"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน - ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก

รายละเอียด

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

ผู้แต่ง

Julie juice

เรื่องย่อ

##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน  นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)

"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง

???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”

??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!

??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”

??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”

??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?

???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง   

สารบัญ

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 1 พระแม่ครับ โปรดประทานพรให้ผมเถอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 3 ตู้เจ้ากรรม นำพานายเวรมาพานพบ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 5 พี่พร้อมจะโอนเพราะน้องมันโดนใจ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 6 เมื่อเงินมา งานก็เดิน,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 9 วิบากของลูกจิ้งจอก กับหมาป่าจอมกลับกลอก,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย?,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 12 ข้อเสนอ ที่ทำให้เผลอใจเต้น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 14 เจ้าเหยื่อผู้น่าสงสาร กับการหยอกของเหล่าไฮยีน่าขี้เล่น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 15 ก๋วยเตี๋ยวแค่ถ้วยเดียว แต่มันเปรี้ยวไปถึงใจ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต

เนื้อหา

ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ


"โครกกกกก... จ๊อกกกก!!"

เสียงประท้วงจากกระเพาะดังขึ้นเต็มห้อง เผยความลับที่เจ้าตัวไม่อยากให้ใครรู้ 

ทั้งที่เมื่อเช้าก็กินข้าวไปตั้งสองจานแท้ๆ 

แต่ตอนนี้มันกลับร้องโหยหวนราวกับอดอยากมาทั้งวัน

เอริค ฮาเกน เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนปรายตามองคนตรงหน้า 

ดวงตาสีฟ้าเทาคมกริบสะท้อนความขบขันอย่างปิดไม่มิด 

ใบหน้าของภีมขึ้นสีแดงระเรื่อ ไล่จากแก้มไปถึงปลายหู ราวกับลูกมะเขือเทศสุกเต็มที่

เอริคยิ้มมุมปาก

"หืม!!!ได้ยินนะ"

“อะไรล่ะ!! ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหล่ะ” ภีมรีบปฏิเสธเสียงแข็ง พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ

 แต่กลับยิ่งทำให้ดูเหมือนคนกำลังกลบเกลื่อน

หนุ่มตาน้ำข้าวหัวเราะเบาๆ ก่อนเอียงศีรษะเล็กน้อย พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

“ถ้าเธอไม่เข้ามา ฉันจะทำยังไงดีนะ ให้ Lille rev** นี่กินข้าวด้วยกันได้นะ?”

 (**Lille rev (ลีลเล เรว) ภาษานอร์เวย์ แปลว่า จิ้งจอกน้อย)

“อะไรของคุณ?!”ภีมขมวดคิ้ว

 แต่ก่อนที่เขาจะได้ซักถามอะไรอีก เอริคก็เดินไปยังเคาน์เตอร์ครัว วางจานบราวนี่ลงอย่างไม่ใยดี

 ก่อนหมุนตัวหันหลังให้

“ข้าวผัดกุ้งมั้ย? หรือพาสต้า? ข้าวไข่เจียว?” 

“เฮ้ยย!! เดี๋ยวซิ มันคนละประเด็นแล้วนะ! ใครบอกว่าผมจะ...กินล่ะ” 

เสียงช่วงท้ายอ่อนลงจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์อริคไม่พูดอะไรต่อ 

เขาเพียงแค่เปิดเตาแก๊ส หยิบไข่ออกมาจากตู้เย็นอย่างใจเย็น ตอกไข่ลงชามแล้วใช้ตะเกียบตีไข่เบาๆ 

ตามจังหวะที่เป็นธรรมชาติ 

แค่การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ กลับดูคล่องแคล่วจนไม่น่าเชื่อว่าเจ้าตัวจะทำอาหารเป็น

เสียงน้ำมันบนกระทะร้อนจัดส่งเสียง "ฉ่าาา" ทันทีที่ไข่เจียวถูกเทลงไป 

กลิ่นหอมอวลของไข่และเครื่องปรุงที่ลงตัวลอยกระจายไปทั่วห้อง

“โครกกกก!!!” เสียงกระเพาะของภีมประท้วงรอบสอง คราวนี้ดังกว่าเดิมอีก!

ภีมกัดฟันแน่น ไม่รู้จะโกรธตัวเองที่ท้องร้อง หรือโกรธเอริคที่จงใจทำให้ทุกอย่างดูน่ากินเป็นพิเศษกันแน่

 เขาแอบกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว

เอริคจัดจานไข่เจียวหอมๆ ลงบนโต๊ะเคาน์เตอร์บาร์อย่างประณีต ข้าวสวยร้อนๆ

 ที่อุ่นจากไมโครเวฟพอดีวางข้างๆ ควันลอยกรุ่นชวนให้น้ำลายสอ

เวรละ กลิ่นแม่ง โคตรหอมน่ากินชะมัด...! ภีมกำลังจะทำลายศักดิ์ศรีตัวเอง เขากลืนน้ำลายดังอึ๊ก!!

“ทำเสร็จแล้ว ไม่มีใครกินเลย? เสียใจนะนี่!” เอริคเอ่ยเสียงเรียบ แต่สายตาที่หันกลับมามองภีมนั้นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์

"... "

ภีมยืนลังเลอยู่หน้าประตู เหมือนร่างกายของเขาเริ่มขยับเองโดยไม่รอสมองสั่งการ

สุดท้าย—

ขาก้าวออกจากประตูห้องไปโดยอัตโนมัติ

“คุณบอกว่า..จะจ่ายให้ผมเท่าไหร่นะ? เมื่อกี้”

 ภีมวัจน์ ยอมทำลายศักดิ์ศรีตัวเองแล้ว ความหิวมันโหดร้ายจริงๆ

เอริค ฮาเกน แอบยิ้มบางๆ

  เจ้าลูกจิ้งจอก..ติดกับซะแล้ว!

