สามีที่ดีคือสามีใหม่แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็ขอสามีเก่าเวอร์ชันอัปเกรด
รัก,ชาย-หญิง,ครอบครัว,ย้อนยุค,จีน,เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่า ,นิยายรักจีนโบราณ,ครอบครัว,นางเอกเก่ง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เสวี่ยเอ๋อร์คนดีสามีจะไม่หย่าสามีที่ดีคือสามีใหม่แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็ขอสามีเก่าเวอร์ชันอัปเกรด
เมื่อบังเอิญได้มีโอกาสตายจริงวิญญาณของนางสาวอิงเสวี่ย แซ่คังได้เข้าไปอยู่ในร่างของคนที่มีชื่อและแซ่เดียวกัน เกิดวันเดือนปีเดียวกัน เวลาตายก็ดันมาตายพร้อมกัน และก็ไม่รู้ว่าจะตกใจอะไรมากกว่ากันดีระหว่างเรื่องที่เจ้าของร่างนี้ยังไม่เคยได้ร่วมหอกับสามีหรือว่าการที่ท่านรองแม่ทัพถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏแผ่นดินนางจึงต้องถูกเนรเทศมาอยู่ชายแดนให้ร่วมรับผิดชอบร่วมกันในฐานะภรรยาแต่จะส่งให้มามีชีวิตใหม่ทั้งทีก็อยากจะมีชีวิตอยู่แบบสบายๆ กับเขาบ้างท่านเทพแห่งโชคชะตากลับให้กันไม่ได้ยังคุมโทนชีวิตตีนถีบปากกัดอยู่เช่นเดิม
แล้วชีวิตที่เหมือนจะดีขึ้นกลับได้มาวุ่นวายเหมือนตายวันแรกอีกครั้งเมื่อสองปีให้หลังสามีที่หายลับเข้ากลีบเมฆไปได้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเป็นผู้บริสุทธิ์โดยไร้สิ้นซึ่งข้อกล่าวหาแต่การจะกลับมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายแม้ฝ่ายภรรยาจะยื่นข้อเสนอให้หย่าขาดแล้วต่างคนต่างก็ไปเริ่มชีวิตใหม่แต่สามีกลับยืนยัน นั่งยัน นอนยันและสู้สุดใจว่าถึงอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมหย่าขาดจากนางอย่างแน่นอนแล้วเช่นนี้คุณหนูอิงเสวี่ยจะเลือกอะไรได้
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีทั้งหมด 10 ตอนหลังจากนั้นจะติดเหรียญล่วงหน้า รายละเอียดดังนี้
1. ติดเหรียญล่วงหน้า 1 สัปดาห์
2. ปลดเหรียญอ่านฟรี 1สัปดาห์
3. หลังจากนั้นจะติดเหรียญถาวรราคาเต็มไปจนถึงตอนจบค่ะ
ยิ่งได้ใช้เวลาร่วมกับสามีที่ไม่ได้เลือกด้วยตนเองตั้งแต่ต้นนานวันเข้าคังอิงเสวี่ยก็รู้สึกว่าตนเองพอจะเข้าใจนิสัยเนื้อแท้ของคนผู้นี้มากขึ้นว่าเพราะเหตุใดตัวตนของเขาที่นางได้สัมผัสในวันนี้จึงได้แตกต่างจากสิ่งที่ชาวบ้านเล่าลือมาเข้าหูมากนัก
เมื่อก่อนนั้นไม่มีใครในเมืองหลวงที่จะไม่รู้จักรองแม่ทัพจิวผู้เก่งกาจถ้าหากเขาร่วมทำการศึกไหนไม่มีทางที่จะไม่ได้รับชัยชนะกลับมาอีกทั้งชายผู้นี้จะไม่มีทางลงจากหลังม้าหากว่าไม่สามารถสะบั้นหัวศัตรูได้หมดและจากภาพการกระทำที่โหดร้ายและรุนแรงในสนามรบจึงเป็นที่มีของฉายาและเสียงเล่าลือว่าคนผู้นี้ทั้งดุร้ายและเป็นตัวอันตรายที่สุดในกองทัพในขณะนั้น
