"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน - ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย? โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก

รายละเอียด

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

ผู้แต่ง

Julie juice

เรื่องย่อ

##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน  นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)

"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง

???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”

??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!

??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”

??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”

??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?

???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง   

สารบัญ

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 1 พระแม่ครับ โปรดประทานพรให้ผมเถอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 3 ตู้เจ้ากรรม นำพานายเวรมาพานพบ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 5 พี่พร้อมจะโอนเพราะน้องมันโดนใจ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 6 เมื่อเงินมา งานก็เดิน,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 9 วิบากของลูกจิ้งจอก กับหมาป่าจอมกลับกลอก,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย?,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 12 ข้อเสนอ ที่ทำให้เผลอใจเต้น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 14 เจ้าเหยื่อผู้น่าสงสาร กับการหยอกของเหล่าไฮยีน่าขี้เล่น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 15 ก๋วยเตี๋ยวแค่ถ้วยเดียว แต่มันเปรี้ยวไปถึงใจ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต

เนื้อหา

ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย?

 

 

ภีมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

 ขายาวๆ ของเขาก้าวฉับๆ ไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น ตั้งใจจะสลัดคนข้างหลังให้พ้น 

แต่เสียงฝรั่งตัวโตที่เดินตามมาติดๆ ก็ยังคงดังอยู่ไม่ห่าง เอริคกลับดูผ่อนคลายผิดกับเขาโดยสิ้นเชิง

 ฝรั่งหน้าสแกนดิเนเวียสาวเท้าตามสบาย ตีคู่มาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยแม้แต่น้อย แถมยังจงใจเร่งฝีเท้ามาเทียบเคียงกับเขาอีก

ยิ่งภีมเดินเร็วขึ้น หัวใจยิ่งเต้นแรง ไม่ใช่เพราะเขินหรืออะไรทั้งนั้น แต่เพราะเหนื่อย!

Seriously, little fox… ฉันอุตส่าห์จะเลี้ยงข้าว” เอริคเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเนือยๆ แต่กลับแฝงแววขบขัน

ภีมหยุดกึก หันขวับไปจ้องเขม็ง ตาคมฉายแววเอาเรื่อง “ผมไม่ใช่ลูกจิ้งจอก! เมื่อไหร่จะเลิกเรียกแบบนี้ซะที!?”

เอริคเพียงเลิกคิ้ว ขณะที่ภีมขู่ฟ่อเหมือนแมวตัวน้อยเสียมากกว่าจิ้งจอกอย่างที่เขาว่า

“ตอนนี้ผมหิวมากแล้วครับ” ภีมพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันสุดฤทธิ์

 “ใช้พลังงานไปกับคุณเยอะมากแล้ววันนี้ จะไปหาอะไรกินแล้ว”

เอริคยกยิ้มบางๆ ก่อนพยักหน้า “Perfect! Then let’ s go have a nice meal.”

“ก็โรงอาหารบริษัทไงครับคุณฮาเกน” ภีมตอบกลับทันที สีหน้าจริงจังราวกับเป็นเรื่องเป็นราวสุดๆ

“No way.” เอริคส่ายหน้า หัวเราะเบาๆ 

“I’ m treating you to lunch. Let’ s go somewhere better.”

“ไม่เอาครับ ผมจ่ายเองได้” ภีมยืนยันเสียงหนักแน่น

“Pheem, are you rejecting my kindness?” เอริคทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้ง ดวงตาสีฟ้าใสฉายแววผิดหวังเกินเหตุ 

“That hurts, you know?”

ภีมกรอกตาแรงมาก อยากจะเดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทำไม่ได้

 เพราะเจ้าฝรั่งบ้านี่ดันไปบอกบอสเขาแล้วว่าจะพาเขาไปเลี้ยงรับรองอย่างเป็นทางการ...

ด้วยภาระหน้าที่... และชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...

 (เฮ้อ... อยากลาป่วย) ภีมแอบคิดอย่างหงุดหงิดใจ

“คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ เลยนะครับ มิสเตอร์. เอ. ริค. ฮา. เกน.” ภีมเน้นเสียงประชดเป็นพิเศษ

เอริคหัวเราะเบาๆ แล้วแกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อ “Sorry, I don’ t understand. What did you say?”

ภีมกัดฟันกรอด ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ “คุณเข้าใจอยู่แล้ว อย่ามาตีหน้าซื่อได้มั้ย!”

