เมื่อเติบโตขึ้น ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไป เหมือนน้องสาวที่เคยน่ารักกลับดื้อขึ้นซะอย่างนั้น หรือนี่คือ...วัยต่อต้านของกระต่าย!!!
รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น,ย้อนยุค,ตะวันตก,ครอบครัว,ฟีลกูด/feelgood,ฟีลกู๊ด,ชีวิตประจำวัน,ชีวิต ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เขาว่ากันว่า กระต่ายน่ะเชื่อฟังเมื่อเติบโตขึ้น ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไป เหมือนน้องสาวที่เคยน่ารักกลับดื้อขึ้นซะอย่างนั้น หรือนี่คือ...วัยต่อต้านของกระต่าย!!!
มนุษย์ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวบนโลกใบนี้ มีทั้งเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างแวร์บีส เผ่าพันธุ์นักรบผู้ทรงพลังที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ร้ายได้ตามใจปรารถนา เอลฟ์ผู้เพียบพร้อมด้วยเวทมนตร์และอายุยืนยาว คนแคระผู้ชำนาญงานช่าง หรือกระทั่งสัตว์อสูรที่แม้จะดุร้าย แต่ก็มีอารยธรรมและดินแดนเป็นของตนเอง ทุกเผ่าพันธุ์ต่างอยู่ร่วมกันบนโลกนี้ภายใต้กฎเกณฑ์และข้อตกลงที่วางไว้
แต่ขณะเดียวกัน ในความสงบสุขของทุกเผ่าพันธุ์ ก็มีกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีที่ยืนในสังคม พวกเขาถูกปฏิเสธจากทั้งสองฝ่าย ไม่เป็นที่ยอมรับจากทั้งสองเผ่าพันธุ์ผู้ให้กำเนิด
เดมี่...สิ่งมีชีวิตลูกครึ่งระหว่างแวร์บีสและมนุษย์ ไม่ใช่ทั้งแวร์บีสหรือมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ติดอยู่ในความก้ำกึ่ง พลังที่มีในตัวเป็นเหมือนเปลวไฟที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะลุกโชนหรือมอดดับ แม้แต่ตัวพวกเขาเองก็ไม่อาจรู้ว่าพลังจะแสดงออกมาในรูปแบบใด
การเกิดมาของเดมี่คือความผิดพลาดของธรรมชาติ เป็นการท้าทายกฎเกณฑ์ของโลก ต่อให้ถูกขับไล่จากดินแดน ถูกล่าจนต้องหลบซ่อนตัว หรือถูกฆ่าตายอย่างทารุณ ก็ไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องผิด
"ก็มันช่วยไม่ได้ ในเมื่อเกิดมาเป็นเดมี่เองนี่นะ"
.....................
เปิดบทนำของนิยายอย่างเป็นทางการค่ะ!!!
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซี อบอุ่นหัวใจเรื่องหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องพี่น้องต่างสายเลือดที่ต้องเผชิญเรื่องราวบางอย่างเพื่อให้ทั้งคู่ได้เติบโต ฟังดูดีใช่ไหมคะ
แต่อยากบอกว่า คนพี่เป็นจิ้งจอก และคนน้องเป็นกระต่ายค่ะ (หัวเราะ)
ต้องมีรี้ดหลายคนคิดแน่นอนละ ว่าจิ้งจอกกำลังขุนกระต่ายใช่ไหม
วีรา (จิ้งจอกตัวที่ว่า) : ใช่ค่ะ กระต่ายต้องอ้วนกว่านี้
คีน่า (กระต่ายตัวที่ว่า) : ...//หูลู่ มองวีด้วยสายตาปริบ ๆ
แค็ก ขอเล่าเพิ่มเติมงับ
เรื่องนี้มีนักเขียน 2 คน เป็นนิยายคู่พี่น้องกันค่ะ
- เขาว่ากันว่า จิ้งจอกน่ะ เจ้าเล่ห์ โดย คุณกระต่ายหลงทาง #จิ้งจอกไม่เจ้าเล่ห์ //อันนี้เราขอเถียงสุดใจ จิ้งจอกน่ารักจะตุย เจ้าเล่ห์ตรงไหน!!!
