่องค์จักพรรดินี”
ทุกคนในที่นี้คุกเข่าลงหนึ่งข้างและทำท่าคำนับกษัตริย์ในแบบยุโรปยุคกลาง
เจ้าจันทร์เสี้ยวที่กำลังคุกเข่าต่อหน้านาง ขณะนี้อยู่ตรงกลางห้องโถงเพียงผู้เดียว เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตานางกลัวว่าจะเป็นการดูหมิ่นเทพ
“เจ้าจันทร์เสี้ยว เจ้ารู้ถึงผลที่ตามมาใช่หรือไม่ การเรียกรวมพลจะต้องเป็นเรื่องที่ทุกคนในแดนศักดิ์สิทธิ์ร่วมกันจัดการปัญหาเท่านั้น”
อัครสาวกหญิงด้านขวาของจักรพรรดินีพูดขึ้น
เจ้าจันทร์เสี้ยวไม่กล้ารอคอยอีกต่อไป อธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่การปรากฏตัวของบุคคลลึกลับและจักรพรรดิรุ่นเยาว์ในอาณาเขตล้าหลังที่ห่างไกล
เมื่อเขาอธิบายจนจบ เจ้าสำนักต่างๆ ที่เงียบอยู่ถึงกับพูดคุยกันด้วยความประหลาดใจ แต่ไม่มีใครกล้าอุทานออกมา กลัวจะทำให้จักรพรรดินีขุ่นเคือง
จักรพรรดินีรู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีเมื่อมีการปรากฏตัวของจักรพรรดิรุ่นเยาว์ โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ นางเพียงส่งสายตาไปหาองครักษ์ด้านซ้ายเท่านั้น
“เจ้าว่าต่อไป”
เมื่อองครักษ์เห็นสายตาของจักรพรรดินีนางรู้สึกประหลาดใจชั่วครู่
“เกี่ยวกับตัวตนของอาจารย์ลึกลับของรุ่นเยาว์ผู้นี้ข้าไม่สามารถอ่านพลังของอีกฝ่ายได้ รู้เพียงว่าแข็งแกร่งพอๆ กับเทพสงคราม”
โอว!!
ทุกคนในโถงศักดิ์สิทธิ์ประหลาดใจอีกครั้ง ในแดนศักดิ์สิทธิ์มีหัวหน้าอัศวินที่ขึ้นตรงต่อจักรพรรดินีหนึ่งคนที่บรรลุขอบเขตครึ่งก้าวเทพศักดิ์สิทธิ์ เป็นตัวตนที่สามารถสร้างผลกระทบกับทั้งภูมิภาคได้ ในอีกสองแดนศักดิ์สิทธิ์มีเทพสงครามอีกสามคนที่มีฝีมือทัดเทียมกันหรือแข็งแกร่งกว่า
“เรื่องนี้ข้าจะปล่อยให้เทพสงครามจัดการ”
จักรพรรดินีนางเพียงหลับตาแล้วส่งเสียงออกมาโดยไม่ขยับมุมปาก
“น้อมรับบัญชาฝ่าบาท”
เทพสงครามสวมเกราะอัศวินศักดิ์สิทธิ์ยืนขึ้น จากนั้นปรากฏปีกสีขาวทั้งสี่ เขากระพรือปีกแล้วกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป
“ส่วนนี่คือรางวัลของเจ้า”
กล่องโอสถสีทองปรากฏขึ้นต่อหน้าเจ้าจันทร์เสี้ยว เมื่อสุนัขล่าสัตว์มาให้อย่างน้อยเจ้าของของมันต้องตอบแทนด้วยกระดูกชิ้นใหญ่ให้บ้าง
“มันคือโอสถเบิกทางสวรรค์ ระดับ 8”
เจ้าจันทร์เสี้ยวรู้สึกตื่นเต้นระคนดีใจ ด้วยสิ่งนี้เขาจะสามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตจักรพรรดิยุทธิ์ขั้นที่ 7 ได้ ในแต่ละสามขั้นของขอบเขตแทบเป็นไปไม่ได้หากไม่มีโอสถช่วยทะลวงผ่าน ต่อให้เป็นผู้มีกายาพิเศษระดับสวรรค์ก็แทบไม่มีความแตกต่างอะไรในระดับนี้
ในขณะที่เจ้าจันทร์เสี้ยวดีใจไม่ทันไรความฉิบหายก็มาเยือน
อ๊ากกก!!