แต่เบื้องหน้าของนางในตอนนี้อดีตรองแม่ทัพผู้นั้นกำลังช่วยคนงานตำข้าวเปลือกเพื่อกะเทาะเปลือกออกก่อนส่งต่อให้คนงานอีกกลุ่มหนึ่งเอาไปร่อนเก็บเมล็ดข้าวสารเอาไว้เป็นเสบียงในยามหน้าหนาวที่จะมาถึงนี้ ในขณะที่คนรอบข้างกำลังช่วยกันร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานแต่จิวกังเป่าที่แม้จะไม่ได้ร่วมวงด้วยแต่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่เช่นนี้คงเรียกได้ว่าถึงไม่ได้เข้าร่วมแต่ก็มิได้ต่อต้านได้กระมัง
“ท่านพี่หยุดพักดื่มน้ำสักหน่อยดีไหมเจ้าคะ” เมื่อเห็นว่าอีกคนยืนตำข้าวไม่ยอมพักจนถังใส่ข้าวสารข้างตัวว่างเปล่าไปตั้งหลายใบแล้วเจ้าตัวก็ยังไม่มีท่าทีจะหยุดตำข้าวนางจึงต้องเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง
“ขอพี่ตำข้าวที่เหลือนี้ให้เสร็จก่อนได้หรือไม่ในตอนนี้กำลังกะน้ำหนักได้ที่จึงยังไม่อยากละไปไหน” การกะเทาะข้าวเปลือกด้วยวิธีการตำข้าวจะว่าง่ายก็ง่ายแต่ถ้าจะว่าอยากมันก็ยากมันมีเคล็ดลับเล็กน้อยอยู่ตรงที่ไม่ว่าจะใช้ครกตำข้าวแบบตำมือหรือแบบเท้าเหยียบสิ่งสำคัญที่ต้องควบคุมให้ดีคือน้ำหนักที่ใช้ในการตำ
เพราะถ้าหากตำแรงไปเมล็ดข้าวก็จะหักไปเสียหมดแต่ถ้าหากเบาไปเปลือกข้าวก็จะไม่แตกออกกว่าที่เขาจะลงน้ำหนักได้พอดีไม่ทำให้เมล็ดข้าวหักก็กินเวลาไปมากโขเมื่อจับจังหวะได้แล้วจึงไม่อยากที่จะละไปไหนง่ายๆ
ที่สำนักคุ้มภัยสกุลจิวแห่งนี้มีอุปกรณ์ที่ใช้กะเทาะเปลือกข้าวสารหลากหลายชนิดทั้งแบบเป็นครกที่ใช้เท้าเหยียบ ครกที่ใช้มือตำหรือจะเป็นเครื่องกะเทาะที่มีลักษณะคล้ายๆ กับโม่งหินที่ใช้โม่แป้งก็ยังมีและเนื่องจากต้องเตรียมข้าวไว้เป็นเสบียงจำนวนมากตามจำนวนคนที่มีอุปกรณ์ทุกชนิดจึงถูกนำออกมาใช้งานทั้งหมดรวมทั้งคนงานที่ว่างอยู่ทุกคนก็มารวมตัวช่วยงานกันอยู่บริเวณยุ้งเก็บข้าวสาร
“ถ้าเช่นนั้นแค่หันมาดื่มก็พอเจ้าค่ะ” คังอิงเสวี่ยถือกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำชาใบเตยที่แช่ในบ่อน้ำจนเย็นฉ่ำปักหลอดที่ทำจากซังข้าวล้างสะอาดเอาไว้เดินไปบริการสามีถึงที่แต่ที่มากไปกว่านั้นนางยังช่วยซับใบหน้าที่ชื้นไปด้วยหยาดเหงื่อของเขาด้วยผ้าเช็ดหน้าของตัวเองทำเอาผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็พากันขัดเขินเมื่อเห็นฮูหยินกินเต้าหู้นายท่านเอาดื้อๆ
“ขอบใจเจ้ามากน้ำชาใบเตยชื่นใจพี่ยิ่งนัก” ระหว่างที่จิวกังเป่าออกแรงตำข้าวคังอิงเสวี่ยไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเพราะนางลองหัดฝัดข้าวแล้วแต่ก็ไม่รอดจึงได้แต่นั่งเป็นกำลังใจและเตรียมของว่างและช้ำชาเอาไว้ให้บริการแรงงานพิเศษกลุ่มนี้เท่านั้น
