ความรู้ดั่งเครื่องประดับงามกว่าทรัพย์ประดับกายสิ่งอื่นหมุนเวียนมลายวิทยานั้นมิรู้เลือน

สุดหทัยวิทยา - 1. การเดินทางสู่พระนคร โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ย้อนยุค,วาย,วายพีเรียด,ชาย-ชาย,ชายรักชาย,ชายชาย,ย้อนยุค,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สุดหทัยวิทยา

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ไทย,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

วาย,วายพีเรียด,ชาย-ชาย,ชายรักชาย,ชายชาย,ย้อนยุค

รายละเอียด

สุดหทัยวิทยา โดย summer_T @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ความรู้ดั่งเครื่องประดับงามกว่าทรัพย์ประดับกายสิ่งอื่นหมุนเวียนมลายวิทยานั้นมิรู้เลือน

ผู้แต่ง

summer_T

เรื่องย่อ

วิทยา

นักเรียนแพทย์จบใหม่จากต่างแดน 

เดินทางจากหัวเมืองเข้าสู่พระนครพร้อมจดหมายฝากฝังตนเองจากอาจารย์ของเขาถึง

พระยาเอกชาติ

ขุนนางสูงศักดิ์ผู้ที่จะสามารถส่งวิทยาเข้าไปทำงานในกรมการแพทย์ของวังหลวงได้

เพราะความถูกชะตา และเห็นแก่ผู้ใหญ่ที่ฝากฝังนายแพทย์หนุ่ม

เขาจึงคอยช่วยวิทยาอยู่เสมอ

ไม่ทันได้ตั้งตัว ความรู้สึกที่มีต่อนายแพทย์หนุ่มจากหัวเมืองก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไป

จนตัวเขาเองไล่ตามความรู้สึกของตนแทบไม่ทัน

.

.

เมื่อรู้แน่ชัดถึงความรู้สึก ชายหนุ่มสูงศักดิ์จึงไม่คิดจะรั้งรอเวลาให้ยาวนาน

การเอ่ยให้อีกฝ่ายได้เข้ามาอยู่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นจึงเป็นประตูด่านแรก

ที่จะเผยความรู้สึกของคนทั้งสอง...

ว่าตรงกันหรือไม่

สารบัญ

สุดหทัยวิทยา-1. การเดินทางสู่พระนคร,สุดหทัยวิทยา-2. นักเรียนแพทย์ในสายตา,สุดหทัยวิทยา-3. ชีวิตแพทย์ในวังหลวง,สุดหทัยวิทยา-4. ความอ่อนล้าที่ถูกโอบกอด,สุดหทัยวิทยา-5. ความรู้สึกที่เติบโต,สุดหทัยวิทยา-6. การช่วยงานที่น่ากังขา,สุดหทัยวิทยา-7. วิทยามิรู้เลือน,สุดหทัยวิทยา-8. มิอาจสูญเสีย,สุดหทัยวิทยา-9. ความรู้สึกที่ (เคย) ร้างรา,สุดหทัยวิทยา-10. ภาพวาดของความรู้สึก,สุดหทัยวิทยา-11. ความสัมพันธ์เริ่มต้น,สุดหทัยวิทยา-12. ราตรีแรก,สุดหทัยวิทยา-13. อรุณแรก,สุดหทัยวิทยา-14. สายตา,สุดหทัยวิทยา-15. ของหวาน

เนื้อหา

1. การเดินทางสู่พระนคร

สายลมต้นฤดูแล้งพัดพาเอากลิ่นดินและไออุ่นแห่งแสงสุริยันมาแตะต้องจมูก ชายหนุ่มในอาภรณ์พื้นเมือง ผ้าสมปักลายเรียบมัดเป็นโจงกระเบน ยืนกำกระเป๋าห่อผ้าติดมือ พลางทอดสายตามองลำน้ำเจ้าพระยาที่ทอประกายสะท้อนแดดอยู่เบื้องหน้า

 

“ถึงเสียที...”

 

วิทยาพึมพำกับตนเอง เสียงทอดยาวออกมาพร้อมลมหายใจลึก ราวกับได้ปลดเปลื้องภาระหนักออกจากอก แม้ภายนอกดูสงบ แต่ใจกลับว้าวุ่นด้วยความคาดหวังและวิตกกังวล

 

เขาใช้เวลาหลายวันเดินทางจากหัวเมืองภาคกลางมาตามสายน้ำ ก่อนมาขึ้นเรือสำเภาฝรั่งซึ่งบรรทุกสินค้าเข้ามาเทียบท่าริมน้ำในกรุง เมืองฟ้าอมรแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งผู้คนต่างกล่าวขานถึงความรุ่งเรือง ทั้งแสงสีแห่งราชสำนัก ทั้งกฎเกณฑ์ระเบียบของวังหลวง และความเจริญของศาสตร์แขนงใหม่ ๆ ที่กำลังแผ่ขยาย แต่ที่สำคัญกว่านั้น กรุงเทพมหานครคือจุดเริ่มต้นของเส้นทางใหม่ในชีวิตของเขา