ซู่ไป๋ที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องโถงบุกเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เขาตะโกนร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะกระโจนเข้าหาเจ้าจันทร์เสี้ยว
(ไอบัดซบนี่ แกคิดว่ากำลังทำอะไรในเขตแดนศักดิ์สิทธ์ เจ้าถูกทำให้อับอายจนเป็นบ้าไปแล้วหรือ?)
ไม่มีใครคาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ซู่ไป๋เข้าใกล้เจ้าจันทร์เสี้ยวในระยะห่างไม่ถึงสิบเมตรจากนั้นตัวของเขาก็พองขยายอย่างรวดเร็วแล้วระเบิดออกกลายเป็นโลหิตพุ่งเข้าไปหาเจ้าจันทร์เสี้ยว เมื่อเขาใช้พลังศักดิ์สิทธิ์สกัดกั้นก็ไม่สามารถทำได้ โลหิตพุ่งเข้าไปทะลุตัวของเขาพร้อมกับละลายเสื้อผ้าไปทั้งหมด
ว้าย!!
สาวรับใช้ในวังต่างส่งเสียงกรีดร้อง ในขณะที่บางคนมองด้วยความขยะแขยง สิ่งนี้ไม่ต่างจากคำสาปที่จะติดตาไปจนวันตาย สามวันนี้ไม่อาจมีใครกินข้าวได้ลงและอาจเก็บไปฝันร้าย ต้องรู้ด้วยว่าเจ้าจันทร์เสี้ยวที่ภายนอกแสนสง่างาม ภายในเสื้อผ้าเป็นเพียงตาแก่ที่มีผิวเปื่อยย่นจากการถูกกาลเวลากัดกร่อนมานับสี่ร้อยปี
“นี่มันบ้าอะไรวะ!!”
เจ้าจันทร์เสี้ยวยืนอยู่กับที่โดยทำอะไรไม่ถูก เขารู้สึกเพียงอยากตายเสียตอนนี้ เขาไม่เคยเจอความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน
เขาตะโกนอย่างบ้าคลั่งก่อนจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เมื่อเห็นเช่นนี้องครักษ์ต้องการจัดการกับภาพตรงหน้าทันที นางต้องการเผาอีกฝ่ายเป็นตอตะโกเพื่อไม่ให้เป็นมลทินสายตา
แต่ก่อนที่องครักษ์จะได้ลงมือ จักรพรรดินีผู้นิ่งเงียบมาตลอดก็ส่งพลังจากมือออกไป เจ้าจันทร์เสี้ยวที่กำลังจะบ้าคลั่งกลายเป็นผุยผงในทันที
ทุกคนในห้องโถงรู้สึกหวาดกลัว นี่คืออำนาจของจักรพรรดินี ผู้ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือขอบเขตจ้าวสวรรค์ หลังจากลงมือนางกระพริบหายไปในทันที เจ้าสำนักต่างๆ ที่อยู่ที่นี่ก็แยกย้ายกันออกไป พวกเขาต้องรวมกำลังพลเพื่อตามหาบุคคลลึกลับเพื่อให้สำนักหรือนิกายของเขาได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดินี แต่มีบางส่วนที่ยังคงอยู่รวมกันหน้าโถงศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเจ้าจันทร์เสี้ยวตายไปก็ไม่มีอะไรยับยั้งพวกเขาได้อีก ในวันนี้ชื่อของสำนักจันทร์เสี้ยวหายไปตลอดกาลเหลือเพียง 35 สำนักในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทพจันทรา
เช้าวันต่อมา ขณะที่นพเก้าหลับเต็มอิ่มหลังจากไม่ได้นอนมาสองวัน เสียงระบบแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
