"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน - ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก

รายละเอียด

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

ผู้แต่ง

Julie juice

เรื่องย่อ

##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน  นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)

"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง

???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”

??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!

??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”

??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”

??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?

???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง   

สารบัญ

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 1 พระแม่ครับ โปรดประทานพรให้ผมเถอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 3 ตู้เจ้ากรรม นำพานายเวรมาพานพบ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 5 พี่พร้อมจะโอนเพราะน้องมันโดนใจ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 6 เมื่อเงินมา งานก็เดิน,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 9 วิบากของลูกจิ้งจอก กับหมาป่าจอมกลับกลอก,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย?,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 12 ข้อเสนอ ที่ทำให้เผลอใจเต้น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 14 เจ้าเหยื่อผู้น่าสงสาร กับการหยอกของเหล่าไฮยีน่าขี้เล่น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 15 ก๋วยเตี๋ยวแค่ถ้วยเดียว แต่มันเปรี้ยวไปถึงใจ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต

เนื้อหา

ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ

 ห้องเช่าขนาดเล็กกระทัดรัดในอพาร์ตเมนต์เก่า ตั้งอยู่บนชั้นสี่ของตึกที่สีผนังเริ่มซีดจางด้วยกาลเวลาพื้นกระเบื้องลายหินอ่อนแตกลายงาเล็กน้อย แต่ยังสะอาดสะอ้านเพราะเจ้าของห้องดูแลอย่างดีผนังสีขาวสะอาดตาล้อมรอบพื้นที่ขนาดกะทัดรัด เพียงพอสำหรับเตียงเดี่ยวโต๊ะไม้เล็ก ๆ ข้างเตียง และตู้เสื้อผ้าเหล็กขนาดกลาง

หน้าต่างบานเลื่อนเปิดออกสู่ระเบียงแคบ ๆ มีราวเหล็กขึ้นสนิมบางจุด

เอาไว้วางกระถางต้นไม้เล็ก ๆ สองสามต้นที่เจ้าของห้องตั้งใจปลูกไว้เพิ่มชีวิตชีวา

ผ้าม่านสีครีมซีด ๆ ถูกมัดรวบไว้ข้างหนึ่ง ปล่อยให้แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาเติมความอบอุ่น

ที่มุมหนึ่งของห้องเป็นครัวเล็ก ๆ มีเคาน์เตอร์ปูนเปลือยวางเตาแก๊สหนึ่งหัว

กับอ่างล้างจานสแตนเลสติดหน้าต่างเล็ก ๆ ที่เปิดระบายอากาศได้ ติดกับครัวเป็นห้องน้ำขนาดเล็ก

มีเพียงโถสุขภัณฑ์และฝักบัวติดผนัง ไม่มีที่กั้นอาบน้ำ ช่วงเย็นที่อาบน้ำเสร็จ พื้นมักจะเปียกชื้นไปจนถึงเช้า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือ วางบนโต๊ะไม้ข้างเตียง กำลังดังขึ้นเป็นระยะ

มันส่งเสียงเรียกเจ้าของอย่างไม่ลดละ มือเรียวยื่นออกไปกดปิดตามสัญชาตญาณ

ก่อนจะนอนนิ่ง  จมไปกับฟูกนอนบนเตียงนุ่ม ความเงียบโรยตัวามาซักพัก

เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นอีกตามรอบของหน้าที่ที่มันถูกตั้งโปรแกรมโดยสมบูรณ์

           ร่างสูงนั้น เด้งลุกขึ้นจากฟูกที่นอนสีอ่อนบนเตียง อย่างหงุดหงิด

“โว๊ยยย!!!ลุกก ก็ได้ว๊ะ!!!” ภีมตะโกนลั่น ยกมือเกาขยี้ผมสีน้ำตาลออกแดง ยุ่งๆฟูๆของตัวเองอย่างหงุดหงิด

ในเช้าวันนี้ที่ตะวันยังไม่ทันตื่นมาทักทายท้องฟ้า

ยิ่งโมโห ก็ยิ่งขยี้ผมตัวเอง ราวกับจะสลัดความรู้สึกแย่ๆ ออกไป หลังจากได้ยินคำทำนายน่าหงุดหงิดนั่น

 เมื่อวันก่อน

เพื่อจะสลัดความรู้สึกแย่ ๆ ออกไปให้พ้นหัว

“เห่อะ!! สามีบ้าบอ ใครจะอยากมีวะ” ภีมสบถกับตัวเองรับอรุณ  

ขณะกำลังกระแทกแปรงสีฟันทะลวงเข้าปากตัวเอง ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดราวกับมันจะค่อยๆหายไปยังไงยังงั้น

