เมื่อเติบโตขึ้น ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไป เหมือนน้องสาวที่เคยน่ารักกลับดื้อขึ้นซะอย่างนั้น หรือนี่คือ...วัยต่อต้านของกระต่าย!!!

เขาว่ากันว่า กระต่ายน่ะเชื่อฟัง - 0 บทนำ โดย จิ้งจอกราตรีกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น,ย้อนยุค,ตะวันตก,ครอบครัว,ฟีลกูด/feelgood,ฟีลกู๊ด,ชีวิตประจำวัน,ชีวิต ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เขาว่ากันว่า กระต่ายน่ะเชื่อฟัง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น,ย้อนยุค,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ครอบครัว,ฟีลกูด/feelgood,ฟีลกู๊ด,ชีวิตประจำวัน,ชีวิต

รายละเอียด

เขาว่ากันว่า กระต่ายน่ะเชื่อฟัง โดย จิ้งจอกราตรีกาล @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เมื่อเติบโตขึ้น ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไป เหมือนน้องสาวที่เคยน่ารักกลับดื้อขึ้นซะอย่างนั้น หรือนี่คือ...วัยต่อต้านของกระต่าย!!!

ผู้แต่ง

จิ้งจอกราตรีกาล

เรื่องย่อ

มนุษย์ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวบนโลกใบนี้ มีทั้งเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างแวร์บีส เผ่าพันธุ์นักรบผู้ทรงพลังที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายได้ตามใจปรารถนา เอลฟ์ผู้เพียบพร้อมด้วยเวทมนตร์และอายุยืนยาว คนแคระผู้ชำนาญงานช่าง หรือกระทั่งสัตว์อสูรที่แม้จะดุร้าย แต่ก็มีอารยธรรมและดินแดนเป็นของตนเอง ทุกเผ่าพันธุ์ต่างอยู่ร่วมกันบนโลกนี้ภายใต้กฎเกณฑ์และข้อตกลงที่วางไว้

แต่ขณะเดียวกัน ในความสงบสุขของทุกเผ่าพันธุ์ ก็มีกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีที่ยืนในสังคม พวกเขาถูกปฏิเสธจากทั้งสองฝ่าย ไม่เป็นที่ยอมรับจากทั้งสองเผ่าพันธุ์ผู้ให้กำเนิด

เดมี่...สิ่งมีชีวิตลูกครึ่งระหว่างแวร์บีสและมนุษย์ ไม่ใช่ทั้งแวร์บีสหรือมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ในความก้ำกึ่ง พลังที่มีในตัวเป็นเหมือนเปลวไฟที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะลุกโชนหรือมอดดับ แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่อาจรู้ว่าพลังจะแสดงออกมาในรูปแบบใด

การเกิดมาของเดมี่คือความผิดพลาดของธรรมชาติ เป็นการท้าทายกฎเกณฑ์ของโลก ต่อให้ถูกขับไล่จากดินแดน ถูกล่าจนต้องหลบซ่อนตัว หรือถูกฆ่าตายอย่างทารุณ ก็ไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องผิด

"ก็มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อเกิดมาเป็นเดมี่เองนี่นะ"

 

 

.....................

 

เปิดบทนำของนิยายอย่างเป็นทางการค่ะ!!!

นิยายเรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซี อบอุ่นหัวใจเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องพี่น้องต่างสายเลือดที่ต้องเผชิญเรื่องราวบางอย่างเพื่อให้ทั้งคู่ได้เติบโต ฟังดูดีใช่ไหมคะ

แต่อยากบอกว่า คนพี่เป็นจิ้งจอก และคนน้องเป็นกระต่ายค่ะ (หัวเราะ)

ต้องมีรี้ดหลายคนคิดแน่นอนละ ว่าจิ้งจอกกำลังขุนกระต่ายใช่ไหม

วีรา (จิ้งจอกตัวที่ว่า) : ใช่ค่ะ กระต่ายต้องอ้วนกว่านี้

คีน่า (กระต่ายตัวที่ว่า) : ...//หูลู่ มองวีด้วยสายตาปริบ ๆ

 

