อะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ไทย,จีน,กำลังภายใน,ดราม่า,แอ็คชั่น,แอ็คชั่น ,พระเอกเทพ,ฮาเร็ม,ระบบ,ระบบผู้ช่วย,ตลก,ผจญภัย,เจ้าสำนัก,หลายโลก,เกิดใหม่,เกิดใหม่ ,พระเอกเก่ง,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัดอะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
นพเก้าเดินออกจากโรงเรียนโดยไม่สนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นแม่แต่น้อย
“ระบบการแสดงของข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
นพเก้าถาม
[ติ๊ง ประทับใจ]
ระบบตอบ
[ติ๊ง ของแสดงความยินดีโฮตส์ได้แสดงการวาดยันต์บุพภาลำเนาไพรฉบับสมบูรณ์ การกระทำของโฮสต์เริ่มก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปรงด้าน อุตสาหกรรมยันต์วิญญาณระดับภูมิภาค รางวัล: เพิ่มช่องทรัพยากร + 5]
“ระบบ ข้าสามารถใช้งานได้อย่างไร”
[โฮสต์สามารถเรียกช่องทรัพยากรได้ผ่านทางจิตแล้วใส่วัตถุในช่อง ทรัพยากร]
นพเก้าหยิบสร้อยคอทองคำ 1 บาทที่น้องสาวให้เป็นของขวัญวันเกิดใส่ในช่องทรัพยากรตรงหน้า
[ช่องทรัพยากร]
[ความจุ 1/5]
[วัตถุ: สร้อยคอทองคำ 1 บาท (ระยะเวลาเพิ่มจำนวน 23 ชั่วโมง 59 นาที 53 วินาที: อัตราเพิ่มจำนวน 1 เท่าตัว)
“ระบบ ถ้ามันครบ 24 ชั่วโมงมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นจริงเหรอ แล้วมันมีข้อจำกัดหรือไม่”
นพเก้าอดสงสัยไม่ได้
[จริงแท้แน่นอน]
[โฮสต์โปรดอย่าสงสัยในความสามารถของระบบ ต่อให้เป็นไอเทมระดับทำเจ้าก็สามารถเพิ่มจำนวนได้ย่างไม่สิ้นสุด]
เสียงร้องของซูหลันลอยออกมานอกห้องเป็นระยะๆ ผู้อาวุโสหลายคนที่พึ่งมาถึงก็พอเข้าใจเหตุการณ์มาบ้าง นี่คือการถือกำเนิดของบุตรแห่งสวรรค์อย่างแท้จริง หลายๆ คนต่างแสดงความยินดีกับหวงไท่โดยหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานมากขึ้นในอนาคต
หวงไม่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแม้แต่น้อย เขามีชีวิตอยู่มาเกือบร้อยปีละนี่เป็นครั้งแรกที่เขาละความกังวลบางส่วนไปได้ เขาคิดว่าหลังจากนี้จะปลีกวิเวกใช้ชีวิตฝึกฝนอย่างสันโดษเพื่อทะลวงขอบเขตราชันยุทธ์ เขาเหลืออีกเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น หน้าที่ทุกอย่างเขาจะมอบให้อัครเดชทั้งหมดในภายภาคหน้า นอกจากนี้
“ฮิฮิ ใกล้ถึงเวลากินแล้ว” โดยที่ไม่มีใครได้ยิน หวงไท่แสดงรอยยิ้มฉีกกว้างและสีหน้าประหลาดออกมา มีเพียงผู้อาวุโสคนสนิทของเขาเท่านั้นที่เห็นภาพเหตุการณ์ประหลาดนี้
(เมื่อกี้นี้มันอะไร ทำไมแว็บนึงข้าเห็นหน้าของสัตว์ประหลาด) ผู้อาวุโสท่านนี้กะพริบตา แล้วส่ายหัว ดูเหมือนช่วงนี้เขาจะดูบอลดึกเกินไป
“เอาล่ะ ในเมื่อมาครบทุกคนแล้วข้ามีบางเรื่องที่ต้องชี้แจง” หวงไท่พูดขึ้น
ผู้อาวุโสหลักในตระกูลเก็บอากัปกิริยาทันที ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องสำคัญ จากนั้นหวงไท่กำชับผู้อาวุโสทั้งหมดให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับชั่วคราว เขาต้องรอให้เด็กน้อยผู้นี้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ซะก่อนถึงวางใจได้ หากมีศัตรูรู้ว่ามีการให้กำเนิดบุตรกายาสวรรค์ในตระกูลจะต้องเฝ้าระวังการลอบสังหารอยู่ทุกวี่วัน ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นระดับเซียน