“ท่านพี่เชื่อไหมเจ้าคะว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านกลับมาแรกๆ ที่ข้าบอกว่าจะขอหย่านั้นเป็นเรื่องจริง” ไม่รู้อะไรดลใจให้คังอิงเสวี่ยตัดสินใจพูดเรื่องนี้ออกมา
“แต่ตอนนี้เจ้าก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นแล้วนี่นา” จิวกังเป่าที่หวิดจะหายใจผิดจังหวะเมื่อได้ยินในสิ่งที่ภรรยาพูดตอบกลับนางด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งที่สุดเท่าที่ตัวเองจะพยายามทำได้
“เพราะข้าเห็นและรู้สึกได้ว่าทุกสิ่งที่ท่านพี่ทำเพื่อตัวข้าและเพื่อสำนักคุ้มภัยนั้นมันมีแต่ความจริงใจและความปรารถนาดีกระมัง ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้งแต่สามารถยืนหยัดจนอยู่รอดมาได้ด้วยกำลังกายของตนเองจึงไม่ต้องการแบ่งปันเรื่องเรื่องราวในชีวิตกับผู้ใดอีกการหย่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเราทั้งสองคน
แต่ตัวข้าไม่เคยถือโทษโกรธท่านเลยนะเจ้าคะข้ามั่นใจว่าคนที่ทำเพื่อบ้านเมืองมาทั้งชีวิตอย่างท่านพี่ไม่มีทางที่จะเป็นกบฏแผ่นดินไปได้ข้าเพียงแค่รู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเองที่อาภัพนักมีโอกาสได้แต่งงานแต่กลับไม่ได้ใช้ชีวิตครอบครัวเช่นสตรีคนอื่น
แล้วข้ายังคิดแผนการใช้ชีวิตหลังการหย่าไว้ด้วยนะเจ้าคะว่าตั้งใจจะเดินทางกลับไปเมืองหลวงใช้เงินเก็บที่สะสมไว้เปิดร้านอาหารเล็กๆ เลี้ยงตัวเองข้าเข้าใจดีว่าสถานะของสตรีที่หย่าร้างจากสามีนั้นไม่ค่อยจะได้รับการยอมรับจึงอยากพึ่งตัวเองให้มากที่สุดแต่ถ้าลำบากจริงๆ เพียงเอ่ยปากก็มั่นใจว่าท่านพ่อและท่านแม่จะไม่มีทางทอดทิ้งข้าอย่างแน่นอน”
ที่คังอิงเสวี่ยกล้าเล่าให้เขาฟังเพราะมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าตัวเองไว้ใจสามีได้มากและเขาก็ไม่มีทางจะโกรธเคืองนางที่ในอดีตเคยมีความคิดเช่นนั้น
” ไม่ใช่มีเพียงเจ้าที่เคยคิดเรื่องการหย่าหรอกเสวี่ยเอ๋อร์หลังจากที่พี่พ้นข้อกล่าวหาและกลับมาถึงที่นี่พี่ซ่อนตัวอยู่นานกว่าจะกล้ามาพบหน้าเจ้าระหว่างการเดินทางที่ยาวนั้นพี่คิดมาตลอดว่าตนเหนี่ยวรั้งให้เจ้ามาลำบากและทรมานด้วยการแต่งงานนานไปแล้วหรือไม่การคืนอิสระให้เจ้าไปน่าจะดีกว่าหรือเปล่า
ระหว่างที่ในหัวมีความคิดที่สับสนการได้แอบมองดูเจ้าใช้ชีวิตในแต่ละวันจากที่ไกลๆ ทำให้ความรู้สึกในใจของพี่เปลี่ยนไปอย่างช้าๆ เจ้าเป็นสตรีที่เข้มแข็ง เจ้าเก่ง เจ้าอดทนและเจ้าเป็นคนที่มีความสามารถอีกทั้งเจ้ายังเป็นสตรีที่ปฏิบัติตัวดีงามอยู่ในจารีตชาตินี้พี่คงหาภรรยาที่แสนดีเช่นนี้ที่ไหนอีกไม่ได้และพี่ก็คงไม่สามารถหย่าขาดแล้วปล่อยให้เจ้าไปผจญคำนินทาว่าร้ายจากผู้อื่นได้อย่างแน่นอน
