อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาวอารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก
แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง
นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!
คอมพิวเตอร์ของแผนกช่างยนต์เป็นโน้ตบุคสีดำ ดูเก่าและมีสติกเกอร์ติดเลอะเทอะไปหมด เจนนิเฟอร์เคยบอกว่ามันชื่อ “น้องเยิน” ถึงดูภายนอกจะเก่า แต่ด้วยความที่เป็นของแผนกนี้ จึงได้รับการอัปเกรดภายในจนเร็วที่สุดในโรงเรียน ปกติน้องเยินจะอยู่ใกล้ๆ กับพื้นที่ซ่อมหุ่นยนต์เพื่่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ
“ผมไม่ได้คิดอะไร ก็แค่ลองอ่านข้อมูลดูเหมือนที่ผ่านๆ มา คิดว่าคงจะอ่านข้อมูลไม่ได้” ทาคุมิพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น โอกาสแบบนี้มีไม่บ่อยนัก เขาเสียบคอมพิวเตอร์และเครื่องอ่านเข้ากับกล่องดำด้วยมือที่สั่นเทา ฉันเห็นเหงื่อของเขาไหลโซมตามร่างกายแม้วันนี้อากาศไม่ร้อนนัก สายตาของเขาดูไม่เหมือนทาคุมิที่ฉันคุ้นเคย บางทีความทรงจำเก่าๆ อาจจะหวนกลับมาหาเขาก็ได้
ฉันมองมาทางเจนนิเฟอร์ ช่างเครื่องที่เคยพูดเก่ง ตอนนี้กลับนั่งเงียบแบบที่หาได้ยาก ฉันเอามือไปจับที่หลังมือของเธอ เย็นเฉียบ ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องดำจะเฉลยเรื่องราวในอดีตได้บ้าง
กล่องดำเงียบอยู่สักพัก มีเพียงเสียงพัดลมของน้องเยินเท่านั้น ดูเหมือนช่วงเวลาที่เงียบงันนั้นยาวนานเหลือเกิน แต่ในที่สุดก็มีเสียงดังขึ้นมา
[ซ่า… ซ่า]
[ปีเตอร์ พวกมันมีมากเหลือเกิน พวกเราจะต้านมันไว้ไม่ไหวแล้ว]
[...รุสวิกก์ นายกับคนอื่นๆ พาพลเรือนหนีไปก่อน เดี๋ยวฉันจะยันตรงนี้ไว้คนเดียวเอง]
ตอนนี้มีเสียงปืนกับระเบิดดังอยู่ประปราย รวมถึงเสียงร้องประหลาด ฉันคิดว่ามันคงเป็นเสียงพวกอสูร
[เรามีกันห้าคนยังเอาตัวไม่รอด แล้วนายคนเดียว…]
[ฉันทำได้น่า มีดาบสะบั้นเศียรอยู่ด้วยไง]
ปีเตอร์หัวเราะเบาๆ แต่มันไม่ได้แสดงถึงความมั่นใจเลยสักนิด
[มันเสี่ยงเกินไปปีเตอร์! มีแค่ 30 วินาที ฆ่าพวกมันไม่ทันหรอก! นายรีบหนีไปกับพวกเราดีกว่า!]
[ฝากไดแอนน์ด้วยนะ]
[ซ่า… ซ่า…]
มีแค่นี้เองเหรอ
“สงสัยข้อความในกล่องดำจะมีอยู่แค่นี้นะ” ทาคุมิถอนหายใจก่อนจะกดปุ่มหยุดเล่นเสียง “มีข้อมูลแค่นี้เรายังรู้อะไรไม่ค่อยมากนัก แต่ปีเตอร์คงจะยังไม่ตายตอนนี้หรอก เพราะเราพบศพเขาอยู่ในสปาร์ก”
ฉันมองดูเจนอีกครั้ง คิดว่าเธอจะผิดหวังแต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น
“ไดแอนน์…” เจนนิเฟอร์ส่งเสียงพึมพำเบาๆ น้ำเสียงที่ดูสั่น ๆ นั้นดูจะขัดกับบุคลิกปกติของเธอ
“ทำไมเหรอเจน” ฉันหันไปทางเจน เห็นน้ำตาที่คลอเบ้า
“ไดแอนน์คือชื่อในจดหมายของคนเอาฉันมาทิ้งไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า!” พูดได้เท่านั้นเจนนิเฟอร์ก็รีบวิ่งออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อนสิ เจน เจน!” ฉันรีบวิ่งตามเธอออกไป เจนนิเฟอร์ผลุนผลันกลับไปที่ห้องของตนเอง หยิบกุญแจที่ซ่อนไว้ใต้พรมเช็ดเท้าออกมาไขลิ้นชัก ในนั้นมีของอยู่ไม่มากนัก และจดหมายฉบับหนึ่ง
“นี่ไงแมรี่ เธออ่านสิ”
ถึงใครก็ตามที่พบจดหมายฉบับนี้
เด็กคนนี้ชื่อเจนนิเฟอร์ เลอกู้ด เกิดวันที่ 5 ตุลาคม 20XX ฉันมีความจำเป็นที่ไม่อาจเลี้ยงดูเธอต่อไปได้ หวังว่าคุณคงเข้าใจและไม่พยายามสืบหาเรา
ขอบคุณมาก
ไดแอนน์
“เจน…” ฉันพูดได้เท่านั้น ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องพูดอะไรต่อไป แน่นอนว่าจดหมายนี้แทบจะไม่บอกอะไรเลย สิ่งที่เจนไม่เคยบอกก็มีแค่วันเกิดกับชื่อของไดแอนน์เท่านั้น และคนชื่อไดแอนน์ก็คงไม่ได้มีคนเดียว
“...แต่คนชื่อไดแอนน์ที่รู้จักกับปีเตอร์ เลอกู้ด ไม่น่ามีหลายคนนะ” ช่างเครื่องของฉันพูดเหมือนอ่านใจฉันได้ “...มันเป็นเบาะแสเดียวที่ฉันมีนะแมรี่!”
