น้องสาวของผมเปลี่ยนไป อะไรที่ไม่ชอบทำก็กลายเป็นชอบทำ อะไรที่เคยทำก็จำไม่ได้ ราวกับว่า…มีใครบางคนอยู่ในร่างน้องสาวของผม แต่ไม่ว่าคนที่อยู่ข้างในจะเป็นใคร มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย!
แฟนตาซี,ครอบครัว,ตลก,ดราม่า,slice of life,ไม่มีนางเอก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ผู้สวมร่าง มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย!น้องสาวของผมเปลี่ยนไป อะไรที่ไม่ชอบทำก็กลายเป็นชอบทำ อะไรที่เคยทำก็จำไม่ได้ ราวกับว่า…มีใครบางคนอยู่ในร่างน้องสาวของผม แต่ไม่ว่าคนที่อยู่ข้างในจะเป็นใคร มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย!
หลังจากน้องสาวที่ป่วยหนักฟื้นขึ้นมา นิสัยของเธอก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย
ของกินที่ชอบก็ลายเป็นไม่ชอบ จากที่ซนเป็นลิงก็กลายเป็นเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ การพูดจา เสื้อผ้าที่ใส่ นิสัยแย่ ๆ ที่ชอบเผลอทำก็เปลี่ยนไปด้วย
ไม่สิ…ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ นอกจากชื่อของเธอเองและชื่อของคนในครอบครัวแล้ว เธอจำอะไรไม่ได้เลย
ทั้ง ๆ ที่ต้องถามหลายเรื่องเอาจากพี่ ๆ เมด แต่กลับยังแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
แกล้งทำเป็นรู้จักผม ทำเป็นรู้จักท่านพ่อท่านแม่ แถมยังแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ด้วยการบอกว่าตัวเองมาจากอนาคต
ไม่ว่าหน้าตาของเธอจะเป็นยังไง ไม่ว่ารอยแผลบนมือจะเป็นพิมพ์เดียวกับที่ผมจำได้แค่ไหน
นี่ไม่ใช่น้องสาวของผม
มีใครบางคนกำลังสวมร่างน้องสาวของผมอยู่
ไม่ว่าคนที่อยู่ข้างในจะเป็นใคร มีจุดประสงค์อะไรก็ช่าง
มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย!
( นิยายรายสัปดาห์ หลังครบ 6 ตอน จะอัพทุกวันศุกร์หนึ่งทุ่มค่ะ )
ผมยังจำได้อยู่เลย
มันเป็นตอนเช้าของวันหนึ่งในหน้าร้อน
ลิเลียนที่มีผ้าพันแผลรอบข้อศอกกับหัวเข่า ยืนจังก้าอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เท้าเอวพูดเสียงดัง
“ทุกคนฟังนะ! หนูมีเรื่องจะประกาศ!”
ท่านพ่อท่านแม่กลั้นขำอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ส่วนผมกำลังคิดอยู่ว่าระหว่างลิเลียนสะดุดขาตัวเองลงไปหัวโขกโต๊ะกับโขกพรมที่พื้น อะไรจะอันตรายกว่ากัน
อืม… เหม่งลิเลียนกับมุมโต๊ะแหลมๆ ดูจะมีความเลือดตกยางออกได้มากกว่าพรมขนแกะบนพื้นแฮะ
ผมยังไม่ทันได้ยื่นขาออกไปดัน ลิเลียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ถูกคุณลุงหิ้วแขนยกขึ้นเหมือนอุ้มลูกหมาดื้อๆ สักตัวเสียก่อน
“เดี๋ยวจะตกจากโซฟาเอานะครับ ถ้าวันนี้คุณหนูเล็กเอาตัวเองไปโขกกับอะไรอีก ผมจะออกไปเที่ยวกับคุณหนูอิลแค่สองคนจริงๆ ด้วย”
คุณลุงพยายามปั้นหน้าดุ
ลิเลียนทำปากยื่น ดวงตาหลุกหลิกไปมาเหมือนกำลังคิดแผนชั่วร้ายอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดด้วยเสียงกระเง้ากระงอด
“…งั้นหนูขอยืนบนโต๊ะแทนได้มั้ย น้า คุณลุงขา นะ นะ น้า~”
นี่เธอยังไม่ยอมแพ้อีกเรอะ
“ทำไมคุณหนูเล็กต้องขึ้นที่สูงด้วยล่ะครับ… โต๊ะไม่ได้ทำมาให้รับน้ำหนักคนยืน ถ้ามันหักแล้วคุณหนูหล่นลงมาจะทำยังไงล่ะ”
“หนูตัวนิดเดียวเอง! ตัวแค่เนี๊ยะ! เป็นสาวน้อยเบาหวิวปลิวลม! จะไปทำโต๊ะหักได้ไงกันคะ!”