- เขาว่ากันว่า กระต่ายน่ะ เชื่อฟัง โดยจิ้งจอกราตรีกาล #กระต่ายไม่เชื่อฟัง //ยิ่งโตยิ่งดื้อ แง้
ฝากติดตามทั้ง 2 เรื่องด้วยนะคะ (จิ้งจอกไม่เจ้าเล่ห์ สามารถจิ้มชื่อเรื่องได้เลยค่ะ)
"วันนี้อากาศดีจัง"
คีน่า เดมี่กระต่ายผู้มีขนสีชมพูนุ่มละมุน ขณะกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงห้องนอนของเธอในยามเช้า ชุดนอนบางเบาสีชมพูพลิ้วไหวตามสายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่าน แสงอาทิตย์สีทองอ่อนสาดส่องผ่านใบไม้เขียวขจี ทำให้เกิดเงาระยิบระยับบนพื้นไม้
ในตอนที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้านั้นเอง…
"ประสาทหรือไง! เอกสารชุ่ยแบบนี้ยังรับมาอีก ไปทำมาใหม่!"
เสียงตวาดลั่นก็ดังขึ้นจากด้านล่างทำลายบรรยากาศอันงดงามในยามเช้าจนหมด กระทั่งนกกายังแตกตื่นรีบบินหนีเสียงนั้นกันชุลมุน
เป็นเสียงของวีรา เดมี่จิ้งจอกที่มีขนสีทองเป็นประกาย ซึ่งตอนนี้กำลังยืนขึงตาใส่บรรดาลูกน้องที่กำลังก้มหน้างุด พวกเขาสวมชุดทำงานเรียบร้อย แต่ดูจะทำงานผิดพลาดจนโดนหัวหน้าดุเข้าให้จนหูตกหางลู่กันไปตาม ๆ กัน
คีน่าเอนตัวพิงราวระเบียง มองภาพตรงหน้าด้วยความเคยชิน รอยยิ้มบาง ๆ ยังคงติดอยู่บนใบหน้า เธอรู้ดีว่าแม้วีราจะดุดัน แต่ก็เป็นคนใจดี ไม่เพียงแค่ช่วยชีวิตเธอไว้ แต่ยังสร้างบ้านให้เธออยู่ในหมู่บ้านเดมี่แห่งนี้ หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขียวขจี เต็มไปด้วยบ้านไม้น่ารัก ๆ และเหล่าเดมี่น้อยใหญ่ที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แม้จะมีเสียงดุด่าดังขึ้นเป็นครั้งคราวจากจิ้งจอกทองผู้เป็นหัวหน้าก็ตาม
"พี่วีทำงานแต่เช้าเลย"
เธอพึมพำขณะที่กำลังดูจิ้งจอกทองพองขนด้วยความโมโหจากชั้นบน
ตั้งแต่จำความได้ คีน่าถูกทิ้งไว้ในป่า แล้วบังเอิญได้เจอกับวีรา เดมี่จิ้งจอกที่อายุมากกว่าเธอถึง 6 ปี แม้จะรู้ว่าจิ้งจอกเป็นศัตรูตามธรรมชาติของกระต่าย แต่เพราะเวลานั้นเธอไม่เหลือใครแล้ว จึงได้ติดตามอีกฝ่ายมา โชคดีที่วีราไม่ได้หิวจัดจนกินเธอเข้าไปล่ะนะ
หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายปี วีรากับคีน่าก็ได้เป็นพี่น้องบุญธรรมกันอย่างมึนงง สุดท้ายจิ้งจอกจึงตัดสินใจสร้างหมู่บ้านนี้ขึ้นมา
หมู่บ้านเดมี่...บ้านของเดมี่ ให้เหล่าเดมี่ที่ถูกแบ่งแยกมาตลอดได้มีสถานที่ที่ยอมรับพวกเขา
