อารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
ไซไฟ,sci-fic,ไซไฟ,ยูริ,yuri,อนาคต,หุ่นยนต์,สัตว์ประหลาด,ไคจู,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Spark hope ประกายหวังพิฆาตพันธุ์ต่างดาวอารยธรรมมนุษย์ล่มสลายจากสงครามกับอสูรเมื่อหลายสิบปีก่อน พวกมันกลับมาอีกครั้งในยามที่มนุษย์แทบจะไร้อาวุธต่อกร มีเพียงสิ่งนั้นที่เป็นความหวัง
แม้พวกอสูรจะพ่ายแพ้กลับไป ทว่าอารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็ถูกทำลาย เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ในกลุ่มเล็กๆ กระจัดกระจายกันอยู่ไม่กี่สิบกลุ่มทั่วโลก
แมรี่ เด็กสาวจากกลุ่มอื่นที่เพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน เธอถูกอสูรไล่ล่า ดีที่ได้ เจนนิเฟอร์ ยัยเนิร์ดบ้าเครื่องจักรขับหุ่นยนต์มาช่วยไว้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการต่อสู้และความรักของทั้งสอง
นิยายเรื่องใหม่ของราชาวาฬ ลงวันเว้นวันตอนหกโมงเย็น!
ฝนที่ตกอย่างรุนแรงสาดซัดผ่านรอยแตกของกระจกเข้ามาในห้องโดยสารจนฉันและทุกสิ่งในนั้นเปียกโชก สปาร์กยังคงแน่นิ่งแม้ว่าฉันจะขยับก้านบังคับซ้ำแล้วซ้ำอีก ข้างนอกนั่นหุ่นยนต์สีดำกำลังง้างแขนข้างที่ยังขยับได้ไปด้านหลังเพื่อเตรียมจะเพิ่มแรงมาแทงฉันให้สิ้นซาก
เราจะต้องตายที่นี่เหรอ กลัวเป็นบ้า
แต่อย่างน้อยเจนกับทาคุมิก็รอด
ฉันหลับตาลง รอรับวาระสุดท้ายที่กำลังจะเข้ามา
กี๊ซ
เสียงร้องของอสูรงูดังขึ้น มันกระโจนขึ้นไปบนตัวของหุ่นยนต์สีดำ และพยายามจะกัดกระชากทุกชิ้นส่วนที่มันกัดได้ หุ่นยนต์ใช้แขนข้างเดียวถือมีดสู้กับมัน แต่นั่นไม่ทำให้อสูรงูได้เปรียบเมื่อคิดถึงความบาดเจ็บที่มันได้รับมาก่อนหน้านี้ กลับกันหุ่นยนต์แขนยาวได้รับเพียงรอยขีดข่วน ในขณะที่ฝ่ายอสูรมีบาดแผลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลือดสีม่วงของมันถูกสายฝนชะล้างออกไปทันที แต่เท่าที่ฉันเห็น มันคงเสียเลือดไปไม่น้อยเลย
ทำไมมันถึงกลับมากันนะ
เราเคยรับรู้กันว่าอสูรงูมีสติปัญญาและความสามารถต่ำที่สุดในหมู่อสูร เมื่อพวกอสูรแพ้สงครามแล้วหนีกลับไป พวกมันทิ้งอสูรงูไว้จำนวนหนึ่ง ไม่มากนัก อาจเป็นเพราะแม้ในหมู่อสูร อสูรงูก็ไร้ค่าในหมู่พวกมัน หลังจากนั้นพวกมันก็ทำตัวเหมือนกับสัตว์ป่า อาจทำร้ายคนบ้างแต่ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไรนัก
แต่การที่อสูรงูตัวนี้ถูกจับล่ามแล้วยังมีชีวิต นั่นแปลว่าต้องมีคนเลี้ยงมัน ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะอดตายไปแล้ว
กี๊ซ กี๊ซ
เสียงร้องของมันเบาลงเรื่อยๆ แน่ล่ะ แม้แต่สปาร์กยังสู้กับหุ่นยนต์ตัวนี้ได้ลำบาก แล้วอสูรงูที่บาดเจ็บจะเอาชนะมันได้ยังไง แต่ตอนนี้ถึงฉันจะอยากช่วยมันก็ทำอะไรไม่ได้ สปาร์กยังไม่ยอมขยับ
