อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง

Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว - 1 บทที่ 1 : วิชาหุ่นยนต์ โดย ราชาวาฬ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว โดย ราชาวาฬ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง

ผู้แต่ง

ราชาวาฬ

เรื่องย่อ

แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก

แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง

 

นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!

สารบัญ

Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-0 บทนำ : ผู้ปกป้อง,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-1 บทที่ 1 : วิชาหุ่นยนต์,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-2 บทที่ 2 : สปาร์ก,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-3 เครื่องซิม,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-4 แมรี่ ไอออนฮาร์ท สปาร์ก อิคิมัส!,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-5 อสูรเมือก,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-6 อาคารร้าง,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-7 ดาบสะบั้นเศียร,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-8 โซเมน,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-9 การประชุมผู้บริหาร,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-10 แผนกินเนื้อ,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-โปรไฟล์อสูร 01 อสูรงู,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-11 กล่องดำ,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-12 บุรุษปริศนา,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-13 แมรี่ของฉัน,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-14 คราวหน้าขอไรเฟิลนะเจน!,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-15 ชิลลี่กับเป็บเปอร์,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-16 ระบบไฮบริด,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-17 แผนกคหกรรม,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-18 ลองไรเฟิล,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-19 หุ่นยนต์ปริศนา,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-20 HOPE System,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-โปรไฟล์อสูร 02 อสูรลิง,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-บทคั่น สูญสิ้น,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-21 เครื่องบินกระดาษ,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-22 จดหมายของแคทเธอรีน,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-23 ผู้ถอดรหัส,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-24 จูบแรก,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-25 โอวี่,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-26 ผู้ปกป้องทั้งห้า

เนื้อหา

1 บทที่ 1 : วิชาหุ่นยนต์

 

ท้องฟ้านั้นประหลาด มันดูเหมือนท้องฟ้ายามราตรีแต่ไม่มืดมิด สีของมันเป็นสีม่วงคล้ำที่ดูหดหู่ แสงสว่างจากรอยแยกมิติที่เปิดขึ้นนับไม่ถ้วนทำให้มองเห็นได้ชัดเจนเหมือนกลางวัน เหล่าอสูรต่างเผ่าพันธุ์พากันคืบคลานออกจากรอยแยกเหล่านั้น เหล่าสหายร่วมรบพร้อมใจกันต่อสู้เพื่อปกป้องโลก แม้จำนวนของเราจะน้อยกว่าจนเทียบกันไม่ได้

 ใจกลางท้องฟ้าที่ฉันมองเห็นมีดวงแสงกลมที่ดูเหมือนดวงจันทร์ แต่นั่นไม่ใช่ดวงจันทร์ ที่จริงคืนนี้จะต้องเป็นคืนเดือนมืดด้วยซ้ำ

 

 สปาร์ก ขอรบกวนนายเป็นครั้งสุดท้าย

 

ก้านบังคับทั้งสองสั่นไหว ดูคล้ายเพื่อนร่วมรบของฉันจะรู้สึกกลัว ฉันคลายมือออกแล้วลูบส่วนบนของก้านเหล่านั้น

 “ไม่เป็นไรหรอกนะ” คำปลอบใจตัวเองดังออกมาเบาๆ

 หน้าจอด้านซ้ายสว่างวาบขึ้น ฉันหันไปดู เจนนิเฟอร์อยู่ในนั้น เธอกำลังเตรียมอาวุธของเราให้พร้อมจัดการกับมัน เธอยิ้มให้ฉัน ยิ้มให้กำลังใจเหมือนทุกครั้ง แต่ในสายตานั้น ฉันเห็นความลังเลและความหวาดกลัว

 

 ฉันรักเธอเจนนิเฟอร์

 

 คำพูดที่บอกกันมานับร้อยครั้งแต่เหมือนจะยังไม่พอ ฉันจะต้องกลับไปบอกเธออีกสักครั้ง

 

 มีเงาร่างปรากฏขึ้นกลางดวงจันทร์ มันดูเหมือนมนุษย์ยักษ์ร่างผอมสูงที่ลอยตัวได้อย่างขัดต่อกฎแรงดึงดูด ผิวนอกของมันดูคล้ายกับเกราะของแมลง ผสมกับกระดูกสีขาวโพลน

