"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?
ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?
##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##
ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)
"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"
ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง
???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”
??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!
??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”
??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”
??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?
???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง
พระอาทิตย์กำลังตีเส้นขอบฟ้า บอกลาการทำงานที่ร้อนระอุมาทั้งวัน
ของช่วงเดือนเมษายนนี้
แม้นาฬิกาสมารช์วอชท์ที่ข้อมือบางของภีม
จะบอกเวลา 19.55 น. แล้ว แต่มันก็ยังร้อนอยู่ดี
เสียงล้อรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กบดไปตามพื้นถนน รถมอเตอร์ไซค์ฟีโน่สีฟ้าบรรทุกอาหารและบรรทุกความหวังของคนขับมันด้วย
รถคันน้อยชะลอตัวค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปในหมู่บ้านโครงการหรูย่านหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงร้อนอยู่
แม้พระอาทิตย์จะโบกมือลาแล้ว
ถนนกว้างสะอาดตา ปูลาดด้วยแผ่นคอนกรีตขัดมันสีเทาเรียบเนียน ไล่ยาวลึกเข้าไปในโครงการ
ตัดกับขอบฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมส้มยามพลบค่ำ ผนังรั้วของแต่ละบ้านสูงโปร่ง
ฉาบปูนเปลือยโชว์พื้นผิวดิบเท่ ตามสไตล์ลอฟท์แท้ๆ สลับกับกระจกใสบานใหญ่ที่สะท้อนแสงไฟจากเสาโคมดีไซน์กรีกโรมัน
กลายเป็นภาพผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับความดิบที่ลงตัวอย่างประหลาด
บ้านแต่ละหลังยกพื้นสูง มีบันไดปูนทอดขึ้นไปสู่ระเบียงกว้าง
ประตูหน้าบ้าน ที่ทำจากไม้จริงขัดมันเคลือบเงา ขอบวงกบเป็นเหล็กดำด้าน
เสริมกลิ่นอายอินดัสเทรียลเล็กๆ ผนังบ้านเน้นโทนสีขาว เทา ดำ ตัดกับแสงไฟวอร์มไวท์ที่ส่องออกมาจากในตัวบ้านอย่างอบอุ่น
สวนหย่อมเล็กๆ ถูกจัดวางเป็นสัดส่วนด้วยไม้พุ่มเตี้ยๆ และต้นไม้ใหญ่ทรงสวย ที่ทอดเงาทาบไปกับตัวบ้าน
สร้างบรรยากาศสงบ ร่มรื่น แต่ก็เต็มไปด้วยความเรียบหรู
ระเบียงชั้นสองของบางหลัง ถูกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เหล็กสีดำและกระถางต้นไม้เล็กๆ
ไล่เรียงอยู่ตามมุมต่างๆ ม่านโปร่งพลิ้วไหวตามลมเบาๆ ในห้องนั่งเล่นที่ติดกระจกเต็มบาน
ทำให้แม้แต่จากหน้าป้อมยาม ก็ยังพอมองเห็นเงาตะคุ่มของผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านอย่างเงียบสงบ
ราวกับเป็นอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างจากชีวิตของเขาอย่างสิ้นเชิง
ร่างสูงโปร่งในชุดไรเดอร์ค่อยๆ ขับชะลอรถมอเตอร์ไซค์ฟีโน่สีฟ้าคู่ใจ แม้จะหลบแดดมาได้หลายชั่วโมงแล้ว
แต่ความร้อนอบอ้าวของเดือนเมษาก็ยังไม่ยอมจากไปง่ายๆ เขากวาดตามองหมู่บ้านหรูตรงหน้า ก่อนหัวเราะหึในลำคอเบาๆ
"แค่ค่ารั้วบ้านก็น่าจะมากกว่าค่าผ่อนรถเราทั้งคันแล้วมั้ง..."
