อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาวอารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก
แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง
นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!
[กริ๊ง กริ๊ง]
“ฮัลโหลแมรี่”
(“เจน! เธอยังไม่เป็นไรใช่ไหม”)
“ยัง! แล้วเธอล่ะ” เจนถามด้วยเสียงเบาและสั้น อาจเป็นเพราะกลัวอสูรจะรู้ตัว ทั้งที่ฉันน่าจะมีอันตรายน้อยกว่าเธอ แต่เจนยังอุตส่าห์มีแก่ใจเป็นห่วง
“ฉันเจอสายไฟน่ะ น่าจะใช้ได้ แต่ยกไม่ไหว ตรงนี้มีหุ่นยนต์ด้วยแต่ขับไม่ได้ มันสแกนอัตลักษณ์”
(“ไม่เป็นไรแมรี่ รออยู่ในนั้นแหละ เดี๋ยวฉันหาทางเข้าไปเอง”)
“หา” อีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว ฉันได้แต่งุนงง ทางเข้ามีอยู่ทางเดียวคือหน้าต่างบานนี้ แล้วถ้าไม่ช่วยกันสองคนก็เข้ามาไม่ได้ แล้วเจนจะเข้ามาได้ยังไง
ฉันมันไร้ประโยชน์ขนาดนี้เลยเหรอ
ฉันเอามือกุมหน้า โน้มตัวลงเหมือนคนสิ้นหวัง ก่อนที่จะได้รับสัมผัสจากมือเล็กๆ ที่แผ่นหลัง
“พี่คะ” เธอเรียก ฉันหันมามองหน้าเด็กคนนั้นด้วยน้ำตานองหน้า
“นี่ค่ะ” ในมือของเธอคือการ์ดแม่เหล็กเก่าๆ ใบหนึ่ง ฉันมองดูการ์ดใบนั้นอย่างงุนงง ก่อนจะได้สติแล้วมองไปที่หน้าจอ
[โปรดระบุอัตลักษณ์หรือใช้วิธีการอื่นในการยืนยันตัวตนด้านล่าง]
วิธีการอื่นในการยืนยันตัวตน
[รหัสผ่าน/บัตรประจำตัว/สมาร์ทคีย์]
บัตรประจำตัว?
ฉันมองหน้าเด็กคนนั้นอีกครั้ง เธอพยักหน้า ที่คอนโซลควบคุมมีแท่นสำหรับวางบัตรที่ฉันไม่เคยสังเกตเห็น หรือว่าสปาร์กอาจจะไม่มีแท่นนี้ก็ได้ ฉันวางบัตรนั้นลงไป หน้าจอของหุ่นยนต์ก็เปลี่ยนไปเป็นพร้อมควบคุมทันที
“ฮัลโหล เจน ตอนนี้เธออยู่ไหน หุ่นยนต์ใช้ได้แล้วนะ!” ฉันรีบโทรหาเจน ระล่ำระลักบอกเธอให้มารอที่หน้าต่าง
(ฉันอยู่ตรงนี้!)
