อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาวอารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก
แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง
นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!
ฉันนอนไม่หลับจนเกือบเช้า ตอนที่เจนมาปลุกฉันก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่ง…
“เฮ้ยนี่มันสิบโมงกว่า ไปเรียนไม่ทันแล้ว!” ความงัวเงียหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นตัวเลขบอกเวลาในโทรศัพท์
“ว้าย!” ฉันอุทานเสียงดังลั่นเมื่อเห็นผู้หญิงผมทองคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง “โธ่ เจน ตกใจหมด… แล้วนี่เธอไม่ได้ไปเรียนเหรอ”
“ฉันเห็นคราบน้ำตา คิดว่าเธอคงฝันร้าย เลยนั่งอยู่เป็นเพื่อนน่ะ” เจนนิเฟอร์ยิ้มให้ ดูอ่อนโยนจัง…
“เห็นเมื่อวานเธอตื่นเต้นเรื่องหมัดจรวดกับโมดูลพลังแสงอาทิตย์มาก มานั่งเฝ้าฉันทำไมล่ะเสียเวลา” ฉันป้ายตาที่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาแล้ว “แค่ฝันร้ายน่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก”
“เพื่อนของฉันฝันร้ายเชียวนะ จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง” เจนทำตาจริงจังยิ่งกว่าเดิม “เห็นเธอมีโกโก้อยู่ เดี๋ยวฉันไปชงให้” ไม่รอให้ฉันตอบตกลง เจนรีบไปทำให้ทันที แล้วยังทำของตัวเองมาอีกแก้วหนึ่งด้วย ฉันได้แต่ยิ้มอ่อน “ขอบใจนะ”
“เดี๋ยววันนี้ฉันไปซ่อมสปาร์กกับทาคุมิคนเดียวก็ได้ เธอไปฝึกขับหุ่นที่ห้องซิม” (ห้องซิม : ห้อง Simulator จำลองสถานการณ์เหมือนจริง)
จริงด้วย มีเครื่องซิมอยู่นี่นา ไม่ค่อยมีใครไปใช้ด้วย
“มันไม่เหมือนกับขับของจริงซะทีเดียว แต่อยากให้เธอไปซ้อมไว้ก่อน พอซ่อมเจ้าสปาร์กเสร็จก็จะได้มาลองขับได้พอดี” เจนนิเฟอร์ถือวิสาสะเอามือมาแตะไหล่ “ฝากด้วยนะ คนขับของฉัน”
…..
ที่ห้องซิมไม่มีใครอยู่เลยอย่างที่คิด เมื่อพวกอสูรเหลือน้อยมาก ความสำคัญของหุ่นยนต์ผู้ปกป้องก็ลดลง เครื่องจำลองสถานการณ์มีลักษณะคล้ายตู้ขนาดเล็กสีเทาอ่อน เปิดให้ไปนั่งด้านในได้ มันคือเทคโนโลยีที่หลงเหลือจากยุคก่อนสงครามหนึ่งในไม่กี่อย่าง อีกอย่างเท่าที่รู้คือโทรศัพท์ ซึ่งสมัยก่อนคงจะผลิตออกมามากมายมหาศาลทีเดียว เสาสัญญาณถึงแม้จะถูกทำลายไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังครอบคลุมพอให้พวกเราใช้งานกันได้ด้วย
ฉันนั่งลงที่ที่นั่งคนขับ สวมเข็มขัดนิรภัย มันจำลองออกมาได้เหมือนจริงมาก นิ้วเอื้อมไปกดปุ่มเปิดเครื่อง หน้าจอสว่างวาบขึ้น
[โปรดเลือกภารกิจ: ภารกิจพื้นฐาน / ภารกิจขั้นสูง]
ก็ต้องเป็น ภารกิจพื้นฐาน สินะ
[โปรดเลือกฉาก]
ต้องเลือกฉากด้วยเหรอ
[โปรดเลือกสภาพอากาศ]
อะไรอีกเนี่ย ชักจะเยอะไปแล้วนะ
หลังจากต้องเลือกอีกสี่ห้าอย่าง ในที่สุดหน้าจอที่ฉันรอคอยก็มาถึง
[โปรดกด ‘เริ่ม’ เพื่อเริ่มต้นภารกิจ]
ปุ่มรูปวงกลมสีแดงสดใสอยู่กลางหน้าจอ บนนั้นเขียนคำว่า “เริ่ม” ตัวใหญ่ หัวใจฉันเต้นแรงอย่างตื่นเต้น นิ้วสั่นเล็กน้อยชี้ไปที่ปุ่มนั้น และจัดการกดมันลงไป
[เริ่มภารกิจพื้นฐาน ทดลองขับในพื้นที่หิมะ จำนวนศัตรู : ต่ำ]
[โปรดทราบว่าจะไม่สามารถยกเลิกภารกิจกลางคันได้ คุณแน่ใจหรือไม่ว่าจะเริ่มต้น]
[ใช่/ไม่]
