ผมจะถูกโยไคพวกนี้กินไหมขอรับ
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ญี่ปุ่น,ลึกลับ,พล็อตสร้างกระแส,ลึกลับ,โยไค,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Yokai Villageผมจะถูกโยไคพวกนี้กินไหมขอรับ
เมืองโยไค
สถานที่ที่ซึ่งเหล่าโยไคทั้งหลายจะมาอาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งมีการแบ่งเขตในการปกครองเป็น 4 เขต ได้แก่
เขตอสูร ขึ้นชื่อว่า อสูร แล้วนั้นย่อมมีเหล่าโยไคที่มีรูปร่างหน้าตาน่ากลัวและน่าเกรงขาม ส่วนใหญ่มักมีเขาและมีกระบองเป็นอาวุธคู่ใจ
เขตสัตว์เหนือธรรมชาติ เป็นเขตของเหล่าโยโคที่สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้
เขตวิญญาณธรรมชาติ เป็นเขตของเหล่าโยไคที่สามารถสื่อถึงธรรมชาติได้
และเขตสุดท้าย เขตสิ่งของมีชีวิตหรือเขตสึกุโมงามิ เป็นเขตที่เหล่าโยโคที่เกิดจากสิ่งของที่ถูกทิ้งหรือใช้งานมานานจนได้รับจิตวิญญาณและมีชีวิต
ถ้าคุณต้องอาศัยอยู่ร่วมกับพวกเขา....คุณจะทำเช่นไร
ณ เรือนญี่ปุ่นของดันคิ
แสงอาทิตย์ยามเช้าได้สาดผ่านโชจิห้องนอนเข้ามากระทบกับเปลือกตาสวยของร่างบาง ไออุ่นของตะวันอ่อนๆ ไล่ปลุกให้ร่างบางที่นอนอยู่บนฟูกนอนนั้นได้รู้สึกตัว
“อืมมมม” เปลือกตาสีสวยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาทีละนิด ก่อนที่ร่างบางจะกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสสายตาของตนเอง เมื่อมองเห็นวิสัยทัศน์แล้ว ร่างบางจึงเริ่มจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ว่าเกิดอะไรขึ้นได้ ทำให้เรือนแก้มนั้นเริ่มขึ้นสีทีละนิด
“อ๊ะ!!!” ในขณะที่ร่างบางอย่างฮารุโตะกำลังจะพลิกตัวเพื่อหลบแสงอรุณจากอีกฝั่งของที่นอนนั้น ความเจ็บแสบจากช่องทางด้านล่างมันก็แล่นจี๊ดเข้ามาทำให้ใบหน้าสวยถึงกับนิ่วหน้าพร้อมกับกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด
“ดันคิ...” เสียงพึมพำเรียกชื่อปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะ
ครืดดดด
สิ้นเสียงพึมพำของร่างบาง เข้าของปีศาจนาม ดันคิ ก็ได้เปิดประตูห้องเข้ามาพอดีพร้อมกับถาดไม้สีอ่อนในมือ ด้านบนถาดนั้นเป็นถ้วยข้าวต้มสีขาวและแก้วน้ำเปล่าธรรมดา
“เอ่อ...เจ้าตื่นแล้วหรือฮารุโตะ” ปีศาจจิ้งจอกร่างสูงเอ่ยถามพลางกลทนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ไม่กล้าที่แม้แต่จะพูดคุย ไถ่ถามหรือสบตากับร่างบางที่นอนอยู่บนฟูกแม้แต่น้อย
“ดันคิ” น้ำเสียงอันแหบแห้งของร่างบางที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ไม่พอใจแต่อย่างใด ริมฝีปากอุ่นเม้มเข้าหากันแน่นพอๆ กับมือหนาที่จับถาดไม้อยู่
“ข้าขอโทษ” สิ้นเสียงอันแผ่วเบาของร่างสูง