 แต่ใครจะรู้ คำโบราณว่าไว้ ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นก็ถึงตัว มันดันจริง

แต่เหมือนโชคชะตาจะไม่ปล่อยให้เขารอดง่าย ๆ หัวแปรงสีฟันเจ้ากรรมดันเสียดสีเข้ากับกระพุ้งแก้มเต็มแรง

“อ่ะ!! เจ็บบ ว๊อย!!!” เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด พลางปัดแปรงออกจากปาก ด้วยความโมโห ซ้ำร้าย

ความหงุดหงิดนี้มันมีต้นเหตุที่มากกว่าแค่เช้านี้ — ต้นเหตุใหญ่คือคำทำนายของซินแสเมื่อวันก่อนมันพาลโมโห

มันพาลหงุดหงิดไปหมดจริงด้วยแหล่ะ ตั้งแต่ไปดูซินแส เมื่อวันก่อน

นี่ยังไม่รวมโดนเจ๊ต้อยติ่งที่ควักตังค์จ้างไป สามพัน ให้แต่งตัวชุดชมพู คาดโบว์ใหญ่เกินหัว

ไปไหว้พระแม่ลักษมีที่ตึกเกษร ตามคำทำนาย แถมต้องถ่ายรูปรายงานว่าไปจริงๆส่งให้เหล่าสามเจ๊ไฮยีน่าทั้งสามดู เพื่อยืนยันว่ามาไหว้จริงๆ

โชคดีนะไม่ถึงกับต้องถ่ายคลิปตอนไหว้ แค่นี้ ก็ไม่รู้จะเอาหน้าหล่อๆของตัวเองไปซุกไว้ไหนแล้ว

ยิ่งคิดยิ่งโมโห

 

+++++++++++++++++++++++++++

ตึกสูงมากมายเรียงรายสลับไปมา ราวกับตัวต่อของเล่นเด็ก ตั้งตระหง่านตัดกับท้องฟ้าสีครามสดใสพระอาทิตย์ที่เพิ่งตื่นมาทำงานสาดแสงอ่อน ๆ ลงมาทักทายยามเช้าแต่บรรยากาศสดใสภายนอกนั้นกลับตัดกับอารมณ์ที่ร้อนแรงของใครบางคนอย่างสิ้นเชิง

ป้ายสำนักงานของบริษัท GaleTech Solutions โดดเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าตึก

บริษัทเทคโนโลยีขนาดกลางที่ให้บริการด้านโซลูชันไอที การออกแบบซอฟต์แวร์

และระบบบริหารจัดการข้อมูล รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาทางเทคโนโลยีสำหรับภาคธุรกิจ

โดยมีแผนก Content & Localization Department ที่ดูแลการแปลเอกสารทางเทคนิค

เว็บไซต์ และซอฟต์แวร์เป็นภาษาไทย โดยตรวจสอบและแก้ไขคำแปลให้เหมาะสมกับตลาด

รวมถึงทำงานร่วมกับทีมพัฒนา UI/UX เพื่อให้ภาษาสอดคล้องกับการใช้งานจริง

และประสานงานกับทีมการตลาดในการสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทย

ในแผนกนี้เอง — เป็นที่ทำงานของ “ภีมวัจน์ ภีมะโยธิน”

ชายหนุ่มผู้จริงจังกับงานจนแทบไม่สนใจอะไร

แต่วันนี้กลับดูเหมือนพายุโหมกระหน่ำอยู่ในใจของเขา อารมณ์ของเขาในช่วงเวลานี้ร้อนระอุพอ ๆ กับอุณหภูมิหน้าร้อนของช่วงเดือนเมษายน

ใบหน้าเหวี่ยงวีน ที่หางตาชี้ขึ้นนิด ๆ ทำให้ดูเหมือนจะหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่จริงแล้วมันเป็นเพียงหน้าตาธรรมชาติของเขา

แต่พอผสมกับท่าทางหงุดหงิดและสายตาแข็งกร้าวในเช้านี้ ทุกคนในออฟฟิศจึงพร้อมใจกันหลบเลี่ยงเส้นทางของเขาโดยไม่ต้องนัดหมาย

