ใครจะคิดว่ารูมเมทขี้บ่นจนข้าวแช่ย้ายหนีไปอยู่หอแฟน ในวันที่เขากลับมาโสดอีกครั้งรูมเมทคนนั้นกลับกลายเป็นคนหล่อตรงไทป์ไปเสียได้ งานนี้เห็นทีข้าวแช่ต้องจับให้อยู่มัด หากอยากได้เพื่อนร่วมห้องมาครอบครอง
รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,ไทย,เรื่องสั้น,พล็อตสร้างกระแส,วาย,นิยายวาย,นิยายNC,นิยาย18+,นิยายสั้น,nc,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Catch me my roommate จับให้ได้ถ้านายแน่จริงใครจะคิดว่ารูมเมทขี้บ่นจนข้าวแช่ย้ายหนีไปอยู่หอแฟน ในวันที่เขากลับมาโสดอีกครั้งรูมเมทคนนั้นกลับกลายเป็นคนหล่อตรงไทป์ไปเสียได้ งานนี้เห็นทีข้าวแช่ต้องจับให้อยู่มัด หากอยากได้เพื่อนร่วมห้องมาครอบครอง
ใครจะคิดว่ารูมเมทขี้บ่นจนข้าวแช่ย้ายหนีไปอยู่หอแฟน ในวันที่เขากลับมาโสดอีกครั้งรูมเมทคนนั้นกลับกลายเป็นคนหล่อตรงไทป์ไปเสียได้
งานนี้เห็นทีข้าวแช่ต้องจับให้อยู่มัด หากอยากได้เพื่อนร่วมห้องมาครอบครอง
"อยากเล่นแรงก็เก็บแรงไว้โยกเอวเถอะ ข้างล่างนะ ข้าวชอบแรง ๆ"
"ใครบอกว่าคลื่นจะ เอา อย่างข้าวน่ะ เด็ดไม่พอให้พี่ขยับนิ้วให้ด้วยซ้ำ"
เสียงฝักบัวดังแทรกผ่านความเงียบของห้อง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าแผ่วเบาเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก ไอร้อนจากน้ำอุ่นลอยคลุ้ง ปกคลุมร่างสูงของรูมเมตมาดเคร่งขรึมที่เดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวพันเอวไว้หลวม ๆ หยดน้ำเกาะตามแนวไหล่แกร่ง บางหยดไหลรินลงมาตามแผ่นอกแน่นที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะหายใจ
“หืม? ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
น้ำเสียงแหบต่ำของรูมเมตที่มักจะเรียบนิ่ง ฟังดูติดขัดเล็กน้อยเมื่อเขาสบตากับอีกคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง มือข้างหนึ่งรองศีรษะตัวเองเอาไว้ ส่วนอีกข้างหมุนแก้วน้ำในมือไปมา ดวงตาสีเข้มฉายแววเจ้าเล่ห์ที่บอกชัดว่าอีกฝ่ายกำลังมีเรื่องสนุกอยู่ในหัว
“ก็แค่คิดว่า…คลื่นนี่หุ่นดีจังเลยนะ” ข้าวแช่เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ นัยน์ตาทอประกายวาววับขณะกวาดมองคนตรงหน้า ไล่จากหน้าอกเปียกชื้นลงไปถึงเอวสอบที่มีเพียงผ้าผืนเดียวกั้นไว้
เกลียวคลื่นเลิกคิ้ว ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่คิดจะปิดบังความต้องการแม้แต่นิดเดียวของรูมเมตตัวเอง
“อย่ามาเล่นแบบนี้ ไม่สนุกด้วย” เขาพูดเสียงต่ำ ตั้งใจจะตัดบทแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้า แต่ยังไม่ทันพ้นจากพื้นที่รอบเตียง ข้อมือก็ถูกรั้งเอาไว้
“เล่นที่ไหนกัน ข้าวเอาจริงนะ” ข้าวแช่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเช่นเดิม แต่แววตากลับจริงจังเสียจนอีกฝ่ายชะงักไปครู่หนึ่ง
เกลียวคลื่น คือ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ชั้นปีที่สามชั้นปีเดียวกับเขาและยังเป็นรูมเมตของเขามาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ค่อยสนิทกันมากนัก เพราะต่างคนต่างก็ไม่ค่อยกลับมานอนหอ ข้าวแช่เรียนอยู่คณะสถาปัตย์ซึ่งตามความจริงก็ยากที่จะมีเวลาตรงกัน ห้องนี้จึงมีไว้สำหรับเป็นเกราะป้องกันพ่อแม่ของพวกเขาเวลามาเยี่ยมเยียนเท่านั้น
