สามีที่ดีคือสามีใหม่แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็ขอสามีเก่าเวอร์ชันอัปเกรด
รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนยุค,จีน,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า ,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่าสามีที่ดีคือสามีใหม่แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็ขอสามีเก่าเวอร์ชันอัปเกรด
เมื่อบังเอิญได้มีโอกาสตายจริงวิญญาณของนางสาวอิงเสวี่ย แซ่คังได้เข้าไปอยู่ในร่างของคนที่มีชื่อและแซ่เดียวกัน เกิดวันเดือนปีเดียวกัน เวลาตายก็ดันมาตายพร้อมกัน และก็ไม่รู้ว่าจะตกใจอะไรมากกว่ากันดีระหว่างเรื่องที่เจ้าของร่างนี้ยังไม่เคยได้ร่วมหอกับสามีหรือว่าการที่ท่านรองแม่ทัพถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏแผ่นดินนางจึงต้องถูกเนรเทศมาอยู่ชายแดนให้ร่วมรับผิดชอบร่วมกันในฐานะภรรยาแต่จะส่งให้มามีชีวิตใหม่ทั้งทีก็อยากจะมีชีวิตอยู่แบบสบายๆ กับเขาบ้างท่านเทพแห่งโชคชะตากลับให้กันไม่ได้ยังคุมโทนชีวิตตีนถีบปากกัดอยู่เช่นเดิม
แล้วชีวิตที่เหมือนจะดีขึ้นกลับได้มาวุ่นวายเหมือนตายวันแรกอีกครั้งเมื่อสองปีให้หลังสามีที่หายลับเข้ากลีบเมฆไปได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเป็นผู้บริสุทธิ์โดยไร้สิ้นซึ่งข้อกล่าวหาแต่การจะกลับมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายแม้ฝ่ายภรรยาจะยื่นข้อเสนอให้หย่าขาดแล้วต่างคนต่างก็ไปเริ่มชีวิตใหม่แต่สามีกลับยืนยัน นั่งยัน นอนยันและสู้สุดใจว่าถึงอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมหย่าขาดจากนางอย่างแน่นอนแล้วเช่นนี้คุณหนูอิงเสวี่ยจะเลือกอะไรได้
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ
“หลังจากปราบกบฏตัวจริงได้เรียบร้อยและสถานการณ์คลี่คลายลงไปมากแล้วสิ่งแรกที่พี่ทำก็คือกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อรายงานตัวต่อหน้าพระพักตร์อีกทั้งทำการขอลาออกจากการเป็นทหารแน่นอนว่าจากการที่รับตำแหน่งในกองทัพมาครึ่งชีวิตย่อมได้รับปูนบำเหน็จรางวัลมามากมายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้แต่เนื่องจากพี่จะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในกองทัพแล้วฮ่องเต้จึงพระราชทานเป็นเงินและที่ดินส่วนพระองค์มาให้ซึ่งส่วนมากก็เป็นพื้นที่ทำการเกษตรแถบอำเภอของเรานี่แหละ”
สำหรับจิวกังเป่าที่ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตในการศึกษาทั้งวิชาทหาร ศึกษาวิชาการและฝึกใช้อาวุธรวมไปถึงฝึกทหารใต้บังคับบัญชาและคิดแผนการตั้งกระบวนรบกับอีกกว่าครึ่งชีวิตที่ถูกใช้อยู่ในสนามรบการที่เขาลาออกมาจากตำแหน่งย่อมเป็นความสูญเสียที่ใหญ่หลวงของทางกองทัพแต่หลังจากเหตุการณ์กบฏและเขาตัดสินใจแล้วว่าจะกลับมาใช้ชีวิตแบบชาวบ้านทั่วไปก็ไม่มีใครทัดทานหรือขัดขวางได้แม้แต่ฮ่องเต้การได้รับเงินรางวัลมาก็นับว่าสมควรและเหมาะสมอย่างที่สุดแล้ว