“Are you mad, little fox?” เอริคแซว ยิ้มกวนๆ จงใจยั่วโมโห

เขาไหวไหล่ขณะหยิบรีโมตรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงสูท 

ปลายนิ้วกดปุ่มปลดล็อก รถ Audi สีดำเงาวับที่จอดอยู่ริมถนนส่งเสียง ‘ติ๊ด’ ดังขึ้น

เอริคเหลือบมองภีมที่ยืนเม้มปากแน่น “อ้อ แต่ฉันว่าเหมาะนะ” 

เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ตัวเล็ก แสบ ขนฟู… แบบนี้มันลูกจิ้งจอกชัดๆ”

ภีมถลึงตาใส่ ขณะที่เอริคยิ้มมุมปากแล้วเอื้อมมือเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้

ภีมยืนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ มองประตูรถที่ถูกเปิดค้างไว้ ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองเจ้าของรถที่ยังคงกอดอกยืนพิงตัวรถ

 สายตาของเอริคดูขำขันปนเจ้าเล่ห์ แต่แฝงแววเร่งเร้าให้เขารีบขึ้นรถเสียที

สุดท้าย ภีมก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนก้าวขึ้นรถไปอย่างเสียไม่ได้

เอริคหัวเราะเบาๆ ปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้ ก่อนเดินอ้อมไปประจำที่คนขับ

“OK!! Good boy.”

“ไม่ใช่หมาครับ!” ภีมหันขวับ ตาขวางใส่ทันที

แต่เอริคเพียงยิ้มกวนๆ แล้วสตาร์ทรถออกไปอย่างอารมณ์ดี...

+++++++++++++++++++++

เสียงเพลงแจ๊สเบาๆ คลออยู่ในรถยนต์คันหรู Audi สีดำ ภายในรถเงียบสงัด 

มีเพียงเสียงเครื่องยนต์และทำนองดนตรีที่แทรกตัวอยู่ในบรรยากาศ

ภีมนั่งกอดอก พิงเบาะหนังแท้ด้วยท่าทีหงุดหงิด ขมวดคิ้วแน่น มองวิวข้างทางผ่านกระจก 

พลางพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาไม่รู้กี่รอบแล้วในเช้านี้

"นี่มัน...แม่งวันซวยอะไรวะเนี่ย?" ภีมคิดในใจ พลางใช้นิ้วขยี้คิ้วตัวเองแรงๆ "ถึงว่าคิ้วขวาแม่งกระตุกรัวแต่เช้า"

เอริค ฮาเกน เหลือบมองภีมแวบหนึ่ง ก่อนแกล้งกดปุ่มเปิดกระจกหลังคารถให้แสงแดดอ่อนๆ สาดเข้ามา 

กระทบผมน้ำตาลแดงของภีมจนเรืองรองเหมือนขนจิ้งจอก

"Enjoying the ride?" เอริคเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบางๆ น้ำเสียงนุ่ม แต่แฝงความเจ้าเล่ห์เต็มเปี่ยม

"ยังไม่ทันได้กินอะไรเลยครับ!!! จะให้เอ็นจอยอะไรล่ะ?" ภีมหันหางตาชี้ กรอกตามองบนแบบสุดชีวิต

เอริคหัวเราะเบาๆ เสียงทุ้มต่ำก้องอยู่ในห้องโดยสาร “อย่าห่วงเลย ฉันเลือกอาหารอร่อยๆ ไว้แล้ว”

ภีมเหลือบตามองคนข้างๆ ตาขวางจนแทบเฉือนคนได้ 

"ถ้าไม่ใช่ข้าวราดแกง ผมไม่ถือว่าอร่อยนะครับ" เขาประชดพร้อมยกมือขึ้นกอดอกแน่นกว่าเดิม

เอริคกระตุกยิ้มมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างคนชอบเอาชนะ

 

 "เดี๋ยวจะทำให้ลูกจิ้งจอกเปลี่ยนใจเอง"

ภีมพ่นลมหายใจอีกเฮือกใหญ่อย่างระบายความหงุดหงิด เขาเอนตัวพิงกระจก และกัดฟันกรอดอย่างพยายามระงับอารมณ์

 เพราะถึงเขาจะไม่ได้เต็มใจขึ้นรถคันนี้เลยสักนิด แต่ก็โดนเอริคใช้แผนมัดมือชกลากตัวมาอย่างไร้หนทางขัดขืน

"ทำไมต้องมากินข้าวเที่ยงด้วยกันด้วยครับ?" ภีมถามเสียงห้วน ตวัดสายตามองเอริคอย่างไม่ไว้ใจ