“แต่ว่าผู้อาวุโสใหญ่ เหตุการณ์กำเนิดบุตรแห่งสวรรค์ไม่สามารถปกปิดได้” บางคนพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
“อืม” หวงไท่รูปเคราด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้บนฟ้าเริ่มปรากฏสัญญาณพายุพลังปราณพึ่งเป็นสัญญาณของการกำเนิดสมบัติล้ำค่า
“ตั้งแต่วันนี้กระจายข่าวไปซะ ว่าตระกูลหลักได้ให้กำเนิดทายาทกายาสวรรค์ ด้วยตัวตนของนพเก้าจะไม่มีใครกล้าทำร้ายตระกูลเราแน่นอน” หวงไท่ตัดสินใจแล้ว ด้วยตัวตนระดับจักรพรรดิต่อให้ตระกูลฉินส่งมือสังหารมาก็ไม่สามารถหลุดรอดจากสายตาของหลานชายเขาได้ ยกเว้นเสียแต่ส่งจักรพรรดิเร้นกายมาเสียเอง
ภายในห้องการแพทย์ ท่ามกลางหมออาวุโส สามพ่อแม่ลูกให้คอยอยู่เป็นกำลังใจตรงกลาง ซูหลันไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ต่อให้เป็นการฝึกเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก็ตาม
“ใกล้แล้ว อีกนิดเดียว” แม่หมอเหงื่อออกเต็มศีรษะ นางกำลังค้ำหัวเด็กออกมา
“ซูหลัน เจ้าอดทนอีกหน่อยน่ะ” นพเก้านวดมือคอยให้กำลังใจอยู่ข้างเตียง
ขณะที่นางรู้สึกไม่อยากทนอีกต่อไปนางก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามือที่อบอุ่นโดยมีพลังศักดิ์สิทธิ์ขอบเขตจักรพรรดิคอยปรับสภาพร่างกายของนางอย่างช้าๆ นางรู้สึกเหตุการณ์นี้ประหลาดอย่างมาก ไม่ถึงหนึ่งวันนางกำลังจะกลายเป็นคุณนายของตระกูลหวงเสียแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงร้องของเด็กก็ได้ดังออกมากระจายไปถึงด้านนอก
“สำเร็จแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ยินดีด้วย” ช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ผ่านไปทำให้ทุกคนรู้สึกหายกังวลเป็นปลิดทิ้ง
“หืม เกิดอะไรขึ้น นี่มันเหตุการณ์ปลุกกายาใช่หรือไม่” บางคนอุทานออกมาชั่วชีวิตเขาไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อน โดยปกติผู้ที่ปลุกกายาจะทำได้เมื่อฝึกฝนจนครบเงื่อนไขเท่านั้น แตกต่างจากทารกผู้นี้ที่ปลุกพรสวรรค์หลังคลอดออกมา
“ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆ” สัมผัสเช่นนี้มันคือกายาเซียนอย่างแท้จริง หวงไท่รู้สึกเวียนหัว ในประวัติศาสตร์ตระกูลหวงไม่เคยให้กำเนิดอัจฉริยะระดับนี้มาก่อน
ตูม
ปรากฏการณ์ฟ้าดินเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ หลายคนนอกห้องโถงทำตามคำสั่งหวงไท่กระจายไปปิดล้อมตระกูลหวงทุกทิศทาง หากมีผู้บุกรุกสังหารให้สิ้นไม่ต้องปรานีใดๆ
ขณะเดียวกันในห้องการแพทย์ ทารกน้อยกำลังส่องแสงสีแดงลอยอยู่กลางอากาศทำให้บริเวณโดยรอบถูกเผาไหม้ โชคดีที่นพเก้าอยู่ด้วยเขาปิดกั้นพลังทั้งหมดเพื่อไม่ให้ผู้อื่นบาดเจ็บ หลังจากนั้นเด็กทารกก็ลอยเข้าหาอ้อมแขนของซูหลัน ตรงกลางหน้าผากของทารกน้อยเกิดสัญลักษณ์ดอกไม้สีชาดขึ้น