++++++++++++++++

“มานั่งนี่ซิ!!! ลองชิมดูก่อน” หนุ่มฝรั่งสัญชาตินอร์เวย์ผายมือไปทางเก้าอี้บาร์ฝั่งตรงข้ามอย่างใจเย็น

 เป็นเชิงเชิญให้ภีมนั่งลง

ภีมลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่กลิ่นหอมของไข่เจียวร้อนๆ ทำให้เขาต้องขยับเท้าเข้าไปใกล้ในที่สุด

 เขาทรุดตัวลงนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์

สายตาจับจ้องจานข้าวไข่เจียวตรงหน้า 

ขณะที่เอริคกำลังเตรียมเมนูง่ายๆ ของเขา—สลัดอกไก่ อะโวคาโด และไข่ต้ม

บรรยากาศภายในห้องครัวเงียบสงบ มีเพียงเสียงมีดกระทบเขียงเป็นจังหวะ กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ

และไข่เจียวกรอบนอกนุ่มในลอยคละคลุ้ง ยั่วน้ำลายจนภีมต้องกลืนน้ำลายลงคอ เขาเหลือบมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังจัดจานอย่างใจเย็นแล้วอดไม่ได้ที่จะถาม

ภีมรู้สึกแปลกใจและทึ่งที่เห็นคนต่างชาติแบบเขาทำเมนูง่ายๆแบบนี้ได้ “คุณทำได้ด้วยหรอ?”

เอริคชะงักเล็กน้อยก่อนจะเลิกคิ้วหนา หันมามองเขาอย่างสนใจ “ทำไมถึงคิดว่า ฉันจะทำไม่ได้ล่ะ หืม!??”

ภีมมองจานข้าวไข่เจียวกรุ่นๆข้าวสวยร้อนๆ ก่อนหยิบช้อนจิ้มไปที่ไข่เจียวเบาๆ ไข่เจียวนุ่มๆฟู กดตัวลงตามน้ำหนักช้อนที่จิ้มลงไป 

“ก็..ผมนึกว่าคุณจะทำเป็นหรือ ทานแต่พวก สเต๊ก พาสต้า หรืออาหารฝรั่งอะไรประมาณนั้น”

เอริคหัวเราะในลำคอขณะกำลังใช้มือปอกเปลือกไข่ต้ม

“ก็ทำได้ง่ายๆน่ะนะ แค่ไม่ค่อยว่างทำ”

ภีมตักข้าวไข่เจียวเข้าปาก รสชาติของไข่ที่ทอดจนกรอบนอกแต่นุ่มข้างในเข้ากันดีกับข้าวร้อนๆ ไอร้อนยังอวลอยู่ในปาก

เขาค่อยๆ เคี้ยวก่อนกลืนลงคอ แล้วพูดออกมาแบบขอไปที

“ก็ดีนะ..ไม่ได้แย่”

เอริคที่กำลังใช้มีดหั่นเนื้ออะโวคาโดบนเขียงไม้ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองภีมด้วยสายตากึ่งขำกึ่งจับผิด

 “ไม่ได้แย่? หมายถึงยังไงล่ะ? ไม่ดี หรือดี?

ภีมหัวเราะในลำคอ ร่างสูงบาง ยกไหล่เล็กๆ ขณะกำลังตักข้าวใส่ปากอีกคำ “ประมาณว่า..โอเคไง”

เอริควางชามสลัดอกไก่ตรงหน้าภีม ก่อนจะเดินอ้อมมานั่งที่เก้าอี้บาร์ข้างๆภีม

ภีมกำลังเคี้ยวข้าวไข่เจียวอย่างเพลิดเพลิน ทว่าเมื่อเขาเหลือบตามองชามแก้วใสที่มีแต่อกไก่ อะโวคาโด และไข่ต้ม ก็อดสงสัยไม่ได้ 

สายตาเขาไล่สำรวจร่างสูงใหญ่ของเอริค ชายหนุ่มตาน้ำข้าวอยู่ในชุดเสื้อคอกลมสีเทาลำลอง แต่ถึงจะเป็นชุดง่ายๆ กล้ามเนื้อใต้เนื้อผ้ายังคงเห็นชัด

ภีมเลิกคิ้วสูง หรี่ตามองอย่างเหลือเชื่อ “อิ่มเหรอ? คุณตัวใหญ่ขนาดนี้...กินแค่นี้เองน่ะนะ?”

 เขาทำหน้าแบบเหลือจะเชื่อ

ชายหนุ่มร่างใหญ่หยิบส้อมขึ้นมา จิ้มอกไก่กับผักสลัดเข้าปากอย่างใจเย็น เคี้ยวช้าๆ ไม่รีบร้อน 

ราวกับกำลังลิ้มรสแต่ละคำด้วยความคุ้นชิน

เขาพยักหน้ารับเล็กน้อย ขณะที่มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขบขัน

ภีมมองเขาด้วยสายตาฉงนปนทึ่ง ชายต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่แบบนี้

 นั่งกินอาหารแบบเรียบง่ายอย่างสลัดอกไก่ อะโวคาโด และไข่ต้มได้อย่างสบายๆ 

ไม่ได้ดูอิดโรยหรือรู้สึกว่ามันน่าเบื่อเลยสักนิด

"ผมไม่เข้าใจพวกสายคลีนหรอก" ภีมพึมพำพลางขยับตัวเข้าหาโต๊ะมากขึ้น

 "สำหรับผม กินแค่นี้มันไม่อิ่ม แล้วนี่มันไปอยู่ตรงไหนของกระเพาะกัน?