เขาคิดพลางถอนหายใจ ร่างสูงโปร่งในชุดไรเดอร์ส่งอาหารของแบรนด์ดังและเป็นที่รู้จักขับพาหนะคู่ใจ
ก่อนดับเครื่องยนต์ มาจอดอยู่หน้าป้อมยามของหมู่บ้านโครงการหรู อย่างรู้งาน ป้อมยามที่ตั้งตระหง่านเป็นปราการอยู่ด้านหน้า
รปภ.เจ้าของป้อม พาร่างท้วมเดินออกมาอย่างอืดอาด แต่สายตาระแวดระวัง และปฏิบัติหน้าที่ตนอย่างแข็งขัน
“มาส่งอาหารหรอครับ?” เขาถามเป็นเชิง
คนถูกถามเปิดหมวกกันน๊อคออกมาเผยให้เห็นหน้าครึ่งนึงที่โพกผ้ากันลมไว้ภายใต้หมวกกันน๊อค
“เอ๊า!! พี่ตุ๊ พี่ตุ๊ใช่มั้ยนั่น? เจ้าหนุ่มเปิดหมวกกันน๊อคทักทาย
“เอ๊า!! เจ้าภีมหรอ? แกมาถึงนี่เลยหรอ ไหง๋มาวิ่งถึงเขตนี้ มันไกลนี่? สบายดีนะ”
รปภ.เจ้าของป้อมร้องทักด้วยว่าเคยรู้จัก เพราะเขาเคยเป็นผู้รักษาความปลอดภัยให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง
และเคยใช้บริการสั่งอาหารอยู่บ้าง
และเจ้าเด็กนี่ก็พูดคุยด้วยแล้วถูกชะตา พาลให้คิดถึงลูกชายที่ต่างจังหวัด
“ครับผมสบายดี ว่าแต่พี่เห่อะ ดูดีขึ้นนะเนี่ย อ้วนท้วนสมบูรณ์ หุ่นอาเสี่ยเลย” ภีมยิ้มหัวเราะและทักสบายๆ
“เออ ก็สุขกายสบายดีแหล่ะ งานนี่เงินมันดีหน่อย แต่ติดต้องตรวจสอบรอบด้าน เข้มงวดไปหน่อย
แล้วมาส่งบ้านไหนล่ะ ที่นี่เค้าไม่ให้ไรเดอร์เข้านะ”
“แป๊บนะพี่ ผมดูก่อน อืมบ้าน เลขที่ 88/8 ครับ ชื่อ คุณ หลี่หลินซี” เขากดดูออเดอร์เลื่อนๆ ตามรายชื่อ ถอนหายใจหนัก
“เอ!! ยังไม่ออกมาเลยแฮะ งั้นเดี๋ยวผมลองโทรตามอีกที” มือเรียวกดปุ่มโทรออกไปยังเบอร์เจ้าของแอป
เสียงเรียกในสัญญาณดังอยู่หลายครั้ง ปลายสาย เป็นเสียงผู้ชายรับ
“ครับ” เสียงเอ๊ะ!! มันทำไมเสียงดูคุ้นๆ
“เอ่อ..ผมมาถึงแล้วครับ คุณออกมารับของด้วย ผมเข้าไปไม่ได้ ตอนนี้ผมจอดรออยู่หน้าป้อมยาม”
“ครับ ครับ” เสียงหัวเราะขึ้นจมูก
ภีมกดสายวาง ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก พวกคนรวยนี่นะ สุขสบายดีชะมัด ต้องทำบุญแค่ไหนกันนะ ถึงจะมีชีวิตดีๆ แบบนี้บ้าง
ระหว่างที่รอ ก็ยืนคุยกับลุงรปภ.ที่เคยรู้จักกันไปพลางๆ
++++++
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากป้อมยาม ชายหนุ่มหยุดยืนตรงหน้า
พลางพินิจพิเคราะห์ภีมที่สวมชุดไรเดอร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ให้
ชายหนุ่มลูกครึ่งฮ่องกง-เยอรมัน สูงราว 185 ซม. ผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ
แต่เมื่อกระทบแสงจะเผยโทนน้ำตาลช็อกโกแลต ปล่อยสบายไม่ได้เซ็ตทรง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