 “ลูซิเฟอร์!” ฉันร้องเรียกชื่อเล่นที่พวกเราตั้งให้กับมัน สปาร์กจับปืนใหญ่พลังงานไว้แน่น เรามีโอกาสไม่มากนักที่จะจัดการมัน เจน… เธอเตรียมมันไว้ให้ฉันเรียบร้อยเหมือนทุกทีใช่ไหม หน้าจอบอกระดับการชาร์จ 100%

 ลูซิเฟอร์แอ่นตัวไปด้านหลัง แล้วงอตัวกลับมาด้านหน้า มันร้องโหยหวนคล้ายว่าจะเจ็บปวด

 “ปีก!” ปีกนกสีดำสนิทเหมือนปีกอีกางอกออกมาจากหลังด้านขวาของมันเพียงข้างเดียว ลูซิเฟอร์ขยับมือที่ถืออาวุธหอกแหลมยาว มันเงื้อตัวอีกครั้งเพื่อเตรียมที่จะปาหอกลงมา ฉันรีบล็อกเป้าที่ลำตัวของมันไว้

 “เจนนิเฟอร์!” ฉันมองไปที่หน้าจอ เจนส่ายหน้า ยังยิงไม่ได้ ต้องรอสัญญาณ

 ลูซิเฟอร์เงื้อหอกขึ้นอีก ดวงตาสีแดงก่ำของมันคล้ายเปล่งแสงสว่างวาบ

 “เอาเลยยย!” เสียงตะโกนลั่นดังออกจากลำโพง

ลำแสงขนาดยักษ์สีฟ้าพุ่งสวนกับหอกยักษ์ที่ปาลงมา

ฉันไม่อาจจะมองตามหอกนั้นว่ามันตกลงไปกระทบกับที่ใด จ้องมองได้เพียงร่างของลูซิเฟอร์ที่สัมผัสกับแสงทำลายล้าง แสงนั้นสว่างจ้าจนต้องหรี่ตา แต่ไม่นานมันก็จางหาย

…ร่างของอสูรร้ายมีรูโหว่ขนาดใหญ่เห็นได้ชัด ปราศจากเลือดที่ควรไหลออกมา มันก้มลงดูแล้วร้องโหยหวนคล้ายว่าจะเจ็บปวด แต่ฉันรู้ว่ากระสุนนัดนี้ยังจัดการมันไม่ได้ รูนั้นค่อยๆ มีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ ความสามารถในการฟื้นตัวของมันน่ากลัวเหลือเกิน

ลูซิเฟอร์จ้องมองฉันด้วยสายตาที่โกรธแค้น มันพุ่งตัวลงมาและเข้าจู่โจมสปาร์กทันที!

 

………… 

 

เตียงนั้นเป็นเตียงเดี่ยวทำจากไม้ มีฟูกที่หุ้มไว้ด้วยผ้าปูที่นอนสีขาว กับผ้าห่มและหมอนสีขาว นักเรียนประจำทุกคนจะได้รับสิ่งนี้เป็นมาตรฐาน ทุกคนได้รับห้องส่วนตัว ไม่ใช่เพราะความหรูหรา แต่เป็นเพราะประชากรมนุษย์ในตอนนี้มีอยู่ไม่มาก

ถึงจะบอกว่าโรงเรียน แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีตารางเวลาที่ชัดเจนเหมือนในโลกเก่า มีแต่ตารางสอนของวิชาต่างๆ ที่จะบอกเวลาไว้ ถ้าใครอยากเรียนก็ไปเรียน อาจจะมีบางวิชาที่ต่อเนื่องกัน ก็ต้องไปเรียนตัวพื้นฐานมาก่อน ถึงจะเรียนตัวที่เหนือขึ้นไปได้ ถ้าเรียนวิชาตามสายครบก็จะเข้าแผนกที่อยากเรียนได้ อย่างที่บอกว่าฉันอยากเรียนทำอาหาร หรือไม่ก็ศิลปะ ก็เลยลงวิชาพวกนี้ไว้ แต่ก็ยังเลือกไม่ถูกอยู่ดี

โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างหมอนบอกเวลา 9.00 น. คิดว่าอยากจะนอนเล่นต่ออีกสักหน่อย…

 

ปัง ปัง ปัง

 

ปัง ปัง ปัง

 

“แมรี่ แมรี่!”

