อะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ไทย,จีน,กำลังภายใน,ดราม่า,แอ็คชั่น,แอ็คชั่น ,พระเอกเทพ,ฮาเร็ม,ระบบ,ระบบผู้ช่วย,ตลก,ผจญภัย,เจ้าสำนัก,หลายโลก,เกิดใหม่,เกิดใหม่ ,พระเอกเก่ง,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัดอะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!
สนใจดูนิยายเสียง + Animation + Soundtrack + SFX ดูได้ 2 ช่องทาง:
YouTube: YAKSAHBANPHAKHAN STUDIO
Fanpage Facebook: ยักษาบรรพกาล สตูดิโอ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พล็อตเรื่อง การต่อสู้เพื่อให้ไปสู่จุดสุงสุด ไม่ นั่นมันแค่ทางผ่าน แล้วการแสวงหาความเข้าใจในมนุษย์ล่ะ นั่นก็เป็นสิ่งที่ระบบตัวติดหนึบมันวางไว้ให้เขาเช่นกัน ส่วนความจริงนั้นเป็นอะไรรึ ฮ่าฮ่า เรื่องพวกนั้นเจ้าคงต้องดูชีวประวัติของข้าจากปกรณัมเอากระมัง
นพเก้า หรืออีกชื่อที่ทำให้ผู้คนอกสั่นขวัญหาย 1 ใน 3 ตัวตนแห่งหายนะ “มหาบาป จูเรน” จอมทรราชผู้กบฏสวรรค์ สิ่งมีชีวิต 2 ใน 10 ส่วน หรือหลายพันล้านชีวิตจากสวรรค์ชั้นที่ 1 ล้วนตกตายด้วยน้ำมือของเขา ไม่เพียงเท่านั้น การฝ่าฝืนกฏเกณฑ์แห่งสวรรค์ สังหารลูกหลานเหล่าทวยเทพ นั่นจึงทำให้เขาถูกตามล่าโดยเต๋าสวรรค์ 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์สวรรค์ชั้นที่ 1 “ท้าวเวสสุวรรณ” แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเขาแต่อย่างใด ด้วยเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์จากพันธะสัญญาแห่งความแค้น ทำให้เขาปลุก 4 ใน 7 บัญญัติจากบรรพกาล เหล่าร่างสถิตยักษาผู้สร้างกลียุคในยุคสมัยต่างๆ ถึง 4 ตน ด้วยบัญญัติ 4 ประการ ทำให้เขาพิชิตใต้หล้าไปถึง 1 ใน 18 ของทวีปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการโดนกลืนกินจิตใจเช่นกัน
แต่แล้วก็ถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ถูกคนที่ไว้ใจทรยศหักหลัง ไม่อาจปกป้องศิษย์ผู้เป็นที่รักได้ พระเจ้าจึงมอบโอกาศให้ย้อนเวลาไปแก้แค้น นพเก้าครุ่นคิด นั่นเป็นพล็อตเกิดใหม่ตามปกติใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ดี
แต่แล้วทำไมกัน! ทำไมถึงมีแต่โลกมนุษย์ที่ย้อนเวลากลับมา บางคนที่ตายไปแล้วก็หวนคืนกลับมาพร้อมความทรงจำเดิม แม้แต่โชคชะตาบางคนก็เปลี่ยนไป บุตรแห่งสวรรค์ที่แต่ละยุคสมัยจะถือกำเนิดขึ้นในบางครั้งกลับผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด พระเจ้าช่างเล่นตลก แต่เดี๋ยวก่อน ข้าเองก็มีระบบเช่นกัน แล้วก็เป็นความผิดของมันด้วย
[ติ๊ง โฮสต์โปรดอย่าลืมภารกิจหลัก หากเจ้าทำไม่ได้ข้าก็มีสิทธิ์เลือกคนใหม่เช่นกัน]
ช้าก่อน! เฮ้อ นพเก้ารู้สึกว่าชีวิตเขารันทดเป็นอย่างมาก ต่อให้มีทรัพยากรสนับสนุนมากแค่ไหนก็ตามที เดิมทีการตามหาบุตรแห่งสวรรค์ในโลกมนาย์ก็ยากเต็มที แต่ด้วยความสามารถของหน้าจอ (ระบบ) เวรนี่ ทำให้เขาต้องข้ามเวลาไปแต่ละบรรพกาลด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่ามันน่าตลกหรือไม่ที่ข้าต้องเดินทางไปทวีปแห่งดาบและเวทย์มนตร์เพื่อไปเชิญผู้ใช้มานามาฝึกพลังปราณฟ้าดิน นั่นยังไม่รวมไปถึงจิตวิญญาณ ออร่า ฟรอซ และผู้ใช้อนิกม่าที่กำเนิดมาก่อนหมดยุคสมัย จนทำให้ถูกทุกขุมกำลังตามล่าเพราะทำให้กลียุควันสิ้นโลกเกิดขึ้นมาก่อนกำหนด
[ติ๊ง ประตูกาลเวลาพร้อมแล้ว โปรดเตรียมตัวเข้าสู่บรรพกาลที่ 2]
อะไร! นพเก้านิ่งงัน ครั้งนี้เขาคงไม่ต้องไปแย่งชิงตัวเหล่าผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญเพื่อไปปราบจอมมารอีกครั้งใช่หรือไม่
หรือไปโผล่ที่อโยธยาด้วยร่างกายสามัญแล้วต้องกลายเป็นกระสอบทรายให้นักมวยทุบตี
หรือกระทั่งไปสิงห์ร่างนักโทษแหกคุกแล้วกลายเป็นโจรสลัดถึง 2 ทศวรรษ และจบลงด้วยการเป็นแกนนำปฏิวัติทำลายระบอบการปกครองกษัตริย์ของทวีปยุโรปยุคกลางได้สำเร็จ
เฮ้อ ชีวิตล้วนไม่อาจคาดเดา เขามีแต่ต้องพยายามต่อไปเพื่อไขความลับของจักรวาลก่อนที่พวกมันจะซ้อนทับกัน และแน่นอน เขาสาบานว่าจะต้องไปตบหัวล้านของเจ้า “นนทก” บัดซบนั่นให้ได้ นอกจากเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์มันจะใช้งานสะดวกแล้ว ยังต้องมีการจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล ย้อนเวลาไปแก้ปมในจิตใจของจิตวิญญาณยักษาผู้เป็นตัวแทนของบาป 7 ประการ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในอดีตพวกมันก่อกรรมอะไรไว้บ้าง
[ติ๊ง โฮสต์โปรดอย่าท้อแท้ ในฐานะจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ มันคงไม่มีใครเลวร้ายไปกว่าเจ้า]
...
