เจมส์ เด็กชายผู้ผิดหวังต้องมาเรียนต่อในโรงเรียนที่เขาไม่อยากมา แต่กลับพบว่าชีวิตในโรงเรียนเก่าแก่แห่งนี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะที่แห่งนี้มีปริศนาที่รอให้เขาได้ค้นพบ หรือบางครั้ง สิ่งที่เราไม่ต้องการ อาจกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
รัก,ผจญภัย,รั้วโรงเรียน,ตลก,,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
SCHOOL LEGACY โรงเรียนซ่อนเร้นเจมส์ เด็กชายผู้ผิดหวังต้องมาเรียนต่อในโรงเรียนที่เขาไม่อยากมา แต่กลับพบว่าชีวิตในโรงเรียนเก่าแก่แห่งนี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด เพราะที่แห่งนี้มีปริศนาที่รอให้เขาได้ค้นพบ หรือบางครั้ง สิ่งที่เราไม่ต้องการ อาจกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
“ถ้าจะเล่าก็ต้องเริ่มตั้งแต่ต้นเลยนะ” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สีหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังลำดับเรื่องราว
“ก่อนจะมีโรงเรียนมัธยมวัชรโยธิน ที่ดินตรงนั้นเคยเป็นโรงงานแปรรูปไม้มาก่อน มีท่อนซุงกองเต็มไปหมดเหมือนภูเขา”
เสียงช้อนกระทบจานเงียบลง ทุกคนตั้งใจฟังพ่อเล่าเรื่อง
“เจ้าของที่ดินคือส่างปันโย เศรษฐีชาวไทใหญ่ที่ร่ำรวยจากการค้าขายไม้สักกับบริษัทฝรั่งที่เข้ามาทำไม้ในไทย เขาว่าสมัยนั้นส่างปันโยร่ำรวยมหาศาลจนแม้แต่เจ้าเมืองยังต้องมาขอกู้ยืมเงิน”
ผมนั่งฟังตาโต ส่วนแม่ก็ตั้งใจฟังเงียบ ๆ
“ต่อมา พ่อเลี้ยงจักรคำ วัชรโยธิน ลูกชายของส่างปันโยก็ได้รับมรดกจากพ่อ และก็ยังร่ำรวยขึ้นอีกเพราะว่าพ่อเลี้ยงปล่อยเงินกู้ให้กับพวกคนใหญ่คนโต ลือกันว่าหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้แต่เจ้านายบางพระองค์ก็เคยเป็นลูกหนี้ของพ่อเลี้ยง”
พ่อเล่าต่ออย่างช้า ๆ “แล้วพอถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อเลี้ยงก็หันไปทำการค้ากับพวกญี่ปุ่นจนได้กำไรมากมาย กระทั่งมีอยู่คืนหนึ่ง… ตู้มมมม!!!”
ผมกลืนน้ำลายแล้วถามเสียงเบา “ใครตกน้ำเหรอฮะ”
“เสียงระเบิดลูก บ้านของพ่อเลี้ยงถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดจนไฟไหม้ทั้งหลัง มีคนเห็นหีบสมบัติถูกขนขึ้นจนเต็มหลังรถบรรทุกแล้วขับไปที่โรงเลื่อยเก่า ซึ่งก็คือที่ตั้งของโรงเรียนในตอนนี้นี่เอง”
***
.
.
.
