"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน - ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก

รายละเอียด

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

ผู้แต่ง

Julie juice

เรื่องย่อ

##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน  นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)

"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง

???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”

??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!

??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”

??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”

??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?

???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง   

สารบัญ

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 1 พระแม่ครับ โปรดประทานพรให้ผมเถอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 3 ตู้เจ้ากรรม นำพานายเวรมาพานพบ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 5 พี่พร้อมจะโอนเพราะน้องมันโดนใจ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 6 เมื่อเงินมา งานก็เดิน,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 9 วิบากของลูกจิ้งจอก กับหมาป่าจอมกลับกลอก,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย?,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 12 ข้อเสนอ ที่ทำให้เผลอใจเต้น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 14 เจ้าเหยื่อผู้น่าสงสาร กับการหยอกของเหล่าไฮยีน่าขี้เล่น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 15 ก๋วยเตี๋ยวแค่ถ้วยเดียว แต่มันเปรี้ยวไปถึงใจ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ

 


 กระดาษโพสอิทสีเหลืองแสบตาขนาดกลาง

 โชว์หราในมือของหลี่เจียหยาง สายตาของเจ้าเด็กหนุ่มตาชี้ขี้วีนตรงหน้าเริ่มสั่นไหว

 ม่านตาขยายออกอย่างตกใจ

อืม... มันก็ดูน่าสนุกไปอีกแบบ แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงดูน่าแกล้งขนาดนี้? 

ยิ่งปฏิกิริยาของเจ้าตัวที่เกินความคาดหมาย มันกลับทำให้เจียหยางรู้สึกว่า...

 นี่แหละ ความบันเทิงที่เขาไม่เคยเจอจากใครมาก่อน

เจ้าเด็กหน้าเหวี่ยง ขี้วีน ขยับตัวไวราวกับแมว หวังจะคว้ากระดาษคืน มือเรียวกางออกเหมือนอุ้งเท้าเสือที่พร้อมจะฟาดตะปบเหยื่อ... 

แต่..............หลี่เจียหยางที่ตัวสูงกว่า กลับยกแขนขึ้นหลบได้ทันที

“ไอ้บ้า! เอาคืนมาเลย!” เสียงหวานแต่เจือความโมโหดังขึ้น สายตาฉุนเฉียวจนหน้าแดงก่ำราวกับสตรอว์เบอร์รี่สุก 

อาการนี้ไม่ใช่ความเขิน แต่เป็นความหงุดหงิดที่กำลังพุ่งเดือดถึงขีดสุด

“เสีย.ใจ.ด้วย.นะ.จ๊ะ .ไม่.คืน.หรอก” เสียงทุ้มต่ำลากยาว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยียวน 

แววตาคมกริบมองต่ำลงมาราวกับราชสีห์ที่กำลังหยอกเหยื่อเล่น

“เออ ไม่เอาแล้ว! จะทำอะไรก็เชิญเลยเห่อะ!!” เจ้าเด็กหัวส้มฟึดฟัดก่อนจะหันหลังกลับ จ้ำเท้าเร็วเหมือนติดปีก

 วิ่งตรงไปที่ลิฟต์อย่างไม่หันกลับมาอีก

“เฮ้!! งั้นแสดงว่าผมจีบได้ใช่มั้ย?” เจียหยางแซวตามหลังด้วยเสียงดังพอให้คนที่กำลังจะลับสายตาได้ยิน

“ไม่ได้!!” ภีมหันกลับมาตอบโต้ทันควัน ราวกับกลัวอีกฝ่ายจะตีความไปไกลกว่านั้น

 แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลับหลบวูบเร็ว ก่อนรีบพุ่งตัวเข้าลิฟต์เหมือนนินจา

 

ในหัวภีมเดือดดาลจนหน้าเห่อร้อนด้วยทั้งความเหนื่อยและความขัดใจ ที่แสบสุดคือ...