อีกทั้งพี่น้องของพี่ก็ยังสนับสนุนให้ดูแลเจ้ามาโดยตลอดสิ่งที่พี่ควรทำหลังจากกลับมาคือการดูแลเจ้าให้ดีทำให้บิดามารดาของเจ้าได้สบายใจว่าบุตรสาวนั้นสุขกายสบายใจดีและสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งคือพี่ต้องชดเชยทุกๆ อย่างให้สมกับช่วงเวลาสองปีที่เจ้าสูญเสียมันไป”
เรื่องนี้น้อยคนนักที่จะได้รู้ว่าครั้งหนึ่งอดีตรองแม่ทัพผู้นี้เคยคิดว่าการหย่าร้างจะเป็นวิธีการที่สามารถคืนความสุขให้ภรรยาได้แต่เมื่อได้พี่น้องร่วมสาบานเตือนสติและได้เห็นความพยายามในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดของภรรยาความคิดนั้นก็จางหายออกไปจากหัวสมองของเขาไปจนหมดสิ้นแล้ว
“ไม่ว่าจะให้พี่พูดตอนนี้หรือว่าหลังจากนี้ไปอีกสองปี สิบปีหรือยี่สิบปีพี่ก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าไม่คิดจะหย่าขาดจากเจ้าอีกต่อไปแล้วพี่อยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพื่อดูแลปกป้องเจ้าและอยู่กับเจ้าตลอดไปนะเสวี่ยเอ๋อร์” คล้ายจะเป็นคำบอกรักแต่ไม่ได้มีคำว่ารักออกมาแม้แต่ครึ่งคำแต่แววตาที่มุ่งมั่นกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนแล้วมั่นคงของจิวกังเป่าก็ทำให้คังอิงเสวี่ยรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจแล้วในตอนนี้
“ข้าก็ไม่เคยคิดเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้วเจ้าค่ะ”
อย่างน้อยๆ ในตอนนี้ก็ได้เปิดอกพูดคุยกันในเรื่องความรู้สึกและเรื่องราวที่ผ่านมามากขึ้นทำทั้งตัวคังอิงเสวี่ยและจิวกังเป่ารู้สึกหัวใจของเราจะขยับเข้าใกล้กันอีกมากขึ้นอีกก้าวหนึ่งอีกทั้งยังได้เรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกันมากขึ้นไปอีกระดับอีกด้วย
“นี่ก็น่าจะใกล้เวลาที่ต้องทำอาหารเย็นแล้วข้าคิดว่าจะไปช่วยที่โรงครัวดีกว่าเจ้าค่ะวันนี้ทุกคนเหนื่อยมากต้องช่วยกันเตรียมเสบียงสะสมเอาไว้ในช่วงหน้าหนาวร่างกายที่อ่อนล้าของพวกท่านกำลังต้องการของอร่อยๆ กันอยู่แน่ๆ” เมื่อแหงนมองดูตะวันที่เริ่มคล้อยลงแล้วนางก็คิดว่าจะต้องขอตัวไปช่วยงานในสิ่งที่ตนเองถนัดที่สุดได้สักที
ในเวลานี้นอกจากที่จะต้องตำข้าวแล้วพืชผักในสวนโดยเฉพาะพืชหัวก็กำลังทยอยเก็บเกี่ยวเพื่อนำไปเก็บรักษาเอาไว้ในห้องใต้ดินหลายจุดที่ได้ทำการขุดเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่เริ่มสร้างเรือนไม่ว่าจะเป็นที่โรงครัวของสำนักคุ้มภัย ครัวของเรือนหลักและเรือนรองทุกๆ เรือนก็ล้วนแต่มีห้องใต้ดินสำหรับเก็บรักษาอาหารเอาไว้ด้วยกันทั้งนั้นเผื่อเอาไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อถ้าหิมะเริ่มโปรยปรายลงมา