[ติ๊ง~ ขอแสดงความยินดีต่อโฮสต์กับความสำเร็จการฆ่าครั้งแรก “ฆ่าจักรพรรดิในระยะทางหมื่นกิโลเมตรโดยไม่ต้องลงมือ” ด้วยกลอุบายของท่านส่งผลให้เจ้าจันทร์เสี้ยวตายอย่างอัปยศอดสู กลายเป็นตำนานการตายอย่างอนาถที่พูดถึงไปอีกนับร้อยปี รางวัล: ช่องทรัพยากร 25 ช่อง]
[ติ๊ง~ ขอแสดงความ ยินดีต่อโฮสต์กับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ด้วยการตายของบรรพชนสำนักจันทร์เสี้ยวส่งผลให้สำนักถูกโจมตีถูกลบทิ้งไปในชั่วข้ามคืน รางวัล: ช่องทรัพยากร 50 ช่อง]
[ติ๊ง~ ขอแสดงความยินดีท่านได้ยั่วยุตัวตนขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ “จักรพรรดินีอารัคนา” ได้สำเร็จ ส่งผลให้โฮสต์อยู่ในสภาวะวิกฤตถูกตามล่าโดยขุมกำลังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทพจันทรา โปรดพัฒนาความแข็งแกร่งโดยเร็ว รางวัล: ปลดล็อกฟังก์ชันค้นหาบุตรแห่งโชคชะตา]
นพเก้ารู้สึกโง่งมเหมือนตัวเองได้ฟังผิดไป ตัวตนขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์เหนือกว่าชาติที่แล้วของเขาสองขอบเขตใหญ่เขาจะต่อกรด้วยได้อย่างไร แต่เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วเหมือนเขาจะคาดคะเนผิดไป ดูเหมือนเขาจะประเมินตัวเองต่ำเกินไป เขาแค่อยากทำให้อีกฝ่ายอัปยศอดสูเล็กน้อยจากกับดักของเขาที่ทิ้งไว้บนตัวซู่ไป๋ หากเป็นไปตามแผนการอีกฝ่ายจะต้องกลับไปยังนิกายและถูกวิชาโลหิตกัดกร่อนเสื้อผ้าจนอยู่ในสภาพชีเปลือยแล้วไม่กล้าออกไปไหนอย่างน้อยร้อยปี
ดูเหมือนคำว่าจักรพรรดิรุ่นเยาว์จะส่งผลกระทบมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ขณะที่เขาวิตกกังวล ระบบก็ได้มอบภารกิจใหม่ให้กับเขา
[ติ๊ง~ มอบหมายภารกิจจำกัดเวลา “เปิดตัวสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนมนุษย์” โปรดรับสาวกที่เป็นบุตรแห่งโชคชะตา 5 คน ภายในหนึ่งเดือน รางวัล: ดินแดนมิติเอกลักษณ์ขนาดพื้นที่หนึ่งตารางกิโลเมตร]
“ดินแดนมิติเอกลักษณ์ มันคืออะไร?”
เขาเข้าใจคำว่าดินแดนมิตินั้นหมายถึงดินแดนลับที่สามารถเปิดได้โดยมีเงื่อนไขจากผู้สร้าง หรือดินแดนที่สร้างโดยธรรมชาติ ตามที่ผู้คนค้นพบมักจะมีสมบัติหรือดินแดนสัตว์ประหลาดด้านใน เมื่อมีการค้นพบจะถูกจับจองโดยขุมกำลังยิ่งใหญ่ทันทีต่อให้เป็นดินแดนมิติขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยได้ยินคำว่าดินแดนมิติเอกลักษณ์