แม้จะรู้สึกเหมือนเป็นการตบหัวและลูบหลังก็ตามแต่จิวกังเป่าก็ยินดีรับสิ่งเหล่านั้นมาด้วยความเต็มใจเพราะแผนการทำงานในบั้นปลายชีวิตที่วางไว้ยังคงต้องใช้เงินอีกมากพอสมควรเพราะมันจะถูกเลื่อนมาสร้างให้เร็วขึ้นกว่าเดิมและที่เขาเลือกสร้างสำนักคุ้มภัยเพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่จะมีโอกาสใช้ฝีมือและความสามารถที่ฝึกฝนอย่างหนักมาทั้งชีวิตได้อย่างแท้จริง
“แล้วก็ไม่บอกกันก่อนข้าก็หลงคิดไปว่าท่านเอาเงินออกมาใช้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุเมื่อรู้ว่าท่านมีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายยามแก่ชราเช่นนี้ข้าก็สบายใจแล้วเจ้าค่ะ” อันที่จริงก่อนหน้านี้คังอิงเสวี่ยยังคิดห่วงในตัวของสามีผู้นี้อยู่มากหากวันหนึ่งข้างหน้านางเกิดหย่าขาดกับเขาแล้วเดินทางกลับไปเมืองหลวงก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่กินอย่างไรตัวคนเดียวด้วยรู้อยู่ว่าทั้งชีวิตท่านรองแม่ทัพอยู่แต่ในสนามรบนางจึงแอบกังวลแทนไปว่าเขาจะทำมาหากินอย่างอื่นไม่เป็นแต่เมื่อเขาอธิบายให้นางฟังเช่นนี้นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“พูดอย่างกับฮูหยินจะไม่อยู่ช่วยสามีใช้เงินจนแก่ไปด้วยกันอย่างนั้นแหละ เอาเถอะหากเจ้าว่างวันไหนเราเข้าไปดูร้านค้ากันอีกครั้งแล้วเลือกร้านที่ถูกใจที่สุดมาเพื่อปรับปรุงทำร้านขายขนมพี่จะช่วยเลือกนายช่างที่มีฝีมือให้เอง” จิวกังเป่าค่อนข้างจะมั่นใจว่าฮูหยินของตัวเองยังมีความคิดที่จะหย่าขาดอยู่ในหัวแต่ตัวเขาเองกลับไม่ได้คิดจะพูดอะไรออกมาด้วยเชื่อว่าหากดูแลกันไปด้วยความจริงใจไม่ช้าไม่นานนางคงจะลืมเลือนความคิดนี้ไปได้ในที่สุด
ตัวอดีตรองแม่ทัพนั้นแม้ตอนนี้ยังไม่อาจพูดได้ว่าหลงรักภรรยาของตัวเองได้อย่างเต็มปากแต่จากการได้เห็นกับตาว่าคังอิงเสวี่ยมิใช่คุณหนูในห้องหอที่นั่งงอมืองอเท้านางขยันและดิ้นรนทำทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงชีพตนเองและคนในปกครองได้เป็นอย่างดีจึงมีความชื่นชมและรู้สึกดีกับนางอยู่ไม่น้อย
ท้ายที่สุดแล้วคุณหนูคังก็เลือกร้านค้าขนาดกลางแต่มีพื้นที่ว่างในบริเวณร้านค่อนข้างกว้างมาร้านหนึ่งจากร้านค้าทั้งสี่แห่งที่สามีซื้อเอาไว้เพื่อมาเริ่มทำการค้าแต่ก่อนที่จะเปิดร้านได้ก็ยังต้องตกแต่งปรับปรุงอะไรอีกหลายอย่างรวมถึงเรื่องการหาคนงานที่จะมาฝึกฝนทำขนมด้วยกันเพราะเมื่อมีร้านใหญ่ขึ้นจึงจำเป็นต้องทำขนมเพิ่มอีกทั้งยังต้องมีคนงานมาดูแลลูกค้าหน้าร้านและทำหน้าที่จิปาถะอื่นๆ อีกหลายอย่างเพราะฉะนั้นแรงกำลังของนางและคนสนิทเพียงแค่สามคงไม่สามารถทำไหวได้แน่
“เรื่องคนงานไม่ต้องเป็นห่วงไปอีกสักพักจะมีทหารที่ปลดประจำการไปแล้วและครอบครัวของพวกเขาเดินทางมาที่นี่เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าค่อยคัดเลือกคนงานมาช่วย คนเหล่านี้สามารถไว้ใจได้แน่นอนในอดีตหัวหน้าครอบครัวไม่ก็บุตรหลานของพวกเขาต่างก็เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่มาหลายปี”
