อะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!

ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด - บทที่ 16 สร้างประตูมิติ โดย ยักษาบรรพกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ไทย,จีน,กำลังภายใน,ดราม่า,แอ็คชั่น,แอ็คชั่น ,พระเอกเทพ,ฮาเร็ม,ระบบ,ระบบผู้ช่วย,ตลก,ผจญภัย,เจ้าสำนัก,หลายโลก,เกิดใหม่,เกิดใหม่ ,พระเอกเก่ง,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,ตลก,ผจญภัย,ไทย,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

กำลังภายใน,ดราม่า,แอ็คชั่น,แอ็คชั่น ,พระเอกเทพ,ฮาเร็ม,ระบบ,ระบบผู้ช่วย,ตลก,ผจญภัย,เจ้าสำนัก,หลายโลก,เกิดใหม่,เกิดใหม่ ,พระเอกเก่ง,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด โดย ยักษาบรรพกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อะไรน่ะ เจ้าเป็นบุตรแห่งสวรรค์อย่างนั้นรึ แล้วมันทำไม สำนักข้ามีผู้ท้าทายโชคชะตามากมาย มันจะซักแค่ไหนกันเชียว โอ้ว สมบัติระดับเซียนปรากฎขึ้นอย่างนั้นรึ ช่างหัวมันสิ! ต่อหน้าระบบข้าพวกมันล้วนเป็นขยะ!

ผู้แต่ง

ยักษาบรรพกาล

เรื่องย่อ

นพเก้าเดินออกจากโรงเรียนโดยไม่สนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นแม่แต่น้อย

“ระบบการแสดงของข้าเป็นอย่างไรบ้าง” 

นพเก้าถาม

[ติ๊ง ประทับใจ]

ระบบตอบ

[ติ๊ง ของแสดงความยินดีโฮตส์ได้แสดงการวาดยันต์บุพภาลำเนาไพรฉบับสมบูรณ์ การกระทำของโฮสต์เริ่มก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปรงด้าน อุตสาหกรรมยันต์วิญญาณระดับภูมิภาค รางวัล: เพิ่มช่องทรัพยากร + 5]

“ระบบ ข้าสามารถใช้งานได้อย่างไร”

[โฮสต์สามารถเรียกช่องทรัพยากรได้ผ่านทางจิตแล้วใส่วัตถุในช่อง ทรัพยากร]

นพเก้าหยิบสร้อยคอทองคำ 1 บาทที่น้องสาวให้เป็นของขวัญวันเกิดใส่ในช่องทรัพยากรตรงหน้า

[ช่องทรัพยากร]

[ความจุ 1/5]

[วัตถุ: สร้อยคอทองคำ 1 บาท (ระยะเวลาเพิ่มจำนวน 23 ชั่วโมง 59 นาที 53 วินาที: อัตราเพิ่มจำนวน 1 เท่าตัว)

“ระบบ ถ้ามันครบ 24 ชั่วโมงมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นจริงเหรอ แล้วมันมีข้อจำกัดหรือไม่” 

นพเก้าอดสงสัยไม่ได้

[จริงแท้แน่นอน]

[โฮสต์โปรดอย่าสงสัยในความสามารถของระบบ ต่อให้เป็นไอเทมระดับทำเจ้าก็สามารถเพิ่มจำนวนได้ย่างไม่สิ้นสุด]

สารบัญ

ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 1 บทนำ,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 2 เคล็ดวิชาหัวใจทศกัณฐ์,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 3 กลับบ้าน,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 4 นพเก้า ปะทะ หวงอี้เฟย,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 5 กายาสวรรค์ จุติจักรพรรดิในก้าวเดียว,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 6 อัจฉริยะในรอบพันปี,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 7 อันตัวข้าผู้สืบทอดเป็นคนใจกว้าง,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 8 เทศกาลสวมหมวกเขียว,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 9 เจ้าอยากยกเลิกการหมั้นหมาย โอเคได้เลย,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 10 พบบุตรแห่งโชคชะตา,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 11 จิตใจของข้าแตกสลายเป็นล้านๆชิ้น,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 12 ความลับตระกูลหวง,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 13 พบเจอกายาอมตะ,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 14 บุกรังจักรพรรดิปักษาพิรุณ,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 15 ครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์กับเทพศักดิ์สิทธิ์,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 16 สร้างประตูมิติ,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 17 ฝากคำทักทายเจ้าเมือง,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 18 สอบปรุงยาระดับ 1 ดาว,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 19 ใครบอกกันว่าข้าจะสอบปรุงยาระดับ 1 ดาว,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 20 การปรากฏขึ้นของโอสถระดับตำนาน,ระบบทรัพยากรไร้ขีดจำกัด-บทที่ 21 ความเย่อหยิ่ง ปะทะ ความจองหอง

เนื้อหา

บทที่ 16 สร้างประตูมิติ

หลังจากที่กระแสปราณวิญญาณหยุดลง ฉินอวี้หลิงลืมตาขื้นจากนั้นลุกขึ้นยืนและคุกเข่ากราบนพเก้า