ฉันมองหน้าจอนั้นอย่างลังเล ก่อนกด [ใช่] แล้วสภาพแวดล้อมที่เห็นจากในเครื่องก็เปลี่ยนไป จากเดิมเป็นกระจกที่มองเห็นภายนอกได้ มันเริ่มฉายภาพเป็นภูมิประเทศหุบเขาต้นสน ที่มีหิมะตกจนขาวโพลน แน่นอนว่าเป็นภาพที่เครื่องจำลองสถานการณ์สร้างขึ้น มันชวนให้ฉันรู้สึกหนาวไปด้วย เทคโนโลยีของคนสมัยก่อนนี่สุดยอดจริง
[ภารกิจ : กำจัดศัตรู 10 ตัว]
ไม่มีตัวอักษรหรือคำแนะนำใดๆ ขึ้นมาอีก ไม่มีระบบสอนการขับ มือทั้งสองของฉันจับอยู่ที่คันบังคับเบื้องหน้า พยายามขับหุ่นยนต์ตามความทรงจำที่เห็นมาจากเจน ดูเหมือนว่าจะขับได้ไม่ยากเท่าไหร่ ฉันเริ่มออกเดินสำรวจพื้นที่รอบๆ
ไม่มีอะไรเลย ไหนล่ะศัตรู
อาวุธมีอะไรบ้างล่ะ ถือไว้ป้องกันตัวก่อนดีกว่า
ปืนพกคู่ ปืนใหญ่ มีดสั้น… เลือกปืนพกคู่ละกัน พวกอสูรเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว ปืนใหญ่น่าจะใช้กับการซุ่มยิงมากกว่า
ช่องเปิดด้านนอกของขาด้านล่างทั้งสองข้างเปิดออก ปืนพกทั้งสองกระบอกอยู่ในนั้น หุ่นยนต์เอื้อมมือลงไปหยิบโดยอัตโนมัติ ฉันถือปืนทั้งสองในมือท่ามกลางทุ่งหิมะที่เวิ้งว้าง แต่ทันใดนั้นในหน้าจอก็ปรากฏสี่เหลี่ยมสีแดงกะพริบ มันคือศัตรูที่กำลังเคลื่อนที่เข้าหาเรา!
ไหนบอกว่ามีสิบตัวไง นี่มันมีเป็นร้อยเลยมั้ง
มือทั้งสองข้างของฉันสั่นและมีเหงื่อไหลออกมา ภาพอสูรงูที่เพิ่งเจอเมื่อคืนยังหลอกหลอนในใจ ฉันบังคับหุ่นยนต์วิ่งถอยหลังจนไปพิงกับต้นสน อย่างน้อยก็จะไม่มีศัตรูที่จะทำร้ายเราจากด้านหลัง
กี๊ซ
เสียงนั่นมาจากด้านบน! ที่แท้พวกมันแอบอยู่ตามต้นสน ฉันยกแขนขึ้นสูง กระหน่ำกระสุนไปยังอสูรรูปร่างเหมือนลิงที่มีลิ้นยาวที่กำลังไต่เข้าหาอย่างรวดเร็ว มันมีปลายหางที่คมเหมือนมีด และมีเกล็ดเต็มตัว
ตึง! ร่างไร้วิญญาณของมันตกลงมาที่พื้นพร้อมเลือดสีม่วงที่สาดกระจาย ฉันหอบหายใจ ตัวเลข 1 ขนาดใหญ่ขึ้นบนหน้าจอ
เมื่อกี้เรารอดได้แบบฟลุกๆ ถ้าจะฆ่าให้ได้ครบสิบ เราต้องมีสติกว่านี้
ปืนนี่มีกระสุนหรือเปล่า หรือว่าใช้กระสุนได้ไม่จำกัด แล้วเรื่องพลังงานล่ะ เมื่อคืนหุ่นรุ่นนี้มีปัญหาเรื่องพลังงาน
ฉันใจชื้นขึ้นนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าปืนที่ใช้อยู่เป็นปืนลำแสง แต่นั่นก็ต้องใช้พลังงานที่บรรจุไว้ ถ้าหมดก็ต้องนำไปชาร์จที่ซองปืน จากการกระหน่ำยิงเมื่อสักครู่ทำให้เหลือพลังงานอยู่เพียงครึ่งเดียว
เราต้องระวังกว่านี้
ฉันเปลี่ยนอาวุธของมือซ้ายเป็นมีดสั้นเพื่อลดการใช้ปืนลง สถานการณ์แบบนี้เราตั้งรับ ไม่ต้องบุก เพราะถึงยังไงพวกมันก็เข้ามารุมเราอยู่แล้ว แค่เราจัดการศัตรูได้สิบตัว ภารกิจนี้ก็จะจบลง ไม่จำเป็นต้องฆ่ามันทุกตัว
ฉึก
มีดสั้นปักเข้าที่หัวใจของอสูรงูที่พุ่งเข้ามาโจมตี ตัวเลขบนหน้าจอเปลี่ยนเป็น 2 ในขณะเดียวกันมือข้างขวาก็ยกขึ้นเตรียมยิงอสูรลิงอีกตัวหนึ่งที่กระโดดเข้ามา
อย่ายิงมั่ว ยิงตัดขั้วหัวใจมันเลย เล็งก่อน
ตรงนั้น
ตาของฉันจับจ้องไปที่มัน ฉันลั่นไก แม่นเหมือนจับวาง เหลืออสูรอีกเพียงเจ็ดตัวเท่านั้น
ขับหุ่นยนต์นี่ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นแฮะ
เหล่าอสูรงูและลิงเริ่มเข้ามารายล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าฉันจะเริ่มมั่นใจกับฝีมือการขับหุ่นของตัวเองแล้ว แต่จำนวนของพวกมันก็มีมาก เลยคิดว่ารีบทำภารกิจนี้ให้เสร็จก่อนที่จะโดนพวกมันรุมฆ่าจะดีกว่า ฉันเลิกความคิดที่จะประหยัดพลังงานของปืน เก็บปืนพกเข้าซอง คว้ามีดมาถือไว้ในมือทั้งสองข้าง
ฉันสูดหายใจ เราจะจัดการให้จบในครั้งเดียว
1… 2… 3… ไป!