เอริคเหลือบมองคนตัวเล็กข้างๆ ยกมุมปากขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์

 "เธอลืมไปแล้วหรือไง ฉันเป็นตัวแทนบริษัทที่มาทำงานร่วมกันนะ การรับรองฉันก็หน้าที่เธอเหมือนกันนะ”

"ผมก็ทำเสร็จแล้วนี่ไงครับ!!" ภีมแย้งทันที 

"ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องลากผมมากินข้าวด้วยกันกับคุณด้วยซะหน่อยนี่"

เอริคหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวเล็กน้อยเหมือนกำลังเอ็นดูหมาจิ้งจอกดื้อตัวหนึ่ง

 "อืม ก็จริงของเธอ... งั้นถือซะว่าเป็นมื้อเที่ยงพิเศษของเจ้านายกับลูกจ้างก็แล้วกัน"

ภีมขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม สัญชาตญาณบอกว่าเรื่องนี้มันไม่ปกติแน่ๆ

"คุณมีแผนอะไรอีก?" เขาถามพลางเหลือบตามองคนขับรถด้วยสายตาระแวดระวัง

เอริคหัวเราะในลำคอ 

 "ม่ายมี๊!! ไม่มีอะไรเลยสักนิด" ฝรั่งเสียงหลง เสียงเปร่งๆ

"ไม่เชื่อ" ภีมสวนทันทีโดยไม่ต้องคิด

"เธอนี่ระแวงเก่งจริงนะ" เอริคแสร้งถอนหายใจ 

แต่ดวงตากลับพราวระยับด้วยความสนุก

เอริคกระตุกยิ้มเล็กๆ มองเจ้าเด็กหน้าเหวี่ยง ที่ตอนนี้นั่งหน้าบูดบึ้งแต่ก็ยังไม่หยุดเถียง กลับตอบโต้ทุกคำพูดแบบไม่ยอมแพ้ 

ซึ่งสำหรับเขา...มันน่ารักชะมัด

"เถียงเก่งขนาดนี้แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นนักกฎหมายมาก่อน?"

"ถ้าผมเป็นทนาย ผมจะฟ้องคุณข้อหาลักพาตัวแน่นอน” ภีมพูดพลางตวัดสายตามองค้อน

“ไหนว่าพูดไทยไม่ได้ไงครับ แล้วนี่อะไรกันครับ ภาษาไทยชัดแจ๋วยิ่งกว่าเจ้าของภาษา? คุณเอริค ฮาเกน”

เอริคชะงักไปแค่เสี้ยววินาที ก่อนแกล้งกรอกตาเหมือนไม่รู้เรื่อง แล้วกลับมายิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม

"Oh… you caught me?" เขาหันกลับมาพูดภาษาอังกฤษทันที ทำหน้าซื่อใสสุดฤทธิ์

ภีมตวัดสายตามองคนตรงหน้าอย่างจับผิด "ไม่ทันแล้ว อย่ามาทำไขสือเลยครับ คุณฮาเกน"

"หืม?" เอริคเอียงคอเล็กน้อย ทำหน้าไร้เดียงสา

 "ไขสือ? That’ s a new word for me… What does it mean?"

ภีมกลอกตา ถอนหายใจยาวๆ อย่างปลงตก

"แปลว่าแกล้งโง่ครับ ซึ่งคุณ..แสดง...ได้แนบเนียนมาก"

เอริคหัวเราะเสียงต่ำ พลางยกมือขึ้นลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิด

"Really? Then I must be a good actor, huh?"

"นักแสดงใช่เลยครับ แสดงได้ดีมากครับ ควรได้รางวัล มงลงไปเลยครับแบบนี้ แนบเนียนแบบสุดๆ

สมมงบุคคลตีสองหน้ายอดเยี่ยมแห่งปี" เจ้าเด็กหน้าเหวี่ยง ประชดกลับเสียงเรียบ 

ก่อนจะเอนตัวพิงเบาะรถ กอดอกแน่น พร้อมพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่

เอริคหัวเราะเสียงดัง ยิ้มกว้างราวกับกำลังเอ็นดูหมาน้อยขู่ฟ่อ

ภีมหันขวับไปหาอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง "ตอบมาก่อนว่าคุณทำแบบนี้ทำไม?"

เอริคยิ้มกริ่ม ดวงตาสีฟ้าเทาเป็นประกาย หรี่ลงเล็กน้อยพลางเอนตัวพิงเบาะอย่างสบายอารมณ์

เขายักไหล่ หน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มขี้เล่น 

"ก็มันน่าสนุกดี ไม่ใช่เหรอ?"