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ให้โอกาสข้า ข้าฉินอวี้หลิงในชีวิตนี้ไม่สามารถตอบแทนท่านหมดได้” นางก้มกราบและเอาหัวโขกพื้นขณะที่น้ำตาไหลออกมา

ตอนนี้นางไม่ใช่ขยะอีกต่อไปแล้ว

“ลุกขึ้น เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้” นพเก้าประคองนางขึ้นมา อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายยังคงไม่ยอมลุกขึ้น

“ท่านอาจารย์ โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วย” นางอยากจะรับชายผู้นี้เป็นอาจารย์ ตอนนี้มันไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนเลวหรือไม่ บุญคุณครั้งนี้นางไม่สามารถทดแทนได้ มีเพียงเป็นลูกศิษย์คอยรับใช้อีกฝ่ายเท่านั้น

“เจ้าคิดดีแล้วรึ ข้าขอบอกไว้ก่อนว่าข้าไม่มีอะไรจะสอนเจ้ามากนัก” นพเก้าพูดเพื่อลองใจอีกฝ่ายเป็นพิธี ถึงอย่างไรเขาก็คิดจะรับนางเป็นศิษย์อยู่แล้ว พรสวรรค์ระดับนี้หากไม่รับไว้มันจะเป็นการสูญเปล่า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าในอนาคตหากเขาไม่มีอะไรถ่ายทอดให้นาง สิ่งนั้นไม่เป็นไร เขามีทรัพยากรมากมาย ต่อให้เป็นหมูเขาก็สามารถฝึกให้มันปีนต้นไม้ได้ หรือกระทั่งบินออกนอกอวกาสได้ด้วยซ้ำ

“ข้าฉินอวี้หลิงเต็มใจเจ้าค่ะ” เด็กสาวตอบอย่างเด็ดขาดขณะเอาหัวโขกพื้น

“ย่อมได้ จากนี้ไปเจ้าเป็นศิษย์คนที่สองของข้านพเก้า” เขาอยากจะพูดว่าจูเรน อย่างไรก็ตามเขาหยุดตัวเอง เกียรติยศเหล่านั้นควรปล่อยให้มันตายไปในอดีต

[ติ๊ง ของแสดงความยินดี โฮสต์ได้ยอมรับตนเองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย “สิ่งต่างๆ ในอดีตล้วนควรปล่อยให้ผ่านไป ข้าควรเดินบนในเส้นทางใหม่เพื่อก้าวข้ามตัวตนเดิม” โฮสต์ได้เข้าใจตัวเองเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ รางวัล: ช่องทรัพยากร + 5]

“ข้าฉินอวี้หลิงขอคารวะอาจารย์” นางก้มกราบเก้าครั้งเพื่อเป็นอันจบพิธีรับศิษย์

“กายาเซียนสูงสุดสองอย่าง ไม่เลวๆ” จิตตาภาพูดขึ้น ดูเหมือนบุรุษผู้นี้จะมีสายตาที่ดี

“ในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ของข้า ข้าจะไม่ตระหนี่แต่อย่างใดรับสิ่งนี้ไว้ ถือเป็นของขวัญรับศิษย์” นับจากเวลาที่นพเก้าได้จุติใหม่ก็เป็นเวลาสี่วันแล้ว ตอนนี้เขามีผลกายาสถิตในระบบถึงสี่ผล เนื่องจากแต่ละ 24 ชั่วโมงมันจะเพิ่มขึ้นแบบเท่าทวี

“สิ่งนี้มัน” จิตตาภาสงสัย นางรู้สึกเหมือนเคยเห็นสิ่งนี้ในตำรามาก่อน หน้าตาของมันคล้ายกับผลไม้ในตำนานชนิดหนึ่ง

“ท่านอาจารย์ มันคืออะไร” เด็กสาวกะพริบตาอย่างใสซื่อพรางหมุนมันเล่นในมือ

“มันคือผลกายาสถิต เมื่อเจ้ากินมันเข้าไปมีโอกาสที่สายเลือดที่สองจะถูกปลุกขึ้น” สำหรับอัจฉริยะที่มีคุณสมบัติซึมซับแก่นแท้โลหิตได้อย่างสมบูรณ์ซึ่งมีความยากมากกว่าการดูดซับสมบัติสวรรค์หลายเท่าตัว สิ่งนี้ก็เป็นสมบัติสวรรค์เช่นกัน เขาคิดว่าลองดูก็ไม่เสียหายหากนางสามารถปลุกอีกหนึ่งสายเลือดได้ หากผู้ที่เคยมีประสบการณ์ปลุกสายเลือดการปลุกสายเลือดถัดๆ ไปจะง่ายขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามในประวัติศาสตร์ผู้ที่มีสายเลือดมากกว่าหนึ่งสามารถนับนิ้วได้ด้วยซ้ำ