อันที่จริงครอบครัวของทหารปลดประจำการเริ่มทยอยเดินทางมาถึงแล้วแต่ในตอนนี้สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาทั้งหญิงชายกำลังเร่งมือช่วยกันปลูกบ้านในพื้นที่ของสำนักคุ้มภัยที่จิวกังเป่าแบ่งเอาไว้ให้เป็นที่พักคนงานโดยเฉพาะจึงยังไม่สามารถมาช่วยงานฮูหยินได้ในตอนนี้
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ไม่มีคำพูดไหนที่จะอธิบายความรู้สึกของคังอิงเสวี่ยได้ดีมากไปกว่าคำว่าขอบคุณขนาดเรื่องของคนงานที่นางกำลังกังวลใจเขายังรับรู้และเตรียมวิธีการแก้ปัญหาเอาไว้ให้ถ้าไม่ขอบคุณแล้วยังจะสามารถกล่าวคำใดออกมาได้อีกเล่า
“แต่หลังจากนี้พี่ต้องไปเตรียมสถานที่สำหรับคนงานที่กำลังจะมาถึงอีกชุดหนึ่งระหว่างนี้เจ้าคิดแบบในการปรับปรุงร้านเอาไว้แล้วพี่จะตามนายช่างมาพูดคุยกับเจ้าอีกทีอยากได้อะไรก็บอกเขาไปได้เลยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย” ก่อนจะแยกตัวไปทำงานของตนเองจิวกังเป่าก็ยังไม่วายย้ำเรื่องสำคัญกับฮูหยินเพราะรู้ว่าถ้าหากไม่ย้ำนางคงจะปรับปรุงร้านด้วยวิธีการที่ประหยัดที่สุดเป็นแน่
ตัวเขาเองไม่ได้ต้องการให้นางประหยัดจนเกินไปแต่ก็ไม่ได้ตามใจถึงขนาดจะให้ฟุ่มเฟือยเกินเหตุจิวกังเป่าเชื่อว่าคังอิงเสวี่ยนั้นเป็นคนมีเหตุผลและนางก็รู้คุณค่าของเงินย่อมจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในราคาที่คุ้มค่าที่สุดได้อย่างแน่นอน
“เอ่อ แล้ววันนี้จะกลับมาทันมื้อเย็นหรือไม่เจ้าคะข้าจะได้เตรียมอาหารไว้รอ” ในเมื่อเขาเอาใจใส่เป็นธุระจัดการในเรื่องต่างๆ ให้แบบนี้คังอิงเสวี่ยก็ยินดีที่จะดูแลให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างดีที่สุดเหมือนกันอย่างน้อยๆ เมื่อกลับบ้านเขาก็ควรได้กินอิ่มและมีที่นอนที่สะอาดและอบอุ่นเตรียมเอาไว้รออยู่เสมอแม้จะไม่ได้พักอยู่ด้วยกันแต่เรื่องกินอยู่หลับนอนนางก็ดูแลให้เขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
“พี่จะกลับเรือนให้ทันมื้อเย็นแน่นอน รบกวนฮูหยินด้วย”
หลังจากที่ได้อยู่กันตามลำพังกับคนสนิทของตัวเองคังอิงเสวี่ยก็พาสองพี่สาวเดินสำรวจโดยรอบร้านค้าอีกครั้งโดยระหว่างนั้นก็พูดคุยกันไปด้วยว่าจะปรับปรุงและตกแต่งอาคารสองชั้นหลังนี้อย่างไรบ้างซึ่งเมื่อดูจากโครงสร้างที่ด้านล่างนั้นสร้างด้วยอิฐที่มั่นคงแข็งแรงส่วนชั้นสองของร้านนั้นสร้างด้วยไม้โดยรวมแล้วอาคารทั้งหลังยังอยู่ในสภาพค่อนข้างใหม่ซึ่งน่าจะสร้างมาได้ไม่ถึงห้าปีนางจึงตั้งใจจะไม่ยุ่งอะไรกับโครงสร้างเหล่านี้เลย
“ชั้นสองของร้านเราตกแต่งเป็นห้องส่วนตัวสำหรับลูกค้าที่มาเป็นหมู่คณะเหมือนกับร้านอาหารหรือว่าโรงเตี๊ยมทั่วไปก็ดีเหมือนกันนะเจ้าคะคุณหนูส่วนชั้นล่างก็จัดโต๊ะให้รับประทานขนมที่ร้านได้แต่เราควรจะต้องมีโต๊ะขายขนมอยู่ด้านหน้าด้วยเพื่อให้ลูกค้าที่ตั้งใจมาซื้อกลับบ้านได้รับความสะดวกและรวดเร็วเหมือนในตอนที่เรายังเปิดร้านแผงลอยอยู่” พี่ชุนหลิงเป็นคนพูดขึ้นมาก่อน
