ผมจะถูกโยไคพวกนี้กินไหมขอรับ
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ญี่ปุ่น,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,ลึกลับ,โยไค,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Yokai Villageผมจะถูกโยไคพวกนี้กินไหมขอรับ
เมืองโยไค
สถานที่ที่ซึ่งเหล่าโยไคทั้งหลายจะมาอาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งมีการแบ่งเขตในการปกครองเป็น 4 เขต ได้แก่
เขตอสูร ขึ้นชื่อว่า อสูร แล้วนั้นย่อมมีเหล่าโยไคที่มีรูปร่างหน้าตาน่ากลัวและน่าเกรงขาม ส่วนใหญ่มักมีเขาและมีกระบองเป็นอาวุธคู่ใจ
เขตสัตว์เหนือธรรมชาติ เป็นเขตของเหล่าโยโคที่สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้
เขตวิญญาณธรรมชาติ เป็นเขตของเหล่าโยไคที่สามารถสื่อถึงธรรมชาติได้
และเขตสุดท้าย เขตสิ่งของมีชีวิตหรือเขตสึกุโมงามิ เป็นเขตที่เหล่าโยโคที่เกิดจากสิ่งของที่ถูกทิ้งหรือใช้งานมานานจนได้รับจิตวิญญาณและมีชีวิต
ถ้าคุณต้องอาศัยอยู่ร่วมกับพวกเขา....คุณจะทำเช่นไร
เพี๊ยะ เพี๊ยะ
“นี่เจ้าทำไมถึงไม่ยอมให้น้องห้ะ!!!” เสียงของชายวัยกลางคนพูดตะคอกใส่ร่างบางพร้อมกับยกไม้ฟาดไปที่ลำตัวของร่างบาง
“ฮึก...หยุดได้แล้วนะขอรับ ผมเจ็บ...ฮึก”เสียงของร่างบางเอ่ยขอให้ชายวัยกลางคนหยุดการกระทำนี้ แต่ทว่าก็มีเสียงของหญิงสาววัยกลางคนได้พูดแทรกขึ้นมา
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดนะฮารุโตะ ทำไมน้องสาวของเจ้าขอหวีอันนี้ เจ้าให้น้องไม่ได้เลยรึไงห้ะ”
“ใช่แล้วขอรับท่านแม่ แถมท่านพี่ฮารุโตะยังไม่ยอมซื้อขนมให้ผมด้วยนะขอรับ...แง”เสียงของเด็กชายนามว่าฟุยุจิได้ฟ้องกับชายหญิงวัยกลางคนทั้งสองอย่างอิโตะและฮิโยริ
“ท่านพี่ฮารุโตะไม่ยอมยกหวีให้หนูนะเจ้าคะคุณแม่...ฮึก ฮึก”และตามมาด้วยเสียงของเด็กหญิงนามว่ากาโกะร้องไห้งอแงฟ้องฮิโยริด้วยความเอาแต่ใจ
เมื่อทั้งสองได้ยินเช่นนั้นก็เกิดบันดาลโทสะ “ทำไมเจ้าถึงทำกับน้องเช่นนี้ได้ห้ะ ฮารุโตะ” อิโตะตวาดใส่ร่างบางพร้อมกับฟาดไม้ลงไปอีกหลายรอบ “ฮึก ฮึก ผมไม่มีเงินแล้วนะขอ-“ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้พูดจบก็ถูกฮิโยริตบหน้าเข้าอย่างแรงพร้อมกับด่าทอด้วยคำต่างๆนานาสารพัดใส่ร่างบาง จนกระทั่งฮิโยริได้ด่าทอร่างบางจนพอใจแล้ว
ยังไม่ทันที่ฮารุโตะจะได้พูดอะไรมากนักก็ถูกอิโตะเหวี่ยงร่างของตนไปกระแทกเข้ากับชั้นหนังสืออย่างแรง จนร่างของฮารุโตะนั้นจุกจนแทบลุกไม่ขึ้น “เจ้านี้มันช่างเป็นหลานอกตัญญูเลี้ยงเสียข้าวสุกเสียจริง พวกข้าไม่น่านำเจ้ามาเลี้ยงเลยจริงๆ”ฮิโยริได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ยังไม่ทันที่ร่างบางนั้นจะได้ลุกก็ถูกอิโตะเตะเข้าไปที่ท้องอีกหลายรอบจนกว่าตนจะพอใจ