ภีมก้มหน้างุด เดินจ้ำพรวดพราดผ่านโต๊ะทำงานแต่ละโต๊ะไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตัวเองอย่างแรงจนเก้าอี้น่าสงสารต้องรับแรงกระแทกไปเต็ม ๆ

เขาพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติ แต่ยังไม่ทันได้ปรับอารมณ์

เงามืดทะมึนก็ค่อย ๆ แผ่โอบล้อมมาจากด้านหลังจนความเย็นเสียววาบแล่นขึ้นสันหลัง

 

“เช้านี้ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเลยนะจ๊ะ น้องภีม~” เสียงลากยาวติดเล่นดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่เจ้าของเสียงถือมาด้วย

ภีมหลับตาแน่น สูดหายใจลึกอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ หันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเงานั้น —

อา.... มาแล้วซินะ ไฮยีน่าหมายเลข 1 เจ๊ต้อยติ่ง รุ่นพี่ผู้กุมอำนาจใหญ่ 1 ใน 3 ของบริษัทนี้

ผู้เป็นทั้งต้นเหตุของความวุ่นวายและคนที่เขาไม่กล้าปฏิเสธได้เลย...

“เป็นไงบ้าง หนุ่มน้อยคนดีของเจ๊” เสียงมาแล้ว ไฮยีน่าหมายเลข 2 เจ๊ติ๊ดตี่ สาวสองร่างบึกพอๆกับเจ๊ต๊อยติ่ง นางไว้หนวดเหมือนกัน

แต่นางไว้ผมทรงบ๊อบ เพราะนางคิดว่ามันน่ารัก

“เจ๊เห็นรูปแกแล้วนะ อู้ยยยย!! น่ารักสุดๆเลย” ภีมโดนมือหนาดึงแก้ม จนตัวโยกไปแล้ว ไฮยีน่าหมายเลข 3 เจ๊อ้อยใจ

สาวสองอีกคนที่รูปร่างบึกน้อยกว่า 2 คนนั้นนิดหน่อย แต่ก็ยังไว้หนวดเคราไม่ต่างกัน หล่อนผมยาว และเซตทรงมาอย่างดี

“วันนี้ ฉันมาทวงสัญญา แกลืมอะไรพวกฉันมั้ย อิภีม” ไฮยีน่าหมายเลข 1 ของออฟฟิศ เจ๊ต้อยติ่ง ที่ยืนกอด อกมองมาที่เหยื่ออย่างน่าเวทนา

ภีม ขมวดคิ้วเข้มขนกัน อย่างงุนงง มองตรงมาที่เจ๊ต๊อยติ่ง ตอนนี้เขาอยู่กลางวงไฮยีน่าทั้ง 3 ของออฟฟิศ

“หืมม!!! ผมลืมอะไรอีกล่ะ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างนึงด้วยสีหน้างุนงง

เจ๊ต้อยติ่งยกมุมปาก ยิ้นกริ่ม ใช้สายตาแห่งผู้มีอำนาจ มองตรงมาที่ภีม หล่อนส่งกระดาษแผ่น ขนาด A4 ในมือมาให้ภีม

ร่างบางรับเอกสารมากวาดตามองไปที่หน้ากระดาษ ก่อนเบิกตาชี้ๆมองกว้าง

 “เอ๊า !! ก็มันรายงานที่ผมนั่งอดนอน นั่งปั่นให้พวกเจ๊ไง !! ก็เอาไปใช้แล้วนี่ จะอะไรอีกล่ะ?”

เจ๊ต้อยติ่งมองเจ้าเหยื่อตรงหน้า ตาวาวโรจน์ ราวกับได้ของเล่นถูกใจ

หล่อนยักไหล่สบายๆ ก่อนเอ่ยเสียงหวาน

“ก็จะอะไรล่ะค่ะ น้องภีมของเจ๊ โถๆๆๆ ก็แค่หนี้เวร หนี้กรรม กันเล็กน้อย สะสางบ้างก็ดีนะจ๊ะคนดี” หล่อนบีบเสียงเล็กเสียงน้อย

“ห๊ะ?” ภีมเบ้ปากใส่

“แหมมม หนูลู้ก บุญคุณค่าแรง ค่าเหนื่อยใจ ค่า cover งานให้หนูไงคะลู้ก

ไหนจะงานอื่น ตอนหนูไม่ได้อยู่โอทีให้พวกแม่ๆชื่นตาชื่นใจไงคะ” เจ๊อ้อยใจพูดพลางทำท่าซับน้ำตา