หรือว่า… มันไปอยู่ที่กล้ามนั่น?"

พูดจบเขาก็ใช้นิ้วจิ้มเบาๆ ไปที่ต้นแขนแข็งแกร่งของเอริค 

ความรู้สึกที่ปลายนิ้วสัมผัสทำให้เขาเบิกตาขึ้นเล็กน้อย มันแน่นจนแทบไม่ขยับ 

เหมือนเขากำลังเอามือไปแตะหินมากกว่าผิวหนังคนเสียอีก

เอริครู้สึกเหมือนโดนลูกจิ้งจอกขนฟูเอาขาหน้าแตะๆ หยอกๆ เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย 

ก่อนจะหันใบหน้าคมเข้มที่มีเค้าโครงชัดเจนจากเชื้อสายสแกนดิเนเวียนมามอง

ภายใต้ดวงตาสีฟ้าอมเทาคู่นั้น มีประกายขี้เล่นเจืออยู่บางเบา

“หืมม!!เธอคิดว่า กล้ามพวกนี้ ฉันได้มาเพราะแค่ฉันกินสลัดหรอไง?”

ภีมยังคงจ้องมองไปที่แขนแน่นๆ นั้นด้วยความสงสัยอย่างสงสัย ก่อนเผลอตัวจะจิ้มเบาๆซ้ำอีกรอบ

 ที่ท่อนแขนแข็งแรงของเอริค 

เหมือนต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง 

เขารู้แค่ว่าถ้าออกกำลังกายจะมีกล้าม แต่ก็ไม่เข้าใจหรอกว่า กินแบบนี้จะมีกล้าม? 

“โอ้โห!! มันแข็งจริงด้วยเหมือนก้อนหินเลยแฮะ ไม่ได้เวอร์นะ 

แต่....มันเหมือนในการ์ตูนต่อสู้ที่เคยอ่านสมัยเด็กเลยอ่ะ!!”

ภีมเผลออุทานออกมาอย่างลืมตัว ในขณะที่นิ้วเขาก็ซุนซนไล่จิ้มไปตามต้นแขนลงไปเรื่อยๆ 

สายตาตื่นเต้นราวกับเด็กที่เพิ่งค้นพบอะไรใหม่ๆ

เอริคเห็นอีกฝ่ายสนใจขนาดนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ เขาปล่อยให้ภีมจิ้มไล่ไปตามต้นแขนราวกับเด็กอยากรู้อยากเห็น

แต่แล้วอยู่ๆ เอริคก็พลิกมือใหญ่ของตัวเอง ก่อนจะจิ้มกลับไปที่แขนของภีมบ้างเบาๆ

"แล้วเธอล่ะ?"

ภีมสะดุ้งโหยงทันทีที่โดนจิ้มเข้าไป ร่างบางกระตุกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อต ก่อนจะรีบถอนนิ้วตัวเองกลับอย่างไว 

"เฮ้ยยย! ไม่ต้องจิ้มคืน!" คนถูกจิ้มกลับตกใจจนร้องเสียงหลง

เอริคหัวเราะเบาๆ แต่ยังไม่ละสายตา เขากอดอกมองภีมที่ดูเหมือนจะตกใจเกินเหตุ 

ก่อนจะไล่สายตาสำรวจต้นแขนลีนๆ ใต้เสื้อพนักงานทำความสะอาดสีฟ้าอ่อน

“ฉันก็แค่..ก็อยากจะรู้บ้างนี่ ว่ากล้ามของเธอมันอยู่ตรงไหน?”

เขาพูดหน้าตาย พลางใช้นิ้วชี้จิ้มเบาๆ ไปที่ต้นแขนของภีมอีกครั้ง

ภีมเบิกตากว้าง รีบเบี่ยงตัวหนีอย่างไว 

"อย่าจิ้มนะ!" เขามองตาจิกกลับ

เอริคไม่ได้หยุดแค่นั้น ดวงตาสีฟ้าอมเทาของเขากวาดมองต่ำลงไปที่ต้นขาของภีม แล้วเอียงคอเล็กน้อย 

"หรือว่ามันไปซ่อนอยู่ที่ต้นขาแทน?"

ภีมอ้าปากพะงาบๆ เหมือนอยากจะเถียง (เวรแล้วไง! ถ้าเขาจิ้มลงไปอีก ผมแย่แน่! ยิ่งบ้าจี้อยู่)

"เห็นงี้ผมก็มีนะเว้ย!" ภีมโวยวายเสียงสูง รีบยกแขนตัวเองขึ้นมาโบกเบาๆ เหมือนจะโชว์ให้ดู 

"ลีนนะ! ลีนมัสเซิล! ไม่ใช่หนังหุ้มกระดูก!"

เอริคหัวเราะขำ อมยิ้มพลางส่ายหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้

"หรอ?" เขาเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะใช้ส้อมจิ้มสลัดอกไก่ ไข่ต้มเข้าปากอีกคำ ท่าทางสบายๆ

 "งั้นวันไหนมาโชว์ให้ดูหน่อยสิ ว่ามีจริงๆ"

“งั้นคงยากหน่อยละครับคุณเอริค เพราะผมคงไม่คิดสู้คุณหรอก!!”

 ภีมสวนกลับ พลางใช้ช้อนตักข้าวไข่เจียวเข้าปากคำใหญ่ เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างไม่รีบร้อน

เอริคยกคิ้วขำ เขากำลังโดนประชดใส่ ขณะกำลังค่อยๆเคี้ยวสลัด

 “ทำไม กลัว..แพ้ฉันหรอ?”