[ติ๊ง~ ดินแดนมิติเอกลักษณ์คือดินแดนที่สามารถผูกมัดกับเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว สามารถหลอมรวมกับจิตสำนึกของเจ้าของและเติบโตไปด้วยกันได้ เวลาผู้ใช้งานเข้าไปในมิติสิ่งมีชีวิตในจักรวาลหลักจะไม่สามารถสัมผัสหรือบุกรุกดินแดนได้ยกเว้นขอบเขตผู้สร้างเป็นต้นไป นอกจากนี้จะไม่มีข้อจำกัดในการสร้างดินแดน สามารถสร้างได้ตามความปรารถนาแต่ต้องใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองมหาศาล]
“อย่างนี้มันไม่ต่างจากการสร้างโลกของตัวเองเลยไม่ใช่หรือ ฮ่า ฮ่า สวรรค์ ความสุขช่างมาเร็วเกินไป ด้วยสิ่งนี้ข้าจะอยู่ยงคงกระพัน”
แม้นพเก้าจะไม่รู้ว่าขอบเขตผู้สร้างสูงเพียงใด แต่มันเหนือกว่าขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ด้วยสิ่งนี้เขาสามารถอาละวาดในโลกภายนอกได้อย่างอิสระ
นพเก้าหัวเราะอย่างชั่วร้ายราวกับเด็กมีอาการป่วยโรคม.2
เมื่อระบบอ่านความคิดของบุคคลผู้นี้ ระบบรู้สึกสงสัยในการตัดสินใจเลือกเจ้านายของมัน เห็นได้ชัดว่าเจ้านายของมันเป็นพวกที่ปรารถนาให้โลกตกอยู่ในความโกลาหล มันหวังว่ามันจะคิดมากไปเอง ไม่เช่นนั้นมันอาจจะมีส่วนช่วยในการสร้างจอมทรราชที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
“ใช่แล้ว จังหวะนี้ต้องสุ่มรางวัล ข้าต้องกดกาชาให้ได้เกลือเพื่อลดความสุขที่มากเกินไป”
หลังจากดูช่องทรัพยากรตอนนี้เขามีถึง 125 ช่องจากความสำเร็จเมื่อครู่ เขายัดของล้ำค่าจากแหวนมิติของเจ้าจันทร์เสี้ยวลงไปจนหมด เมื่อเขาดูที่ช่องทรัพยากรตอนนี้มีการบรรจุ 78/125 ช่อง เขาเหลือช่องฟรีอีก 47 ช่องอย่างน้อยเขาสามารถสุ่มจำนวน 10 ครั้งได้หนึ่งรอบ
เมื่อเขาเข้ามาในมิติเอกภาพ เขากดปุ่มสุ่ม 10 ครั้งทันที และเป็นไปตามที่เขาหวังดาวตก 10 ดวงมีสีม่วง 2 ดวงเท่านั้นที่เหลือเป็นสีฟ้าหรือก็คือไอเทมระดับปฐพี
“ไอเทมขยะ”
เขานำอาวุธและโอสถระดับ 4 ใส่ลงไปในช่องทรัพยากรทันทีโดยไม่ต้องการตรวจสอบดู อาวุธเป็นของเกรดตำนานในระดับ 4 ในขณะที่โอสถส่วนใหญ่จะเป็นของซ้ำกับที่เจ้าจันทร์เสี้ยวมี หากผู้อื่นได้ยินการปฏิบัติเช่นนี้กับสมบัติระดับปฐพีพวกเขาจะรวมพลมาบรรเลงรอยเท้าบนตัวนพเก้าอย่างแน่นอน ต้องรู้ก่อนว่าต่อให้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ลูกหลานในตระกูลใหญ่ก็ยังแย่งชิงกันจนมีผู้คนนองเลือดจนถึงขั้นเสียชีวิต
เขาหันไปดูรางวัลระดับสวรรค์สองชิ้น โดยชิ้นแรกเป็นไอเทมประเภทกับดัก “ไข่หรรษา” ชื่อของมันทำให้นึกถึงตัวช่วยออกกำลังกายของสตรี มันเป็นไข่สีเขียวขนาดเล็กดูไม่ต่างจากไข่นกกระทาธรรมดา