บัดซบ! นพเก้าเมินระบบแล้วก้าวเดินต่อไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ระดับพลัง
ดินแดนมนุษย์ (มี 7 ขอบเขตใหญ่)
1.หลอมศิลา ขั้นที่ 1-9
2.ขัดเกลาศิลา
3.จิตรู้แจ้ง
4.ก่อลักษณ์
5.ราชันยุทธ์
6.จักรพรรดิยุทธ์
7.จ้าวสวรรค์
ดินแดนเซียน สวรรค์ชั้นที่ 1 (ยังไม่เปิดเผย)
1.เทพศักดิ์สิทธิ์
2.???
ช่องนิยายเสียง + อนิเมชั่น + Soundtrack + SFX https://youtu.be/oHh_z6aFNrw?si=vwlvb0Ij-K5SXjNP
“เป็นเจ้า!!”
เหยี่ยวทมิฬประหลาดใจ นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากน้องชายของเขา ผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิยุทธ์รุ่นเยาว์หนึ่งเดียวในมณฆลสิงห์คำรน
“ทีนี้ท่านก็สามารถบอกความลับได้แล้ว”
นพเก้ากำลังเร่งรีบ เขารู้สึกว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่เปิดเผยสิ่งใด เขาก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ หลังจากสังหารผู้ทรยศแล้ว เขายังต้องไปที่ป่ามรณะเพื่อจัดสรรทรัพยากรทั้งหมดที่ริบมาได้
เหยี่ยวทมิฬถอนหายใจ แล้วเริ่มเล่าออกมา ตั้งแต่เหตุการณ์ 20 ปีก่อนซึ่งทำให้นพเก้าตกตะลึง
(อะไรนะ! ค้ามนุษย์? มันจะเป็นไปได้อย่างไร?)
นพเก้ารู้สึกว่าเรื่องต่างๆ จะลึกลับกว่าที่คิด เขารู้เพียงว่าในฐานะตระกูลนักรบพวกเขามีเส้นทางการเงินสองอย่างคือ เป็นตระกูลค้าขายแลกเปลี่ยนสิ่งของจากดินแดนรกร้างโดยทำหน้าที่เป็นคนกลาง อีกอย่างคือเปิดหอโอสถโดยรายได้ 70% มาจากตระกูลสาขาที่สอง
“เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน ปู่ของเจ้าต้องการบรรลุขอบเขตราชันย์ยุทธ์แต่การทะลวงทั้งสามครั้งล้วนล้มเหลว เขาจึงหันไปใช้วิธีศาสตร์มืดลึกลับด้วยวิชากลืนกินแก่นแท้สิ่งมีชีวิต เจ้าเมืองก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน เขาเป็นผู้จัดหานักโทษให้ตระกูลหวงชำแหละ และตระกูลหวงจะจัดแยกชิ้นส่วนต่างๆ ส่งไปที่โรงพยาบาลในเครือที่เจ้าเมืองปกครอง”
เหยี่ยวทมิฬเปิดเผยเรื่องสะเทือนใจออกมา
“มีฝ่ายใดอีกบ้างที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด?”
เขาไม่คิดว่าคนใหญ่คนโตเพียงแค่สองคนจะทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้
“ผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลสาขาลำดับที่หนึ่ง พวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง”
จากการเปิดเผยดูเหมือนจะเป็นผู้อาวุโสเสียส่วนใหญ่ โชคดีที่ครอบครัวของเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเขารู้สึกรับไม่ได้ที่มีคนภายในครอบครัวเป็นอาชญากร
เมื่อระบบรับรู้ความคิดของนพเก้า มันอยากจะกระตุกมุมปากแต่มันไม่มี สิ่งที่คนเหล่านั้นทำเทียบไม่ได้กับเจ้านายของมันในชีวิตที่แล้ว
“เกี่ยวกับวิชากลืนกินแก่นแท้สิ่งมีชีวิต ข้าคาดว่ามันมาจากบันทึกลับเล่มนี้”
เหยี่ยวทมิฬโยนบันทึกลับให้นพเก้า เมื่อเขาเปิดดูเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ทุกหน้าล้วนว่างเปล่า สิ่งนี้เกิดจากอักขระทำลายเนื้อหาของยันต์คาถาระดับที่ 6 ต้องรู้ก่อนว่าในโลกมนุษย์มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดอยู่ที่ระดับ 6 ดาวเท่านั้น ในชีวิตที่แล้วเขาเป็นปราชญ์สองสาขาคือ วิชายันต์คาถาระดับ 6 ดาว และผู้สร้างศาสตราวุธระดับ 2 ดาว
“อันที่จริงข้าก็ไม่รู้ความลับของบันทึกนี้ ข้าสัมผัสได้เพียงกลิ่นอายน่าขยะแขยงจากมันก็เท่านั้น”
เหยี่ยวทมิฬมีพรสวรรค์นักฆ่าแต่กำเนิดที่เขาไม่รู้ตัว ทำให้สัมผัสที่หกของเขาครอบคลุมในสัมผัสเชิงลบต่างๆ
“ตลอด 20 ปี มีเพียงหวงไท่เท่านั้นที่ขึ้นไปหอตำราชั้นบนสุด”
นั่นคือสิ่งที่เขาคาดการณ์
“มีอะไรอีกหรือไม่?”