ออกเหลือบอำพันเมื่อต้องแสงแดด ลึกซึ้งและมีเสน่ห์เหลือบมองคนตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มแบบฝั่งเยอรมัน
ทว่าผสานความอ่อนโยนจากเชื้อสายฮ่องกง คิ้วเข้ม ดั้งโด่ง โหนกแก้มเด่นเล็กน้อย ผิวขาวอมเหลืองดูสุขภาพดี
รูปร่างสูงโปร่ง แข็งแรงแบบคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ไม่ล่ำจนเกินไป วันนี้เป็นวันหยุด
เขาจึงอยู่ในชุดลำลอง เสื้อยืดแบรนด์ดังเข้าคู่กับกางเกงขาสั้นสบาย ๆ ดูผ่อนคลายเหมือนกำลังใช้เวลาพักผ่อน
“หืมม!! ดูเท่ดีนะเนี่ย ดูดีกว่าตอนอยู่บริษัทอีกแฮะ” เสียงนั้นทัก
“พูดมากน่า เอาของนายไปได้แล้ว” ภีมยื่นถุงของให้อย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อบังเอิญเจอคนตรงหน้า และเป็นคนที่ไม่อยากจะเจอ
“ไรเดอร์พูดไม่เพราะเลยนะครับ ผมร้องเรียนดีมั้ยนะ?” เขารับของมาแล้ว ก่อนจะแซว
“ลิกกวนประสาท แล้วเอาของกลับไปได้แล้ว!!” เจ้าเด็กตาชี้มองหน้าอย่างเริ่มหงุดหงิด
“งั้นจะเอามั้ย?” หลี่เจียหยางหยอกล้อ มือยังไถโทรศัพท์
“อะไรอีก”
“ทิป.ไง.ครับ.คุณ.ไร.เดอร์” เขาพูดเน้นคำประชดประชันใส่ภีม
ภีมหันหลังจะเดินหนี “ไม่เอา”
“โว๊ะ ไรเดอร์อย่างนี้ก็มีด้วยหรอ? หยิ่งไม่รับทิปลูกค้า อย่าลืมซิ นายเป็นไรเดอร์อยู่นะ เจ้าแมวส้ม”
“กับคนอื่นผมไม่หยิ่งหรอกนะ แต่ของนาย ผมไม่เอา แล้วนี่เรียกอะไรของนาย ใครแมวส้ม?”
ภีมยังคงเถียงไม่ลดละ และพาร่างบางคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ
“เหว เล่นตัวจังเล๊า!! ไม่เอาทิปงั้นเลี้ยงข้าวแทน เอามั้ยล่ะ?”
เจียหยางเดินเข้าไปหาใกล้ๆ ภีมที่กำลังคร่อมรถ
“หรือจะให้เลี้ยงเลยก็ได้น๊า เจ้าแมวส้ม” พูดแล้วเอามือกดหน้ากากหมวกกันน็อกลง
(ดูซิไม่เหมือนแมวยังไง ขนาดหมวกกันน๊อคก็หูแมว) เจียหยางลอบคิด แอบอมยิ้ม
“พูดบ้าอะไร ไม่ต้อง!! ออกไปไกลๆ เลย จะไปแล้ว”
ไม่พูดเปล่า เจ้าเด็กหัวส้มก็เหวี่ยงแขนใส่อย่างเสียอารมณ์ ราวกับแมวตะปบเหยื่อ
แต่ก็พลาด หลี่เจียหยางว่องไวกว่ามาก เขาหลบทัน
ภีมรีบกดปุ่มสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ ขืนอยู่นานได้ปวดหัวกับไอ้เจ้าบ้าหน้าลูกครึ่งนี่แน่ๆ
รถมอเตอร์ไซค์สีฟ้า ออกตัว เขาตะโกนบอกลา รปภ. ป้อมยาม
“ผมไปละนะ พี่ตุ๊ โชคดีนะพี่” หันมาบอกรปภ. โดยไม่ได้สนใจหลี่เจียหยางที่ยืนอยู่ตรงนีั้น แม้แต่น้อย
รปภ.โบกมือลา
หลี่เจียหยางกระพริบตามองตามเงาของคนที่เพิ่งเดินจากไป
ตั้งแต่เจอกันมา เขาโดนเจ้าแมวส้มเมินมากี่ครั้งแล้วนะ?
