"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน - ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก

รายละเอียด

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

ผู้แต่ง

Julie juice

เรื่องย่อ

##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน  นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)

"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง

???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”

??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!

??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”

??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”

??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?

???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง   

สารบัญ

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 1 พระแม่ครับ โปรดประทานพรให้ผมเถอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 3 ตู้เจ้ากรรม นำพานายเวรมาพานพบ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 5 พี่พร้อมจะโอนเพราะน้องมันโดนใจ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 6 เมื่อเงินมา งานก็เดิน,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 9 วิบากของลูกจิ้งจอก กับหมาป่าจอมกลับกลอก,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย?,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 12 ข้อเสนอ ที่ทำให้เผลอใจเต้น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 14 เจ้าเหยื่อผู้น่าสงสาร กับการหยอกของเหล่าไฮยีน่าขี้เล่น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 15 ก๋วยเตี๋ยวแค่ถ้วยเดียว แต่มันเปรี้ยวไปถึงใจ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต

เนื้อหา

ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด

 


           เอริค ฮาเกน เอนร่างสูงโปร่งที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นบนเตียงนอนคิงไซส์ พร้อมชุดเครื่องนอนสีดำ ภายในห้องนอนที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาว เทา และดำเป็นพื้นหลัง เฟอร์นิเจอร์ไม้ผสมหินอ่อน ให้บรรยากาศโมเดิร์นลักซ์ชัวรี เรียบง่าย แต่แฝงด้วยรายละเอียดที่สะท้อนความเป็นตัวตนและรสนิยมของเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี ข้าวของถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ในมือของเขาถือแท็บเล็ต Kiddle สำหรับอ่าน e-book เรื่องที่อ่านค้างไว้ โดยตั้งใจจะอ่านให้จบในวันหยุดพักผ่อน ดวงตาสีฟ้าเทาสะท้อนแสงจากหน้าจอ ไล่อ่านตัวอักษรตามบรรทัดอย่างสบายอารมณ์

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ตามปกติเอริคมักออกไปข้างนอกบ้าง แต่วันนี้เขาเลือกจะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ใส่ชุดลำลองเสื้อคอกลมสีเทาสวมสบาย กับกางเกงขายาว ไม่มีเหตุผลพิเศษอะไร ก็แค่อยากพัก... หรืออาจจะมีเหตุผลบางอย่างก็ได้

เขาหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะไม้สีขาวข้างเตียง หน้าจอบอกเวลา 09.15 น. เอริคนั่งฟังเสียงรอบตัวอย่างเงียบ ๆ ขณะที่สายตายังคงไล่อ่านตัวอักษรต่อไป

“ติ๊ด” เสียงคีย์การ์ดดังที่ประตูหน้า ตามด้วยเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กจากด้านนอก

           “พวกป้าส่งแค่นี้ก่อนละนะ เจ้าภีม เดี๋ยวแยกกันไปทำงานต่อล่ะ” เสียงของกลุ่มแม่บ้านสูงวัยดังมาจากด้านนอก

           “ครับ ป้า ขอบคุณมากครับ น้ำพริกอ่อง กับผักอร่อยสุดๆเลย ผมโชคดีจังได้มากินข้าวเช้าที่นี่ 

น้ำพริกฝีมือป้าติ๋มเด็ดมากเลยฮะ” เสียงของเด็กหนุ่มตาชี้ดังลอดเข้ามาในห้อง

"ปากหวานจริงแฮะ..." เอริคแอบขำกับตัวเอง

           “อร่อยหรอ เดี๋ยวรอบหน้าป้าตำมาเผื่อ” ป้าติ๋มยิ้มปลื้ม

           “อร่อยซิครับ ผมเลยกินข้าวเบิ้ลไปตั้ง 2 จานแน่ะ” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ อ้อนนิดๆ

           "แหม~ เจ้าเด็กนี่ ปากหวานจริงๆ พวกป้าไปละนะ ตั้งใจทำงานล่ะ เจ้าภีม"

           “ครับป้าต้อย ป้าติ๋ม พี่นิด ขอบคุณที่มาส่งผมนะครับ เดี๋ยวเสร็จแล้ว ผมน่าจะออกไปเลย คงไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วย”

