ปลายฟ้า นักเขียนแนววิชาการจำต้องมาเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งแฟนเก่า มิสชั่นนี้ว่าไม่ง่ายแล้ว แต่ชีวิตดันผลักเธอให้ไปรู้จัก 'เขาคนนั้น' ที่ลวงเธอให้รับดีลเป็นเพื่อนแลกประสบการณ์บนเตียง เพียงเพื่อใช้เธอเป็นนกต่อล่อเหยื่อ
ดราม่า,ชาย-หญิง,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,อิโรติก,สืบสวน ,ดราม่า,โรมานซ์,โรมานซ์สืบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระเอกนิยายสุดปลายฟ้าปลายฟ้า นักเขียนแนววิชาการจำต้องมาเขียนนิยายอิโรติกตามใบสั่งแฟนเก่า มิสชั่นนี้ว่าไม่ง่ายแล้ว แต่ชีวิตดันผลักเธอให้ไปรู้จัก 'เขาคนนั้น' ที่ลวงเธอให้รับดีลเป็นเพื่อนแลกประสบการณ์บนเตียง เพียงเพื่อใช้เธอเป็นนกต่อล่อเหยื่อ
เมื่อนิตยสารสารคดีที่ ปลายฟ้า เป็นนักเขียนประจำปิดตัว ทำให้ปลายผ้าต้องหันเหจากการเขียนแนววิชาการ ไปต้องเลี่ยนแนวไปเป็นนักเขียนนิยาย เพื่อหาเงินเลี้ยงดู แม่และน้องสาว โดยเฉพาะแม่ของเธอต้องรับการผ่าตัดตาในสิ้นปี ปลายฟ้าจึงเขียนนิยายรัก แล้วนำไปให้ กรินทร์ คนรักเก่าที่เป็นซีอีโอของสำหนักพิมพ์อักษรารัญจวนช่วยพิจารณา แต่กรินทร์ไม่ให้ผ่านเพราะแนวเรื่องไม่ตรงกันแนวของอักษรารัญจวนที่เน้นขายแนวนิยายอิโรติก
แต่เพราะกรินทร์ยังมีใจให้ปลายฟ้า ด้วยความรักที่หลงเหลือ จึงให้ปลายฟ้าเขียนนิยายอิโรติกโดยที่มีเขาเป็นพระเอก และเธอเป็นนางเอก แลกกับเงินค่าจ้างที่เขาจะจ่ายให้เธอเป็นรายเดือนแต่ปลายฟ้ามีปมกับเรื่องเซกส์เพราะเคยถูก เปลว พ่อเลี้ยงล่วงละเมิดในวัยเด็กและมักมีอาการทางประสาทกำเริบหากถูกกระตุ้น ทว่าด้วยเงินที่กรินทร์เสนอให้ จึงทำให้ปลายฟ้าตอบรับงาน แต่เพราะกลัวว่าจะเขียนให้ถึงตอนจบไม่ได้ ปลายฟ้าจึงตั้งใจหางานเสริม และเธอก็ได้งานแม่บ้านรีสอร์ตที่มีชื่อว่า Beyond The Horizon โดยบังเอิญจากแม่บ้านคนเก่าที่ลาออกกระทันหัน
ที่รีสอร์ตนี้ ปลายฟ้าต้องทำงานเป็นแม่บ้านประจำโซนวิลล่าการ์เด้น โดยมี แหวว หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนคุมงาน เธอมีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้แขกประจำโซน ซึ่งหนึ่งในแขกที่เธอต้องดูและคือ เข้ เจ้าของห้องหมายเลข 114 ที่เขาแอบเลี้ยงแมวโดยมีแค่เธอและเขาเท่านั้นที่รู้ นอกจากแหววแล้ว ปลายฟ้าได้เจอ ชิด บาร์เทนเดอร์ที่คอยสอนงานในห้องอาหารให้เธอ
