อะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ไทย,จีน,กำลังภายใน,ดราม่า,แอ็คชั่น,แอ็คชั่น ,พระเอกเทพ,ฮาเร็ม,ระบบ,ระบบผู้ช่วย,ตลก,ผจญภัย,เจ้าสำนัก,หลายโลก,เกิดใหม่,เกิดใหม่ ,พระเอกเก่ง,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัดอะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
สนใจดูนิยายเสียง + Animation + Soundtrack + SFX ดูได้ 2 ช่องทาง:
YouTube: YAKSAHBANPHAKHAN STUDIO
Fanpage Facebook: ยักษาบรรพกาล สตูดิโอ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พล็อตเรื่อง การต่อสู้เพื่อให้ไปสู่จุดสุงสุด ไม่ นั่นมันแค่ทางผ่าน แล้วการแสวงหาความเข้าใจในมนุษย์ล่ะ นั่นก็เป็นสิ่งที่ระบบตัวติดหนึบมันวางไว้ให้เขาเช่นกัน ส่วนความจริงนั้นเป็นอะไรรึ ฮ่าฮ่า เรื่องพวกนั้นเจ้าคงต้องดูชีวประวัติของข้าจากปกรณัมเอากระมัง
นพเก้า หรืออีกชื่อที่ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญหาย 1 ใน 3 ตัวตนแห่งหายนะ “มหาบาป จูเรน” จอมทรราชผู้กบฏสวรรค์ สิ่งมีชีวิต 2 ใน 10 ส่วน หรือหลายพันล้านชีวิตจากสวรรค์ชั้นที่ 1 ล้วนตกตายด้วยน้ำมือของเขา ไม่เพียงเท่านั้น การฝ่าฝืนกฏเกณฑ์แห่งสวรรค์ สังหารลูกหลานเหล่าทวยเทพ นั่นจึงทำให้เขาถูกตามล่าโดยเต๋าสวรรค์ 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์สวรรค์ชั้นที่ 1 “ท้าวเวสสุวรรณ” แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเขาแต่อย่างใด ด้วยเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์จากพันธะสัญญาแห่งความแค้น ทำให้เขาปลุก 4 ใน 7 บัญญัติจากบรรพกาล เหล่าร่างสถิตยักษาผู้สร้างกลียุคในยุคสมัยต่างๆ ถึง 4 ตน ด้วยบัญญัติ 4 ประการ ทำให้เขาพิชิตใต้หล้าไปถึง 1 ใน 18 ของทวีปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการโดนกลืนกินจิตใจเช่นกัน
แต่แล้วก็ถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ถูกคนที่ไว้ใจทรยศหักหลัง ไม่อาจปกป้องศิษย์ผู้เป็นที่รักได้ พระเจ้าจึงมอบโอกาศให้ย้อนเวลาไปแก้แค้น นพเก้าครุ่นคิด นั่นเป็นพล็อตเกิดใหม่ตามปกติใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ดี
แต่แล้วทำไมกัน! ทำไมถึงมีแต่โลกมนุษย์ที่ย้อนเวลากลับมา บางคนที่ตายไปแล้วก็หวนคืนกลับมาพร้อมความทรงจำเดิม แม้แต่โชคชะตาบางคนก็เปลี่ยนไป บุตรแห่งสวรรค์ที่แต่ละยุคสมัยจะถือกำเนิดขึ้นในบางครั้งกลับผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด พระเจ้าช่างเล่นตลก แต่เดี๋ยวก่อน ข้าเองก็มีระบบเช่นกัน แล้วก็เป็นความผิดของมันด้วย
[ติ๊ง โฮสต์โปรดอย่าลืมภารกิจหลัก หากเจ้าทำไม่ได้ข้าก็มีสิทธิ์เลือกคนใหม่เช่นกัน]
ช้าก่อน! เฮ้อ นพเก้ารู้สึกว่าชีวิตเขารันทดเป็นอย่างมาก ต่อให้มีทรัพยากรสนับสนุนมากแค่ไหนก็ตามที เดิมทีการตามหาบุตรแห่งสวรรค์ในโลกมนาย์ก็ยากเต็มที แต่ด้วยความสามารถของหน้าจอ (ระบบ) เวรนี่ ทำให้เขาต้องข้ามเวลาไปแต่ละบรรพกาลด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่ามันน่าตลกหรือไม่ที่ข้าต้องเดินทางไปทวีปแห่งดาบและเวทย์มนตร์เพื่อไปเชิญผู้ใช้มานามาฝึกพลังปราณฟ้าดิน นั่นยังไม่รวมไปถึงจิตวิญญาณ ออร่า ฟรอซ และผู้ใช้อนิกม่าที่กำเนิดมาก่อนหมดยุคสมัย จนทำให้ถูกทุกขุมกำลังตามล่าเพราะทำให้กลียุควันสิ้นโลกเกิดขึ้นมาก่อนกำหนด
[ติ๊ง ประตูกาลเวลาพร้อมแล้ว โปรดเตรียมตัวเข้าสู่บรรพกาลที่ 2]
อะไร! นพเก้านิ่งงัน ครั้งนี้เขาคงไม่ต้องไปแย่งชิงตัวเหล่าผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญเพื่อไปปราบจอมมารอีกครั้งใช่หรือไม่
หรือไปโผล่ที่อโยธยาด้วยร่างกายสามัญแล้วต้องกลายเป็นกระสอบทรายให้นักมวยทุบตี
หรือกระทั่งไปสิงห์ร่างนักโทษแหกคุกแล้วกลายเป็นโจรสลัดถึง 2 ทศวรรษ และจบลงด้วยการเป็นแกนนำปฏิวัติทำลายระบอบการปกครองกษัตริย์ของทวีปยุโรปยุคกลางได้สำเร็จ
เฮ้อ ชีวิตล้วนไม่อาจคาดเดา เขามีแต่ต้องพยายามต่อไปเพื่อไขความลับของจักรวาลก่อนที่พวกมันจะซ้อนทับกัน และแน่นอน เขาสาบานว่าจะต้องไปตบหัวล้านของเจ้า “นนทก” บัดซบนั่นให้ได้ นอกจากเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์มันจะใช้งานสะดวกแล้ว ยังต้องมีการจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล ย้อนเวลาไปแก้ปมในจิตใจของจิตวิญญาณยักษาผู้เป็นตัวแทนของบาป 7 ประการ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในอดีตพวกมันก่อกรรมอะไรไว้บ้าง
[ติ๊ง โฮสต์โปรดอย่าท้อแท้ ในฐานะจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ มันคงไม่มีใครเลวร้ายไปกว่าเจ้า]
...