 

ชีวิตของนักเรียนแพทย์จบใหม่

 

 

 

เมื่อเท้าแตะผืนแผ่นดินกรุงเทพฯ วิทยารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเมืองใหญ่ คละคลุ้งไปด้วยไอร้อนจากหินปูพื้นและเสียงกู่ก้องของผู้คน เรือพายและเรือสำเภาฝรั่งจอดเรียงรายตามแนวแม่น้ำ พ่อค้าแม่ค้าต่างเร่งมือส่งสินค้าให้กับขุนนางและพ่อค้าชาวต่างชาติ

 

“มึงจะไปไหนเล่า? เดินเหม่ออยู่ได้ ประเดี๋ยวจะโดนเกวียนชนเอา!”

 

เสียงชายหนุ่มข้างทางตวาดขึ้น วิทยาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนรีบขยับตัวหลบจากขบวนรถเกวียนที่ลากสินค้าผ่านไป

 

“ขออภัยขอรับ”

 

เขายกมือขึ้นไหว้อย่างสุภาพ ก่อนจะเร่งฝีเท้าต่อไปตามถนนดินแน่นที่ทอดยาวไปสู่ใจกลางพระนคร

 

เขามีจดหมายฝากฝังจากครูบาอาจารย์ส่งไปถึงพระยาเอกชาติ ขุนนางผู้มีอำนาจในราชสำนักซึ่งให้การสนับสนุนวิทยาการด้านแพทย์แผนตะวันตก ชายผู้นี้คือคนสำคัญที่สามารถชี้ชะตาชีวิตของเขาได้ หากพระยาเอกชาติเห็นชอบ วิทยาจะได้เข้าสู่วังหลวงในฐานะแพทย์แผนตะวันตกคนใหม่ แต่หากถูกปฏิเสธ ทุกอย่างที่เขาใฝ่ฝันคงต้องจบลงก่อนจะเริ่มต้นเสียอีก

 

 

 

ในที่สุดเขาก็หาหนทางมาจนถึงเรือนพักของพระยาเอกชาติ วิทยาตั้งสติแล้วจึงร้องเรียกขานหาคนอีกฝั่งของรั้วเหล็กดัดลวดลายสวยแปลกตาไม่ดังมากนัก ไม่นานก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดผู้ดูแลเรือนเดินออกมาแล้วกวาดตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า วิทยาบอกจุดประสงค์ของตัวเองกับชายคนนั้นไป แม้จะเขาจะมีสีหน้าไม่วางใจนักแต่เมื่อวิทยายกซองจดหมายที่มีตราประทับจากอาจารย์ของเขาประตูรั้วก็เปิดรับเขาเข้าไปด้านในอาณาเขตในที่สุด

 

เรือนพักของพระยาเอกชาติไม่ใหญ่โตเหมือนภาพในหัวที่วิทยาคิดไว้ก่อนจะมาที่นี่ แต่ก็ใหญ่กว่าบ้านเรือนของชาวบ้านในละแวกนี้อยู่พอสมควร เรือนไม้สองชั้นสีเหลืองอ่อนนวลตาตั้งเป็นเรือนประธานตรงกลางบริเวณสนามโดยรอบ ตามขอบรั้วมีต้นไม้ใหญ่ ไม้เลื้อย และซุ้มนั่งดูร่มรื่น แต่เรียบง่าย

 

วิทยาเดินตามชายหนุ่มคนเดิมเข้าไปนั่งรอในตัวอาคาร ภายในเรือนประดับด้วยศิลปะงดงามแบบไทยและตะวันตกผสมผสาน เฟอร์นิเจอร์ไม้มะเกลือแกะสลักตั้งเรียงรายในห้องรับรอง ผ้าม่านโปร่งบางปล่อยให้แสงแดดลอดผ่านเข้ามาเบา ๆ

 

เขานั่งรออยู่สักพักก็มีหญิงแก่ท่าทางใจดีนำน้ำมะตูมออกมาให้ ดูสดชื่นน่าทานสำหรับคนเพิ่งเดินทางมาไกลเสียเหลือเกิน เพียงแต่ตอนนี้เขาทั้งประหม่าทั้งยังตื่นเต้นเกินกว่าจะกินอะไรลง ไม่นานเสียงทุ้มเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

 

“ใครกัน?” เสียงชายคนหนึ่งดังมาจากทางบันไดไม้ขัดเงาที่ทอดโค้งขึ้นไปยังชั้นสอง

 

“ขอรับ กระผมวิทยานักเรียนแพทย์จากหัวเมือง กระผมมีจดหมายฝากฝังจากอาจารย์แพทย์มาถึงท่านเจ้าคุณขอรับ” วิทยารีบลุกขึ้นโค้งแนะนำตัวความประหม่าทำให้เขาก้มค้างอยู่อย่างนั้นจนเห็นปลายเท้าของใครคนหนึ่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