ด้วยงานแม่บ้านนี้เองที่ปลายฟ้าจะยึดไว้เป็นอาชีพเสริมจนกว่าเธอจะเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์จบ แต่มีเหตุเกิดขึ้นกับปลายฟ้าคือเธอเหยียบหางแมวที่คุณเข้เลี้ยงไว้ที่ริมสระน้ำ จนทำให้เธอตกสระ แต่เข้ก็ช่วยเธอไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เข้รู้ว่าเธอต้องรับงานเขียนนิยายอิโรติกให้กรินทร์ แต่เธอไม่มีประสบการณ์เรื่องบนเตียง(แบบคู่รัก) เข้เลยเสนอว่าถ้าปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนคุยให้เขา เขาจะเล่าประสบการณ์บนเตียงให้ฟัง ข้อตกลงแรกระหว่างปลายฟ้าและเข้จึงเริ่มขึ้น
เสื้อผ้าหน้าผมของเธอดูดีแล้วใช่ไหม มีอะไรเปื้อนกระโปรงหรือเปล่า ลิปสติกล่ะ เลอะขอบปากจนน่าเกลียดแล้วหรือยัง ทุกคำถามวนอยู่ในหัวปลายฟ้าตั้งแต่ก้าวเข้าลิฟต์ที่กำลังนำไปสู่ชั้นของสำนักพิมพ์อักษรารัญจวน ปลายทางคือชั้นของฝ่ายบริหาร จุดนัดหมายของเธอ
เมื่อประตูลิฟท์เปิด นักเขียนสาวรีบก้าวขาไปติดต่อขอพบประธานกรรมการผู้บริหารที่เคาน์เตอร์รีเซฟชั่นประจำชั้น รอไม่นานนักเธอก็ถูกนำตัวไปยังห้องของชายหนุ่มผู้กำลังจะมอบชีวิตที่สองให้เธอ
“มาเร็วดีนี่”
กรินทร์เอ่ยเมื่อเธอก้าวขาเข้าสู่ห้องทำงานของประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ เขาสวมเชิ้ตสีขาวสะอาดตาสวมทับด้วยกางเกงสแลคสีดำที่ตัดให้เข้ากับรูปร่างแสนลงตัวและดูเปล่งประกายตามแบบชายหนุ่มมาดดีเช่นเคย แต่ภายในห้องทำงานกลับอึมครึมเพราะดวงอาทิตย์ยามบ่ายซ่อนตัวอยู่หลังเมฆฝนก้อนสีเทาใหญ่
“นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนสิ”
กรินทร์บอกพร้อมกับผายมือให้เธอนั่งลงบนโซฟา แล้วลุกจากโต๊ะเดินมาหาเธอพร้อมกับหนังสือนิยายเล่มหนาในมือ
“อยากดื่มชาหรือกาแฟก่อนไหม”
“ไม่เป็นค่ะ ขอบคุณมาก” ปลายฟ้าคลี่ยิ้มตอบ
“แล้วนั่นมือไปโดนอะไรมา” เขาถามขณะหย่อนตัวลงนั่งข้างเธอ
“เอ่อ...” เพราะผ้าพันแผลที่พันรอบมือข้างขวา ทำให้หว่างคิ้วของผู้ถามเกิดเป็นร่องลึก ส่วนคนถูกถามยิ้มเจื่อนแล้วเฉไฉหาเหตุผลตอบ “ปลายซุ่มซ่ามทำมีดบาดมือตัวเองนิดหน่อย”
หัวคิ้วของเขายังชนกัน “ติดพลาสเตอร์แผ่นใหญ่ขนาดนั้นไม่น่านิดหน่อย”
หญิงสาวเม้มริมฝีปาก สบตาเขาเพียงเสี้ยววินาที แล้วยิ้มกว้างก่อนถามถึงธุระสำคัญของวันนี้พลางหยิบสมุดกับปากกาออกจากกระเป๋า “ปลายพร้อมฟังเงื่อนไขสัญญาเป็นนักเขียนประจำของอักษรารัญจวนแล้วค่ะ พี่รินทร์บอกมาได้เลย ถ้าไม่ติดอะไร ปลายพร้อมเซ็นสัญญาวันนี้”
“มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายขนาดที่ปลายต้องจดใส่สมุด” บอกแล้วยื่นส่งนิยายเล่มหนาให้ปลายฟ้า “ปลายเคยอ่านงานของนักเขียนคนนี้ไหม”
ดวงตากลมโตย้ายจากใบหน้าเคร่งขรึมไปจับจ้องหน้าปกนิยายที่เป็นภาพเดียวกับภาพแขวนผนังหลังโต๊ะทำงานของเขา แล้วส่ายหน้าช้าๆ จากนั้นรับนิยายเล่มหนามาถือไว้
“พี่รินทร์น่าจะรู้ว่าปลายไม่อ่านงานอิโรติก”
กรินทร์หัวเราะในลำคอ “ไม่อ่านงานอิโรติกแต่เขียนเซกส์ซีนได้ดีขนาดนั้น ประสบการ์ณการเขียนชีวิตสัตว์หรือการผสมพันธุ์พืชแบบไหนกัน ที่ช่วยให้ปลายสร้างท่วงท่าลีลาในบทรักร้อนฉ่าได้ ปลายมีเคล็ดลับอะไรที่พี่ไม่เคยรู้หรือ”
ไม่มีเคล็ดลับอะไรที่ไหนหรอก มีแต่ดีลลับที่ได้มาจากเรื่องเล่าที่ชายหนุ่มคนนั้นพยายามใช้มือไม้ทำท่าประกอบทุกท่ารักน่ะสิ
“แต่ปลายเคยเห็นนามปากกาวาดฟ้าบนชั้นนิยายขายดีในร้านหนังสืออยู่บ่อยๆ ว่าแต่พี่รินทร์ถามทำไมคะ”
“วาดฟ้าเป็นนักเขียนผู้สร้างตำนานให้อักษรารัญจวน แต่ในทางเดียวกัน อักษรารัญจวนก็เป็นถนนสร้างชื่อให้เขา แต่นิยายเรื่องแรกที่เขาส่งมาให้หัวหน้าบรรณาธิการพิจารณาต้นฉบับนั้นไม่ผ่านการพิจารณา ซ้ำร้าย มันยังถูกทิ้งลงถังขยะ”
ปลายฟ้าทำตาโต แม้จะรู้อยู่ว่าไม่ใช่นักเขียนทุกคนที่ผลงานแรกจะปัง แต่ประหลาดใจที่เขาเอาเรื่องนี้มาเล่าให้เธอฟัง
“จะเป็นเพราะชะตาฟ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ ต้นฉบับนั้นก็ดันกลับมาอยู่ในมือของแม่พี่ คุณวาดฟ้าก็เลยถูกเรียกตัวให้เข้ามาพบเพื่อเซ็นสัญญานักเขียนประจำ”
“แสดงว่าผลงานชิ้นนั้นถูกใจคุณแม่ของพี่รินทร์ใชไหมคะ”
กรินทร์ส่ายหน้า “ไม่เลยสักนิด แต่มันคืออะไรกันที่ทำให้วาดฟ้าเป็นนักเขียนระดับตำนาน ปลายอยากรู้ไหม”
เมื่อเธอพยักหน้าตอบ เขาก็เอนหลังพิงกับพนักโซฟา ทอดตามองหน้าปกนิยาย จากนั้นก็เผยเรื่องราวในอดีตออกมา
“ตอนนั้นสำนักพิมพ์ต้องเพิ่มยอดขาย แค่ยอดขายจากหนังสือพิมพ์กับหนังสือให้ความรู้ไม่พอค่าใช้จ่าย พ่อกับแม่ของพี่เลยจะกระโดดเข้าตลาดนิยาย แต่มีผู้เล่นรายใหญ่ที่ครองตลาดหลัก เราพิมพ์นิยายไปกี่เรื่องก็ขาดทุนจนเกือบจะถอดใจ แต่พอแม่พี่มาเห็นต้นฉบับของวาดฟ้าที่แม่บ้านเอามาทำกระดาษสองหน้า แม่พี่ก็คิดว่าจะแข่งในตลาดกระแสหลักคงไม่ได้ แต่ต้องหาตลาดของตัวเอง”