หรือว่าเราจะฉวยโอกาสนี้รีบหนีไป ไม่ได้ มืดจนมองทางไม่เห็น แถมฝีเท้ามนุษย์น่าจะช้ากว่าหุ่นตัวนี้ ถึงหนีไปมันก็จับเราได้อยู่ดี
แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ
ฉันนึกถึงตอนที่เจนนิเฟอร์เข้ามาติดอะไรบางอย่างที่ขาของสปาร์ก มันคืออะไรกันนะ ทำไมเธอต้องยอมเสี่ยงอันตรายขนาดนั้น สปาร์กก็ไม่ได้เสีย ไม่ต้องรีบมาซ่อมซะหน่อย
จู่ๆ เหมือนหน้าจอตรงหน้ามีอักษรปรากฏจางๆ แล้วดับไป ฉันนึกว่าตาฝาด แต่ไม่นานข้อความนั้นก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ
[HOPE System Activated]
กี๊ซซซซซซซ
อสูรงูร้องโหยหวนเป็นครั้งสุดท้าย หุ่นยนต์ร้ายเหวี่ยงแขนออก โยนร่างไร้วิญญาณของมันลงมากองอยู่ที่พื้น แล้วหันร่างที่แทบจะไม่ได้รับความเสียหายเพิ่มเติมมาที่สปาร์ก แขนมฤตยูที่ถือมีดนั้นพร้อมที่จะแทงเข้ามาอีกครั้ง แต่ตอนนี้เองที่ไฟฟ้าของสปาร์กกลับคืนมาเหมือนเมื่อครู่นี้เป็นเพียงฝันร้าย เส้นแสงสีฟ้าสว่างจ้าแม้ท่ามกลางพายุฝนค่อยๆ ลามจากส่วนน่องที่เจนนิเฟอร์เอาอุปกรณ์ปริศนามาติดไว้ไปจนทั่วร่าง
ฉันลองขยับก้านควบคุม สปาร์กกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้งแล้ว แต่คราวนี้มันกลับไม่คล่องตัว หรือว่า HOPE System อะไรนี่ มันคือสิ่งที่ทำให้สปาร์กกลับมาเคลื่อนไหวได้ แต่อะไรบางอย่างที่ทำให้มันหยุดทำงานยังไม่หายไป สปาร์กถึงยังขยับไม่ได้เต็มที่
ยังไงก็ตาม ตอนนี้ก็ไม่ได้สิ้นหวังเหมือนเมื่อกี้นี้แล้ว
มีดพกมหึมาพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ฉันเบี่ยงตัวหลบแล้วจับแขนของมันไว้ มืออีกข้างหนึ่งเอื้อมลงหยิบมีดที่ตกพื้นเมื่อสักครู่ ฟันลงที่ข้อต่อตรงศอกของมัน! แม้ยังไม่ขาดสะบั้น แต่ก็ทำให้หุ่นยนต์สีดำต้องปล่อยมีด ประกายไฟแลบออกมาจากข้อต่อ
[แมรี่! เป็นยังไงบ้าง ฉันกลับมาแล้ว!]
เสียงวิทยุดังขึ้นในหูฟัง แม้กล้องหลังจะยังมองไม่ค่อยเห็นอะไร แต่ฉันก็รู้ว่ารถยนต์สีเขียวคันนั้นต้องจอดอยู่ตรงนั้นแน่
[กลับมาทำไม มันอันตราย!]
ฉันเอ็ด แม้สถานการณ์ในตอนนี้จะดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังวิกฤตอยู่ หุ่นยนต์ปิศาจมันพังรถยนต์ได้ง่ายๆ เหมือนพลิกฝ่ามือ
[ฝนตกก็ยิ่งสร้างน้ำแข็งได้ง่ายๆ เลยนะครับ]
[คุณไวท์! ว่าแต่คุณมาได้ยังไงคะ มันไกลขนาดนี้]
[คุณทาคุมิให้พวกเราตามมาครับเผื่อมีเหตุร้าย]
ฉันเห็นชิลลี่กับเป๊บเปอร์ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกใจชื้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา เดิมพวกเราคิดว่าแค่สปาร์กตัวเดียวก็น่าจะพอสำหรับการมาสำรวจพิกัดนี้แล้ว เพราะอสูรระลอกใหม่ยังไม่มา ไม่นึกว่าจะมาเจอกับหุ่นยนต์บ้าตัวนั้นด้วย
[ช่วยจัดการกับมันให้ทีค่ะ!]