ฉันมองหน้าเธออีกครั้ง ไม่รู้จะบรรยายสีหน้าของเจนตอนนี้ว่ายังไง มันเหมือนมีความหวัง แต่ก็เหมือนเธอรู้ว่าโอกาสที่จะสืบไปจนรู้ตัวพ่อแม่ของเธอได้คงไม่ได้มากขนาดนั้น
“แล้วเธอจะติดต่อไดแอนน์คนนี้ได้ยังไง”
“เรื่องนั้นฉันจะลองปรึกษากับทาคุมิดู” เหมือนความมั่นใจกลับมาหาเธออีกครั้ง ทั้งที่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าทาคุมิจะมีวิธีหาตัวไดแอนน์อย่างไร ถึงเขาจะเป็นอาจารย์ที่ดูฉลาดก็เถอะ
“เดี๋ยว…” ฉันฉุดข้อมือเธอไว้เพราะนึกอะไรขึ้นมาได้ “แทนที่จะหาไดแอนน์ ฉันว่าหารุสวิกก์ดีกว่านะ จำได้ไหมว่าในคลิปเสียง ปีเตอร์พูดฝากไดแอนน์กับรุสวิกก์”
“จริงด้วย” เจนนิเฟอร์พยักหน้า หันมามองฉันอย่างรู้สึกทึ่งที่ฉันนึกออก “รุสวิกก์น่าจะเป็นทหารอยู่หน่วยเดียวกับปีเตอร์ แต่เราจะสืบหาหน่วยนี้ได้ยังไง ขนาดปีเตอร์ที่คิดว่าน่าจะเป็นเอซไพล็อตยังไม่เห็นมีใครรู้จักเขาเลย”
“เธอลืมอะไรไปหรือเปล่าเจน” ฉันมองหน้าสาวเลือดร้อนที่อยู่ตรงหน้า “เธอมัวแต่ตื่นเต้นกับชื่อไดแอนน์จนลืมไปว่าเราเก็บสปาร์กทูมาทั้งตัว นี่มันแค่กล่องดำจากหุ่นตัวนั้นเท่านั้น ที่ตัวหุ่นอาจจะมีเบาะแสอะไรอีกก็ได้”
“แต่สนิมขึ้นกรังขนาดนั้น แล้วทาคุมิก็ล้างสนิมออกไปหมดแล้วด้วย”
“ไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ” ฉันว่า พยายามทำสีหน้าให้จริงจัง “เราต้องไปดูของจริงให้รู้ก่อนสิ” คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายที่จับมือเจนวิ่งกลับไปที่เวิร์กช็อป สปาร์กทูยังอยู่ที่นั่นพร้อมกับทาคุมิ พวกเราเล่าเรื่องของไดแอนน์ให้เขาฟัง
“เลยอยากรู้ว่ายังมีเบาะแสอะไรที่จะสาวไปถึงไดแอนน์หรือรุสวิกก์ได้หรือเปล่าน่ะค่ะ”
“เบาะแสเหรอ…” ทาคุมิทำท่าครุ่นคิด เขาหันไปมองที่ตัวสปาร์กทู สนิมและส่วนที่ถูกกัดกร่อนถูกล้างออกไปหมดแล้ว ทำให้แทบจะไม่เหลือเศษอะไรมากนักนอกจากโครงเหล็ก ทาคุมิบอกว่าอะไหล่ของสปาร์กทูที่นำไปใช้ต่อได้มีน้อยมาก ที่ยังขับมันได้ตอนนั้นคือปาฏิหาริย์
“ตัวอักษรที่ไหล่ขวา เหมือนกับสปาร์กมากเลย” ฉันพูดขณะมองดูตัวอักษรที่ซีดจางและลบเลือน แต่คราวนี้มันไม่มีรอยขูดขีดเหมือนกับที่ไหล่ของสปาร์ก
“ตัวนี้เหรอ อ่านว่าคิโบ แปลว่าความหวังน่ะ”
“อาจารย์รู้…”
“ก็ต้องรู้สิ มันเป็นภาษาญี่ปุ่น”
“แต่ตอนนั้นฉันเอาแอปแปลภาษาส่องดูแล้วมันแปลไม่ออก”
“ไม่แปลกหรอก ตัวอักษรนี้ที่หุ่นสปาร์กถูกขูดขีดจนดูแทบจะไม่ออกแล้ว คุณเก่งมากที่รู้ว่ามันคือตัวเดียวกัน”