เขาหยุดพูดแล้วหันมาสบตาเธอ “อักษรารัญจวนจึงเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าว่าจะนำเสนอนิยายแนวพาฟันที่พาคนอ่านจินตนาการไปกับบทรักของตัวละครที่เร่าร้อน และต้นฉบับนิยายของวาดฟ้ายังไม่ตอบโจทย์เป๊ะขนาดนั้น เพราะวาดฟ้าไม่รู้ความต้องการของตลาดนักอ่านนิยายอิโรติก เธอเป็นนักเขียนที่เก่ง แต่การเขียนให้ขายได้ต้องเขียนงานที่ตลาดต้องการ”
ครั้งนี้เขาเงียบไปนานหลายนาที ก่อนเอ่ยพูดต่อว่า “วาดฟ้าจึงต้องเขียนงานตามใบสั่ง”
“เขียนงานได้ตามใบสั่ง...” ปลายฟ้าทวนคำพูดของเขา
“เหมือนที่ปลายเขียนส่งให้พี่ ต่างกันแค่ไม่ได้ใช้ชื่อจริงแบบเรา”
“แล้ว...” เกิดความสับสนในหัวปลายฟ้า “แล้วเขียนงานตามใบสั่งมันทำให้คุณวาดฟ้าเป็นนักเขียนในตำนานได้ยังไงคะ”
“เพราะวาดฟ้ากลายร่างจากนักเขียนไปเป็น ‘เครื่องผลิต’ นิยายอิโรติกที่ดีเยี่ยม ส่วนคนป้อนคำสั่งคือแม่ของพี่ ผู้ที่เป็นเบื้องหลังของพล็อตตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนจบตัวจริง คนหนึ่งคิดพล็อต คนหนึ่งเขียน จึงมีผลงานออกพิมพ์ทุกเดือน เดือนละสองถึงสามเรื่องหรือมากกว่านั้น เพื่อที่จะสามารถจองชั้นหนังสือทั้งชั้นให้เป็นของอักษรารัญจวนที่เดียว”
ปลายฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึก “เป็นการเปิดการมองเห็นของนักอ่านที่เข้าร้านหนังสือให้มากที่สุด”
“ฉลาดมาก ปลายฟ้าของพี่”
“แล้ว...พี่รินทร์เล่าเรื่องนี้ให้ปลายฟังทำไม... มันเกี่ยวอะไรกับเงื่อนไขนักเขียนประจำหรือคะ”
“นักเขียนประจำของเรา มีหน้าที่แค่เขียนตามใบสั่ง”
ปลายฟ้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ “แค่นั้นใช่ไหมคะ”
“แต่สำหรับปลาย พี่ขอเพิ่มเงื่อนไขพิเศษ”
“...อะไรคะ”
“วาดฟ้าตัดสินใจอำลาวงการ แต่พี่ไม่อยากให้นามปากกาวาดฟ้าหายไปจากตำนาน”
ก้อนความอึดอัดบางอย่างก่อตัวในอกเธอเงียบเชียบด้วยน้ำเสียงราบเรียบและดวงตานิ่งของเขา ฟ้าด้านนอกนั้นก็มืดราวดวงอาทิตย์ดับสลาย
เขาจ้องตาเธอครู่หนึ่ง แล้วถึงค่อยๆ คลี่คำพูดต่อมา “ปลายต้องเป็นนักเขียนเงาของวาดฟ้า”
คำว่านักเขียนเงาดังก้องในหัวของหญิงสาว ใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้าก็พร่าเลือนชั่วขณะ ก่อนเรียบเรียงความคิดที่กระจัดกระจาย “พี่รินทร์จะให้ปลายเป็นนักเขียนเงาของวาดฟ้า...”