“ใครกันมาเคาะประตูแต่เช้าเลย” ฉันถามด้วยเสียงงัวเงียก่อนเดินไปเปิดประตู สภาพร่างยังอยู่ในชุดนอนที่ติดกระดุมไม่ครบเพราะความร้อน แต่ที่นี่ไม่มีใครถือสากันหรอก ภาพที่ได้เห็นเป็นผู้หญิงผมบลอนด์ในชุดเลอะน้ำมันเครื่อง… ยัยเจนนิเฟอร์

สมองที่ยังเบลอของฉันเริ่มทบทวนความจำ ภาพต่างๆ ของเหตุการณ์ที่ไปเจอเมื่อคืนย้อนกลับมา ฉันตื่นเต็มตาทันที หัวใจเต้นรัวเร็ว

“เจนนิเฟอร์! อสูรต่างดาว! หุ่นยนต์ตัวนั้น!” นึกดูแล้วยังตกใจไม่หาย ฉันกับแม่นี่เพิ่งไปขับหุ่นยนต์สู้กับอสูรด้วยกันมา ไม่สิ เจนนิเฟอร์ขับอยู่คนเดียว ส่วนฉันได้แต่นั่งกลัว

“ฮ่าๆๆ” นางหัวเราะ “ตื่นเต้นดีเนอะ!”

ตื่นเต้นกับผีสิ ฉันคิดในใจ

“แล้วมาหาฉันทำไมอะ”

“อ๋อ ฉันจะลงทะเบียนวิชาหุ่นยนต์ เขาบังคับว่าต้องมีคู่เรียน คนหนึ่งเป็นช่างเครื่อง อีกคนเป็นคนขับ ฉันอยากให้เธอเป็นคนขับน่ะ” สายตามั่นใจ พร้อมยิ้มกว้าง คงไม่คิดว่าฉันจะปฏิเสธเลยสินะ

“โอ๊ย ไม่เอาหรอก อยากเรียนทำอาหารหรือไม่ก็ศิลปะ”

สาวคึกคักที่อยู่ตรงหน้าฉันนิ่งเงียบไป เธอก้มหน้าลง

“...ไม่มีใครอยากเรียนวิชาหุ่นยนต์กับฉันเลย”

 

โธ่ยัยเจน ก็เธอมันคนแปลก วันๆ ขลุกอยู่แต่กับเครื่องยนต์กลไก เนื้อตัวเลอะอยู่ตลอด

 

“...ไปลองเรียนแค่ชั่วโมงเดียวก็ไม่ได้เหรอ”

 

คราวนี้เป็นฉันเองที่นิ่งเงียบ ใจหนึ่งก็อยากตอบแทนที่เจนช่วยชีวิตไว้เมื่อคืนนี้ แต่ไอ้เรียนหุ่นยนต์นี่ไม่อยากเลย

“...ก็ได้ แค่ชั่วโมงเดียวนะ”

“เย้!” เจนนิเฟอร์กระโดดตัวลอย ทำหน้าแป้นแล้น ฉันเห็นหน้าอกของเธอกระเพื่อมอยู่ใต้เสื้อกล้ามสีขาวมอมๆ นั่น ยัยนี่ บราก็ไม่ใส่

“เมื่อกี้เล่นละครเหรอเนี่ย” ฉันทำเป็นไม่พอใจ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก “ขอแต่งตัวแป๊บนึง เข้ามานั่งรอก่อนสิ”

ยัยคนซื่อบื้อที่เพิ่งรู้จักกันได้วันเดียวเข้ามาอย่างว่าง่าย ไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่ถึงจะชวนเข้าห้องก็มีลูกเกรงใจต้องปฏิเสธก่อนถึงจะยอมเข้ามา ถึงจะเป็นคนสบายๆ แต่เธอก็รู้ว่าหย่อนก้นที่ใส่กางเกงเลอะๆ นั่นลงบนเตียงไม่ได้ เลยไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ของโต๊ะทำงาน