[รางวัล: ไข่หรรษา สมบัติระดับสวรรค์ขั้นกลาง เมื่อขว้างปาโดนศัตรูจะอัญเชิญปีศาจพันธนาการออกมา ผู้ที่ถูกพันธนาการจะไม่สามารถขยับร่างกายได้ภายในหนึ่งนาที พลังสูงสุดสามารถใช้พันธนาการขอบเขตจ้าวสวรรค์ได้เท่านั้นโดยจะพันธนาการได้ 10 วินาที]
“โอว นี่มันสุดยอด”
เมื่อเห็นผลลัพธ์ของมันนพเก้าอยากจะลองใช้ทันที น่าเสียดายที่ไม่มีตัวอย่างทดลอง เขาเก็บใส่ช่องเก็บของแล้วเลือกดูสมบัติชิ้นถัดไป
[รางวัล: เสื้อคลุมมิติรัตติกาล สมบัติระดับสวรรค์ขั้นสูงสุด ถูกสร้างด้วยวิทยาการแห่งดวงดาว เมื่อครั้งอดีตเคยมีจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่สร้างความโกลาหลไปทั่วจักรวาล ไม่มีครั้งใดที่ช่วงชิงไม่สำเร็จ จนกระทั่งจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ถูกพบว่ากลายเป็นซากศพในดาวเคราะห์น้อยที่ห่างไกลจากสมาพันธ์ดวงดาว นอกจากสมบัติที่ถูกช่วงชิงไปหลายศตวรรษมีเพียงเสื้อคลุมรัตติกาลที่หายสาบสูญ]
“ครั้งนี้ข้าก็ยังได้กำไรอยู่ดี”
เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้โชคร้ายอีกต่อไป เขาหยดเลือดเพื่อทำสัญญากับเสื้อคลุมมิติรัตติกาล จากนั้นข้อมูลการใช้งานของมันถูกส่งตรงไปยังจิตสำนึกของเขา มุมปากของเขาอดที่จะกระตุกไม่ได้ ด้วยไอเทมชิ้นนี้มีเพียงขอบเขตจ้าวสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถตรวจสอบได้ หมายความว่าเมื่อเขาเดินออกไปข้างนอกเขาจะกลายเป็นอากาศที่ผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถทะลุมิติได้ในระยะ 10 เมตรโดยกินพลังงานครึ่งหนึ่งของตัวเขา
นี่ไม่ได้ถือว่าสิ้นเปลืองแต่อย่างใด หากเขาไม่สามารถแก้ปริศนาในซากปรักหักพังได้ เขาสามารถทะลุผ่านมันได้โดยตรง แต่เมื่อเขาคิดอีกทีสิ่งนี้มันสิ้นคิดเกินไปหากเข้าไปแล้วเจอกับดักอีกชั้น ดังนั้นอย่างมากเขาจะใช้ลอบสังหารในเขตแดนของศัตรูเท่านั้น
หลังจากออกจากมิติเอกภาพ เขาวางแผนว่าคืนนี้จะเข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลสาขาเพื่อสังหารคนซักเล็กน้อย ในเมื่อใช้กำลังแก้ปัญหาได้เขาก็ไม่อยากเสียเวลาไปกับการคิดแผนการต่างๆนานา เมื่อชีวิตที่แล้วสาเหตุที่ตระกูลถูกทำลายเพราะความขัดแย้งภายใน เขาจำได้ว่าเหตุการณ์ทรยศของกลุ่มตระกูลสาขามีผู้อาวุโสหวงไค่เป็นแกนนำก่อกบฏ ตาเฒ่าคนนี้เป็นน้องชายของตาของเขาซึ่งเคยแย่งชิงตำแหน่งเจ้าตระกูลและพ่ายแพ้สองครั้งให้กับตาและพ่อของเขา ช่างเป็นบุคคลไร้ความสามารถที่ชอบใช้วิธีการสกปรก