“มันคือกายาสีชาดจริงๆ” ซูหลันรู้สึกปีติยินดีด้วยน้ำตา นางไม่คาดคิดว่าสิ่งที่สามีของนางพูดออกมาเป็นความจริง ความเชื่อใจที่นางมีต่อนพเก้าเริ่มเพิ่มขึ้น ด้วยคุณสมบัตินี้บุตรชายของนางสามารถสืบทอดราชบัลลังก์ได้โดยไร้ข้อกังขา
“บุตรชายหล่ะ ฮ่าฮ่า ข้าได้หลานชาย” อัครเดชโอบกอดภรรยาด้วยความยินดี
“เจ้ายังต้องพักฟื้นอยู่ กินนี่ซะก่อน ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีพลังพอหล่อเลี้ยงทารกคนนี้” นพเก้าหยิบโอสถฟื้นสภาพระดับ 7 ออกมาหนึ่งขวด
“ไม่ สิ่งนี้มันล้ำค่าเกินไป” ซูหลันรู้สึกตกตะลึง ผู้ชายคนนี้นำของมีค่าเช่นนี้ออกมามอบให้ได้อย่างไร มันคือโอสถฟื้นฟูระดับ 7 ต่อให้เป็นราชวงศ์ก็ใช้ในสถานการณ์เป็นตายเท่านั้น
“ฮ่า ฮ่า เจ้านับไว้เถอะ เจ้ากำลังดูถูกความร่ำรวยของสามีผู้นี้มากเกินไป” เขาหยิบโอสถออกมาอีกขวดจากช่องทรัพยากรยัดใส่มือของนางโดยไม่หวงแหนแม้แต่น้อย
นางรู้สึกงุนงง อย่างไรก็ตามนางเลิกคิดมากแล้วยอมกินแต่โดยดีเมื่อนพเก้าป้อนให้ นางยังคงนอนโคจรพลังปราณเพื่อฟื้นฟูร่างกายแล้วคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปในชีวิตดี นางยังควรไปโรงเรียนอยู่หรือไม่ ตอนนี้นางเป็นแม่คนแล้ว แต่ก็ยังอยากไล่ตามความฝันไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลก
“ที่รักเราจะตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่าอย่างไรดี” หวงเม่ยถามสามีของนาง
“นพเก้าเจ้าควรตัดสินใจ” อัครเดชยกหน้าที่นี้ให้เขา เขาตั้งชื่อคนไม่เก่งนัก แม้แต่ชื่อไทยของนพเก้าก็ต้องให้ภรรยาตั้งให้
“ต่อไปนี้บุตรของข้าจะมีชื่อว่าด-”
“หยุดเลยเจ้าคงไม่ตั้งชื่อเขาว่าแดงใช่หรือไม่” หวงเม่ยพูดขัดขึ้น นางรู้สึกว่าเซนต์การตั้งชื่อของนพเก้าห่วยพอๆ กับพ่อของเขาที่ชอบเองสถานการณ์ตรงหน้ามารวมกัน
“ซูหลัน เจ้าเป็นคนตั้งให้เป็นอย่างไร” นพเก้าหันไปถามภรรยาใหม่ผู้นี้ เขาไม่ต้องการกระตุ้นอารมณ์มารดาของเขา
“ข้าคิดว่าเจ้าควรชื่อซูไท่หยาง” นางคิดชื่อนี้ไว้สักพักแล้ว
“ไท่หยางหรือ ดี ดี” อัครเดชไม่ร่ามันเหมาะหรือไม่ แต่เขาคิดว่าดีก่าให้เขาสองพ่อลูกตั้งเอง
“พวกเราออกไปกันเถอะ ปล่อยให้พวกเขาใช้เวลาด้วยกันบ้าง” อัครเดชรู้สึกว่าควรปล่อยให้หนุ่มสาวได้ปรับความเข้าใจกัน
โดยไม่รั้งรออีกต่อไปทั้งห้องเหลือเพียงนพเก้าและซูหลันกับบุตรทารก
“เจ้าถามมาได้เลย ข้าจะบอกทุกอย่าง” นพเก้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไป
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือซ่งอวี้หาน” นางถามคำถามที่อยากรู้ที่สุด
“ข้าเกิดมาพร้อมเนตรหมื่นสวรรค์” นพเก้าอธิบายโดยปรุงแต่งบางส่วนให้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับระบบ
“สรุปแล้วเจ้ารู้แต่แรกว่าข้าเป็นใคร” ซูหลันรู้สึกคำอธิบายนั้นแปลกๆ หากเขารู้ตั้งแต่แรก ทำไมก่อนหน้านี้ตลอดสี่ปีถึงตามหาเรื่องนางตลอดเมื่อนางอยู่กับฉินโหย่วเอ๋อ
“ข้า” หากให้บอกไปมากกว่านี้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา เขาเลือกที่จะเงียบไว้ พวกเขาแลกเปลี่ยนคำถามกันต่อไปเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ในเมื่อทั้งคู่มีความสัมพันธ์สามีภรรยากันแล้ว
“เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป คิดจะกลับไปที่ราชวงศ์หรือไม่” นพเก้าถามคำถามที่สำคัญที่สุดก่อน
“ตอนนี้ยัง ข้าต้องการแข็งแกร่งมากกว่านี้ก่อน” นางวางแผนว่าเมื่อทะลวงสู่ขอบเขตราชันย์นางจะหวังพึ่งความสัมพันธ์กับตระกูลฉินเพื่อไล่ต้อนพี่ชายของนางลงสู่ราชบัลลังก์ ตอนนี้กษัตริย์ประชวรอย่างหนักยังอยู่ในอาการโคม่า พี่ชายของนางใช้โอกาสนี้ยึดครองบัลลังก์และไล่เข่นฆ่าพี่น้องทุกคนที่ต่อต้าน นางก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน นางไม่สามารถยอมรับได้ หากให้คนโหดเหี้ยมเช่นนี้ปกครองประชาชน มันมีแต่จะนำไปสู่ความอดอยากและการนองเลือด
“อืม ไม่เป็นไร หากเจ้าเปลี่ยนใจเจ้าสามารถอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ หรือหากเจ้าต้องการยึดบัลลังก์คืนอย่าลืมว่ามีข้าอยู่ด้วย ตอนนี้ข้าอยู่ขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงสุด” นพเก้าพูดถึงอำนาจในชาติที่แล้วโดยไม่ปิดบัง
อะไรน่ะ!
ต้องรู้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในราชวังอยู่ในระดับจักรพรรดิขั้นสูงสุดเช่นกัน โดยมีหัวหน้าอัศวินที่รับใช้พ่อของนาง และราชครูขององค์ชายลำดับที่ 1 สามีของนางผู้นี้พึ่งจะอายุ 18 เท่านั้น มันน่าเหลือเชื่อเกินไป ต่อให้ฝึกปรือต้องแต่อยู่ในครรภ์มารดาก็ไม่ควรแข็งแกร่งได้รวดเร็วขนาดนี้ หากให้เวลาอีก 10 ปีนางเชื่อว่าด้วยความช่วงเหลือของเขา นางสามารถกำราบทุกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
“ตอนนี้เจ้ามีสมบัติมากแค่ไหน” หลังจากนางพูดก็รู้สึกเขินอาย นางพึ่งมาถึงที่นี่วันเดียวการขอดูทรัพย์สินของฝั่งสามี มันถือเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจหรือไม่
เป็นโอกาสดีที่จะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ เขาหยิบสมบัติล้ำค่า โอสถศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ออกมาเรียงรายต่อหน้านาง
ซูหลันถึงกับอ้าปากค้าง เหตุใดสามีของนางถึงได้ร่ำรวยเช่นนี้
“เจ้าพักผ่อนต่อสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวที่เหลือข้าจะให้แม่บ้านรับช่วงต่อเอง” นพเก้าไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน และไม่สามารถทำได้ด้วย ก่อนเขาจากไปเขาหยิบโอสถระดับ 5 ขึ้นไปมากกว่าสิบขวดใส่มือของนางแล้วเดินจากไป เขาทำกับสิ่งของมีค่าเช่นนี้ราวกับให้ค่าขนมอย่างไรอย่างนั้น
ที่ห้องโถงอาหารวันนี้ทุกคนก็มาประชุมกันอีกครั้ง แต่รอบนี้เจ้าภาพหลักเป็นหวงไท่ เขาเริ่มพูดถึงการวางแผนของหวงไค่ทันที สาเหตุที่เขาไม่เชิญตระกูลสาขามาด้วยเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าจะมีคนทรยศหรือไม่
“ฮึม วางแผนควบคุมศพบรรพบุรุษอย่างนั้นรึ พวกมันสมควรตายจริงๆ” ผู้อาวุโสทุกคนคิดว่าหวงไค่ล้ำเส้นเกินไป นอกจากนี้ยังร่วมมือกับพรรคมาร ในสถานการณ์เช่นนี้มีทางแก้ไขเดียวคือการล้างบางตระกูลสาขาที่สามออกไปเท่านั้น