ลิเลียนตีขาพั่บๆ กลางอากาศ ท่าทางรับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง
“ถ้าลูกแค่อยากอยู่สูงๆ งั้นก็พูดตรงนั้นเลยก็ได้นี่ สูงกว่าขึ้นมายืนบนโต๊ะอีก”
ท่านพ่อโบกมือปัดๆ
ลิเลียนนิ่งไปสักพักเหมือนกำลังประมวลผล แล้วสุดท้ายก็ปล่อยให้ตัวเองห้อยต่องแต่งอยู่อย่างนั้น
ยอมรับอะไรง่ายดีแท้
เธอโบกไม้โบกมือด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดขีด
“งั้นก็ได้ มาๆๆ ทุกคนตั้งใจฟังนะ! นี่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ มากๆๆๆ”
เรื่องสำคัญของลิเลียน ถ้าไม่ใช่เรื่องกินก็ต้องเป็นเรื่องนอน ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนก็ต้องเป็นเรื่องเงิน
มีแค่สามอย่างเท่านั้นแหละครับ
ผมไม่รู้ว่าคราวนี้จะเป็นเรื่องอะไรอีก
ลิเลียนส่งเสียงหายใจดังฟืดฟาดๆ เหมือนตัวเองเป็นหมูป่า ก่อนจะทำเสียงดนตรีประกอบเหมือนอยู่ในงานประกาศรางวัล
“แทม แท แด แดม แทม แท่ม แท่มแทมแท๊มมมมมม”
“อะแฮ่ม”
“ตั้งแต่หนูเกิดมา… นี่ก็ผ่านมาห้าปี… ไม่สิ หก เอ๊ะหรือห้า หรือว่าหก?”
ลิเลียนเกาหัวแกรก
“อีกสี่เดือนลูกจะเจ็ดขวบอยู่แล้ว ยังจะมาห้าหกอะไรอีก เจ้าเด็กคนนี้นี่”
ท่านแม่กุมหัว
“อืมๆ นั่นแหละ ผ่านมาหกปีแล้ว”
เธอวาดแขนประหนึ่งตัวเองเป็นพระเอกละครเวที
“แต่หนูยังมีความลับอย่างหนึ่ง ที่เก็บซ่อนไว้! ความลับที่สุดในชีวิตของหนู!”
เธอหลับตาปี๋ กำมือทำท่าเจ็บหน้าอก
อืม เล่นใหญ่นะคราวนี้
“ความจริง หนูน่ะนะ…”
อยากได้ไฟส่องไหม พี่เสกให้ได้นะ
“มาจากต่างโลก!”
ตอนเธอพูดจบ ทั้งห้องก็เงียบกริบ
ทุกคนจ้องเธอตาไม่กะพริบ
…ขอประโยคเมื่อกี้อีกทีได้ไหม ผมว่าผมได้ยินไม่ค่อยชัด
ลิเลียนที่ถูกคุณลุงหิ้วอยู่ดูประหม่าขึ้นมานิดหน่อย
“ง่า… พูดอะไรหน่อยสิ จ้องกันแบบนี้หนูเขินน้า…”
เธอบิดซ้ายขวาพยายามกลับลงมาที่พื้น
“อย่าเพิ่งลงครับ”
คุณลุงหมุนให้ลิเลียนหันหน้าเข้าหาตัวเอง
“ขอผมตรวจร่างกายสักหน่อย…”
“เดี๋ยว! เดี๊ยวววว! หนูพูดจริงนะคราวนี้! เรื่องจริงนะ สาบานกับเทพเจ้าเต่าเลย!”
ลิเลียนดิ้นกระแด่วๆ อยู่ในอุ้งมือลุงหมอ
“พูดแบบนี้เดี๋ยวพระเจ้าจะงอนเอานะครับ แต่ยังไงผมขอตรวจดูเพื่อความแน่ใจสักที…”
“ไม่อ๊าวววววว”
ลิเลียนส่งเสียงแหลมปรี๊ดเหมือนกาต้มน้ำเดือดๆ แต่ก็ไม่รอดเงื้อมมือลุงหมอไปได้
หลังจากถูกคุณลุงจับส่องด้วยพระพรทั้งซ้ายขวาหน้าหลังเรียบร้อย เธอก็ลงมานอนคว่ำหมดสภาพอยู่บนโซฟา
ผมที่ถูกแย่งเบาะจนต้องลี้ภัยลงมานั่งบนพื้น เอานิ้วจิ้มแก้มลิเลียนจึ้กๆ
“ตายรึยัง…?”