เมื่อเขาดูเวลาตอนนี้เป็นช่วง 9 โมงเช้าแล้วทุกคนก็กำลังรอเขาอยู่ที่ห้องรับประทานอาหาร ขณะนี้บุคคลสำคัญในตระกูลจับจ้องสายตามาที่เขาราวกับว่าเขาเป็นเจ้าภาพต้องส่งสัญญาณบอกก่อนทุกคนถึงกล้ารับประทาน เมื่อนพเก้ามองไปที่ฝั่งขวามีผู้นำสาขาสี่คนโดยมีหวงไค่นั่งในลำดับที่ 4 เว้นระยะห่างจากผู้อาวุโสถัดๆ ไปหนึ่งช่วง เมื่อนพเก้าเห็นผู้นำสาขาทั้งสี่เขารู้สึกเย้ยหยัน
ท่าทางของเขาดูเย็นชาขณะนี้เขาไปที่นั่งด้านซ้ายถัดจากพ่อของเขา เขากำลังรอการแสดงดีๆ ที่กำลังเกิดขึ้น
หวงไท่ที่นั่งหัวโต๊ะส่ายหัวก่อนจะยกมือบอกให้ทุกคนรับประทานได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เขาอยากดูหลานชายผู้นี้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
เมื่อผู้นำสาขาทั้งสี่เห็นเช่นนี้พวกเขาชักสีหน้าเล็กน้อย เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่แสดงความเคารพก่อนนั่งลงด้วยซ้ำ ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะคิดว่าเมื่อมีพลังอำนาจมากกว่าจะสามารถทำทุกอย่างโดยละเลยผู้หลักผู้ใหญ่ได้ มีบางเรื่องที่การใช้กำลังไม่สามารถแก้ไขได้ทุกอย่าง วันนี้พวกเขาจะสั่งสอนให้เด็กหนุ่มผู้นี้รู้จักโลกกว้างว่าเป็นอย่างไร พวกเขาลอบประเมินสายตากันและกันขณะรับประทานอาหาร บรรยากาศในห้องโถงเต็มไปด้วยความกดดัน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงหวงไค่ที่เป็นแกนนำเริ่มพูดขึ้นก่อน
“หลานเก้า ข้ารู้ว่าทุกคนได้ตัดสินใจไปแล้วให้เจ้าเป็นผู้สืบทอดหลักของตระกูล แต่ข้ายังรู้สึกว่ามีปัญหาเล็กน้อย”
ปัญหาเล็กน้อยรึ หึ นพเก้าแค่นเสียงเย็นชาพรางส่งสายตายียวนไปทางผู้อาวุโส
“หากมีอะไรท่านผู้นำสาขาก็พูดเข้าประเด็นตามตรง ข้าชอบคนที่พูดตรงไปตรงมามากกว่า”
บัดซบ!!
หวงไค่ขบฟันแน่น ท่าทางของคนผู้นี้ราวกับว่าตนเองเป็นผู้นำตระกูลที่กำลังพูดกับผู้น้อย
“แค่ก แค่ก”
หวงเม่ยส่งเสียงกระแอ่มไปทางสามีของนาง นางไม่มั่นใจว่าลูกชายของนางมีแผนการอะไรหรือไม่ถึงทำท่าทางเช่นนี้ หรือมั่นใจในพลังจนเกินไป นางส่งสายตาไปที่สามี ในฐานะที่เจ้าเป็นบิดาเจ้าจะไม่ช่วยอะไรหน่อยหรือ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการวางแผนของสุนัขเฒ่าเพื่อรังแกผู้เยาว์
อัครเดชพรางมองกลับไปและไม่แสดงท่าทางว่าจะช่วยเหลืออะไร
“ท่านแม่ ท่านเป็นหวัดหรือไม่?”
หวงชิงจู้ผู้เป็นลูกสาวถามด้วยแววตาใสซื่อ
หวงเม่ยแทบสำลัก แต่นางไม่ได้ตอบ
(ข้าเป็นผู้ฝึกปรือขอบเขตจักรพรรดิ ข้าจะไม่สบายได้อย่างไร?)
“ทุกครั้งที่ผู้สืบทอดเข้ารับตำแหน่งโดยมีผู้อาวุโสให้การสนับสนุน เมื่อวานเห็นได้ชัดว่าทุกคนตกลงเป็นฉันท์มติ ตามขนบธรรมเนียมตระกูลหวง เจ้าไม่คิดว่าควรตอบแทนน้ำใจผู้สนับสนุนเจ้าบ้างหรือ?”
หวงไค่พูดจุดประสงค์ออกมาทันที
อะไร!!