หุ่นยนต์ยักษ์ออกวิ่ง มือทั้งสองข้างที่ถือมีดประกบกันแล้วแทงไปข้างหน้า ปลิดชีพอสูรตรงหน้าเพื่อสร้างเส้นทาง จากนั้นก็จัดการวิ่งล่อศัตรูให้ตามมา
ยัง ต้องทิ้งระยะมากกว่านี้
สายตาเหลือบไปดูระดับพลังงานของปืนใหญ่ เยี่ยม มันชาร์จเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
จังหวะเดียวกับที่หันกลับมาหาศัตรู ฉันทิ้งมีดลง ใช้แขนเอื้อมไปด้านหลัง หยิบปืนใหญ่ที่สะพายอยู่ออกมา
ยิง!
ลำแสงขนาดยักษ์ที่กวาดออกไป สังหารอสูรได้อีกสามตัว
เยี่ยม เหลืออีกสามตัวเท่านั้น
ฉันวางปืนใหญ่ลง แล้วกำลังจะหยิบปืนพกคู่ขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าจังหวะที่กำลังก้มลงหยิบ อสูรลิงตัวหนึ่งฉวยโอกาสกระโดดเข้าเกาะหลัง มันมาจากคนละกลุ่มกับก่อนหน้านี้
กี๊ซ
มันร้องขณะไต่มาที่กระจกหน้า แล้วใช้มือที่มีกรงเล็บดำยาวเข้าตะปบ ไม่ทันไรกระจกก็เริ่มเป็นรอยร้าว ฉันใช้มือขวาของหุ่นยนต์พยายามกระชากมันออก แต่ตัวมันก็ไม่หลุดออกง่ายๆ ข้างนอกนั่นอสูรตัวอื่นๆ ก็เริ่มดาหน้ากันเข้ามาแล้ว
ต้องยิงมัน
การพยายามก้มลงหยิบปืนขณะที่มีอสูรเกาะอยู่ทำได้ลำบากจนระบบอัตโนมัติไม่สามารถทำได้ ฉันต้องเปลี่ยนเป็นการควบคุมด้วยตนเอง เสียงโลหะสั่นดังลั่น เครื่องจำลองสถานการณ์มันทำได้สมจริงขนาดนี้เลยเรอะ
ในที่สุดเจ้าหุ่นก็ใช้มือซ้ายหยิบปืนพกขึ้นมาจนได้ ฉันลั่นไกทันที อสูรลิงกระเด็นไปนอนตายอยู่กับพื้น ทิ้งรอยเลือดสีม่วงไว้บนกระจก ต้องมองทั้งๆ แบบนี้ เพราะถ้ายิ่งพยายามเช็ดจะยิ่งแย่ ฉันสั่งระบบอัตโนมัติให้มันหยิบปืนที่ขาขวาขึ้นมาถือ
พวกอสูรที่วิ่งตามมาเข้าถึงตัวฉันแล้ว มันพร้อมที่จะเข้ารุมโจมตีได้ตลอดเวลา แต่ก็แค่ ยิงมันอีกสองตัว
ปัง ปัง
[ภารกิจเสร็จสิ้น ลองอีกครั้ง/ออก]
ต้องออกอยู่แล้ว แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่ ใครจะลองอีกครั้งกัน
[สรุปผล]
[ศัตรูที่กำจัดได้ อสูรลิง : 4 อสูรงู : 6]
[เวลาที่ใช้ 3 นาที]
ภาพที่ฉายบนกระจกดับลง ประตูเครื่องซิมเปิดออก ฉันพยายามลุกออกจากเครื่องแต่รู้สึกอ่อนเพลีย สังเกตตัวเองมีเหงื่อท่วมตัว หัวใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนไปสู้มาจริงๆ
เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้เพิ่งจะภารกิจพื้นฐานยังยากขนาดนั้น แล้วของจริงล่ะ เราจะไหวเหรอ
ยัยเจนนิเฟอร์ จะให้เราเป็นคนขับเจ้าสปาร์กเนี่ยนะ
แค่คิดก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นมาแล้ว