“อะไรน่ะ ผลกายาสถิต” นางรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว ต่อให้เป็นเพียงสมบัติระดับสวรรค์ แต่สิ่งนี้หายากอย่างมาก ต่อให้เป็นบุตรหลานของตระกูลเทพก็ยังมีความต้องการ ใครบ้างจะไม่อยากแข็งแกร่งขึ้น การกินไปหนึ่งผลก็การันตีสามารถปลุกกายาหรือสายเลือดในตัวได้ แม้ว่าจะปลุกได้ในระดับต่ำแต่ก็ส่งผลต่อพลังต่อสู้อยู่ดี

“เจ้าจะตกใจไปทำไม ข้ายังเหลืออีกตั้ง 3 ผล” นพเก้าหยิบออกมาขณะโชว์ให้นางดู

“จะเป็นไปได้อย่างไร” นางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เกิดอะไรขึ้นกับยุคสมัยนี้หรือไม่ หรือผลกายาสถิตมันกลายเป็นกะหล่ำปลีในท้องตลาดไปแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ นอกจากนี้นางยังประเมินคร่าวๆ ว่าแต่ละผลมันมีอายุประมาณ สองถึงสามพันปี

“อาจารย์ ข้าไม่อาจรับไว้ได้” เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ฉินวี้หลิงที่ดูมีความสุขก็รู้สึกสายตาพร่ามัว ทำไมอาจารย์ถึงได้ใจดีกับนางขนาดนี้ แม้ว่าอาจารย์ของนางจะมีอีกสามผลแต่นางรู้ว่านี่ต้องเป็นสมบัติหายากอย่างแน่นอน

“เจ้าจะร้องไห้ทำไม หยุดซะ ข้าไม่ชอบเด็กขี้แย” นพเก้าดุนาง เข้ารู้สึกพูดไม่ออก เจ้าจะร้องไห้ทุกเวลาเช่นนี้ได้อย่างไร

“แต่ว่า” นางอยากจะพูดออกไปว่าสิ่งนี้ล้ำค่าเกินไป

“หากเจ้ายังเป็นศิษย์ข้าอยู่จงทำตามคำสั่งและกินเข้าไปซะ” นพเก้าสั่งนาง เขาเบื่อที่จะเล่นละครปลอบโยนนาง

“นี่” จิตตาภาที่อยู่ในจิตสำนึกของนพเก้าตอนนี่กำลังกัดฟัน เจ้าอาจารย์ลูกศิษย์พวกนี้กำลังเล่นอะไรกัน หากไม่อยากได้ทำไมไม่เอามาให้ข้าซะล่ะ

“ขอบคุณท่านอาจารย์” ฉินอวี้หลิงโค้งตัวขอบคุณอาจารย์ของนาง จากนั้นนางก็กลืนเข้าไปทั้งลูก นางสัมผัสได้ถึงรสหวานอมเปรี้ยวในลำคอก่อนที่จะรู้สึกร้อนระอุจากผลกายายสถิตที่ละลายกลายเป็นน้ำในกระเพาะของนาง และไหลไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

ไม่นานหลังจากนางขัดสมาธิก็เปิดปรากฏการณ์ก่อตัวของธาตุขึ้น ปราณธาตุน้ำควบแน่นเป็นรูปนกฟีนิกส์วารีที่สง่างามด้านหลังนาง ดวงตาของมันเป็นสีม่วงและสุกสกาวราวกับอัญมณี ให้ความรู้สึกลึกล้ำไม่สิ้นสุด จากนั้นธาติที่สองก็ปรากฏขึ้น ครั้งนี้มันมีออร่าแสงสว่างขึ้นรอบตัวของนางทำให้เหมือนไฟนีออกสีฟ้า

“พาะเจ้าช่วย” จิตตาภารู้สึกตกใจ ในประวัติศาสตร์หลายล้านปีแทบไม่มีคนที่สามารถผสานทั้งสองธาตุนี้ได้ ต้องรู้ก่อนว่าธาตุแสงเป็นสัญลักษณ์ของสายเลือดเผ่าพันธุ์สูงสุด เผ่าพันธุ์เทพเจ้า มีเพียงสายเลือดหลักของเผ่าพันธุ์เทพเจ้าเท่านั้นที่สามารถหลอมรวมธาตุแสงกับธาตุอื่นๆ ได้ นางรู้เพียงแค่ว่าในตำนานทั้งเก้าสวรรค์ มีสตรีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถผสานธาตุทั้งสองนี้ได้ นางเป็นบรรพบุรุษนักรบวาลคิรี “เทพีวาลคิรี” ในตำนานของเผ่าพันธุ์เทพเจ้า ซึ่งได้หายตายจากไปเมื่อห้าแสนปีก่อน