 เขารู้ดีว่าโพสอิทแผ่นนั้นเป็นลายมือของใคร — 

หนึ่งในสามไฮยีน่าผู้ร่วมขบวนการแกล้งเขาแน่นอน แค่คิดถึงก็ยิ่งพาลหายใจหอบตัวโยนไปอีก

ไฟลิฟต์ค่อยๆ ขึ้นไปจนลับสายตา

 

+++++++++++++++++++++++++++++++

 

 เจ้าขี้วีนก็หายไปแล้ว แต่กลับทิ้งร่องรอยบางอย่างในใจ "ผู้ล่า" อย่างหลี่เจียหยางไปเรียบร้อย

“ไม่ได้หรอ? ฮ่า ฮ่า ตอบตรงซะขนาดนี้... โอย น่ารักว่ะ”

 เขายืนขำจนตาแดง ใช้ข้อนิ้วไล้น้ำตาออกจากขอบตาที่มีขนตายาวของตัวเองด้วยความประหลาดใจและ... กลับรู้สึกว่าถูกใจ

++++++++++++++++++++++++

หลี่เจียหยาง เดินสบายๆ อย่างอารมณ์ดี กลับมาที่ห้องเซิฟเวอร์

 พอเปิดประตูเข้าไป พวกเพื่อนร่วมงานก็ทักทายกันตามปกติ 

 แต่ดูจะมีแววสงสัยปะปนอยู่

“ไงล่ะ พ่อนักรัก เรียบร้อยแล้วล่ะสิ! ได้ยินเสียงโวยวายแว่วๆ มาแต่ไกล ไปทำอะไรใครเขาอีกวะ?”

 หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมพูดขึ้นโดยที่ตายังไม่ละจากจอสี่เหลี่ยมตรงหน้า

 มือรัวคีย์บอร์ดไม่หยุดราว สายตาภายใต้กรอบแว่นหนาๆ ยังไม่ละจากจอสี่เหลี่ยมอย่างทนุถนอม หยังกับมันเป็นลูกรักที่เขาคลอดมันออกมา

“เปล่าว่ะ เพื่อน ...แต่...ฉันโดน....เทว่ะ!!” 

หลี่เจียหยางพูดง่ายๆ และทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตัวเองอย่างหมดแรง 

หนุ่มๆ วัยกลัดมัน แผนกไอที ที่ตอนแรกกำลังรัวคีย์บอรด์ กันอย่างเมามัน

 และเสียงคลิกเมาส์ ที่เคยดังระรัว เงียบกริบในทันที — ราวกับมีคนกดปุ่มหยุดทุกอย่างไว้ชั่วขณะ

“ห๊ะ!!! แกว่าไงนะ? หัวแกไปกระแทกพื้นมารึไงวะ?”

 หนึ่งในสมาชิกแก๊งไอทีหันขวับจากหน้าจอ ขยับแว่นขึ้น ก่อนจะมองหน้าหลี่เจียหยางให้ชัดๆ อย่างไม่เชื่อหู

“เออ พวกแกฟังไม่ผิด ชั้นโดนเท แถมโดนไถตังค์ซ้ำอีก” 

หลี่เจียหยางหลุบสายตาลง ผสานมือตัวเองเข้าด้วยกัน ราวกับใช้ความคิดเพื่อวางแผนการร้ายครั้งใหม่

ความเงียบปกคลุมอยู่ไม่กี่วินาที... ก่อนเสียงหัวเราะระเบิดออกมา

“ก๊ากก ฮ่าๆๆๆ ไอ้เด็กนั่นมันแน่ว่ะ นี้แกโดนเล่นแล้ว ไอ้หยาง” 

 

สมาชิกที่เดินมาด้วยกันกับเขาในตอนขากลับนั้น กลั้นขำไม่ไหวพวกหนุ่มๆ ในห้องเซิฟเวอร์ไอที

พากันพร้อมใจหัวเราะเยาะเพื่อนร่วมงาน ผู้เชื่อมั่นในตัวเองมาตลอด ลั่นแผนก

 ซึ่งมันแปลกใหม่สำหรับพวกเขา เสียงขบขันนั้น ดังจนเหมือนลืมไปว่าพวกเขาอยู่ในที่ทำงาน

“ใครวะ บอกหน่อยดิ๊ ที่กล้าตอกกลับ ไอ้เสือนี่ ซะหน้าหงายมาเลย”

 “ปกติแม่ง มันประเภท เอา.อยู่ กับ อยู่.เอา นี่ครั้งแรกเลยมั้ง? ตั้งแต่ชั้นทำงานและรู้จักกับแกมา เพิ่งเคยเห็นแกโดนเทตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”

 อีกคนขยับแว่นออกมาเช็ดน้ำตา เพราะขำจนกลั้นไม่อยู่

 ดูจะสะใจสุดๆ กับการเห็นเพื่อนตัวท็อปของกลุ่มโดนเด็กขี้วีนเล่นงานจนหมอบ

 

