อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง

Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว - 8 โซเมน โดย ราชาวาฬ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ไซไฟ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว โดย ราชาวาฬ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง

ผู้แต่ง

ราชาวาฬ

เรื่องย่อ

แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก

แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง

 

นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!

สารบัญ

Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-0 บทนำ : ผู้ปกป้อง,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-1 บทที่ 1 : วิชาหุ่นยนต์,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-2 บทที่ 2 : สปาร์ก,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-3 เครื่องซิม,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-4 แมรี่ ไอออนฮาร์ท สปาร์ก อิคิมัส!,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-5 อสูรเมือก,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-6 อาคารร้าง,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-7 ดาบสะบั้นเศียร,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-8 โซเมน,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-9 การประชุมผู้บริหาร,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-10 แผนกินเนื้อ,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-โปรไฟล์อสูร 01 อสูรงู,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-11 กล่องดำ,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-12 บุรุษปริศนา,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-13 แมรี่ของฉัน,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-14 คราวหน้าขอไรเฟิลนะเจน!,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-15 ชิลลี่กับเป็บเปอร์,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-16 ระบบไฮบริด,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-17 แผนกคหกรรม,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-18 ลองไรเฟิล,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-19 หุ่นยนต์ปริศนา,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-20 HOPE System,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-โปรไฟล์อสูร 02 อสูรลิง,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-บทคั่น สูญสิ้น,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-21 เครื่องบินกระดาษ,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-22 จดหมายของแคทเธอรีน,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-23 ผู้ถอดรหัส,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-24 จูบแรก,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-25 โอวี่,Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาว-26 ผู้ปกป้องทั้งห้า

เนื้อหา

8 โซเมน

 

“แมรี่ แมรี่!” เจนร้องเรียกสติฉันที่ยังกำก้านบังคับไว้แน่น แม้ว่ากว่าที่ฉันจะปล่อยมือออกจากก้านบังคับชุ่มเหงื่อและเปิดประตูค็อกพิทออกได้ ก็หลังจากที่อสูรและหุ่นยนต์นิ่งไปหลายนาทีแล้วก็เถอะ

 

 เดี๋ยว เด็กคนนั้นล่ะ

 

 ฉันมองหาเด็กคนนั้นอีกครั้งแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา

 “เจนไม่เห็นเหรอ เด็กคนนั้น”

 “เด็กไหน ฉันไม่เห็นใครเลยนอกจากเธอ”

 “ถ้าไม่ได้เด็กคนนั้นให้บัตรประจำตัวมา ฉันก็ขับเจ้านี่ไม่ได้หรอกนะ” ฉันชี้ให้ดูบัตรประจำตัวเก่าๆ ใบนั้นที่ยังวางอยู่ในแท่นวาง

 

  [ปีเตอร์ เลอกู้ด] 

 

 ปีเตอร์อีกแล้วเหรอ เขาเป็นใครกันแน่ มีหุ่นให้ขับสองตัวเลยเหรอ

 “เจน ไม่มีใครเคยเล่าให้เธอฟังเรื่องปีเตอร์เลยเหรอ เขานามสกุลเดียวกับเธอนะ”

 เจนนิเฟอร์ส่ายหน้า “ฉันก็บอกแล้วว่าไม่รู้ ไม่เคยมีใครเล่าถึงเขาให้ฉันฟังเลย อีกอย่าง ฉันก็ไม่มีญาติด้วย มีคนเอาฉันมาทิ้งไว้ที่หน้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มีแค่จดหมายบอกชื่อกับนามสกุลแล้วก็วันเกิดเท่านั้น”

 “เจน…” ฉันมองเธอด้วยสายตาเห็นใจ เอามือข้างหนึ่งจับไหล่ของเธอไว้

 “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกแมรี่ ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าปีเตอร์เขาเป็นใคร” เจนนิเฟอร์ยิ้มอย่างเข้มแข็งเหมือนทุกที “แต่ว่าตอนนี้ฉันว่าต้องหาที่พักคืนนี้ก่อนนะ มันดึกมากแล้ว เมื่อกี้ฉันติดต่อทาคุมิแล้ว เห็นบอกว่าหารถมารับได้แต่ต้องพรุ่งนี้เช้า”

 “ก็คงต้องที่อาคารนั่นแหละ” ฉันชี้ “มันยังมีศพอสูรงูอยู่ เธออยู่ได้หรือเปล่า”

 “มาถามฉันเนี่ยนะ” เจนทำหน้าแปลกใจ “คนที่อยู่ไม่ได้น่าจะเป็นเธอมากกว่าอีก”