บัดซบ! นพเก้าเมินระบบแล้วก้าวเดินต่อไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ระดับพลัง
ดินแดนมนุษย์ (มี 7 ขอบเขตใหญ่)
1.หลอมศิลา ขั้นที่ 1-9
2.ขัดเกลาศิลา
3.จิตรู้แจ้ง
4.ก่อลักษณ์
5.ราชันยุทธ์
6.จักรพรรดิยุทธ์
7.จ้าวสวรรค์
ดินแดนเซียน สวรรค์ชั้นที่ 1 (ยังไม่เปิดเผย)
1.เทพศักดิ์สิทธิ์
2.???
ช่องนิยายเสียง + อนิเมชั่น + Soundtrack + SFX https://youtu.be/PN0RvTE9UjM?si=70sGpwWN4hyeBDEs
เสียงร้องของซูหลันลอยออกมานอกห้องเป็นระยะๆ ผู้อาวุโสหลายคนที่พึ่งมาถึงก็พอเข้าใจเหตุการณ์มาบ้าง นี่คือการถือกำเนิดของบุตรแห่งสวรรค์อย่างแท้จริง หลายๆ คนต่างแสดงความยินดีกับหวงไท่โดยหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานมากขึ้นในอนาคต
ขณะนี้จิตใจของหวงไท่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแม้แต่น้อย เขามีชีวิตอยู่มาเกือบร้อยปีและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาละความกังวลบางส่วนไปได้ เขาคิดว่าหลังจากนี้จะปลีกวิเวกใช้ชีวิตฝึกฝนอย่างสันโดษเพื่อทะลวงขอบเขตราชันยุทธ์ เขาเหลืออีกเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น หน้าที่ทุกอย่างเขาจะมอบให้อัครเดชทั้งหมดในภายภาคหน้า นอกจากนี้
“ฮิฮิ ใกล้ถึงเวลากินแล้ว”
โดยที่ไม่มีใครได้ยิน หวงไท่แสดงรอยยิ้มฉีกกว้างและสีหน้าประหลาดออกมา มีเพียงผู้อาวุโสคนสนิทของเขาเท่านั้นที่เห็นภาพเหตุการณ์ประหลาดนี้
(เมื่อกี้นี้มันอะไร ทำไมแว็บหนึ่งข้าเห็นหน้าของสัตว์ประหลาด?)
ผู้อาวุโสท่านนี้กะพริบตา จากนั้นก็ส่ายหัว ดูเหมือนช่วงนี้เขาจะดูบอลดึกเกินไป
“เอาล่ะ ในเมื่อมากันครบทุกคนแล้ว ข้ามีบางเรื่องที่ต้องชี้แจง”
หวงไท่พูดขึ้น
ผู้อาวุโสหลักในตระกูลเก็บอากัปกิริยาทันที ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ จากนั้นหวงไท่กำชับผู้อาวุโสทั้งหมดให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับชั่วคราว เขาต้องรอให้เด็กน้อยผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ซะก่อนถึงวางใจได้ หากมีศัตรูรู้ว่ามีการให้กำเนิดบุตรกายาสวรรค์ในตระกูลจะต้องเฝ้าระวังการลอบสังหารอยู่ทุกวี่วัน ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นระดับเซียน
“แต่ว่าผู้อาวุโสใหญ่ เหตุการณ์กำเนิดบุตรแห่งสวรรค์ไม่สามารถปกปิดได้”
บางคนพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
“อืม”
หวงไท่รูปเคราด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้บนท้องฟ้าเริ่มปรากฏสัญญาณพายุพลังปราณซึ่งเป็นสัญญาณของการกำเนิดสมบัติล้ำค่า
“ตั้งแต่วันนี้กระจายข่าวออกไปซะ ว่าตระกูลหลักได้ให้กำเนิดทายาทกายาสวรรค์ ด้วยตัวตนของนพเก้าจะไม่มีใครกล้าทำร้ายตระกูลของเราแน่นอน”
หวงไท่ตัดสินใจแล้ว ด้วยตัวตนระดับจักรพรรดิต่อให้ตระกูลฉินส่งมือสังหารมาก็ไม่สามารถหลุดรอดจากสายตาหลานชายของเขาได้ ยกเว้นเสียแต่อีกฝ่ายจะส่งจักรพรรดิยุทธ์เร้นกายมาเสียเอง
ภายในห้องการแพทย์ ท่ามกลางหมออาวุโส สามพ่อแม่ลูกคอยให้กำลังใจอยู่ตรงกลาง ซูหลันไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ต่อให้เป็นการฝึกเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็ตาม
“ใกล้แล้ว อีกนิดเดียว”
แม่หมอเหงื่อออกเต็มศีรษะ นางกำลังค้ำหัวเด็กออกมา
“ซูหลัน เจ้าอดทนอีกหน่อยนะ”