“ไม่รู้ดิ่ เพิ่งเคยเห็นหน้านี่ ผิวขาวๆ ผมออกส้มๆ แดงๆ หน่อย

 ตาชี้ๆ ขวางๆ หน้าเหวี่ยงๆ เหมือนคนพร้อมจะมีเรื่องได้ตลอดเวลา”

หลี่เจียหยางพูดถึงคนที่เพิ่งเจอ ขณะใช้นิ้วลูบไปมาบนโพสอิทในมือ ราวกับกำลังใช้ความคิด

 “ตัวสูงโปร่ง กลิ่นหอมๆ แบบไม่ต้องใช้น้ำหอมปรุงแต่ง” พาลสายตาเหม่อมอง ใช้นิ้วลูบวนไปมาที่ โพสอิทนั้นอีก 

 

“เฮ้ยยๆๆๆ !! ถ้าจะบรรยายได้ละเอียดขนาดนี้ เลยหรอวะ ปกติแล้วกูไม่เห็นมึงจำหน้าใครได้เลยซักคน”

 หนึ่งในเพื่อนร่วมทีม แก๊งค์สมาชิกสายเคเบิลสัมพันธ์แซวมา สายตาแวววาวเหมือนเจอเรื่องสนุก

“ตามลักษณะนี้ ถึงบริษัทจะมีตั้ง 300 คน ก็หาไม่ยากหรอก” อีกคนดันแว่น เลนส์สะท้อนแสงคอมพ์วิบวับ เหมือนพร้อมจะออกล่าหาข้อมูล

“ดูแล้วน่าจะอายุประมาณเท่าไหร่ว๊ะ?” 

“น่าจะเด็กกว่าฉันแน่ๆ แต่โคตรขี้วีนเลยว่ะ ขี้โมโห เอาแต่ใจ ชอบวิ่งหนีเวลาหงุดหงิด...”

 หลี่เจียหยางหลุดหัวเราะเบาๆ ขณะที่มุมปากกระตุกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

 “...ให้อารมณ์เหมือนแมวส้มที่ไม่ค่อยอ้อนใคร แต่ขู่ฟ่อๆ ก่อนตลอด”

 

“โอ๊ย!! ถ้าพูดซะขนาดนี้ ฉันว่านายชอบเขาแล้วล่ะ หยางเอ๊ยย!” 

เพื่อนอีกคนขยับแว่น มองหน้าเจียหยางอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

 ว่าเป็นคนเดียวกับที่ก้าวขาออกจากห้องไปเมื่อตอนบ่าย

 สหายในห้องขยับแว่นปรับสายตา ขึ้นลง พร้อมมองหน้าหล่อๆ คมๆ 

ผสมความเป็นคนฮ่องกงของ หลี่เจียหยาง อย่างไม่เชื่อสายตาว่า

 ใช่คนเดียวกันกับเมื่อตอนก้าวขาออกไปก่อนหน้านี้หรือเปล่า?

 

“เดี๋ยวๆ ถ้าตาชี้ๆ คิ้วหนาๆ หน้าเหมือนพร้อมจะซัดคน... ผมสีแดงๆ หน่อย...”

 ใครบางคนในห้องเหมือนต่อจิ๊กซอว์ในหัวได้ “เชี่ยย!!! กูว่ากูรู้ละว่ะ”

เพื่อนๆ พากันหันหน้ามองหลี่เจียหยาง ก่อนจะส่ายหัวพร้อมกันอย่างปลงๆ

“แก ยุ่งกับใครไม่ยุ่ง... งานยากล่ะว่ะมึง”

“กูจะไว้อาลัยมึงล่วงหน้าก่อนดีมั้ยนะ?” หนึ่งในนั้นก้มหน้า ส่ายหัวเหมือนจะบอกลาล่วงหน้า

“อะไรของมึง มึงพูดมาให้หมดดิ๊ ไอ้เฉิน?”