เขาหันมามองภีมด้วยสายตาท้าทาย โครงหน้าคมสันแบบสแกนดิเนเวียน ดวงตาสีฟ้าอมเทาเป็นประกาย ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา

ภีมกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะวางช้อนลง ถอนหายใจแรง

“คุณ.ฝรั่ง.ตัว.โต.ครับ. ผมจะเอาอะไรไปสู้คุณได้ครับ?”

เขาเน้นทีละคำ หรี่ตาลงเล็กน้อย มองเอริคอย่างขัดใจ ก่อนจะหันกลับไปตักเค้กช็อกโกแลตเข้าปาก กัดคำโต แก้มพองเป็นปลาทองเคี้ยวขนมปัง

เอริควางส้อมลง ใช้ศอกเท้าโต๊ะแล้วพิจารณาภีมอีกครั้ง สายตาไล่จากศีรษะถึงปลายเท้า ก่อนยกมุมปากยิ้มกวนๆ

“ก็...จริงของเธอนะ ตัวเล็กๆ อย่างนี้ จะเอาอะไรไปสู้ฉันได้ล่ะเนอะ?”

พูดจบ มือใหญ่ก็ยกขึ้นเสยผมสีบลอนด์ทองที่ยุ่งนิดๆ ให้พ้นหน้าผาก 

แสงแดดกระทบเส้นผมทำให้มันดูอ่อนลงราวกับไหมทอง

ภีมที่กำลังละเลียดช็อกโกแลตอย่างฟินๆ หันมาเบ้หน้าใส่

 “อื้อหืมม!! ขอบพระคุณที่ช่วยตอกย้ำกันนะครับ คุณเอริค...เจ้าของห้อง” เขาพนมมือไหว้แบบเชิงประชด

เอริคหัวเราะเบาๆ พยายามกลั้นขำ แต่ก็แพ้ไปเรียบร้อย 

“ดูแล้ว ถ้าเป็นเรื่องฝีปาก ฉันอาจจะแพ้เธอก็ได้นะ”

ภีมไหวไหล่ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ตักฟัดจ์บราวนี่ขึ้นมาคำหนึ่ง กัดแล้วหลับตาพริ้ม ราวกับกำลังขึ้นสวรรค์

“ไม่หรอกครับ...” เขาละเมียดเคี้ยว ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วพูดต่อ

 “ผมก็แค่...อ่อนให้ เพราะไม่อยากให้คุณเสียหน้า ก็แค่นั้นเอง”

เอริคมองดูปากเล็กๆ ที่กำลังขยับเคี้ยวขนมอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะเอนตัวไปพิงเคาน์เตอร์

 สายตาเจ้าเล่ห์ขึ้นนิดหน่อย

 “สงสารฉันนี่นะ? ปากจัดจริงนะ Lille rev”

ภีมเงยหน้ามองเขาทันที “ผมจะถือว่าเป็นคำชมนะ”

จากนั้นก็ก้มลงจัดการฟัดจ์บราวนี่ชิ้นที่สองต่ออย่างไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

“แล้ว..คุณก็เลิกเรียกผมว่า ลีลเลอะไรนั่นได้แล้ว ผมไม่ได้ชื่อนี้ซักหน่อย” 

ภีมบ่นพึมพำ พลางเคี้ยวฟัดจ์บราวนี่ในปากอย่างสบายใจ

เขาใช้ส้อมจิ้มบราวนี่อีกชิ้นขึ้นมา แต่ก็ยังไม่วายพูดต่อ

 “คุณออกเสียงได้มั้ย? ภาษาไทยน่ะ ภ-อี-ภี...ภีม”

เหนุ่มฝรั่งตัวโตที่นั่งเอนพิงเคาน์เตอร์อยู่ หันมามองภีมอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าอมเทาของเขาทอประกายขบขัน 

ราวกับกำลังไตร่ตรองอย่างหนัก ก่อนจะพยายามออกเสียงตาม แม้มันจะดูเสแสร้ง

“พี...พีท?” เขาเอียงคอเล็กน้อย

พี่...ผี๊ม

ภีมกลอกตา “ไม่ตลกครับ ผมรู้ว่าคุณออกเสียงได้”

เขาพูดอย่างรู้ทัน ก่อนจะตักฟัดจ์บราวนี่ชิ้นที่สามเข้าปาก หน้าฟินจนแทบลืมว่ากำลังเถียงกับอีกคนอยู่

เอริคยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มกวนๆ “แต่ฉันว่ามันน่ารักดีนะ...ผี๊ม

ภีมหรี่ตามองเขา ส้อมในมือกระตุกเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ “คุณหาเรื่องผมหรอ?”

“เปล๊า~” เอริคตอบเสียงสูง พร้อมยักไหล่ “ฉันก็แค่เรียกเธอในแบบที่ฉันถูกใจ ก็แค่นั้นเอง”

“เอ๊ะ!! คุณจะเปลี่ยนชื่อใครในแบบที่คุณชอบตามใจตัวเองแบบนี้ก็ได้หรอ?” ภีมย้อนกลับทันควัน ส่งสายตาจิก

เอริคยักคิ้วข้างหนึ่งเหมือนไม่ยี่หระ แต่ก่อนที่ภีมจะทันได้พูดอะไรต่อ เขากลับโน้มตัวเข้ามาใกล้โดยไม่บอกกล่าว

“เดี๋ยว...อยู่นิ่งๆ”

นิ้วโป้งใหญ่ของเขาแตะที่มุมปากของภีม เบาๆ ไล้เช็ดคราบช็อกโกแลตที่เลอะอยู่ออกอย่างใจเย็น

 ราวกับเป็นเรื่องปกติ

ภีมชะงักไปหนึ่งวินาทีเต็ม ก่อนสะดุ้งโหยง ถอยกรูดหนีแทบจะทันที

“เฮ้ย!! ไม่ต้อง ผมเช็ดเองได้!”