นพเก้าคอยนวดมือให้กำลังใจอยู่ข้างเตียง
ขณะที่นางรู้สึกไม่อยากทนอีกต่อไป นางก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่อบอุ่นโดยมีพลังศักดิ์สิทธิ์ขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์คอยปรับสภาพร่างกายของนางอย่างช้าๆ นางรู้สึกเหตุการณ์นี้ประหลาดเป็นอย่างมาก ไม่ถึงหนึ่งวันนางก็กำลังจะกลายเป็นคุณนายของตระกูลหวงไปเสียแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงร้องของเด็กก็ได้ดังออกมากระจายไปถึงด้านนอก
“สำเร็จแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ยินดีด้วย”
ช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ผ่านไปแล้ว ทำให้ทุกคนรู้สึกหายกังวลเป็นปลิดทิ้ง
“หืม เกิดอะไรขึ้น นี่มันเหตุการณ์ปลุกกายาใช่หรือไม่?”
บางคนอุทานออกมา ชั่วชีวิตเขาไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อน โดยปกติผู้ที่ปลุกกายาจะทำได้ก็ต่อเมื่อฝึกฝนจนครบเงื่อนไขแล้วเท่านั้น แตกต่างจากทารกผู้นี้ที่ปลุกพรสวรรค์หลังคลอดออกมา
“ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆ”
สัมผัสเช่นนี้มันคือกายาเซียนอย่างแท้จริง หวงไท่รู้สึกเวียนหัว ในประวัติศาสตร์ตระกูลหวงไม่เคยให้กำเนิดอัจฉริยะระดับนี้มาก่อน
ตูม!!
ปรากฏการณ์ฟ้าดินเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายคนนอกห้องโถงทำตามคำสั่งหวงไท่ กระจายไปปิดล้อมตระกูลหวงทุกทิศทาง หากมีผู้บุกรุกสังหารให้สิ้นไม่ต้องมีความปรานีใดๆ
ขณะเดียวกันในห้องการแพทย์ ทารกน้อยกำลังส่องแสงสีแดงลอยอยู่กลางอากาศทำให้บริเวณโดยรอบถูกเผาไหม้ โชคดีที่นพเก้าอยู่ด้วย เขาปิดกั้นพลังทั้งหมดเพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นเด็กทารกก็ลอยเข้าหาอ้อมแขนของซูหลัน ตรงกลางหน้าผากของทารกน้อยเกิดสัญลักษณ์ดอกไม้สีชาดขึ้น
“มันคือกายาสีชาดจริงๆ!!”
ซูหลันรู้สึกปีติยินดีด้วยน้ำตา นางไม่คาดคิดว่าสิ่งที่สามีของนางพูดออกมาจะเป็นความจริง ความเชื่อใจที่นางมีต่อนพเก้าเริ่มเพิ่มขึ้น ด้วยคุณสมบัตินี้บุตรชายของนางจะสามารถสืบทอดราชบัลลังก์ได้โดยไร้ข้อกังขา
“บุตรชายล่ะ ฮ่าฮ่า ข้าได้หลานชาย”
อัครเดชโอบกอดภรรยาด้วยความยินดี
“เจ้ายังจำเป็นต้องพักฟื้นอยู่ กินนี่ซะก่อน ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีพลังเพียงพอหล่อเลี้ยงทารกน้อยคนนี้”
นพเก้าหยิบโอสถฟื้นฟูสภาพร่างกายระดับ 7 ออกมาหนึ่งขวด
“ไม่! สิ่งนี้มันล้ำค่าเกินไป”
ซูหลันรู้สึกตกตะลึง ผู้ชายคนนี้นำของมีค่าเช่นนี้ออกมามอบให้ได้อย่างไร มันคือโอสถฟื้นฟูระดับ 7 ต่อให้เป็นราชวงศ์ก็จะเลือกใช้ในสถานการณ์เป็นตายเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า เจ้ารับไว้เถอะ เจ้ากำลังดูถูกความร่ำรวยของสามีผู้นี้มากเกินไป”
เขาหยิบโอสถออกมาอีกขวดจากช่องทรัพยากร จากนั้นก็ยัดใส่มือของนางโดยไม่มีความหวงแหนแม้แต่น้อย
ซูหลันรู้สึกงุนงง อย่างไรก็ตามนางเลิกคิดมากแล้วยอมกินแต่โดยดีเมื่อนพเก้าป้อนให้ นางยังคงนอนโคจรพลังปราณเพื่อฟื้นฟูร่างกายแล้วคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปในชีวิตดี นางยังควรไปโรงเรียนอยู่หรือไม่ ตอนนี้นางเป็นแม่คนแล้ว แต่ก็ยังอยากไล่ตามความฝันไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลก
“ที่รัก~ เราจะตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่าอย่างไรดี?”