เธอตอบรับกลับมาอย่างรวดเร็วท่ามกลางเสียงหอบเหนื่อย ขอโทษนะเจนที่ฉันปล่อยให้เธอรอนาน
“แมรี่ ไอออนฮาร์ท สปาร์กทู อิคิมัส!” ฉันตะโกนคาถาปลุกใจดังลั่นก่อนเดินเครื่อง เสียงโลหะขยับออดแอดอย่างยากลำบาก มันคงเป็นสนิม เพราะคงร้างการใช้งานมานาน แต่อย่างน้อยมันก็ยังใช้งานได้ ร่างใหญ่ยักษ์จับสายไฟด้วยสองมือ เคลื่อนที่อย่างเร็วที่สุดแต่ช้าเหมือนหอยทากในความคิดของฉันไปที่หน้าต่างบานนั้น
[เล็งเป้า]
ก้านบังคับทั้งสองขยับล็อกเป้าอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะเมื่อเป็นฉันที่ไม่ได้มีแรงช้างเหมือนคนที่อยู่ข้างนอก ต้องใช้แรงโน้มทั้งตัวกว่าที่กรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆ ในจอภาพจะตรงกับช่องหน้าต่าง เกร็งตัว เหงื่อไหลออกมาจนชุ่มไปหมด บางส่วนเข้าตาจนแสบตาด้วยแต่ฉันก็ไม่อาจจะปล่อยมือมาเช็ดตาได้
“เข้าเป้าด้วยเถอะ!” ฉันตะโกนลั่น หุ่นยนต์ยักษ์เหวี่ยงสายไฟเข้าไปที่ช่องหน้าต่าง แต่แล้วสายไฟกลับตกลงมาเพราะแรงส่งมีไม่พอที่จะทำให้มันลอดช่องหน้าต่างไปได้
หรือว่าเราจะพังประตูออกไปแทน
ความคิดใหม่วาบขึ้นมาในหัว แต่ก็เป็นความคิดที่ฉันต้องปฏิเสธมันทันที เราอาจใช้อาคารแห่งนี้เป็นที่หลบภัยต่อ ถ้าประตูพังไปแล้วก็ใช้หลบพวกอสูรไม่ได้อีกแล้ว อีกอย่างถึงจะออกไปได้ แต่หุ่นยนต์สนิมเขรอะตัวนี้ก็ไม่แน่ว่าจะใช้ต่อสู้ได้จริง ใช้โยนสายไฟยังลำบาก
“อดทนไว้นะเจน!”
ฉันพยายามล็อกเป้าอีกครั้ง คราวนี้ต้องควบคุมให้หุ่นยนต์ใช้แรงส่งมากขึ้น นั่นก็หมายความว่าฉันต้องเพิ่มแรงเหยียบคันเร่งที่เท้าด้วย แต่มันก็ฝืดไม่ทันใจเอาเสียเลย แต่ในที่สุดก็ล็อกเป้าได้สำเร็จ
คราวนี้ต้องทำให้ได้
ฉันกดปุ่มสั่งการที่ก้านบังคับ สายไฟถูกเหวี่ยงขึ้นไปอีกครั้ง คราวนี้มันลอดช่องหน้าต่างออกไปได้อย่างสวยงาม ฉันปล่อยการควบคุมจากทุกสิ่ง หอบตัวโยน แต่ก็ไม่ลืมที่จะตะโกนเรียกเจนผ่านโทรศัพท์ให้ไปเกาะที่ปลายสาย เมื่อได้รับสัญญาณ ฉันกลับมาควบคุมหุ่นยนต์อีกครั้ง ลากสายไฟที่คราวนี้มีช่างเครื่องของฉันติดอยู่ด้วยเข้ามาในอาคาร ถึงเจนจะดูเลอะเทอะและอ่อนล้าแต่ก็น่าจะยังปลอดภัยดี
ตอนนี้ถือได้ว่าสถานการณ์ดีขึ้นมาหน่อย แต่พวกเราก็ยังไม่ปลอดภัย เพราะอสูรงูกับลิงยังอยู่ข้างนอก ไม่สิ อสูรงู มันอยู่ตรงนั้น ตรงช่องหน้าต่าง! มันคงตามเจนเข้ามา