แค็ก ขอเล่าเพิ่มเติมงับ

เรื่องนี้มีนักเขียน 2 คน เป็นนิยายคู่พี่น้องกันค่ะ

- เขาว่ากันว่า จิ้งจอกน่ะ เจ้าเล่ห์ โดย คุณกระต่ายหลงทาง #จิ้งจอกไม่เจ้าเล่ห์ //อันนี้เราขอเถียงสุดใจ จิ้งจอกน่ารักจะตุย เจ้าเล่ห์ตรงไหน!!!

- เขาว่ากันว่า กระต่ายน่ะ เชื่อฟัง โดยจิ้งจอกราตรีกาล #กระต่ายไม่เชื่อฟัง //ยิ่งโตยิ่งดื้อ แง้

 

ฝากติดตามทั้ง 2 เรื่องด้วยนะคะ (จิ้งจอกไม่เจ้าเล่ห์ สามารถจิ้มชื่อเรื่องได้เลยค่ะ)

สารบัญ

เขาว่ากันว่า กระต่ายน่ะเชื่อฟัง-0 บทนำ,เขาว่ากันว่า กระต่ายน่ะเชื่อฟัง-1 หมู่บ้านเดมี่,เขาว่ากันว่า กระต่ายน่ะเชื่อฟัง-2 ติดต่อ

เนื้อหา

0 บทนำ

มนุษย์ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวบนโลกใบนี้ มีทั้งเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างแวร์บีส เผ่าพันธุ์นักรบผู้ทรงพลังที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายได้ตามใจปรารถนา เอลฟ์ผู้เพียบพร้อมด้วยเวทมนตร์และอายุยืนยาว คนแคระผู้ชำนาญงานช่าง หรือกระทั่งสัตว์อสูรที่แม้จะดุร้าย แต่ก็มีอารยธรรมและดินแดนเป็นของตนเอง ทุกเผ่าพันธุ์ต่างอยู่ร่วมกันบนโลกนี้ภายใต้กฎเกณฑ์และข้อตกลงที่วางไว้

แต่ขณะเดียวกัน ในความสงบสุขของทุกเผ่าพันธุ์ ก็มีกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีที่ยืนในสังคม พวกเขาถูกปฏิเสธจากทั้งสองฝ่าย ไม่เป็นที่ยอมรับจากทั้งสองเผ่าพันธุ์ผู้ให้กำเนิด

เดมี่...สิ่งมีชีวิตลูกครึ่งระหว่างแวร์บีสและมนุษย์ ไม่ใช่ทั้งแวร์บีสหรือมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ในความก้ำกึ่ง พลังที่มีในตัวเป็นเหมือนเปลวไฟที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะลุกโชนหรือมอดดับ แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่อาจรู้ว่าพลังจะแสดงออกมาในรูปแบบใด

บางตนอ่อนแอ...อ่อนแอมาก กระทั่งไม่อาจแปลงร่างได้โดยสมบูรณ์ เมื่อพยายามจะเปลี่ยนร่าง กลับได้เพียงเขี้ยวที่ยื่นยาว เล็บที่แข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อย หรือร่างกายคล้ายมนุษย์ที่ยังคงรูปลักษณ์บางส่วนของสัตว์ พลังกายหรือเวทมนตร์ก็ต่ำต้อยจนแวร์บีสผู้รักความแข็งแกร่งรังเกียจที่จะยอมรับสายเลือดในกาย พวกเขาถูกมองว่าเป็นความอัปยศของเผ่าพันธุ์

ในขณะที่บางตนกลับมีพลังมหาศาลที่น่าหวาดกลัว แต่ด้วยร่างกายที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับพลังขนาดนั้น และจิตใจที่แปรปรวนไปตามสัญชาตญาณของทั้งสองเผ่าพันธุ์ที่ขัดแย้งกัน ทำให้ไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างสมบูรณ์ บ่อยครั้งที่อารมณ์พลุ่งพล่านนำมาซึ่งหายนะแก่ผู้คนรอบข้าง