แต่ก็แปลกดี... ยิ่งโดนเมิน ยิ่งรู้สึกสนใจ
ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะกดให้ทิปสูงสุด พร้อมรีวิวไรเดอร์เจ้าปัญหาคนนี้อย่างไม่ลังเลด้วยดาวเยอะสุด
"โดนใจขนาดนี้ จะให้โอนเท่าไหร่ก็ว่ามา"
++++++++++++
“รู้จักกันเหรอครับ?” เขาหันไปถามรปภ.ที่ป้อมยาม คนที่ปกติแล้วแทบไม่เคยคุยกันเลย
พี่ตุ๊ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ก็...ครับ เจ้าภีมน่ะ เป็นเด็กขยัน คุยเก่งดี กลางคืนบางทีผมอยู่เวรดึก
ก็จะสั่งอะไรกินบ้าง เจอมันมาส่งให้ คุยกันถูกคอดี พาลให้คิดถึง เจ้าลูกชายที่อยู่ต่างจังหวัด”
สีหน้าเอ็นดูของรปภ.ชวนให้หลี่เจียหยางเหลือจะทึ่ง
"เจ้าเด็กนี่ ไม่เหมือนใครเลยแฮะ"
คนที่เขาเคยเจอ ส่วนใหญ่สนใจแค่หน้าตา ฐานะ หรือไม่ก็เงินของเขา
แต่เจ้าภีมนี่... ไม่ได้แยแสอะไรเลยสักนิด
ทั้งที่เขาก็มีพร้อมทุกอย่าง แค่กระดิกนิ้ว ก็มีคนพร้อมจะทอดกายถวายตัวให้ด้วยซ้ำ
หรือว่าเจ้าเด็กนี่มันซื่อบื้อเกินไป? ซื่อจนเซ่อ? หรือที่จริง... อาจจะรู้ทุกอย่างดี แต่แค่แกล้งเล่นกับเขากันแน่?
เขาเสยผมสีช็อกโกแลตเข้มที่ปล่อยสบาย ๆ ให้เข้าที่ ลมอ่อน ๆ พัดผ่าน ปลายผมพลิ้วไหวไปตามแรงลม
ก่อนที่ร่างสูงสง่าจะก้าวกลับเข้าบ้าน
"ถ้างั้น... ก็คิดซะว่าเป็นเกมละกัน"
เจียหยางบอกกับตัวเองขณะเปิดประตูเข้าบ้าน ดวงตาสีน้ำตาลอำพันทอประกายครุ่นคิด
คงต้องวางหมากให้แยบยลกว่านี้ โดยเฉพาะกับ "ยัยไฮยีน่าทั้งสามตัวนั่น"
แต่ไม่เป็นไร... "ยังมีเวลา"
เพราะเสือน่ะ ไม่เคยรีบล่าเหยื่อ หรอกนะ
++++++
พระอาทิตย์ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างไม่อิดออด
แม้จะเป็นเช้าวันเสาร์ที่ใครหลายคนอยากขลุกตัวอยู่บนเตียง
เมฆตัวอ้วนเคลื่อนตัวอย่างเกียจคร้าน ลอยเอื่อยไปตามแรงลม
ตัดกับแนวตึกระฟ้าสูงเสียดฟ้าที่เรียงรายสลับสีสันไปมา
ชีวิตผู้คนยังคงดำเนินไปตามวิถี แม้วันหยุดจะเป็นของหายากสำหรับบางคน
เพราะชีวิตมันขับเคลื่อนได้ด้วยเงินนี่นะ
เวลาประมาณ 9 โมงเช้า ภีมยังคงเป็นไรเดอร์ขยันขันแข็ง สายวันนี้เขารับออเดอร์อาหารอิตาเลียน
ที่นอนอุ่นอยู่ในกล่องท้ายรถมอเตอร์ไซค์ กลิ่นหอมโชยออกมารบกวนความหิวของเขาเป็นระยะ —
พิซซ่าเปปเปอโรนีแป้งหนานุ่ม ลาซานญ่าอบร้อนหอมเนื้อและชีสเยิ้ม ๆ ราดด้วยซอสเบชาเมล
สลัดซีซาร์กรอบสดโรยขนมปังกรุบกรอบ และทีรามิสุเนื้อเนียนละมุนในซอสกาแฟกับครีมมาสคาร์โปเน่
แค่คิดถึงรสชาติก็เผลอกลืนน้ำลาย แต่ถึงอยากลองแค่ไหน เขาก็รู้ตัวดีว่าความฟุ่มเฟือยไม่ใช่สิ่งที่เขาเอื้อมถึงตอนนี้
ภีมต้องประหยัด เก็บหอมรอมริบทั้งค่าบ้าน ค่าห้องเช่าเล็ก ๆ ที่เขาอาศัยอยู่
และค่าใช้จ่ายส่งเสีย 'ภัทร' น้องชายตัวแสบที่กำลังเรียนมัธยมปลาย
ซึ่งอีกไม่นาน เจ้าภัทร ก็จะต้องก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย
ชีวิตภีมเลยกลายเป็นสมการรายรับรายจ่ายที่วนเวียนอยู่ในหัวไม่จบไม่สิ้น
บางทีก็แอบสงสัย — ความสุขมันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? ตั้งแต่พ่อเสีย? หรือวันที่เจ้าหนี้มาเคาะประตูทวงค่าบ้าน?