(เป็นไปได้หรือไม่ที่นางจะเป็นบุคคลยิ่งใหญ่กลับชาติมาเกิด) เมื่อนางคิดเช่นนี้นางก็ส่ายหัวทันที จะเป็นไปได้อย่างไร นางสังเกตเด็กคนนี้ที่ติดตามนพเก้ามาตลอดทั้งวัน ทำให้นางรู้ว่าเด็กสาวคนนี้ค่อนข้างโง่เขลา ไม่มีความสง่างามแต่กำเนิดเป็นเทพีแม้แต่น้อย

ไม่รอให้นางคิดต่อ ออร่าของฉินอวี้หลิงระเบิดขึ้นอีกครั้ง จากนั้นควบแน่นเป็นเงายักษ์สีขาวที่ยืนเด่นสง่า โดยมือทั้งสองถือได้ไว้ตรงกลางอกให้ความรู้สึกของผู้พิทักษ์ เมื่อเห็นเช่นนี้นพเก้าก็รู้ทันที

“มันคือร่างสถิตของท้าวเวสสุวรรณ” รูปลักษณ์ผู้นี้คือยักษาที่ปกครองชีวิตและความตายของสวรรค์ชั้นที่ 1 ซึ่งกำเนิดจากเต๋าสวรรค์เพื่อทำหน้าที่รักษาสมดุลของสวรรค์ชั้นแรก หรือมันก็คือเต๋าสวรรค์ที่สังหารเขาในชีวิตที่แล้วนั่นเอง ก่อนตายเขายังจำได้ว่าเห็นอสูรตนนี้โยนหอกสายฟ้าลงมาเสียบแทงเขา

“จิดวิญญาณผู้พิทักษ์” จิตตาภาเข้าใจเรื่องนี้ดี เมื่อบุตรแห่งสวรรค์ถือกำเนิดขึ้นจะเป็นที่รักของเต๋าสวรรค์ หากมีโชควาสนาได้รับจิตวิญญาณผู้พิทักษ์คุ้มครอง เมื่อนางเจอกันภัยอันตรายที่ไม่สามารถรับมือได้ มันจะเปิดเผยตัวออกมาเพื่อช่วยบุคคลนั้น นางรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทำไมคนเราเกิดมาถึงเท่ากัน

ตอนนี้รูปลักษณ์ทั้งสองของท้าวเวษสุวรรณและปักษากลืนสมุทรยังไม่ได้หลอมรวมกัน สิ่งนี้ต้องใช้เวลา ประสบการณ์สะสมจากการขัดเกลาเคล็ดวิชาจนหลอมรวมเป็นมรรคายุทธได้สำเร็จจึงจะเกิดขึ้นได้ ทำให้ตอนนี้สายเลือดทั้งสองหมุนวนเป็นรูปร่างของวงกลมหยินหยางอยู่ข้างหลังนาง โดยหนึ่งขาวหนึ่งฟ้า

“ยอดเยี่ยมมาก เจ้าสมกับเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง” เมื่อเด็กสาวรู้สึกตัวนพเก้าก็อดไม่ได้ที่จะชมเชย แต่แท้จริงแล้วเขาอยากจะบอกว่านางเป็นสัตว์ประหลาด แต่มันดูไม่เหมาะสมเขาจึงทำได้เพียงเก็บคำนี้ไว้ในใจเท่านั้น

“หากข้าไม่ได้อาจารย์ข้าก็ไม่สามารถทำได้” เด็กสาวพูดด้วยรอยยิ้มเบิกบาน

[ติ๊ง ขอแสดงความยินดี โฮสต์ได้ปลุกสายเลือดของลูกศิษย์คนที่สองฝนระดับเริ่มต้น รางวัล: ช่องทรัพยากร + 20]

“ระบบ เจ้าขี้เหนียวจัง” นพเก้ารู้สึกว่าครั้งนี้ระบบให้รางวัลน้อยเกินไป

ฮึม!

จิตตาภาแค่นเสียงในใจ คงจะดีท่านางมีวาสนาได้รับลูกศิษย์เช่นนี้บ้าง

เมื่อเรื่องของศิษย์ใหม่ของเขาจบลง ต่อมาก็เป็นเรื่องของนพเก้าต่อ หลังจากผ่านไปถึงเที่ยงคืน นพเก้าบินกลับไปยังหอคอยคลังสมบัติ เขาส่งเด็กน้อยไปเข้านอนในเต็นท์สำเร็จรูปจากแหวนมิติของเขา แล้วตรวจสอบสมบัติเพิ่มเติม ด้วยการตายของจักรพรรดิอสูรทั้งสี่สมบัติของพวกมันในรังจึงว่างเปล่าไม่เหลือสิ่งใด ต้องบอกว่าสินสงครามตอนนี้ค่อนข้างดี เขาได้รับสมุนไพรและสมบัติล้ำค่าระดับ 8 สี่ชิ้นจากแต่ละเผ่า พวกมันเทียบได้กับสมบัติเซียนขั้นกลาง ในอนาคตพวกมันจะถูกใช้เป็นวัสดุในการสร้างอาวุธและยุทโธปกรของเขา