หลังสร้างเสร็จก็ได้มีเดมี่หลายคนเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย วีราที่เป็นผู้สร้างก็ถือว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เป็นแม่ใหญ่ที่ทุกคนเกรงขาม
แต่ก็นะ ขนาดหมู่บ้านมีคนมากถึง 50 กว่าครัวเรือน ก็มีวีราคนเดียวนี่แหละ ที่มีพลังภัยพิบัติ เดมี่คนอื่น ๆ ก็เป็นพวกที่พลังเวทอ่อนแอเหมือนคีน่ากันหมด
รองหัวหน้าหมู่บ้านที่ชื่อกริมม์ ซึ่งเป็นเดมี่นกฮูก เดินหัวฟูเข้ามาช่วยข่มความโกรธในตัววีราลง แต่คีน่าก็เห็นพี่สาวจิ้งจอกหันไปแยกเขี้ยวใส่ทีหนึ่งด้วย
ดูจากขอบตาที่ดำคล้ำแล้วน่าจะอดนอนมานานเป็นเดือน แอบสงสารนิด ๆ แฮะ
แต่เหมือนว่าคีน่าจะแอบมองนานไปหน่อย วีราจึงหันกลับมามอง ดวงตาคมกริบสีม่วงยังคงแฝงไว้ด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นว่าคนที่แอบดูอยู่เป็นน้องสาวตัวน้อยก็มีท่าทางอ่อนลง ก่อนจะขยับปากพูด 'พี่เตรียมมื้อเช้าไว้ด้านล่าง รีบลงไปกินนะ'
แม้ว่าวีราจะไม่ได้ตะโกนบอก แต่คีน่าที่เป็นเดมี่กระต่ายกลับได้ยินอย่างชัดเจน เธอยิ้มแล้วผงกหัวให้พี่ทีหนึ่ง ก่อนที่วีราจะส่งยิ้มตอบแล้วหันกลับไปคุยงานกับกริมม์ต่อ คีน่าบิดขี้เกียจเล็กน้อยแล้วเดินลงไปกินมื้อเช้าที่คนพี่เตรียมไว้ให้
ตอนนี้คีน่าอายุ 16 ปีแล้ว ส่วนคุณพี่จิ้งจอกอายุ 22 เรียกว่าทั้งคู่เป็นสาวสะพรั่งเลยทีเดียว
"วันนี้ทำอะไรดีนะ" คีน่าถามตัวเองเบา ๆ ขณะกำลังละเลียดมื้อเช้า แต่คิดไม่ทันจบ กลิ่นหอมอันคุ้นเลยพร้อมอ้อมแขนก็คว้าหมับจากด้านหลัง
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คนดี ตื่นมาเช้านี้ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ" เสียงหวานทักทายก่อนจะอ้าปากงับหูกระต่ายเบา ๆ อย่างหยอกล้อ
เล่นเอาคีน่าหน้างอ ต้องรีบเอ่ยปราม "พี่วี อย่าแกล้งคีสิคะ"
วีราหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เสียงทุ้มนุ่มละมุนหูแฝงความขบขันไว้เล็กน้อย ก่อนจะเดินด้วยท่วงท่าสง่างามไปนั่งบนเก้าอี้ไม้สีเข้มตัวโปรดที่วางอยู่ตรงข้ามคีน่า ในมือที่เรียวงามถือแฟ้มเอกสารสีครีมที่ดูมีความสำคัญ เธอนั่งลงอย่างสบาย ๆ พลางกวาดตาอ่านตัวอักษรในเอกสารอย่างตั้งใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้นดีดนิ้วเบา ๆ เพียงครั้งเดียว