ทำไมชีวิต มันต้องวุ่นวาย ยุ่งยากขนาดนี้วะ
มอเตอร์ไซค์ฟีโน่สีฟ้าคู่ใจของภีมค่อย ๆ เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง
แค่เงยหน้ามองก็รู้สึกถึงความต่างของโลกใบนี้กับชีวิตเขาอย่างชัดเจน
ตัวอาคารสูงตระหง่านขึ้นไปจนแทบไม่เห็นยอด กระจกบานใหญ่สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ
ด้านหน้าคอนโดมีน้ำพุประดับ เสียงน้ำไหลเบา ๆ เพิ่มความผ่อนคลายให้กับบรรยากาศ
รอบข้างตกแต่งด้วยสวนแนวตั้งสไตล์โมเดิร์น ม้านั่งดีไซน์เก๋ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ที่จัดวางอย่างลงตัว
ล็อบบี้ด้านในที่มองเห็นผ่านประตูกระจกบานสูงเป็นโถงกว้าง เพดานสูงโปร่ง
ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้าคริสตัล เฟอร์นิเจอร์แบรนด์เนมจัดวางอย่างมีรสนิยม
ทุกอย่างดูเป็นระเบียบและสมบูรณ์แบบไปหมด ราวกับหลุดเข้าไปในนิตยสารตกแต่งบ้าน
ร่างโปร่งนั้น ปลดหมวกกันน็อกสีฟ้าที่ติดหูแมวออก นิ้วเรียวเสยผมเปียกเหงื่อลวก ๆ หางตาชี้ ๆ กวาดมองรอบ ๆ อย่างสำรวจ
ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ — ช่างต่างกับห้องเช่าราคาถูกของเขาเหลือเกิน
แต่เอาเถอะ...ชีวิตต้องไปต่อ เขายิ้มบาง ๆ กับตัวเอง ก่อนจะตั้งใจทำงานต่ออย่างมืออาชีพ
++++++++++++++++++++
“ผมมาถึงแล้วครับ อยู่ด้านล่าง”
ภีมส่งข้อความแจ้งคนสั่งในขณะที่กำลังเดินถือถุงอาหารหอมยั่วยวนชวนท้องร้อง
ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปในตึกที่ตระหง่านตรงหน้า
เพื่อแจ้งพนักงานด้านใน พลันก็ได้ยินเสียงทะเลาะนั้นดังมาจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ตรงหน้า
“ฉันไม่ไหวละค่ะ ฉันไม่ทนแล้ว!”
เสียงสตรีวัยกลางคน ค่อยๆ ดังขึ้นอย่างไม่พอใจ สีหน้าเหยเก น้ำตารื้น
ด้วยความรู้สึกคับแค้นในใจราวกับจะระเบิดออกจากอก
เธอกำลังเก็บข้าวของลงในตระกล้าอย่างแรง คุณเจ้าหน้าที่อาคารกำลังพยายามพูดให้เธอรู้สึกสงบสติอารมณ์
“ใจเย็นๆ ก่อนครับพี่แหม่ม มันอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้ เรื่องนี้เราคุยกันได้”
“ยังไงคะ? คุณวัฒน์ ลูกค้าคนนั้นดูถูกฉันแทบทุกวัน แรกๆ ฉันก็ว่าฉันทนได้ แต่นี่มันจะมากเกินไปแล้ว
ฉันก็คนนะคะ มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ!”