“รายงานนายเหนือหัว ข้าค้นพบหินมิติระดับสวรรค์จำนวน 20 ตันในเขตของจักรพรรดิกิ้งก่าเพลิงขอรับ” ปักษาพิรุณที่ตัวเท่านกขมิ้นสีแดงกลับมารายงาน

“ดีมาก ขุดและนำกลับมาทั้งหมด” ช่างเป็นการเก็บเกี่ยวที่คุ้มค่า ด้วยหินมิติระดับสวรรค์ตอนนี้เขาสามารถใช้เวทมนตร์เพื่อเชื่อมต่อกับนักรบโลหิตทุกตนใต้อานัติ

เมื่อถึงเวลาตีสาม วัสดุทั้งหมดก็มากรองอยู่ต่อหน้านพเก้า ด้วยกำลังของนักรบและอสูรโลหิตที่ไม่จำเป็นต้องหาอาหารหรือพักผ่อน พวกมันถือว่าเป็นแรงงานระดับ SSS เลยก็ว่าได้

ตอนนี้นพเก้าขึ้นไปชั้นบนสุดของหอคอยแล้วเริ่มวาดอักขระต่างๆ บนพื้นโดยทิศทางมันชี้ไปที่ตัวของเขา รัศมีของอักขระกินพื้นที่ไปไม่ต่ำกว่าสิบเมตร ด้วยความเชี่ยวชาญของปรมาจารย์ยันต์คาถาระดับ 6 เขาสามารถทำมันได้อย่างรวดเร็วละมีประสิทธิภาพ

เขานำหินมิติระดับสวรรค์ออกมาทั้งหมด มันกองอยู่เป็นภูเขาต่อหน้าเขา เขาเริ่มใช้พลังศักดิ์สิทธิ์สร้างเปลวเพลิงออกมาหลอมละลายพวกมันทั้งหมด หลังฝ่านไปหนึ่งชั่วยามรูปร่างของมันก็กลายเป็นประตูบานใหญ่ 10 เมตรตรงหน้า จากนั้นนพเก้าก็นำแก่นแท้ของอสูรทั้งหมดที่ให้นักรบโลหิต “เบอร์หนึ่ง” รวบรวมกลับมา ใช้พวกมันเป็นหมึกสลักลวดลายต่างๆ ลงบนบานประตู หลังกระบวนการสิ้นสุดลงก็เป็นตอนรุ่งสางแล้ว

“เปิดออก”

ตู้ม

ประตูค่อยๆ แง้มออกมาเผยให้เห็นสะพานสีรุ่งด้านใน เมื่อมันเปิดจนสุด สะพานนั้นก็ได้เชื่อมต่อกับตันเถียนของนพเก้า ภายในตันเถียนของเขาเกิดประตูบางหนึ่งที่ลักษณะคล้ายกับประตูบานด้านนอก

“สะพานไบรฟรอซ” สิ่งนี้คือวิชาเคลื่อนย้ายของกรีกโบราณ ซึ่งนพเก้าเจอในเศษซากอารยธรรมดั้งเดิมในสวรรค์ชั้นที่หนึ่ง มันสามารถสร้างประตูมิติแล้วนำทางไปที่ต่างๆ ได้โดยไม่มีข้อผูกมัด อย่างไรก็ตามสะพานไบรฟรอซนี้ของนพเก้ามีความแตกต่างออกไป เพราะมันเป็นการเชื่อมต่อกับอสูรโลหิตทุกตนที่เขานำแก่นเลือดใส่เข้าไป ตอนนี้เขาสามารถย้ายนักรบและอสูรทั้งหมดมากกว่าสองแสนห้าหมื่นตัวเข้าไปในตันเถียนได้

หากมีนักรบตนใหม่เกิดขึ้นก็เพียงแค่ให้นักรบตนเดิมแบ่งเศษเสี้ยวให้กับนักรบตนใหม่ก็เป็นอันเชื่อมต่อเสร็จสิ้น

ด้วยการทำเช่นนี้ ในอนาคตเขาจะสามารถนำทรัพยากรเก็บไว้ในตันเถียนเพื่อเป็นพลังงานสำรองได้

หลังเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด เขาย้ายอสูรทั้งหมดเข้าไปในตันเถียนทันที หน้าที่ของพวกมันมีเพียงกลืนกินสมบัติล้ำค่าที่ได้มาจากป่ามรณะเพื่อแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และการทำเช่นนี้จะทำให้พวกที่อ่อนแอบางส่วนจะเข้าสู้สภาวะจำศีล เนื่องจากพลังงานมากเกินไป โดยเฉพาะพวกที่ตํ่ากว่าขอบเขตราชัน มากกว่าเก้าในสิบของอสูรโลหิตทั้งหมดตอนนี้กำลังหลับปุ๋ยและร่องรอยไปมาในตันเถียนของเขา

