ความรู้สึกของเจ้าของร่างเก่ามันได้ตายจากไปพร้อมกับร่างนั้นแล้ว ตอนนี้ข้าคือคนใหม่ที่จะทำให้ท่านนั้นแหละ ที่ต้องขอร้องอ้อนวอนเกาะข้าเมียบ่าวผู้นี้ให้จงได้!

เมื่อคนปากแซ่บหลงยุคมาเป็นเมียบ่าว - บทที่ 1 โดย ชิดในเลยพี่ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,จีน,ดราม่า,ข้ามเวลา,ย้อนยุค,วาย,นิยาย18+,นิยายPWP,นิยายจีน ,นิยายวาย,พีเรียดจีน,ย้อนยุค,ย้อนเวลา,นายเอกท้อง,นายเอกท้องได้,ชิดในเลยพี่,เมื่อคนปากแซ่บหลงยุคมาเป็นเมียบ่าว,จีน ,จีนโบราณ,เลี้ยงลูก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อคนปากแซ่บหลงยุคมาเป็นเมียบ่าว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,จีน,ดราม่า,ข้ามเวลา,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วาย,นิยาย18+,นิยายPWP,นิยายจีน ,นิยายวาย,พีเรียดจีน,ย้อนยุค,ย้อนเวลา,นายเอกท้อง,นายเอกท้องได้,ชิดในเลยพี่,เมื่อคนปากแซ่บหลงยุคมาเป็นเมียบ่าว,จีน ,จีนโบราณ,เลี้ยงลูก,ดราม่า,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เมื่อคนปากแซ่บหลงยุคมาเป็นเมียบ่าว โดย ชิดในเลยพี่ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความรู้สึกของเจ้าของร่างเก่ามันได้ตายจากไปพร้อมกับร่างนั้นแล้ว ตอนนี้ข้าคือคนใหม่ที่จะทำให้ท่านนั้นแหละ ที่ต้องขอร้องอ้อนวอนเกาะข้าเมียบ่าวผู้นี้ให้จงได้!

ผู้แต่ง

ชิดในเลยพี่

เรื่องย่อ

ท่านปกป้องราษฎร เพื่อนพ้อง ราชวงศ์ และผู้คนนับล้านได้ แต่ท่านมิอาจปกป้องคนที่ท่านรักได้เลยหรือท่านแม่ทัพ หรือว่าแท้จริงแล้วท่านชิงชังข้า

หัวใจของท่านทำด้วยสิ่งใดหรือ ทำไมมันถึงด้านชาถึงเพียงนี้ ท่านหมดรักข้านั้นมิเป็นไร แต่ท่านจะมาข่มเหงคนที่ข้ารักไม่ได้ ท่านทำร้ายจิตใจของข้าและลูกถึงเพียงนี้ ท่านเกลียดข้าสองคนแม่ลูกมากเลยใช่หรือไม่ ขอเพียงท่านเอ่ยปากบอกข้ามาตรงๆ ว่าท่านหมดรักข้าแล้ว ไฉนเลยข้าจะหน้าด้านหน้าทนอยู่ได้

 

ท่านไม่ปล่อยข้าไม่พอ ท่านยังทำให้ข้าเหมือนตกนรกทั้งเป็นอีกหรือ!!!!


 

คำเตือน

ขอให้ผู้อ่านใช้สติในการอ่าน  นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่มีการผสมผสานหลายอย่างของรัชสมัยต่าง ๆ ของจีนที่ใช้นำมาประกอบอรรถรสของเนื้อเรื่องเพียงเท่านั้น

สารบัญ

เมื่อคนปากแซ่บหลงยุคมาเป็นเมียบ่าว-บทที่ 1,เมื่อคนปากแซ่บหลงยุคมาเป็นเมียบ่าว-บทที่ 2

เนื้อหา

บทที่ 1

 บทที่ 1

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

          เสียงเคาะประตูดังขึ้นด้วยมือเล็กของเด็กวัยสิบสองหนาวที่ยืนเอามืออังไวที่ปากด้วยอากาศที่หนาวเย็น

 

แอ๊ด เสียงเปิดประตูที่ถูกเปิดด้วยเด็กชายที่มีร่างกายสูงกว่านัก ใบหน้าที่พึ่งตื่นจากนิทรา ดูบึ้งตึง เด็กชายร่างเล็กที่เห็นเช่นนั้น ก็ก้มลงหยิบห่อผ้าใบเล็ก อ้าปากถุงออกจนสุด แล้วยื่นให้คนตรงหน้าดูของที่ตนนั้นตื่นแต่เช้าเพื่อหามาให้คนตรงหน้า

 

สัตว์สีน้ำตาลตัวยาวดิ้นยั่วเยียเต็มถุง

 