“ความจริงแล้ว ไม่มี”
เหยี่ยวทมิฬตัดสินใจไม่พูดออกมา มันอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจได้
“ท่านจะทำอย่างไรต่อไป?”
นพเก้าถาม
“ข้าต้องการหยุดการกระทำของหวงไท่ แต่ข้าไม่มีหลักฐาน”
เพราะสุดท้ายแล้ว พวกคนเหล่านี้ก็มีขบวนการมากเกินไป แม้แต่เจ้าเมืองก็มีส่วนเกี่ยวข้อง
“หากท่านต้องการความช่วยเหลือก็สามารถมาหาข้าได้ ข้าจะทำสุดความสามารถ”
ขณะที่เขากำลังพูด เขาได้แบ่งแก่นเลือดระดับจักรพรรดิเข้าไปในเสื้อคลุมของอีกฝ่าย ด้วยวิธีนี้เขาสามารถรับรู้ข่าวสารและติดต่อกับอีกฝ่ายเมื่อถึงเวลาจำเป็นได้
เหยี่ยวทมิฬรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาไม่ได้ตอบกลับ
นพเก้าเพียงยักไหล่แล้วเดินจากไป เพราะอีกฝ่ายบอกเป็นนัยๆ ว่าการสนทนาได้จบลงแล้ว
“ข้าต้องรีบทะลวงเข้าสู่ขอบเขตขัดเกลาศิลาให้ได้โดยเร็วที่สุด หากยังไม่เปิดจิตสัมผัส แม้แต่ยาสงบใจก็ไม่สามารถต่อต้านไว้ได้นานนัก”
นพเก้ารู้สึกได้ถึงวิกฤต ด้วยเคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์ วิถีที่หนึ่ง เพลิงแห่งความละโมบ ยิ่งสังหารมากผู้ใช้เคล็ดวิชาก็ยิ่งกระหายเลือด มันเป็นผลสะท้อนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ความจริงแล้วเขาไม่ต้องการลงมือโหดเหี้ยมกับหวงไค่และหวงอวี้เฟย แต่เมื่อมีอารมณ์โกรธเขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มันมาจากผลสะท้อน “บันดาลโทสะ” ก่อนหน้านี้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ต้องเสียเวลาไล่ตามสองคนนี้
นพเก้าไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขาบินออกไปด้วยความเร็วสูงสุดก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าทางเข้าป่ามรณะ
“เหตุใดถึงมีคนเยอะนัก?”
นพเก้ารู้สึกงงงวย มันมีสมบัติลับโผล่ขึ้นมาอีกแล้วหรือ แม้แต่กองกำลังรักษาความสงบก็ตั้งขบวนเต็มอัตรา
“ดูนั่น! มีคนลอยอยู่บนฟ้า”
บางคนที่ตั้งกระโจมอยู่ริมซ้ายมือพูดขึ้น
“ข้ารู้จักเขา! นั่นคือนพเก้า จักรพรรดิยุทธ์รุ่นเยาว์ ข้าจำหน้าตาของเขาได้”
คนที่เป็นผู้หญิงพูดขึ้น นางไม่มีวันลืมผู้ชายหล่อเหลาเช่นนี้ได้
“ก็เห็นอยู่ว่าข่าวมีให้ว่อนเน็ตไปทั่ว มีเพียงคนเก็บตัวเท่านั้นที่ไม่รู้จัก”
ชายที่อยู่ด้านข้างแค่นเสียงออกมา เขารู้สึกอิจฉาพวกที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
“ข้าได้ยินมาว่าอีกฝ่ายมีอาจารย์ลึกลับคอยช่วยเหลือ ไม่งั้นอีกฝ่ายคงไม่สามารถเติบโตได้รวดเร็วเช่นนี้ ข้าอายุเพียง 37 ปีก็บรรลุขอบเขตราชันย์ยุทธ์เช่นกัน หากข้ามีทรัพยากรช่วยเหลือบ้างข้าคงไม่เป็นแบบนี้”
ชายวัยกลางคนที่สะพายดาบใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ออกมา
ผู้คนหันไปมองเขาด้วยสายตาดูถูก หากไม่มีพรสวรรค์ต่อให้มีทรัพยากรล้นฟ้าก็ไม่สามารถบรรลุขอบเขตในตำนานได้ พวกเขารู้สึกว่าชายผู้นี้ขี้โม้เกินไป
“ทำความเคารพจักรพรรดิหวง!”
รองเจ้าเมืองและขบวนทหารทั้งหมดประสานมือทำความเคารพบุคคลที่ลอยลงมาตรงหน้า
“มิต้องเกรงใจท่านรองเจ้าเมือง เรียกข้าว่าหลานเก้าเหมือนทุกทีก็ได้”
นพเก้ายิ้มออกมาจนเห็นฟัน สำหรับเขาหากเป็นคนรู้จักเขาอยากให้ปฏิบัติแบบเป็นกันเองมากกว่า
“งั้นก็ได้ หลานเก้าเจ้ามาทำอะไรรึ?”