หวงเม่ยถามสามีของนาง
“นพเก้า เจ้าควรตัดสินใจ”
อัครเดชยกหน้าที่นี้ให้นพเก้า เขาตั้งชื่อคนไม่เก่งนัก แม้แต่ชื่อไทยของนพเก้าก็ต้องให้ภรรยาตั้งให้
“ต่อไปนี้บุตรของข้าจะมีชื่อว่าด-”
“หยุดเลย เจ้าคงไม่ตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่าแดงใช่หรือไม่?”
หวงเม่ยพูดขัดขึ้น นางรู้สึกว่าเซนต์การตั้งชื่อของนพเก้าห่วยพอๆ กับพ่อของเขาที่ชอบเอาสถานการณ์ตรงหน้ามารวมกัน
“ซูหลัน เจ้าเป็นคนตั้งให้เป็นอย่างไร?”
นพเก้าหันไปถามภรรยาใหม่ผู้นี้ เขาไม่ต้องการกระตุ้นอารมณ์มารดาของเขา
“ข้าคิดว่าเจ้าควรชื่อซูไท่หยาง”
นางคิดชื่อนี้ไว้สักพักแล้ว
“ไท่หยางหรือ ดี ดี”
อัครเดชไม่รู้ว่ามันเหมาะหรือไม่ แต่เขาคิดว่าดีกว่าให้เขาสองพ่อลูกตั้งกันเอาเอง
“พวกเราออกไปกันเถอะ ปล่อยให้พวกเขาใช้เวลาด้วยกันบ้าง”
อัครเดชรู้สึกว่าควรปล่อยให้หนุ่มสาวได้ปรับความเข้าใจกัน
โดยไม่รั้งรออีกต่อไป ทั้งห้องเหลือเพียงนพเก้าและซูหลันกับบุตรทารก
“เจ้าถามมาได้เลย ข้าจะบอกทุกอย่าง”
นพเก้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไป
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือซ่งอวี้หาน?”
นางถามคำถามที่อยากรู้ที่สุด
“ข้าเกิดมาพร้อมกับเนตรหมื่นสวรรค์”
นพเก้าอธิบายโดยปรุงแต่งบางส่วนให้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับระบบ
“สรุปแล้วเจ้ารู้แต่แรกว่าข้าเป็นใคร?”
ซูหลันรู้สึกคำอธิบายนั้นแปลกๆ หากเขารู้ตั้งแต่แรก ทำไมก่อนหน้านี้ตลอดสี่ปีถึงตามหาเรื่องนางตลอดเมื่อนางอยู่กับฉินโหย่วเอ๋อ
“ข้า”
หากให้บอกไปมากกว่านี้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา เขาเลือกที่จะเงียบไว้ พวกเขาแลกเปลี่ยนคำถามกันต่อไปเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น มันเป็นเรื่องช่วยที่ไม่ได้ในเมื่อทั้งคู่มีความสัมพันธ์เป็นสามีภรรยากันแล้ว
“เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป คิดจะกลับไปที่ราชวงศ์หรือไม่?”
นพเก้าถามคำถามที่สำคัญที่สุดก่อน
“ตอนนี้ยัง ข้าต้องการแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ก่อน”
นางวางแผนว่าเมื่อทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชันยุทธ์ นางจะหวังพึ่งความสัมพันธ์กับตระกูลฉินเพื่อไล่ต้อนพี่ชายของนางลงสู่ราชบัลลังก์ ตอนนี้กษัตริย์ประชวรอย่างหนักยังอยู่ในอาการโคม่า พี่ชายของนางใช้โอกาสนี้ยึดครองบัลลังก์และไล่เข่นฆ่าพี่น้องทุกคนที่ต่อต้าน นางก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน นางไม่สามารถยอมรับได้ หากให้คนโหดเหี้ยมเช่นนี้ปกครองประชาชน มันมีแต่จะนำไปสู่ความอดอยากและการนองเลือด
“อืม ไม่เป็นไร หากเจ้าเปลี่ยนใจเจ้าสามารถอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ หรือหากเจ้าต้องการยึดบัลลังก์คืนก็อย่าลืมว่ายังมีข้าอยู่ด้วย ตอนนี้ข้าอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงสุด”
นพเก้าพูดถึงพลังอำนาจในชาติที่แล้วโดยไม่ปิดบัง
อะไรนะ!
ต้องรู้ก่อนว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในราชวังอยู่ในระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูงสุดเช่นกัน โดยมีหัวหน้าอัศวินที่รับใช้พ่อของนาง และราชครูขององค์ชายลำดับที่ 1 สามีของนางผู้นี้พึ่งจะอายุ 18 ปีเท่านั้น มันน่าเหลือเชื่อเกินไป ต่อให้ฝึกปรือตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาก็ไม่ควรจะแข็งแกร่งได้รวดเร็วขนาดนี้ หากให้เวลาอีก 10 ปี นางเชื่อว่าด้วยความช่วยเหลือของเขา นางจะสามารถกำราบทุกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
“ตอนนี้เจ้ามีสมบัติมากแค่ไหน?”