           “หืม!! จะไปขับแกร๊บต่อรึ?” เสียงหญิงสูงวัยอีกคนถาม

           "ครับ เผื่อได้ออเดอร์ อะไรได้เงินผมก็รับหมดล่ะครับ" ภีมตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

           "ขยันจริงๆ สนใจมาเป็นลูกเขยป้ามั้ย? ขอจองตัวไว้ก่อนนะ" เสียงแซวจากป้าคนหนึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะ     ภีมยิ้มแห้งๆ เขาก็รู้แหล่ะ ป้าแซวเล่น 

           เสียงคุยของกลุ่มแม่บ้านทำความสะอาดคอนโดค่อยๆ ไกลออกไป ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตูเบาๆ“กริ๊ก”

เอริค ฮาเกน ได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจน เพิ่งมาทำงานได้แค่วันเดียว แต่กลับเข้ากับทีมได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงเท่านั้น—เขายังกลายเป็นขวัญใจของกลุ่มแม่บ้านทำความสะอาดไปแล้วเสียด้วย ปรับตัวเก่งเหมือนกันนะ

เสียงฝีเท้าเดินไปมาดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ “ตึก ตึก” สลับกับเสียง “แกร็ก” ของประตูระเบียงที่ถูกเปิดออก ลมเย็นจากภายนอกพัดเข้ามา พร้อมกับเสียงฮัมเพลงแผ่วเบา ลอดออกมาจากโซนห้องนั่งเล่น

“วู่ม—” เครื่องดูดฝุ่นส่งเสียงต่ำลึก ขยับไล่เก็บฝุ่นไปตามพื้นเป็นจังหวะ ได้ยินใกล้บ้าง ไกลบ้าง ไม่ขาดสาย

ภีมเริ่มต้นงานของตัวเองอย่างตั้งใจ เขาใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดไล่ตามมุมห้อง เก็บฝุ่นเม็ดเล็กที่อาจเล็ดลอดไปยังซอกต่างๆ

 เขาตั้งอกตั้งใจทำงาน เสียงแผ่วเบาของไม้ถูพื้นขยับบนพื้นหินอ่อน เป็นจังหวะคล้ายจังหวะเพลงที่เจ้าตัวใส่หูฟังไร้สาย 

           กระจกบานใหญ่ริมระเบียงถึงแม้จะสะอาดปราศจากรอยนิ้วมืออยู่แล้ว—เพราะเพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อวาน—แต่ภีมก็ยังคงลากผ้าผ่านไปมาเพื่อให้แน่ใจว่ามันไร้ที่ติ แสงแดดยามเช้าสะท้อนผ่านกระจก เปลี่ยนเป็นประกายวิบวับ จังหวะเช็ดของเขาสอดคล้องไปกับเสียงเพลงที่กำลังฟังโดยไม่รู้ตัว ร่างโปร่งโยกตัวเบาๆ ตามจังหวะอย่างเป็นธรรมชาติ

           “พรืด”

เอริคพ่นลมหายใจออกแรง อมยิ้มเมื่อได้เห็นทุกอิริยาบถของอีกฝ่ายผ่านภาพจากกล้องวงจรปิดขนาดจิ๋วที่ซุกซ่อนอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง

++++

ภีมลากผ้าชุบน้ำไล่เช็ดไปตามโต๊ะไม้ ตู้เก็บของ จนมาถึงตู้ปลาทองขนาดกลางที่ตั้งอยู่ริมผนัง ภายในตู้กระจกใส ปลาทองหัววุ้นสีส้ม-ขาวสามสี่ตัวกำลังว่ายไล่กันไปมา แสงจากไฟในตู้ปลาทำให้น้ำสะท้อนประกายสีฟ้าใสระยิบระยับ ภีมหยุดมองพวกมันครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวลงเช็ดทำความสะอาดขอบตู้พลางยิ้มบางๆ ให้กับเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่กำลังแหวกว่ายอย่างร่าเริง..

           “ว่าไง เจ้าอ้วน!! วันนี้ฉันมาเจอพวกนายแล้วนะ หิวรึยัง” 

ภีมเอ่ยกับเจ้าปลาทองหัววุ้นในตู้ พลางเอื้อมมือไปหยิบขวดอาหารปลา เปิดฝาออก แล้วค่อยๆ เทอาหารลงน้ำเป็นฝอยเบาๆ

เจ้าตัวอ้วนสีส้มสด 3-4 ตัวว่ายแหวกน้ำอย่างว่องไว เมื่อเห็นอาหารร่วงลงมา พวกมันพุ่งเข้ามาฮุบตะกละตะกลามจนฟองน้ำแตกกระจาย

ภีมนั่งท้าวคางมองพวกมันอย่างเพลิดเพลิน 

ก่อนจะแกล้งทำหน้าล้อเลียน ขยับแก้มให้พองแล้วอ้าปากพะงาบๆ เลียนแบบปลา

“อาหารปลา...ไม่อร่อยหรอกนะ”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาภีมสะดุ้งเฮือก

เขารีบคลายแก้มที่พองออก หันขวับไปตามเสียง ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจ ไม่ต่างจากเด็กที่โดนจับได้ว่าแอบทำเรื่องผิด

“คุณ!?”

เอริค ฮาเกน ยืนพิงกรอบประตูห้องนอน มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาขบขัน ร่างสูงในเสื้อยืดสีเทากับกางเกงลำลองสีเข้ม ผมสีบรอนซ์อ่อนยุ่งเล็กน้อยคล้ายเพิ่งตื่น เขาสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ตู้ปลา ก้มลงมองเจ้าพวกหัววุ้นที่กำลังแย่งอาหารกันอย่างเมามัน ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเจือแววหยอกเย้า

“ผมก็หิวนะ ถ้าทำแก้มพองแบบนั้นแล้วมีคนป้อนให้บ้างก็คงดี”

เขาหันมายิ้มสบตา

ภีมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที ร้อนจนเผลอคิดว่าอุณหภูมิห้องสูงขึ้นไปหลายองศา

ความรู้สึกแบบที่เขาว่ากันว่า "อายแทบแทรกแผ่นดินหนี" คงเป็นแบบนี้สินะ

แต่มีหรือที่เขาจะยอมแพ้

“คุณหิวก็ไปกินข้าวสิครับ คุณเจ้าของห้อง”

น้ำเสียงติดประชดเล็กน้อย ภีมรีบเก็บขวดอาหารปลา พยายามไม่สบตา รู้สึกได้เลยว่าหน้าตัวเองแดงไปถึงใบหู รีบหันไปคว้าผ้าเตรียมทำงานต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เอริคเลิกคิ้ว มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เขาสังเกตท่าทางของภีมอย่างสนใจ เจ้าเด็กนี่ไม่เหมือนใครที่เขาเคยเจอ ไม่เขินอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่กลับกล้าเถียงกลับหน้าตายแบบนี้ น่าสนุกดีเหมือนกัน

ที่สำคัญ...เขาจำได้แล้ว

ภีม—เจ้าหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า คือคนเดียวกับที่เขาเจอในลิฟต์ของบริษัทเมื่อวันก่อน และเมื่อวานนี้เองที่เขาเพิ่งได้รับอีเมลตอบรับความร่วมมือระหว่างบริษัทของเขากับที่ทำงานของภีม

แต่ดูท่าเจ้าตัวจะยังไม่รู้สินะ...

แกล้งอีกสักหน่อยดีไหมนะ?

+++++++++++++++++++++

ภีมยังคงทำงานของตัวเองต่อ ร่างสูงสมส่วน นั่งลงบนโซฟาหนังสีขาวตัวยาวที่จัดวางอย่างลงตัวคู่กับโต๊ะกลางหินอ่อนบนพรมนุ่มสีเทา โซนนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับครัวแบบเปิดสร้างบรรยากาศโปร่งโล่ง เคาน์เตอร์หินอ่อนสีดำเงาวาวตัดกับเก้าอี้บาร์ทรงสูง เฟอร์นิเจอร์ไม้บิลต์อินราคาแพงเข้ากับโทนห้องอย่างมีรสนิยม กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมและเครื่องกระจายกลิ่นอบอวล ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่น

“เธอชื่ออะไรนะ?”

เสียงทุ้มของเอริคดังขึ้นแทรกความเงียบ ขณะที่ภีมกำลังเช็ดเคาน์เตอร์หินอ่อนด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์สะอาด เสียงเสียดสีเบาๆ กับผิวหินสะท้อนความใส่ใจในงานของเขา แม้จะไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ภีมก็รู้สึกได้ถึงสายตาของเจ้าของห้องที่จับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของเขาจากอีกฝั่งของห้อง

“ภีมครับ” เขาตอบสั้นๆ ไม่เสียสมาธิจากงาน

“ปกติแล้วเธอทำงานอะไร ทำไมมาทำพาร์ทไทม์ที่นี่ล่ะ?” เอริคยังคงถามต่อเหมือนต้องการชวนคุย แม้เขาจะรู้อยู่แล้วก็ตาม

ภีมยังคงก้มหน้าก้มตาเช็ดเคาน์เตอร์ต่อ ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำถามนั้นนัก 

“ก็ทำงานประจำปกติทั่วไปแหล่ะครับ” ภีมตอบเรียบๆ ไม่ได้คิดจะขยายความอะไร

“หืม!! มีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินเหรอ?” เอริคแกล้งถามต่อ ลองหยั่งเชิง เหมือนจะรู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังถาม 

เขาโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย ขณะวางแขนพาดพนักพิงโซฟาอย่างสบายๆ

ภีมหยุดมือไปวูบหนึ่ง ก่อนจะขยับผ้าเช็ดแรงขึ้นเล็กน้อยราวกับจะระบายอะไรบางอย่าง 

“ก็เงิน...มันก็เป็นสิ่งจำเป็นนี่ครับ ผมไม่ได้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดนี่นา ชีวิตมันก็ต้องดิ้นรนแบบนี้แหละ ทำไงได้ล่ะ”

แล้วก็ลงน้ำหนักมือเช็ดเคาน์เตอร์แรงขึ้นเหมือนจะระบายอารมณ์

 เอริคแอบขำกับท่าทีของอีกฝ่าย ภาพของภีมที่เผลอเต้นไปกับเสียงเพลงตอนทำงานยังติดตาเขาอยู่เลย

“งั้นเหรอ เธอต้องการเงินสินะ?” หนุ่มตาน้ำข้าวเอ่ยขึ้นคล้ายพึมพำกับตัวเอง

ภีมหยุดมือแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดมุ่น 

“นี่คุณ..ถึงผมจะอยากได้เงิน แต่ถ้าคุณคิดว่า กำลังจะชวนไปทำอะไรผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย ผมไม่เอาด้วยนะ”

น้ำเสียงจริงจังขึ้นมาทันที ตาชี้ขวาง มองจิกมาอย่างหวาดระแวง

เอริคยิ่งนึกสนุก

“เธอทำอาหารเป็นไหม?”

ภีมชะงักไปนิด ก่อนจะตอบตามจริง

 “ก็ไม่เชิงครับ พอได้แต่ ไม่เก่ง ผมทำได้แค่เมนูง่ายๆ ไข่ดาว ขนมปัง ทอดๆ ต้มๆ อะไรแบบนั้น คุณถามทำไมน่ะ?”

เอริคยกยิ้มมุมปาก รู้สึกสนุกกับการสนทนา

เจ้าเด็กนี่ดูจะซื่อกว่าที่เขาคิด ถามตรงๆ ก็ตอบตรงๆ ไม่มีเลี่ยงประเด็นอะไรเลย ไม่ปรุงแต่ง เป็นธรรมชาติ 

ถ้าเปรียบเป็นอาหาร ก็คงจะเป็นเมนูที่เรียบง่าย แต่ดูรสชาติดีกว่าที่คิด หนุ่มร่างใหญ่แอบจินตนาการ

ถามอะไรตรงๆ ก็ตอบตรงๆ ไม่มีลีลา ไม่มีการแต่งเติมอะไรทั้งนั้นจริงๆ ลองแหย่ดูอีกหน่อยดีกว่า

“งั้นถ้าเธอต้องการเงิน สนใจมาทำอาหารให้ฉันกินทุกวันไหม? ฉันจะจ้างเธอเพิ่ม”

คราวนี้ภีมหยุดมือจริงๆ แล้วหันมามองเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างไม่เชื่อสายตา

เอริคมองกลับมาด้วยสีหน้าสบายๆ ราวกับกำลังคุยเรื่องอากาศวันนี้

“...”

เอริคมองกลับมา

“....” ภีมยัง งง 

“คุณ..พูดเล่นใช่มั้ยเนี่ย?” ภีมถามกลับ ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าดูไม่ไว้ใจ

“ฉันดูเหมือนคนพูดเล่นเหรอ?”

ภีมเม้มปาก คิ้วยังคงขมวดเป็นปม 

“ก็ผมบอกแล้วไง ว่าทำได้แต่แบบง่ายๆ ไอ้ประเภทเมนูฝรั่ง สเต๊กอะไรนี่ผมทำไม่เป็นหรอกนะ คุณไม่ต้องคาดหวัง ผมทำไม่ได้หรอก คุณจ้างคนอื่นไม่ดีกว่าหรอ?” 

เจ้าตัวบอกปฏิเสธ ขมวดคิ้วเข้มยุ่ง ทำสีหน้างุนงง

แบบนี้ก็ได้ด้วยแฮะ แทนที่คนฟังจะผิดหวัง เอริคกลับรู้สึกว่ามันตลกดี บางคนถ้าเจอข้อเสนอเงินดีๆ แบบนี้คงรีบคว้าไว้ก่อนแล้ว ทำได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที

แต่เจ้าเด็กนี่กลับปฏิเสธหน้าตาเฉย

“เอ๊า!! ฉันก็ไม่ได้บอกนี่ว่าจะกินแต่สเต๊ก” เอริคยักไหล่ 

“แค่คิดว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดีสำหรับเธอ แทนที่ตอนบ่ายนี้เธอจะไปขับแกร็บให้เหนื่อยๆร้อนๆ ก็แค่ทำอาหารง่ายๆ ให้ฉัน กินข้าวเป็นเพื่อนฉันนิดหน่อย

ได้เงินเหมือนกัน เหนื่อยน้อยกว่า ฉันให้ชั่วโมงละ 500 ว่าไง?”

ภีมจ้องอีกฝ่ายนิ่ง ระแวดระวังเหมือนจิ้งจอกที่ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า 

“บ้าแล้ว!! ข้อเสนอมันดีเกินไปแล้ว คุณมีเหตุผลอะไรกันแน่?”

“ผมว่าผมทำไม่ได้” ภีมพูดอย่างหนักแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

 “ผมว่าคุณหาคนอื่นเถอะ ลำพังแค่ทำอาหารก็ว่าแย่แล้ว ผมไม่อยากให้คุณเสียความรู้สึก”

 ภีมพูดจบก็เริ่มเก็บของและอุปกรณ์ ไม่รอฟังคำตอบของเอริคด้วยซ้ำ

เอริคเอนตัวพิงโซฟา มองแผ่นหลังเล็กๆ ของคนที่ปฏิเสธเขาไปอย่างใจเย็น

เอริค รู้สึกแปลกใจ คนที่ซื่อตรงต่อตัวเอง แบบนี้ก็มีด้วยหรอ? อืมม!!! จะทำยังไงกับลูกจิ้งจอกนี่ดีนะ เหมือนจริงๆด้วยแฮะ... 

“ลูกจิ้งจอก ขี้ตื่นกลัว ระแวดระวัง ไม่ไว้ใจใคร” เอริค ฮาเกน ยิ้มและส่ายหัว

 “พูดตรงๆ นะ ฉันก็แค่เหงา อยากมีเพื่อนคุย กินข้าวด้วยเฉยๆ ก็กินคนเดียวมันน่าเบื่อน่ะ” เขาทำท่าทางน่าสงสาร

ภีมเลิกคิ้วอย่างสงสัย “คุณ...ไม่มีเพื่อนหรือแฟนเหรอครับ? งานอดิเรกของคนรวยนี่แปลกดีนะครับ”

ภีมวัจน์ หันมามองตอบกลับด้วยหางตาชี้ 

เอริคหัวเราะพรืด โดนฮุคไปอีก 1 ดอกแล้วซิ

“เพื่อนน่ะมี แต่แฟนยังไม่มี ว่าแต่ เธอชอบกินอะไรเป็นพิเศษไหม?”

เอริคไม่ย่อท้อ

“อ้อ!!! เพื่อนไม่คบนี่เอง อะไรผมก็กินได้หมดแหล่ะ คุณถามทำไมน่ะ?”

ปากร้ายซะจริง เจ้าหนุ่มตาน้ำข้าวคิด มองคนตรงหน้าด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

 ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟา ก้าวเข้ามาใกล้ภีมทีละนิด 

มองภีมด้วยสายตาเหมือนนักล่าที่เจอเหยื่อที่น่าสนใจ

“ก็เผื่อครั้งหน้า..ได้กินข้าวด้วยกัน ถ้าคุณให้โอกาสผมน่ะนะ” 

ภีมสบตาเอริค แววตาแข็งกร้าว

“แล้วทำไมผมต้องให้โอกาสคุณด้วย?” ภีมเลิกคิ้ว สงสัย

“ผมก็แค่อยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ ก็แค่นั้นเอง” เอริคยักไหล่ ตอบแววตาใสซื่อ ราวกับมันเป็นแค่เรื่องปกติ 

“ผมไม่ยักกะรู้แฮะ โดยปกติคุณเลี้ยงข้าวแม่บ้านด้วยหรอครับเนี่ย? ผมไม่ใช่เด็กๆนะ ที่จะโดนขนมล่อ” ภีมหรี่ตามองกลับ อย่างสงสัย

เอริค ฮาเกนรู้สึกแปลกใจ ช่างต่อปากต่อคำดีจริง เขาหัวเราะเบาๆ 

“โอเคๆ ยอมรับว่าผมก็แค่อยากรู้จักคุณ เพราะประทับใจการทำงานของคุณเท่านั้นเอง” 

เอริคทำท่ายอมแพ้ เขายกเรื่องงานเข้ามาพูด

ภีมย่นคิ้วเข้ม ถ้าเรื่องงานก็พอเข้าใจได้

ภีมจ้องอีกฝ่ายอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะเมินหน้าหนี

“ของหวาน? ขนม? ชอบกินไหม?”

ภีมทำท่าจะปฏิเสธ แต่พอได้ยินคำว่า ‘ของหวาน’ ก็ชะงักไปเสี้ยววินาที 

“ไม่ได้ชอบซักหน่อย” ภีมหันไปคว้าถังอุปกรณ์เตรียมออกไป ทำท่าเมินใส่

แต่แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นแหล่ะ ที่เอริคจับสังเกตุได้ เขาชอบของหวานนี่เอง เอริคยิ้มกว้างให้ เหมือนจับไพ่ได้แล้ว 

“แต่ก็ไม่ปฏิเสธนี่” หนุ่มตาน้ำข้าวยิ้มกว้าง และเดินไปเปิดตู้เย็นใหญ่สีดำของเขา ภีมที่หลุบตามองต่ำพยายามจะไม่สนใจ

แต่ดูเหมือนเจ้าของห้องจะสนุกกับเกมนี้ไม่เลิก...

เอริคเปิดตู้เย็น ไอเย็นพวยพุ่งออกมาพร้อมกลิ่นจาง ๆ ของขนมหวานที่ถูกแช่ไว้ ข้างในนั้นมีเค้กช็อกโกแลตเหลืออยู่เพียงซีกเดียว 

เขาหยิบมันออกมา พลางปรายตามองเด็กหนุ่มที่ยืนลังเลอยู่ตรงประตูห้อง

“คุณชอบช็อกโกแลตมั้ยล่ะ?” เขาถามเสียงเรียบ แสร้งทำเป็นพูดลอย ๆ

“ทำไม?”

“พอดีมีเค้กช็อคโกแลตเหลืออยู่” เอริคพูดพลางเหลือบมองดวงตาของเด็กหนุ่ม พอเห็นแววประกายวาบในดวงตาคู่นั้น เขาก็แค่นหัวเราะเบา ๆ ในใจ

เจ้าลูกจิ้งจอก... ชอบช็อกโกแลตสินะ

"มันไม่มีใครกิน แล้วผมเองก็ต้องคุมน้ำหนัก ซื้อมาแล้วจะทิ้งก็เสียดาย ถ้าไม่รีบกินมันจะหมดอายุพอดี"

เขาวางเค้กลงบนเคาน์เตอร์ ลอบสังเกตปฏิกิริยา—และไม่ผิดหวัง สีหน้าของภีมไม่ต่างจากลูกจิ้งจอกที่จ้องมองก้อนเนื้อฉ่ำ ๆ อยู่ตรงหน้า

“...”

แต่ก็นะ..." เอริคทอดเสียงยั่วเย้า "ถ้าคุณไม่อยากกิน ผมก็คงต้องทิ้งไป เสียดายจัง ช็อกโกแลตนำเข้าจากเบลเยียม ราดเนื้อเค้กนุ่ม ๆ..."

เขาพูดเนิบ ๆ พร้อมกับมองภีมผ่านหางตา แววตาของอีกฝ่ายเริ่มสั่นไหว

"ถ้าคุณไม่กิน ผมคงต้องทิ้ง"

เขาแสร้งทำเป็นจะหยิบเค้กออกไปจริง ๆ

“อ๊ะ!!..อย่าทิ้งนะ” เสียงหลงของภีม ทำให้เอริครู้แล้วว่าเหยื่อกำลังจะติดกับ 

เอริคยกมุมปากยิ้มบาง ๆ

ภีมขยับตัวเล็กน้อยเหมือนจะก้าวเข้ามา แต่ก็ลังเล ร่างเล็กพยายามเบือนหน้าหนีราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

เอริค ฮาเกน จับไต๋ได้แล้ว สีหน้าเจ้าลูกจิ้งจอกมันบอกทุกอย่าง—ลังเลหนักขึ้นอีก งั้นเขาคงต้องเพิ่มน้ำหนักให้ลังเลยิ่งขึ้นอีกหน่อย

"หนึ่งพันบาท หนึ่งชั่วโมง"

"...?"

"แค่นั่งกินขนม เป็นเพื่อนฉันกินข้าวเอง ไม่ได้จะทำอะไรหรอก อาหารไม่ต้องทำ เดี๋ยวฉันทำเอง แค่หาเพื่อนคุยเท่านั้นแหล่ะ"

ภีมยังคงมองด้วยสายตาลังเล

"หืม!!กลัวอะไรล่ะ?" หนุ่มตาน้ำข้าวยิ้มบาง ๆ มองตรงไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตู

"เปล่ากลัว!" ภีมเถียงกลับทันที ตาคมวาวจ้องเขม็งเหมือนพร้อมจะฟาดกันได้ทุกเมื่อ

"ถ้าไม่ได้กลัว ก็มาสิ" เอริคยักไหล่ "หรือไม่สนใจช็อกโกแลตเบลเยียมเลย? งั้นผมทิ้งก็ได้"

เขาทำท่าจะยกจานเค้กขึ้นไปทิ้งจริง ๆ

"เฮ้ยย เดี๋ยว!"

เสียงร้องของภีมทำให้เอริคหยุดมือ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะชะงักไปเอง ราวกับเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากออกไป

"...เวรล่ะ" ภีมสบถเบา ๆ กับตัวเอง

“จะเอายังไง แล้วแต่เธอเลย” เอริคหัวเราะในลำคอ เขาไม่พูดอะไรต่อ แต่หันกลับไปเปิดตู้เย็น หยิบวัตถุดิบสำหรับทำอาหารออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เจ้าลูกจิ้งจอกขยับเท้าออกจากหน้าประตูไปนิดหนึ่ง โดยไม่รู้ตัว พอรู้ตัวก็กระแอมเบา ๆ กลบเกลื่อน

"อืม..." เอริคทอดเสียงลากยาว "คงต้องทิ้งจริง ๆ แล้ว ว๊า!! เสียดายจัง"

เขาแกล้งพูดเหมือนไม่ตั้งใจ พลางหยิบบราวนี่แช่เย็นเนื้อฉ่ำออกมา

คราวนี้แววตาของภีมเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง เอริคต้องกลั้นยิ้มไว้สุดกำลัง

ลูกจิ้งจอกน้อยมองขนมตาไม่กะพริบเลยทีเดียว

"ลองกินหน่อยไหม? อร่อยนะ"

“...” ภีมไม่ตอบ แต่ริมฝีปากบางเม้มแน่นขึ้นเล็กน้อย

ปากบางสีชมพู กัดแน่นขึ้นสีไปอีก เขากำมือหลวมๆ

 เวรล่ะ ภีมวัจน์ อดทนซิวะ!!! 

แต่...ช็อกโกแลตแม่งฉ่ำ น่ากิน

ตั้งแต่รู้ว่าต้องทำงานใช้หนี้บ้านกับธนาคาร ภีมก็ไม่เคยกล้าซื้อของกินฟุ่มเฟือยอีกเลย นอกเหนือจากข้าวมื้อหลัก 

แม้ว่าความจริงแล้วเขาจะเป็นสาวกช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ตัวยงก็ตาม 

เอริค ฮาเกน กำลังเตรียมวัตถุดิบ 

เอริคเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาคู่นั้นจับจ้องช็อกโกแลตบนเคาน์เตอร์ไม่วางตา

“เห่อะ ไม่ต่างจากลูกสุนัชดิ้อแต่ตาวาว เวลาหิวเลยนี่”

เอริคเหลือบมองคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มมุมปาก เขานึกสนุก หยิบจานบราวนี่ติดมือมาด้วย ก่อนจะก้าวเข้าหาภีมที่ยังคงยืนลังเลอยู่ตรงประตู

"ลองหน่อยมั้ย?" เอริคยื่นจานให้ ภีมเอื้อมมือจะรับอย่างไม่รู้ตัว

แต่ทันใดนั้น—

หนุ่มตาน้ำข้าว ตัวโตร่างสูง ก็ชักจานกลับไปทันที ราวกับแกล้ง ภีมชะงัก เงยหน้าขึ้นสบตาคนที่สูงกว่า คิ้วกระตุก 

"เฮ้ย! จะเล่นอะไร?" เขาเสียงดุใส่

“ใครว่าเล่นล่ะ?” เอริคเอียงศีรษะเล็กน้อย สีหน้ายังคงยิ้มเจ้าเล่ห์

“ ถ้าจะกิน ก็น่าจะเข้ามานั่งกินข้างในดีๆนะ” เอริคยิ้มมุมปาก

ภีมกัดฟันแน่น ดวงตาเรียวรีจ้องคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ โดยปกติหน้าตาเขาก็ดูพร้อมมีเรื่องอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งกว่าเดิม

"ฉันยังไม่ได้บอก ซักหน่อยว่าตกลง" เขาแค่นเสียงตอบ ภีมกัดฟัน แววตาจ้องเอาเรื่อง

เอริคหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลากเสียงยานคาง "อ้อ... งั้นหรออออ~"

เขาหยิบบราวนี่ชิ้นหนึ่งขึ้นมา เคี้ยวช้าๆ ตุ้ยๆ อย่างจงใจ เสียงดังพอให้คนฟังหงุดหงิด

"อืมมม... หวานกำลังดี เนื้อนุ่ม ช็อกโกแลตฉ่ำๆ"

เขาหลับตาพริ้ม สีหน้าฟินราวกับเพิ่งลิ้มรสขนมจากสวรรค์

ภีมมองแล้วแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากจานออกจากมือไอ้บ้านี่ 

ใครบอกว่า 'คุณเอริค เจ้าของห้องนี้เป็นคนจู้จี้จุกจิกกันว๊ะ? ไอ้หมอนี่มันตัวกวนประสาทชัดๆ!

ภีมมองหน้า จิกตาใส่ แต่เอริคกลับมองอีกฝ่ายเหมือนลูกจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังพองขนขู่ แต่ไม่มีพิษภัยอะไรเลย

“...โครกกก จ๊อกกก!!” 

เสียงท้องเจ้ากรรมของภีมร้องขึ้นมาอย่างไร้ความปรานี

ภีมตัวแข็งทื่อทันที ความรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เขาอยากเอาหน้ามุดพื้น แล้วหนีหายไปจากโลกใบนี้

ไอ้ท้องบ้านี่ ไม่ไว้หน้าเจ้าของเลย

'ภีมวัจน์ ภีมะโยธิน วันนี้ได้รับความอับอายแล้ว ถึง 2 ครั้ง' (เท่าที่เจ้าตัวรู้ตัวนะ)