หลังจากประชุมเสร็จพวกเขาวางแผนว่าจะมุ่งตรงไปตระกุลสาขาที่สามทันที พวกเขาไม่รู้ว่าพรรคมารจะลงมือกระทำเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตามตระกูลหักของพวกเขามีจักรพรรดิรุ่นเยาว์การกำจัดอีกฝ่ายคงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร
“แย่แล้ว หวงไค่หนีไปแล้ว” ผู้อาวุโสที่เป็นหน่วยสอดแนมคนนึงบุกเข้ามา
“อะไร!” พวกเขางุนงง อีกฝ่ายมันรู้ได้อย่างไร หรือมีคนทรยศในพวกเขา
“หนีไปทั้งหมดกี่คน” หวงไท่สั่งให้ทุกคนหยุด การสงสัยบุคคลรอบตัวในสถานการณ์เช่นนี้มีแต่จะสร้างประโยชน์ให้ศัตรู
“มีทั้งหมด 12 คนที่หนีไป ส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโสต่างๆ และหวงอี้เฟย” หน่วยสอดแนมรายงาน
“ดูเหมือนผู้ทรยศทั้งหมดจะหนีไปแล้ว เราจะเอาอย่างไรต่อ” ทุกคนไม่กล้าตัดสินใจได้แต่มองดูหวงไค่
หวงไค่ไม่พูดอะไรเพียงเอามือตบโต๊ะด้วยมือทั้งสองข้าง ความหมายก็คือให้กำจัดทุกคนในตระกูลสาขาที่สามให้หมดสิ้น
“ผู้อาวุโส ที่สุสานมีอะไรผิดปกติหรือไม่” อัครเดชพูดขึ้น เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะใช้สถานการณ์วุ่นวายนี้ในการขโมยศพออกไปทำหุ่นเชิด
“เราจับดูอยู่ตลอด ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ” หน่วยสอดแนมโดยตามกฎจะมีสามคน โดยทั้งสามคนจะรายงานสถานการณ์ทุกพื้นที่ที่รับหน้าที่เฝ้าระวังในทุกหนึ่งก้านธูป ซึ่งเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากไม่ทำตามก็เตรียมโดนเชือดได้เลย เขาจึงมั่นใจว่าจะไม่มีคนทรยศในหน่วยงาน
อย่างไรก็ตามทุกคนยังไม่วางใจ หลังจากส่งผู้อาวุโสหลักส่วนนึงไปตรวจสอบ ส่วนใหญ่ได้บุกเข้าไปในตระกูลสาขาที่สามทำการสังหารคนทั้งหมดและกระจายข่าวไปยังตระกูลสาขาทั้งหมดที่เหลือ เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู
นพเก้าก็สังเกตอยู่รอบนอกเช่นกัน ดูเหมือนหวงไค่และหวงอี้เฟยจะถูกบุคคลภายนอกที่มีทักษะเร้นกายช่วยออกไป บางทีอาจเป็นหัวหน้าพรรคเหยี่ยวทมิฬ เขาเชื่อว่ามันต้องมีสมบัติล้ำค่าบางอย่างที่พรรคมารต้องการติดมือหวงไค่ไปด้วย
หลังจากรุ่งสางการดำเนินการต่างๆ ได้สิ้นสุดลง ต้องบอกว่าการจัดการของทุกคนทำได้อย่างหมดจด ในตระกูลสาขาทุกอย่างสะอาดหมดจดขาดเพียงไร้ศพผู้คนเท่านั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีการใดจึงจัดการได้โดยไม่เหลือเลือดซักหยดตามพื้นดิน
หวงไท่ประกาศเรื่องการทรยศของตระกูลหลักและมอบฉันทะในการดูแลหอเก็บคัมภีร์ให้กับตระกูลสาขาที่สี่ ตามจริงเขาอยากจะเลือกสาขาที่สองเช่นกัน แต่เพราะวันก่อนอีกฝ่ายถูกลงโทษตามกฎตระกูลไปแล้วทำให้ตอนนี้ไร้เสาหลัก เขาต้องปล่อยให้ตระกูลสาขาที่สี่ที่อ่อนแอกว่าสาขาที่หนึ่งฝ่าฟันสถานการณ์ช่วงเติบโตนี้ไปเอง พวกเขาตระกูลสาขาหลักเป็นเพียงเสือที่ต้องดูสุนัขกัดกันเท่านั้น ตอนนี้เรียกว่าเหลือเพียงสองตระกูลสาขาเท่านั้น
สำหรับตระกูลสาขาที่สองมีผู้อาวุโสปรุงยาระดับ 3 ดาวขั้นสูงหนึ่งคน พวกเขาเองก็ไม่อยากทำให้ขุ่นเคืองเพราะมีโอกาสที่อีกไม่กี่ปีผู้อาวุโสท่านนั้นจะก้าวเข้าสู่ระดับ 4 ดาว หากอีกฝ่ายจากไปเพราะความโกรธ ต่อให้เป็นตระกูลหวงก็ไม่สามารถห้ามได้ ไม่มีใครในเมืองเวสสุวรรณกล้าละเลยการเคารพนักปรุงยาระดับกลาง