หลังจากนางพูดไปแล้วนางก็รู้สึกเขินอาย นางพึ่งมาถึงที่นี่วันเดียวก็ขอดูทรัพย์สินของฝั่งสามี มันถือเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจหรือไม่
เป็นโอกาสดีที่จะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ เขาหยิบสมบัติล้ำค่า โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับต่างๆ ออกมาเรียงรายต่อหน้านาง
ซูหลันถึงกับอ้าปากค้าง เหตุใดสามีของนางถึงได้ร่ำรวยเช่นนี้
“เจ้าพักผ่อนต่อสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวที่เหลือข้าจะให้แม่บ้านรับช่วงต่อเอง”
นพเก้าไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน และก็ไม่สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน ก่อนเขาจากไปเขาหยิบโอสถระดับ 5 ขึ้นไปมากกว่าสิบขวดใส่มือของนางแล้วเดินจากไป เขาทำกับสิ่งของมีค่าเช่นนี้ราวกับให้ค่าขนมอย่างไรอย่างนั้น
ที่ห้องโถงอาหาร วันนี้ทุกคนก็มาประชุมกันอีกครั้ง แต่รอบนี้เจ้าภาพหลักเป็นหวงไท่ เขาเริ่มพูดถึงการวางแผนของหวงไค่ทันที สาเหตุที่เขาไม่เชิญตระกูลสาขามาด้วยเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าจะมีคนทรยศอีกหรือไม่
“ฮึม! วางแผนควบคุมศพบรรพบุรุษอย่างนั้นรึ พวกมันสมควรตายจริงๆ”
ผู้อาวุโสทุกคนคิดว่าหวงไค่ล้ำเส้นเกินไป นอกจากนี้ยังร่วมมือกับพรรคมาร ในสถานการณ์เช่นนี้มีทางแก้ไขเดียวคือการล้างบางตระกูลสาขาที่สองออกไปเท่านั้น
หลังจากประชุมเสร็จ พวกเขาวางแผนว่าจะมุ่งตรงไปยังตระกูลสาขาที่สองทันที พวกเขาไม่รู้ว่าพรรคมารจะลงมือกระทำเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามตระกูลหลักของพวกเขามีจักรพรรดิรุ่นเยาว์ การกำจัดอีกฝ่ายคงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร
“แย่แล้ว!! หวงไค่หนีไปแล้ว”
ผู้อาวุโสที่เป็นหน่วยสอดแนมคนหนึ่งบุกเข้ามา
“อะไร!”
พวกเขางุนงง อีกฝ่ายมันรู้ได้อย่างไร หรือมีคนทรยศในหมู่พวกเขา
“หนีไปทั้งหมดกี่คน?”
หวงไท่สั่งให้ทุกคนหยุด การสงสัยบุคคลรอบตัวในสถานการณ์เช่นนี้มีแต่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ศัตรู
“มีทั้งหมด 12 คนที่หนีไป ส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโสต่างๆ และหวงอวี้เฟย”
หน่วยสอดแนมรายงาน
“ดูเหมือนผู้ทรยศทั้งหมดจะหนีไปแล้ว เราจะเอาอย่างไรต่อ?”
ทุกคนไม่กล้าตัดสินใจได้แต่มองดูหวงไท่
หวงไท่ไม่พูดอะไร เพียงเอามือตบโต๊ะด้วยมือทั้งสองข้าง ความหมายก็คือให้กำจัดทุกคนในตระกูลสาขาที่สองให้หมดสิ้น
“ผู้อาวุโส ที่สุสานมีอะไรผิดปกติหรือไม่?”
อัครเดชพูดขึ้น เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะใช้สถานการณ์วุ่นวายนี้ในการขโมยศพออกไปทำหุ่นเชิด
“เราจับตาดูอยู่ตลอด ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ”
หน่วยสอดแนมโดยตามกฎจะมีสามคน โดยทั้งสามคนจะรายงานสถานการณ์ทุกพื้นที่ที่รับหน้าที่เฝ้าระวังในทุกหนึ่งก้านธูป ซึ่งเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากไม่ทำตามก็เตรียมโดนเชือดได้เลย เขาจึงมั่นใจว่าจะไม่มีคนทรยศในหน่วยงาน
อย่างไรก็ตามทุกคนยังไม่วางใจ หลังจากส่งผู้อาวุโสหลักส่วนหนึ่งไปตรวจสอบ ส่วนใหญ่ได้บุกเข้าไปในตระกูลสาขาที่สองทำการสังหารคนทั้งหมดและกระจายข่าวไปยังตระกูลสาขาทั้งหมดที่เหลือ เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู
นพเก้าก็สังเกตอยู่รอบนอกเช่นกัน ดูเหมือนหวงไค่และหวงอี้เฟยจะถูกบุคคลภายนอกที่มีทักษะเร้นกายช่วยออกไป บางทีอาจเป็นหัวหน้าพรรคเหยี่ยวทมิฬ เขาเชื่อว่ามันต้องมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างที่พรรคมารต้องการติดมือหวงไค่ไปด้วย
หลังจากรุ่งสางการดำเนินการต่างๆ ได้สิ้นสุดลง ต้องบอกว่าการจัดการของทุกคนทำได้อย่างหมดจด ในตระกูลสาขาทุกอย่างสะอาดหมดจดขาดเพียงไร้ศพผู้คนเท่านั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีการใดจึงจัดการได้โดยไม่เหลือเลือดซักหยดตามพื้นดิน
หวงไท่ประกาศเรื่องการทรยศของตระกูลสาขาที่สองและมอบฉันทะในการดูแลหอเก็บคัมภีร์ให้กับตระกูลสาขาที่สี่ ตามจริงเขาอยากจะเลือกสาขาที่สามเช่นกัน แต่เพราะวันก่อนอีกฝ่ายถูกลงโทษตามกฎตระกูลไปแล้วทำให้ตอนนี้ไร้เสาหลัก เขาต้องปล่อยให้ตระกูลสาขาที่สี่ที่อ่อนแอกว่าสาขาที่หนึ่งฝ่าฟันสถานการณ์ช่วงเติบโตนี้ไปเอง พวกเขาตระกูลหลักเป็นเพียงเสือที่ต้องดูสุนัขกัดกันเท่านั้น ตอนนี้เรียกได้ว่าเหลือเพียงสองตระกูลสาขาเท่านั้น
สำหรับตระกูลสาขาที่สามที่มีผู้อาวุโสปรุงยาระดับ 3 ดาวขั้นสูงหนึ่งคน พวกเขาเองก็ไม่อยากทำให้ขุ่นเคืองเพราะมีโอกาสที่อีกไม่กี่ปีผู้อาวุโสท่านนั้นจะก้าวเข้าสู่ระดับ 4 ดาว หากอีกฝ่ายจากไปเพราะความโกรธ ต่อให้เป็นตระกูลหวงก็ไม่สามารถห้ามได้ ไม่มีใครในเมืองเวสสุวรรณกล้าละเลยการเคารพนักปรุงยาระดับกลาง
ในตึกร้างแห่งหนึ่งของเมืองเก่าที่ถูกอสูรทำลาย หวงไค่กำลังเทน้ำยาลงบนแผลสดที่แขนขวา ครั้งนี้โชคดีที่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาพาคนในครอบครัวออกมาได้ เขาหวังเพียงแค่พี่ชายของเขาจะมีความเมตตาอยู่บ้าง เนื่องจากทุกคนในตระกูลสาขาที่สองเป็นผู้บริสุทธิ์เกือบทั้งหมด นอกจากผู้อาวุโสบางส่วนแล้ว มีเพียงเขาและหลานชายเท่านั้นที่กระทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้
ฟรึบ!
จู่ๆ ก็มีเงาดำปรากฏออกมาจากพื้นโดยไม่มีการให้สุ้มให้เสียงแม้แต่น้อย
ชิ้ง!
หวงอวี้เฟยชักกระบี่ออกจากฝักเตรียมลงมือ
“ช้าก่อน”
หวงไค่ยกมือซ้ายขึ้นห้าม อีกฝ่ายคือหัวหน้าพรรคเหยี่ยวทมิฬ หากไม่ใช่เพราะสหายผู้นี้แจ้งข่าวให้เขาทราบ เขาคงจบสิ้นไปแล้ว
“ของได้เอามาหรือไม่?”
น้ำเสียงของเหยี่ยวทมิฬยังคงเย็นชาเช่นเดิม
“แค่ก แค่ก ของอยู่ที่นี่ เจ้ายังคงไม่ลืมข้อตกลงใช่หรือไม่?”
หวงไค่พูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวลราวกับว่าอีกฝ่ายอาจกลับคำพูด ตอนนี้พวกเขาไม่มีที่ให้ไปแล้ว เขาจึงได้แต่ใช้บันทึกลับเล่มสีดำมาเป็นข้อต่อรอง สิ่งนี้ถูกเก็บผนึกไว้ชั้นบนสุดของหอเก็บคัมภีร์ มีเพียงหวงไท่เท่านั้นที่มีกุญแจเพื่อนำออกมาได้ เมื่อสิบปีก่อนหลังงานเลี้ยงฉลองเขาได้แอบสับเปลี่ยนเป็นของปลอมไป เขาเคยเข้าไปเปิดดูหนังสือเล่มนี้หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ทุกหน้าล้วนว่างเปล่า แม้แต่ตอนนี้ก็ยังมิอาจมีใครรู้ความลับของมันได้
“ข้าขอสัญญาในนามพรรคเหยี่ยวทมิฬ”
ต่อให้อยู่ในพรรคมารเขาก็เป็นคนมีหลักการ เหยี่ยวทมิฬไม่เคยผิดคำพูด เนื่องจากเขาต้องรักษาชื่อเสียงเพื่อการขายข่าวกรอง
เหยี่ยวทมิฬหยิบหนังสือลับที่ลอยมาหา จากนั้นเขาหยดเลือดลงไป ไม่นานก็ปรากฏภาพอักขระลึกลับในหน้าหนังสือ
“เจ้าทำสิ่งนี้ได้อย่างไร?”
หวงไค่รู้สึกงงงวย วิธีนี้เขาก็เคยใช้มาก่อนเช่นกัน แต่มันไม่ได้ผล
“มีเพียงสายเลือดตระกูลหลักเท่านั้นที่สามารถปลดผนึกเนื้อหาได้”
เหยี่ยวทมิฬได้เปิดเผยเรื่องสำคัญขึ้น
“เจ้าว่ายังไงนะ!!”