เป็บเปอร์เล็งปืนน้ำแข็งไปที่หุ่นยนต์สีดำ ส่วนชิลลี่คอยคุมเชิงอยู่เพราะปืนไฟของเขาคงไม่เหมาะกับพายุฝน ไอเย็นเริ่มปรากฏขึ้นที่ปลายปากกระบอกปืน ส่งผลให้น้ำฝนที่อยู่รอบๆ กลายเป็นน้ำแข็งตกลงมา เป๊บเปอร์ลั่นไก สายความเย็นพุ่งไปปะทะกับข้อต่อตรงที่ฉันเคยโจมตีไว้ มันทำให้น้ำที่เกาะอยู่ตรงนั้นกลายเป็นน้ำแข็งที่เย็นจัด ชิลลี่พุ่งตัวเข้าหาจุดนั้นอย่างรวดเร็วแล้วใช้กำปั้นต่อย เพียงเท่านั้นก็ทำให้แขนของมันขาดสะบั้น
ว่าแต่ทำไมชิลลี่กับเป๊บเปอร์ยังทำงานได้ปกติดีนะ หรือว่าการทำให้หุ่นยนต์ขยับไม่ได้มันมีข้อจำกัด
[ต้องใช้เวลาชาร์จปืนอีกครั้ง คุณแมรี่ เรด ช่วยสู้กับมันก่อน]
[ได้เลย! / ได้ค่ะ!]
แม้สปาร์กจะยังขยับไม่ได้อย่างใจ แต่ฉันกับชิลลี่ก็ร่วมต่อสู้เพื่อถ่วงเวลา หุ่นยนต์ตัวนั้นแม้มันจะไม่มีแขนแล้ว แต่มันก็ยังต่อสู้ได้ดี ไม่นานนักฉันก็เอะใจว่าตัวมันเริ่มล่าถอยไปเรื่อยๆ
[คุณไวท์เสร็จหรือยังคะ มันกำลังจะหนี!]
[อีกแป๊บเดียวครับ!]
หุ่นยนต์สีดำย่อตัวลงคล้ายว่ามันจะพุ่งเข้าใส่ มันกระโดดแล้วใช้เท้าที่มีเหล็กแหลมตรงปลายดูคล้ายเล็บเข้าเตะมาที่ค็อกพิทของฉัน ชิลลี่พุ่งตัวเข้าขวางไว้ ทำแขนเป็นรูปกากบาท เหล็กแหลมเจาะเกือบทะลุเกราะแขนของชิลลี่
มันถีบตัวออกมายืนอยู่ที่พื้น ประกายไฟแลบออกมาจากส่วนที่อวัยวะขาดไป เป็บเปอร์ชาร์จปืนเสร็จแล้ว ไอเย็นเริ่มปรากฏที่ปลายปากกระบอกปืนอีกครั้ง
หุ่นยนต์ปิศาจยืนนิ่ง ทำท่าเหมือนกำลังตัดสินใจ เป็บเปอร์สาดไอเย็นเข้าหามันไม่ถูกเต็มที่ แต่สิ่งนี้กลับเหมือนทำให้มันคิดได้ว่าจะหนี มันหันหลังกลับแล้วออกก้าวไปด้วยสองเท้า ส่วนแขนที่ควบคุมไม่ได้ห้อยร่องแร่ง บางครั้งฟาดเข้ากับลำตัวของมัน
เส้นแสงสีฟ้าทั่วร่างของสปาร์กดับลงแล้วแต่มันยังคงขยับได้เหมือนเดิม ฉันหยิบท่อนแขนของหุ่นยนต์สีดำที่ตกอยู่ขึ้นมาดู… หุ่นปริศนาที่ไม่มีอวัยวะส่วนใดคล้ายกับซากหุ่นที่เลียมส่งมาเลย แต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันคุ้นตามาก… เหมือนกับสปาร์กอย่างนั้นเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ถ้าใช่ล่ะก็…
ฉันตัดสินใจไม่เอาสปาร์กไล่ตามมัน ด้วยความเร็วที่ยังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ ถึงตามไปก็คงจะไม่ทัน ชิลลี่กับเป๊บเปอร์ไล่ตามไป แต่ไม่นานก็รายงานกลับมาว่าคว้าน้ำเหลว แต่ก็ยังคงเฝ้าระวังกันอยู่เผื่อว่ามันจะย้อนกลับมา