ดันคิก็ได้รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาร่างบางที่นอนอยู่บนฟูก โดยที่ไม่ลืมที่จะเอาถาดไม้วางไว้ข้างฟูกเสียก่อน ตัวของร่างสูงเองนั้นก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่เมื่อคืนตนเองนั้นเผลอตัดสินใจทำอะไรที่เร็วเกินไปจากความตั้งใจของตนเอง
“ผมก็ขอโทษเช่นกันนะขอรับ” เสียงอันแหบแห้งได้กล่าวเอ่ยกับร่างสูงออกไปอย่างยากลำบาก
“คุณไม่โกรธผมใช่หรือไม่ขอรับ” สีหน้าของฮารุโตะนั้นมีความรู้สึกผิดต่อปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ นี้มาก
“เจ้าคิดว่าข้าจะโกรธเจ้างั้นหรือ”
“ข้าควรเป็นฝ่ายถามเจ้าเสียมากกว่า...ว่าเจ้าโกรธข้าหรือไม่” ร่างสูงได้เอ่ยถามร่างบางด้วยความรู้สึกผิดเช่นกัน
“ก็ไม่เชิงขอรับ” สิ้นเสียงของฮารุโตะ ดันคิก็ถึงกับหูผึ่งไปในทันที ถึงอีกฝ่ายนั้นจะตอบมาเช่นนั้นแล้ว ตัวของเขาเองนั้นก็ไม่ได้สบายใจขึ้นเสียเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เชิงงั้นหรือ”
“ผมยังให้โอกาสคุณได้แก้ตัวดูแลผมนะขอรับ เพราะผมเองก็เผลอตัวไปเช่นกันขอรับ” ถึงร่างบางนั้นจะจำได้หมดทุกอย่าง และภาพจำของเขาเมื่อคืนนั้นก็แทยจะดูไม่ได้เสียเลยสักนิดในความคิดของเขา
“ผมไม่รู้เลยว่า ความรู้สึกพวกนั้นมาจากไหนกันขอรับ”
“...” ถึงแม้ในตอนนี้สิ่งที่ร่างบางจะแสดงออกมานนั้นจะดูนิ่งมากเสียเหลือเกิด แต่จริงๆ แล้วร่างบางนั้นกำลังสับสนและไม่เข้าใจในบางอย่างอยู่
เพราะในตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมานั้น ตัวของเขาไม่มีเคยความสัมพันธ์ในเชิงแบบนี้มาก่อน รู้ทั้งรู้ว่าเมื่อคืนตนเองนั้นผ่านอะไรมา แต่กลับไม่รู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยงปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะร่างสูงตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“มันเป็นความผิดของข้าเอง...” ร่างสูงเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะส่งมือหนาข้างหนึ่งไปกอบกุมมือเล็กของร่างบาง
“ที่เจ้ารู้สึกแบบนั้น...เกิดมาจากความไม่ตั้งใจของข้า” เรียวมือเล็กสัมผัสได้ถึงแรงบีบที่มากขึ้น
“ข้ารู้ว่าเจ้าคงจะหนาวจนอยากซุกอยู่ที่อุ่นๆ”
“แต่ทว่าข้ากลับทนไม่ได้ที่เจ้าซุกที่หางของข้า”
“เพราะบริเวณหางของข้านั้นคอจุดไวต่อประสาทสัมผัสอย่างหนึ่งของข้า” ร่างสูงที่เริ่มกล้าสบตากับร่างบางแล้ว ก็ได้เอ่ยต่อ พยายามอธิบายเกี่ยวกับตัวตนของเขาให้ร่างบางได้กระจ่าง
ร่างบางเองก็ตั้งใจฟังที่อีกคนพูดด้วยความใจเย็น เปิดโอกาสให้ร่างสูงได้บอกกับตนเสียหน่อย เพราะที่ผ่านมานั้นตัวของฮารุโตะนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะร่างสูงตรงหน้ามากนัก