“ทั้งหมดมันมีมูลค่านะคะ แปลงเป็นค่าอะไรดีน๊า!! หรือให้แม่ๆหอมแก้มคนละฟอด 2 ฟอด ดีมั้ยคะลู้ก” เจ๊ติ๊ดตี่ว่าพลางเช็ดปากรอแล้ว

เจ้าภีมกุมขมับ พ่นลม

“เดี๋ยวๆครับ คุณๆ สุภาพสตรี ผู้มีบุญคุณมากมายทั้งหลายใจเย็นก่อนนะ” ภีมเริ่มเหงื่อตกแล้ว  

“อ่า..ผมขอต่อรอง แปลงค่ากตัญญูแม่ๆเป็นน้ำแทนละกันนะ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีตังค์อ่ะ

 แม่ๆคงเข้าใจผมใช่มั๊ยคร้าบ”

ว่าแล้วก็ส่งสายตาน่าสงสาร ทำตาอ้อน

“โถๆ เจ้าภีมของเจ๊!!” เจ๊ต้อยติ่งใช้มือหนาๆตบบ่าบางๆ จนเจ้าภีมตัวโยกไปด้านหน้า 1 ในแก๊งค์ไฮยีน่า รับตัวเจ้าภีมที่จะหน้าคะมำ

“เบาๆหน่อยซิยะ สมบัติของออฟฟิศแผนกเราเลยนะ เดี๋ยวช้ำในตาย” เจ๊อ้อยใจบ่น ปนอมยิ้ม ราวกับไฮยีน่ากำลังสนุกกับการรุมทึ้งเหยื่อ

ภีมยืนเท้าสะเอวบางๆของตัวเอง มองตรงมาที่เหล่า สาวไฮยีน่าตัวแสบทั้งสาม

“เฮ่อะ!! ให้ตายเห่อะวันนี้วันอะไรว๊ะเนี่ย ก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้างเรอะ

หรือเทวดาประจำตัวเรา แม่งเป็นเด็กฝึกงานว๊ะ!! ดวงแม่งซวยแต่เช้า” ภีมสบถในใจ ราวกับมันจะหลุดพูดออกมาดังๆ

 “ว่าแต่เจ๊ๆจะเอาอะไรบ้างล่ะ ผมมีตังค์เลี้ยงพอแค่ตู้กดน้ำนี่นะ แพงกว่านี้ไม่มีแล้ว”

เขาทำท่าน่าสงสารหันไปมองหน้าเหล่าไฮยีน่าทั้งสามคนนั้นทีคนนี้ที

“เอาน่าๆ แค่ได้น้ำจากน้อง..... แค่นี้เจ๊ก็ชื่นใจแล้ว”เว้นวรรคชวนเข้าใจผิดไปแล้ว

“เฮ้ยย!!” ภีมโวยขึ้น

“งั้นเจ๊ขอน้ำแร่ละกันนะลูก กินอย่างอื่นเดี๋ยวผิวจะเสีย” เจ๊ติ๊ดตี่พูดขึ้นเอามือลูบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราอย่างทนุถนอม

“เจ๊ไม่เรื่องมาก เอาน้ำผลไม้ละกัน ดีต่อสุขภาพ” เจ๊ต้อยติ่ง พูดง่ายๆ พลางตามองเล็บตัวเองที่บรรจงแต่งมาอย่างปราณีต

“อืมม งั้นเจ๊ขอชาเขียวขวดนึงละกัน สดชื่นดี” เจ๊อ้อยใจเสริม ทำท่าคิด

“อย่างอนเลยน๊า คนดี ถือโอกาศกระชับความสัมพันธ์พี่น้องไงจ๊ะ”ว่าแล้วก็ตบบ่าภีมไปอีกทีเบาๆ

เจ้าภีมใช้ตาชี้ จิกตามองขวางอย่างน่าหงุดหงิด ก่อนจะเดินออกมาจากวง ไฮยีน่า ทั้งสาม ที่กำลังหยอกล้อเขาอย่างสนุกสนาน

“ความสัมพันธ์ที่ว่าไม่กระชับได้มั้ยครับ? ทิ้งระยะกันห่างๆไปเลยน่าจะดี อีแบบนี้มันทรงโจรชัดๆเลยเนี่ย” ภีมจิกกัด ยิ้มร้ายใส่