……………
ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก พวกเราจึงตัดสินใจค้างแรมที่นี่ ซากอาคารแต่ละแห่งถูกทำลายจนไม่เหลือที่กำบังไว้เลย คุณเรดกับไวท์ก็เลยต้องไปนอนในหุ่นของตัวเอง ส่วนฉันก็นอนในรถกับเจนนิเฟอร์แล้วก็อาจารย์ทาคุมิเพราะกระจกห้องโดยสารของสปาร์กแตกจนนอนไม่ได้
“ขอโทษนะเจน สุดท้ายก็ไม่ได้เบาะแสอะไรเลย” ฉันพูด เจนคงจะคาดหวังกับการมาที่นี่ไว้มาก
“ทำไมเธอคิดอย่างนั้นล่ะ ฉันว่าก็ได้เบาะแสเยอะอยู่นะ” เจนหันมามองฉันอย่างแปลกใจ
“มีอะไรบ้างล่ะ ทั้งไดแอนน์ ทั้งรุสวิกก์ เราไม่รู้เลยว่าจะสาวไปถึงตัวพวกเขาได้ยังไง” แทนที่ฉันจะดีใจที่เจนไม่ได้ผิดหวังอย่างที่คาด แต่กลับรู้สึกล้มเหลวขึ้นมาซะอย่างนั้น
“นี่แมรี่ ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นหรอกนะ แต่การมาที่นี่ ทำให้เรารู้ว่ามีหน่วย Protector อยู่จริง มีหุ่นที่เขียนคำว่าความหวังไว้ที่ไหล่นอกจากสปาร์ก แล้วยังมีอสูรงูที่ถูกล่ามอยู่ แสดงว่าต้องมีคนอยู่แถวนี้แล้วมาล่ามมัน อสูรมันคงล่ามตัวเองไม่ได้ สุดท้ายยังหุ่นยนต์สีดำตัวนั้นอีก มันเป็นศัตรูก็จริงนะ แต่ต้องยอมรับในฐานะช่างเครื่องเลยว่ามันเป็นหุ่นยนต์ที่สุดยอดมาก” ฉันสาบานได้ว่าดวงตาของเจนเป็นประกายเมื่อพูดถึงมัน
จริงด้วย เรื่องพวกนี้ฉันก็คิดออกเหมือนกัน แต่ทำไมเหมือนกับลืมไปหมดเลย
“แล้วคนๆ นั้นจะล่ามอสูรไว้ทำไม มันเอาไว้ใช้งานอะไรได้”
“แมรี่ จำอสูรงูตัวนั้นได้ไหม ที่ป่าหลังโรงเรียนน่ะ”
“ใครจะลืมลง” ถ้าไม่มีอสูรงูตัวนั้นก็ไม่ได้มาสนิทกับพวกเจนนิเฟอร์แบบนี้หรอก
“มันน่าสงสัยที่ไม่เจออสูรกันมาสักพักแล้ว แต่อยู่ๆ มันก็โผล่มา…” ถึงตอนนี้ดวงตาของเจนก็เปลี่ยนไป “อาจจะแค่เดานะ แต่ฉันสงสัยว่าอสูรงูตัวนั้นก็เป็นอสูรเลี้ยงเหมือนกับตัวนี้”
“ก็คือ… มีคนเลี้ยงอสูรไว้ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันเอง… เนี่ยนะ” ฉันสรุปอย่างไม่อยากเชื่อ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏมันก็พอจะเป็นไปได้อยู่
“อือ ถึงมันจะไม่น่าเชื่อ แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอื่นแล้วเหมือนกัน แล้วอีกอย่าง ฉันว่าคนๆ นั้นอาจจะเป็นควาเม” ก่อนที่จะพูดชื่อของเขา เจนนิเฟอร์เงียบไปช่วงหนึ่งเหมือนจะลังเล เธอก็อาจไม่อยากเชื่อคำพูดของตัวเองเหมือนกัน