 คนถูกเห็นใจเลิกคิ้วเข้ม ขยับตัวเล็กน้อย เงยหน้าจากโพสอิท ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหลี่ลงอย่างจับสังเกต

“ถ้ากูจำไม่ผิด นั่นน่ะ น่าจะเป็น น้องภีม แผนก Content” เพื่อนในห้องคนนึงทำท่าคิด

“ถ้ารักชีวิตอย่ายุ่งเชียวนะมึง” อีกคนเสริม พร้อมทำท่าหนาวสั่นเล่นใหญ่ราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบ

“อะไรของมึงวะ น่ากลัวขนาดนั้นเลย? พ่อเขาเป็นประธานาธิปดีรึไง? กูถึงจะแตะต้องไม่ได้” 

 

“แค่ไอ้นิสัยน้องเขาก็ว่าเป็นคนแปลกๆ ตรงๆ แบบที่มึงเจอนั่นแหละ แต่... มันแย่กว่านั้น”

คนพูดทำท่ากอดอก พร้อมสั่นเทิ้มเหมือนเจอผีหลอกกลางวันแสกๆ

“แย่กว่ายังไง?” หลี่เจียหยางเลิกคิ้วมองเพื่อน

“ก็น้องภีมเป็นเด็กในอาณัต... เอ๊ย! ในการดูแลของพวกสามเจ๊ไฮยีน่า!!”

“ห้ะ! เดี๋ยวนะ!!! จริงดิ?!”

หลี่เจียหยางถลึงตา ส่วนเพื่อนอีกคนทำหน้าเหมือนเพิ่งโดนฟ้าผ่ากลางห้องเซิร์ฟเวอร์

“กูเคยได้ยินแค่ข่าวลือ... แต่ไม่คิดว่าจริง”

ทีมสายเคเบิลสัมพันธ์เริ่มเข้ามารุมล้อม ราวกับกำลังเล่าเรื่องผีในวงไฟฉาย

“โห ไอ้หยาง... มึงไม่รู้จริงดิว่าพวกสามเจ๊ไฮยีน่าเป็นใคร? แล้วมึงเข้าทำงานที่นี่มาได้ไงไม่รู้จัก HR ของบริษัท?!”

“แล้วเกี่ยวอะไรกับ HR วะ?”

“ก็เจ้ต้อยติ่งไง!!! คนที่อยู่เบื้องหลังทุกการคัดเลือกคนในบริษัทเราอ่ะ!!”

“แล้วแม่ง..น่ากลัวตรงไหน?”

“มึงเคยได้ยินเรื่องเมื่อเดือนก่อนมั้ย...” คนพูดกดเสียงต่ำเหมือนเล่าคดีฆาตกรรม

 “...ตอนที่มีคนในแผนกอื่นทะลึ่งไปจีบน้องภีม ช่วงพรีเซนต์งานใหญ่”

“แล้วไงต่อ?”

“ไอ้หมอนั่น... ถูกย้ายแผนกอย่างงงๆ โดยเจ้าตัวยังงงเลย!!” เพื่อนคนหนึ่งปาดเหงื่อ

 “แล้วไม่ใช่แค่หมอนั่นคนเดียวที่ซวย...”

“...แต่ซวยยกแผนก!!!”

เสียงกรีดร้องในใจหลี่เจียหยางดังขึ้นเหมือนพายุเฮอริเคนถล่มสำนักงานไอที

“ไอ้เฉิน... มึงล้อกูเล่นใช่มั้ยเนี่ย?”

“ล้อบ้าอะไรล่ะ!! HR น่ะ มีไฟล์ประวัติพนักงานละเอียดยิ่งกว่า FBI อีกนะมึง”

ทีมไอทีมองหลี่เจียหยางเหมือนกำลังยืนไว้อาลัยเพื่อนร่วมงานที่กำลังเดินเข้าสู่แดนประหารโดยไม่รู้ตัว

“กูจะจองวัดให้แกเลยละกัน...”

 

“ส่วนอีกคนน่ะ...” เพื่อนในวงลดเสียงลงจนแทบกระซิบ

 “...ขึ้นชื่อเรื่องตัวมัม ตัวแรง เป็นมือขวาของ CEO บริษัทเราเลยนะมึง”

หลี่เจียหยางเลิกคิ้วสูง ส่วนคนพูดกลืนน้ำลายอึกใหญ่เหมือนกำลังเล่าตำนานปีศาจ

“เจ๊ติ๊ดตี่ไง!! คนนี้น่ะ วางระบบโครงสร้างงานทั้งหมด ข้อมูลทุกอย่างต้องผ่านมือนาง...