“อู้วว มงลง แหม๋ม!!! (ว่าพลางหัวเราะคิกๆ) โจรที่ไหนสวยขนาดนี้กันคะลู๊ก

 นางฟ้าชัดๆเลยนะ แล้วจะมานึกขอบคุณแม่ๆทีหลังนะจ๊ะ” เสียงเหล่าเจ๊ๆแม่ยกของน้องภีม ดังไล่หลังมา

เจ้าตัวเดินหันหลังหนีมาย่ำเท้าแรงอย่างระบายความหงุดหงิด

โดนแกล้งให้เลี้ยงน้ำ ทดแทนบุญคุณซะแล้วซิ แม้ใจจริงถึงจะอยากขอบคุณที่เหล่าเจ๊ๆ ที่ช่วยเรื่องงานบ้างก็เถอะ แต่...มันก็น่าหงุดหงิดนี่

 

           เจ้าเด็กตาชี้ ขี้หงุดหงิด เดินย่ำเท้า ด้วยรองเท้าหนังสีดำกระแทกพื้นดัง ตึกๆ ไปตามทางพื้นหินอ่อนของออฟฟิศ

ราวกับจะระบายความหงุดหงิดใจให้ทุเลาลง ระหว่างทางที่พาร่างสูง

เดินผ่านแผนกต่างๆ สายตาคนแต่ละแผนกที่มองผ่านกระจกมา ต่างก็อมยิ้มเมื่อเจ้าตัวเดินผ่าน เขาก็ไม่ได้แยแสใส่ใจนัก  

......

           ติ๊ง!         

  เสียงสัญญาณลิฟต์ดังขึ้นในระยะที่ภีมวัจน์กำลังเดินมาถึงหน้าประตูพอดีประตูลิฟต์เพิ่งเปิดออก

 และกำลังจะปิดลงในไม่กี่วินาทีร่างสูงด้านในเหลือบมองเห็นเขา แต่แทนที่จะกดปุ่มรอ 

กลับกดให้ประตูปิดเร็วขึ้นเสียอย่างนั้น

“รอก่อน... เฮ้ย! รอก่อนสิ อย่าเพิ่งปิด!” ภีมร้องลั่น ขายาว ๆ วิ่งโกยสุดแรงแค่ไม่กี่ก้าวก็เกือบทัน

แต่ประตูเกือบจะปิดสนิทอยู่แล้ว เขาจึงยื่นมือเรียวเข้าไปกั้นกลางประตูได้ทันเวลา

ก่อนจะเบียดตัวเองเข้าไปในลิฟต์ หัวใจเต้นโครมครามเพราะทั้งเหนื่อยและหงุดหงิด

“ไอ้คนใจแคบ...” ปากบางของภีมพึมพำเบา ๆ แต่เสียงในลิฟต์เงียบกริบ จนคนในลิฟต์ได้ยินเต็มสองหู

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง คนที่กดปิดลิฟต์กลับเป็นฝรั่งตาน้ำข้าว ผมสีอ่อน ร่างสูงใหญ่

หุ่นนักกีฬาในชุดสูทหรูที่ตัดเย็บอย่างประณีต ดูแล้วราคาไม่น่าจะต่ำกว่าหลายหมื่นบาท

ต่างจากภีมที่ใส่เสื้อเชิ้ตขาวพับแขนลวก ๆ กับกางเกงสแลคธรรมดา

ชายแปลกหน้าดูเย็นชา ให้อารมณ์ตัวร้ายในซีรีส์อเมริกันบน Netflix ที่เขาเคยดูผ่าน ๆ เป๊ะ

“เอ้า... ฝรั่งงั้นเหรอ?” ภีมหลุดพูดออกมา ก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อยแล้วหันหลังให้

หน้าหงิกหน้างอตลอดทางลิฟต์ขึ้น เห็นได้ชัดว่าหงุดหงิดไม่หาย

เสียงเบาๆเปรยๆดังมาจากด้านหลังภีม

"Så søt. Ligner på en liten rev."

(น่ารักดีนะ เหมือนลูกจิ้งจอกเลย...)