“เพราะอะไรถึงมีคนมาขูดตัวอักษรความหวังออกไปกันนะ” ในหัวของฉันคิดไปต่างๆ นานา ตัวอักษรบนหุ่นยนต์ที่เคยเป็นความหวังกลับถูกขีดฆ่า… หรืออาจจะเป็นเพราะเขาสิ้นหวังกันนะ… ไม่สิ ฟุ้งซ่านไปก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เราต้องหาเบาะแสให้เจนนิเฟอร์ก่อน
“ที่ไหล่ซ้ายเขียนว่า Protector 03” เจนนิเฟอร์ชี้ไปที่ไหล่ของหุ่น “ที่ไหล่ของสปาร์กก็มีคำว่า Protector เหมือนกัน แต่ตัวเลขอ่านไม่ออกแล้ว”
“เราไม่รู้ว่าคำว่า Protector กับตัวเลขนี่หมายถึงชื่อหน่วยหรือหุ่น ในสมุดประจำตัวของเขา ตรงที่เขียนชื่อหน่วยหมึกก็ซีดจางไปแล้ว มีแค่ชื่อปีเตอร์ เลอกู้ด ที่เป็นการพิมพ์มันเลยยังเห็นชัดอยู่” ทาคุมิพูดพลางถอนหายใจ “ผมว่าเบาะแสที่มีคงพาเรามาได้แค่นี้”
“ไม่หรอกค่ะ” เจนนิเฟอร์พูดขึ้นอย่างมีความหวัง “ฉันว่าที่อาคารร้างนั่นยังมีเบาะแสอยู่อีก มันเคยเป็นที่ที่หุ่นตัวนี้เคยอยู่”
ทาคุมิแย้งเรื่องความปลอดภัย ส่วนฉันนึกถึงเด็กคนนั้น ถ้าเราไปที่นั่นอีก จะได้พบกับเธออีกหรือเปล่านะ
“อนุญาตให้พวกเราไปหาเบาะแสที่นั่นเถอะค่ะอาจารย์ทาคุมิ” ฉันโพล่งประโยคนี้ออกมาจนแม้แต่ตัวเองยังแปลกใจ “อาจารย์จะไปด้วยก็ได้ พวกเราสัญญาว่าจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่เกินหนึ่งชั่วโมง แล้วจะรีบกลับทันทีค่ะ”
ทาคุมิมีท่าทางลังเล เขาถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “ก็ได้ แต่ครบหนึ่งชั่วโมงแล้วต้องรีบกลับทันทีนะ”
……………..
พวกเราใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงอาคารร้าง เจนนิเฟอร์นั่งเงียบมาตลอดทาง ส่วนฉันก็ไม่ได้ชวนคุยเพราะรู้ว่าเธอคงจะอยากอยู่กับตัวเองมากกว่า เราได้เห็นอาคารร้างชัดขึ้นในตอนกลางวัน มันมีร่องรอยของแท่นจอดหุ่นยนต์ราวๆ 4-5 ตัว โต๊ะวางอุปกรณ์มีลิ้นชักใส่ของ แต่ในนั้นไม่มีอะไร พวกเขาอาจจะย้ายมันหนีไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว คอมพิวเตอร์ที่ถูกทิ้งไว้ใช้การไม่ได้เลย พวกเราใช้ไฟฉายส่องหาหลักฐานไปทั่ว ใช้เวลานานมากแต่ยังไม่พบอะไร
เจนนิเฟอร์ถอนหายใจพร้อมรอยยิ้มที่ฉันรู้ว่าไม่ได้มาจากความร่าเริงเหมือนทุกที แต่รอยยิ้มนั้นก็อยู่ได้ไม่ถึงเสี้ยววินาทีเมื่อเธอเห็นว่าฉันมองอยู่ เจนรีบกลบเกลื่อนด้วยท่าทีปกติทันที เธอมักจะทำเหมือนไม่ใส่ใจว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นใคร แต่จริงๆ ก็คงเป็นเรื่องสำคัญของเธอเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรหรอก สักวันก็คงจะเจออะไรเองแหละ” เธอว่า พยายามทำตัวให้ร่าเริง “นี่ก็ใกล้จะครบชั่วโมงแล้ว เดี๋ยวเรากลับกันเลยก็ได้”
“เงียบก่อน” ทาคุมิกระซิบ เขาบุ้ยใบ้ให้พวกเราเข้ามาแอบหลังโต๊ะ
“มีใครบางคนกำลังมาที่นี่”