 ทั้งการโยกย้าย สั่งพักงาน ถอดออกจากระบบ HR นางจัดการได้หมด!!”

“เห้ย... ขนาดนั้นเลย?”

“แล้วมันน่ากลัวตรงไหนรู้มั้ย?”

คนพูดหยุดหายใจแวบหนึ่ง ราวกับกำลังรวบรวมความกล้า

“เคยมีคนส่งข้อความหวานๆ ไปจีบน้องภีม... ทางเมลบริษัท”

“แล้วไงต่อ?”

“เมลโดนตีกลับ... พร้อมคำเตือน”

“...!!!”

“อื้อหื้มมมมม!!!” คนฟังเบ้ปากพร้อมกัน

“ยัง... ยังไม่จบมึง ยังมีอีกคน!!”

“อะไรจะขนาดนั้นวะ...” หลี่เจียหยางเริ่มเหงื่อซึม

“ไฮยีน่าหมายเลข 3 — เจ๊อ้อยใจ” ---

คนพูดเอามือกุมขมับเหมือนเพิ่งรอดชีวิตจากสนามรบมา

“เจ๊อ้อยใจคุมเรื่องเงินและลูกค้าในบริษัท!! โบนัสดีๆ พวกเราน่ะ ต้องผ่านมือนาง!!”

“เกี่ยวอะไรกับน้องภีม?”

“เกี่ยวดิ!!! เพราะถ้ามีใครคิดจะจีบน้องภีม... แล้วเงินเดือนต่ำกว่าเกณฑ์ เจ๊ไม่ปล่อยผ่านแน่นอน!!”

“ห้ะ?!”

“เจ๊มีตารางเงินเดือนพนักงานทุกคนอยู่ในมือ... แถมคำนวน KPI แบบละเอียดยิบ!!”

หลี่เจียหยางทำสีหน้าครุ่นคิด

“ถ้ามึงเงินเดือนไม่ถึงมาตรฐานที่เหมาะสมกับน้องภีมล่ะก็... ลืมไปเลย”

วงแตก... แต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะ

จนอยู่ดีๆ มีเสียงแทรกขึ้นมาเบาๆ

“เดี๋ยวนะ... มึงรู้ลึกขนาดนี้ อย่างกับว่าเป็นติ่งน้องมันเอง?”

เจ้าหนุ่มแว่นหนาหันมายืดอกภูมิใจ

“เอ๊อออ!!! ก็แน่ดิ กูเป็น 1 ในสมาชิกกรุ๊ปลับของ น้องภีม FC ไง!!!”

“.ห๊ะ!!! มี..FC ด้วย?!!” หนุ่มๆ หลายคนในทีม ตกใจยิ่งกว่าอะไรๆ

“ในกรุ๊ปมีรูปน้องเพียบ! มีอัปเดตข่าวสารหนุ่มๆ รอบตัวน้องเขา...” 

เขาผลักแว่นขึ้นอย่างภาคภูมิ “ข้อมูลแน่นยิ่งกว่าหน่วยข่าวกรอง!!”

หลี่เจียหยางเอามือกุมขมับ หมดคำจะพูด

“โอ้ยย!!! กูเริ่มสงสารน้องเขาแล้วว่ะ ใครแม่งสร้างกรุ๊ปนี้วะ..แล้วน้องมันรู้มั๊ยน่ะ? .” 

ใครบางคนในกลุ่มพูดทำท่าเห็นใจ แต่ตอนนี้ดันแอบแอดไลน์ไปกับคนเล่าต้นเรื่อง

“เห่อะ!!! น้องมันจะไปรู้อะไรล่ะ... เหมือนมีชีวิตอยู่ในอาณาจักรไฮยีน่า... เป็นเหมือนเหยื่อล่อให้พวกเจ๊ๆ ได้ชื่นตา ชื่นใจ”

“แล้วกูควรทำไงต่อดีวะ?” หลี่เจียหยางถามเสียงแผ่ว

ทั้งห้องมองหน้าเขา ก่อนตอบเป็นเสียงเดียวกัน

“ไปจองวัดล่วงหน้า...”