นอกจากนี้แล้วพวกข้าวโพด ข้างฟ่าง ฟักทองและผักต่างๆ อะไรที่พอจะเก็บเกี่ยวได้ก็จะทำการเก็บเกี่ยวทั้งหมดนำมาตากแห้งบ้าง ทำผักดองบ้างเพราะหากปล่อยทิ้งไว้อากาศหนาวเย็นและหิมะก็จะกัดทำให้ผลผลิตเสียหายเอาได้
“เจ้าไปเถิดหากเสร็จงานตรงนี้แล้วพี่จะไปหาที่ครัว”
มื้อเย็นวันนี้พ่อครัวเตรียมเนื้อหมูสามชั้นเอาไว้หลายสิบจินคังอิงเสวี่ยจึงคิดที่จะนำมาต้มพะโล้ใส่ไข่และใส่ผักดองให้กินกันนอกจากนี้ก็ยังต้องต้มน้ำแกงหัวไชเท้าและผัดผักอีกสักอย่างเพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วนเห็นแบบนี้แล้วก็คิดถึงข้าวขาหมูหากทำน้ำจิ้มเปรี้ยวๆ เผ็ดๆๆ จากพริกกระเทียมตำละเอียดเติมน้ำส้มสายชู เกลือและน้ำตาลก็น่าจะช่วยให้ตัดเลี่ยนจากมันของหมูสามชั้นได้เป็นอย่างดี
กลิ่นหอมของอาหารที่ใช้เตาเคี่ยวถึงสามเตาลอยไปถึงยุ้งฉางเก็บข้าวสารทำเอาคนงานที่กำลังเก็บข้าวใส่กระสอบถึงกับเร่งมือทำงานกันเป็นระวิงเพราะวันนี้ตำข้าวกันมาทั้งวันถึงจะมีของว่างแสนอร่อยจากฮูหยินให้กินรองท้องกันแล้วแต่พวกเขาก็ยังหิวโหยกันอยู่ดี
“พี่รองวันนี้พี่สะใภ้ทำอาหารเองใช่ไหมเจ้าคะกลิ่นหอมทะลุไปถึงแปลงผักด้านหลังเลย” ถิงเมิ่งเหยาเป็นอีกคนที่เดินตามกลิ่นอาหารมาโดยนางเรียกคังอิงเสวี่ยว่าพี่สะใภ้ตามลำดับอาวุโสของสามีที่เป็นพี่ชายร่วมสาบานคนรองของนางไม่ได้คิดติดใจเรื่องที่หญิงสาวนั้นมีอายุน้อยกว่าตนเองเช่นเดียวกับกู้เนี่ยนเจิน จิวเกอตงและจิวอี้หมิงลูกพี่ลูกน้องของจิวกังเป่าต่างก็เรียกนางตามอาวุโสของสามีเช่นเดียวกัน
“ข้าฝากเจ้าไปตามคนที่เรือนของเกอตงกับอี้หมิงให้มากินข้าวด้วยกันหน่อยได้ไหมเมิ่งเหยาข้าได้ข่าวว่าพวกเขากลับมาจากคุ้มกันขบวนสินค้าแล้วจึงไม่อยากให้จูเอ๋อร์ต้องเหนื่อยทำอาหาร” จิวเกอตงและจิวอี้หมิงต่างก็ทำงานด้วยกันที่สำนักคุ้มภัยแต่น้องชายทั้งสองขอแยกออกไปปลูกเรือนต่างหากด้วยไม่อยากรบกวนพี่สะใภ้เพราะทั้งสองคนมีเด็กให้ต้องดูแลหลายคน
แม้คังอิงเสวี่ยจะบอกว่านางไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนั้นแต่ก็ไม่สามารถขัดความต้องการของทั้งสองคนได้ในฐานะพี่ใหญ่จิวกังเป่าจึงอนุญาตให้น้องชายทั้งสองคนปลูกเรือนอยู่ใกล้ๆ กันในพื้นที่ด้านหลังของสำนักคุ้มภัยแต่กระนั้นก็มีเรือนแยกที่ฝั่งปีกขวาของเรือนสกุลจิวเก็บไว้ให้พวกเขาอยู่เหมือนเดิม
“ได้เลยเจ้าค่ะเมื่อครู่ข้าเห็นเด็กๆ ก็ช่วยทำงานเก็บผักอยู่ที่สวนนั่นแหละพวกเขาช่างรู้ความนักตอนเช้าก็ตื่นมาออกกำลังร่วมกับผู้ใหญ่สายๆ ก็ช่วยทำงานเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ในภายภาคหน้าพวกเขาต้องเป็นกำลังสำคัญให้สำนักคุ้มภัยสกุลจิวได้อย่างแน่นอนพี่รองเชื่อคำข้าได้เลย”