จากนั้นก็ได้ลากร่างบางออกมานอกบ้านพร้อมกับห่อของร่างบาง “ต่อจากนี้ไป ข้าขอไล่เจ้าเจ้าคนอกตัญญู”อิโตะได้พูดไล่ร่างบางอย่างไร้เยื่อใยพร้อมกับปิดประตูกระแทกใส่ร่างบาง เมื่อร่างบางตั้งสติและเริ่มลุกขึ้นยืนได้ก็ได้เดินเข้าไปประตูด้วยความน่าสงสาร แม้แต่ชาวบ้านในระแวกนั้นก็ไม่กล้าที่จะกล้าเข้าไปยุ่งเพราะตัวของอิโตะนั้นมีอิทธิพลในหมู่บ้าน
เมื่อร่างบางเคาะประตูขอร้องเท่าไหร่ก็ไม่มีการตอบรับหรือเปิดประตูให้ตนแม้แต่น้อย ร่างบางจึงต้องจำใจเดินไปหยิบห่อผ้าของตนแล้วเดินออกไปจากที่นี้ ร่างบางเดินไปอย่างไร้จุดหมายรู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่กลางป่าลึกเสียแล้ว
ฟิ้ววววว
จนกระทั่งเริ่มมีสายลมเย็นยะเยือกยามพลบค่ำค่อยๆพัดผ่านมาเป็นระยะๆ สายลมนั้นเข้ากระทบกับยอดไม้ดังซู่ซ่าราวกับลมเย็นอยู่ที่ริมทะเล แต่ทว่าความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ณ เวลานี้ร่างบางผมส้มอย่างฮารุโตะกำลังเดินกอดห่อผ้าพร้อมร่างอันสั่นเทาของตนเดินไปตามทางในป่าลึกในเวลาที่ทินกรกำลังจะคล้อยลาลับขอบฟ้าไปเช่นนี้มันช่างน่ากลัวเสียเลยเกินในความคิดของเด็กหนุ่มร่างบาง เขาจึงได้หันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวังสิ่งรอบข้าง เพราะไม่รู้ว่าในป่าลึกเช่นนี้จะมีงูเงี้ยวเขี้ยวขอหรือสัตว์มีอะไรหรือไม่มาทำร้ายตัวเขา
แต่ที่น่าแปลกก็คือกลางป่าเช่นนี้กลับมีทางเดินทั้งๆที่ไม่น่าจะมีผู้คนมาอาศัยอยู่เลย เมื่อเดินต่อมาเรื่อยๆได้ไม่นานทินกรก็ได้ลาลับขอบฟ้าไปเสียแล้ว มีเพียงแสงดาราและแสงศศิธรที่ส่องแสงสว่างไสวในยามค่ำคืน แต่ทว่าแสงที่ส่องลงมานั้นน้อยนิดเสียเหลือเกิน ทำให้สิ่งที่มองเห็นนั้นมีเพียงทางสลัวๆเท่านั้น
“หนาวจัง”ร่างบางได้กำชับอ้อมกอดพร้อมกับห่อผ้าของตนให้แน่นขึ้นก่อนที่จะค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าจนพบกับบันไดที่นำพาไปยังศาลเจ้าร้างกลางป่า ในเวลานี้ตัวของฮารุโตะนั้นไม่มีเวลาที่จะคิดไตร่ตรองอะไรเสียแล้ว ร่างบางจึงๆด้เดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆและระมัดระวัง แต่ก็ต้องหยุดชะงักขาของตนเองไว้เมื่อเห็นซากอะไรไม่รู้ดำๆอยู่ที่พื้น พอเงยหน้าขึ้นมามองก็พบกับรังแมงมุมรังใหญ่อยู่บนต้นไม้ ‘สงสัยแถวนี้คงมีสัตว์นักล่าตัวใหญ่แน่เลย แล้วก็ในป่าก็ย่อมมีรังแมงมุมคงเป็นเรื่องธรรมชาติละนะ’ร่างบางได้แต่คิดในใจ