ทันใดนั้นเอง ในครัวก็มีเสียงเคลื่อนไหวแผ่ว ๆ ถ้วยกระเบื้องลายดอกไม้สีฟ้าอ่อนลอยละล่องออกมาจากตู้ ตามด้วยกาน้ำชาทรงคลาสสิก ขวดนมแก้วใสและโถน้ำตาลทรงสวย ทุกอย่างเคลื่อนที่อย่างนุ่มนวลราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยควบคุม น้ำร้อนถูกรินลงบนใบชาหอมกรุ่น ตามด้วยนมสดที่รินลงไปจนได้สัดส่วนที่ลงตัว น้ำตาลหนึ่งช้อนค่อย ๆ ละลายลงในของเหลวสีน้ำตาลอ่อนที่ส่งกลิ่นหอมชวนดื่ม
ถ้วยชานมที่ชงเสร็จแล้วลอยเข้ามาหาวีราอย่างนุ่มนวล เธอยังคงจดจ่ออยู่กับเอกสารในมือ แต่ก็ยกมืออีกข้างขึ้นรับถ้วยชาโดยไม่ต้องละสายตาจากงาน เป็นภาพที่คุ้นตาในทุก ๆ เช้า
ตั้งแต่สร้างหมู่บ้านมาวีราก็มักจะงานยุ่ง มีเรื่องมากมายให้ต้องจัดการ อย่างบางคนที่เข้ามาขออยู่ด้วยก็ต้องสร้างบ้านหรือหาที่พักให้ก่อน
พอมีคนป่วยหรือมีเรื่องก็ต้องให้วีราตัดสิน สำหรับเด็กเล็ก วีราก็จะทำหน้าที่เป็นครูสอนความรู้ต่าง ๆ เรียกว่าพี่สาวจิ้งจอกคนนี้รับจบแทบทุกอย่าง
นี่ยังไม่รวมเวทบาเรียที่พี่กางไว้เพื่อปกป้องคนในหมู่บ้านจากการโดนกลั่นแกล้งและค้าขายกับหมู่บ้านอื่น ๆ อีกนะ
แต่ไม่ว่าจะยุ่งงานมากแค่ไหน อย่างน้อยที่สุด มื้อเช้าหรือมื้อเย็นวีราก็จะกลับมากินพร้อมหน้ากับคีน่า ต่อให้ไม่กินหรือกินแล้ว จิ้งจอกสาวก็จะนั่งร่วมโต๊ะเป็นเพื่อน รอให้กระต่ายน้อยกินหมดก่อนที่จะไปทำงานต่อ
ดวงตาสีชมพูเหลือบมองวีราขณะที่เธองับขนมปัง พี่สาวจิ้งจอกของเธอตอนนี้มีอายุ 22 ปีแล้ว ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้รูปลักษณ์เปลี่ยนไปจากช่วงวัยเด็กนิดหน่อย
เส้นผมสีทองยาวลอนเหมือนแพรไหมถูกปล่อยให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลังยาวเกือบถึงเอว บางส่วนประใบหน้าทำให้พี่สาวของเธอคนนี้ดูอ่อนหวานนุ่มนวล กรอบหน้าหวานสวย ดวงตาคมเรียวเล็กเชิดเล็กน้อย ดูเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับจิ้งจอก นัยน์ตาสีม่วงเข้มเป็นประกายแม้จะดูเข้มงวดไปบ้าง แต่คีน่ารู้ดีว่าพี่สาวจิ้งจอกคนนี้ของเธออ่อนโยนและใจดีมากแค่ไหน
จมูกโด่ง คิ้วเรียวชัดริม ฝีปากอิ่มสีสด ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าล้วนอยู่ในองค์ประกอบที่เหมาะสม ขับเสน่ห์อันน่าหลงใหลเหมือนภาพวาดที่จิตรกรบรรจงสร้าง สมกับตำแหน่งอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์ที่เลื่องลือด้านความงามที่สุดในหมู่แวร์บีส