“ข้าควรจะระวังให้มากเสียกว่านี้...ข้าขอโทษ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยดีหลังจากที่ได้อธิบายให้แก่ร่างบางฟังแล้ว
“ผมขอถามอย่างนึงได้หรือไม่ขอรับ” เสียงอันแหบแห้งได้เอ่ยถามหลังจากที่ดันคินั้นได้สารภาพออกมา ก็มีบางอย่างที่ไม่สบายใจ บางอย่างที่ร่างบางนึกสงสัย
“ได้สิ”
“ดันคิ...มีคู่ครองหรือไม่ขอรับ” และแล้วคำถามของร่างบางนั้นก็ยิ่งทำให้ปีศาจร่างสูงนั้นหน้าเจื่อนไป พอร่างบางเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที
ตัวของร่างบางนั้นก็ไม่เคยคิดที่จะเสนอตัวเป็นของปีศาจร่างสูงอยู่แล้ว เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เสียเลยในเมื่อตัวของเขานั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา จะไปเป็นคู่ครองของปีศาจได้เสียอย่างไร
แต่ถ้าหากร่างสูงนั้นมีคู่ครองอยู่แล้วนั้น ตัวของร่างบางเองก็คงจะมีเหตุผลมากพอที่จะโกรธร่างสูงและมีเหตุผลมากพอที่จะไม่ให้อภัยปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะร่างสูงนี้ เพราะตัวของเขานั้นไม่ได้อยากเป็นบ้านน้อยของใคร
แต่ถ้าหากร่างสูงนั้นยังไม่มีคู่ครองก็ยังพอคุยกันได้ว่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือทำเป็นลืมๆ เรื่องนี้ไปเสียเลย
“ว่าเช่นไรขอรับ”
“ข้าไม่เคยมีคู่ครอง แม้แต่พวกน้องๆ ของข้าด้วย”
“แม้แค่อุนคิจิที่เจ้าเคยพบด้วย แต่ว่าข้าอายนะที่เจ้าถามเช่นนี้” ใบหน้าคมแต้มฝาดข้างแก้มเล็กน้อย เพราะอายุของร่างสูงนั้นก็ไม่ได้อายุน้อยๆเสียหน่อย พอถูกมนุษย์ร่างบางที่อายุน้อยกว่าถามเรื่องเช่นนี้ก็ต้องเขินอายเป็นเรื่องธรรมดา
“ขอโทษขอรับ” ร่างบางได้เอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงนิ่ง เพราะว่าตัวเขาเองนั้นก็เข้าใจความรู้สึกเวลาที่มีคนมาถามเรื่องอะไรเช่นนี้เหมือนกัน
“เจ้าดูโล่งอกนะ” ร่างสูงเลิกคิ้วพูดเมื่อเห็นสีหน้าของร่างบางดีขึ้น
“ขอรับ ถ้าหากดันคิมีคู่ครองอยู่แล้ว”
“แล้วหากว่าเธอรู้เรื่องเช่นนี้คงจะเสียใจอยู่ไม่น้อยนะขอรับ” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ
“แล้วเจ้าไม่เสียใจหรือ ที่เอ่อ...” ร่างสูงตะกุกตะกักทันทีที่หลุดปากเอ่ยถามไป
“อืม...ไม่ค่อยนะขอรับ” ร่างบางค่อนข้างสับสนเสียทีเดียว เพราะมันมีทั้งความรู้สึกดีๆ ที่ร่างสูงนั้นได้มอบให้แก่เขาเมื่อคืน
แต่ก็มีความรู้สึกที่ไม่พอใจเล็กน้อยหลังโดนอีกฝ่ายล้ำเส้น ส่วนเรื่องความเสียใจหรือดีใจนั้นมันแทบไม่มีอยู่ในหัวของร่างบางเสียด้วยซ้ำ ส่วนร่างสูงนั้นก็ดูรู้สึกผิดมากๆ และเลือกที่จะเอ่ยขอโทษร่างบางออกมาตรงๆ
“ให้ข้ารับผิดชอบนะ”