“โดยใช้นิยายเรื่องที่เรากำลังจะสร้างขึ้นมาด้วยกัน” กรินทร์ต่อประโยคให้จบ
สายฝนสาดซัดกระทบกระจกดังสลับกับเสียงฟ้าคำราม กระหึ่มกึกก้องในทุกห้องหัวใจ “แล้ว...แล้วชื่อตัวละครล่ะ”
“พี่เปลี่ยนชื่อกรินทร์เปลี่ยนเป็นภูมินทร์ ส่วนปลายฟ้าเปลี่ยนเป็นลัลลาบาย”
เขาเพิ่งพูดว่านิยายที่เรากำลังสร้างขึ้นมาด้วยกัน แต่กลับเปลี่ยนชื่อตัวละครโดยไม่ถามความเห็นเธอ!มือที่ถือสมุดและปากกาสั่นหงึกหงักราวกับคนเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่กรินทร์ก็ยื่นมือมากอบกุมมือของเธอแน่น
“พี่รับประกันว่าแม้ปลายจะเป็นนักเขียนเงา แต่งานเขียนของปลายจะถูกดันให้ขึ้นท้อปชาร์จนิยายขายดีเหมือนวาดฟ้า แค่ตอบพี่ว่าปลายตกลง”
ขายดีภายใต้นามปากกาคนอื่นอย่างนั้นน่ะสิ! ปลายฟ้าทอดตาไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย แต่ในเมื่อโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ชีวิตเธอออกมาเป็นนี้ เธอจะมีทางเลือกอะไรได้อีก ในเมื่อการเขียนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
“ตกลงค่ะ”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม คว้ามือของเธอไปกอบกุม “ปลายจะไม่ผิดหวัง...พี่สัญญาว่า...”
“ขอเอกสารสัญญาได้ไหมคะ ปลายจะเซ็นชื่อเลย” ปลายฟ้าไม่รอให้เขาพูดจบ เธอชักมือตัวเองกลับ แล้วเรียกหาหนังสือสัญญา
“แล้วพี่จะส่งตามไป เราจะทำสัญญากันสามฝ่าย ปลายฟ้า อักษรารัญจวน และวาดฟ้า”
“ได้ค่ะ ถ้างั้นเราก็คุยกันจบแล้ว” เธอกล่าวแล้วลุกขึ้นโค้งศีรษะขอตัว
“อย่าลืมส่งที่อยู่มาให้พี่ด้วย”
ปลายฟ้าชะงักเล็กน้อย ตั้งแต่คบหากันจนเลิกรากันไป เธอไม่เคยบอกเขาถึงที่อยู่อาศัย ไม่เคยพาไปพบแม่ และไม่เคยแม้แต่จะให้เขาไปส่ง
“ปลายมารับเอกสารเองที่นี่ก็ได้ค่ะ”
“มันต้องใช้ระบุในเอกสารสัญญา”
เหตุผลหนักแน่นพอที่จะกดศีรษะเธอให้พยักหน้ารับ “แล้วปลายจะส่งให้พี่ทางแชท”
บอกแล้วหมุนตัวเดินจากมา พาร่างกายที่แบกหัวอันว่างเปล่าผ่านประตูห้องไปเข้าลิฟต์ โดยไม่รับรู้ว่ามีใครอีกคนพุ่งตามเข้ามาก่อนประตูลิฟต์ปิด และไม่รับรู้แม้กระทั่งปุ่มหยุดชั่วคราวถูกกด จนกระทั่งได้ยินเสียงพูดดังจากข้างตัวเธอ