สตรีวัยกลางคน ระบายความรู้สึกคับแค้นในอก ด้วยอารมณ์ที่กำลังเดือดดาล
ความรู้สึกต่ำต้อย ที่โดนเหยียดหยาม น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
เธอดูน่าสงสาร ใช่ซิ คนเราเลือกได้หรอว่าอยากเกิดมาจน แต่ชีวิตมันก็ต้องดิ้นรน และไปต่อ
ป้าคนนี้ ก็ไม่ได้ผิดนี่ แต่ไม่รู้ทำไมภีมถึงรู้สึกเกลียดคนแบบนี้ก็ไม่รู้
พวกประเภทที่คิดว่า มีเงินและอำนาจ ใช้ความรู้สึกนั้น กดขี่ทางอารมณ์กับคนที่ต่ำต้อยกว่า
ภีมยืนมองภาพเหตุการณ์เหล่านี้ด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก เขายอมรับ ว่าเขาเห็นใจป้า
ภีมเอาของวางไว้ที่จุดรับสินค้า ก่อนจะเดินพาร่างสูงโปร่ง สอดมือเข้ากระเป๋ากางเกง
สายตาเหลือบไปเห็นพนักงานคอนโด กำลังบ่นเปรยๆ
“ซวยล่ะ แล้วใครจะทำความสะอาดห้อง 2708 ล่ะทีนี้? ใครตามคนมาแทนหน่อยซิ”
++++++++++++++++++++
...แต่ก็ไม่มีใครรับสาย...
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าน่ะครับ พี่วัฒน์?”
ภีมถามคุณเจ้าหน้าที่อาคาร ด้วยว่าเคยคุยและมาส่งอาหารที่นี่ และรู้จักนิสัยใจคอ และคุยกันมาบ้าง บางทีเขาก็รับจ๊อบเล็กๆ
“ก็แม่บ้านน่ะซิ เดือนนี้คนที่ 3 แล้วมั้งที่ลาออกไปน่ะ”
พี่วัฒน์ ชายผอมบาง คนไทยเชื้อสายจีน ใส่แว่นกรอบใหญ่หนา อายุประมาณ 40 กว่าปี
เขาคือคนดูแลที่นี่ถอนหายใจหนักอย่างเหนื่อยใจ
“โห!! ถ้าจะเอาเรื่องเหมือนกันนะนี่” ภีมยืนพิงเคาท์เตอร์
“ก็ได้อยู่นะภีม คุณเอริคเจ้าของห้องค่อนข้างจะเจ้าระเบียบ
ปัญหาก็คือ คนทำความสะอาดก่อนหน้านี้ก็สร้างวีรกรรมไว้เยอะพอดู นี่ขนาดพี่สแกนคนแล้วนะ ยังไม่ถูกใจแกเลยซักคน”
ภีมทำท่าคิด
“เขาให้ค่าแรงแพงมั้ยครับพี่? ถ้าเรื่องทำความสะอาดผมก็เก่งพอตัวอยู่นะ?”