เขารีบใช้หลังมือของตัวเองเช็ดปากพัลวัน หูขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด

เอริคหัวเราะเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ใช้สายตามองตามการกระทำของภีมอย่างพิจารณา...

เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ ด้วย...

พอเข้าใกล้ก็ตื่นกลัว พอหลอกล่อด้วยของกินหรือของที่ชอบ ก็เข้ามาใกล้เอง...

เขาส่ายหัวพลางหัวเราะในลำคอ ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ 

แล้วนั่งมองเจ้าจิ้งจอกน้อยตรงหน้าที่กำลังพยายามทำเป็นไม่สนใจเขา

+++++++++++++++++++++++++++++

ก๊อกๆๆ!!

 เสียงเคาะประตูดังขึ้น ที่หน้าประตูห้องเอริค ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักลง 

“ภีม ทำความสะอาดเสร็จหรือยังลูก?” 

เสียงของเหล่าแม่บ้านที่มาส่งภีมเมื่อตอนขามาดังขึ้นจากอีกฟากของประตู พวกเธอเคาะเรียกภีมเบาๆ 

แต่ด้วยความสงสัยที่ลูกจ้างพาร์ทไทม์ของพวกเธอยังไม่ลงไปคืนคีย์การ์ดเสียที

ภีมชะงัก ตาโต ก่อนรีบก้มมองสมาร์ตวอตช์ที่ข้อมือ

—บ้าจริง! ลืมบอกไปเลยว่าตัวเองจะลงไปช้า!— พอรู้ตัว เขาก็เด้งตัวขึ้นเตรียมจะพุ่งไปที่ประตู แต่...

ร่างสูงใหญ่ของเอริค ฮาเกน ขยับตัวไปก่อน เขาวางช้อนส้อมลง ลุกขึ้นเดินไปที่ประตูด้วยท่าทางไม่เร่งรีบ

 ต่างจากภีมที่กำลังลนลานเต็มที่

แกร๊ก

บานประตูถูกเปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดลำลองที่ดูสบายๆ

 และ... ใบหน้าอันเป็นที่หวาดหวั่นของเหล่าแม่บ้าน

ทั้งทีมแม่บ้านพากันชะงักงันราวกับเจอผีหลอกกลางวันแสกๆ

“ค-คุณเอริค!!”

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ เอริค ฮาเกน เจ้าของห้องหมายเลข 2708 

ชื่อของเขาถูกจดจำในหมู่พนักงานทำความสะอาดของตึกนี้ด้วยเหตุผลเดียว—

ความเจ้าระเบียบและเข้มงวดจนเป็นตำนาน

ไม่ว่าห้องจะสะอาดแค่ไหน ก็ไม่เคยถูกใจเขาเสียที คนทำความสะอาดให้เขามักถูกต่อว่าอยู่เสมอ

 จนไม่มีใครอยากได้รับหน้าที่ดูแลห้องนี้

แต่วันนี้...

เอริคที่ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ได้ดูเย็นชา ไม่ได้จ้องมองพวกเธอด้วยสายตาเฉียบคมเหมือนทุกครั้ง 

แต่กลับส่งยิ้มจางๆ ที่ดูผ่อนคลายมาให้แทน

“ทำเสร็จไปพักนึงแล้วครับ” เขาว่าเสียงเรียบ “กำลังทานข้าวกันอยู่”

“!!!!!!”

แม่บ้านทั้งหมดพากันเบิกตากว้าง

บางคนถึงกับหันไปมองหน้ากันด้วยความเลิ่กลั่ก ก่อนจะมีใครบางคนที่อดใจไม่ไหว

 ค่อยๆ ชะเง้อคอมองเข้าไปในห้อง

ภายในห้องหรูหราที่ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นเรียบง่าย แสงไฟสีอบอุ่นตกกระทบบริเวณเคาน์เตอร์บาร์ 

และที่ตรงนั้น...

ภีม นั่งกินอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ!

เด็กพาร์ทไทม์คนใหม่ของพวกเธอ นั่งกินข้าวอยู่ในห้องของคุณเอริค ฮาเกน...!!

ภีมที่กำลังเคี้ยวขนมชะงักไปเมื่อรู้สึกถึงสายตาจากกลุ่มแม่บ้าน เขาหันไปมองอย่างงุนงงไม่แพ้กัน

“อะไรกันล่ะนั่น? ป้ามารับหรอ?” เขาคิดในใจ ก่อนจะรีบตอบกลับไปด้วยเสียงดังพอให้ได้ยิน

“ป้าครับ!! เดี๋ยวผมกินเสร็จแล้วจะเอาคีย์การ์ดลงไปคืนนะครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงและมารับผมนะครับ 

เดี๋ยวผมตามไป”

เขาตอบกลับไปตามตรง ขณะที่ร่างสูงของเอริคยังยืนขวางประตูไว้

แม่บ้านที่ยืนอยู่ตรงนั้น พากันมองหน้ากันไปมาอย่างตกตะลึง...ก่อนจะพากันพยักหน้ารีบๆ

“จ้ะๆ ถ้างั้นพวกป้าไม่รบกวนแล้ว ขอโทษที่รบกวนนะคะ คุณเอริค”

พวกเธอโค้งศีรษะเล็กน้อยอย่างมีมารยาท ก่อนจะถอยออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว

ราวกับกลัวว่านานกว่านี้ คุณเอริคอาจจะอารมณ์เปลี่ยนใจกลับไปดุใส่อีก

แต่ทันทีที่เดินพ้นออกไปจากหน้าห้อง

พวกแม่บ้านก็เริ่มกระซิบกระซาบนินทากันระหว่างเดินไปตามโถงทางเดินของคอนโด

“หรือว่า...!!!”