“เดี๋ยวตอนลุกจะเช็ดให้นะ” ฉันถึงกับหันมามอง ปกติคนรุ่นเราไม่ค่อยมีใครคิดถึงอะไรอย่างนี้เท่าไหร่หรอก ชักจะชอบนิสัยยัยนี่แล้วสิ

“ไม่มีเครื่องดื่มอะไรให้นะ ปกติจะออกไปซื้อกินที่โรงอาหารน่ะ” ฉันพูดพลางแต่งตัวไปด้วย หอนี้มีแต่ผู้หญิงอยู่แล้ว ก็เลยไม่ต้องระวังอะไรเท่าไหร่ จัดการล้างหน้าแปรงฟันอย่างลวกๆ แป๊บเดียวก็เรียบร้อย

“ต้องใส่ชุดพร้อมเลอะหรือเปล่า” ฉันถาม ถึงต้องใส่จริงแต่ก็ไม่มีชุดที่พร้อมเลอะหรอก มีแต่ชุดพร้อมตัดใจมากกว่า เสื้อผ้าเป็นของหายาก เพราะโรงงานผลิตเสื้อถูกทำลายไปในช่วงสงคราม และยังไม่ฟื้นฟูกลับมาเต็มร้อย ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงทอ/ทำ/ผลิตเสื้อผ้าขึ้นมาใส่เอง

“ไม่ต้องหรอก บอกแล้วไงเธอเป็นคนขับ” เจนนิเฟอร์ยิ้มกว้าง ฉันก็เลยหาชุดที่ทะมัดทะแมงหน่อยมาสวม ก่อนออกจากห้องเธอไม่ลืมเช็ดเก้าอี้ให้ตามที่บอก ถึงมันจะไม่ได้เลอะขนาดนั้นก็เถอะ

 

……………..

 

หุ่นยนต์ผู้ปกป้องจอดอยู่กลางเวิร์กช็อป ฉันจำได้ทั้งอักษรที่พิมพ์อยู่ที่ไหล่ และแขนข้างที่ขาดไปจากการต่อสู้เมื่อคืนนี้ รอยเลือดของอสูรถูกเช็ดออกไปแล้ว แต่ยังเหลือติดเกรอะกรังอยู่เล็กน้อย ภายในค็อกพิทไม่มีโครงกระดูกคนขับเก่าและข้าวของของเขา คนทำความสะอาดคงจะเอาออกไปแล้ว

“ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่” ฉันถามเจนนิเฟอร์

“แมรี่ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าถ้าเจออสูรต้องแจ้งทางการทุกครั้ง” เจนทำหน้าแปลกใจ แต่จริงๆ จะลืมก็ไม่ผิดหรอก เพราะไม่เคยมีใครเจออสูรมาสี่ห้าปีเป็นอย่างน้อย “พอฉันเล่าไป พวกเขาก็ให้เอาผู้ปกป้องกลับมาซ่อมน่ะ”

“แล้วโครงกระดูก…”

“อาจารย์ให้คนเอาออกไปทำพิธีศพให้แล้วน่ะ แกบอกว่าควรจะให้เกียรติเขาหน่อย” เจนนิเฟอร์ว่า “อ้อ พวกเขาเจอสมุดประจำตัวคนขับด้วยนะ ชื่อปีเตอร์ เลอกู้ด นามสกุลเดียวกับฉันด้วย แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นญาติกันหรือเปล่า” เพื่อนผมบลอนด์เล่าไม่หยุดก่อนที่จะปีนเข้าไปดูสภาพหุ่นยนต์ตรงนั้นตรงนี้แล้วก็พูดภาษาช่างเทคนิคที่ฉันฟังแล้วรู้สึกเหมือนภาษาต่างดาว

“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมดังอยู่ไม่ห่าง ฉันพยายามสะกิดเจน แต่เธอก็เอาแต่ง่วนอยู่กับการตรวจหุ่นยนต์แล้วก็พูดศัพท์เทคนิคที่เธอถนัด

อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมดังยิ่งขึ้น จนทำให้เธอตกจากด้านหลังของผู้ปกป้อง