แม้วีราจะเป็นเดมี่ที่มีสายเลือดแวร์บีสเพียงแค่ครึ่งเดียว แต่ก็เข้มข้นมากจนสำแดงออกมาในทุกอณูการเคลื่อนไหว ทุกสัดส่วนของร่างกายที่ประกอบขึ้นมาเป็นวีราล้วนงดงามไร้ที่ติ
ต่างจากเธอ ลูกกระต่ายสีชมพูตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น ส่วนสูงก็น้อยนิด ดวงตากลมโตสีชมพูอ่อนธรรมดา ๆ กลืนไปกับผมสีเดียวกันสั้นประบ่า ใบหน้ากลมป้อมน่ารักแบบเด็ก ๆ เป็นแค่เดมี่ตัวหนึ่งที่มักจะเดินสะดุดเท้าตัวเองอยู่บ่อย ๆ แต่โชคดีที่ได้เจอกับจิ้งจอกตรงหน้า ผู้ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นและดวงตาคมกริบที่มองมาอย่างสนใจ
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองช่างชัดเจน ราวกับเทียบกันระหว่างดอกกุหลาบที่เบ่งบานอย่างสง่างามกับดอกเดซีเล็ก ๆ ที่แอบซ่อนตัวอยู่ใต้พุ่มหญ้า
ดวงตาสีม่วงเหลือบมองน้องสาวที่เอาแต่เหม่อมองเธอนิ่ง "มีอะไรหรือเปล่า อาหารไม่ถูกใจน้องเหรอ"
คีน่าสะดุ้ง รีบดึงสติตัวเองให้กลับมาสู่ปัจจุบัน
"อะ เปล่าค่ะ คีแค่คิดอะไรเพลิน ๆ" คีน่าหน้าแดงแล้วรีบกินมื้อเช้า แต่จิ้งจอกกลับยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหยอกเย้าน้อง
"เหรอ พี่นึกว่าคีจะตกหลุมรักพี่ซะอีก เล่นจ้องพี่จนหน้าแดงแบบนั้น"
ยิ่งโดนหยอกแบบนั้น กระต่ายน้อยก็เขินหน้าแดงไปหมด หูกระต่ายของเธอถึงกับตั้ง "พี่อะ อย่าแกล้งคีสิคะ!"
เสียงหวานของจิ้งจอกหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างสุขใจที่ได้แกล้งน้อง เมื่อวีราหัวเราะออกมาท่าทางของเธอจึงดูนุ่มนวลต่างจากท่าทางเจ้าเล่ห์น่าเกรงขามเหมือนปกติราวฟ้ากับดิน แต่ความรู้สึกอบอุ่นนั้นก็พลอยทำให้คีน่าอมยิ้มไปด้วย
"เอ้า มัวแต่ยิ้ม เดี๋ยวอาหารก็ชืดพอดี" จิ้งจอกว่าพลางยื่นมือมาบีบจมูกน้อย ๆ ของน้องอย่างมันเขี้ยว แต่คีน่าที่รู้แกวกลับรีบหลบมือที่เอื้อมมาอย่างไว
"ไม่มีวันค่ะ อาหารฝีมือพี่จะเย็น จะชืดแค่ไหน หนูก็จะกิน กินให้หมดจนไม่เหลือแม้แต่คราบบนจาน"
ได้ยินแบบนั้นจิ้งจอกถึงกับหัวเราะออกมา คีน่าเชิดน้อย ๆ เหมือนจะบอกว่าที่พูดไปน่ะจริงทุกคำแล้วลงมือกินอาหารต่ออย่างมีความสุข ดวงตาสีชมพูเหลือบมองพี่สาว พลางคิด
‘ขอให้ทุก ๆ วันของเธอและพี่เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่เปลี่ยนแปลงด้วยเถอะ’