“ซิงเอ๋อร์นี้พึงจะยามเหม่า[1]” เด็กชายที่อายุมากกว่าบอกเด็กชายตรงหน้า ปากก็อ้ากว้าง หาวอย่างไม่สงวนท่าที

“คุณชายเมื่อวันก่อนคุณชายสัญญากับบ่าวว่าจะพาบ่าวไปตกปลาที่ทะเลสาบ ฮูหยินใหญ่ก็อนุญาตแล้ว คุณชายจะไม่รักษาสัญญากับบ่าวอย่างนั้นหรือ” เด็กชายวัยสิบสองหนาวเตือนความจำแก่ผู้ที่มีฐานะกว่าตน

“ซิงเอ๋อร์เมื่อคืนข้าอ่านตำราอย่างหนักพึ่งได้นอนเมื่อยามอิ๋น[2]

เด็กชายเมื่อได้ยินก็ยังมิได้ตอบกลับอะไรทำเพียงหุบถุงที่มีไส้เดือนน้อยใหญ่แล้วก้มตัวทำความเคารพก่อนจะเดินจากไปโดยมิสนใจคำทักทานใดที่ไล่หลังมา

“เข่อซิงเจ้าโกรธข้างั้นรึ เข่อซิง” คุณชายใหญ่จวนสวีร้องถามบ่าวน้อยที่เดินจ้ำอ้าวหนีตนอย่างอาจหาญ จนบ่าวที่ทำงานอยู่สวนใกล้เรือนเหลียวมองอย่างใครรู้

 

“เอาอีกแล้วรึ” บ่าวชายที่ตัดกิ่งไม้เอ่ยขึ้นถามสหายที่ยืนอยู่ด้านล่างด้วยความสงสัย

“ก็เรื่องเดิม ๆ เจ้าหนูเข่อซิงงอนคุณชายใหญ่เดินหนีไปเสียแล้ว” บ่าวชายที่เงยหน้าตอบสหายที่กำลังตัดกิ่งอยู่บนต้นไม้

“เฮ้อ เจ้าหนูเข่อซิงนี้ก็เอาแต่ใจนัก เห็นคุณชายใหญ่ ตามใจหน่อยไม่ได้ คงมิได้ลืมไปแล้วกระมังว่าตนเองเป็นเพียงแค่ลูกของบ่าวรับใช้ฮูหยินใหญ่เพียงเท่านั้น”

“เจ้าก็อย่าพูดดังไป”บ่าวชายที่ยืนด้านล่างปามมิให้สหายพูดจาเหลวไหลไปมากกว่านี้ แต่มีหรือเมื่อไฟลามแล้วจะดับได้ง่าย

“หึ คงมิคิดว่าตนเองเป็นเกอแล้วภายภาคหน้าคิดจะปีนเตียงคุณชายใหญ่หรอกรึ แม่ของมันคงเป่าหูมันเสียทุกค่ำเช้า เป็นเพียงแค่เด็กเกอฐานะต่ำต้อย” บ่าวชายยังคงไม่หยุดพูดในสิ่งที่คิดก่อนจะมีสายลมวืดใหญ่พัดซัดเข้าใส่จนร่วงตกจากต้นไม้

“เจ้าก็เป็นเพียงแค่บ่าวชั้นต่ำ ช่างกล้ายื่นปากเน่า ๆ ของเจ้ามาแสเรื่องเจ้านายหรือเจ้ามิอยากมีชีวิตอยู่แล้ว”เสียงแตกหนุ่มที่ยืนถือปลายดาบกระบี่จอเข้าที่คอของชายปากมาก

“ค คุณชายใหญ่ บ่าวมิกล้าอีกแล้ว มิกล้า” บ่าวปากมากมิกล้าขยับแม้แต่นิด ปากก็ขอร้องผู้เป็นเจ้านายด้วยกายที่สั่นเทา

“หากมีหนหน้า คอเจ้าคงมิอยู่บนบ่าต่ำ ๆ อีกแน่”กระบี่ที่จออยู่ที่คอลดต่ำลงก่อนจะใช้สายตาไล่บ่าวชายทั้งสอง

 

ช่างกล้าเอาปากเน่า ๆ ของเจ้ามาว่ากล่าวซิงเอ๋อร์ของข้า พวกบ่าวชั้นต่ำ 

 

สวี่ หลี่หมิงเมื่ออาบน้ำชำระกายเสร็จก็เดินหาผู้ที่งอนตนเมื่อเช้า เมื่อเดินถึงเรือนเล็กท้ายจวนก็ตะโกนเรียก

“เข่อซิง!” หรือว่ามิอยู่งั้นหรือ ปลายเท้าที่กำลังหันกลับ กับมีผู้เอ่ยทักเสียก่อน ใบหน้าหล่อเหลาก็หันมาพบเข้ากับบิดาของเข่อซิง

“คุณชายตามหาซิงเอ๋อร์หรือขอรับ”