++++

เอริค ฮาเกน เอนหลังกับเบาะคนขับ มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัย 

ส่วนอีกมือก็หมุนไปแตะเกียร์อย่างสบายๆ ขณะรถเคลื่อนไปบนถนน

 เสียงเพลงแจ๊ส จังหวะสนุกดังคลอเบาๆ ในรถ แต่ภีมไม่มีอารมณ์ร่วมแม้แต่น้อย เพราะกำลังนั่งหน้ายุ่ง ขมวดคิ้วแน่นด้วยความหงุดหงิด

"สนุกของคุณ แต่เหนื่อยของผมครับ!!!" ภีมโวยวายทันที เขาหันขวับไปมองเอริคที่ยังคงยิ้ม

เจ้าเล่ห์ ดวงตาสีอ่อนทอประกายสนุกสนานราวกับจงใจจะยั่วโมโหกันโดยเฉพาะ

"คุณปั่นหัวผมเล่นแบบนี้ได้ยังไง!? แล้วที่ผมต้องมานั่งเสียเวลาแปลประโยคต่างๆ ให้คุณฟัง

 ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคุณฟังออก คุณคงนั่งขำในใจตลอดเลยใช่มั้ยล่ะ คุณฝรั่งตัวโต!?"

เอริคหัวเราะในลำคอ ดวงตาทอแววขี้เล่นราวกับเด็กซน 

"อืม!!!ฉันก็แค่…อยากเห็นว่าเธอจะทำยังไง"

ภีมแทบจะถลึงตาใส่ "จะทำยังไงล่ะครับ ก็นี่มันการทำงาน ผมเลยต้องตามน้ำไปนี่ไง!"

"ก็ใช่ไง" เอริคพยักหน้าเห็นด้วยหน้าตาเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"และเธอก็ทำได้ดีมาก ฉันเลยยิ่งอยากแกล้งต่อ"

"เหตุผลบ้าบออะไรกันครับ!? ฟังไม่ขึ้นซักนิด สีข้างเป็นรอยหมดแล้วครับ คุณฝรั่ง!!"

เอริคหัวเราะเต็มเสียงจนหัวไหล่สั่น น้ำตาคลอเพราะขำจัด ก่อนจะหันไปสนใจถนนเบื้องหน้า ขณะที่ภีมยังคงนั่งทำหน้าหงุดหงิด 

ริมฝีปากเม้มแน่นเหมือนจะพ่นไฟออกมาได้

"เอาน่าๆ อย่าหงุดหงิดเลย เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเที่ยงปลอบใจละกันเน้อะ"

ภีมเหล่มองทันที แววตาเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ

"ไม่ต้องเอาของกินมาล่อ ผมไม่ตกหลุมพรางของคุณง่ายๆ หรอกนะครับ"

เอริคกระตุกยิ้มมุมปาก มือหนึ่งยังคงจับพวงมาลัย ส่วนอีกมือเคาะนิ้วกับคอนโซลรถเบาๆ อย่างจงใจให้ดูสบายๆ 

"โอ๊ะ!! เสียดายจัง ฉันยังมีเซอร์ไพรส์อื่นๆ อีกนะ" เอริคพูดลอยๆ พลางยิ้มมุมปาก

"เซอร์ไพรส์ที่ว่า ผมไม่รับครับ คุณเอาคืนไปเห่อะ"

 ภีมสวนกลับทันที น้ำเสียงแข็ง แต่ใบหูขึ้นสีแดงเรื่ออย่างหงุดหงิดปนระแวง

เอริคหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างเอ็นดู

"ไม่ได้อยู่ที่เธอจะรับหรือไม่รับหรอกนะภีม มันอยู่ที่ว่าฉันจะให้หรือเปล่าต่างหาก"

ภีมหันขวับไปจ้องเขาอย่างระแวดระวัง "ตลกชะมัด แบบนี้ก็ได้ด้วยหรอครับ? คุณคิดจะทำอะไรอีกเนี่ย?"

เอริคทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สายตามองตรงไปยังถนน แต่มุมปากยังยกยิ้ม

"อืม... เดี๋ยวก็คงรู้เอง" แต่รอยยิ้มที่มุมปากยังไม่จางหาย

ภีมหรี่ตาใส่เขา "คุณนี่มัน..."

"ฉลาด? เจ้าเล่ห์? หรือหล่อ?" เอริคกระพริบตาปริบๆ ทำเป็นไร้เดียงสา

"น่าหมั่นไส้ครับ น่าหมันไส้สุดๆ เอาอะไรมามั่นใจครับ ลุงฝรั่งตัวโต?" 