ในตึกร้างแห่งหนึ่งของเมืองเก่าที่ถูกอสูรทำลาย หวงไค่กำลังเทน้ำยาลงแผลสดที่แขนขวา ครั้งนี้โชคดีที่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาพาคนในครอบครัวออกมาได้ เขาหวังเพียงแค่พี่ชายของเขาจะมีความเมตตาอยู่บ้าง เนื่องจากทุกคนในตระกูลสาขาที่สามเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด มีเพียงเขาและหลายชายเท่านั้นที่ทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้
ฟรึบ
จู่ๆ ก็มีเงาดำปรากฏออกมาจากพื้นโดยไม่มีการให้สุ้มให้เสียง
ชิ้ง
หวงอี้เฟยชักกระบี่ออกมาเตรียมลงมือ
“ช้าก่อน” หวงไค่ยกมือซ้ายขึ้นห้าม อีกฝ่ายคือหัวหน้าพรรคเหยี่ยวทมิฬ หากไม่ใช่เพราะสหายผู้นี้แจ้งข่าวให้เขาทราบ เขาคงจบสิ้นไปแล้ว
“ของได้เอามาหรือไม่” เสียงของเหยี่ยวทมิฬยังเย็นชาเช่นเดิม
“แค่ก แค่ก ของอยู่ที่นี่ เจ้าไม่ลืมข้อตกลงใช่หรือไม่” หวงไค่พูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวลราวกับว่าอีกฝ่ายอาจกลับคำพูด ตอนนี้พวกเขาไม่มีที่ไปแล้ว เขาจึงได้แต่ใช้บันทึกลับเล่มสีดำมาเป็นข้อต่อรอง สิ่งนี้ถูกเก็บผนึกไว้ชั้นบนสุดมีเพียงหวงไท่เท่านั้นที่มีกุญแจเพื่อนำออกมา เมื่อสิบปีก่อนหลังงานเลี้ยงฉลองเขาได้แอบสับเปลี่ยนของปลอมไป เขาเคยเขาไปเปิดดูหนังสือนี้หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ทุกหน้าล้วนว่างเปล่า แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ความลับของมันได้
“ข้าขอสัญญาในนามพรรคเหยี่ยวทมิฬ” ต่อให้อยู่ในพรรคมารเขาก็เป็นคนมีหลักการ เหยี่ยวทมิฬไม่เคยผิดคำพูด เนื่องจากเขาต้องรักษาชื่อเสียงเพื่อขายข่าวกรอง
เหยี่ยวทมิฬหยิบหนังสือลับที่ลอยมาหา จากนั้นเขาหยดเลือดลงไป ไม่นานปรากฏภาพอักขระลึกลับในหน้าหนังสือ
“เจ้าทำสิ่งนี้ได้อย่างไร” หวงไค่รู้สึกงงงวย วิธีนี้เขาก็เคยใช้มาก่อนเช่นกัน แต่มันไม่ได้ผล
“มีเพียงสายเลือดตระกูลหลักเท่านั้นที่สามารถปลดผนึกเนื้อหาได้” เหยี่ยวทมิฬได้เปิดเผยเรื่องสำคัญขึ้น
“เจ้าว่ายังไงน่ะ” เวลานี้หวงไค่และหวงอี้เฟยระแวงสุดขีด สิ่งนี้เป็นกับดักที่ร่วมมือดันโดยเหยี่ยวทมิฬและสาขาหลักหรือไม่
“ปัญญาอ่อน” เหยี่ยวทมิฬรู้สึกว่าสองคนนี้ถูกไล่ล่าจนมีอาการหลอน
ทั้งสองปู่หลานรู้สึกอาย หากอีกฝ่ายต้องการจับตัวพวกเขามันไม่จำเป็นต้องทำเรื่องยุ่งยากเช่นนี้เลย แต่ต่อมาเขาก็หยุดคิดเพราะเขาเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ เหตุใดอีกฝ่ายถึงมีสายเลือดตระกูลหลัก เป็นไปได้ว่าเป็นลูกนอกสมรสของผู้อาวุโสบางคนหรือไม่
เหยี่ยวทมิฬไม่สนใจตอบคำถาม เขาพูดประโยคชวนงงงวยในรอบที่สองขึ้น
“พวกเจ้าโชคดีที่ไม่ถูกหวงไท่จับตัวไป ไม่งั้นพวกเจ้าจะถูกกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก” เหยี่ยวทมิฬเปิดเผยความจริงอันน่าประหลาดออกมา
หวงไค่กับหวงอี้เฟยเพียงสบตากันครู่นึงแล้วหันไปมองเหยี่ยวทมิฬ พวกเขาไม่คิดจะถามเพียงรอฟังคำอธิบาย ดูเหมือนจะมีความลับบางอย่างที่น่ากลัวที่พวกเขาไม่รู้มาก่อน
ทันใดนั้น
ฮุ้ยยย!!!