ดังนั้นร่างบางจึงได้เลิกสนใจในซากดำๆที่อยู่ตรงพื้น แต่ร่างบางหารู้ไม่ว่าซากที่ร่างบางได้เห็นนั้นคือซากมนุษย์ที่ปีศาจได้กินเลือดเนื้อและวิญญาณไปแล้ว และรังแมมุมที่ร่างบางเห็นนั้นก็ไม่ใช่รังแมงมุมธรรมดาแต่เป็นรังของปีศาจแมงมุมที่คอยล่อลวงมนุษย์นักเดินทางหรือมนุษย์ที่ได้เดินหลงเข้ามาในป่าแห่งนี้มากินเป็นอาหาร มักจะอาศัยอยู่ในถ้ำหรือในป่าลึกเช่นนี้ ปีศาจนี้ถูกเรียกว่า “ปีศาจแมงมุม”หรือ“สึชิกุโมะ”
ปีศาจแมงมุมได้พุ่งเข้ามาหาร่างบางที่เคราะห์ร้ายพร้อมกับใยเหนียวออกมารัดตัวของร่างบางแน่นขึ้น ร่างบางที่โดนจู่โจมอย่างกระทันหันอย่างไม่ทันตั้งตัวก็ได้ก้าวขาพลาดกลิ้งตกบันไดศาลเจ้าลงมา แต่ก็ยังโชคดีที่ตัวของร่างบางนั้นยังเดินขึ้นไปได้ไม่สูงมากนัก จึงทำให้รู้สึกเจ็บมากขึ้นจากแผลเมื่อกลางวันเพียงเท่านั้น แต่มันก็ยังคงโชคร้ายอยู่ดีเมื่อปีศาจแมงมุมตนนั้นยังปล่อยใยเหนียวมารัดตัวของร่างบางหนาขึ้นเรื่อยๆ
“อื้อ...เจ็บ”ร่างบางได้พยายามดิ้นตัวออกจากใยเหนียวนี้แต่ก็ไม่เป็นผลจนกระทั่งร่างบางได้สลบไปในที่สุด ในขณะที่ปีศาจแมงมุมกำลังจะกลืนวิญญาณของร่างบางนั้นก็ไดมีเสียงเรียกเข้ามาขัดจังหวะไว้เสียก่อน
“นี้เจ้าสึชิกุโมะ หยุดสิ่งที่เจ้ากำลังกระทำอยู่ซะ!!!” ปีศาจแมงมุมได้หันไปตามต้นเสียงก็พบกับบุคคลที่ตนนั้นไม่คิดว่าจะมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้ได้
“นี้เจ้าพวกคิทสึเนะ!!! มาทำอะไรในสถานที่แห่งนี้!!!” ปีศาจแมงมุมได้ตะโกนเรียกในสิ่งที่เห็นด้วยความแปลกใจ “ข้าต้องขออภัยเจ้าด้วยนะสึชิกุโมะ แต่ว่าข้าขอมนุษย์ตนนี้จะได้หรือไม่” คิทสึเนะตนนั้นได้กระโดดลงมาจากยอดไม้ลงมาข้างๆร่างบาง เมื่อจ้องมองร่างบางก็รู้สึกถูกสเน่หาในตัวของร่างบางและยังคงรอคำอนุญาตจากปีศาจแมงมุมตนนี้
“คงจะไม่ได้หรอกนะ เจ้าพวกคิทสึเนะจอมเจ้าเล่ห์ หากอยากได้มนุษย์ตนนี้มากนักก็ต้องชนะข้าให้ได้สิ” ปีศาจแมงมุมเอ่ยท้าสู้อย่างทะนงตน แต่หารู้ไม่ว่าพลังของตนนั้นมิได้เทียบกับคิทสึเนะตนนี้ได้แม้แต่น้อย เมื่อทั้งสองฝ่านได้เข้าต่อสู้กันได้ไม่นาน ปีศาจแมงมุมก็ได้รู้ว่าพลังของตนเองนั้นไม่สามารถสู้ต่อกรกับคิทสึเนะตรงหน้านี้ได้เลย
และต่อมาไม่นานปีศาจแมงมุมก็ได้ถูกคิทสึเนะร่างสูงผมเทากำจัดไป ร่างสูงจึงได้ย่อตัวและใช้มือตวัดตัดใยเหนียวที่รัดรอบตัวร่างบางขาดออก ก่อนที่จะค่อยๆช้อนตัวของร่างบางขึ้นอย่างเบามือ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้แล้วหายไปในศาลเจ้าร้างซึ่งเป็นทางเข้าสู่ไปในที่ที่เขาเรียกว่า ‘เมือง’