เมื่ออีกฝ่ายเสนอมาเขาก็กล้ารับ เขาผู้เป็นรองเจ้าเมืองสามารถคุยกับผู้อื่นได้ว่าจักรพรรดิรุ่นเยาว์เป็นคนสนิทของเขา
“ข้ามีของบางอย่างที่ต้องการด้านใน”
นพเก้าพูดขึ้น
“โอ้วจริงรึ ถ้างั้นเยี่ยมไปเลย”
รองเจ้าเมืองเบิกบานใจ
“อย่างที่เจ้าเห็น ตอนนี้เราเกณฑ์คนมามากมาย เนื่องจากเจ้าหญิงน้อยถูกลักพาตัวเข้าไปในป่า ตอนนี้ทั้งเมืองเวสสุวรรณไม่มีใครนั่งติดอยู่กับที่ พวกเขาต่างมีความต้องการเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเหลือด้านใน”
รองเจ้าเมืองเปิดเผยข้อมูลบางส่วนออกมา
“อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตไม่ทราบที่มาสองตัวนั้นทำให้พวกเราไม่สามารถเข้าไปได้”
รองเจ้าเมืองมองไปที่สัตว์ประหลาดสองตัว เขาประเมินว่าระดับของพวกมันต้องเป็นราชันยุทธ์ขั้นกลางเป็นอย่างน้อย
เจ้าสองตัวนี้ไม่ใช่ใครอื่น มันคือช้างน้อยกับเจ้าลิงน้อยที่ยักษ์แดงเดือดสร้างพวกมันขึ้นมา หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งวันพวกมันก็พัฒนามาอีกขั้นจากราชันยุทธ์ขั้นต้นเป็นราชันยุทธ์ขั้นกลาง ช่างเป็นความเร็วการฝึกปรือที่ท้าทายสวรรค์
สำหรับนพเก้าสิ่งนี้ถือเป็นเรื่องปกติ การแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการสังหารและกลืนกินแก่นแท้ของศัตรูมันจะไม่โกงได้อย่างไร
หืม
นพเก้าเห็นผู้หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้
“ได้โปรดท่านจักรพรรดิ ช่วยลูกสาวข้าด้วย”
“ได้โปรดท่านจักรพรรดิ ช่วยลูกสาวข้าด้วย”
นางพูดออกมาทั้งน้ำตาขณะที่หยุดลงต่อหน้านพเก้า นางกำลังจะคุกเข่าด้วยซ้ำแต่รองเจ้าเมืองห้ามไว้
“อย่างที่เจ้าเห็นนางผู้นี้คือลูกสาวของเจ้าเมือง นางรออยู่ที่นี่มาหนึ่งคืนแล้ว”
เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ต่างก็รู้สึกเห็นใจ พวกเขาคิดว่าเจ้าหญิงน้อยไม่มีโอกาสรอดมากนัก พวกเขาไม่รู้ว่าเหตุใดป่ามรณะเวลานี้ถึงได้เกิดความวิปลาสขึ้น มีแต่สิ่งมีชีวิตสีแดงเต็มไปหมด คนเก็บสมุนไพรไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ภายในไม่เกินหนึ่งสัปดาห์สภาวะเศรษฐกิจของทั้งมณฆลจะต้องซบเซาลงอย่างแน่นอน เพราะวัตถุดิบไม่เพียงพอต่อความต้องการ
“ท่านน้าโปรดลุกขึ้นเถอะ ข้าสัญญาว่าจะพานางออกมาให้ได้”
นพเก้ากล้าให้สัญญา ตลอดหลายวันที่ผ่านมาพวกนักรบโลหิตรวมถึงอสูรเพียงไล่คนออกไปเท่านั้น ผู้ที่ต่อต้านก็ทุบตีเพียงเล็กน้อยแล้วก็โยนออกไป
“ขอบคุณ ขอบคุณท่านมากๆ”
นายหญิงผู้นี้ร้องไห้หนักกว่าเดิมจนคนรับใช้ต้องพาออกไป
“เอาล่ะ ข้าจะไปแล้ว”
นพเก้าไม่ต้องการรออีกต่อไป เขาสื่อสารทางจิตให้ยักษ์แดงเดือดปล่อยคนบางส่วนที่จับไว้ออกไป มันจะมีบางคนที่นักรบโลหิตปล่อยไปแล้วกลับมาอีก เขารู้สึกว่าพวกนี้เป็นคนโง่ที่ไม่กลัวความตาย
“ระวังตัวด้วย”
รองเจ้าเมืองพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ขนาดอสูรสองตัวที่อยู่รอบนอกยังแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่รู้ว่าลึกเข้าไปจะมีอสูรระดับจักรพรรดิยุทธ์ด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ต่อมาทำให้ทุกคนตกตะลึง เจ้าราชันอสูรที่มักจะวางท่าเย่อหยิ่งมันกลับเปิดทางเดินหลักให้นพเก้าเข้าไปด้วยความนอบน้อม
“อะไรวะ! ทำไมเขาถึงสามารถเข้าไปได้?”