แม้พ่อแม่ของเขาทั้งคู่จะสนิทสนมกันดีจนอยากให้ลูก ๆ สนิทกันด้วย แต่ข้าวแช่กับเกลียวคลื่นกลับไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไหร่ อันที่จริงในปีแรกที่ได้เข้ามาเป็นรูมเมตกันจากการจับคู่ของพ่อแม่ เขาทั้งคู่ไม่ใช่เพื่อนที่ดีต่อกันมากนัก นั่นเพราะคลื่นมักชอบบ่นเขาเสมอเวลาที่เขาพาแฟนมานอนด้วยตอนที่อีกฝ่ายไม่อยู่
ให้ตายเถอะเรื่องแบบนี้มันก็ต้องเข้าใจกันหรือเปล่า
อายุเท่ากันแท้ ๆ แต่กลับเอาแต่บ่นเรื่องที่เตียงมีรอยคราบของเหลวทั้งที่เขาลืมเปลี่ยนผ้าปูให้ใหม่หลังเสร็จกิจกรรมกุ๊กกิ๊กกับแฟนหนุ่มแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
คนเพิ่งฝ่ายสนามกามารมณ์มาแบบเขามันก็ต้องมีเพลียเผลอหลับไปบ้างซิ
สุดท้ายพอโต้เถียงกันบ่อยเข้าก็กลายเป็นว่าต่างคนต่างไม่ค่อยได้กลับมานอนที่ห้องนี้ ข้าวแช่เลือกที่จะไปอยู่กับแฟนหนุ่มรุ่นพี่ต่างคณะ ส่วนอีกฝ่ายเขาไม่รู้หรอกว่าออกไปนอนที่ไหน แต่ให้เดาก็คงไม่ต่างกัน
หนุ่มสาววัยนี้นอกจากเรื่องเรียนแล้วจะเป็นเรื่องอะไรไปได้อีก
แน่นอนว่าเรื่องนี้พ่อแม่ของเขาทั้งคู่ไม่มีทางรับรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองคนที่หวงนักหวงหนา ไปนอนโยกเอวกับใครบ้างตอนที่มาเรียน
เขากับคลื่นห่างหายกันไปเกือบสองปี เจอกันแค่ตอนที่ต้องแสร้งว่าอยู่หอร่วมกันตอนพ่อกับแม่มาเยี่ยมเท่านั้น ซึ่งปีหนึ่งอย่างมากก็ไม่เกินสองครั้ง
แต่ใครจะไปคิดว่า (ว่าที่) สัตวแพทย์หนุ่มหน้าตาหล่อเหลาระดับเดือนคณะที่เขาควงไปทั่วมหาวิทยาลัยมาเกือบสองปีเต็มจะมีนิสัยติดสัดเอาไปทั่วไม่ต่างจากคนไข้ที่เจ้าตัวจะต้องไปรักษาในอนาคต
สุดท้ายก็โดนคนสวย ๆ แซ่บ ๆ แบบข้าวแช่บอกเลิกไปเพราะไม่อยากใช่ดุ้นร่วมกับใครทั้งนั้น
ถึงจะถูกใจขนาดและลีลามากก็เถอะ
ข้าวแช่ขนของออกจากห้องแฟนหนุ่มกลับมาที่ห้อง (จริง ๆ) ของตัวเองก่อนจะปิดเทอมปีสอง คลื่นย้ายกลับมาอยู่ห้องนี้นานแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ซึ่งนั้นไม่สำคัญเท่าอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปจนข้าวแช่ต้องชะงักเมื่อเจอหน้ากันครั้งแรกในรอบหลายเดือน
อยู่ ๆ เด็กเนิร์ดคณะวิทย์ก็กลายเป็นหนุ่มหล่อตรงไทป์เขาเสียได้ และนั่นอาจจะเป็นข่าวดีของข้าวแช่ที่ยังไม่หายเซ็งกับการเป็นโสดมาสด ๆ ร้อน ๆ
เกือบเดือนที่ได้อยู่ร่วมห้องกันจริง ๆ ข้าวแช่ค้นพบว่าคนที่มักเคร่งขรึม ดูเย็นชา ไม่เคยเสียสมาธิให้กับอะไรง่าย ๆ กลับมีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง…นั่นคือการพ่ายแพ้ต่อการโดนรุกหนัก (ของเขา)
“ปล่อย” คลื่นเอ่ยเสียงต่ำ ใช้แรงดึงข้อมือกลับแต่ไม่เต็มที่พอจะสลัดออก
“ไม่ปล่อย” ข้าวแช่ขยับลุกขึ้นจากเตียง สองแขนยกพาดคล้องคออีกฝ่ายเอาไว้ รอยยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ขยับกว้างขึ้น
“เตือนแล้วนะ ว่าอย่าเล่น ข้าวแช่!”