“ก็แค่มอง อยากครอบครอง แต่จับต้องไม่ได้... ให้อารมณ์นั้นป่ะวะ Xบหาย น่าโอชิชิบ”

เพื่อนในกลุ่มที่เป็นโอตะไอดอลสาว พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเหม่อลอย ราวกับเห็นหลี่เจียหยางเดินเข้าสู่สมรภูมิแห่งความตายด้วยความเต็มใจ

“เออ... กูไว้อาลัยให้มึงล่วงหน้าเลยละกัน ไอ้หยาง”

เพื่อนร่วมทีมเดินมาตบบ่าให้กำลังใจ หน้าถอดสีเหมือนคนเพิ่งรอดจากเงื้อมมือมัจจุราชมา

แต่... หลี่เจียหยางไม่คิดแบบนั้น

แบบนั้นมันโคตรน่าสนุกเลยต่างหาก

ในขณะที่คนอื่นกลัวจนขาสั่น หลี่เจียหยางกลับแสยะยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบลุกวาวเหมือนนักล่าเจอเหยื่อที่ท้าทาย

ก็แค่เบื่อ...

ถ้าพวกนางเป็นไฮยีน่า... เขาก็คือเสือ ที่นอนดูพวกมันรุมทึ้งเหยื่อที่เขากินเหลือก็เท่านั้น

“ไอ้หยาง... มึงกำลังคิดอะไรอยู่?”

เพื่อนในทีมมองหน้าเขาอย่างระแวง เพราะแววตาหมอนี่มันไม่ใช่คนสิ้นหวัง แต่มันคือคนกำลังคิดจะถล่มรังโจร

“ยิ่งได้รู้... ยิ่งได้ยินว่ายาก...”

หลี่เจียหยางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เสยผมลวกๆ ก่อนหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ก็ยิ่งอยากจะเอาชนะขึ้นไปอีก”

เสียงหัวเราะต่ำๆ ของเขากระจายไปทั่วห้อง เสียงคีย์บอร์ดที่เคยดังรัวๆ ชะงักไปครู่หนึ่ง

 ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องเบาๆ ในใจของเพื่อนร่วมทีม

ห้องเซิร์ฟเวอร์ที่เคยเงียบเหงา บัดนี้เต็มไปด้วยเสียงฮือฮาและพลังงานวุ่นวาย ราวกับเป็นห้องประชุมลับสำหรับแผนการบุกฐานศัตรู

และตรงกลางสมรภูมินั้น...

มีเสือหนุ่มที่พร้อมจะล่าฝูงไฮยีน่า อย่างไม่เกรงกลัว

 

+++++

 

“โอยย!! เหนื่อยว๊อยย!!” ภีมวัจน์ เปรยเบาๆ บ่นอุบอิบ

 ลากร่างสูงโปร่ง เดินเข้ามาอย่างหมดแรงในออฟฟิศ

ที่แอร์เย็นฉ่ำตัดกับอุณหภูมิความร้อนด้านนอก หากแต่ในใจเขาก็เดือดระอุไม่แพ้กัน

ภีมเหงื่อซึมชุ่มตัว หลังจากวิ่งไปร้านสะดวกซื้อในตึกเพื่อซื้อน้ำให้เหล่าเจ๊เมื่อ 20 นาทีก่อน

 มือขาวของเขา กำลังส่งขวดน้ำให้แต่ละคนแบบหมดอารมณ์

 แล้วใช้มืออีกข้างปาดเหงื่อที่ไหลตามไรผม เปิดให้เห็นซอกคอขาวเนียน

 กล้ามเนื้อลีนตึงเปรี๊ยะพอเหมาะ ดึงคอเสื้อเชิ้ตสีขาวกระพือระบายความร้อน 

เผยให้เห็นไหปลาร้าเรียงสวยเหมือนงานศิลปะ...อืม!!! ขนาดกำลังน่าแทะเล่น

อุณหภูมิข้างนอกว่าร้อนแล้วนะ ..แต่ข้างในนี่น่ะ ร้อนกว่ามาก 3 เจ๊ หยุดชะงัก ราวกับ เห็นของเล่น

 

“หนูล๊กกก.. ทำไมสภาพเป็นลูกหมาอย่างนี้ ใครดูดพลังหนูไป๊?” เจ๊ติ๊ดตี่ เปิดฉากสมรภูมิอย่างไว

“เหงื่อแตกอย่างกับผ่านศึกมา ใครทำลูกแม่ได้ขนาดนี้~” เจ๊อ้อยใจ ว่าแล้วก็หยิบทิชชู่มาไล่ซับหน้า ซับแก้ม ซับคอ ไม่เว้นแม้แต่ซอกหู