“ขอรับ??” ร่างบางรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ร่างสูงนั้นเอ่ยออกมาเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนมันจะเป็นครั้งแรกของร่างบางในอะไรหลายๆ อย่าง แต่ภาพจำเหล่านั้นมัยไม่ค่อยดีเสียนัก ทำให้ตัวของร่างบางยิ่งอยากจะลืมๆ ไปเสีย
“ให้ข้าได้รับผิดชอบกับสิ่งที่ข้าได้กระทำลงไปได้หรือไม่”
“ไม่ต้องหรอกขอรับ ดันคิเองก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่หรือขอรับ”
“แค่ทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ขอรับ” คำตอบของร่างบางแอบทำให้ใจของปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะตนนี้เสียอยู่เหมือนกัน
ซึ่งตัวของร่างสูงเองก็พอจะเข้าใจว่าทำไมร่างบางถึงได้ปฏิเสธ แต่จะให้เขานั้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น ตัวของเขานั้นก็คงจะทำไม่ได้เสียเช่นกัน
“สิ่งนั้นคงจะเป็นคำขอเดียวที่ข้าอาจจะทำให้เจ้าไม่ได้นะ ฮารุโตะ” นัยน์ตาสีอำพันจับจ้องใบหน้าสวยของมนุษย์ร่างบางตรงหน้านิ่ง ไอร้อนผ่าวข้างแก้มสีสวยก็เริ่มตีขึ้นมาอีกครั้งทำให้ร่างบางเลือกที่จะหลุบสายตาหนี
“ตัวของผมอายุยี่สิบปีแล้วนะขอรับ”
“แล้วตัวผมเองก็ไม่ได้เสียใจมากมายเสียหน่อยขอรับ ที่เพิ่งจะมาทำเรื่องอย่างว่าขอรับ”
“แล้วก็มนุษย์อายุประมาณสิบกว่าๆ ก็ทำเรื่องที่ว่าแล้วด้วยขอรับ”
“ส่สวนดันคิเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดขึ้นด้วยไม่ใช่หรือขอรั”" มนุษย์ร่างบางอย่างฮารุโตะได้ร่ายยาว ปกติแล้วนั้นตัวของร่างบางนั้นไม่ใช่คนที่จะพูดเยอะเสียหน่อย แต่ทว่าในครั้งนี้เขาคงจะปล่อยไปไม่ได้เสียจริงๆ
“ข้าขอโทษ” ปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะเอ่ยขอโทษออกมาอีกครั้ง
“เลิกเอ่ยคำว่าขอโทษออกมาเสียทีได้หรือไม่ขอรับ”
“สรุปแล้วเจ้าไม่โกรธข้าใช่หรือไม่” ปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะอย่างดันคิเอ่ยถามพลางลุ้นอยู่ในใจ
“ใช่ขอรับ” สิ้นเสียงร่างบาง ก็พลางทำให้ร่างสูงคลี่ยิ้มอ่อนออกมาด้วยความสบายใจในทันที
“เอ่อ...” ร่างบางสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อร่างสูงขยับมือหนาขึ้นมาแล้วใช้ฝ่ามือทาบกับหน้าผากของเขา
“ข้าคิดไว้อยู๋แล้ว ว่าเจ้าต้องจับไข้อยู่เสียแน่”
“ลุกไหวหรือไม่ เดี๋ยวไปล้างหน้าเสียก่อนแล้วค่อยมาทานข้าว”
“ข้ามีเรื่องที่อยากคุยกับเจ้าอีกเรื่องนึง” สิ้นเสียงของร่างสูง เขาก็ได้ชักมือกลับทัยที
“เรื่องอะไรหรือขอรับ บอกผมตอนนี้เลยก็ได้ขอรับ” ร่างบางเอ่ยถามก่อนที่จะค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
“คือว่าพรุ่งนี้ข้าต้องประชุมเกี่ยวกับผู้ปกครองเขตที่เขตกลาง”