“ใช่”

“ยามนี้ซิงเอ๋อร์คงจักทำความสะอาดที่เรือนเหลียนฮวาอยู่ขอรับ” โม๋ฉือบอกสถานที่ของลูกชาย ด้วยท่าทางนอบน้อม

“ขอบใจเจ้ามาก ปีนี้หนาวนักเจ้าก็หาเสื้อผ้าอุ่น ๆ ใส่เสีย เดี๋ยวจักป่วยไข้เอาได้” หลี่หมิงพูดจบก็เดินจากมา หากบิดาป่วยผู้เป็นบุตรย่อมต้องห่วงใย หากเป็นเช่นนั้นซิงเอ๋อร์ก็ต้องมาคอยเฝ้าไข้ เช่นนั้นซิงเอ๋อร์จะมีเวลาอยู่กับข้าได้อย่างไรเล่า เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นมิได้ และห้ามเกิด 

 

เรือนเหลียนฮวา[3]

          หลี่หมิงเมื่อย่างก้าวเข้ามาภายในเรือนก็เห็นคนที่ตามหากำลังก้ม ๆ เงย ๆ เช็ดถูแจกันอย่างขะมักเขม้น เมื่อมองไปซ้ายมือก็เห็นเด็กน้อยวัยแบเบาะที่อยู่ในอ้อมอกของอู๋เหม่ย มารดาของซิงเอ๋อร์บ่าวรับใช้คนสนิทของมารดา มองเลยไปอีกนิดก็เห็นฮูหยินใหญ่ที่กำลังปักผ้าเช็ดหน้า

          ฮูหยินของจวนสวี่ที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะก้มหน้าลงปักผ้าของตนเองต่อ ปากก็เอ่ยบอกลูกชายคนโต

“หากมาแล้วก็เข้ามานั่งดีๆ”เสียงนุ่มพูดขึ้นไม่ดังเกรงว่าเสียงจะรบกวนทารกน้อยที่บ่าวคนสนิทกล่อมนอน

“ขอรับ” คุณชายใหญ่หลี่หมิงเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมารดาด้วยท่าทีสงบนิ่ง

สายตาก็จับจ้องหลังเล็กที่ยังคงเช็ดถูแจกันใบเดิม

“เป็นชายชาตรี เมื่อเอ่ยปากพูดคำใดไปแล้วก็จงต้องทำตามคำพูดให้ได้ หากมิแน่ใจก็อย่าสัญญากับใครไปทั่ว” น้ำเสียงของฮูหยินใหญ่เอ่ยขึ้นอย่างเรียบนิ่ง

“ท่านแม่ข้า” 

“ข้ออ้างใดข้ามิอยากฟัง เจ้าเป็นผู้ที่เอ่ยสัญญาก่อนแล้วจะกลับคำพูดอย่างนั้นหรือ แม้เจ้าจะนอนดึกเพราะอ่านตำราจริง แต่ในเมื่อพูดไปแล้วเจ้าก็ต้องทำตามคำพูด ปล่อยให้ผู้อื่นเสียเวลาเพราะสัจจะที่ทำตามไม่ได้ ช่างเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้นัก” น้ำเสียงที่ยามปกติหวานหยดแต่ยามนี้ช่างเย็นยะเยือกเสียจนเสียวสันหลัง 

“ข้าผิดไปแล้วขอรับท่านแม่” คุณชายใหญ่ที่ก้มหน้ายอมรับผิดโดยไร้ข้อแก้ตัว

“หากมีอีก ข้าจะโบยเจ้า” 

“ฮูหยินเจ้าคะ”

“เจ้ามิต้องพูดให้ท้ายเขาอู๋เหม่ย หากข้าสั่งสอนบุตรชายไม่ได้ ข้าก็ทำหน้าที่มารดาบกพร่องอย่างถึงที่สุด” น้ำเสียงที่เข้มขึ้น สายตาที่ดุบุตรชายอย่างจริงจัง หน้าที่มารดานั้นก็ควรสั่งสอนบุตรให้เติบโตอย่างดี รู้จักดีชั่ว

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเข่อซิงตั้งตารอมากเพียงใด ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อที่จะไปหาไส้เดือนอย่างที่เจ้าบอก เจ้าให้เด็กที่อายุพึ่งสิบสองหนาวตากหิมะมาหาไส้เดือนให้ครบห้าสิบตัว หากหาได้เจ้าจะยอมพาเข่อซิงไปตกปลาที่ทะสาบ เจ้าเป็นคนกล่าวเองใช่หรือไม่...ตอบ!”

“ขอรับ” 

“เจ้าช่าง!”ฮูหยินใหญ่ที่หมดคำพูดกับลูกชายคนโตจนอกแทบจะแตก เด็กคนนี้เกินเยียวยาเสียจริง แม้กระทั้งเด็กตัวเล็ก ๆ ยังทำได้ลงคอ หรือข้าควรจะโบยเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีจะได้หลาบจำ ช่างน่าโมโหนัก!