“แต่สำหรับครัวข้าคิดว่าอาจจะต้องต่อเติมขึ้นมาใหม่นะเจ้าคะห้องครัวเดิมของร้านมีขนาดเล็กมากแต่เดิมน่าจะใช้เพียงอุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ กับชงน้ำชาเดินเข้าไปพร้อมกันสองคนยังแทบจะหมุนตัวกันไม่ได้เลย” เป็นพี่ซีไอ่ที่เสนอความคิดเห็นของนางออกมาบ้างเพราะครัวเป็นส่วนที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการจัดตกแต่งร้านและเป็นสถานที่ที่พวกนางจะใช้เวลาอยู่ในนั้นมากที่สุดเลยก็เป็นได้
“ข้าตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะแยกครัวสร้างต่างหากที่ด้านหลังร้านเจ้าค่ะอาจจะทุบกำแพงครัวเก่าออกหรือจะไม่ทุบก็คงต้องรอปรึกษานายช่างอีกครั้งหนึ่งที่สำคัญห้องน้ำก็ต้องทำใหม่ละข้ายังอยากสร้างเรือนหลังเล็กๆ ไว้เผื่อว่าพวกเราจะเข้ามาพักผ่อนในวันที่งานยุ่งจนกลับไปที่เรือนไม่ไหวด้วยเพราะการเกินทางไปกลับข้ามฝั่งเมืองมันใช้เวลาและน่าจะทำให้ร่างกายอ่อนล้ามิใช่น้อย” ไหนๆ ก็ต้องปรับปรุงอะไรหลายอย่างคังอิงเสวี่ยจึงคิดที่จะสร้างที่พักเพิ่มให้ตัวเองและคนสนิทเอาไว้ด้วยเผื่อว่าวันไหนทำงานหนักจนเหนื่อยกลับบ้านไม่ไหวจะได้มีที่หลับที่นอนที่ปลอดภัยพักผ่อนกัน
“ข้ารบกวนพี่ชุนหลิงไปซื้อกระดาษกับเครื่องเขียนมาให้หน่อยได้ไหมเจ้าคะหากไม่จดบันทึกไว้ข้ากลัวจะลืม” เมื่อนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้พกอะไรมาติดตัวมาจดบันทึกเอาไว้เลยคุณหนูคังจึงขอให้คนสนิทออกไปซื้อมาให้ซึ่งซางชุนหลิงก็ทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็วนางออกไปจากร้านค้าแล้วกลับมาภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อพร้อมม้วนกระดาษ พู่กัน แท่งหมึกและที่ฝนหมึกมาถึงนางก็จัดการฝนหมึกให้คุณหนูทันทีอย่างรู้งาน
สตรีทั้งสามใช้เวลาไปไม่น้อยกว่าจะนั่งรถม้ากลับไปยังเรือนหลังเล็กฝั่งเหนือของเมืองแต่เพราะยังพอมีเวลาอยู่อีกมากนางจึงให้คนสนิทแยกย้ายกันไปพักผ่อนเมื่อถึงเวลาทำอาหารเย็นค่อยกลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่งโดยระหว่างที่อยู่ในห้องส่วนตัวหญิงสาวก็ยังคงนั่งเขียนรายการสิ่งที่นางต้องการทำที่ร้านค้าแห่งใหม่ซึ่งนอกจากการปรับปรุงร้านและสร้างเรือนขึ้นมาอีกหลังแล้วที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือการขุดหน่อกล้วยและพืชผักบางอย่างนำไปปลูกที่หลังร้านเพราะพวกมันล้วนแต่เป็นส่วนประกอบหลักในการทำขนมของนางทั้งสิ้น
ในช่วงแรกที่คังอิงเสวี่ยพบว่าด้านในสวนเล็กๆ ที่รกร้างหลังเรือนนั้นมีต้นกล้วยขึ้นอยู่นางก็ดีใจเป็นอย่างมากเพราะถ้ามีต้นกล้วยแน่นอนว่ามันต้องออกผลที่จะนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมายหลายอย่างแต่ระหว่างที่รอให้กล้วยออกเครือนางก็ตัดใบของมันมาใช้ประโยชน์ได้ก่อนแถมบางครั้งก็ยังโค่นต้นเอาส่วนของหยวกกล้วยขาวๆ ด้านในมาปรุงอาหารกินกันได้อีก