ทุกคนตกตะลึงในความหน้าด้านของตาเฒ่าผู้นี้ มันมีขนบธรรมเนียมแบบนี้ด้วยหรือ เหตุใดพวกเราถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน หากเจ้าเป็นผู้สนับสนุนจริง ใยเจ้าไม่รออีกฝ่ายขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแล้วรอรับผลประโยชน์
นพเก้าหนังตากระตุก สุนัขแก่ตัวนี้เมื่อเจ้าเริ่มเจ้าเริ่มกัดก็กัดที่หัวข้าเลยหรือ เห็นได้ชัดว่านี่คือการขู่กรรโชกต่อหน้าธารกำนัล ในขณะนี้ไม่ว่าจะขนบธรรมเนียมบ้าบอนี้จะจริงหรือไม่ หากเขาปฏิเสธมันจะเป็นการทำให้ตระกูลหลักเสียหน้า หากเขาไม่ปฏิเสธแล้วมอบของขวัญให้กับอีกฝ่ายมันจะดูทำให้เขาเป็นพวกหัวอ่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเสียหน้า นพเก้ากำลังคิดว่าหลังจบเรื่องนี้เขาจะไปลอบฆ่าบุคคลนี้ดีหรือไม่
ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสทั้งสี่จะอยากได้สมบัติจากเจ้าจันทร์เสี้ยวที่เขายึดมาได้ ด้วยการพัฒนาการสื่อสารในปัจจุบันทำให้ข่าวสารสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ข่าวเรื่องสำนักจันทร์เสี้ยวถูกผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายอธรรมทำลายถูกแพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคกลาง
“เรื่องของตอบแทนข้าสามารถให้ทุกท่านได้เช่นกัน แต่เพื่อรับประกันว่าของล้ำค่าระดับสวรรค์ขึ้นไปที่ส่งมอบให้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อาวุโสข้าจะขอปรึกษาอาจารย์ก่อน”
นพเก้าอ้างถึงอาจารย์ปลอมของเขาเป็นไม้กันหมา ต่อให้เจ้าจันทร์เสี้ยวตายไปแล้วพวกเจ้ามีความกล้าขึ้นมาก็ต้องผ่านอาจารย์ข้าไปเสียก่อน
“หยุดเสแสร้งได้แล้ว ทุกคนรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงกลอุบายของเจ้า”
หวงปิง ผู้นำสาขาที่สามพูดขึ้น หลังจากเจ้าจันทร์เสี้ยวเดินทางกลับไป ร่องรอยของภาพมายาที่สลายไปก็เผยให้เห็นพลังที่อ่อนแอกว่าขอบเขตราชันยุทธ์ด้วยซ้ำ สาเหตุเป็นเพราะยักษ์แดงเดือดใช้พลังจิตวิญญาณไปจนเกือบหมดสิ้น จึงแสดงระดับที่แท้จริงออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เอาล่ะ ก็ได้ๆ”
นพเก้าไม่เสแสร้งอีกต่อไป ดูเหมือนว่าจะหลอกสายตานับร้อยคู่ของผู้มีประสบการณ์ไม่ได้ นพเก้ายืนขึ้นจากเก้าอี้เดินไปที่ญาติฝั่งตระกูลหลักถัดจากครอบครัวของเขา
“ฮ่า อันตัวข้าผู้สืบทอดเป็นคนใจกว้างวันนี้ข้ามอบของขวัญให้กับทุกคนในที่นี้”
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคนี้ก็ลุกขึ้นคำนับให้นพเก้าเล็กน้อย การมีผู้สืบทอดหัวอ่อนเช่นนี้ก็ไม่เลวเช่นกัน
“ลุงสี่โอสถแรกกำเนิดขวดนี้คิดซะว่าข้ามอบให้เป็นของขวัญลูกชายคนที่สองของท่านเป็นอย่างไร เมื่อสัปดาห์ก่อนตัวข้ามีธุระจึงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองด้วยตัวเอง”
เขาหยิบโอสถระดับ 5 ออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ
“มิกล้า มิกล้า”
ลุงสี่ผู้นี้ดูตกใจมาก ต้องรู้ว่าโอสถระดับนี้ตัวเขาไม่เคยสัมผัสแม้แต่น้อย ด้วยโอสถนี้ลูกชายของเขาสามารถปรับสภาพกายแล้วเริ่มฝึกวรยุทธ์ได้ทันทีเมื่อครบสามปี โดยคนทั่วไปจะเริ่มฝึกเมื่ออายุครบ 5 ปี เนื่องจากสภาพร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ ด้วยสิ่งนี้ลูกชายของเขาจะมีแต้มต่อในอนาคตสามารถถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ได้
โอว!!