“โอ๊ย!” เจนร้อง มือข้างหนึ่งลูบหลังที่กระแทกพื้น “ดีนะกระดูกไม่หัก”

“อย่างคุณน่ะกระดูกแข็งจะตาย เจนนิเฟอร์” คนที่เพิ่งกระแอมเมื่อสักครู่หัวเราะ “ว่าไง หาคู่เรียนได้หรือยัง”

“ได้แล้วค่ะอาจารย์ทาคุมิ นี่ไง” เธอชี้มาที่ฉัน

“แมรี่ แน่ใจนะว่าคุณอยากเรียนวิชานี้” ทาคุมิถาม เอามือลูบคางที่มีเคราขึ้นเป็นตอๆ ไปด้วย เขาเป็นคนญี่ปุ่นอายุราวๆ สี่สิบ ผิวสีแทนอ่อน “ผมเห็นปกติคุณชอบลงวิชาทำอาหารหรือไม่ก็ศิลปะ” ที่เขารู้ก็ไม่แปลก คนทั้งโรงเรียนแทบจะรู้จักกันหมด

“เอ่อ… เจนไปชวนมาน่ะค่ะ ฉันก็ว่าจะลองเรียนสักชั่วโมง”

“อ้อ” อาจารย์ทาคุมิพยักหน้ารับรู้ ฉันได้กลิ่นหอมๆ มันคือกลิ่นจากกาแฟในถ้วยเซรามิกสีขาวที่อาจารย์ถืออยู่ กาแฟนับว่าเป็นเครื่องดื่มที่หายากและราคาแพงทีเดียว

“เอาจริงๆ ผมยังไม่อยากเปิดหลักสูตรนี้เท่าไหร่น่ะ เพราะยังมีคนเรียนแค่พวกคุณ คนอาจจะคิดว่าหุ่นยนต์พวกนี้ไม่จำเป็นแล้วเพราะไม่เจออสูรมานานมากแล้ว” อาจารย์ว่าพลางดื่มกาแฟในถ้วย ฉันพลอยกลืนน้ำลายไปด้วย

“แต่ฉันกับแมรี่เพิ่งไปสู้กับมันมาเมื่อคืนนี้ การที่หุ่นตัวนี้มาอยู่ที่นี่ก็เป็นหลักฐานอย่างดีนะคะ” เจนนิเฟอร์เลิกพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วหันมาพูดกับอาจารย์อย่างเป็นการเป็นงาน “ก็แสดงให้เห็นว่าวิชานี้ยังจำเป็นอยู่”

“งั้นเอางี้ ในเมื่อยังไม่มีคนอื่นมาเรียน พวกเราก็ช่วยกันซ่อมเจ้าหมอนี่กันก่อนก็แล้วกัน” ทาคุมิดื่มกาแฟจนหมดแล้ว เขาเดินไปหยิบอุปกรณ์มาสองชุดอย่างรวดเร็ว ยื่นให้ฉันด้วย

“แต่ว่าฉันมาเรียนเป็นคนขับนะคะ” ฉันพยายามปฏิเสธ ถ้าไปช่วยซ่อมเดี๋ยวก็ตัวเลอะหมดน่ะสิ ไหนยัยเจนบอกว่าไม่ต้องเตรียมชุดพร้อมเลอะมาไงล่ะ

“ถึงจะเป็นคนขับแต่ก็ต้องรู้วิธีซ่อมไว้บ้าง เวลาไปปฏิบัติภารกิจแล้วเสียกลางคัน ไม่มีช่างเทคนิคอยู่ด้วย ถ้าซ่อมไม่เป็นจะลำบาก” เหตุผลนี้เถียงไม่ได้เลย

“เดี๋ยวผมจะไปหาดูอะไหล่แขนในโรงเก็บนะ พวกคุณสองคนทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน” ทาคุมิว่าก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ฟังเสียงพวกฉันเลย ฉันหันมามองเจนนิเฟอร์ตาเขียว ยัยนั่นยิ้มกว้างจนฉันหมั่นไส้

“เฮ้อ… แล้วต้องทำยังไงบ้างล่ะเนี่ย” คำถามนี้ได้คำตอบเป็นศัพท์เทคนิคเป็นชุดเลย ไม่น่าถามเลยเรา