“พี่ชื่อปลายฟ้าใช่ไหมคะ”
“อ๊ะ..” นักเขียนสาวถึงได้รู้สึกตัว มองไปที่แผงตัวเลข แต่มันไม่ได้ขยับสู่ชั้นล่าง แล้วพอให้ไปทางคนที่ยืนด้านข้าง ก็พบว่าเป็นนิสิตสาวใบหน้าสวยเฉี่ยวที่ไว้ผมบ๊อบสั้นนำสมัย
“หนูชื่อองุ่นค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ฝ่ามือขาวเนียนกับปลายเล็บเคลือบสีส้มสดใสยื่นเข้ามาขอทำความรู้จักแบบไม่ให้เธอตั้งรับทัน ปลายฟ้าจึงยื่นมือไปกระชับกับมือนุ่มที่เขย่ามือของเธอขึ้นลงเหมือนเด็กน้อย
“อ้อ นี่นามบัตรขององุ่นค่ะ”
ตามด้วยนามบัตรสีส้มคาดดำบอกชื่อแซ่ของนิสิตสาว ถัดลงมาระบุชื่อแอคเคาน์ทางช่องทางสตรีมมิ่งออนไลน์และสื่อโซเชียลอื่นๆ
“องุ่นเป็นบล็อกเกอร์สายรีวิวกับท่องเที่ยว ฝากกดติดตาม กดไลก์ และซับสไครบ์ด้วยนะคะ” แล้วเธอก็คลี่ยิ้มกว้างเผยฟันขาวพร้อมกับทำนิ้วมินิฮาร์ทส่งให้
“ซีอีโอหญิงคนแรกที่อายุน้อยที่สุดของอักษรารัญจวน” ปลายฟ้าอ่านบรรทัดต่อมาที่เขียนด้วยลายมือแบบเด็กผู้หญิง
“ซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าท่านแล้วตอนนี้” เธอผายสองมือไล่จากศีรษะไปจรดที่เอวคอดกิ่ว “เราต้องเขียนไว้กระตุ้นความตั้งใจของตัวเอง ฝรั่งเขาเรียกว่าการมานิเฟสต์”
ปลายฟ้ายังมึนงงไปชั่วขณะ ด้วยไม่รู้จุดประสงค์ของหญิงสาววัยอุดมศึกษา “มีธุระอะไรกับพี่หรือคะ”
“อ้อ นั่นสิ” นิสิตสาวคงเพิ่งนึกธุระของตัวเองได้ “องุ่นอยากมาทำความรู้จัก แล้วก็ยินดีต้อนรับนักเขียนดาวดวงใหม่ของอักษารัญจวน ถ้ามีข้อมูลงานเขียนอะไรที่อยากได้ ก็ถามองุ่นได้เลย องุ่นมีฟุตเทจสัมภาษณ์คนหลากอาชีพเยอะแยะ”
จากนั้นก็เอียงตัวมาป้องปากเอ่ยเสียงกระซิบ “โดยเฉพาะอาชีพหนุ่มบาร์โฮสต์ องุ่นมีในรายชื่อเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยค่ะ ถ้าพี่อยากเขียนอะไรที่เกี่ยวกับบาร์โฮสต์ ปรึกษาองุ่นได้เลย”
“เอ้อ...” นักเขียนสาวก็ยังไม่เข้าใจเรื่องที่เธอคนนี้พูดอยู่ดี