เมื่อสมาชิกบางคนในตระกูลเห็นเช่นนี้ถึงกับอิจฉาตาร้อน ชั่งใจกว้างเกินไปสำหรับของขวัญบุคคลระดับรองในตระกูลเช่นนี้ หากพวกเขาไม่ได้รับของตอบแทนระดับนี้พวกเขาสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมรับมัน
บรรดาพ่อแม่ของนพเก้าก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาไม่ทราบว่าสมบัติของเจ้าจันทร์เสี้ยวมีมากเพียงใด แต่การให้ของตอบแทนน้ำใจมันมากกว่าของขวัญให้หัวหน้าตระกูลคนใหม่เสียอีก หวงเม่ยดึงแขนเสื้อของอัครเดชต้องการให้เขาออกปากหยุด
นพเก้าไม่ได้คิดอะไรมาก สำหรับเขาสิ่งเหล่านี้มันไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากนี้ในคลังทรัพยากรที่ให้ผลตอบแทนเท่าทวีเขาไม่ได้ขาดแคลนโอสถแต่อย่างใด เขาเดินไปที่ญาติลำดับถัดไป
“น้าเหมย พักนี้ท่านคงเหนื่อยจากอาการพักผ่อนไม่เพียงพอหรือไม่ ทำไมไม่รับสิ่งนี้ไปเสียหล่ะ”
เขาหยิบกล่องโอสถวารีเร้นลับออกมา ซึ่งเป็นโอสถระดับ 6
“แหม หลานเก้าช่างเป็นห่วงเป็นใยจริงๆ ข้าขอรับไว้ด้วยความเต็มใจ”
น้าเหมยที่รับกล่องโดยกลัวว่าเขาจะดึงกลับคืน จากนั้นนางเปิดกล่องไม้ออก ภายในบรรจุโอสถวารีเล้นลับจริงๆ หนำซ้ำยังเป็นระดับสมบูรณ์ หลังตรวจสอบนางมองไปที่ผู้คนรอบตัวก่อนที่จะรีบเก็บกลับไป
“เชี่ย!”
คราวนี้หวงไค่ไม่สามารถเก็บอาการไว้ได้ เขาลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้ตั้งใจ เจ้าให้โอสถระดับ 6 เป็นของบำรุงร่างกาย เจ้าคิดว่ามันเป็นกะหล่ำปลีตามท้องตลาดหรือ
“โอว ข้าลืมไปว่าวันนี้มีนัดกับปรมาจารณ์เยี่ย เขาต้องการปรึกษาข้าเรื่องการประเมินวัตถุโบราณ ท่านผู้นำตระกูลข้าขอตัวก่อน”
น้าเหมยผู้นี้นางหาข้ออ้างจากไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ดึงลุงสี่สามีของนางห้อยติดไปด้วย
หลังจากประตูปิดลง ทุกคนก็ได้สติ เกิดอะไรขึ้นทำไมนางถึงจากไปเร็วแบบนี้ ลืมมารยาทพื้นฐานไปหรือไม่ว่าหากผู้นำตระกูลเรียกประชุมด่วนทุกคนไม่มีสิทธิ์ออกไปได้ หลายคนที่มีไหวพริบค่อนข้างดีก็นึกถึงความเป็นไปได้หนึ่ง
“เจ้าว่าสิ่งที่คุณชายใหญ่ทำนี่เป็นเพียงการแสดงหรือไม่ ยังไงสมบัติที่นำออกมามันล้ำค่าเกินไป แม้แต่เจ้าตระกูลก็ใช่ว่าจะมี”
“แน่นอน หลังจากเรื่องจบลง เจ้าหนุ่มนี่จะต้องบุกเข้าไปทวงของคืนอย่างลับๆ อย่างแน่นอนโดยปิดปากทุกคนด้วยสมบัติระดับต่ำกว่า ผู้ที่ถูกทวงคืนอย่างน้อยก็ได้ประโยชน์บ้างเล็กน้อยแลกกลับให้ปิดปากเงียบ”
เมื่อทุกคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็ได้ข้อสรุป พวกเขาหันไปมองที่ผู้สืบทอดหนุ่ม
ช่างร้ายกาจ!!
ขณะที่ทุกคนคิดไปเอง การแสดงหลักก็กำลังเริ่มขึ้น นพเก้าเดินไปหาญาติคนที่ 3 นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลูกพี่ลูกน้องของเขา
“พี่สาวหนิง ข้ามีโอสถบำรุงโลหิตระดับ 3 ข้าจะให้ท่าน 2 ขวด เนื่องจากการให้สารอาหารตั้งแต่อยู่ในท้องทำให้มีโอกาสที่จะมีกายาวิเศษเพิ่มขึ้นตั้งแต่เกิด”