 ภีมประชดกลับแบบไม่ไว้หน้า เขากระแทกเสียงก่อนจะเบือนหน้าหนีไปมองข้างทาง 

และพยายามจะไม่เสียเวลากับหมอนี่อีก

แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงสายตาเจ้าเล่ห์ที่ยังจับจ้องอยู่ ราวกับจ้องเหยื่อที่กำลังจะโดนแกล้ง

 และนั่นทำให้ภีมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมพรางของเอริคเข้าไปอีกแล้ว…

เอริคเลิกคิ้ว ก่อนหัวเราะในลำคอเบาๆ

 "หืม? ลุงเลยเหรอ? เจ็บปวดแฮะ ฉันอายุมากกว่าเธอแค่ไม่กี่ปีเองนะภีม"

ภีมยักไหล่ สีหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

 "ผมจะรู้ได้ไงครับ? ลำพังดูแค่หน้า ผมก็เดาไม่ออกหรอกนะครับ คุณฮาเกน" น้ำเสียงกึ่งประชดกึ่งยียวน

เอริคเลิกคิ้ว ก่อนจะยื่นมือมาขยี้ผมของภีมเบาๆ อย่างจงใจแกล้ง 

"งั้นก็ลองมองให้นานกว่านี้สิ เผื่อจะพอเดาออก"

"เฮ้ย! อย่ามายุ่งกับผมนะ!" ภีมรีบปัดมืออีกฝ่ายออก ลูบผมตัวเองพลางขมวดคิ้วเข้มมองเอริคอย่างหงุดหงิด

เอริคหัวเราะในลำคอ ยักไหล่อย่างไม่ทุกข์ร้อน 

"ก็เธอเป็นคนพูดก่อนนี่ ว่าดูแค่หน้าก็เดาไม่ออก..."

ภีมมองค้อนใส่ "โอเคครับ งั้นผมจะไม่เดาแล้ว ตามข้อสรุปของผมจะถือว่าคุณเป็น 'ลุง' ไปเลยละกัน"

เอริคยิ้มมุมปาก ก่อนสาวพวงมาลัยรถเพื่อเลี้ยวรถสบายๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ 

"ถ้าอย่างนั้น... ลุงคนนี้คงต้องดูแลเธอให้ดีแล้วสิ"

ภีมชะงักไปเล็กน้อย เขากลอกตาอย่างเหนื่อยใจ

" ไม่ต้องเลยครับลุงฝรั่ง ผมดูแลตัวเองได้ และเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วคุณจะมาดูแลผมทำไม?"

แต่ถึงจะพูดแบบนั้น เขากลับรู้สึกได้ถึงสายตาเจ้าเล่ห์ที่ยังจับจ้องกลับมาไม่เลิก...

เอริคขับรถไปด้วยท่าทางสบาย ๆ มือหนึ่งจับพวงมาลัย อีกมือวางพาดบนเกียร์ 

ท่าทีผ่อนคลายราวกับกำลังขับรถเล่นชมวิวมากกว่าจะพาภีมไปทานข้าวเที่ยง 

ดวงตาสีอ่อนเหลือบมองคนข้าง ๆ ที่ยังคงนั่งกอดอกทำหน้าบูดอยู่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขำ

 ก่อนจะแกล้งแหย่ต่อด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

"ถ้านับอายุ งั้นเธอต้องเรียกฉันว่าพี่สิ ไหนลองเรียกซิ— ‘พี่เอริคครับ’ ”

เสียงของเอริคดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มกวน ๆ ที่เขาโยนมาให้ ภีมที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างรถถึงกับหันขวับกลับมาทันที 

คิ้วขมวดเป็นปม แววตาวาวโรจน์เหมือนอยากเผาอีกฝ่ายให้มอดไหม้เป็นจุณไปตรงนั้นเลย

"ฝันไปเถอะครับ"

หนุ่มตาน้ำข้าวร่างสูงใหญ่ หัวเราะเบา ๆ ตาคมเป็นประกายขี้เล่น

"Oh boy ใจร้ายจัง ฉันก็แค่ให้ลองเรียกดูเฉยๆ เองนะ"

"ไม่จำเป็นครับ" ภีมสวนกลับทันควัน "เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น"

"แต่ฉันก็ช่วยดูแลเธออยู่นะ" เอริคหรี่ตามองเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเลนรถอย่างคล่องแคล่ว 

"อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้เธอหิวหลังเลิกงาน" เขาแซวกลับ

ภีมฮึดฮัด รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกบีบให้ยอมรับบุญคุณ ทั้งที่เขาไม่เคยขอเลยสักหน่อย

"ผมดูแลตัวเองได้" ร่างบางนั้นย้ำเสียงแข็ง

"อืมม... แน่ใจเหรอ?" เอริคลากเสียงยั่ว ก่อนปรายตามองภีมที่ยังนั่งหน้างอ 

"แต่เมื่อกี้ยังบอกว่าหิวอยู่เลยนะ?"