“ต้นฉบับใกล้เสร็จเมื่อไหร่บอกองุ่นด้วยนะคะ องุ่นจะได้เตรียมทำข้อมูลรีวิวนามปากกาของพี่ปลายออกทางช่องขององุ่น”
“นามปากกาของพี่”
“ฮื่อ” องุ่นพยักหน้า “ใช้นามปากกาว่าปลายฟ้าเลยก็ดีนะคะ เหมือนนักเขียนฝรั่งที่ใช้ชื่อจริงของตัวเอง”
คิ้วของปลายฟ้าขมวดมุ่น “ใช้ได้หรือ”
“ใช้ได้สิคะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ถึงชื่อปลายฟ้าจะสวนทางกับบทเซกส์แซ่บๆ ที่พี่เขียนก็เถอะ”
“แต่... แต่พี่เป็น...นักเขียนเงา” เธอตอบตะกุกตะตะกัก แต่แล้วปลายฟ้าก็ยกสองมือขึ้นป้องปาก มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกกว้าง “เอ๊ะ นะ...น้อง...อะ...อ่านนิยาย...เรื่องนั้น...ละ...แล้ว”
“เอ่อ... ใช่ค่ะ อ่านจนถึงบทล่าสุดที่พี่ส่งให้พี่รินทร์เลยล่ะ” ตอบเธอแล้วเปิดโทรศัพท์หันหน้าจอมาให้เธอดู
“แค่บทนำก็ซี้ดอย่าบอกใคร ทำเอาองุ่นต้องวิ่งไปหา Bourbon chocolate มากินให้ฟินบ้าง” พูดจบก็ขมวดคิ้วใส่ “แต่เอ๊ะ เมื่อกี้พี่บอกว่าเป็นนักเขียนเงาหรือองุ่นหูฝาดไปเองคะ”
เจ้าหล่อนอาจหูฝาด แต่เธอโกรธจนลมออกหู เขาให้คนอื่นอ่านนิยายของเธอ นิยายที่ใช่ชื่อเขาและเธอเป็นตัวละคร นิยายที่เขาและเธอร่วมรักกันผ่านตัวอักษร เขาทำแบบนี้กับเธอได้ยังไง แล้วยังเรียกเธอให้มาเป็นนักเขียนเงาของคนอื่นอีก!
ปลายฟ้าโมโหจัดจนจิ้มปุ่มให้ลิฟท์ทำงานรัวๆ แต่ลิฟท์ก็เคลื่อนตัวช้าจนเธอเกรงว่าจะระเบิดอารมณ์โกรธที่ไม่อาจกักเก็บไว้ได้ พอประตูลิฟท์เปิด ก็พุ่งตัวฝ่าฝูงชนแล้ววิ่งออกจากอาคารสูงฝ่าสายฝนเย็นเฉียบที่ไม่ทำให้เธอเย็นลงแม้แต่นิดเดียว
จนกลับถึงบ้าน ห่าฝนก็ยังไม่ตกกระหน่ำ ปลายฟ้าเดินโซซัดโซเซผลักประตูบ้านเข้าไปแต่แล้วก็ตกใจเมื่อพุดซ้อนกับแม่ยืนต้อนรับพร้อมกับพูดว่า
“ปลายฟ้า นักเขียนชื่อดังมาแล้ว!” จากนั้นก็ปรบมือแล้วช่วยกันดันเธอในลงนั่งบนเสื่อที่มีอาหารวางมากมายหลายอย่าง
“มาๆ แม่ทำกับข้าวหลายอย่างฉลองให้ปลายโดยเฉพาะ กินเยอะๆ จะได้มีแรงเขียนนิยายสนุกๆ”
“แม่...” ปลายฟ้าน้ำตาคลอหน่อย
“นี่ฉันบอกลูกค้าทุกคนเลยนะพี่สาวฉันเป็นนักเขียน มีแต่คนบอกว่าจะรออุดหนุนนิยายของพี่”
“พุด...”