“ท่านแม่ข้าผิดไปแล้วขอรับ” จะให้ทำอย่างไรได้เล่าก็ซิงเอ๋อร์น่าแกล้งขนาดนี้ ข้าจะอดใจไหวได้อย่างไร ยามเห็นใบหน้านั้นง้ำงอ บึ้งตึงใส่ยิ่งทำให้จิตใจของข้าเบิกบานเสียยิ่งกว่าดอกไม้ในสวน

“หากเจ้าสำนึกด้วยใจจริงก็ดี คนที่เจ้าควรขอโทษก็คือเข่อซิง” สายตาผู้เป็นมารดาชี้นำทางแก่บุตรให้หันไปหาเด็กชายที่ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ข้างตนเอง

 

ร่างสูงลุกขึ้นยื่นก่อนจะก้าวเข้าไปประชิดตัวเด็กชายตัวเล็ก ยกมือขึ้นสะกิดที่ไหลเบาๆ

“เข่อซิง ข้าขอโทษ เจ้าให้อภัยข้าเถิด” ร่างสูงก้มลงพูดข้างหูของเข่อซิงพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากที่เข่อชิงจะไม่มีทางได้เห็น อื้มกลิ่นหอมจากตัวยิ่งทำให้จิตใจของข้าสั่นสะทานเสียจนเกือบควบคุ้มร่างกายไม่ไหว

“ค คุณชายท่านสัญญาแล้ว” บ่าวตัวน้อยหันมาหาคุณชายใหญ่ ใบหน้ายังคงก้มต่ำไม่กล้าสบตา กลัวว่าคุณชายจะคิดว่าตนนั้นมาฟ้องฮูหยินใหญ่

“ข้าก็มิได้บอกว่าจะไม่พาเจ้าไปเสียหน่อย” หลี่หมิงว่ายิ้ม ๆ พลางก้มลงหยิบถุงที่มีเจ้าสัตว์ตัวยาวที่ใช้ล่อปลาเทลงบนมือขาว 

“ตัวอวบอ้วนยิ่งนักเจ้าปลาก็คงอิ่มอร่อยเป็นแน่ เจ้าเก่งมาก” มือขวายกมือขึ้นลูบผมสีดำสนิท

เด็กน้อยเมื่อได้ยินคำชมจากปากคุณชายใหญ่ก็อมยิ้มไม่หยุดพร้อมขยับตัวขอบคุณฮูหยินที่ช่วยเหลือ

 

 

มือขาวคว้าข้อมือเล็กมากำพร้อมออกแรงดึง

“ไปกันเถิด” กายเล็กที่ถูกดึงไปตามแรงก็หยุดฝีเท้าออกแรงยั้งคุณชายใหญ่

“คุณชายจริง ๆ แล้ววันนี้เป็นวันเกิดของอันฉี ให้อันฉีไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ” เด็กน้อยพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

แท้จริงแล้วที่ดึงดันถึงเพียงนี้เพราะอยากพาสหายไปเปิดหูเปิดตานอกเรือน

“...”เจ้าเด็กนี้ที่แท้ก็มีแผนสินะ ถึงว่าเหตุใดถึงได้ทำตัวน่ารัก 

“คุณชายได้ไหมขอรับ” ตาใส่ที่มองมาอย่างอ้อนวอน

“ก็ได้ เจ้าไปตามมันมา ข้าจะไปรออยู่ที่หน้าจวน เร็ว ๆ เข้าละ หากช้าข้าจะทิ้งไว้ทั้งสอง” ว่าจบก็เดินจากไป เข่อซิงเมื่อเห็นคุณชายใหญ่ของจวนตกปากรับคำก็รีบวิ่งมาที่เรือนพ่อบ้านสวี่ ถามหาสหายรัก 

“อันฉีวันนี้ข้าจะพาเจ้าไปตกปลาฉลองวันเกิดของเจ้า”

“ข้าไปได้รึเข่อซิง” เด็กน้อยวัยเท่ากันจับมือเพื่อนอย่างดีใจ

“ได้สิ ข้าขอคุณชายแล้ว หากไม่รีบไปคุณชายจะไม่รอนะ” เข่อซิงที่จับมือสหายแกว่งไปมาว่าอย่างดีใจ

“ไป ๆ งั้นพวกเราไปกันเถิด” อันฉีรีบฉุดมือสหายเดินนำหน้า


 


[1]ยามเหม่า เป็นการแบ่งเวลาของจีน เท่ากับ  05.00 – 07.00 น.

[2]ยามอิ๋น 03.00 – 05.00 น.

[3]เหลียวฮวา คือ ดอกบัว