ภีมสะดุดไปวูบหนึ่ง คำพูดเมื่อครู่ที่เขาบ่นพึมพำถึงอาหารค่ำแล่นกลับเข้ามาในหัว …ให้ตายสิ พลาดแล้ว!

เขากัดฟันกรอดแล้วหันไปมองเอริค

"แล้วมัน...เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ครับ?"

เอริคยักไหล่ มือข้างหนึ่งแตะพวงมาลัยพลางหัวเราะเบา ๆ

"ก็ลุงคนนี้อาจจะต้องดูแล เด็กดื้อที่เอาแต่เถียงเก่งอย่างเธอไง"

ภีมจ้องเขม็ง คิ้วกระตุก หัวร้อนขึ้นมาทันที 

"ลุงบ้าอะไรครับ เมื่อกี้ยังบอว่าแก่กว่าผมไม่กี่ปี แสดงว่าอายุยังไม่ถึงสี่สิบเลยด้วยซ้ำ" ภีมกลอกตาใส่

ชายหนุ่มตาน้ำข้าวหัวเราะในลำคอ ดวงตาเปล่งประกายซุกซน

"แสดงว่าเธอก็คิดว่าฉันยังหนุ่มอยู่สินะ" เอริคยิ้มกว้าง ภีมอ้าปากจะเถียง แต่เอริคไม่เปิดโอกาสให้

 "งั้นก็เรียกฉันว่าพี่ได้แล้วสิ"

“…” ภีมกะพริบตาปริบ มองคนพูดอย่างเหลือเชื่อ คิ้วขมวดแน่นกว่าเดิมราวกับกำลังประมวลผลความกวนของอีกฝ่าย

 ก่อนจะถอนหายใจพรืด กลอกตาด้วยความหงุดหงิด

"ไม่มีทาง ฝันไปเถอะครับ คุณ.เอ.ริค.ฮา.เกน" เขาเน้นเสียงหนักในประโยคท้ายอย่างจงใจ 

แสดงออกชัดเจนว่าไม่คิดจะเล่นตามเกมของอีกฝ่าย ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปมองนอกรถอย่างไม่สนใจอีกแล้ว

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เอริค ฮาเกน รู้สึกสนุกที่ได้หยอกล้อกับเจ้าตาชี้ ขี้วีนคนนั่งตรงข้าม 

แต่ละประโยคที่ตอกกลับมานั้นมันแสบไปถึงใจเขา แต่แทนที่จะโกรธ เขากลับหัวเราะในลำคอเบาๆ 

ราวกับกำลังสนุกที่ได้แหย่หยอกล้อเจ้าลูกจิ้งจอกตัวน้อย

ภายในรถหรูที่แล่นไปบนถนน เสียงเครื่องยนต์นุ่มลึกผสานกับเสียงรถราวิ่งผ่านเป็นระยะ ๆ แสงแดดอ่อน ๆ

 ยามบ่ายส่องผ่านกระจกหน้ารถสะท้อนเป็นเงาบนผิวของภีมที่กำลังทำหน้าย่นใส่เขา

เอริคหัวเราะเบา ๆ ยังไม่ลดละ

"ทำไมล่ะ!? แค่ลองเรียกสักครั้งก็ไม่เสียหายหรอกนะ หรือว่าอาย?"

"อายอะไรล่ะครับ? แล้วทำไมผมต้องทำยังงั้นด้วย

ภีมขมวดคิ้ว ก่อนจะย่นจมูกเล็ก ๆ อย่างขัดใจ ริมฝีปากเม้มแน่น ราวกับจะต้านทานความกวนของเขาเต็มที่

เอริคเหลือบมองภีมแวบหนึ่ง ก่อนจะยักไหล่แล้วถอนหายใจ แกล้งทำสีหน้าเป็นผิดหวัง

" เฮ้อ!!... งั้นก็ตามใจ น่าเสียดายจัง ฉันนึกว่าเราจะสนิทกันมากพอ ให้เรียกกันแบบนั้นซะอีก"

"อย่ามามั่วครับ คุณฝรั่งตัวโต!" ภีมหันไปจ้องเขาด้วยความหงุดหงิด ดวงตาเรียววาวโรจน์ราวกับจิ้งจอกที่พร้อมขย้ำคนตรงหน้า

"เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นซักหน่อย!"