“ให้ดีอยู่นะ ค่าแรงปกติ อยู่ที่ 5-700 บาทต่อวัน แต่กรณีห้องคุณเอริคนี่ แกให้พิเศษ ประมาณ 700-พันนึง” พี่วัฒน์คำนวณเงินพลางขยับแว่น
ภีมตาโต “ผมทำพาร์ทไทม์ให้ได้นะพี่ ช่วงนี้ไม่มีออเดอร์พอดี
“เหย!!แกพูดไปเรื่อย? มันต้องอบรมมาก่อนนะ?” พี่วัฒน์พูดเหลือจะเชื่อ
“ผมทำได้จริงๆนะ ตอนนี้ไม่มียอดไรเดอร์พอดีเลย ผมสนใจอยากลองรับงานทำความสะอาดดู
ผมเคยรับจ๊อบงานทำความสะอาดมาแล้ว และก็อบรมเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์
และการทำความสะอาดบ้านประเภทต่างๆ มาแล้ว ไม่มีปัญหาครับ นี่ไงมีใบ Certificate ด้วยนะ”
ภีมโชว์รูปถ่ายใบเซอร์ของตัวเองให้ดู อย่างภาคภูมิ
“ไอ้เด็กนี่!!!นายทำมาหลายอย่างเลยนะนี่” พี่วัฒน์ยกมือกอดอก มองภีมด้วยสายตาทึ่งๆ
“แน่นอนซิครับพี่ ทำไงได้ ชีวิตต้องสู้เพราะกู้มาเยอะ”
เขาพูดและยืดอกราวเป็นเรื่องราวน่าภูมิใจทำเอาพี่วัฒน์ หัวเราะภีมด้วยความเอ็นดู
“ถ้างั้น เดี๋ยวพี่ต้องโทรแจ้งคุณเอริคก่อนนะ ว่าเขาว่าไง”
พี่วัฒน์ขยับกรอบแว่นที่จะหลุดจากจมูกให้เข้าที่ด้วยว่าเขาเป็นคนผอมและกรอบแว่นก็ขาโก่ง จึงมักจะเลื่อนลงเสมอ
ภีมพยักหน้ารับ และแอบภาวนาในใจ หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลบันดาลให้พรของพระแม่ลักษมีที่เขาไปขอ
ช่วยให้เขาได้เงินและงานดี ๆ เพิ่มขึ้นสักที อย่างน้อยก็บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายลงได้บ้าง
พี่วัฒน์เองก็ไม่แน่ใจ แต่เพราะเห็นภีมขยันขันแข็ง ทำงานหลากหลายอย่างไม่เคยเกี่ยง
แถมเป็นเด็กที่อัธยาศัยดียิ้มแย้มเสมอ เขาจึงเต็มใจจะช่วยเจ้าเด็กคนนี้เท่าที่ทำได้
ชายผอมบางปรับกรอบแว่นให้เข้าที่ ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกหาเจ้าของห้องที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าระเบียบ
“เอ่อ....ครับ สวัสดีครับคุณเอริค ผมวัฒน์นะครับ... เอ่อ พอดีจะเรียนแจ้งเรื่องแม่บ้านทำความสะอาดน่ะครับ”
เขาเว้นจังหวะฟังปลายสายเล็กน้อย แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
“ใช่ครับ... เธอขอลาออกกะทันหัน เราเลยยังหาคนมาแทนไม่ทัน”
เขาเหลือบมองภีมที่ยืนรอฟังด้วยใจลุ้นระทึก ก่อนจะตัดสินใจพูดต่ออย่างรอบคอบ
“แต่วันนี้เรามีเด็กพาร์ทไทม์เข้ามาช่วยแทนครับ เขาเคยผ่านงานทำความสะอาดและอบรมพื้นฐานมาแล้ว...
ผมรับรองได้ว่าไว้ใจได้แน่นอนครับ เพราะเคยเห็นน้องเขาทำงานอื่นแถวนี้บ่อย ๆ”
พี่วัฒน์เงียบฟังอีกฝั่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโล่งใจ
“โอเคครับ ได้เลยครับ งั้นเดี๋ยวผมแจ้งน้องให้ ขอบคุณมากนะครับ สวัสดีครับ”
เขาวางสายก่อนหันมายิ้มให้ภีมที่ตาเป็นประกาย ความดีใจแทบจะทะลักออกมาทางสีหน้า
“เรียบร้อย เจ้าของห้องตกลงแล้ว”
“จริงเหรอครับ?! ขอบคุณมาก ๆ เลย!” ภีมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
“งั้นเอาบัตรประชาชนมา เดี๋ยวไปหาพี่เหมี่ยวกัน นายต้องกรอกรายละเอียดงาน แล้วก็เปลี่ยนชุดซะ”
พี่วัฒน์พูดพร้อมตบบ่าเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
“ครับพี่! ขอบคุณอีกครั้งเลยนะครับ!” ้ขายกมือไหว้ขอบคุณ
บางครั้งโอกาสดี ๆ ก็เข้ามาในวันที่ไม่คาดคิด เหมือนชีวิตจะอยากให้เราลองเสี่ยงดูบ้าง —
และภีมเองก็พร้อมจะคว้าไว้ไม่ให้หลุดมือ