“เด็กพาร์ทไทม์ใหม่... นี่นะ??”

“ได้นั่งกินข้าวในห้องกับคุณเอริค??”

“ไม่น่าเชื่อ... เหลือเชื่อเลยนะเนี่ย!”

เสียงกระซิบกระซาบเหล่านั้น แม้เบาแค่ไหน ก็ยังไม่อาจเล็ดลอดหูของเอริคไปได้

เขายืนนิ่งอยู่หน้าประตูที่เพิ่งปิดลง... ก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางส่ายหัว

 +++++++++++++++++

ภีมกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากำลังเก็บจานไปล้างที่ซิงก์น้ำของห้อง

 เขาเปิดก๊อกน้ำและกวาดตามองหาฟองน้ำล้างจานตามความเคยชิน

แต่ก่อนที่มือของเขาจะได้สัมผัสน้ำอุ่นจากก๊อก ร่างสูงใหญ่ของ เอริค ฮาเกน

 ก็เดินเข้ามาประชิดเงียบๆ ซ้อนหลังเขา ราวกับเงา ก่อนจะใช้แขนแข็งแรงแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ

 เอื้อมปิดก๊อกน้ำ ไปต่อหน้าต่อตา

"ใช้เครื่องล้างจานสิ จะล้างเองทำไม?" 

เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆ แต่เต็มไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแบบคนที่เคยชินกับการควบคุมสถานการณ์

ภีมชะงักไปชั่วครู่ ดวงตากระพริบปริบๆ เขาพอจะรู้ว่าห้องหรูแบบนี้ต้องมีเครื่องล้างจานแน่ๆ

 แต่ ในชีวิตนี้เขาไม่เคยใช้เลยสักครั้ง! เด็กต่างจังหวัด ที่โตมากับการล้างจานด้วยมือมาตลอดนี่นะ เห็นฟองน้ำล้างจานเป็นของคู่ครัว

"เครื่องนี่หรอ?" เขาชี้ไปที่เครื่องสี่เหลี่ยมสีดำเงา มีปุ่มฟังก์ชันซับซ้อนซ่อนตัวอยู่ใต้เคาน์เตอร์หินอ่อน

เอริคไม่ตอบ แต่ หยิบจานจากมือภีมไป ก่อนจะเปิดเครื่องล้างจาน ราวกับกำลังสาธิตให้เด็กดู

"ใช่ ทำแบบนี้"

เขาพูดพลาง กวาดเศษอาหาร ออกจากจาน แล้ววางลงในช่องจัดเก็บจานเรียบร้อย

 หยิบแคปซูลผงล้างจานใส่ลงในช่องเล็กๆ แล้วกดปุ่ม

"แค่นี้แหละ จบแล้ว ง่ายๆ"

เขาตบเครื่องเบาๆ เป็นเชิงบอกว่ามันจบแล้วจริงๆ

ภีมยืนกอดอก พยักหน้าหงึกหงัก แต่สายตายังคงมองเครื่องล้างจานเหมือนเจอสิ่งมีชีวิตจากโลกอื่น

"โอเคครับ!! เข้าใจล่ะ ไม่เห็นต้องนิ่วหน้าใส่กันก็ได้" 

เขาบ่นพึมพำ ก่อนจะชะโงกไปมองปุ่มฟังก์ชันของเครื่องพลางพึมพำเบาๆ 

"ชีวิตดีจัง พวกฝรั่งนี่เนอะ..." 

เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะหรี่ตามองเครื่องสีดำตรงหน้า

 "อืม แล้วมันเอี่ยมจริงๆ ใช่มั้ย?"

เอริคขมวดคิ้วเล็กน้อย หันกลับมามอง "หมายถึงอะไร?"

"ก็... มันสะอาดจริงเหมือนเราล้างด้วยมือหรือเปล่าครับ? หรือว่ามันแค่ฉีดๆ น้ำแรงๆ ให้ดูสะอาดเฉยๆ แต่จริงๆ ยังมีคราบอะไรติดอยู่?"

ภีมพูดซื่อๆ พลางชี้ไปที่เครื่องด้วยแววตาสงสัย 

เขาเงยหน้าขึ้นมองเอริคด้วยท่าทางของคนที่ตั้งคำถามโดยบริสุทธิ์ใจ

เอริค จ้องใบหน้าเด็กหนุ่มนิ่งๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างเหลือจะเชื่อ

"ฉันใช้มาตลอดนะ คุณพ่อบ้าน ไม่มีอะไรแบบที่เธอว่า"

"คุณจะแน่ใจได้ยังไง?" ภีมยังไม่ลดละ ที่จะเอาชนะ 

 "คุณอาจจะทานอาหารบนจานที่เปื้อนคราบนี่มาเกือบทั้งชีวิตก็ได้นะ"

เอริคหรี่ตามองภีม ก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์

"หืมม!! งั้นเอางี้มั้ย?" เสียงทุ้มเอ่ยท้าทาย 

"วันไหนซักวัน เราลองแข่งล้างจานกันดู เธอล้างด้วยมือ ฉันใช้เจ้านี่ 

แล้วเรามาดูกันว่าจานใครสะอาดกว่ากัน"

"...?"

ภีมกลอกตาทันที "ใครว่า ว่าผมจะไปแข่งด้วยล่ะ ผมจะกลับแล้ว!"

เขาหันหลังให้ทันที เตรียมเดินออกจากครัว

เอริค พิงสะโพกกับเคาน์เตอร์หินอ่อนสีดำ มือไขว้อก มองตามเจ้าเด็กที่ทำหน้ายุ่งใส่เขา

"จะไม่สู้จริงๆ หรอ? แค่แข่งล้างจานเอง ยังไม่กล้าสู้เลย?"

"โว๊ะ!! คุณฝรั่งตัวโตครับ มันละเรื่องกัน!!" ภีมหันขวับ จิ๊ปากใส่ ก่อนส่งสายตาค้อนวงใหญ่ให้หนึ่งวง

เอริคหัวเราะเบาๆ

“ผมจะกลับแล้ว”

ภีมยื่นมือออกไปตรงหน้าเอริค ฝ่ามือขาวสะอาดแบออก รอคอยสิ่งที่ตกลงกันไว้

“หืม?” เอริคเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าใสสะท้อนแสงไฟของห้องครัว 

เขาทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ทั้งที่จริงๆ แล้วกำลังแกล้งเฉไฉ

“คุณเจ้าของห้อง เงินครับผม” ภีมย้ำเสียงหนัก ดวงตากลมโตฉายแววไม่พอใจเล็กๆ

 “ตามที่ตกลงกันไว้ว่าถ้ากินข้าวเป็นเพื่อน จะให้กระผมชั่วโมงละพัน”

“ผมจะกลับแล้ว”

ภีมยื่นมือออกไปตรงหน้าเอริค ฝ่ามือขาวสะอาดแบออก รอคอยสิ่งที่ตกลงกันไว้

“หืม?” เอริคเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าใสสะท้อนแสงไฟของห้องครัว

 เขาทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ทั้งที่จริงๆ แล้วกำลังแกล้งเฉไฉ

“คุณเจ้าของห้อง เงินครับ” ภีมย้ำเสียงหนัก ดวงตากลมโตฉายแววไม่พอใจเล็กๆ 

“ตามที่ตกลงกันไว้ว่าถ้ากินข้าวเป็นเพื่อน จะให้กระผมชั่วโมงละพัน”

พูดจบ เขาก็จ้องอีกฝ่ายตรงๆ ราวกับเด็กที่กำลังทวงค่าขนมจากผู้ใหญ่

เอริคกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกมือขึ้นแตะปลายคางสีอ่อนของตัวเอง แสร้งทำเป็นใช้ความคิด “หืมม... ฉันว่าฉันไม่ได้ระบุชั่วโมงนี่นะ? แล้วอีกอย่าง...” เขาเหลือบตาไปที่โต๊ะอาหารซึ่งยังคงมีจานของเขาวางอยู่ “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”

“ไม่โกงสิ เฮ้ย!! คุณฝรั่ง!” ภีมโวยวาย แววตาคาดโทษ ริมฝีปากเม้มแน่นราวกับเด็กที่เพิ่งถูกผู้ใหญ่เล่นแง่ใส่

เอริคหัวเราะเบาๆ พลางยกมือขึ้นยอมแพ้ 

“รู้แล้วๆ ขอไปหยิบโทรศัพท์ก่อน โอนให้ได้ใช่มั้ย?”

ภีมพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ เขายืนกอดอก มองร่างสูงใหญ่เดินกลับเข้าไปในห้องนอน 

แล้วไม่นานนัก เอริคก็เดินกลับออกมาพร้อมโทรศัพท์มือถือสีดำสนิท

ภีมยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเปิด QR Code สำหรับรับเงิน

 ซึ่งเป็นรูปตัวการ์ตูนน่ารักสีสดใส เหมือนเจ้าของมันจะใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของทุกอย่างรอบตัว

เอริคมอง QR Code นั้น แล้วหัวเราะเบาๆ พลางสแกนจ่ายเงินให้โดยไม่พูดอะไร

แต่พอชื่อของบัญชีปลายทางปรากฏขึ้นบนหน้าจอขณะกำลังโอน สีหน้าของเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย

“Pheemawat Pheemayothin”

เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ความสงสัยแวบผ่านดวงตาสีฟ้าเข้ม

 ถ้าความจำของเขายังไม่เพี้ยนไปเอง... นี่มันชื่อของคนที่เขาต้องไปเจอที่บริษัทในวันจันทร์นี้ไม่ใช่เหรอ?

หรือมันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?

เอริคนิ่งไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนตัดสินใจไม่พูดอะไร แล้วกดโอนเงินไปตามที่ตกลงกันไว้

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนเงินเข้าโทรศัพท์ของภีมดังขึ้น

เด็กหนุ่มก้มลงมองหน้าจอทันที ก่อนรอยยิ้มพอใจจะปรากฏขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย

 ขณะเขาเงยหน้าขึ้นสบตาเอริค “ขอบคุณคร๊าบบ!!”

เขาโน้มตัวลงเล็กน้อย โค้งให้อย่างขี้เล่น แล้วหมุนตัวเตรียมจะก้าวออกจากห้อง

แต่ยังไม่ทันที่มือของเขาจะแตะลูกบิดประตู เสียงทุ้มต่ำของเจ้าของห้องก็ดังขึ้นข้างหลัง

“เจอกันพรุ่งนี้นะ”

ภีมหันขวับกลับไปมองทันที “ผมมาแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น”

เอริคกอดอกพิงเคาน์เตอร์หินอ่อน สีหน้าผ่อนคลายแต่แววตาฉายแววยียวนเล็กๆ

 “Hmm… พรุ่งนี้สิ”

“เสียใจด้วยครับ ผมทำงานประจำ จะมาเจอคุณไม่ได้หรอก หมดเวลาทำงานแล้ว ผมไปล่ะ” 

ภีมเหลือบมองนาฬิกาสมาร์ตวอชที่ข้อมือของตัวเอง ขยับข้อมือไปมาอย่างไม่รีบร้อน แต่คำพูดกลับมีน้ำหนัก

“ได้เงินแล้ว จะทิ้งกันไปดื้อๆ แบบนี้เลยหรอ?” 

เอริคหยอกเย้า แสร้งทำเป็นแปลกใจแต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย

“ก็......คุณไม่ใช่เจ้านายผมนี่ คุณเป็นนายจ้างที่จ้างผม เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ชั่วคราว แค่รายชั่วโมง” 

ภีมยักคิ้วเข้มให้ เอียงหน้าไปข้างหนึ่ง พูดจาแบบไม่ถือสา ปากกว้างยิ้มแย้มแต่แววตาก็ยังคงสบายๆ

“แล้วจะทำยังไง?” เอริคถามขึ้น น้ำเสียงนั้นแฝงความอยากรู้และอาจจะมุ่งหวังบางอย่างจากคำตอบ

“จะต้องทำยังไง ผมถึงจะได้เป็นเจ้านายคุณ?”

ภีมหัวเราะเบาๆ ยิ้มกวน “งั้นก็แย่หน่อย คุณต้องสมัครแพ็กเกจ VIP แล้วล่ะครับ”

 เขาตอบเหมือนรู้สึกสนุกที่ได้ท้าทายอีกฝ่าย

“หืมม!!” เอริค ฮาเกน แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เขาอมยิ้มอย่างยั่วยวน แต่ก็ยังคงไม่ยอมแพ้

“แต่โทษทีนะครับ คุณฝรั่งตัวโต ตอนนี้เต็มแล้ว” ภีมขยิบตาใส่อย่างขี้เล่น ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังประตูห้อง

เอริคมองแผ่นหลังบางๆ ที่กำลังจะเปิดประตูห้องออกไป เขากัดฟันเล็กน้อยแต่ยังคงอมยิ้มอย่างไม่ยอมแพ้

“งั้น..มีคิวให้ผมมั้ย?” เขายังคงถามต่อด้วยความมั่นใจและแฝงความท้าทาย

ภีมเปิดประตูพร้อมกับหันกลับไปมองหน้าเอริค

 “คิวไม่ยาวหรอกครับคุณฝรั่ง แต่...ไม่มีเบอร์คิวให้ เพราะผมไม่รับคิวแล้วไง ไปล่ะครับ” 

เขาพูดจบก็เดินออกจากห้อง ปิดประตูอย่างเรียบง่ายและปล่อยให้เอริคยืนอยู่ตรงนั้นกับรอยยิ้มที่ยังค้างอยู่บนใบหน้า

“แสบจริง” เอริคพึมพำเบาๆ มองประตูที่ปิดลงอย่างไม่ยอมแพ้

 เขาไม่อาจจะปล่อยให้การท้าทายครั้งนี้จบลงง่ายๆ แบบนี้

มันน่าท้าทายจริงๆ แหล่ะ ขนาดอยู่ต่อหน้าหมาป่า ผู้ล่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจแบบเขา

 เจ้าลูกจิ้งจอกตัวนั้นยังกล้าต่อรองได้อีก

เอริคผ่อนลมหายใจออก ขยับตัวไปนั่งเอนกายลงบนโซฟาหรูหราของห้อง

 พลางมองไปรอบๆ ห้องที่ตอนนี้เงียบลงไปแล้ว หลังจากที่ภีมเดินออกไป 

เสียงฝีเท้าของเขาก็เงียบหายไปนานแล้ว

“อยากได้จังแฮะ...จะทำยังไงนะ ถึงจะได้เจ้าลูกจิ้งจอก” เอริคพึมพำกับตัวเอง

 ดวงตาสีฟ้าเทาของเขาทอดมองไปที่ประตูที่ภีมเพิ่งจะออกไป พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ หายไปในความเงียบ

แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ยังไม่หายไปไหน

เอริค ฮาเกน เป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ เขามักจะได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด รอยยิ้ม

 หรือแม้แต่การกระทำต่างๆ ที่ทำให้คนรอบข้างหวั่นไหวกับเขา แต่ว่า...

ภีมไม่เหมือนคนอื่น เขาไม่หลบตา ไม่มีกลเม็ดหรือมารยาทแบบคนอื่นๆ

 ที่พยายามทำให้เขาตกหลุมรัก ทุกอย่างของภีมตรงไปตรงมาและไม่มีการปรุงแต่งใดๆ

“คุณฝรั่งตัวโต...มีปัญหานิดหน่อยแล้วสิ...” เอริคครางออกมาด้วยรอยยิ้มที่ยิ่งทวีความน่าสนใจมากขึ้น

เขานวดแก้มเบาๆ กับความรู้สึกที่ผุดขึ้นในใจ มือเรียวยาวกดลงไปที่ทั้งสองข้างของใบหน้า ก่อนจะลูบเบาๆ บริเวณสันกรามที่แข็งแกร่ง

“อา...ปวดแก้มชะมัด...” เอริคหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่าด้วยความยิ้มแย้ม

 “นี่คงจะเป็นการยิ้มและหัวเราะที่มากที่สุด...ตั้งแต่เขาเจอใครมาเลยมั๊ง!!”