เอริคแสร้งทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเหยียดยิ้มขี้เล่น

"หืม!!! แต่ฉันก็รู้เรื่องของเธอเยอะอยู่นะ เจ้าลูกจิ้งจอก"

 เขาพูดพลางหมุนพวงมาลัย เปลี่ยนเลนส์รถไปตามถนนที่เริ่มมีการจราจรหนาแน่นขึ้น

ภีมเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะแค่นเสียงขู่

"รู้ถึงขั้นไหนละครับ? หยุดเลยนะครับ! คุณกำลังจะละเมิดเรื่องส่วนตัวผมนะ" 

เขาชี้หน้าเตือนคนร่างสูงที่ขับรถอยู่ แต่น้ำเสียงยังมีแววร้อนรน

เอริคหัวเราะเบา ๆ ราวกับพอใจที่ได้แกล้ง

"โอเคๆ ยังมีเวลาให้สนิทกันอีกเยอะนะ" 

"รู้จักกันแค่เวลาทำงานพอครับ นอกเวลางาน ผมไม่รับ"

 ภีมรีบกันท่าทันที สีหน้าจริงจังเต็มที่ ราวกับต้องการขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน

เอริคหัวเราะในลำคอ พลางเอนหลังพิงเบาะรถอย่างสบายใจ

"งั้นตอนพาร์ทไทม์ทำความสะอาดล่ะ? ถือว่าเป็นเวลางานหรือเปล่า?"

ภีมชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะจ้องเขาอย่างจับผิด "แน่นอนสิครับ ก็ตอนนั้นผมทำงาน"

"อืมม!! งั้นก็ดีเลย" เอริคพยักหน้าเหมือนคิดอะไรได้ 

"งั้น...ฉันจะขอจ้างเธอเพิ่ม ทำความสะอาดห้องตอนเย็นหลังเลิกงานไปเลย เป็นไง?"

--------------------------------------------

มันช่างเป็นข้อเสนอที่หอมหวาน.. ราวกับหยิบชิ้นขนมเค้กมาล่อลวงเด็กยังไงยังงั้นเลย

เสียงเครื่องยนต์ยังคงดังก้องเบา ๆ ขณะที่รถชะลอความเร็วลงติดไฟแดง 

ภีมหันขวับมามองเขาด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเบ้ปากทันที

"ไม่รับครับ” เขาตอบปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด

เอริคหัวเราะในลำคออย่างขบขันกับความไวของคำปฏิเสธนั้น เขาลอบคิด "โอ้โห!! ไม่ยอมตกหลุมพรางกันสักหน่อยเลยหรอ?"

"ตอบเร็วขนาดนี้ แสดงว่ายังไม่ได้คิดดีๆ เลยนะภีม ทำไมล่ะ? งานสบายๆ ค่าแรงดีออกนะ"

 เอริคทำเป็นอ้อน ๆ พร้อมกับหันมาส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้

ภีมเบ้ปาก นิ่วหน้าใส่ "ไม่ต้องคิดเลยต่างหากครับ ผมไม่เสียเวลาหลังเลิกงานไปทำงานบ้านให้คุณหรอกนะคุณฮาเกน

 อีกอย่างผมยังมีงานอื่นต้องทำนะครับ ผมไม่ว่างมาเป็นเบ๊ให้คุณทั้งวันหรอกนะ”

เอริคทำหน้านิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทำท่าครุ่นคิด ราวกับกำลังต่อรอง

"อืม!!!...งั้นถ้าฉันเพิ่มค่าจ้างล่ะ? หรือว่าให้โบนัสพิเศษ?"

ภีมมองเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย

"คุณเอริค ฮาเกน นี่คุณขาดคนทำความสะอาดจริงๆ หรือแค่จะหาทางกวนประสาทผมกันแน่น่ะฮ๊ะ!!?"