“แล้วถ้าเกิดนิยายของพี่ปลายขายดังเปรี้ยงปร้าง จนไปเข้าตาผู้จัดละครละก็ หูย พี่ปลายก็จะกลายเป็นนักเขียนใหญ่ที่มีแต่ดาราชื่อดังอยากเล่นละครที่สร้างจากนิยายของพี่”
โธ่เอ๋ย... ปลายฟ้าครวญในใจ เห็นใบหน้าเปี่ยมสุขของทั้งคู่แล้ว เธอจะบอกพวกเขาได้หรือว่าเธอเป็นได้แค่เงาให้ตัวจริง แล้วมีดาราชื่อดังคนไหนอยากแก้ผ้าแก้ผ่อนหน้ากล้องบ้าง ปลายฟ้าได้แต่มองกับข้าวกับปลาอย่างท้อใจ
“เดี๋ยวฉันจ่ายค่าอาหารวันนี้ให้แม่นะ น่าจะหมดไปหลายตังค์ ขายขนมจีนตั้งกี่วันกว่าจะได้”
“ไม่ต้องๆ งานนี้อีพุดเลี้ยงพี่เอง” พุดซ้อนตบหน้าอกตัวเองป้าบๆ “เพราะอีกหน่อยอีพุดคนนี้อาจได้ตามพี่ปลายไปกองถ่าย”
“จะตามพี่เขาไปทำไมฮึพุด” แม่ขวัญพูดกลั้วเสียงหัวเราะ
“เอ๊า ก็ตามไปเสนอขายดิลิเวอรี่ขนมจีนแม่ขวัญไง หรือจะเป็นข้าวกล่องเลี้ยงทีมงานถ่ายทำ เผลอๆ มีดาราเอาไปรีวิว ขนมจีนแม่ก็จะขายดีจนตำน้ำพริกให้ครกพังไปเลย”
“เออ ความคิดดี พี่ปลายเขาจะได้ไม่เหนื่อยหาตังค์คนเดียว” แม่ของเธอเห็นด้วย “ทีนี้ปลายก็จะได้สบายเสียทีเนาะ ไม่ลำบากแล้วเนาะ แม่ดีใจภูมิใจจริงๆ” จากนั้นน้ำตาคนเป็นแม่ก็ไหลริน “พุดก็ด้วย ลูกเอ๊ย ไม่ใช่แม่ลูกกันแท้ๆ แต่ดีทุกอย่าง แม่นอนตายตาหลับแล้วมีลูกดีๆ อย่างปลายกับพุด”
“แม่...” ปลายฟ้าน้ำตาอาบแก้มแล้วโผเข้ากอดมารดาแน่น เธอบอกพวกเขาไม่ได้ เธอพูดความจริงไม่ได้หรอก
แม่ของเธอพยายามแค่ไหนกว่าจะเลี้ยงดูเธอจนเติบใหญ่ แล้วเธอจะข้ามอุปสรรคของเธอที่กั้นขวางทางเดินชีวิตมานานไม่ได้เชียวหรือ เธอจะทำให้ทั้งสองหัวเราะเสียงดังได้เหมือนวันนี้ จะทำให้ทั้งสองมีความสุขจริงๆ มากกว่านี้ แล้วเธอจะมานั่งอมทุกข์กับชีวิตต่ำตมทำไม นักเขียนอย่างเธอก็ต้องสู้สิ ไม่ว่าจะเขียนอะไร เขียนให้ใคร
เธอก็ต้องทำให้ได้!
วินาทีนั้น เกิดแสงแห่งความมุ่งมั่นขึ้นภายในจิตใจ เธอจะเขียนมันออกมา จะเขียนนิยายของเธอออกมาให้ดี ให้สมกับความทุกข์ทรมานที่เธอต้องแลกกับมัน ด้วยร่างกาย ด้วยจิตใจ และด้วยอาการประสาทหลอนที่อาจกำเริบหนักจนทำให้เธอบ้า แต่เป็นมูลค่าแห่งความบากบั่นที่ขอแลกความรอยยิ้มของคนที่เธอรัก
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ
ขอแจ้งนักอ่านเกี่ยวกับการปรับหมายเลขห้องของคุณเข้ค่ะ
จากหมายเลขห้อง 114 ที่คุณเข้พำนักพักอาศัยกับเหมียวน้อยเบอร์เบินเปลี่ยนเป้นห้องหมายเลข 222 และห้องกลุ่มที่ปลายฟ้าดูแลคือ 221 ,222, 223,224 ค่ะ
ณมหรรณพ