เมื่อเขาเห็นว่าพวกมันอยู่อาศัยกันอย่างชุมนุมแออัด เขาจึงกระจายมันไปตามเส้นเลือดลมปราณในร่างกาย นี่ก็มีข้อดีเช่นกัน หากมีผู้บุกรุกจากภายนอกพวกมันสามารถลงมือจัดการได้ก่อนที่เขาจะรู้ตัวด้วยซ้ำ

ขณะนั้นเองพื้นที่ภายนอกของป่ามรณะ เมื่ออสูรโลหิตเจ้าช้างน้อยและเจ้าลิงน้อยหายไป ทุกคนที่รออยู่ด้านนอกก็ตกอยู่ในความโกลาหล และเข้าไปข้างในทันที พวกเขากลัวว่าจะพลาดสมบัติสวรรค์จากปรากฎการณ์วิเศษนี้ไป

“หยุดซะ ตอนนี้สถานการณ์ต่างๆ ยังต้องมีการตรวจสอบ หากใครกล้าลุกล้ำเข้าไป พวกเจ้าจะถือว่าเป็นอาชญากรของเมืองเวสสุวรรณ” รองเจ้าเมืองพูดข่มขู่ขึ้น

อะไร!

ทุกคนที่กำลังเข้าไปก็หยุดฝีเท้าลง แล้วมองที่กองกำลังรักษาความสงบอย่างไม่เป็นมิตร ทีตอนสัตว์ประหลาดยังอยู่พวกเจ้าไม่ทำอะไร แต่ทีข้าจะเข้าไปกลับห้าม นี่มันไม่ยุติธรรม

หลายๆ คนตะโกนด่าด้วยความไม่พอใจ

“หากใครมีปัญหาก็เข้ามาคุยกับข้า” เขาหยิบปืนลูกซองปราณวิญญาณที่สะพายหลังออกมา

“บัดซบ” ทุกคนได้แต่กัดฟันด้วยความโกรธ หากนักผจญภัยที่สะพายดาบใหญ่ยังอยู่พวกเขาคงไม่กลัวอีกฝ่าแต่อย่างใด

“ท่านลุงเหตุใดถึงไม่ปล่อยพวกเข้าไปซะล่ะ การที่ขัดขวางพวกเขาไว้แบบมันไม่ยุติธรรม” ชายหนุ่มรูปงามปรากฏตัวด้านหลังของเขาและพูดขึ้น

“ใช่แล้ว เจ้าเมืองน้อยพูดได้ถูกต้อง ป่ามรณะเป็นของทุกคน ไม่มีใครสามารถห้ามพวกเราได้”

ทุกคนที่เป็นพลเมืองของเมืองเวสสุวรรณรู้จักชายหนุ่มผู้นี้ดี เขามีชื่อเสียงในเรื่องของความเมตตากรุณาและชอบช่วยเหลือประชาชนต่ำต้อย ทำให้เขามีราศีมากขึ้นเมื่อเขาพูดกับสามัญชนทั่วไป

“หึ” รองเจ้าเมืองไม่ได้พูดอะไร เขารู้ดีว่านิสัยหลานชายผู้นี้น่ารังเกียจเพียงใด มันผู้นี้ทำท่าเป็นคนดี แต่ความจริงแล้วต้องการให้พวกนักผจญภัยไปเช็คดูว่าน้องสาวของเขาตายแล้วหรือยัง ในงานครั้งนี้เขาก็มีส่วนร่วมเช่นกัน

ในขณะนั้นเองก็มีเสียงตะโกนขึ้น

“ดูนั่นเร็ว ท่านจักรพรรดิหวงกลับมาแล้ว”

ทุกคนรีบเข้าไปรุมล้อมนพเก้าที่ลงมาถึงพื้นทันที การกระทำของคนพวกนี้ทำให้เขารู้สึกตัวสั่น คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนแก่หรือชายฉกรรจ์รูปร่างหน้าตาน่ากลัวทั้งสิ้น

“ถอยไปซะ” ไม่รู้ว่ารองเจ้าเมืองโผล่มาเมื่อใด เขารีบกันทุกคนออกไปอย่างไร้ยางอาย

“หลานเก้า ช่วยรายงานสถานการณ์ด้านในได้หรือไม่” รองเจ้าเมืองพูดขึ้น

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็หูผึ่ง เขาอยากรู้ว่ายังมีสัตว์ประหลาดอยู่ด้านในหรือไม่

“อืม สถานการณ์ด้านในค่อนข้างประหลาด นอกจากสัตว์ประหลาดที่อยู่ดีๆ ก็ค่อยๆ หายตัวไป ก็ไม่มีสิ่งใดอีก โชคดีที่ข้าพบเด็กคนนี้เข้าระหว่างทาง” นพเกก้าพูดขึ้น ด้านหลังของเขาปรากฏเด็กสาวแง้มคอชะเง้อมองผู้คนน่ากลัวรอบตัว