"ก็ทั้งสองอย่างไง" เอริคยักไหล่ ปล่อยให้ประโยคของเขาลอยอยู่กลางอากาศ

ภีมทำหน้ายี้ใส่อย่างไม่เก็บสีหน้าซักนิด "ไม่เอาล่ะครับ ลำพังแค่เห็นหน้าคุณทั้งวันในที่ทำงานนี่ก็มากพอแล้ว" 

ภีมพูดพลางถอนหายใจแรง เหมือนแค่เจออีกฝ่ายก็สิ้นเปลืองพลังงานชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่ง

 "โห ฟังแล้วเจ็บแปลกๆ นะ" เอริคแสร้งทำเสียง ราวกับ เป็นเรื่องอาญากรรมทางใจ

"ดีแล้วครับ หวังว่าคุณจะเจ็บจนไม่คิดมากวนประสาทผมอีก" ภีมสวนกลับทันควัน ไม่คิดจะออมแรงจิกกัดอีกฝ่าย

เอริคยิ้มมุมปาก ชัดเลยว่าไม่ได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อย "ถึงจะเจ็บ แต่ฉันว่าฉันเริ่มสนุกแล้วสิ"

ภีมรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันทีถ้าตอนนี้เส้นเลือดในสมองแตกนี่ รู้ไว้เลยว่าคนทำคือหมอนี่ 

"คุณนี่มัน— โรคจิตงั้นหรอครับ ....คุณฮาเกน?"

"โห ๆ คำว่าคุณฮาเกนมาพร้อมข้อกล่าวหาหนักเลยนะ" เอริคหัวเราะเบาๆ ก่อนเหล่มองภีมด้วยสายตาขี้เล่น

 "แต่เธอเป็นคนแรกเลยนะที่พูดแบบนี้กับฉันตรงๆ"

ภีมกลอกตา "ก็ไม่แปลกหรอกครับ คนทั่วไป เขาคงไม่มีใครอยากเสียเวลามาเถียงกับคุณให้เสียเวลาหรอก"

"แล้วเธอล่ะ?" เอริคโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยยื่นหน้าเข้ามาใกล้ภีม ขณะที่รถติดไฟแดง 

"ถ้าไม่ใช่คนทั่วไป งั้นเธอคงเป็นคนพิเศษที่อยากจะเถียงกับฉันเหรอ?"

+++++++++++++++++++++++++++++++++

เอริคมองภีมที่กำลังทำหน้าเอือมใส่เขา แต่ถึงจะบ่นหนักแค่ไหน เด็กนี่ก็ยังเถียงเขากลับตลอด 

ไม่ได้เลือกจะเมินหรือเดินหนีไปเหมือนคนอื่นๆ ที่ไม่อยากเสียเวลากับเขา

‘เป็นลูกจิ้งจอกที่ดุใช้ได้เลยนี่’

คนส่วนใหญ่เวลาถูกแหย่แบบนี้ก็มักจะหลุดอารมณ์ออกมาบ้าง หรืออย่างน้อยก็คงเลือกจะเพิกเฉยแล้วปล่อยให้เขาพูดไปคนเดียว 

แต่ภีมกลับเลือกจะตอบโต้ทุกคำพูด ไม่ยอมปล่อยให้เขาได้ใจเกินไป

‘แล้วแบบนี้… จะไม่เรียกว่าน่าสนใจได้ยังไง?’ 

แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้แค่สนใจอย่างเดียว เขากำลัง "ล่า" อย่างสนุกอยู่ต่างหากล่ะ

เอริค ฮาเกน เป็นหมาป่าโดยสันดาน และสำหรับเขา การหยอกล้อภีมก็ไม่ต่างอะไรกับการลองเชิงเหยื่อ—

เหยื่อที่เขารู้สึกว่าอาจจะไม่ใช่แค่เหยื่อธรรมดา แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น

‘ฉันอยากรู้จัง… ว่าถ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ เวลาโดนไล่ต้อนมากกว่านี้ จะเป็นยังไงนะ?’ 

เพราะงั้นเขาจึงขยับตัวเข้าไปใกล้ภีมอีกนิด แกล้งยื่นหน้ามาใกล้ราวกับจะกดดันอีกฝ่ายให้จนมุม

"ถ้าไม่ใช่คนทั่วไป งั้นเธอคงเป็นคนพิเศษที่อยากจะเถียงกับฉันเหรอ?"

เพราะงั้นเขาถึงพูดพลางสังเกตปฏิกิริยาของภีมอย่างสนุกสนาน เขาไม่ได้ต้องการคำตอบหรอก—

แต่แค่ต้องการดู และอยากจะรู้ว่าภีมจะตอบโต้กลับมายังไง

‘เอาสิ เจ้าลูกจิ้งจอก แสดงให้ฉันดูหน่อยว่าตอนโดนไล่ต้อนแบบนี้ เธอจะดิ้นไปยังไง’

+++++++++++++++++++++