“บางทีพวกมันรู้ว่าไม่สามารถสู้กับชายผู้นี้ได้ พวกมันจึงปล่อยให้เขาเข้าไป”
“ช่างขี้ขลาด มันสองตัวเป็นผู้พิทักษ์ภาษาอะไร”
ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างออกรส รองเจ้าเมืองได้แต่ควบคุมสถานการณ์ไม่ให้คนพวกนี้กระโจนเข้าไปโดนอสูรตบตาย
“โอว ข้ารู้แล้ว เจ้าสัตว์อสูรสองตัวนั้นจะต้องเป็นสัตว์อัญเชิญของบุรุษผู้นั้นอย่างแน่นอน ไม่งั้นมันจะปล่อยให้เขาเข้าไปทำไม?”
ในเมื่อในโลกนี้มีคนที่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข มันก็มักจะมีผู้ที่ชอบสร้างหายนะให้ผู้อื่นเช่นกัน
“บัดซบ!! จับกุมมันผู้นั้นเสีย กล้าดีอย่างไรถึงว่าร้ายจักรพรรดิยุทธ์”
รองเจ้าเมืองถึงกับเหงื่อตก จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนก่อจลาจลเพิ่มขึ้น จำนวนคณะรักษาความสงบของเขามีเพียงสามส่วนในที่นี้เท่านั้น
“ใช่แล้ว สิ่งนี้ฟังดูมีเหตุผล พวกเราบุกเข้าไปกันเถอะ”
บางคนที่รอข้างนอกจนทนไม่ไหวต้องการใช้โล่มนุษย์เพื่อเข้าไปข้างใน พวกเขามั่นใจว่าสมบัติล้ำค่าจะต้องปรากฏขึ้นมาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเหตุใดถึงปรากฏสัตว์ประหลาดลึกลับมากมายเช่นนี้ สำหรับเรื่องจักรพรรดิยุทธ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัตว์ประหลาด พวกเขาไม่เชื่อด้วยซ้ำและใช้เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ต้องรู้ก่อนว่าจำเป็นต้องเป็นนักอัญเชิญระดับ 5 ดาวขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถควบคุมอสูรขอบเขตราชันยุทธ์ได้ แต่ในมณฑลสิงห์คำรนไม่เคยมีปรากฏขึ้นมาก่อนแต่อย่างใด
เจ้าเมืองรู้สึกว่าสถานการณ์ต่างๆ เริ่มไม่สู้ดี แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไร เขารู้สึกว่ามีเงาขนาดใหญ่ข้ามหัวเขาไป
“บัดซบ!! รีบหลบเร็ว”
“เหตุใดมันถึงออกมา ไม่ใช่ว่ามันเป็นผู้พิทักษ์หรือ?”
ทุกคนรู้สึกหวาดกลัว ทำไมราชันช้างอรุณ กับราชันคิงคองกัมปนาทถึงได้บุกเข้ามาหาพวกเขา
ตู้ม!!
มีคนบางส่วนหลบหนีไม่พ้นจึงถูกทุบจนตายด้วยอสูรสองตัวนี้
“ตั้งขบวนรบ!!”
รองเจ้าเมืองหยิบปืนบรรจุกระสุนวิญญาณออกมา และสั่งให้ตั้งเกราะกำบัง เขาไม่คิดจะให้ความช่วยเหลือใดๆ นักผจญภัยพวกนี้มันออกมาหาที่ตายเอง
“อ๊าก! ช่วยด้วย ใครก็ได้หยุดมันที”
น่าเสียดายที่ไม่มีใครตอบสนองความต้องการของเขา ไม่นานพื้นที่ตรงนั้นก็มีเศษซากมากมาย แต่ทั้งหมดที่มันจัดการล้วนเป็นผู้สร้างปัญหาก่อนหน้านี้
“นี่!”
ชายผู้ถือดาบใหญ่ในกระโจมด้านซ้ายรู้สึกหวาดกลัว เขารู้สึกว่าราชันอสูรสองตนนี้มันเลือกจัดการเฉพาะผู้ที่ว่าร้ายนพเก้าเท่านั้น ต้องบอกว่าเขาคิดถูก ไม่นานหลังจากนั้นราชันช้างอรุณก็พุ่งตรงมาหาเขา
“เวรเอ๊ย!!”
ทุกคนในกระโจมหลบหนีออกไปแล้วสบถออกมา ชัดเจนแล้วว่ามันเล็งเฉพาะผู้ที่ว่าร้ายนพเก้า
ชายผู้ถือดาบใหญ่ เขาชักดาบที่หนักมากกว่า 500 กิโลกรัมจากด้านหลังออกมาโดยไม่เกรงกลัว ตัวเขาเป็นถึงอัจฉริยะขอบเขตราชันยุทธ์ขั้นกลาง เขาสามารถต่อสู้กับอสูรขอบเขตเดียวกันได้อย่างสูสี และถ้าหากเป็นมนุษย์เขาสามารถสังหารข้ามขั้นได้
“อย่าโทษข้า เป็นเจ้าเองที่อวดดี”
เขาคำรามออกมาก่อนที่จะพุ่งเข้าหาราชันช้างอรุณ กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายของเขากำลังขยายออกมา ดูเหมือนเขาจะเป็นผู้ฝึกกำลังภายนอกเป็นหลัก
“วิชาดาบแยกโลกา!”
เขาเหวี่ยงดาบออกไปขณะที่อยู่กลางอากาศ
เปรี้ยง!!