คังอิงเสวี่ยอยากจะขอบคุณตัวเองยิ่งนักที่ในชีวิตก่อนตอนใช้ชีวิตเป็นนางสาวอิงเสวี่ย แซ่คังตัวเองไม่เคยขี้เกียจในเวลาที่ทั้งแม่และยายชอบปลุกไปเข้าครัวแต่เช้าเพื่อช่วยทำอาหารทำให้ซึมซับวิชาทำอาหารหวานคาวมาได้มากมายซึ่งฝั่งทางย่าก็ไม่น้อยหน้าถึงแม้จะไม่ได้พบกันบ่อยนักแต่เจอกันเมื่อไหร่มือนวดซาลาเปาและหมั่นโถวแน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนางสาวอิงเสวี่ยคนนี้แม้ชีวิตนั้นจะแสนสั้นจนน่าเสียดายก็ไม่เป็นไรเพราะยังมีโอกาสได้ใช้วิชาความรู้ที่มีติดตัวมาใช้ทำมาหากินในชีวิตนี้ได้
“พี่ชุนหลิง พี่ซีไอ่เราไปเดินตลาดกันหน่อยดีไหมวันนี้ข้าอยากทำอาหารดีๆ ให้คุณชายจิวได้กินสักหน่อย” หลังจากนั่งขีดเขียนสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณหนูคังจึงเดินไปสำรวจวัตถุดิบในการทำอาหารเย็นที่ในครัวพอดีกับที่สองสาวคนสนิทกำลังเตรียมแช่ถั่วแช่ข้าวเหนียวเตรียมเอาไว้ทำขนมในวันพรุ่งนี้พอดีจึงชวนทั้งคู่ไปตลาด
“เวลานี้ยังพอมีชาวบ้านเอาของป่าลงมาขายอยู่นะเจ้าคะหากรีบไปเราอาจจะได้ไก่ป่าไม่ก็กระต่ายป่ามาทำอาหารเย็น” ชาวบ้านแถบนี้จะเอาของป่าลงมาขายวันละสองรอบแน่นอนว่ารอบแรกจะต้องเป็นช่วงเช้าและอีกรอบก็มักจะเป็นช่วงกลางยามเว่ยแบบนี้
“ดีเลยเจ้าค่ะ” หากเป็นเมื่อสองปีก่อนคังอิงเสวี่ยอาจจะรู้สึกแปลกๆ เพราะกระต่ายสำหรับนางนั้นมันคือสัตว์เลี้ยงแต่พออยู่ไปนานๆ เข้าทั้งได้กินทั้งได้เตรียมเนื้อกระต่ายเพื่อปรุงอาหารหลายครั้งหลายหนก็พอจะทำใจได้แล้วว่ามันคือสัตว์ชนิดหนึ่งที่ใช้เป็นอาหารของผู้คนในยุคสมัยนี้
ร้านขายของป่าของชาวบ้านก็จะเป็นแผงลอยตั้งขายแบบเดียวกับที่นางขายขนมในตอนเช้าแต่ก็มีบางคนที่จะเอาผ้ามาปูและวางขายกันที่หน้าร้านค้าของคนรู้จักแบบนั้นเลยส่วนของที่นำมาขายกันก็มีหลากหลายอย่างแต่ส่วนมากจะเป็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยเพราะถ้าหากว่าเป็นสัตว์ใหญ่มักจะนิยมเอาไปขายที่เหลาอาหารหรือร้านขายเนื้อมากกว่าเพราะทางนั้นจะรับซื้อเหมาทั้งตัวโดยให้ราคาดีนอกจากนั้นก็จะเป็นพวกเห็ด ผักป่าแล้วก็ผลไม้ต่างๆ
น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีกระต่ายป่าแต่คังอิงเสวี่ยก็ได้ไก่ป่าตัวอ้วนมาถึงสองตัวจึงจะเอาไปทำไก่นึ่งสมุนไพรรวมถึงยังได้เห็ดมาอีกหลายชนิดที่ตั้งใจเอามาปรุงเป็นต้มยำให้คุณชายจิวได้ซดน้ำร้อนๆ จะได้ช่วยเจริญอาหารแม้ว่าข่า ตะไคร้และใบมะกรูดนางจะยังหามาใช้ไม่ได้แต่ว่ามีใบส้มโอป่าที่มีกลิ่นหอมพอจะใช้ทดแทนเครื่องต้มยำได้อยู่ส่วนเรื่องรสเปรี้ยวแน่นอนว่าได้มาจากลูกส้มโอป่าและมะขามส่วนรสเผ็ดนั้นไม่ต้องห่วงเพราะแถบชายแดนนี้ผู้คนกินอาหารรสชาติเผ็ดร้อนกว่าในเขตเมืองหลวงจึงมีพริกหลากหลายชนิดขายอยู่ทั่วไปแต่ถึงจะเป็นที่นิยมก็ยังมีราคาสูงอยู่บ้างเพราะเป็นพริกที่ขนส่งมาจากต่างแคว้น