เวลานี้หวงไค่และหวงอวี้เฟยระแวงสุดขีด สิ่งนี้เป็นกับดักที่ร่วมมือกันโดยเหยี่ยวทมิฬและสาขาหลักหรือไม่
“ปัญญาอ่อน”
เหยี่ยวทมิฬรู้สึกว่าสองคนนี้ถูกไล่ล่าจนมีอาการหลอน
ทั้งสองปู่หลานรู้สึกอาย หากอีกฝ่ายต้องการจับตัวพวกเขามันไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องยุ่งยากเช่นนี้เลย แต่ต่อมาเขาก็หยุดคิดเพราะเขาเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ เหตุใดอีกฝ่ายถึงมีสายเลือดตระกูลหลัก เป็นไปได้ไหมว่าอาจเป็นลูกนอกสมรสของผู้อาวุโสบางคน
เหยี่ยวทมิฬไม่สนใจตอบคำถาม เขาพูดประโยคชวนงงงวยในรอบที่สองขึ้น
“พวกเจ้าโชคดีที่ไม่ถูกหวงไท่จับตัวไป ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคงจะถูกกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก”
เหยี่ยวทมิฬเปิดเผยความจริงอันน่าประหลาดออกมา
หวงไค่กับหวงอี้เฟยเพียงสบตากันครู่หนึ่งแล้วหันไปมองเหยี่ยวทมิฬ พวกเขาไม่คิดจะถามเพียงรอฟังคำอธิบาย ดูเหมือนจะมีความลับบางอย่างที่น่ากลัวที่พวกเขาไม่รู้มาก่อน
ทันใดนั้น
ฮุ้ยยย!!!
พวกเขาเห็นลูกศรสีแดงทะลวงเข้าไปที่อกซ้ายของพวกเขา มันทะลวงเข้าไปที่หัวใจทันที ความเร็วระดับนี้พวกเขาสองคนไม่สามารถตอบสนองได้ทัน
“เจ้า!”
หวงไค่มองไปที่เหยี่ยวทมิฬด้วยสายตาเดือดดาล เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพยายามจะฆ่าปิดปากพวกเขา ไม่นานจากนั้นทั้งคู่ปู่หลานก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเข้าไปทำลายเส้นเมอร์ริเดียนของพวกเขา มันเหมือนกับสิ่งมีชีวิต
“ท่านปู่ช่วยข้าด้วย!”
หวงอี้เฟยที่อ่อนแอที่สุดล้มลงไปกับพื้นในท่าทางชักเกร็ง เขาน้ำตาไหลและกระอักเลือดออกมา เขาไม่คิดว่าจะต้องมาตายอนาถเช่นนี้ ไม่รอให้เขาพูดต่อ ส่วนต่างๆ ของร่างกายเริ่มปูดบวมราวกับลูกโป่ง
แผละ!!
หวงอวี้เฟยถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ เศษเนื้อและอวัยวะกระจายไปทั่ว
“ม่ายยย!!”
หวงไค่ตะโกนออกไปด้วยเสียงแหบพร่า ผู้มีพรสวรรค์ที่เขาใช้ความพยายามชุบเลี้ยงมากับมือได้ถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา จะไม่ให้เขาเสียใจได้อย่างไร จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์เดิม หวงไค่ก็ถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ เช่นกัน
หืม
เหยี่ยวทมิฬรู้สึกประหลาดใจ เขาสาบานได้ว่าไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
ฮุ้ยยย!!
เสียงร้องประหลาดปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมนกหัวโตสีแดงสองตัว มันกำลังบินออกมาจากศพของทั้งคู่ด้วยการขยับปีกเล็กๆ จากนั้นพวกมันก็หันไปมองไปที่เหยี่ยวทมิฬ
เหยี่ยวทมิฬรู้สึกขนลุก เขาคาดการณ์ได้ว่าพวกมันทั้งคู่น่าจะอยู่ในขอบเขตผู้พิทักษ์ยุทธ์ขั้นสูงสุด ห่างจากเขาที่เป็นขอบเขตราชันยุทธ์ขั้นต้นเพียงก้าวเดียว
“ข้าขอถามว่าสหายเป็นใคร?”