คมดาบที่หนักกว่า 500 กิโลกรัมกระทบกับงาช้างจนเกิดประกายไฟ พลังลมปราณจากการปะทะระเบิดออกกระจายไปทั่วรัศมี 100 เมตรรอบตัวเขา
“ฮ่า แข็งแกร่งใช้ได้”
บุรุษดาบใหญ่รู้สึกว่ากำลังขาดคู่ซ้อมพอดี โชคดีที่ราชันคิงคองกัมปนาทเพียงยืนดูอยู่รอบนอกเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาจะลำบากหากปะทะสองต่อหนึ่ง
“เอานี่ไปกิน”
เขาเหวี่ยงดาบออกไปด้วยรูปแบบต่างๆ อย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนพลังกายที่ค่อยๆ เผาผลาญจนหมดไป
ราชันช้างอรุณเพียงต้องการเล่นกับอีกฝ่ายเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถทนได้อีกต่อไป อีกฝ่ายอ่อนแอเกินไป ทันใดนั้นมันก็โคจรพลังปราณด้วยงาทั้งสี่ข้างของมันแล้วสร้างลูกบอลที่สว่างจ้าลูกหนึ่งออกมา ไม่นานลูกบอลนั่นก็เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงยิงออกไป
“ไม่ได้การ!”
บุรุษดาบใหญ่ยกดาบขึ้นมาป้องกันด้านหน้า แต่ไม่สามารถป้องกันได้ ลำแสงเจาะทะลุทะลวงดาบและเกราะป้องกันของเขา
“ราชันยุทธ์ขั้นสูงสุด!!”
เขารวบรวมคำพูดออกมาก่อนที่จะสิ้นใจ เขาจำได้เพียงแค่ว่าครึ่งวันก่อน อสูรตนนี้อยู่เพียงขอบเขตราชันยุทธ์ขั้นกลางเท่านั้น เหตุใดระดับของมันถึงก้าวกระโดดออกไปถึงสองขั้นได้
“เจ้าโง่”
รองเจ้าเมืองไม่รู้สึกเห็นใจบุคคลผู้นี้แม้แต่น้อย เขามาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนและรู้ว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้ยิ่งสังหารศัตรูมันยิ่งเก่งขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่มีใครสักคนกล้าเข้าไปหลังจากรู้พลังโคตรโกงของพวกมัน
นพเก้าบินไปสักพักแล้วหยุดลงตรงหน้าหอคอยขนาดใหญ่ นี่เป็นคลังสมบัติที่อสูรโลหิตช่วยกันสร้างขึ้นมา อย่างไรก็ตามมันยังหยาบอยู่เนื่องจากพวกมันไม่มีความรู้ด้านสถาปัตยกรรมเหมือนมนุษย์ แต่เท่านี้ก็เพียงพอให้บรรจุสมุนไพรและวัสดุแร่ต่างๆ อย่างน้อยหนึ่งร้อยตัน
“นายท่าน ข้าทำงานตามที่ท่านมอบหมายให้เสร็จสิ้นแล้ว”
ยักษ์แดงเดือดลอยออกมาจากหอคอย มันอยากออกไปจากป่านี้เต็มแก่แล้ว
“ได้หินมิติมาเท่าไหร่?”
นพเก้าเข้าเรื่องทันที ขณะนี้เขากำลังเลือกวัสดุและสมุนไพรระดับ 6 ขึ้นไปใส่ในช่องทรัพยากร ตอนนี้เขามีช่องทรัพยากร 175 ช่อง เขาใส่มันจนเต็มจำนวนทั้งหมด สมบัติล้ำค่าระดับล่างเขาได้เคลียร์ออกไปทั้งหมดแล้ว นอกจากโอสถระดับ 1-8 แล้ว ล้วนแต่เต็มไปด้วยสมบัติระดับ 6 หรือระดับสวรรค์ขั้นสูงทั้งหมด มีสมุนไพรเซียนขั้นต้น หรือระดับ 7 มากกว่า 30 ชนิด
“เรียนนายท่าน ตอนนี้รวบรวมได้ 680 ชิ้น น้ำหนักมากกว่า 2.8 ตัน”
ยักษ์แดงเดือดมันรู้สึกว่าโชคดีเล็กน้อย พวกเขานำสัตว์อสูรไปยึดรังของมดแดงยักษ์แล้วเจอหินมิติเป็นจำนวนมาก
“ทำได้ดีมาก”
นพเก้านำพวกวัสดุทั้งหมดใส่เข้าไปในช่องทรัพยากรทันที จากนั้นเขาค่อยหาที่ว่างนั่งขัดสมาธิ
“เอ่อ นายท่านรางวัลของข้าล่ะ?”
ยักษ์แดงเดือดมันคิดว่ามันทำผลงานได้ค่อนข้างดีซึ่งควรจะมีรางวัลให้ใช้หรือไม่
เบอร์หนึ่งที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินก็ถึงกับมุมปากกระตุก บรรพบุรุษผู้นี้ของพวกมันนอกจากจะออกอาละวาดแล้วเรื่องยิบย่อยล้วนเป็นพวกมันที่จัดการเองเกือบทั้งหมด
“เจ้ายึดครองป่ามรณะได้เท่าไหร่แล้ว?”
นพเก้าถามขึ้น ตอนนี้เขากำลังนึกถึงยันต์คาถาที่ใช้เป็นสะพานเชื่อมมิติ
“ประมาณสามส่วนนายท่าน คือว่า มันมีปัญหาเรื่องอสูรระดับจักรพรรดิยุทธ์ ข้าผู้เดียวไม่สามารถจัดการได้”
มันพูดออกมาด้วยความอับอาย พวกอสูรนั่นอยู่มานานเกินไปและผูกขาดทรัพยากรทั้งหมด พวกมันบางตัวเกือบถึงขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ ตอนนี้ตัวมันเองเป็นเพียงจักรพรรดิยุทธ์ระดับกลางเท่านั้น หากมันเข้าไปยึดครองในช่วงเวลานี้ก็คงไม่พ้นถูกอสูรขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์รุมล้อมทันที
“ตอนนี้ช่างมันไปก่อน แล้วนักรบโลหิตทั้งยี่สิบตัวล่ะ?”