แวร์บีสจะเรียกเดมี่จำพวกนี้ว่าภัยพิบัติ คำที่สะท้อนทั้งความรังเกียจและความหวาดกลัวในคราวเดียวกัน

พวกเขาโทษว่าการเกิดมาของเดมี่คือความผิดพลาดของธรรมชาติ เป็นการท้าทายกฎเกณฑ์ของโลก ต่อให้ถูกขับไล่จากดินแดน ถูกล่าจนต้องหลบซ่อนตัว หรือถูกฆ่าตายอย่างทารุณ ก็ไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องผิด

"ก็มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อเกิดมาเป็นเดมี่เองนี่นะ"

.

.

.

.

.

"ไล่มันออกไป"

"ฆ่าภัยพิบัติ"

"ไอ้ตัวภัยพิบัติ!"

เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วบริเวณ ขณะที่เด็กสาวผมสีทองวิ่งหนีสุดชีวิต หัวใจของเธอเต้นรัวจนรู้สึกเหมือนจะหลุดออกมา เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เสียงฝีเท้าของผู้ไล่ตามและเสียงเห่าหอนจากฝูงหมาป่าทำให้เธอต้องเพิ่มความเร็วขึ้น แม้ร่างกายจะบอบช้ำและเหนื่อยล้า หูจิ้งจอกสีทองกระดิกเพื่อฟังทิศทางของเสียงที่ใกล้เข้ามา ดวงตาที่ปรับเข้ากับความมืดได้เหนือกว่ามนุษย์ ทำให้เธอมองเห็นเส้นทางข้างหน้า แม้ในยามที่แสงจันทร์ถูกบดบังด้วยเงาของต้นไม้ใหญ่

เธอถูกรุมทำร้ายโดยคนในหมู่บ้านแวร์บีสจนมีบาดแผลเต็มตัว แขนขาถูกกิ่งไม้และหินบาดจนเลือดไหลซึมออกมาอย่างน่าสมเพช เธอสะดุดล้มหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ต้องลุกขึ้นวิ่งต่อ ไม่มีเวลามาหยุดคิดเรื่องความเจ็บปวด เธอจะต้องรอด เธอไม่สามารถยอมแพ้ให้กับชะตากรรมที่เลวร้ายได้

โชคดีที่เธอหนีพ้นจากพวกนั้นได้ชั่วคราว เสียงหอนของหมาป่าดังไกลออกไปจากจุดที่เธออยู่ สร้างโอกาสให้เธอได้นั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมหายใจของเธอยังคงหอบถี่ ความอ่อนล้าทำให้เธอแทบจะหลับไปตรงนั้น แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ

ภาพของเด็กชายหมาป่าขนสีน้ำตาลที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอแวบเข้ามาในความคิด เป็นเพียงคนเดียวที่เธอเชื่อใจมาตลอด...แดน  

ก่อนหน้านี้เธอซ่อนตัวอยู่ในบ้านต้นไม้ที่เป็นที่ลับของเขา แต่แล้วเธอก็ถูกพบเห็นโดยพวกในหมู่บ้าน

แดน...นายทรยศฉันหรือเปล่า

นายบอกเรื่องของฉันกับคนอื่นหรือเปล่า

แต่ไม่นานนัก เธอก็ปัดความคิดนั้นออกไปจากหัว แดนไม่มีทางทำแบบนั้น หากเขาต้องการหักหลังเธอคงจะทำไปนานแล้ว และเธอก็คงจะถูกจับตั้งแต่เริ่มแล้ว แดนช่วยเธอมานานหลายปี สร้อยข้อมือที่เขาให้ยังคงสวมอยู่บนข้อมือของเธอ มันเป็นสิ่งที่เตือนให้เธอรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหักหลังเธอ

เพราะสร้อยข้อมือน่ะ หมายถึง...