“ตายแย้ว…”
ลิเลียนส่งเสียงหงุงหงิงในคอ
เวลาโดนพระพรส่องร่างกาย มันเป็นความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะครับ
เหมือนกับขนลุกวูบวาบไปตามจุดที่โดนส่อง หรือว่าตอนรถม้าตกหล่มแล้วเย็นวูบอยู่ในท้องอะไรแบบนี้
ผมเองก็ไม่ชอบตรวจร่างกายเหมือนกัน ฮือ มันวึบๆ วับๆ แปลกๆ อะ…
“ร่างกายปกติดีนะครับ สมองก็ปกติ…”
ท่านลุงกระซิบกระซาบอยู่กับท่านพ่อท่านแม่
“พูดเรื่องอะไรกันน่ะ! เป็นโลกแฟนตาซีแท้ๆ ไม่เคยได้ยินเรื่องต่างโลกกันเลยเหรอ!?”
ลิเลียนผงกหัวขึ้นมาโวยวาย
“ต้องไม่เคยแน่อยู่แล้วสิ แค่เวทมิติทุกวันนี้ยังตั้งสมมุติฐานลอยๆ กันอยู่เลย นับประสาอะไรกับต่างโลก”
ผมอาคางพาดเบาะมองลิเลียนที่ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก
“แต่หนูพูดจริงนะ ฮือออ”
นี่คือ… พอเริ่มเรียนเวทได้สักพัก ก็เลยคิดว่าพวกเรารู้เรื่องต่างโลกสินะ
แต่เสียใจด้วยนะ ต่างโลกยังเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติสำหรับพวกนักเวทอยู่เลย
“ลุกขึ้นมานั่งเล่าดีๆ สิคะ หนูยังไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเลยนะ เราจะฟังแค่ประโยคเดียวแล้วเชื่อหนูหมดใจได้ยังไง?”
ท่านแม่ตบตักแปะๆ
“มานี่มา สาวน้อยคนสวยของแม่”
พอได้ยินท่านแม่เรียก ลิเลียนที่นอนหมดสภาพพลันทำท่าเหมือนถูกตัวอะไรเข้าสิง พุ่งไปแหมะอยู่ตรงนั้นอย่างไวจนผมมองตามไม่ทัน
“งือออ พี่สาวคนสวยของหนู ใจดีที่สุดเลยยย อ๊ายยย”
ลิเลียนใช้ทั้งแขนทั้งขากอดเอวเหมือนลูกลิง ใบหน้าถูๆ ไถๆ อยู่บนแขนท่านแม่
“รักที่สุดเลยค่ะ สมกับเป็นนางฟ้านางสวรรค์ ม๊วฟฟฟ”
เธอว่าแล้วก็จุ๊บแก้มท่านแม่ไปหนึ่งที
ท่านแม่ที่ยิ้มเอ็นดูเต็มที่หอมแก้มเธอคืน แล้วจัดท่าให้สาวน้อยนั่งสบายๆ บนตัก
รักกันเกินไปหน่อยไหมน่ะ
คนที่ไม่โดนจุ๊บมันอิจฉานะ
ผมหันซ้ายหันขวา กระตุกชายเสื้อคลุมคุณลุงเบาๆ
พอคุณลุงนั่งลง ผมก็ไต่ขึ้นไปอยู่บนตัก ชี้ๆ ที่แก้มตัวเอง พอคุณลุงก้มลงมาหอมแล้ว ผมก็จุ๊บคืนหนึ่งทีแล้วหันไปทำหน้าเยาะเย้ยใส่ลิเลียน
หึ เธอมีท่านแม่แล้วไงล่ะ ยังไงลุงหมอก็รักพี่ที่สุด
ดวงตาสีมรกตของลิเลียนมีไฟอิจฉาลุกพรึ่บพรั่บขึ้นมาทันควัน
ท่านแม่กับท่านลุงได้แต่มองเด็กสองคนต่อยตีกันทางสายตาด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ
(ส่วนท่านพ่อที่ไม่มีใครขึ้นตัก กำลังนั่งน้ำตาเล็ดอยู่ตรงมุมห้องเงียบๆ)
หลังลิเลียนจัดท่าทางให้ท่านแม่กอดเอวเธอเสร็จสรรพ เธอก็เริ่มพูดใหม่อีกรอบ
“คราวนี้ต้องตั้งใจฟังนะ! หนูจะพูดแค่รอบเดียวจริงๆ ด้วย”
ลิเลียนสูดหายจังซู้ดดดด
“หนูมาจากต่างโลก! แบบว่า ตายจากโลกนู้น แล้วก็มาเกิดใหม่เป็นเบบี๋ที่โลกนี้!”