“โอว องค์หญิงน้อย ขอบคุณมากหลานเก้า” รองเจ้าเมืองใจเต้นตึกตัก ทำไมเด็กสาวผู้นี้ถึงโชคดียิ่งนัก

“หลิงเอ๋อ” ไม่นานจากนั้นแม่ของฉินอวี้หลิงก็เข้ามา

“ท่านแม่” เด็กสาวร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ก่อนที่จะเข้าไปในอ้อมกอดแม่ของนาง ตลอดเวลาที่อยู่ในป่า นางรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก

“หลิงเอ๋อ ดี ดียิ่งที่เจ้าปลอดภัย” เจ้าเมืองน้อยพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขณะเช็ดน้ำตา แต่ในใจรู้สึกกระวนกระวาย แผนการของเขาจะถูกเปิดเผยหรือไม่

นพเก้าอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อเห็นฉากนี้ ต้องบอกว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้แสดงได้เก่งจริงๆ

“ข้าขอเป็นตัวแทนท่านตาขอบคุณพี่เก้าแล้ว ข้าจะบอกท่านตาและไปแสดงความขอบคุณด้วยตนเองที่ตระกูลหวงแน่นอน” เขาอายุ 17 ปี ห่างจากนพเก้าปีเดียว ถึงจะไม่สนิทสนมมากนัก แต่สถานะของเขาก็เป็นถึงหลายจักรพรรดิ เขามีสิทธิ์ที่จะเรียกอีกฝ่ายเช่นนี้

“หลิงเอ๋อ ท่านแม่หลับกันเถอะ เมื่อคืนนางคงลำบากเป็นอย่างมาก” เจ้าเมืองน้อยพูดขึ้นขณะที่กำลังจะจับไหล่ของเด็กสาว

“ไม่ ข้าไม่กลับ” ฉินอวี้หลิงปัดมือของพี่ชายออกอย่างไม่ไยดี ก่อนที่จะออกจากป่าอาจารย์ของนางเผยให้เห็นบางสิ่งที่นางไม่สามารถให้อภัยชายผู้นี้ได้

“หลิงเอ๋อ เกิดอะไรขึ้น” เป็นไปได้หรือไม่ที่นางรู้ถึงแผนการของเขาแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาเขาก็ได้เตรียมคำพูดรับมือกับสถานการณ์นี้ไว้แล้ว ด้วยตัวตนที่มีคุณธรรมและน่าเชื่อถือ จะไม่มีใครสงสัยคำพูดของเขา กลับกันจะคิดว่าเด็กสาวพูดจาไร้สาระ ในโลกนี้ไม่มีใครเห็นใจขยะไม่ว่าจะเป็นเด็กสาวก็ตาม

“หลิงเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้” แม่ของนางส่งเสียงตำหนิออกมา นางคิดว่าลูกสาวของนางยังคงมีอาการหวาดกลัวจากการที่อยู่ในป่ามรณะทั้งคืนไม่หาย

ฉินอวี้หลิงไม่ตอบ นางเพียงเดินไปจับแขนเสื้อของนพเก้าและแอบอยู่ด้านหลังของเขา

“หลิงเอ๋ออย่าเสียมารยาท กลับบ้านเร็วเข้า” พี่ชายของนางต้องการพานางกลับไป เขาต้องการหาวิธีการอื่นในการกำจัดนาง

“ไม่ ข้าจะอยู่กับอาจารย์” ตอนนี้นางไม่สามารถไว้ใจใครได้ นางไม่คิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้แม่ของนางจะเชื่อนาง

อะไรน่ะ อาจารย์!

ผู้คนที่ได้ยินถึงกับตกตะลึง เป็นไปได้อย่างไรที่จักรพรรดิหวงจะรับขยะเป็นลูกศิษย์ ในเมืองเวสสุวรรณทุกคนรู้จักชื่อเสียงของเด็กสาวผู้นี้เป็นอย่างดี นางอายุ 15 ปี แต่ไม่สามารถฝึกฝนได้ แม้ว่าจะใช้ทรัพยากรมากแค่ไหนก็ตาม สิ่งนีทำให้พ่อของนาง เจ้าตระกูลฉินเตะนางออกจากตระกูลไป นางจึงทำได้เพียงมาอาศัยอยู่กับตาของนาง อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่เด็กสาวหายตัวไป เจ้าเมืองก็ยังไม่มีท่าทีเป็นห่วงใดๆ เพียงส่งมือขวาที่เป็นรองเจ้าเมืองมาดูแลสถานการณ์เท่านั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่านางไม่ได้เป็นที่รักของใครบางคน หนำซ้ำยังถูกรังเกียจจากทุกคน มีข่าวลือด้วยซ้ำว่าแม้แต่คนรับใช้ก็ไม่แสดงความเคารพนาง

เมื่อนางได้ยินคนซุบซิบกันต่อหน้านาง นางยังคงอดกลั้นไว้

“ขยะ” บางคนพูดด้วยความดูถูกและสายตาแฝงไปด้วยความรังเกียจ

เมื่อนางได้ยินคำว่าขยะ นางก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

“ไม่ ข้าฉินอวี้หลิงไม่ใช่ขยะ” ขณะที่นางตะโกนนางก็ระเบิดพลังออกมา

บึ้ม

“เป็นไปได้อย่างไร ขอบเขตขัดเกลาศิลาขั้นที่ 1”

“โอว แม่สาวน้อย ข้าพูดผิดไป ข้ากำลังบอกว่าทุกคนที่อยู่รุ่นเดียวกับเจ้าล้วนเป็นขยะ ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้” ชายผู้ที่ดูถูกนางเมื่อครู่รีบเปลี่ยนคำพูดทันที

ควับ!