เมื่อพูดเช่นนี้ พวกนักรบที่ทำงานยิบย่อยต่างๆ ก็มาหาเขาอย่างรวดเร็วพร้อมคุกเข่าทันที พวกมันเป็นนักรบผู้มีเกียรติไม่ใช่คนงานจิปาถะ อย่างไรก็ตามดูเหมือนบรรพบุรุษของพวกมันจะไม่สนใจเรื่องนี้ แล้วบังคับใช้พวกอสูรโลหิตไปเล่นสนุกด้วยกันเท่านั้น พวกมันทำได้เพียงกินแก่นแท้เลือดส่วนน้อยที่นำกลับมาเท่านั้น
“อืม มีราชันยุทธ์หนึ่งคนก็ถือว่าดี”
เขามองไปที่เบอร์หนึ่งอีกฝ่ายได้เปลี่ยนรูปร่างเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แล้ว
“เอาล่ะ ข้าจะมอบหมายงานแลกให้พวกเจ้า จงนำแก่นเลือดหนึ่งหยดของอสูรทุกตนมาให้ข้าภายในคืนนี้”
เมื่อได้ยินคำสั่งพวกมันถึงกับสั่นสะท้าน อสูรโลหิตมีมากกว่าสองแสนตัวเพิ่มมาจากเมื่อวานเกือบเท่าตัวด้วยซ้ำ
“ยังจะรออะไรอีก รีบไปเร็วๆ เข้า!”
ยักษ์แดงเดือดตวาดไล่พวกมัน
อย่างรวดเร็วไม่มีใครอยู่ต่อ พวกมันต้องทำงานที่มอบหมายให้สำเร็จแม้ว่าจะต้องพลีชีพจากการทำโอทีก็ตาม
“ยักษ์แดงเดือด”
นพเก้าเรียกมันขึ้นมา เขานึกได้ว่ามีคำขอหนึ่งจากรองเจ้าเมือง
“อยู่นี่ขอรับนายท่าน”
ยักษ์แดงเดือดยิ้มแย้มจนเผยให้เห็นเขี้ยว ถึงเวลารับโบนัสของมันแล้วใช่หรือไม่
“ไปเอาตัวเด็กผู้หญิงคนนั้นมา ส่วนที่เหลือแล้วแต่เวรแต่กรรม”
“รับทราบ”
ยักษ์แดงเดือดจากไปด้วยความละเหี่ยใจ อย่างไรก็ตามมันต้องการระบายอารมณ์ของมันกับพวกผู้บุกรุก ที่นายท่านของมันบอกว่าแล้วแต่เวรแต่กรรมคือฆ่าคนชั่วละเว้นคนดี ด้วยประสบการณ์จากชาติที่แล้วของมันทำให้มันสามารถมองเห็นกรรมในอดีตของสิ่งมีชีวิตได้ ดังนั้นจึงมีเพียงสามคนเท่านั้นที่มันปล่อยตัวไป ส่วนร้อยกว่าคนที่เหลือ แน่นอนว่าเป็นคนชั่วช้าสารเลว มันรู้สึกว่าการกระทำของมันเต็มไปด้วยความชอบธรรม ช่วยลดขยะในโลกมนุษย์ทำให้โลกน่าอยู่มากขึ้น
“แง ท่านปีศาจอย่ากินข้าเลย เนื้อข้าไม่อร่อยจริงๆ นะ”
เด็กผู้หญิงถูกยกขึ้นบนอากาศกำลังร้องไห้ฟูมฟายออกมา ยักษ์แดงเดือดมันรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมาก
“นายท่าน โชคดีที่ข้าเจอตัวนางก่อนหน้านี้ ไม่เช่นนั้นนางคงกลายเป็นอาหารของมดแดงยักษ์ไปแล้ว”
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่มันไม่ได้พูดออกมา ก่อนหน้านี้ก่อนที่นายท่านของมันจะสั่งให้จับตัวเด็กผู้นี้มา หลังจากยักษ์แดงเดือดปล่อยตัวนางไปเพราะเห็นว่าไม่ใช่พวกชั่วช้าสารเลว นางเด็กคนนี้ก็กลับมาอีกครั้ง และอีกครั้ง จนนับได้ห้ารอบในหนึ่งวัน มันรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามมันไม่เคยลงมือกับผู้บริสุทธิ์ถึงมันจะเป็นอสูรดุร้ายก็ตาม
“แง นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ อย่ากินข้าเลย รอข้าโตกว่านี้ข้าสามารถช่วยอุ่นเตียงให้ท่านได้”
“แค่ก”
นพเก้าสำลักออกมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือองค์หญิงน้อยแห่งเมืองเวสสุวรรณ ทำไมช่างแปลกประหลาดนัก ดังนั้นเขาจึงใช้เนตรหมื่นพิภพสอดส่องดู
“เชี่ยเอ๊ยย!!”