 “ฉันเนี่ยนะ” ฉันขยับปากจะต่อว่าเจน แต่ก็เกิดขำขึ้นมา หัวเราะจนหยุดไม่ได้ “ฮ่าๆๆๆ ลุคฉันคงไม่น่าอยู่ได้สินะ ฮ่าๆๆๆ”

 แล้วเราสองคนก็เดินโขยกเขยกกลับไปที่อาคารร้างอีกครั้ง เจนก่อกองไฟ ฉันเดินสำรวจแถวนั้น ไม่มีแหล่งน้ำ แต่พอมีห้องน้ำเก่าพอให้ไปทำธุระได้ ถึงจะไม่มีน้ำไหลออกมาแล้วก็ตาม ฉันก็อยากอาบน้ำ แต่พอคิดว่าอยู่ที่นี่อีกแค่คืนเดียวก็พอจะทนได้อยู่ เจนมีอาหารแห้งพกติดตัวด้วยตามนิสัยของเธอที่ชอบซ่อมเครื่องยนต์นานๆ และไม่อยากเสียเวลาออกไปซื้อของกิน พวกเราก็เลยมีอะไรกินกันคืนนี้ หลังจากการพูดคุยสัพเพเหระอยู่สักพัก เจนก็หันหลัง หยิบโทรศัพท์ออกมาฟังพอดแคสต์ที่เธอชื่นชอบ

 “...ไม่นึกเลยว่าเราจะรอดกันมาได้” ฉันพูดกับเธอหลังจากที่เธอฟังพอดแคสต์จบแล้ว เราสองคนหัวเราะให้แก่กัน ฉันมองเห็นเจนนิเฟอร์ในชุดที่ขาดวิ่นจากเมือกอสูร ร่างกายของเธอเปื้อนทั้งเหงื่อและน้ำมัน แต่ไม่รู้เพราะอะไร คืนนี้เธอดูน่าสนใจเป็นพิเศษ อดไม่ไหวที่จะเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ เธอ ก่อนที่ฉันจะทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวฉันก็ยังไม่คาดคิด ปากของฉันกดเข้าที่แก้มของเธออย่างพอดี

 “แมรี่…” ช่างเครื่องของฉันหน้าแดงก่ำ มองหน้าฉันด้วยความประหลาดใจ

 “ขะ ขอโทษนะ” ฉันเพิ่งรู้ตัว รู้สึกหน้าร้อนฉ่า รีบหันหน้าไปอีกทาง ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่รุ้จักกับเจน มันเหมือนสะสมไว้ทีละนิดกระทั่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ 

 “ไม่เป็นไรหรอกแมรี่” เจนเข้ามากอดแล้วหอมแก้มฉันคืนพร้อมส่งยิ้มแบบที่ชอบทำให้ เหมือนเป็นเรื่องปกติของเจน ก่อนจะหลับไปอย่างสบายใจ ทิ้งให้ฉันฟุ้งซ่านทั้งคืน

 

 …………….

 

 รุ่งเช้าทาคุมิเอารถมารับ เขาขอโทษที่ผู้ใหญ่ต้องปล่อยให้เด็กๆ ออกมาสู้ตามลำพัง

 “มันไม่ควรต้องเป็นอย่างนี้เลย พวกคุณไม่ควรต้องมาเสี่ยงชีวิต ที่จริงผู้ใหญ่อย่างเราต่างหากที่ต้องปกป้องคุณ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดขณะขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อไปตามพื้นที่ชื้นแฉะของบึง “ถึงก่อนหน้านี้เราจะคิดว่าไม่มีอสูรแล้ว แต่พวกหุ่นยนต์ที่ทิ้งไว้ก็น่าเสียดาย น่าจะเอามาบำรุงรักษา แต่ก็ไม่มีใครเห็นความสำคัญ ถ้าไม่มีอสูรงูตัวนั้นเราคงไม่ได้เอาสปาร์กมาซ่อมด้วยซ้ำ”

 “พูดถึงสปาร์ก ตอนนี้มีใครมาขนกลับไปที่กลุ่มหรือยังคะ” เจนดูจะเป็นห่วงเจ้าสปาร์ก ฉันก็เหมือนกันเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา

 “ผมแจ้งให้เขารีบเอารถมารับมันไปแล้วล่ะ ถึงยังไงก็ต้องเก็บเจ้าสปาร์กเอาไว้ให้ได้ มันไม่เหมือนกับหุ่นยนต์ตัวอื่น”

 “ทำไมเหรอคะ เจนก็เคยพูดอย่างนี้เหมือนกัน”