“เกรงว่าข้าอาจจะไมสามารถดูแลเจ้าในระหว่างนี้ได้ เพราะฉะนั้นแล้วข้าเลยให้น้องชายของข้ามาดูแลเจ้านะ” ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับพยุงช่วยร่างบางลุกขึ้นมานั่ง
“ขอรับ”
และแล้ววันนี้ทั้งวัน ปีศาจร่างสูงก็คอยดูแลร่างบางอยู่ไม่ห่าง
วันต่อมา
“งั้นข้าไปก่อนนะ ฮารุโตะ” ดันคิเอ่ยบอกลากับมนุษย์อย่างฮารุโตะ
“ขอรับ” ร่างบางตอบกลับดันคิ
“เดี๋ยวอีกไม่นานน้องชายข้าก็คงมา เจ้าก็อยู่กับเขาเสียนะ”
“น้องชายของข้านิสัยดีนะ เจ้าไม่ต้องกลัวไปเสียหรอก” ร่างสูงเอ่ยบอกด้วยความหวังดี เพราะกลัวว่าเมื่อมนุษย์ตรงหน้าเจอน้องชายของเขาจะเกิดกลัวขึ้นมา
“ขอรับ” ร่างบางตอบกลับไป
หลังจากที่ร่างสูงได้เดินออกเดินทางที่เขตกลางแล้ว ร่างบางก็ได้กลับเข้าไปนอนเช่นแหมือนเดิม
จนกระทั่ง
“เห้อ....ทำไมท่านพี่ดันคิต้องให้ข้ามาเรือนของท่านพี่ด้วยนะ” เสียงของบุคคลปริศนาได้เอ่ยดังขึ้นมาพร้อมกับลากปิดประตูและได้กลิ่นบางอย่างที่ผิดไปจากปกติ
“เอ๊ะ!!! กลิ่นมนุษย์นี่” เมื่อบุคคลผู้มาใหม่ได้เดินสำรวจหากลิ่นว่ากลิ่นนี้มีที่มาจากไหน ก็ได้พบกัยร่างบางกำลังนอนหลับอยู่บนฟูกในห้องนอนของเจ้าของเรือนอย่างดันคิ
ด้วยความประหลาดใจจึงได้เผลอเอ่ยเสียงดังออกไป
“เจ้ามนุษย์ เหตุไหนถึงมาอยู่ในเรือนของท่านพี่ได้!!” ร่างบางที่ได้ยินเสียงบางอย่างจึงต้องจำใจลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
ก็ได้พบกับปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะร่างสูงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับดัยคิทุกประการ ด้งยความตกใจจึงได้ถอยหลังไปชนกับผนังเมื่อเห็นปีศาจตรงหน้า
“หรือว่าเจ้ามนุษย์นี่คือธุระที่ท่านพี่ฝากให้ข้าดูแลหรือนี่” ร่างสูงบ่นพึมพำก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างบางที่มีท่าทีหวาดกลัวเขา
“เจ้ามนุษย์ตัวน้อย เจ้าไม่ต้องกลัวข้าไปเสียหรอกนะ”
“ข้าเป็นน้องชายของท่านพี่ดันคิ” ปีศาจจิ้งจอกร่างสูงพยายามเอ่ยปลอบมนุษย์ร่างบางตรงหน้าที่กำลังกลัวเขาอยู่
“ท่านคือน้องชายของดันคิหรือขอรับ” ร่างบางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ใช่แล้วล่ะ ข้าเป็นน้องชายของท่านพี่ดันคิ”
“ตัวของข้ามีนามว่า ยูอิโตะ เป็นปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะเหมือนกับท่านพี่ดันคิ แต่คนละประเภทกัน” ปีศาจจิ้งจอกคิทสึเนะหน้าตาง่วงนั้นเอ่ยแนะนำตัวต่อมนุษย์ร่างบาง
“ผมชื่อฮารุโตะขอรับ เป็นมนุษย์ขอรับ”
“ฝากตัวด้วยนะขอรับ” ฮารุโตะเอ่ยแนะนำตัวเสร็จก็พลางก้มเคารพเพื่อฝากตัวกับปีศาจตรงหน้า
“เช่นกันนะ เจ้ามนุษย์ตัวน้อย”
See you next ep.