“...” ถึงอยากจะเถียง แต่ควาเมก็เป็นคนให้พิกัดนี้มาเอง ถ้าสิ่งที่เจนเดาเป็นจริง ก็แปลว่าเขาหลอกพวกเรามาฆ่าที่นี่อย่างนั้นเหรอ แต่ทำไมต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ
“ควาเมอาจจะอยากให้เราได้รู้อะไรบางอย่างก่อนที่จะฆ่า ถ้าเขาต้องการแค่จะฆ่าพวกเราเฉยๆ ก็แค่เอาหุ่นยนต์ตัวนั้นมาฆ่าระหว่างทางก็ได้”
“เธอคิดว่าหุ่นยนต์ตัวนั้นเป็นของควาเมด้วยเหรอ”
“ใช่ เธอเห็นไหมว่าไม่มีคนขับหุ่นตัวนั้น ก็แปลว่าใช้การควบคุมระยะไกล” เจนพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด “ปกติไม่ค่อยมีใครอยากทำอย่างนั้นกันหรอก มันตอบสนองได้ไม่ดีพอ การที่เขายอมใช้วิธีนี้ก็เพื่อให้เราไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของมัน แต่ในทางกลับกัน กลายเป็นว่ายิ่งน่าสงสัยมากกว่าเดิม”
ขนาดควบคุมจากระยะไกลที่ตอบสนองได้ไม่ดียังทำเอาฉันเกือบตาย
ฉันหันมาทางทาคุมิ เขายังคงเงียบอยู่ แต่ในดวงตาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่าง ไม่แน่ว่าจากคำพูดของเจน เขาอาจจะผิดหวังที่คนรู้จักในกลุ่มเดียวกันจะเป็นผู้ร้าย แต่สุดท้ายทาคุมิก็เอ่ยปาก
“ที่เจนนิเฟอร์พูดมาก็มีน้ำหนัก แต่เรายังปักใจเชื่อไม่ได้ ไว้กลับไปที่กลุ่มแล้วผมจะไปถามเขาเอง” ดูท่าทางอาจารย์จะเคร่งเครียดกว่าทุกที
“ว่าแต่เจนนิเฟอร์ ที่เธอทำตอนนั้นมันอันตรายมากนะ! วิ่งตัวเปล่าออกมาอย่างนั้น ถ้าเป็นอะไรไปจะทำยังไง!” ฉันนึกขึ้นได้ หันมาเอ็ดช่างเครื่องผมบลอนด์
“ก็มันจำเป็นนี่…” เธอตอบเสียงอ่อยๆ “ตอนซ่อมสปาร์ก มันมีชิ้นส่วนที่ฉันไม่รู้จักอยู่ แต่บนนั้นมีตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นว่าความหวัง ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร จนอาจารย์ทาคุมิเพิ่งจะบอกเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เธอก็อยู่ด้วย”
“แล้วยังไง” ฉันยังทำท่าขึงขัง แต่จริงๆ แค่เจนนิเฟอร์ยังปลอดภัยครบสามสิบสอง ฉันก็ไม่ได้โกรธอะไรอีกแล้ว
“ฉันไม่เคยติดตั้งชิ้นส่วนนี้ให้กับสปาร์กเลยเพราะไม่รู้ว่ามันมีไว้ใช้ทำอะไร จนได้รู้ว่ามันแปลว่าความหวัง ก็เลยคิดว่ามันเป็นอุปกรณ์พิเศษ ก็เลยคิดว่าต้องเอามาติดตั้งให้ได้ ฉันสังหรณ์ใจอย่างนั้น”
“แค่สังหรณ์ใจเนี่ยนะ” ฉันค้อนใส่เธอ ที่จริงอยากจะเข้าไปหยิกแก้มด้วยความหมั่นไส้ แต่ทาคุมิยังอยู่ในรถด้วยก็เลยยังต้องสงวนท่าที “แต่สังหรณ์ของเธออาจจะเป็นจริงก็ได้” แล้วฉันก็เล่าเรื่อง HOPE System ให้เธอฟัง เจนนิเฟอร์ทำตาลุกวาวตามประสาคนที่สนใจด้านเครื่องยนต์กลไก
“ถ้าไม่มี HOPE System ฉันอาจจะไม่ได้มานั่งคุยกับเธอแล้วก็ได้ ขอบใจนะ แต่คราวหลัง ขอร้องอย่าไปทำอะไรเสี่ยงๆ อีก”
“เข้าใจแล้วจ้า”
“ให้มันจริง ยังทำหน้ากวนบาทาอยู่เลย สำนึกผิดจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย”
“สำนึกผิดจริงๆ โอ๊ย อย่าหยิกสิ”
เจนร้องเสียงดัง ฉันทำหน้าเหมือนเข้มงวดแต่ยิ้มอยู่ในใจ ไม่มีอะไรจะดีเท่าทุกคนที่เราห่วงใยปลอดภัยอีกแล้ว
……………
รุ่งเช้า ฝนหยุดตกแล้ว พวกเราออกมาเดินสำรวจเผื่อว่าจะมีหลักฐานอะไรหลงเหลืออยู่ โดยให้ชิลลี่กับเป็บเปอร์คอยรักษาความปลอดภัย ฉันเพิ่งสังเกตว่าธรรมชาติแถวนี้สวยงามทีเดียว นอกจากฮิกังบานะที่ขึ้นเป็นทุ่งแล้ว ยังมีดอกไม้อื่นๆ ขึ้นอยู่ประปราย ต้นไม้สีเขียวร่มรื่น แล้วยังมีสัตว์เล็กๆ อย่างพวกกระรอก แมวป่า อาศัยอยู่อีกด้วย
“เจน ที่เธอบอกว่าควาเมอาจจะอยากให้เรารู้อะไรก่อนที่จะฆ่า มันคืออะไรเหรอ”
“ทุกอย่างมันเริ่มที่สปาร์ก พอฉันซ่อมสปาร์กจนใกล้จะใช้การได้ อสูรงูตัวนั้นก็ปรากฏตัว แล้วยังมีเรื่องตัวอักษรความหวังที่โดนขีดฆ่าที่ไหล่ของสปาร์ก แล้วเธอดูนั่นสิ” เจนนิเฟอร์ชี้ไปยังจุดที่อสูรงูเคยถูกล่ามอยู่
ที่ตรงนั้นเป็นอักษรความหวังตัวใหญ่ที่มีคนใช้อะไรขูดพื้นเขียนขึ้น แล้วขีดฆ่ามันทิ้ง ตรงด้านล่างของตัวอักษร เขียนไว้ว่า “มันไม่ใช่ความหวัง!”
“หมายถึง… สปาร์กไม่ใช่ความหวัง อย่างนั้นเหรอ…”
“แล้วหุ่นยนต์สีดำมีอักษรเขียนว่าสิ้นหวัง” เจนนิเฟอร์เสริม
“ถ้ามันเป็นของควาเม… ก็แปลว่าเขาสิ้นหวัง… สปาร์กทำให้เขาสิ้นหวัง ก็เลยจะมาฆ่าพวกเรา… อย่างนั้นเหรอ” ฉันพูดขึ้นอย่างงุนงง
“มีแค่คนเดียวที่จะตอบได้” ทาคุมิพูดขึ้น “กลับไปที่กลุ่มกันเถอะ เราต้องคุยกับควาเม”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันว่าสิ่งที่ควาเม หรือใครก็ตาม อยากให้พวกเราเห็นมีมากกว่านั้น” ฉันชี้ไปที่ตัวอักษรนั้นอีกครั้ง เมื่อมันคือประตูสู่ห้องใต้ดินด้านล่าง!