เมื่อได้ก้าวขาเข้ามาเขตเมืองปีศาจแล้วปีศาจอสูรมากหน้าหลายตาก็ได้ต่างพากันหันมามองที่เขาเป็นจุดเดียว แต่ทว่าคิทสึเนะตนนี้หาได้สนใจสายตาเหล่านั้นไม่ เขายังคงยืนยิ้มอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเหมือนราวกับว่าเหล่าปีศาจอสูรกาย้หล่านี้ถูกเขาหยุดเวลาเอาไว้เสียงั้น
“พวกเจ้ามองอะไรกันหรือ”คิทสึเนะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับดูน่ากลัวเสียเหลือเกินสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น มันไม่ได้ชวนน่ามองและน่าลุ่มหลงแต่อย่างใดเลยแม้แต่น้อย
“กลิ่นนี้มัน....กลิ่นมนุษย์ไม่ใช่หรือ ท่านคิทสึเนะ”ปีศาจตนหนึ่งได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ร่างบางในอ้อมแขนของตน คิทสึเนะได้ก้มหน้าลงมองคนร่างบางในอ้อมแขนก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วตอบคำถามของปีศาจผู้อาศัยอยู่ร่วมเมือง
“ก็ใช่”คิทสึเนะตนนี้ยังคงยิ้มราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ซึ่งหากปีศาจตนนั้นได้เห็นรอยยิ้มนั้นบ่อยแล้วครั้งแล้ว ย่อมคิดว่าเริ่มรำคาญในรอยยิ้มนั้นเสียแล้ว
“หากพวกเจ้าคิดจะเข้ามาขัดข้าเสียละก็ ข้าขอแนะนำว่าหยุดความคิดนั้นเสียไม่เช่นนั้นจะมีจุดจบเช่นเดียวกับสึชิกุโมะ” คิทสึเนะได้ป่าวประกาศต่อหน้าเหล่าปีศาจอสูรทั้งหลาย แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครกล้าขัดเขาได้ก็เพราะว่าใครๆก็ย่อมรู้ว่าคิทสึเนะนั้นทรงพลังแค่ไหน ทั้งในเรื่องของสติปัญญาอันชาญฉลาดและเจ้าเล่ห์ คาถาอาคมและความสามารถในการแปลงกายนั้นก็แกร่งกล้า แม้แต่เหล่ามนุษย์และปีศาจบางชนิดเองก็ต่างหวาดกลัวกันไม่น้อย ยิ่งเป็นมีฐานะเป็นผู้ปกครองเขตแล้วก็ยิ่งไม่กล้าขัดเข้าไปใหญ่
“นั้นสินะ ถ้าหากเข้าไปขัดท่าคงจะมีจุดจบไม่สวยแน่”เสียงของปีศาจอสูรตนหนึ่งได้กล่าวขึ้นมาก่อนที่ทุกตนจะต่างพากันแยกย้ายไปตามปกติ
คิทสึเนะตนนั้นก็ได้เดินเข้าไปในอีกเขตของเมือง ซึ่งเมื่อมาถึงเขตที่คิทสึเนะได้ดูแลปกครองอยู่นั้นก็เจอแต่ปีศาจที่สามารถแปลงกายร่างสัตว์นั้นได้หลากหลาย คิทสึเนะร่างสูงจึงได้ไปที่บ้านทรงญี่ปุ่นขนาดใหญ่
เมื่อร่างสูงพาร่างบางในอ้อมแขนเข้ามาในบ้านของตนแล้ว ก็ได้ตรงไปที่ห้องนอนก่อนจะค่อยๆวางร่างบางในอ้อมแขนลงกับฟูกอย่างเบามือ พร้อมกับเอาห่อผ้าของร่างบางออกมาจากอ้อมแขนของร่างบาง เพื่อที่จะให้ร่างบางนั้นได้นอนในท่าที่สบายที่สุด ก่อนที่สองมือหนาจะเคลื่อนผ้าห่มผืนหนามาห่มให้ร่างบาง ก่อนที่ตัวเองจะค่อยๆออกมาจากห้องอย่างเงียบที่สุด เพื่อที่จะไปเตรียมยามาให้ร่างบางได้กินเมื่อร่างบางตื่นขึ้นมาแล้ว
See you next ep.