บอกตามตรง ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้ยินสิ่งนี้เป็นอย่างแรก
“ตายแล้ว…?”
ผมพูดด้วยเสียงเบาหวิว
ท่านพ่อแอบขมวดคิ้ว
“หือ? อื้อๆๆ แบบวิญญาณลอยตุ๊บป่องเลย แล้วจากนั้นหนูก็วื้บบบบบ ว๊าบบบบ ปุ้งงงงง รู้ตัวอีกทีก็ลืมตาขึ้นมาเป็นเบบี๋ลิเลียนแล้ว!”
ผมกังวลเรื่องนั้นที่ไหนกันล่ะ!
หลังจากหันซ้ายหันขวาแล้วเห็นสีหน้าไม่ค่อยดีของทุกคนรอบๆ ลิเลียนก็รีบพูดต่อ
“หนูไม่เป็นไรนะ! ไม่เจ็บเลย แถมผ่านมาตั้งนานแล้วด้วย!”
ท่านแม่กระชับวงแขนที่กอดลิเลียนแน่นขึ้น
“ทุกคนก็เห็นใช่ไหมล่ะว่าหนูชอบพูดจาแปลกๆ ชอบโวยวายอยากได้ของแปลกๆ นั่นเป็นเพราะหนูมาจากต่างโลกไง!”
เธอพยายามเปลี่ยนเรื่อง ทำท่าตื่นเต้นแล้วตีขาตัวเองดังแป๊ะ!
เจ็บไหมนั่น
ว่าแต่ ยัยเด็กดื้อคนนี้ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรมาตั้งแต่แรกเลยนี่ เธอเองก็รู้ดีสินะว่าตัวเองทำตัวไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา
“แต่หนูทำถึงขนาดนั้นแล้ว ก็ยังไม่มีใครเอะใจเลยสักคน! หนูรอให้มีคนถามมาตลอดเลยนะว่า ‘นี่ เธอน่ะ จริงๆ แล้วเป็นใครกันแน่!’ สุดท้ายหนูก็ทนไม่ไหวจนต้องออกมาเปิดโปงตัวเองแบบนี้เนี่ย!”
เธอทำท่าปาดน้ำตาปลอมๆ แล้วตอนพูดว่าเธอเป็นใครกันแน่ ลิเลียนก็เก๊กเสียงขรึม กางนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เหยียดตรงวางอยู่ที่คาง ทำตากลมบ๊อก
ก็เธอทำตัวแปลกแต่เด็กจนเป็นเรื่องปกตินี่นา
จู่ๆ ก็โวยวายอยากได้ของประหลาดๆ วันดีคืนดีก็อยากกินอาหารนั่นนี่ที่ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อ หรือไม่ก็สรรหาคำแปลกๆ มาใช้ แถมยังพูดกรอกหูอยู่เป็นสัปดาห์จนผมติดปากไปด้วย
เธอเล่นทำเป็นกิจวัตรขนาดนั้น ใครเขาจะไปตั้งคำถามกันล่ะ อย่างมากก็แค่คิดในใจว่าไปรู้มาจากไหนกันน้า? แถมพอถามออกไปเธอก็ชอบตอบส่งๆ ว่าจากหนังสือบ้างล่ะ หนังสือพิมพ์บ้างล่ะ ไปเดินในเมืองแล้วได้ยินคนอื่นเขาเล่ามาบ้างล่ะ
นานวันเข้าพวกเราก็เลยเลิกถามแล้ว
เพราะฉะนั้น นี่ไม่ใช่ความผิดของพวกผมสักหน่อย
“หรือว่าของที่ลูกชอบโวยวายอยากได้พวกนั้น ก็เป็นของที่มีในต่างโลก?”