พวกเขาเห็นลูกศรสีแดงทะลวงเข้าไปที่อกซ้ายของเขา มันทะลวงเข้าไปที่หัวใจทันที ความเร็วระดับนี้พวกเขาสองคนไม่สามารถตอบสนองได้ทัน
“เจ้า” หวงไค่มองไปที่เหยี่ยวทมิฬด้วยสายตาเดือดดาล เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายพยายามจะฆ่าปิดปากพวกเขา ไม่นานจากนั้นทั้งคู่ปู่หลานก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเข้าไปทำลายเส้นเมอร์ริเดียนของเขา มันเหมือนกับสิ่งมีชีวิต
“ท่านปู่ช่วยข้าด้วย” หวงอี้เฟยที่อ่อนแอที่สุดล้มลงไปกับพื้นในท่าทางชักเกร็ง เขาน้ำตาไหลและกระอักเลือดออกมา เขาไม่คิดว่าจะต้องมาตายอนาถเช่นนี้ ไม่รอให้เขาพูดต่อ ส่วนต่างๆ ของร่างกายเริ่มปูดบวมอย่างกับลูกโป่ง
แผละ
หวงอี้เฟยถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ เศษเนื้อและอวัยวะกระจายไปทั่ว
“ม่ายยย” หวงไค่ตะโกนออกไปด้วยเสียงแหบพร่า ผู้มีพรสวรรค์ที่เขาใช้ความพยายามชุบเลี้ยงกับมือได้ถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา จะไม่ให้เขาเสียใจได้อย่างไร จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์เดิม หวงไค่ก็ถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ เช่นกัน
หืม
เหยี่ยวทมิฬรู้สึกประหลาดใจ เขาสาบานได้ว่าไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
ฮุ้ยยย
เสียงร้องประหลาดปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมนกหัวโตสีแดงสองตัว มันกำลังบินออกจากศพทั้งคู่ด้วยการขยับปีกเล็กๆ จากนั้นพวกมันมองไปที่เหยี่ยวทมิฬ
เหยี่ยวทมิฬรู้สึกขนลุก เขาคาดการณ์ได้ว่าพวกมันทั้งคู่อยู่ในขอบเขตผู้พิทักษ์ขั้นสูงสุด ห่างจากเขาที่เป็นขอบเขตราชันยุทธ์ขั้นต้นก้าวเดียว
“ข้าขอถามว่าสหายเป็นใคร” เหยี่ยวทมิฬถามออกมาพร้อมชักกริชออกมาซ่อนไว้ด้านหลัง เขาต้องการตรวจสอบดูว่าอีกฝ่ายเป็นมิตรหรือศัตรู
“บอกความลับของหนังสือลับมาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป” เสียงลึกลับในอากาศพูดขึ้น
“อ่า” เหยี่ยวทมิฬประหลาดใจ แค่นั้นเองรึ ด้วยความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายสามารถกำราบเขาได้ด้วยซ้ำ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้มาร้าย
ตามจริงนพเก้าต้องการฆ่าอีกฝ่ายเช่นกัน ด้วยศาสตร์มืดลึกลับเขาสามารถช่วงชิงความทรงจำจากวิญญาณอีกฝ่ายได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเปิดใช้งานเนตรหมื่นพิภพเขาก็เกิดเปลี่ยนใจ เขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องเหนือความคาดหมายเช่นนี้
[ค่าสถานะของเหยี่ยวทมิฬ (ภัทรชนน) ]
อายุ: 36 (อายุขัย 666 ปี)
เขตแดน: ราชันยุทธ์ ขั้นที่ 2 ขั้นต้น (ค่าพลังปราณ : 124,000 เมตร)
ทักษะการต่อสู้: มวยไทยรัตนห้าธาตุ (วิชาสวรรค์ขั้นสูง) , เลียนแบบธรรมชาติ (วิชาเซียนขั้นสูงสุด) , ย่างก้าวเทพรัตติกาล (วิชาเทพเจ้าขั้นต้น) , อัญเชิญเทพโลหิต (วิชาเซียนขั้นสูง)
เคล็ดวิชา: เทพเงารัตติกาล (วิชาเทพเจ้าขั้นต้น)
พรสวรรค์: นักฆ่าแต่กำเนิด
พลังเทพ: 0