 

“เจ้าหนุ่มจากหัวเมืองรึ? เงยหน้าขึ้นเถิด ข้ากำลังรออยู่เชียวว่าเจ้าจะมาถึงตอนไหน”

 

หัวใจของวิทยาเต้นระรัว เขาค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นยืนตรงอย่างสงบเสงี่ยม

 

ตรงหน้าเขาคือพระยาเอกชาติไม่ผิดแน่ วิทยาแปลกใจมากทีเดียวที่ท่านเจ้าคุณไม่ใช่ชายหนุ่มสูงวัยเหมือนกับอาจารย์ของเขาที่หัวเมือง ใบหน้าคมเข้มนั่นอ่อนเยาว์กว่าอาจารย์เขามาก แต่ถึงแบบนั้นดูออกว่าอาวุโสกว่าเขาหลายปีนัก ร่างสูงใหญ่ท่าทางสง่า ดวงตาที่ฉายแววเด็ดขาดน่าเกรงขามแต่กลับดูอบอุ่นอ่อนโยนขึ้นมาทันทีเมื่อท่านเจ้าคุณคลี่ยิ้มบางส่งมาให้

 

“ตามข้ามาก่อน ข้ามีแขกพอดีจะได้พูดคุยกันเสียทีเดียว”

 

“ขอรับ”

 

วิทยาเดินตามเจ้าพระยาเอกชาติไปเงียบ ๆ จนมาถึงศาลาทรงไทยที่ลานหลังเรือน ร่างสูงเดินไปนั่งอยู่บนแท่นยกพื้น มือข้างหนึ่งถือพัดด้ามจิ้ว อีกข้างวางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างตัว ถัดไปข้างกายมีชายต่างชาตินั่งอยู่ด้วย ดูจากเครื่องแต่งกายคงเป็นหมอฝรั่งจากในวังหลวง

 

“เจ้าคือวิทยาใช่หรือไม่?” พระยาเอกชาติเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคมจับจ้องไปยังเขาอย่างพินิจพิจารณา

 

“ขอรับ กระผมมารับใช้ในวิชาหมอ ขอท่านเจ้าคุณเมตตาพิจารณาด้วยเถิดขอรับ” วิทยาค้อมกายลงต่ำ ยื่นจดหมายฝากฝังให้ผู้ดูแลคนเดิมกับที่พาเขาเข้ามาซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งตรงข้ามกับหมอฝรั่งและอยู่ระหว่างกลางเขากับท่านเจ้าคุณนำไปถวาย

 

พระยาเอกชาติเปิดซองนั้นอ่านสักครู่ สายตาเรียบนิ่งไม่มีแววความรู้สึกใด ๆ วิทยารู้สึกได้ว่าทุกอณูในร่างแข็งเกร็งด้วยความตื่นเต้น

 

“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าการเป็นแพทย์ในพระนครมิใช่เรื่องง่าย?”

 

“ขอรับ กระผมตระหนักดี”

 

“และเจ้ารู้หรือไม่ว่าหมอแผนตะวันตกในวังหลวงยังมีคนต่อต้านอยู่มาก?”

 

“ขอรับ กระผมเข้าใจถึงความยากลำบากนี้ แต่กระผมเชื่อว่าความรู้จากศาสตร์ใหม่สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้ หากมีโอกาสให้กระผมพิสูจน์ กระผมจะมิทำให้ผิดหวังขอรับ”

 

พระยาเอกชาติพยักหน้าเล็กน้อย “ดี อย่างนั้นเจ้าจงอยู่ที่นี่ไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ตามข้าเข้าไปในวัง ข้าจะพาเจ้าไปพบท่านเจ้าพระยาเจ้ากรมแพทย์แผนใหม่”

 

วิทยาเงยหน้าขึ้นมองขุนนางหนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตา

 

“ขอบพระคุณท่านเจ้าคุณขอรับ”

 

“เจ้าอย่าเพิ่งขอบคุณข้าเลย ตอนนี้เพียงแต่ให้โอกาสเจ้าเพราะเห็นแก่ผู้ใหญ่ที่ข้านับถือ ซึ่งเขาเมตตาเจ้านักก็เท่านั้น ส่วนเจ้าจะอยู่รอดในวังหรือไม่…ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเอง”

 

 

 

เมื่อออกจากเรือนของท่านเจ้าคุณมา วิทยาพรูลมหายใจอย่างโล่งอกเงยหน้ามองท้องฟ้าเหนือพระนคร แสงอาทิตย์ยามเย็นทอดยาวบนยอดไม้ ราวกับเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นเส้นทางใหม่

 

เขามาถึงแล้ว…กรุงเทพมหานคร เมืองที่เต็มไปด้วยโอกาสและบททดสอบ และจากนี้ไป…เขาจะไม่มีวันหันหลังกลับ