ภีมหันกลับไปมองตาจิก ลำพังแค่หน้าก็ดูหาเรื่องอยู่แล้ว นี่ก็หัวเสีย ยิ่งหาเรื่องไปอีก เพราะมันฟังไม่ออกนี่แหล่ะ

“พูดอะไรของนาย?” ภีมหงุดหงิด ย่นคิ้วเข้มชนกันไปอีก

ฝ่ายที่ดูจะโดนหาเรื่อง ไม่ได้ว่าอะไร ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มองอมยิ้ม สบายๆ

เจ้าตัวยิ่งรู้สึกหงุดหงิด และส่งสายตาระแวดระวัง เหมือนลูกหมาอยู่หน้าปากถ้ำเสือ เขาไม่ชอบความรุ้สึกนี้จริงๆแหล่ะ มันเป็นเหมือนสายตาคนที่มีอำนาจเหนือกว่า มองมาราวกับทุกอย่างอยู่ในมือ และคิดว่าจะทำอะไรก็ได้

ก็นะมันอาจจะเป็นมุมมอง ของคนอย่างเขา ..ที่จะไม่มีอะไรเลย นอกจากการแค่ใช้ชีวิตของตัวเอง และปกป้องตัวเองจากสื่งต่างๆรอบด้าน

ติ๊ง!

เสียงลิฟต์ถึงพอดีกับชั้นที่ภีมจะไปที่ตู้กดน้ำให้บรรดา ไฮยีน่าจอมแสบทั้งสาม เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกไม่ทันจะสุด เขาก็พาร่างสูง กึ่งวิ่ง กึ่งเดินเร็ว สาวเท้าจ้ำออกมาเร็วๆออกมาอย่างคนหายใจไม่ทั่วท้อง

สายตาหนุ่มตาน้ำข้าวร่างใหญ่ มองตามหลังข้างหลังเขา และอมยิ้มอย่างสนใจบางอย่าง

.....

ภีมวัจน์ในโหมดหัวร้อน พาร่างบางเดินกระแทกเท้าย่ำแรงตรงไปที่ตู้ขายของอัตโนมัติของร้านสะดวกซื้อชื่อดังที่ตั้งตะหง่านตรงหน้าความหงุดหงิดดูเหมือนจะทวีคูณขึ้นทุกขณะ —แค่คำทำนายซินแสก็น่าโมโหจะแย่แล้วไหนจะโดนเจ๊ ๆ แกล้งให้ใส่ชุดสีชมพูแป๊ดพร้อมที่คาดผมโบว์ใหญ่เกินหัวอีก ยิ่งคิดยิ่งเคือง

ยังไม่พอ ต้องตื่นเช้ามาทำงานทั้งที่กายหยาบลุกขึ้นมาได้ แต่กายละเอียดยังติดอยู่บนเตียงไม่อยากขยับ

ไหนจะเจ้าฝรั่งตาน้ำข้าวในลิฟต์ ที่กดประตูหนีแล้วยังพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ใส่อีก — โอ๊ย โคตรน่าหงุดหงิดชะมัด!

“เทวดาประจำตัวชั้นน่าจะฝึกงานไม่ผ่านโปรนะ ชีวิตแม่งติดบั๊กดีชิบเป๋ง...”

เขาสบถเบา ๆ กับตัวเอง พลางควักเศษเหรียญจากกระเป๋ากางเกง นับให้พอดีกับค่าน้ำ

ก่อนจะหยอดเหรียญลงไป กดปุ่มเลือกน้ำแร่ขวดแรกแบบไม่ปรานีตู้

...เงียบ

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ภีมชะงัก ก่อนจะลองจิ้มนิ้วกดใหม่อีกที...

...เงียบสนิท

“เฮ้ยยยย!!!” เสียงร้องลั่นพร้อมกับนิ้วเรียวที่กดย้ำรัว ๆ ใส่ปุ่มเหมือนจะทุบตู้ให้แตกคามือ

...แต่เครื่องก็ยังเงียบเหมือนเดิม ไม่แม้แต่จะกระพริบไฟตอบรับ

ภีมยืนขบฟันกรอด หัวควันแทบพุ่ง

“ชีวิตวันนี้มันจะซวยอะไรขนาดเน้!!!”

...

“ว๊อยยยย !!! อะไรฟร้า”

ภีมเริ่มจะทุบตู้ และค่อยๆคุกเข่าก้มลงไปดูที่ช่องรับของด้านล่าง ของตู้

ก้มๆเงยๆดูช่องรับของ เผื่อว่า ขวดน้ำแร่เจ้ากรรมจะติดในนั้น เอามือควานๆดู

ภาพเจ้าคนขี้หงุดหงิด กำลังจะประทุษร้ายตู้กดน้ำอัตโนมัติที่น่าสงสาร โดนทุบๆตีๆ และสลับก้มๆเงยๆนั้น

ดันไปสะกิดตาใครบางคน ที่กำลังเดินผ่านมานั้นโดยบังเอิญซะแล้วซิ