ท่านพ่อตั้งคำถาม
ลิเลียนพยักหน้าหงึกหงัก
“แต่ว่าหนูโวยวายไปแล้วพ่อจ๋าก็หามาได้ตลอดเลยนี่นา แบบนี้ก็พิสูจน์ว่าหนูมาจากต่างโลกยากน่ะสิ”
ลิเลียนทำหน้าเบ้
“ของพวกนั้น ถ้าลูกไม่พูดออกมา พ่อก็คงไม่รู้หรอกว่ามันมีอยู่ บางอย่างยังเป็นแค่แบบร่างในกระดาษอยู่เลยนะ”
ท่านพ่อโยกหัวลิเลียนเหมือนกำลังเขย่ากระปุกออมสิน
ระวังทำคอลูกสาวหักนะท่านพ่อ
ท่านแม่ดึงมือใหญ่ข้างนั้นไปวางที่เบาะแล้วลูบผมลิเลียนเบาๆ
“อืม… ถ้าดูจากหลายๆ เรื่องที่ผ่านมาแล้ว แม่คิดว่าหนูพูดความจริงนะ สาวน้อยของแม่ไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหกนี่นา”
ผมกับท่านพ่อพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย
ลิเลียนกะพริบตาปริบๆ
“นี่คือ… เชื่อหนูแล้วเหรอ?”
ผมเป็นฝ่ายกะพริบตาคืนบ้าง
“ก็ที่ตั้งใจเล่าขนาดนี้… ไม่ได้อยากให้เชื่อเหรอ?”
หลายๆ อย่างที่ลิเลียนทำเป็นปกติก็ไม่ใช่สิ่งที่เจอได้ทั่วไปในโลกนี้อยู่แล้ว
พอปะติดปะต่อดูก็ทำให้นึกออกว่าทำไมสิ่งที่ลิเลียนอยากได้ถึงไม่มีข้อมูลอยู่ที่ไหนเลย
ถ้าเป็นเพราะเธอมาจากต่างโลก ทุกอย่างก็ลงล็อกพอดีเป๊ะ
ท่านพ่อท่านแม่พยักหน้ารับ
“อะไรที่เราไม่รู้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริงนี่ครับ”
ท่านลุงพูดเสริม
แต่ลิเลียนที่เห็นทุกคนเชื่อว่าเธอมาจากต่างโลกแล้ว ดันทำหน้าบูดหนักกว่าเดิมเสียอย่างนั้น
“ทำไมทุกคนถึงได้เชื่ออะไรง่ายๆ แบบนี้ล่ะ”
อ้าว
แล้วเธอจะเอายังไง ไหนว่ามาซิ
มือผมเริ่มขึ้นมาอยู่ที่เอวแล้ว
ลิเลียนที่เห็นท่าทางเหมือนพร้อมวิ่งไปดึงแก้มเธอได้ทุกเมื่อของผมรีบพูดต่อ
“ก็ทำไมไม่มีอารมณ์ร่วมกันเลยล่ะ! ‘อะไรนะ! ลิเลียนของเรามาจากต่างโลกอย่างนั้นน่ะเหรอ!!!?’ หรือไม่ก็ ‘นานิ!!!? นี่ นี่เธอมาจากต่างโลกหรอกเหรอเนี่ย!!!?’ อะไรแบบนี้อะ”
อ้อ อยากให้ทุกคนทำท่าเว่อร์ๆ แบบเธอว่างั้น
ท่านพ่อกลั้นขำเกือบตายแล้วเธอเห็นหรือเปล่า
แต่ผมก็แปลกใจอยู่เหมือนกันที่พวกเรายอมรับเรื่องนี้กันได้ง่ายๆ
อาจจะเพราะเป็นลิเลียนล่ะมั้ง
อืม ลิเลียนก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละ
พวกเรารู้ว่าเธอจะไม่โกหกในเรื่องแบบนี้
เธอชอบทำตัวขาดๆ เกินๆ ก็จริง แต่ว่าลิเลียนของเราไม่ใช่เด็กที่ชอบโกหก
โดยเฉพาะต่อหน้าคนในครอบครัว
อีกอย่าง โลกนี้มีเวทมนตร์นะ อย่างที่ท่านลุงบอก สิ่งที่ไม่เคยรู้ว่ามี ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอยู่
ถ้าลิเลียนมาเกิดใหม่ได้ ต่างโลกก็คงอยู่ที่ไหนสักแห่งนั่นล่ะ
“แฮ่ม แล้วที่คุณลิเลียนจากต่างโลกออกมาประกาศตัวแบบนี้ อยากได้อะไรอีกล่ะ”
ท่านพ่อพูดแล้วก็ตบตักแปะๆ
ลิเลียนที่เห็นท่าทางแบบนั้นก็รู้ทันทีว่าเวลาขูดรีด— เอ๊ย ขอร้องท่านพ่อมาถึงแล้ว
เธอรีบไต่ขึ้นไปอยู่บนตัก กางแขนตะโกนเสียงดัง
“หน้าร้อนของแดนตะวันออก นอกจากจะร้อนไม่พอ ยังเป็นร้อนแบบอับชื้นอีก!”
ร้อนแบบอับชื้นนี่เป็นยังไงนะ
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าลาออกจากประเทศสารขันธ์แล้วยังต้องมาเจออากาศร้อนแบบนี้! โชคชะตาช่างโหดร้ายเหลือเกิน! โฮฮฮ”
ลิเลียนหลับตาปี๋ ส่งเสียงร้องไห้ปลอมๆ
ประเทศสารขันธ์คือที่เธออยู่ก่อนมานี่เหรอ
“หนูทนต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
ก็ทนมาได้ตั้งหกปีแล้วนะ
“หนู อยาก ได้ แอร์!”
…
“…แล้วแอร์นี่คืออะไร”
ผมเป็นคนถาม
ลิเลียนโบกไม้โบกมือ
“เครื่องปรับอากาศน่ะ! ที่ทำให้อากาศเย็นในหน้าร้อน!”
เธอมองท่านพ่อด้วยสายตาคาดหวัง
“ขนาดชักโครกยังมีเลย แอร์ก็น่าจะมีเหมือนกันใช่ไหมคะ!”
ยังไม่จบกับชักโครกอีกนะเธอเนี่ย
ท่านแม่จับลิเลียนหันหน้าไปหา
“เจ้าหญิงน้อย ฟังแม่นะคะ”
ท่านแม่สูดหายใจ
“เรามีชักโครกมาหลายร้อยปีแล้ว เรามีรถไฟ มีตู้เย็น มีรถยนต์ เราไม่ได้อยู่ในยุคหิน”
เธอคิดว่าตัวเองอยู่ในยุคโบราณขนาดไหนเนี่ย
ตอนอายุได้สองขวบ ลิเลียนที่เห็นชักโครกเป็นครั้งแรก พุ่งเข้าไปกอดแล้วร้องห่มร้องไห้อย่างกับเป็นคนรักที่พลัดพรากจากกันไป
ส่วนผมได้แต่ร้องว่า ‘เข้าไปกอดได้ไง! สกปรก’ แล้วหิ้วยัยตัวจิ๋วออกมาจากห้องน้ำ
หลังจากนั้น ลิเลียนก็รบเร้าให้ท่านพ่อทำสายฉีดให้เธออย่างเอาเป็นเอาตาย จนสุดท้ายท่านพ่อต้องให้คนมาทำให้อย่างเร่งด่วน
แล้วเธอก็กอดสายฉีดร้องไห้อีกรอบต่อหน้าพี่ๆ ช่างที่ท่านพ่อจ้างมาติดตั้ง
ผมอายแทบตายแน่ะ อยากเอาตัวเองยัดใส่ชักโครกแล้วกดให้ไหลหายไปกับท่อน้ำ จะได้ไม่ต้องออกมาเจอหน้าใครอีก
แต่ก็หลังจากนั้นมีปัญหาตามมาอีกเป็นโหลครับ
เพราะเธอบอกว่าทิชชูมันบาด… อืม ก้นน้อยๆ ของเธอ
ผมไม่อยากพูดอย่างนี้สักเท่าไหร่ แต่เพราะทิชชูม้วนนั้น ลิเลียนถึงได้ผันตัวไปเป็นนักคิดค้นสิ่งประดิษฐ์อย่างเต็มตัว
ที่บอกว่าเป็นนักคิดค้น เพราะฝ่ายที่ต้องไปวิ่งเต้นหานักประดิษฐ์มาให้คุณลูกสาวคือท่านพ่อครับ ลิเลียนคือคนชี้โบ๊ชี้เบ๊จะเอาอย่างนั้นจะเอาอย่างนี้
หลังจากนั้นหลายปี พอผมเริ่มใช้เวทมนตร์คล่อง เธอก็จะวิ่งเอาแปลนสิ่งประดิษฐ์ที่อยากให้สร้างมาให้ผมดูเป็นคนแรก เพราะหลังสงครามเริ่มปะทุ ท่านพ่อก็งานยุ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ลิเลียนที่ไม่อยากรบกวนท่านพ่อเลยเบนเข็มมาหาผมแทน
ซึ่งเอาเข้าจริง หลายๆ อย่างก็ใช่ว่าที่โลกนี้ไม่มีหรอกครับ แค่ไม่ถูกใจคุณหนูน้อยเท่านั้นเอง
บางอย่างก็ใหญ่เกินไปบ้าง น่าเกลียดเกินไปบ้าง ใช้ยากบ้าง ผมก็ต้องเอามาเคาะๆ ปรับๆ ตั้งแผงวงจรพลังเวทใหม่ ลอกเปลือกทำให้มันออกมาหน้าตามินิมอลสมใจเจ้าหญิงน้อยอะไรทำนองนั้น
เอาเป็นว่าถึงผมไม่อยากเรียนแค่ไหน พอเธอวิ่งมาทำตาลูกหมาใส่ผมก็ต้องเรียนให้น้องจนได้น่ะครับ
ผมน่ะเป็นแค่แรงงานคนหนึ่ง ส่วนนายจ้างตัวจิ๋วก็เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการทำงานของผม
ลิเลียนเรียกว่าไงนะ พฤติกรรมเด็กเกาะเบาะเหรอ?
เธอเอาแต่พาดอยู่ข้างเก้าอี้แล้วก็ชี้ไม้ชี้มือจะเอาแบบนั้นจะเอาแบบนี้ ยิ่งให้ช่วย งานก็ยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่
บางทีผมทนไม่ไหวก็จะหิ้วนายจ้างตัวน้อยเข้าเอวไปขังไว้ให้ท่านแม่อบรมสักยก
ที่ผมต้องทำงานงกๆ อยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ เพราะลิเลียนใช้พลังเวทไม่ได้นั่นแหละครับ
ไม่รู้ว่าโลกเดิมที่ไม่มีพลังเวทส่งผลต่อสมองหรือว่าอะไร แต่เธอควบคุมพลังเวทในตัวไม่ได้เลยสักนิด แถมยังเกลียดทฤษฎีเวทเข้ากระดูกดำ ประกาศกร้าวว่าชีวิตนี้จะไม่มีวันเรียนเวทมนตร์เด็ดขาด!
ตอนนั้นเธอบอกว่าไงนะ ‘หนูอุตส่าห์ได้มาเกิดใหม่แล้วนะ! อย่าหวังเลยว่าชาตินี้หนูจะเรียนฟิสิกส์ เคมี ชีวะอีกเป็นครั้งที่สอง! กร๊าซซซ!!!’ พูดจบเธอก็ทำท่าโก้งโค้งพ่นไฟใส่หนังสือเรียน
ตลกจนผมอยากถ่ายรูปเก็บไว้เลยครับ เสียดายตอนนั้นไม่ได้ถือกล้องอยู่
คุณลุงบอกว่า ถึงเธอจะรู้ว่าเวทมนตร์มีจริง แต่เธอไม่เชื่อว่าตัวเองจะใช้เวทมนตร์ได้ เธอเลยใช้เวทไม่ได้ไปโดยปริยาย
พวกเราก็พยายามให้กำลังใจอยู่ตลอดครับ แต่ไม่ว่าทำยังไงเธอก็ใช้เวทไม่ได้สักที
นับว่าเป็นข้อเสียของการมาจากโลกที่ไม่มีเวทมนตร์ล่ะมั้งครับ
ระหว่างที่ทำของให้ลิเลียน มีบ้างที่ต้องไปเปิดหนังสืออ่านเพิ่มแต่ถือว่าพอรับได้ ยังดีที่คุณลุงใช้เวทเก่งมาก อันไหนที่ผมทำเองไม่ไหว ก็วิ่งไปเกาะเอวงอแงขอคุณลุงทำให้
ถ้าไม่มีคุณลุงผมจะอยู่ยังไง ฮือออ
เอาเป็นว่า สุดท้ายบ้านเราก็มีวัฏจักรการสร้างสิ่งประดิษฐ์วนไปแบบนี้ครับ
ลิเลียนนึกอยากได้อะไรสักอย่าง วิ่งมาหาผม ผมไปขอเงินท่านพ่อ ถ้าทำเองไม่ไหวก็วิ่งไปหาท่านลุง ทำเสร็จเอาไปให้ท่านแม่ดู ท่านแม่ถามว่าอยากขายหรือเปล่า
ถ้าอันไหนลิเลียนหรือผมคิดเองก็จดสิทธิบัตรแล้วขายครับ แต่ถ้าอันไหนเธอลอกของโลกเดิมมา เธอบอกว่าอยากเก็บไว้ใช้เองเพราะมันขี้โกง
เธอว่าความรู้จากโลกเก่าของเธอมันเอาเปรียบใครบางคนที่ประดิษฐ์อุปกรณ์มหัศจรรย์เหล่านั้นด้วยตัวเองอยู่
เป็นแบบนี้อยู่นานวันเข้า บ้านเราก็เริ่มมีเงินพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ครับ
ตอนนี้ก็น่าจะถือว่าเป็นมหาเศรษฐีได้อยู่นา
ผมให้เดาว่าบทสรุปของแอร์ที่ลิเลียนอยากได้เป็นยังไง
…
โลกนี้ไม่มีแอร์ครัวเรือนครับ
ลิเลียนรู้แล้วถึงกับล้มตึง
ในอุตสาหกรรมน่ะมี แต่เครื่องหนึ่งใหญ่เท่าตู้เสื้อผ้า แถมยังหน้าตาน่าเกลียดเกินทน
นอกจากนี้ยังปรับระดับความเย็นไม่ได้ด้วยครับ มีแค่ไม่ค่อยเย็นกับเย็นจนแทบเป็นน้ำแข็ง