 ทาคุมิเอื้อมมือมาหยิบขวดน้ำเปล่าที่วางอยู่ในที่วางแก้วไปจิบก่อนจะเล่า “ความพิเศษของเจ้าสปาร์ก คือมันเปลี่ยนพาร์ทอวัยวะต่างๆ ได้อย่างค่อนข้างอิสระเมื่อเทียบกับหุ่นยนต์รุ่นอื่นๆ ซึ่งการเปลี่ยนพาร์ทของรุ่นอื่นอาจจะทำได้แต่ก็ยุ่งยากมาก แต่ถ้าเป็นสปาร์ก เพียงได้ชิ้นส่วนหุ่นยนต์มา ไม่ว่าจะบริษัทไหนผลิต โลหะเหลวที่เป็นจุดเชื่อมต่อของมันก็จะประสานให้ใช้งานชิ้นส่วนพวกนั้นได้ทันที”

 “โอ้โห” เป็นครั้งแรกที่ทาคุมิไม่ได้พูดศัพท์เทคนิคยากๆ ทำให้ฉันเองก็เข้าใจได้ทันที “อ้าวแล้วทำไมคืนนั้นเจนถึงอยู่ซ่อมทั้งคืนล่ะ ถ้ามันเปลี่ยนชิ้นส่วนง่ายขนาดนั้น”

 “เปลี่ยนชิ้นส่วนน่ะอาจจะง่าย แต่ด้วยความพิเศษของสปาร์ก ก็เลยอ้างอิงจากหุ่นรุ่นอื่นไม่ได้น่ะสิ แต่พอใช้เวลาอยู่กับมันมากๆ แถมยังมีอาจารย์ทาคุมิอยู่ด้วย ตอนนี้ก็น่าจะไม่ใช้เวลามากขนาดนั้นแล้วล่ะ” เจนนิเฟอร์ยิ้มกว้าง ก่อนหน้านี้เธอไปแอบซ่อมสปาร์กในป่าอยู่คนเดียว คงลำบากน่าดูเลยสินะ ฉันมองหน้าด้านข้างของเพื่อนด้วยความทึ่ง ทุกคนเห็นว่าเจนเป็นคนแปลก คนบ๊อง แต่จริงๆ เธออาจจะเป็นอัจฉริยะก็ได้

 “แล้วตอนนี้เราได้ชิ้นส่วนใหม่มาทั้งหมัดจรวด ทั้งดาบสะบั้นเศียร แล้วก็ยังมีชิ้นส่วนของหุ่นยนต์เก่าที่เราพบ การต่อสู้กับพวกอสูรก็น่าจะง่ายขึ้น” เจนนิเฟอร์พูด แต่ทาคุมิส่ายหน้า

 “สปาร์กอาจจะเก่งแต่ถ้าพวกอสูรยังออกมาจากรอยแยกมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนสมัยสงคราม ครูว่าเราคงต้องหาคนช่วย ตอนนี้พวกผู้ใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกอสูรมันออกมาทำร้ายผู้คนจริง เดี๋ยวกลับไปจะมีประชุมกลุ่มวิสามัญ ครูอาจจะต้องขอแรงพวกคุณสองคนให้เข้าประชุมมาเล่าเหตุการณ์ด้วย” ทาคุมิพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด โดยเฉพาะตอนที่เขาพูดคำว่าช่วงสงคราม เขาอาจจะนึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายที่เคยพบก็ได้

 ไม่นานนักเราก็มาถึงอาคารของกลุ่ม 16 ฉันเพิ่งเคยเห็นมันจากภายนอก ตอนที่ย้ายมาฉันก็ได้แต่จมอยู่ในความคิดของตัวเองจนไม่ได้สังเกตอะไร โรงเรียนของพวกเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาคารภายในกลุ่มเท่านั้น รถของทาคุมิพาเราทั้งสามคนกลับไปที่โรงเรียน ในเส้นทางที่ผ่าน ฉันได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายและดูมีความสุข มีบางคนที่มีท่าทางกังวล อาจเป็นเพราะเรื่องของอสูรรุกรานที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อถึงโรงเรียน อาจารย์ทาคุมิบอกให้พวกเราไปพักผ่อน ทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย แล้วเตรียมพร้อมที่จะเข้าร่วมประชุมวิสามัญในวันรุ่งขึ้น เมื่อฉันอาบน้ำก็ต้องทนกับความแสบที่เกิดจากรอยแผลต่างๆ แต่ก็ยังถือว่าโชคดีมากที่ไปเสี่ยงตายขนาดนั้นแต่กลับบาดเจ็บเพียงเท่านี้ พออาบน้ำเสร็จฉันส่งข้อความหาเจนให้ออกไปหาอะไรกินด้วยกัน แค่เพียงอึดใจเดียวช่างเครื่องของฉันก็มาปรากฏตัวที่ห้อง