หลายๆ คนหันไปมองผู้พูดทันที บางคนรู้สึกไม่พอ พวกเขามีลูกหลานอายุเท่านี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถเถียงได้ ขอบเขตขัดเกลาศิลาขั้นที่ 1 แม้แต่ในมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ก็มีไม่มากนัก หากนำรุ่นเยาว์วัยเดียวกันมาเปรียบเทียบกัน นางต้องได้อันดับหนึ่งอย่างแน่นอน

“หลิงเอ๋อ เจ้าทำได้อย่างไร” แม้แต่แม่ของนางก็ยังเผยสีหน้าตกตะลึง

“เป็นอาจารย์ที่ช่วยข้าไว้” นางมองอาจารย์หล่อเหลาผู้นี้ด้วยความเคารพ อาจารย์ของนางคาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เขาอนุญาตให้นางเปิดเผยพลัง แต่ห้ามเปิดเผยสายเลือดในตอนนี้เพราะอาจจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น แต่วุ่นวายอย่างไรนางไม่ทราบ

“ข้าเห็นว่านางมีปัญหาบางอย่างช่วยนางเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าข้าจะเจออัจฉริยะหนึ่งในล้าน” นพเก้าเปิดเผยบางส่วนออกมา

ซูด

เสียงสูดหายใจดังขึ้นในบรรยากาศที่เงียบกริบ หนึ่งในล้านเลยรึ ไม่ได้ขี้โม้เกินไปใช่ไหม

“ตอนนี้รากฐานนางยังไม่มั่นคง ข้าจะพานางกลับไปตระกูลหวงก่อน แล้วข้าจะส่งนางกลับจวนเจ้าเมืองด้วยตนเอง” เป็นความจริงที่รากฐานของนางยังไม่มั่นคงเนื่องจากทะลวงระดับเร็วเกินไป นอกจากนี้เขาต้องการตรวจสอบที่จวนเจ้าเมืองว่าความลับเรื่องค้ามนุษย์มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ในฐานะเจ้าสำนักในอนาคตเขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องแบบนี้ยังดำเนินต่อไปได้ มันคงจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่หากผู้ที่ถูกจับตัวไปเป็นผู้มีพรสวรรค์

นพเก้าหาข้ออ้างให้กับตนเองในการฆ่าคนอย่างชอบธรรม ด้วยการดูดซับพลังปราณและประสบการณ์ของจักรพรรดิปักษาพิรุณมันทำให้เขามีความกระหายเลือดเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

“ถ้าเช่นนั้นในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว พวกเราขอตัวก่อน” รองเจ้าเมืองละเจ้าเมืองน้อยสบตากันก่อนที่จะประสานมือและนำกำลังคนกลับไป

“ช้าก่อน” เสียงนี้เต็มไปด้วยอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทำให้ผู้คนบริเวณโดยรอบไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

ทุกคนงุนงง เจ้ากำลังทำอะไร จะอวดอำนาจรึ บรรดานักผจญภัยที่ไม่เกี่ยวข้องต่างสับสน พวกเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยทำไมต้องรั้งพวกเขาไว้

“พวกท่านทั้งสองลืมอะไรไปหรือไม่” นพเก้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย

“พี่เก้าหมายความว่าอย่างไร” เจ้าเมืองน้อยพูดขึ้น เขาเริ่มรู้สึกไม่ดี ราวกับเหตุการณ์เลวร้ายกำลังเกิดขึ้น

“คุณนาย ท่านไม่อยากรู้หรือว่าเหตุใดนางจึงไม่สามารถฝึกฝนได้ และทำไมนางถึงแอบหนีออกจากคฤหาสน์เจ้าเมืองได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น และเหตุผลอะไรที่นางต้องหนีเข้าไปในป่ามรณะ” นพเก้าพูดออกมาสามประโยคติดต่อกัน

“ท่านกำลังจะบอกอะไรกันแน่” แม่ของฉินอวี้หลิงเริ่มเข้าใจบางอย่าง นางอยู่ในแวดวงคนชั้นสูงมาตลอด คำพูดนี่สื่อความหมายชัดเจน แต่นางก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผล พวกเขาทั้งสองไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายลูกสาวนาง