สามีที่ดีคือสามีใหม่แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็ขอสามีเก่าเวอร์ชันอัปเกรด

เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า - ตอนที่ 1 สายตาคู่นั้น โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนยุค,จีน,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า ,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า ,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,นางเอกเก่ง

รายละเอียด

เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สามีที่ดีคือสามีใหม่แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็ขอสามีเก่าเวอร์ชันอัปเกรด

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

เมื่อบังเอิญได้มีโอกาสตายจริงวิญญาณของนางสาวอิงเสวี่ย แซ่คังได้เข้าไปอยู่ในร่างของคนที่มีชื่อและแซ่เดียวกัน เกิดวันเดือนปีเดียวกัน เวลาตายก็ดันมาตายพร้อมกัน และก็ไม่รู้ว่าจะตกใจอะไรมากกว่ากันดีระหว่างเรื่องที่เจ้าของร่างนี้ยังไม่เคยได้ร่วมหอกับสามีหรือว่าการที่ท่านรองแม่ทัพถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏแผ่นดินนางจึงต้องถูกเนรเทศมาอยู่ชายแดนให้ร่วมรับผิดชอบร่วมกันในฐานะภรรยาแต่จะส่งให้มามีชีวิตใหม่ทั้งทีก็อยากจะมีชีวิตอยู่แบบสบายๆ กับเขาบ้างท่านเทพแห่งโชคชะตากลับให้กันไม่ได้ยังคุมโทนชีวิตตีนถีบปากกัดอยู่เช่นเดิม

แล้วชีวิตที่เหมือนจะดีขึ้นกลับได้มาวุ่นวายเหมือนตายวันแรกอีกครั้งเมื่อสองปีให้หลังสามีที่หายลับเข้ากลีบเมฆไปได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเป็นผู้บริสุทธิ์โดยไร้สิ้นซึ่งข้อกล่าวหาแต่การจะกลับมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายแม้ฝ่ายภรรยาจะยื่นข้อเสนอให้หย่าขาดแล้วต่างคนต่างก็ไปเริ่มชีวิตใหม่แต่สามีกลับยืนยัน นั่งยัน นอนยันและสู้สุดใจว่าถึงอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมหย่าขาดจากนางอย่างแน่นอนแล้วเช่นนี้คุณหนูอิงเสวี่ยจะเลือกอะไรได้

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้

1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์

2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์

3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ

สารบัญ

เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 1 สายตาคู่นั้น,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 2 เราควรมาหย่ากันให้มันจบๆ ไป,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 3 ร่วมชายคา,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 4 ว่าด้วยเรื่องของการค้าขาย,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 5 ความไว้วางใจ,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 6 ร้านค้าที่ไม่กล้าฝันใฝ่,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 7 สำนักคุ้มภัยสกุลจิว,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 8 ได้เวลาย้ายบ้าน,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 9 การปรับตัวครั้งใหญ่ในฐานะฮูหยินจิว,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 10 สามีสายเปย์,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 11 ร้านขนมหวานละมุน ปลดเหรียญอ่านฟรี 27 มีนาคม 68 ติดเหรียญถาวร 3 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 12 ข้าวห่อเหนียวหน้าหมูเค็ม หมูหวาน ปลดเหรียญอ่านฟรี 28 มีนาคม 68 ติดเหรียญถาวร 4 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 13 ความสัมพันธ์อันดี ปลดเหรียญอ่านฟรี 28 มีนาคม 68 ติดเหรียญถาวร 4 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 14 รายได้เป็นกอบเป็นกำ ปลดเหรียญอ่านฟรี 30 มีนาคม 68 ติดเหรียญถาวร 6 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 15 กลยุทธ์การขาย ปลดเหรียญอ่านฟรี 31 มีนาคม 68 ติดเหรียญถาวร 7 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 16 พร้อมหน้าพร้อมตา ปลดเหรียญอ่านฟรี 1 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 8 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 17 ครอบครัวใหญ่ ปลดเหรียญอ่านฟรี 2 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 9 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 18 ความสุขไม่มีวันหมดอายุ ปลดเหรียญอ่านฟรี 3 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 10 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 19 ปรับทัศนคติ ปลดเหรียญอ่านฟรี 4 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 11 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 20 ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งที่ตามหา ปลดเหรียญอ่านฟรี 5 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 12 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 21 หน้าหนาวกำลังจะมาถึง ปลดเหรียญอ่านฟรี 5 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 12 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 22 ปุยหิมะที่แสนอบอุ่น ปลดเหรียญอ่านฟรี 7 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 14 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 23 วันพักผ่อน ปลดเหรียญอ่านฟรี 8 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 15 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 24 ร้านขายข้าวเหนียวห่อหน้าหมู ปลดเหรียญอ่านฟรี 9 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 16 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 25 อิ่มหมีพีมัน ปลดเหรียญอ่านฟรี 10 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 17 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 26 ร้านอาหารคลังเสบียง ปลดเหรียญอ่านฟรี 11 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 18 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 27 มีอาการ ปลดเหรียญอ่านฟรี 12 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 19 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 28 การตัดสินใจครั้งใหญ่ของสกุลคัง ปลดเหรียญอ่านฟรี 13 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 20 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 29 เมื่อเจ้าก้อนแป้งลืมตาขึ้นมาดูโลก ปลดเหรียญอ่านฟรี 14 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 21 เมษายน 68,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า-ตอนที่ 30 เติมเต็มความสุข (จบ) ปลดเหรียญอ่านฟรี 15 เมษายน 68 ติดเหรียญถาวร 22 เมษายน 68

เนื้อหา

ตอนที่ 1 สายตาคู่นั้น

“คุณหนู ข้าวของทั้งหมดเตรียมขึ้นรถเข็นเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” เสียงของซางชุนหลิงพี่สาวคนสนิทของคังอิงเสวี่ยร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้องนอนทำให้หญิงสาวที่กำลังเปลี่ยนชุดตัวใหม่เพื่อออกไปขายขนมที่ตลาดรีบเกล้าผมเป็นทรงของสตรีที่ออกเรือนแล้วอย่างเรียบง่ายก่อนจะปักปิ่นไม้ธรรมดาๆ เพื่อยึดมวยผมเอาไว้ไม่ให้หลุดออกจากกัน

“ข้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเราไปกันเถิดเจ้าค่ะพี่ชุนหลิง พี่ซีไอ่” คังอิงเสวี่ยที่รีบร้อนออกมาจากห้องนอนส่งยิ้มหวานให้คนสนิททั้งสองคนของตนเองจากนั้นก็เร่งรีบเดินไปยังหน้าเรือนที่ตอนนี้พี่สาวเข็นรถเข็นใส่ของขายทั้งสองคันออกไปเตรียมเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เรื่องวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้คังอิงเสวี่ยต้องเผชิญอยู่แทบจะทุกเช้าโดยเฉพาะในวันที่มีลูกค้าสั่งขนมเอาไว้ล่วงหน้าพวกนางทั้งสามคนก็จะต้องตื่นขึ้นมากันตั้งแต่ช่วงกลางยามอิ๋นเพื่อเตรียมทำขนมที่จะขายหน้าร้านรวมถึงทำขนมลูกค้าสั่งเอาไว้แล้วก็จะทำงานกันไปจนกระทั่งราวต้นยามเหม่าจึงจะได้กินอาหารเช้าที่ทำขึ้นมาง่ายๆ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเข็นรถขายของไปยังตลาดที่อยู่ห่างจากเรือนที่พักอาศัยโดยต้องใช้เวลาเดินไม่ถึงหนึ่งเค่อ

ร้านขายขนมของคังอิงเสวี่ยไม่ใช่ร้านอะไรใหญ่โตเป็นเพียงแผงลอยขนาดสองโต๊ะที่เช่ากับตลาดเอาไว้เป็นรายเดือนและด้วยความที่นางนั้นเป็นผู้เช่าประจำที่มิเคยสร้างปัญหาหรือผิดสัญญาในการชำระเงินจึงสามารถต่อสัญญาเช่าเพื่อขายของโดยใช้พื้นที่เดิมเป็นประจำได้

“เสวี่ยเอ๋อร์ป้ามารับขนมที่สั่งไว้น่ะ” เมื่อมาถึงทางตลาดจะมีเจ้าหน้าที่จัดโต๊ะสำหรับขายของวางเรียงไว้ให้ผู้ค้าอยู่แล้วพวกนางก็แค่เอาผ้าปูโต๊ะแล้วจัดเรียงถาดขนมที่เตรียมมาเท่านั้นและวันนี้ยังตั้งร้านไม่ทันเสร็จท่านป้าแม่ครัวจากเรือนคหบดีลูกค้าประจำก็มารับขนมแล้ว

“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ ขนมของท่านป้าข้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วมีหมั่นโถวลูกท้อยี่สิบลูก ข้าวเหนียวไส้กล้วยยี่สิบชิ้นและขนมข้าวเหนียวสังขยาอีกยี่สิบชิ้นนะเจ้าคะ” คังอิงเสวี่ยส่งยิ้มหวานให้ลูกค้ารายใหญ่ของนางจากนั้นก็นำปิ่นโตที่จัดเตรียมขนมใส่เอาไว้ตั้งแต่อยู่ที่บ้านมอบให้ท่านป้าซึ่งปิ่นโตทั้งหมดก็เป็นของลูกค้านี่แหละที่เตรียมมาให้พร้อมในตอนที่มาสั่งขนมเอาไว้

“ขอบใจเจ้ามากขนมยังหน้าตาน่ากินเหมือนทุกวันเลยเอาไว้ป้าจะมาอุดหนุนเจ้าอีกอย่างแน่นอนเพราะคุณหนูคุณชายในเรือนต่างชื่นชอบขนมของเจ้ายิ่งนัก” หญิงวัยกลางคนเปิดดูขนมในปิ่นโตเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยพร้อมกับชื่นชมออกมาเสียเสียงดังจากนั้นนางก็ส่งเงินค่าขนมส่วนที่เหลือให้กับคังอิงเสวี่ยแล้วเดินจากไปจับจ่ายซื้อของต่อ

ในอำเภอแห่งนี้แม้จะไม่เจริญรุ่งเรืองหรือสะดวกสบายเช่นเมืองหลวงที่พวกนางทั้งสามคนจากมาแต่เมื่อปรับตัวได้แล้วก็ใช่ว่าจะมีอะไรที่เป็นเรื่องแย่ มันจริงอยู่ที่เมืองเขตชายแดนย่อมต้องเสี่ยงกับการเผชิญหน้ากับสงครามแต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่แห่งนี้นี่แหละเป็นศูนย์รวมความหลากหลายทั้งของผู้คนไปจนถึงวัฒนธรรมการกินอยู่ทำให้การค้าขายในแถบนี้คึกคักมากยิ่งนัก

จะว่าไปแล้วนี่ก็เหยียบเข้าปีที่สองที่คังอิงเสวี่ยได้ย้ายมาอยู่เมืองชายแดนแห่งนี้แบบที่ไม่ได้ตั้งใจและไม่เต็มใจซึ่งในช่วงแรกแม้นางจะหวั่นเกรงและหวาดกลัวทั้งสภาพแวดล้อมที่มันไม่คุ้นชินตลอดไปจนถึงผู้คนที่ไม่คุ้นเคยกันแต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักเมื่อเริ่มจะจับจุดเพื่อตั้งหลักได้การใช้ชีวิตในเมืองชายแดนกลับสงบสุขกว่าเมื่อครั้งที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงเสียอีก

คังอิงเสวี่ยเป็นบุตรสาวขุนนางแม้บิดาจะมีตำแหน่งเล็กๆ ในกรมโยธาแต่ก็ยังนับว่ามีหน้ามีตาอยู่มากหากเป็นที่เมืองหลวงมีใครมาเห็นว่านางมายืนขายของอยู่กลางตลาดคงมิวายถูกติฉินนินทาไปทั่วแต่พอเป็นเมืองชายแดนที่ไม่มีใครสนใจเรื่องตำแหน่งหน้าตาทางสังคมเพราะผู้คนต้องทำงานหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องมากกว่าจะเอาเวลาไปใส่ใจเรื่องคนอื่นนางจึงทำอาชีพแม่ค้าขายขนมได้อย่างสบายใจไม่ต้องหวั่นเกรงสายตาของผู้ใดที่มองมาเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่ส่งขนมตามสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ใช้เวลาเพียงไม่นานร้านค้าขนมเล็กๆ ของคังอิงเสวี่ยก็จัดเสร็จสิ้นแทบจะทันทีที่มีลูกค้าเดินเข้ามาซื้อขนมและสอบถามถึงขนมอื่นๆ ที่วันนี้นางไม่ได้ทำมาขายเพราะว่านอกจากท่านป้าแม่ครัวแล้วก็ยังมีคนสั่งขนมเอาไว้อีกหลายเจ้าทำให้วันนี้ไม่สามารถทำขนมทุกชนิดที่มีออกมาขายได้เช่นทุกวัน

“วันพรุ่งนี้จะมีขนมปลาไส้ถั่วแดงมาชายแน่นอนเจ้าค่ะท่านป้าวันนี้ต้องขออภัยจริงๆ เพราะมียอดสั่งขนมล่วงหน้าค่อนข้างเยอะข้าจึงทำไม่ทัน” เจ้าของร้านคนงามบอกกับลูกค้าไปตามตรง

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร วันนี้ให้หลานๆ กินข้าวเหนียวไส้กล้วยไปก่อนก็ได้อย่างไรข้าก็มาซื้อของตลาดทุกวันอยู่แล้วพรุ่งนี้ค่อยซื้อกลับไปก็ได้” ท่านป้าผู้นี้ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นลูกค้าประจำโดยนางมีหลานเล็กๆ อยู่สามสี่คนกำลังอยู่ในวัยน่ารักและกินเก่งเมื่อผู้เป็นป้ามาจ่ายตลาดนางก็มักจะแวะมาซื้อขนมกลับไปฝากหลานๆ อยู่เสมอไม่เคยขาด

“ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้าแถมหมั่นโถวลูกท้อให้ท่านน้าสองลูกเป็นการปลอบใจเด็กๆ นะเจ้าคะ”

จู่ๆ รอยยิ้มบางเบาที่มีประดับอยู่บนใบหน้าของคังอิงเสวี่ยตลอดเวลาก็เลือนหายไปโดยมันถูกแทนที่ด้วยกิริยาขมวดคิ้วอีกทั้งดวงตาที่กลมโตของนางยังเพ่งมองไปยังกลุ่มของฝูงชนเบื้องหน้าด้วยอาการคล้ายจะหวาดระแวงแต่มันก็เกิดขึ้นมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น

“พี่ชุนหลิง พี่ซีไอ่รู้สึกเหมือนข้าไหมเจ้าคะว่ามีใครสักคนกำลังจ้องมองพวกเราอยู่” หลังจากสัมผัสถึงบางสิ่งที่แปลกไปจากทุกวันคังอิงเสวี่ยจึงกระซิบถามพี่สาวคนสนิทที่ตอนนี้ไม่ได้ต้อนรับลูกค้าอยู่

“ไม่มีนี่เจ้าคะอาจจะเป็นเพราะวันนี้คุณหนูเหนื่อยมากจึงทำให้รู้สึกล้าหรือเปล่า อย่างไรแล้วมานั่งพักก่อนดีไหมเดี๋ยวข้ากับซีไอ่จัดการขายขนมให้เอง” ซางชุนหลิงที่เปรียบเสมือนพี่ใหญ่ของทั้งสามคนเอ่ยปากพร้อมกับเข้าไปจูงคุณหนูน้อยของนางให้มานั่งพักที่บริเวณหลังร้านที่พอจะมีพื้นที่เล็กน้อยให้นางเอาตัวเล็กๆ ของตนเองเข้ามานั่งพักเหนื่อยได้

“คงเพราะเหนื่อยและเมื่อเช้าก็กินข้าวน้อยด้วยอย่างไรแล้วคุณหนูนั่งกินแผ่นแป้งย่างกับน้ำชารองท้องสักนิดนะเจ้าคะ” ซางซีไอ่นำห่อแป้งย่างไส้ไข่และกระบอกน้ำชาที่นางเตรียมติดตัวมาส่งให้คุณหนูด้วยเห็นว่าเมื่อเช้านางรับประทานอาหารไปได้นิดเดียวก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวออกมาขายของ

“ข้าอาจจะคิดไปเองก็เป็นได้ในตลาดมีชาวบ้านเดินไปมานับร้อยใครมันจะมาจับจ้องแผงชายขนมเล็กๆ แบบนี้กัน” คังอิงเสวี่ยรับแผ่นแป้งย่างไปนั่งกัดกินอย่างช้าๆ ถึงแม้มันจะเป็นอาหารเรียบง่ายแต่ก็อร่อยและมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนเพราะด้านในนอกจากพี่ซีไอ่จะใส่ไข่ทอดมาให้แล้วนางยังใส่ผักที่ซอยเป็นเส้นๆ มาให้ด้วยหลายชนิดอีกรวมถึงทาซอสรสชาติเผ็ดชาที่นางชอบมาอีกนิดหน่อยเมื่อกัดกินเข้าไปหนึ่งคำแล้วรสชาติเผ็ดร้อนก็เริ่มทำให้อยากกินต่อไปเรื่อยๆ เผลอไปครู่เดียวแผ่นแป้งย่างชิ้นเท่าฝ่ามือก็อันตรธานไปอยู่ในท้องเล็กๆ ของคังอิงเสวี่ยจนหมดสิ้น

ถึงแม่ว่าจะอิ่มท้องและได้นั่งพักไปบ้างแล้วแต่เมื่อกลับมายืนขายของที่หน้าร้านอีกครั้งนางก็ยังคงสัมผัสได้ถึงการถูกจ้องมองจากดวงตาคู่หนึ่งอยู่ไม่เปลี่ยนซึ่งนั่นมันเป็นสิ่งที่ทำให้คังอิงเสวี่ยเกิดความกังวลและความไม่สบายใจขึ้นมาแต่ก็นับว่ายังเป็นโชคดีที่ในวันนี้ยืนขายขนมเพียงแค่ไม่ถึงสองชั่วยามทุกอย่างที่เตรียมมาก็ขายหมดทำให้สามารถเก็บของกลับเรือนได้เร็ว

แต่สุดท้ายแล้วอีกหลายวันต่อมาคังอิงเสวี่ยก็ยังรู้สึกถึงการถูกจับจ้องอยู่เช่นเดิมจากที่นางรู้สึกหวาดกลัวและวิตกกังวลกลับแปรเปลี่ยนเป็นความรำคาญใจและหงุดหงิดขึ้นมาแทนที่แต่ไม่ว่าจะอึดอัดภายในใจมากมายแค่ไหนนางก็มิอาจจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้เพราะนางไม่มีวิธีการที่จะหาตัวเจ้าของสายตาคู่นั้นท่ามกลางผู้คนมากมายได้เลยจริงๆ

“พี่สาว ข้าขอซื้อขนมทุกอย่าง อย่างละสิบชิ้นขอรับ”

“วันนี้ท่านแม่ของเจ้ามาซื้อขนมไปให้แล้วไม่ใช่เหรอ” คังอิงเสวี่ยถามเด็กน้อยจากร้านค้าสกุลหลิวหนึ่งในลูกค้าประจำ

“ข้าไม่ได้ซื้อไปกินเองแต่พอดีว่ามีพี่ชายคนหนึ่งฝากให้ข้ามาซื้อขนมให้เขาขอรับ” เด็กน้อยจากสกุลหลิวตอบด้วยวาจาพาซื่อแต่สำหรับคนที่ได้ยินนั้นกลับกำลังหัวใจเต้นแรงด้วยเพราะในเมืองเล็กๆ ในเขตชายแดนแห่งนี้นี้ผู้คนต่างก็คุ้นหน้าคุ้นตากันเสียเป็นส่วนมากแม้จะมีชาวบ้านจากต่างแคว้นต่างเมืองเดินทางเข้ามาค้าขายปะปนอยู่ด้วยก็ใช่ว่าเด็กชายจะไม่คุ้นเคยจนเรียกเขาด้วยสรรพนามที่ห่างเหินเช่นนี้แล้วมันเรื่องอะไรที่ชายคนที่ว่าจะต้องมาฝากเด็กชายอายุยังไม่ถึงสิบหนาวให้ซื้อขนมให้ด้วยเล่าช่างทำตัวมีพิรุธยิ่งนัก

“พี่ชาย... พี่ชายที่ไหนเหรอถ้าพี่สาวจำไม่ผิดอาชางมีแต่น้องสาวกับน้องชายนี่นา” เจ้าของร้านคนงามแสร้งถามไปตามเรื่องตามราวคล้ายกับพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศเพื่อไม่ให้เด็กชายต้องรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกคำถามจับผิด

“ข้าก็ไม่รู้ว่าพี่ชายมาจากไหนแต่ข้าเห็นเขามาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเถ้าแก่เหอหลายวันแล้วและพี่ชายก็ชอบออกไปหาซื้อของอร่อยๆ มากินบางครั้งก็ฝากเด็กๆ อย่างพวกข้าไปซื้อมาให้แล้วเขาก็ยังใจดีแบ่งขนมให้เด็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ โรงเตี๊ยมกินด้วยนะขอรับพี่สาว” ยิ่งได้ยินในสิ่งที่หลิวชางพูดแล้วคังอิงเสวี่ยก็ยิ่งสับสนคนอะไรจะมาเที่ยวซื้อของกินแจกจ่ายผู้อื่นไปทั่วแบบนี้ถ้าไม่เรียกว่ามีพิรุธแล้วมันจะเรียกว่าอะไรได้กัน

“หลิวชางเด็กดีพี่สาวขอสอนอะไรเจ้าสักอย่างได้หรือไม่ คราวหน้าคราวหลังอย่าไว้ใจอะไรคนแปลกหน้ามากไปเพราะเขาอาจจะเป็นคนไม่ดีอาจทำให้เจ้าและเด็กๆ คนอื่นเป็นอันตรายได้ยิ่งกับคนที่เราไม่ได้รู้จักเขาดีไม่ได้รู้ที่มาที่ไปเช่นนี้ด้วย เจ้ารีบเอาขนมไปส่งให้พี่ชายผู้นั้นแล้วต่อไปก็พยายามไม่ต้องไปเข้าใกล้เขาอีกนะ” หญิงสาวสอนเด็กชายด้วยความปรารถนาดีเพราะไม่คิดว่าคนที่ตีสนิทกับเด็กเล็กที่ยังไม่รู้ความอีกทั้งยังใช้งานพวกเขาแบบนี้จะไม่มีวัตถุประสงค์ใดซุกซ่อนแอบแฝงอยู่

“ข้าจะเชื่อฟังพี่สาวขอรับ” เด็กน้อยหลิวชางตอบรับคำสอนของพี่สาวร้านขายขนมอย่างว่าง่ายจากนั้นก็เดินหายเข้าไปในฝูงชนเพื่อนำขนมไปส่งพี่ชายผู้ไหว้วานตนเองมา

เหตุการณ์หลังจากเด็กน้อยหลิวชางจากไปก็ยังไม่มีอะไรผิดปกตินอกเสียงจากความรู้สึกที่คล้ายว่าตนเองกำลังถูกจับตามองนั้นยังสามารถสัมผัสได้อยู่เป็นระยะแต่ตัวของคังอิงเสวี่ยเลือกที่จะวางเฉยไปเสียเพราะคงไม่สามารถไปทำอะไรได้จนกระทั่งเมื่อขายขนมหมดและกำลังจะปิดร้านกลับบ้านมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านอยู่นานสองนานจนคังอิงเสวี่ยที่วุ่นวายอยู่กับการก้มทำความสะอาดพื้นบริเวณรอบๆ ร้านต้องยืนขึ้นเพื่อมาแจ้งเขาว่าวันนี้ขนมของร้านนางขายหมดแล้วเพราะคิดว่าเป็นลูกค้าที่มาซื้อขนม

“ขนมขายหมดแล้วรบกวนมาใหม่ในวันพรุ่งนี้นะเจ้า...” เสียงของคังอิงเสวี่ยถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอทันทีที่นางได้มีโอกาสได้มองหน้าของบุรุษที่มาหยุดยืนอยู่หน้าร้านของนางชัดๆ เต็มสองตา

“ขนมของร้านเจ้าข้าได้กินแล้วแต่ที่มานี่เพราะจะมาบอกว่าตัวข้าไม่ใช่คนไม่น่าไว้วางใจอะไรแต่ก็ต้องขอบคุณมากที่ฮูหยินที่มีใจช่วยสั่งสอนเด็กน้อยให้รู้ความ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดเสียงดังฟังชัดแต่หูของคังอิงเสวี่ยกลับดับไปตั้งแต่เขาพูดประโยคแรกออกมาเสียแล้ว

เจ้าของสายตาที่จับจ้องมาจนทำให้นางกระวนกระวายและเผลอหวาดกลัวอยู่หลายวันมันกลับไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นท่านรองแม่ทัพจิวกังเป่าสามีของนางเองหรอกหรือเนี่ย