 “แต่งตัวเหมือนเดิมเลย ไม่มีชุดแบบอื่นบ้างหรือไง” ฉันว่า

 “ก็ฉันชอบใส่แบบนี้นี่มันสะดวกดี” เจนพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างเคย อย่าให้ฉันได้จับเธอแต่งตัวนะ

 “แล้วเย็นนี้จะกินอะไรดี ฉันหิวแล้ว” เธอพูดอีก ไม่ทันไรก็มีเสียงท้องร้องดังมาก แต่เจนนิเฟอร์ไม่อาย กลับหัวเราะเสียงดัง ฉันได้แต่ยิ้มอ่อน

 “ออกไปเดินดูที่โรงอาหารก่อนก็แล้วกัน”

พวกเราเดินกันมาที่โรงอาหาร มีผู้คนอยู่ประปราย สายตาที่พวกเขามองมานั้นมีหลายแบบ บ้างก็ชื่นชม บ้างก็สงสัย บ้างก็ไม่ชอบ แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว ยัยเจนยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ถึงขนาดที่มีคนซุบซิบกันต่อหน้าก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย

“กินอะไรดีอะ” ถึงที่นี่จะไม่มีอะไรให้เลือกกินมากนัก แต่การคิดว่าจะกินอะไรก็ยังเป็นปัญหาโลกแตกสำหรับฉันอยู่ดี ส่วนเจนนิเฟอร์ เธอก็แค่เดินไปยังร้านแรกที่เห็น แล้วชี้สิ่งแรกที่เห็นเหมือนกัน ฉันได้แต่ถอนหายใจ กินด้วยก็ได้ แค่เพราะนึกไม่ออกว่าจะกินอะไรหรอกนะ

“เฮ้ยอร่อย” ฉันอุทาน มันคือเส้นบะหมี่เย็นๆ ในจานที่ให้เราเอาไปจุ่มในน้ำซอสรสชาติประหลาด แกล้มด้วยหัวไชเท้าบดกับก่อนอะไรไม่รู้สีเขียวที่กินเข้าไปได้หน่อยเดียวก็ต้องรีบคายออกเพราะฉุนขึ้นจมูก เจนนิเฟอร์หัวเราะใหญ่ที่เห็นฉันทำแบบนั้น

“อะไรเล่า ก็คนมันไม่เคยกิน” ฉันทำเป็นโกรธพอเป็นพิธี แล้วก็กินต่อ เส้นบะหมี่คลุกซอสแค่นั้นไม่น่ามีอะไร แต่ทำไมรสชาติมันสดชื่นได้ขนาดนี้

“เขาเรียกว่าโซเมน เป็นอาหารญี่ปุ่นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่ยังเหลืออยู่” เจนนิเฟอร์พูดทั้งๆ อาหารเต็มปาก

“ถ้าจำไม่ผิดญี่ปุ่นนี่คือบ้านเกิดของทาคุมิใช่ไหม” รู้สึกคุ้นๆ กับชื่อประเทศนี้อยู่ ได้ยินว่าถูกทำลายไปมากที่สุดในช่วงสงคราม ถึงทุกประเทศจะถูกทำลายจนหมดในที่สุดก็เถอะ แต่น่าแปลกที่พวกอสูรมักจะโจมตีที่ญี่ปุ่นมากที่สุด

“ใช่” เจนตอบสั้นๆ ดูเธอจะให้ความสนใจกับการกินมากกว่าการพูดคุย “ทาคุมิเป็นคนเอาสูตรมาให้ร้านนี้เองแหละ แล้วก็เลี้ยงฉันตอนรู้จักกันใหม่ๆ ฉันเลยรู้จักของอร่อยขนาดนี้ไง” เธอยิ้มกว้างเผยให้เห็นเส้นบะหมี่ที่ติดฟัน เอาไว้ต้องสอนมารยาทซะให้เข็ด

“ทำไมทาคุมิถึงได้มาอยู่ที่นี่กันนะ เป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆ” ฉันมองไปทางเวิร์กช็อปถึงแม้ว่าจะมองจากตรงนี้ไม่เห็นก็ตาม

“ไม่รู้สิ แมรี่ถ้าไม่กินฉันขอที่เหลือนะ”

“ได้ไง นี่บะหมี่ของฉัน”

ฉันรีบคว้าช้อนส้อมมากินบะหมี่หรือโซเมนจนหมด เจนอธิบายว่าสมัยก่อนจะมีไม้ยาวๆ สองอันเรียกว่าตะเกียบมาใช้คีบกินด้วย ฟังดูน่าสนุกดี ไว้ว่างๆ ฉันเหลาไม้มาทำตะเกียบนี่ดีกว่า