“แชะ”

เจ๊ต้อยติ่งแอบถ่ายรูปไปแล้วหนึ่งรูป โดยที่ภีมไม่ทันรู้ตัว เพราะกำลังวุ่นวายอยู่กับการปัดป้องตัวเองจากการถูก 2 ไฮยีน่ารุมแกล้ง

“จะอะไรนักหนาค๊าบ!! ก็ร้อนเนี่ย ดูอากาศข้างนอกซิคร๊าบบ ตู้กดก็เสีย นี่ก็รีบวิ่งไปซื้อมาให้จากร้านสะดวกซื้อในตึกตั้งไกล” 

ภีมโวยวายแต่โดนรุมหนักกว่าเดิม

“โอ๊ย!!เจ๊ ผมซับเองได้ จะล้วงทำไม๊!!”

 ภีมสะดุ้งโหยง ปัดมือเจ๊อ้อยใจที่เริ่มลามไล่ซับหลังคอ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบแบบหงุดหงิดสุดขีด

“พอแล้ววว! ผมทำเองได้!!” 

เจ้าตัวพาลตาขวางหงุดหงิดใส่ เขาฟึดฟัดกลับไปที่โต๊ะ เปิดพัดลมตัวจิ๋วสีขาวเบอร์แรงสุด

 เป่าหน้าเปียกเหงื่อจนผมปลิวกระจาย กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมที่จางไปแล้ว ลอยฟุ้งในอากาศ

 พาลสายตาเหลือบไปเห็น นีน่า ยัยรุ่นน้องสาวสวยลูกครึ่ง ที่เป็นน้องเล็กในออฟฟิศรองจากภีม เธอแอบยิ้มมุมปาก

ภีมไม่เคยเข้าใจและคาดเดาความคิดยัยนี่ได้เลย

“เฮ้ยย!! ยัยนีน่า ไม่ต้องแอ๊บใสเลย!! ไอ้โพสอิทบ้านั่นน่ะลายมือเธอใช่มั้ย? 

ชั้นจำได้แม่นเลย!” ภีมกระชากเสียงชี้หน้า

 

ภีมวัจน์ กำลังชี้นิ้วใส่ นีน่า สาวสวยรุ่นน้องคนสวยนิสัยสุดแปลกของแผนก ที่บางทีก็เอาแต่นั่งเงียบเป็นวิญญาณประจำโต๊ะ 

แต่ตอนนี้...เหมือนมีวิญญาณแสบเข้าสิงเต็มตัว

“บอกมานะ ว่าฝีมือใคร ใครมันเป็นคนแปะโพสอิทที่หลังผม!! ”

ภีมกระตุกคิ้ว ขมวดเป็นปมแน่นด้วยความหงุดหงิด ขณะที่สาวรุ่นน้องแค่เหลือบตามอง...

แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นพิมพ์แชทต่อหน้าตาเฉย ก่อนสาวเท้าหันหลังเดินหนีหน้าตาเฉย

“เฮ้ยย!! นีน่า แกจะเดินหนีชั้นทำไมเนี่ย?! มานี่เลยนะ!”

นีน่าหยุดกึก หันมามองภีมด้วยสายตาไร้อารมณ์ ก่อนจะพูดสั้นๆ อย่างคนที่ขี้เกียจเถียง

“ตากแอร์ให้พอ แล้วทำงานเหอะค่ะพี่ภีม... ขอบใจสำหรับคอนเท้นต์เด็ดนะคะ คุณพี่---”

“เออ!! ก็ทำน่ะทำแน่งานน่ะ!! แล้วก็ไอ้ปากแบบนี้แหละ ขึ้นคานเหอะเธอ!!” ภีมสวนกลับแบบไม่คิด

นีน่าหันมายิ้มเย็น... เย็นเหมือนแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลว

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ภีม... มันเป็นตำแหน่งที่หนูภูมิใจ และควรค่าแก่การคู่ควร”

 เธอภูมิใจ และเว้นจังหวะการพูด ก่อนจะยิ้มให้บางๆ

 “ว่าแต่พี่เหอะ ปากแจ๋วขี้วีนแบบนี้...เหล่า FC คงเหนื่อยใจแย่เลยเนอะ!!”