จิ้งจอกน้อยปาดหยดน้ำบนใบหน้าออก ไม่รู้ว่าเป็นเหงื่อหรือน้ำตา แต่เธอต้องหาที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ก่อน เธอลุกขึ้น เตรียมตัวจะออกเดินต่อ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ ดังมาจากมุมหนึ่งของป่า เป็นเสียงของเด็กเล็ก ฟังดูอ่อนแอ ไร้ทางสู้

...เหมือนเธอ

เธอหยุดชั่วครู่ แม้ว่าความปลอดภัยจะอยู่ห่างออกไป แต่ความรู้สึกบางอย่างก็ฉุดรั้งให้หันไปมองยังทิศทางที่มาของเสียง

จิ้งจอกก้าวไปด้านหน้า แต่ก็ก้าวไม่ออก ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของเธอแท้ ๆ

แต่เพราะอยากรู้...เธอจึงหันหลังกลับไปตามเสียงนั่น

เพียงเพราะเธออยากรู้เท่านั้น

เมื่อจิ้งจอกน้อยเข้าไปใกล้มากขึ้น เธอพบลูกกระต่ายสีชมพูตัวเล็ก อายุราว 4-5 ขวบ มันนั่งอยู่บนถุงผ้าที่ถูกทิ้งไว้กลางป่า มันเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเล็ก ๆ มีคราบน้ำตาและดูมอมแมมเล็กน้อย ดวงตากลมโตสีชมพูฉายแววความหวาดกลัว ความอ่อนแอของกระต่ายน้อยนั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนแทงเข้ากลางใจ มือของเธอกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ

นี่แหละ ชีวิตของเธอ...ชีวิตของเดมี่

ไม่ถูกไล่ล่าก็ถูกทอดทิ้งให้ตายอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีใครจะรอดชีวิตจากโชคชะตาที่โหดร้ายแบบนี้ได้ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะยืนหยัดด้วยตัวเอง

แต่เด็กเล็กแบบนี้จะรอดได้ยังไง!

เมื่อเห็นกระต่ายน้อยเริ่มร้องไห้ เธอจึงกระซิบเตือน

“เงียบ อย่าร้อง ไม่อย่างนั้นพวกหมาป่าจะมาเจอแล้วขย้ำเธอแน่”

กระต่ายน้อยทำหน้าหวาดกลัว หูของมันลู่ลง ดวงตากลมโตสีชมพูมีนำตาคลอเบ้า ท่าทางน่าสงสาร 

จิ้งจอกรู้ดีว่ามันไม่มีทางรอดได้เลยในสถานการณ์เช่นนี้ แต่เธอไม่มีเวลามาช่วยใคร เธอต้องช่วยตัวเองก่อน

“ฉันเตือนแล้วนะ รีบหนีซะ” เธอเอ่ยเสียงเย็นชา แต่กระต่ายน้อยยังคงมองเธอด้วยสายตาอ้อนวอน

“พี่...ช่วย...” เสียงเล็ก ๆ ของเด็กพยายามรวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ย แต่จิ้งจอกกลับตัดบทอย่างเย็นชา

“ในโลกของเดมี่น่ะ เราต้องยืนด้วยตัวเอง ไม่มีใครช่วยเราได้ตลอดไปหรอก” 

ดวงตาสีม่วงของเธอสะท้อนถึงความเจ็บปวด แต่เธอไม่มีเวลาจะมาหวั่นไหว เธอต้องรอด ไม่มีเวลามาคิดถึงคนอื่นหรอก

จิ้งจอกเริ่มวิ่งหนีอีกครั้ง โดยที่กระต่ายน้อยวิ่งตามมาอย่างลนลานแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก

แสงจันทร์สะท้อนให้เห็นเพียงเงาวูบไหวสีทองและสีชมพูราง ๆ รอบด้านคือป่าที่เปรียบดังเขาวงกตอันไร้ที่สิ้นสุด ในความมืดดวงตาสีม่วงของเธอฉายแววความแข็งกร้าว เธอจะต้องรอด ไม่ว่าต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม

เป็นเดมี่แล้วยังไง... ฉันจะต้องมีชีวิตรอดต่อไปให้ได้