นพเก้าสบถออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
[ค่าสถานะของฉินอวี้หลิง]
อายุ: 14 (อายุขัย 10,000 ปี)
เขตแดน: หลอมศิลา ขั้นที่ 1 ขั้นต้น (ค่าพลังปราณ: 100 เมตร)
ทักษะการต่อสู้: มีก็เหมือนไม่มี ไม่เชี่ยวชาญสักอย่าง
เคล็ดวิชา: เจ้าโลกธาตุ (วิชาสวรรค์ขั้นสูง)
พรสวรรค์: ยักษาทิวากาล, ปักษากลืนสมุทธ์ (2 สายเลือด)
พลังเทพ: ∞
โชคชะตา: บุตรแห่งโชคชะตา
รายละเอียด: นางเกิดมาพร้อมกับกายาเทพอมตะ กายาระดับเทพเจ้าซึ่งมีเพียงหนึ่งในพันล้านล้านเท่านั้น อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องปลุกสายเลือดระดับตำนานทั้งสองสายเลือดเสียก่อน จึงสามารถปลุกพลังกายาเทพอมตะได้ ด้วยกายานี้นางไม่สามารถถูกทำลายดวงวิญญาณด้วยวิธีใดๆ ได้และผู้ที่ทำร้ายนางจะถูกความอัปโชคกัดกร่อนอย่างช้าๆ จนได้รับความเกลียดชังจากเต๋าสวรรค์ (นางผู้เป็นที่รักของเทพทั้งปวง นางจึงเต็มไปด้วยค่าโชคชะตามหาศาล แนะนำให้โฮสต์รีบรับนางเป็นศิษย์ทันที)
นี่มันโคตะระลูกจีเอ็ม!
นพเก้ารู้สึกว่าบุตรแห่งโชคชะตาที่พบเห็นผ่านมาล้วนแต่เป็นขยะทั้งสิ้น อายุขัยหมื่นปี ระดับพลังเทียบเท่าหนึ่งร้อยคน สายเลือดระดับตำนานสองสายเลือด แล้วนั่นอะไรอีก พลังเทพไม่มีขีดจำกัด นพเก้ารู้สึกว่าตนเองก็เป็นขยะเช่นกัน
[ติ๊ง โฮสต์คิดมากเกินไป ด้วยการส่งเสริมของระบบ ต่อให้ไม่แข็งแกร่งที่สุด ก็สามารถเป็นผู้ที่เก่งรอบด้านได้]
“ไสหัวไป!”
นพเก้าไม่ต้องการคุยกับมันอีกต่อไป เก่งรอบด้านแล้วอย่างไร ในโลกการบ่มเพาะความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง
ระบบมันถึงกับพูดไม่ออก ดูเหมือนเจ้านายของมันจะไม่รู้ว่าการเก่งรอบด้านคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเอาตัวรอดจากทุกสถานการณ์ คนที่แข็งแกร่งแต่ไม่มีสมองมันจะไปอยู่รอดได้อย่างไร
“แง”
เมื่อเห็นนพเก้าตะโกนออกมา ฉินอวี้หลิงคิดว่าชายผู้นี้พยายามจะกำจัดนาง
“แม่สาวน้อย โปรดอย่าเข้าใจผิด ข้าเพียงไล่มันผู้นั้นออกไปก็เท่านั้น”
นพเก้าเปลี่ยนสีหน้าดุร้ายเป็นคุณชายผู้สง่างามทันที จากนั้นเขาค่อยๆ เดินไปลูบหัวนางอย่างอ่อนโยน เขาไม่กล้าทำให้นางกลัวด้วยซ้ำ เพราะบางทีเขาอาจจะถูกความโชคร้ายกัดกินจนตาย
อะไร!!
ยักษ์แดงเดือดรู้สึกงุนงง เหตุใดอยู่ดีๆ เจ้านายของมันก็เตะมันออกมาจากหอคอย มันรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม
ลูกน้องอสูรที่เหลือรู้สึกพึงพอใจในภาพเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตามเมื่อพวกมันสบตากับยักษ์แดงเดือดพวกมันก็รีบกลับไปทำงานต่อทันที
“ตอนนี้ดีขึ้นหรือยัง?”
เมื่อเห็นสายตาที่มองมาด้วยความอ่อนโยนเด็กสาวก็เลิกงอแง นางเช็ดน้ำตาและถามขึ้น
“ท่านจะไม่กินข้าใช่หรือไม่?”
แม่ของนางเคยบอกว่าอย่าเชื่อถือคนแปลกหน้าหากเขาบอกว่าไม่ทำ เขาก็จะทำ
“แน่นอน ข้าจะไม่กินเจ้า”
หากทำเช่นนั้นข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร นพเก้าเพียงคิดในใจไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมา
แง
ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างที่คิด นพเก้ารู้สึกปวดหัว เหตุใดเจ้าจึงร้องไห้อีกครั้ง
“ข้าบอกให้ใจเย็นก่อน แม่ของเจ้าส่งข้ามาตามเจ้ากลับออกไป”
นพเก้าไม่รู้จะปลอบนางอย่างไร
“ข้าไม่อยากกลับไป ข้าไม่อยากถูกต่อว่า”
นางจับชายกระโปรงขณะกลั้นน้ำตา
“ทำไม เกิดอะไรขึ้นรึ เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
นพเก้านั่งลงกับพื้นด้านข้างเด็กสาวแล้วลูบหัวนาง
“ข้ามันเป็นขยะ ข้าไม่อยากโดนผู้คนดูถูก”
นางพูดความรู้สึกในใจออกมา
นพเก้ากลอกตา หากเจ้าเป็นขยะแล้วคนทั้งโลกนับเป็นอะไร
“ฟังข้านะ เจ้าไม่ใช่ขยะ แล้วก็จะไม่มีวันเป็นเช่นนั้นด้วย เจ้าเข้ามาที่นี่ทำไม?”
เขาไม่เชื่อว่าเด็กน้อยผู้นี้จะเข้ามาในที่อันตรายเพราะเรื่องแค่นี้
“ข้ามาตามหาผลเพิ่มความฉลาด”
เด็กสาวพูดความลับออกมา