แบบที่ควบคุมอุณหภูมิดีๆ มีแค่ในทางการทหาร ซึ่งถ้าเอามาใช้พวกเราจะกลายเป็นกลุ่มคนน่าสงสัย ดังนั้นก็ไม่ได้เหมือนกัน ส่วนทางการแพทย์ถ้าอยากเก็บรักษาอะไร พวกเต่— นักบวชเอาพระพรยัดใส่ก็จบ คงสภาพได้เหมือนใหม่ แถมยังพกพาง่ายกว่าการต้องเอาแช่เย็นด้วย
(วันไหนตู้เย็นเสียท่านลุงก็ต้องทำแบบนี้แหละครับ)
สุดท้ายกว่าจะทำตู้เย็นเสร็จก็ปาเข้าไปปีกว่า นอกจากหน้าร้อนปีนั้นจะไม่มีแอร์แล้ว ปีถัดไปเองก็ไม่มีเหมือนกัน
ลิเลียนที่รู้เรื่องนี้ลงไปทุบพื้นปั่กๆ ร้องห่มร้องไห้ว่า ‘รู้อย่างนี้หนูน่าจะบอกตั้งแต่สามขวบ! ไม่สิ น่าจะบอกตั้งแต่ตอนที่พูดได้เลย! ฮือออ แอร์ของหนู โฮฮฮฮ’
ผมกับท่านลุงต้องนั่งปลอบอยู่ค่อนวันกว่าเธอจะยอมลุกขึ้นจากพื้น
พอนึกถึงเรื่องราวในอดีต ผมก็อดยิ้มไม่ได้
ถ้าลิเลียนรู้ว่ามีเด็กจากโลกเดียวกันปรากฏตัวขึ้นมา เธอต้องตื่นเต้นดีใจมากแน่ๆ
ผมนึกภาพลิเลียนกระโดดโลดเต้นออกเลย เธอคงตบหน้าอกแล้วบอกว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่ผู้มีประสบการณ์ ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาถามได้ตลอด!
และถ้าลิเลียนอยู่กับเราในตอนนี้ ตอนที่มองเห็นรอยแผลและความเจ็บปวดของเด็กน้อย ก็คงพยายามช่วยโฟร์อย่างสุดความสามารถเหมือนกัน
ผมนึกย้อนไปถึงตอนที่โฟร์บอกว่าเธอมาจากอนาคต
บางทีผมอาจจะรับรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วก็ได้ ว่าลิเลียนไม่อยู่แล้ว
ผมแค่ทำใจยอมรับไม่ได้เท่านั้นเอง
ในหนึ่งชีวิต คนเราจะประสบพบเจอสิ่งมหัศจรรย์ได้สักกี่ครั้งเชียว
นอกจากจะได้รับโอกาสเกิดใหม่แล้ว ยังได้โอกาสย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีตด้วยเหรอ
แต่ผมก็อยากจะเชื่ออยู่ดี
ขอแค่ลิเลียนยังอยู่ก็พอ จะเป็นน้องสาวตัวป่วนคนเดิม หรือจะเป็นน้องสาวอายุสามสิบสี่สิบปีที่ข้ามเวลามาก็ได้
แม้ว่าสุดท้าย… สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
แต่ถึงตอนนี้ลิเลียนจะไม่อยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไรครับ
ช่วงเวลาที่เธอจากไปมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เรื่องน่าตื่นเต้นแบบไหนที่เธอไม่ได้เห็น
ผมจะเล่าทุกเรื่องให้ฟังเอง
พอลิเลียนกลับมา เธอจะได้ผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปพร้อมกับทุกคน ไม่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง
เพราะผมจะแก้ไขทุกอย่าง
และพาเธอกลับบ้านให้ได้