SCHOOL LEGACY โรงเรียนซ่อนเร้น คือเรื่องราวของการผจญภัย มิตรภาพ ความฝัน ความผูกพัน และการค้นพบว่าบางครั้ง สิ่งที่เราไม่ต้องการ อาจกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เมื่อเจมส์ เด็กชายผู้ผิดหวังต้องมาเรียนต่อในโรงเรียนที่เขาไม่อยากมา แต่กลับพบว่าชีวิตในโรงเรียนเก่าแก่แห่งนี้ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด เขาได้เจอกับเพื่อนใหม่ที่ไม่เคยขอให้มี เมย์ เด็กหญิงจอมบงการสุดแสบที่หมกมุ่นกับการตามหาสมบัติลึกลับ และเฮกเตอร์ เด็กชายขี้ขลาดอ่อนแอแต่เป็นเพื่อนที่แสนดี
ขณะเดียวกัน ทั้งสามยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากรุ่นพี่จอมเกเร และปริศนาที่ซ่อนอยู่ในโรงเรียนซึ่งดูเหมือนจะไม่มีวันเปิดเผย
กระทั่งมีข่าวลือว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับโรงเรียน เจมส์กับเพื่อน ๆ ต้องตัดสินใจว่าจะยอมรับชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ หรือจะลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องสิ่งที่พวกเขารัก
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส ฟ้าหลังพายุกระหน่ำเมื่อวานดูสดใสกว่าปกติ แต่ข่าวที่แพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนกลับทำให้บรรยากาศดูตึงเครียด ลือกันว่าเมย์ถูกไล่ออกเพราะวางแผนจะระเบิดโรงเรียน เหตุผลก็มาจากเธอโกรธคุณภูชิตที่เคยทะเลาะกันตรงโถงทางเดิน
ไม่รู้ว่าข่าวลือออกมาแบบนั้นได้ยังไง แต่ผมไม่เห็นเมย์เลยตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าเธอโกรธผมอยู่หรือเปล่า หลังจากที่เมื่อวานผมบอกให้เธอหยุดคิดเรื่องการล่าสมบัติ เฮกเตอร์เองก็เห็นด้วยกับผม และดูเหมือนเมย์จะไม่พอใจนัก แต่ถึงยังไงแม่ผมก็ยื่นคำขาดให้เลิกยุ่งกับเรื่องพวกนี้ และบางที... ผมอาจต้องเลิกคบกับพวกเขาไปเลย
พอไม่มีเมย์ เฮกเตอร์เลยกลายเป็นเงาติดตัวผมไปโดยปริยาย ตอนพักเที่ยง เรานั่งอยู่ที่โต๊ะเดิมในโรงอาหาร บรรยากาศเปลี่ยนไปนิดหน่อยหลังจากที่ทุกคนไม่เห็นเมย์ แต่เสียงซุบซิบยังคงมีอยู่ ผมกินข้าวไปเงียบ ๆ แต่เฮกเตอร์ดูจะกระวนกระวาย
“เจมส์ นายว่าลูกพี่จะโกรธพวกเรามั้ย” เขาถามขึ้น สีหน้าครุ่นคิด
ผมถอนหายใจ “ก็อาจจะโกรธนะ แต่คงไม่นานหรอก เดี๋ยวพอหายโกรธแล้วเธอก็กลับมา นายก็รู้ว่าเธอบ้าสมบัติแค่ไหน”
เฮกเตอร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่ก็ยังไม่เลิกกังวล “ฉันอยากให้ลูกพี่เลิกล่าสมบัติจริง ๆ นะ ก่อนที่จะทำให้พวกเราถูกไล่ออกจากโรงเรียนกันหมด”
ผมยักไหล่ “นายยังจะสนอีกเหรอ ไหน ๆ โรงเรียนก็จะถูกปิดอยู่แล้ว”
“นั่นสิ นี่ฉันต้องหาที่เรียนใหม่อีกแล้วเหรอ" เฮกเตอร์ทำหน้ามุ่ย “ฉันไปเรียนกับนายได้มั้ย ชวนลูกพี่ไปด้วย” เขาพูดเสียงเบา