คำว่า FC ทำเอาภีมหยุดนิ่งเหมือนโดนช็อตไฟฟ้า ตาเบิกกว้างทันที

“ยุ่ง!!” เขาตะโกนลั่น

แต่แม้จะหัวเสียยังไง ก็ยังหยิบน้ำผลไม้กล่องในถุงออกมายื่นให้เหมือนเป็นกิจวัตรประจำวัน

 แต่ความจริงเขาซื้อมาเผื่อ หรือเอามาแกล้งกันนะ

“เอ้า...นี่..เอาไป”

นีน่าชะงัก มองน้ำผลไม้ในมือภีมอย่างสงสัย เพราะเธอเองก็ไม่ได้ขอให้เขาซื้อ

“น้ำองุ่น” ภีมยิ้มเหยียดๆ ตาชี้ๆ เหมือนคนกวนประสาทเก่ง

 “ตอนแรกกะจะซื้อน้ำสตรอว์เบอร์รี่ให้น่ะนะ... แต่พอดีมันหมดน่ะ สตอ.บอ.รี่.น่ะ” เขาแกล้งพูดเน้นคำตอนท้าย

 ตุ๊บ!!

มือเล็กๆ ของนีน่าฟาดไหล่ภีมดังลั่น

“ไอ้พี่ภีม!!”

เจ้าตัวคนโดนฟาดร้องเสียงหลงเหมือนลูกหมาถูกตี

 ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาแยกย้ายไปทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะเบาๆ ของนีน่าที่ก้มดูรูปในมือถือ...

เป็นรูปภีมที่เหงื่อซึม กำลังเปิดคอเสื้อระบายอากาศ

ใต้รูปมีแคปชั่นในแชทลับว่า...

"หนูแมวส้มประจำแผนก ขี้วีนแต่โคตรน่ารัก

 

++++++

 

ที่โต๊ะทำงานด้านในสุดของแผนก นีน่า นั่งไขว่ห้าง ขยับปลายนิ้วเรียวเคาะแป้นคีย์บอร์ดเบาๆ

 พร้อมกับแอบเหลือบตามองเจ้ารุ่นพี่ที่เพิ่งโวยวายใส่เธอเมื่อกี้ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

เธอเพิ่งกดอนุมัติรับสมาชิกใหม่เข้ากรุ๊ปไลน์ลับ "น้องภีม FC" 

หน้าจอโทรศัพท์แสดงแชทใหม่ของสมาชิกที่เพิ่งเข้ามา ชื่อโปรไฟล์ไม่มีตัวอักษรสักตัว... มีแค่อิโมติคอนรูปเสือ ???? เท่านั้น

ที่สะดุดตายิ่งกว่าชื่อ คือ รูปโปรไฟล์

มันเป็นรูปถ่ายแผ่นกระดาษโพสต์อิท ที่เธอเขียนแล้ว เจ๊ๆ เอาไปแอบแปะหลังภีมเมื่อเช้านี้หมาดๆ

"เจ้าชายขี้วีนแห่งแผนกไอที" พร้อมรูปหัวใจดวงเล็กๆ ข้างๆ

นีน่าชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนยกมุมปากขึ้น... ดวงตาคมที่กรีดอายไลเนอร์ค่อยๆ หรี่ลง ราวกับแมวที่เพิ่งเจอของเล่นใหม่

เธอแตะปลายนิ้วกับริมฝีปาก ลากสายตากลับไปที่ไอคอนรูปเสือ

"มีเรื่องสนุกให้ไม่เบื่ออีกแล้วสินะ..."

เสียงหัวเราะแผ่วเบา ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศเงียบๆ ของห้องทำงาน

 

++++++++++++++++++

 

 ขณะที่อีกมุมของออฟฟิศ...

หลี่เจียหยาง นั่งเอนกายบนเก้าอี้ในห้องเซิร์ฟเวอร์ ลูบคางพลางเลื่อนดูโพสต์รูปของภีมในแชทกรุ๊ป FC พร้อมรอยยิ้มจางๆ

เขาดีดนิ้วเบาๆ กับโต๊ะ คิ้วเข้มกระตุกขึ้นเหมือนเจอของที่ถูกใจ

"หืมม!! ไฮยีน่าหมายเลข 4 สินะ?"

เสียงหัวเราะต่ำๆ หลุดออกมาจากลำคอ พร้อมแผนบางอย่างที่เริ่มก่อตัว...

...มีเรื่องสนุก..ให้ไม่เบื่ออีกแล้วซิ