“เจน เข้ามาหลบในหุ่นยนต์นี่!” ฉันเปิดห้องโดยสาร เจนรีบวิ่งเข้ามา
“ทำไมยังไม่ปิดประตูห้องโดยสารล่ะ” เจนถาม “เรายังต้องจัดการกับอสูรอยู่นะ”
“เด็กคนนั้น” ฉันพยายามมองหาเธอแต่ก็ไม่เห็นเลย
“เด็กไหน ฉันไม่เห็นใครเลย”
“เด็กผู้หญิงใส่กระโปรงสีขาว…” เวลาแบบนี้ หายไปไหนกันนะ
“ฮึ่ม” ฉันปิดประตูห้องโดยสาร ถ้าเราจัดการกับเจ้าอสูรได้ ก็ถือได้ว่าช่วยทุกคนได้เหมือนกัน ฉันกับเจนนิเฟอร์ก็ต้องเอาตัวรอด สปาร์กทูหยิบเอามีดออกมาจากช่องเก็บที่ขา ตั้งท่าพร้อมต่อสู้
“แมรี่ ดูนั่น” เจนชี้ไปที่พื้นห่างออกไป มีดาบยาวเล่มหนึ่งวางอยู่ มันดูคล้ายกับมีดคัตเตอร์
“ใช้ดาบดีกว่านะ จะได้ตัดตัวมันให้ขาดไปเลย”
“หุ่นตัวนี้จะไหวเหรอ มันเก่ามากนะ”
“ไหวสิ” พูดจบเจนก็เข้ามากดปุ่มด้วยความเร็วแสง ปากเธอก็บอกให้ฉันรีบไปหยิบดาบที่พื้น
“ดาบสะบั้นเศียร ของดีสมัยสงคราม” นางว่า สปาร์กทูก้มลงหยิบดาบมหึมานั้นขึ้นมา เกิดแสงสีฟ้าวาบขึ้นที่คมดาบ ฉันรู้สึกเหมือนไฟฟ้าแล่นผ่านทั่วร่าง ทันใดนั้นการขับเคลื่อนหุ่นยนต์ก็ไม่ติดขัด เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เหมือนฝันไป
“แมรี่ ดาบนี้จะดึงพลังงานแฝงทั้งหมดของตัวหุ่นออกมา ใช้งานได้แค่ 30 วินาที ภายใน 30 วินาทีนี้ เธอต้องจัดการพวกมันทั้งสองตัวให้ได้”
ฉันหันมามองหน้าเจนนิเฟอร์อย่างไม่อยากเชื่อ แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะเถียงแล้ว เพราะที่นางอธิบายนี่ก็น่าจะ 2-3 วินาทีแล้วล่ะมั้ง!
เอาก็เอา
หน้าจอเบื้องหน้าพยายามล็อกเป้าอสูรงูที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วด้วยสองขาของมัน ถึงแม้ว่ามันจะมีขาแต่มันก็เคลื่อนที่ส่ายไปมาเหมือนงูด้วย ทำให้ล็อกเป้าได้ค่อนข้างยาก ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด พยายามใช้สมาธิมากที่สุด กรอบเล็กๆ บนหน้าจอตรงกับตัวของมันแล้ว ฉันกำก้านควบคุมทั้งสองไว้ในมืออย่างแน่นหนา ในหัวจินตนาการว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์ที่กำลังถือดาบเล่มใหญ่ยักษ์นี้ ฉันย่อตัวลงให้เข่าขวาอยู่ด้านหน้า ส่วนดาบนั้นอยู่ที่ลำตัวด้านซ้าย ฉันจับไว้ด้วยมือทั้งสองให้ปลายดาบชี้ไปด้านหลัง
…หุ่นยนต์พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ฉันตวัดดาบ!