ผมหยุดคิด “ไม่รู้สิ คงได้มั้ง แต่ฉันยังไม่แน่ใจว่าจะไปเรียนที่ไหน บางทีอาจขอพ่อกับแม่ไปเรียนที่เซนต์ปีเตอร์ก็ได้”
“เซนต์ปีเตอร์เหรอ ร้ายกาจ!” เฮกเตอร์ตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่พอเห็นผมทำหน้าหนักใจ เขาก็ลดเสียงลง “แต่ก็เข้าใจนะ ค่าเทอมที่นั่นแพงนี่”
“ใช่ คราวก่อนพ่อกับแม่ก็บอกว่าค่าเทอมแพงเกินไปก็เลยไม่ให้ฉันเข้าเรียน”
เฮกเตอร์ถอนหายใจ “หรือบางที... เราจะหาสมบัติกันต่อจนกว่าโรงเรียนจะถูกปิด แล้วเอาสมบัติมาแบ่งกัน พวกเราจะได้ไปเรียนเซนต์ปีเตอร์พร้อมกันหมด”
“ฉันว่ายังไงมันก็เหลวไหลอยู่ดี เมย์บอกว่าสมบัติอาจจะอยู่ในฐานรูปปั้นหน้าโรงเรียน แต่ฉันก็ยังคิดไม่ออกว่าเธอจะหาวิธีทุบรูปปั้นยังไงไม่ให้ถูกไล่ออกก่อนโรงเรียน” ผมพูดพลางส่ายหน้า “และฉันก็ไม่อยากมีประวัติเสื่อมเสียก่อนไปโรงเรียนใหม่ด้วย”
เฮกเตอร์ดูผิดหวัง แต่ก็ยอมรับความจริง
***
สองวันแล้วที่เมย์ไม่มาโรงเรียน ผมเริ่มเป็นห่วงเธออยู่เหมือนกัน แต่จะให้ทักไปหาเธอก่อนเหรอ ไม่มีทาง ถ้าทำแบบนั้น ผมก็ต้องกลับไปล่าสมบัติอีก ซึ่งมันเสียเวลาเปล่า แต่เฮกเตอร์กลับไม่คิดแบบนั้น เขารบเร้าให้ติดต่อไปหาเธอให้ได้ สุดท้ายผมจึงใช้คอมพิวเตอร์ในห้องสมุดส่งข้อความไปถามว่าทำไมถึงไม่มาโรงเรียน แต่เมย์ไม่ตอบ เธอไม่แม้แต่จะกดอ่านข้อความ
เช้าวันศุกร์ เป็นวันที่สามแล้วที่เมย์ไม่มาโรงเรียน ผมกับเฮกเตอร์เริ่มกระวนกระวาย แม้ว่าจะพยายามทำตัวปกติ แต่ในใจกลับรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
ช่วงเที่ยงวันนั้นเรานั่งอยู่ที่โต๊ะเดิมในโรงอาหาร ผมกำลังจะตักข้าวเข้าปาก แต่แล้ว... ปัง! เสียงตบโต๊ะดังขึ้น แรงจนจานข้าวสะเทือน
“ได้ข่าวว่าแกสองคนไม่มีลูกพี่คุ้มกะลาหัวแล้วงั้นเหรอ” เสียงดุของใครบางคนดังขึ้น
ผมเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และพบว่าเจ้าของเสียงคือเขื่อน รุ่นพี่ ม.6 จอมเกเรที่ผมไม่เห็นหน้ามาพักใหญ่ เขายืนอยู่ข้างโต๊ะเราพร้อมรอยยิ้มเหยียด ๆ ส่วนข้างหลังคือเฉิงตู เพื่อนคู่หูที่ตัวใหญ่ไม่แพ้กัน
“ไงล่ะ หายซ่าเลยสิ” เฉิงตูพูดพร้อมกับยิ้มเยาะ
เฮกเตอร์ตัวแข็งทื่อ ผมเองก็รู้สึกแย่แต่พยายามทำใจเย็นเข้าไว้
“เราไม่ต้องให้ใครมาคุ้มกะลาหัวหรอก” ผมตอบเสียงเรียบ พยายามไม่แสดงความกลัวให้เห็น
“เหรอ?” เขื่อนกระตุกยิ้ม “แต่ฉันว่าพวกแกกำลังจะลำบาก เพราะไม่มีนังเด็กลูกมาเฟียอยู่คุ้มครองแล้วต่างหาก”
ผมกัดฟันแน่น แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เขื่อนก็โน้มตัวลงมากระชากคอเสื้อผมพร้อมกระซิบเสียงเย็นชา
“บอกไว้เลย หลังจากนี้ฉันจะเอาคืนทบต้นทบดอกทั้งหมด เริ่มจากวันนี้พวกแกมีเท่าไหร่ควักออกมาให้หมด”
ผมกับเฮกเตอร์สบตากัน และรู้ได้ทันทีว่าพอไม่มีเมย์อยู่ด้วย พวกเราจะซวยแค่ไหน