“แล้วไง? ก็ไม่ได้เล่นนี่”
ยิ่งห้ามเท่ากลับยิ่งทำ ข้าวแช่ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นไปอีกนิดจนลมหายใจของทั้งคู่แทบจะประสานกันอยู่แล้ว บรรยากาศในห้องที่เคยเงียบสงบแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรุ่มขึ้นมาทีละน้อย
เกลียวคลื่นถอนหายใจเหมือนพยายามระงับบางอย่างไว้ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับแรงยั่วยุ ร่างสูงขยับตัวใช้แขนโอบรัดเอวอีกฝ่ายแน่น แล้วดันให้ล้มลงไปบนเตียง
“ต้องสั่งสอนให้รู้ก่อนใช่ไหมว่าไม่ควรเล่นแบบนี้ ถึงจะรู้สักทีว่าไม่ได้ขู่”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากคนตัวเล็กกว่า ข้าวแช่เลื่อนมือขึ้นมาไล้ปลายนิ้วไปตามแนวสันกรามคม ก่อนจะเขย่งปลายเท้าโน้มใบหน้าขึ้นไปกระซิบข้างหูอีกฝ่ายด้วยเสียงแผ่วพร่า
“ข้าวก็อยากรู้นะ ว่าคลื่นจะสอนอะไรบ้าง…”
คลื่นไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่แทนที่จะถอยห่าง กลับโน้มตัวลงมากกว่าเดิม ลมหายใจอุ่นเป่ารดผิวเนียนของอีกฝ่าย ก่อนริมฝีปากหยักจะขบเม้มลงบนลาดไหล่เนียนที่เสื้อยืดคอกว้างตกลงมาที่แขนโชว์ผิวเนื้อขาวเนียนต่อสายตาหนุ่มคณะวิทย์
ฟันเรียงสวยกัดลงที่หัวไหล่มนไม่แรงนัก แต่ก็มากพอจะสร้างรอยฟันเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบไว้บนผิวขาว
“อืม…ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ จะทิ้งรอยโดยที่ไม่ได้เป็นอะไรกันเนี่ยนะ”
ข้าวแช่แกล้งกระซิบทำเสียงสั่น แต่รอยยิ้มบนริมฝีปากกลับเต็มไปด้วยความท้าทาย มือเรียวเลื่อนลงไปสัมผัสหน้าท้องแน่นเป็นลอนกล้ามของรูมเมต ก่อนจะลากปลายนิ้วไล้ช้า ๆ ไปตามแนวผ้าขนหนูที่เริ่มเผยอออกเล็กน้อย
คนโดนสัมผัสกัดฟันแน่น พยายามควบคุมตัวเอง แต่สายตายั่วเย้ากับสัมผัสเจตนาไม่บริสุทธิ์ของคนตรงหน้าทำเอาความอดทนของเขาเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
“บอกไปแล้วนะว่าเตือนแล้ว…”