…พลาด ไม่อาจจะปลิดชีวิตของมันได้ กระนั้นก็สร้างบาดแผลขนาดใหญ่ เลือดสีม่วงไหลกระฉูดออกมา เวลาตอนนี้น่าจะเหลือไม่ถึง 20 วินาที
อสูรงูที่เคยเป็นฝ่ายไล่ล่า เมื่อมันได้รับความเจ็บปวดสาหัสก็พยายามที่จะคลานหนี ความเร็วของมันลดลงไปมาก ฉันล็อกเป้ามันอีกครั้งอย่างง่ายดาย สะบัดดาบ เลือดที่เกาะใบดาบสาดกระเซ็นไปทั่ว
อโหสิกรรมให้ด้วยนะ
ดาบสะบั้นเศียรเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วตัดหัวอสูรตามชื่อของมัน หัวของอสูรงูกระเด็นออกไปกระทบผนังแล้วแน่นิ่งลง มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้องเป็นครั้งสุดท้าย
ตอนนี้เหลือเพียงอสูรลิงกับความเงียบ มันอาจจะได้ยินเสียงของการต่อสู้เลยแอบซ่อนตัวอยู่ เวลาเหลืออยู่น้อยมาก ฉันต้องจัดการมันให้ได้ก่อนที่สปาร์กทูจะเคลื่อนไหวไม่ได้อีก หน้าจอปรากฏจุดสีแดงกะพริบอยู่เพียงจุดเดียว นั่นคือตำแหน่งของมัน เวลาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดไม่พอให้ใช้คิดกลยุทธ์อะไรอีก ฉันพุ่งตัวไปที่ประตู ใช้ดาบสะบั้นเศียรตัดประตูหนาหนักขึ้นสนิมนั้นขาดง่ายเหมือนตัดเนย แล้วใช้สปาร์กทูพุ่งตรงไปยังตำแหน่งของมันบนหน้าจอ
ไม่มี
จุดสีแดงยังกะพริบอยู่ที่เดิม มันต้องอยู่ตรงนี้แน่ๆ แต่ทำไมถึงมองไม่เห็นมัน อ๊ะ!
อสูรลิงกระโดดลงมาจากยอดไม้ที่มันซ่อนตัวอยู่เข้ามาที่แบ็คแพ็กของสปาร์กทู น้ำหนักของมันทำให้หุ่นยนต์ยักษ์เสียการทรงตัว มันโซเซถอยไปด้านหลัง สองมือก็ไม่ว่างเพราะต้องถือดาบ แต่การถือดาบกลับกลายเป็นอันตราย เพราะไม่สามารถโจมตีอสูรที่อยู่ประชิดตัวได้ ตอนนี้มันกำลังพยายามฉีกกระชากชิ้นส่วนต่างๆ ที่หลังให้หลุดออก
ฮึ่ม
ถ้าฉันวางดาบลงก็อาจจะใช้สองมือต่อสู้ได้ แต่ดาบนี้ทำให้เราเคลื่อนไหวได้ ถ้าวางมันลง เราจะยังเคลื่อนไหวได้อีกไหมนะ
“เจนนิเฟอร์!” ฉันร้องขอความช่วยเหลือจากช่างเครื่องผมบลอนด์ ก่อนจะได้เห็นใบหน้ากลัวแต่กล้าที่คุ้นตา
“โยนดาบเลย!” เจนพูดด้วยเสียงสั่นๆ “พลังงานที่ค้างอยู่น่าจะทำให้เคลื่อนไหวต่อได้เป็นเวลาสั้นๆ”
น่าจะ อย่างนั้นเหรอ
แต่ถ้าไม่ทำตาม พวกเราก็น่าจะตายอยู่ดี
สปาร์กทูชูแขนทั้งสองข้างขึ้น ดาบลอยขึ้นไปบนอากาศ จังหวะนั้น มันใช้มือทั้งสองบีบข้อมือของอสูรลิงอย่างรวดเร็วและรุนแรง มันร้องโหยหวน กระดูกข้อมือของมันอาจจะหัก ไม่เพียงเท่านั้น สปาร์กทูเหวี่ยงอสูรลิงออกจากหลังจนกระเด็นไปด้านหน้า
หุ่นยนต์ยักษ์ชูมือขึ้นบนอากาศ ดาบสะบั้นเศียรตกลงมาเข้ามือพอดีราวกับปาฏิหาริย์ ทรัสเตอร์ที่หลังสว่างวาบ สปาร์กทูพุ่งตัวเข้าไปทางอสูรที่ยังลอยอยู่ในอากาศ ตวัดดาบด้วยความเร็วจนลำตัวของอสูรลิงขาดสะพายแล่ง มันนอนร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ที่พื้นดิน
สปาร์กทูคุกเข่าคร่อมลำตัวของมันไว้ เงื้อแขนทั้งสองขั้นขึ้น แล้วใช้ดาบปักลงมาที่ใบหน้าของมัน
อสูรลิงก็เงียบเสียงลง พร้อมกับแสงสุดท้ายจากหุ่นยนต์สปาร์กทู