โชคชะตา: บุตรแห่งโชคชะตา
รายละเอียด: หลังจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในตระกูลหวงเมื่อ 20 ปีก่อน เพื่อไม่ให้เป็นเครื่องสังเวยของหวงไท่ เขาจึงหลบหนีออกจากตระกูล หลังจากเร่ร่อนเป็นเวลาห้าปี เขาใช้ชีวิตเป็นนักฆ่าขององค์กรเหยี่ยวทมิฬ ด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่นและผลงานการสังหารข้ามขอบเขตส่งผลให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้นในโลกมืด ด้วยเหตุนี้ทำให้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเหยี่ยวทมิฬสั่นคลอน เขาถูกตามล่าโดยหัวหน้าพรรคแล้วเขาไปในมิติสืบทอดของเทพเจ้ารัตติกาล หลังจากเขาได้แสดงศักยภาพ เขาถูกเทพเจ้ารัตติกาลรับเลือกเป็นผู้สืบทอด หลังจากออกมาจากมิติสืบทอด เขาได้สังหารหัวหน้าพรรคคนเก่าและขึ้นแทนที่
ดูเหมือนบุตรแห่งโชคชะตาคนที่สามจะอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก ถ้าไม่นับซูหลันและบุตรของเขา อีกฝ่ายก็นักเป็นคนในอดีตครอบครัวของเขาด้วย เขาจำได้ว่าสมัยเด็กพ่อของเขาเคยเล่าให้ฟังว่าเขาเคยมีพี่ชายมาก่อน แต่อีกฝ่ายเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ แต่จากข้อมูงของระบบมันบอกว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ชายร่วมสายเลือดของเขา
“ผู้อาวุโส” เหยี่ยวทมิฬรู้สึกสั่นสะท้าน เขารู้สึกเหมือนมีมือนับไม่ถ้วนลูบไล้ตามร่างกายของเขา
“อะแฮ่ม ศักยภาพของเจ้าไม่เลว วันนี้ข้าอารมณ์ดีเล็กน้อย เจ้ารีบบอกข้อมูลเรื่องบันทึกลับมาเสีย”
“เรื่องนี้เป็นความลับในตระกูลหวง ข้าไม่สามารถให้ผู้อื่นดูได้” เหยี่ยวทมิฬปฏิเสธ
“เจ้าพูดยังกับว่าเจ้าเป็นคนตระกูลหวง” นพเก้ารู้สึกพูดไม่ออก ทำไมอีกฝ่ายพูดแบบไม่ปิดบังพื้นหลังเช่นนี้
“ผู้อาวุโส ข้าก็เป็นคนตระกูลหวง” เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะจากดีๆ เขาคาดว่าอีกฝ่ายอาจจะอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ อย่างไรก็ตามด้วยวิชาลอบเร้นของเขา ถ้าไม่ได้อยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เมื่อเขาต้องการหลบหนี
“งั้นก็ช่วยไม่ได้” นพเก้าพูดขึ้นก่อนจะระเบิดพลังธาตุทองออกมา
รูปแบบที่ 8 อสุรากลืนสวรรค์
มีเงาหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านหลังเหยี่ยวทมิฬ เหยี่ยวทมิฬรับหัวกลับไปแล้วปลดปล่อยหนึ่งในกระบวนท่าหมัดของมวยไทยรัตนห้าธาตุทันที
“เชือดเฉือน” เหยี่ยวทมิฬระเบิดพลังธาตุลงออกมา หมัดของเขาปรากฏรูปลักษณ์ของหัวช้างที่มีงาแหลมคมพุ่งออกไป
ตู้ม แคร็ก
หมัดของเขาส่งเสียงแตกหัก เขากระเด็นออกไปกว่าสามสิบเมตร พื้นดินปรากฏร่องลึกจากรอยเท้าของเขา
แข็งแกร่งมาก
เหยี่ยวทมิฬมั่นใจว่าอีกฝ่ายเพียงยื่นกรงเล็บออกมาโดยใช้พลังเพียงเล็กน้อย เดี๋ยวก่อน ทำไมท่านั้นรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก
หลังรู้สึกตัว เขาจ้องไปที่ร่างของคนผู้หนึ่ง แสงจันทร์เผยออกมาจากหมู่เมฆเผยให้เห็นถึงชายหนุ่มผู้สง่างามผู้หนึ่งกำลังยืนด้วยสองมือไพล่หลัง