เหยี่ยวทมิฬถามออกมาพร้อมชักกริชออกมาโดยซ่อนไว้ด้านหลัง เขาต้องการตรวจสอบดูว่าอีกฝ่ายเป็นมิตรหรือศัตรู
“บอกความลับของหนังสือลับมา แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
เสียงลึกลับในอากาศพูดขึ้น
“อ่า~”
เหยี่ยวทมิฬรู้สึกประหลาดใจ แค่นั้นเองรึ ด้วยความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายสามารถกำราบเขาได้ด้วยซ้ำ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้มาร้าย
ตามจริงนพเก้าต้องการฆ่าอีกฝ่ายเช่นกัน ด้วยศาสตร์มืดลึกลับ เขาสามารถช่วงชิงความทรงจำจากวิญญาณอีกฝ่ายได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเปิดใช้งานเนตรหมื่นพิภพเขาก็เกิดเปลี่ยนใจ เขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องเหนือความคาดหมายเช่นนี้
[ค่าสถานะของเหยี่ยวทมิฬ (ภัทรชนน)]
อายุ: 36 (อายุขัย 666 ปี)
เขตแดน: ราชันยุทธ์ ขั้นที่ 2 ขั้นต้น (ค่าพลังปราณ: 124,000 เมตร)
ทักษะการต่อสู้: มวยไทยรัตนห้าธาตุ (วิชาสวรรค์ขั้นสูง), เลียนแบบธรรมชาติ (วิชาเซียนขั้นสูงสุด), ย่างก้าวเทพรัตติกาล (วิชาเทพเจ้าขั้นต้น), อัญเชิญเทพโลหิต (วิชาเซียนขั้นสูง)
เคล็ดวิชา: เทพเงารัตติกาล (วิชาเทพเจ้าขั้นต้น)
พรสวรรค์: นักฆ่าแต่กำเนิด
พลังเทพ: 0
โชคชะตา: บุตรแห่งโชคชะตา
รายละเอียด: หลังจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในตระกูลหวงเมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องสังเวยของหวงไท่ เขาจึงหลบหนีออกมาจากตระกูล หลังจากเร่ร่อนเป็นเวลาห้าปี เขาใช้ชีวิตเป็นนักฆ่าขององค์กรเหยี่ยวทมิฬ ด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่นและผลงานการสังหารข้ามขอบเขต ส่งผลให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้นในโลกมืด
ด้วยเหตุนี้ทำให้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเหยี่ยวทมิฬสั่นคลอน เขาจึงถูกตามล่าโดยหัวหน้าพรรคแล้วหลงเข้าไปในมิติสืบทอดของเทพเจ้ารัตติกาล หลังจากเขาได้แสดงศักยภาพ เขาถูกเทพเจ้ารัตติกาลรับเลือกให้เป็นผู้สืบทอด หลังออกมาจากมิติสืบทอดพร้อมมรดก เขาได้สังหารหัวหน้าพรรคคนเก่าและขึ้นมาแทนที่
ดูเหมือนบุตรแห่งโชคชะตาคนที่สามจะอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก ถ้าไม่นับซูหลันและบุตรของเขา อีกฝ่ายก็นับเป็นคนในอดีตครอบครัวของเขาด้วย เขาจำได้ว่าสมัยเด็กพ่อของเขาเคยเล่าให้ฟังว่าเขาเคยมีพี่ชายมาก่อน แต่อีกฝ่ายเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แต่จากข้อมูลของระบบมันบอกว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ชายร่วมสายเลือดของเขา
“ผู้อาวุโส?”
เหยี่ยวทมิฬรู้สึกสั่นสะท้าน เขารู้สึกเหมือนมีมือนับไม่ถ้วนกำลังลูบไล้ตามร่างกายของเขา
“อะแฮ่ม~ ศักยภาพของเจ้าไม่เลว วันนี้ข้าอารมณ์ดีเล็กน้อย เจ้ารีบบอกข้อมูลเรื่องบันทึกลับมาเสีย”
“เรื่องนี้เป็นความลับในตระกูลหวง ข้าไม่สามารถให้ผู้อื่นรับรู้ได้”
เหยี่ยวทมิฬปฏิเสธ
“เจ้าพูดยังกับว่าเจ้าเป็นคนตระกูลหวง?”
นพเก้ารู้สึกพูดไม่ออก ทำไมอีกฝ่ายพูดแบบไม่ปิดบังพื้นหลังเช่นนี้
“ผู้อาวุโส ข้าก็เป็นคนตระกูลหวง”
เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะจากไปดีๆ เขาคาดว่าอีกฝ่ายอาจจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ อย่างไรก็ตามด้วยวิชาลอบเร้นของเขา ถ้าไม่ได้อยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้หากเขาต้องการหลบหนี
“งั้นก็ช่วยไม่ได้”
นพเก้าพูดขึ้นก่อนจะระเบิดพลังธาตุทองออกมา
รูปแบบที่ 8 อสุรากลืนสวรรค์!!
มีเงาหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านหลังเหยี่ยวทมิฬ เหยี่ยวทมิฬหันหัวกลับไปแล้วปลดปล่อยหนึ่งในกระบวนท่าหมัดของมวยไทยรัตนห้าธาตุทันที
“เชือดเฉือน!!”
เหยี่ยวทมิฬระเบิดพลังธาตุลมออกมา หมัดของเขาปรากฏรูปลักษณ์ของหัวช้างที่มีงาแหลมคมพุ่งออกไป
ตู้ม!! แคล็ก!!
หมัดของเขาส่งเสียงแตกหัก เขากระเด็นออกไปไกลกว่าสามสิบเมตร บนพื้นดินปรากฏร่องลึกจากรอยเท้าของเขา
แข็งแกร่งมาก!
เหยี่ยวทมิฬมั่นใจว่าอีกฝ่ายเพียงยื่นกรงเล็บออกมาโดยใช้พลังเพียงเล็กน้อย เดี๋ยวก่อน ทำไมท่านั้นถึงรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก
หลังรู้สึกตัว เขาจ้องไปที่ร่างของคนผู้หนึ่ง แสงจันทร์เผยออกมาจากหมู่เมฆเผยให้เห็นถึงชายหนุ่มผู้สง่างามผู้หนึ่งกำลังเดินออกมาจากใต้ต้นไม้ด้วยสองมือไพล่หลัง