"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน - ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่ โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก

รายละเอียด

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

ผู้แต่ง

Julie juice

เรื่องย่อ

##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน  นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)

"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง

???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”

??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!

??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”

??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”

??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?

???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง   

สารบัญ

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 1 พระแม่ครับ โปรดประทานพรให้ผมเถอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 3 ตู้เจ้ากรรม นำพานายเวรมาพานพบ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 5 พี่พร้อมจะโอนเพราะน้องมันโดนใจ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 6 เมื่อเงินมา งานก็เดิน,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 9 วิบากของลูกจิ้งจอก กับหมาป่าจอมกลับกลอก,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย?,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 12 ข้อเสนอ ที่ทำให้เผลอใจเต้น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 14 เจ้าเหยื่อผู้น่าสงสาร กับการหยอกของเหล่าไฮยีน่าขี้เล่น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 15 ก๋วยเตี๋ยวแค่ถ้วยเดียว แต่มันเปรี้ยวไปถึงใจ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต

เนื้อหา

ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่

 

 

  เจ้าหมาป่าตัวใหญ่สัญชาตินอร์เวย์ เบี่ยงหน้าคมเอนเข้ามาใกล้ภีม

 เขาใช้ดวงตาสีฟ้าเทาจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมๆ สีน้ำตาลเข้ม ที่หางตาชี้ 

หน้าตาเหวี่ยงๆ ราวลูกจิ้งจอก ในขณะที่รถคันหรู กำลังจอดติดไฟแดง

เขากวาดดวงตาคมกริบสีฟ้าอมเทา ลอบสังเกตุอาการ และสีหน้าของเหยื่อ

ภีมชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเบนหน้าหนี

 "... ไม่ล่ะครับ!! ผมแค่ไม่ชอบให้ใครมากวนประสาทเฉยๆ"

"อ้อ!! เข้าใจล่ะ" เอริคพยักหน้าด้วยท่าทีรู้ทัน "สรุปก็คือ เธอเต็มใจเถียงกับฉัน 

เพราะเธอรำคาญฉันมากจนต้องตอบกลับ ใช่ไหม? เจ้าลูกจิ้งจอก" 

ภีมหันขวับไปจ้อง "คุณนี่มัน—"

"ใช่ ฉันมันอะไร?" เอริคเลิกคิ้ว มุมปากยกยิ้มขี้เล่นเต็มที่

ภีมกัดฟันแน่น หายใจเข้าลึกๆ ก่อนหันกลับไปมองถนนตรงหน้า 

"ขับรถไปเงียบๆ เถอะครับ ไม่งั้นผมจะเปิดประตูลงจากรถกลางทาง แล้วเดินกลับออฟฟิศซะตอนนี้"

ภีมกลอกตาอย่างเหลืออด ให้ตายเถอะ… นี่เขาต้องทนเจอคนแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกันเนี่ย!?

"ปากร้ายจริงนะ เจ้าลูกจิ้งจอก" เอริคเอียงศีรษะมองภีมอย่างเอ็นดู รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังติดอยู่บนมุมปาก

ภีมชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้ว "ใครเป็นลูกจิ้งจอกของคุณไม่ทราบ?"

"ก็เธอไง" เอริคตอบหน้าตาเฉย "ตัวเล็ก ขนฟู—เอ่อ ผมนุ่ม แล้วก็ดูชอบขู่ฟ่อๆ เวลาโดนแหย่"

ภีมกัดฟันกรอด อยากจะเถียงกลับ แต่พอนึกถึงภาพตัวเองที่เพิ่งทำหน้าบึ้งใส่เอริคเมื่อกี้ก็รู้สึกว่า… 

เออ คล้ายอยู่แฮะ! แต่ให้ตายเถอะ! เขาไม่ใช่จิ้งจอกสักหน่อย!

‘ฮะๆ น่ารักเป็นบ้าเลย เจ้าจิ้งจอกน้อยนี่’

เอริคลอบคิด พลางแอบมองอาการหงุดหงิดของภีม แล้วได้แต่ยิ้มกริ่ม 

สนุกชะมัดที่เห็นเด็กนี่พยายามเก็บอารมณ์ ตั้งแต่เช้าทั้งที่จริงๆ แล้วแทบจะระเบิดใส่เขาอยู่แล้ว

‘ขู่เก่งชะมัด แต่ดูเหมือนยังไม่รู้ตัวเลยว่า ยิ่งเธอทำแบบนั้น ฉันก็ยิ่งอยากแหย่เธอเข้าไปอีก

 อยากจะรู้ปฏิกิริยาตอบรับ มันดุ..ไม่น่าเบื่อ’

ชายหนุ่มร่างสูง เอนหลังพิงเบาะ เขาขับรถไปพลางลอบมองใบหน้าเอาแต่ใจของคนข้างๆ ไปพลาง

 เวลา ที่เจ้าเด็กนี่ ทำหน้าบึ้งแล้วเบือนหน้าหนีแบบนั้นมันดูเหมือน—

‘จิ้งจอกตัวเล็กที่กำลังพองขนขู่ ใส่หมาป่าตัวโต’

เอริค ฮาเกน หัวเราะในลำคอเบาๆ อย่างรู้สึกเอ็นดู ใช่ เขาไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเองเป็นหมาป่า

และยิ่งเหยื่อมีปฏิกิริยาน่าสนใจมากแค่ไหน สัญชาตญาณนักล่าของเขาก็ยิ่งถูกกระตุ้น

แต่ถึงจะเรียกว่าเหยื่อ… แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ดูอ่อนแอเลยสักนิด 

เขากล้าต่อกรกับเอริคในแบบที่ไม่มีใครทำมาก่อน ไม่หลบ ไม่ถอย สู้กลับ แถมยังเถียงเก่งชะมัด

‘แบบนี้สิ น่าค้นหา’ ค่อยรู้สึกคุ้มค่า กับการล่าหน่อย!!

 

"เถียงไม่ออกล่ะสิ" เจ้าหมาป่าตัวโต แซวต่อ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ อย่างให้ความรุ้สึก พึงพอใจ

"ไม่เถียงด้วยแล้วครับ" ภีมถอนหายใจแรง จนนตัวโยน 

"ผมไม่อยากลดตัวลงไปเล่นกับคนกวนประสาทแบบคุณแล้วครับ คุณ.ฮา.เกน" เจ้าเด็กตาชี้ขี้หงุดหงิด เน้นคำในประโยคท้าย

 "แหม ไม่ต้องเขินหรอก" เอริคยกมือโยกศีรษะภีมเบาๆ จนเจ้าตัวสะดุ้งแล้วปัดออกอย่างไว 

"ฉันจะคอยดูสิว่าลูกจิ้งจอกตัวนี้จะขู่ฉันได้อีกนานแค่ไหน"

เอริครู้ดีว่าตอนนี้ภีมคงกำลังพยายามหาคำพูดมาเถียงกลับ แต่สุดท้าย เจ้าตัวก็ทำได้แค่เม้มปากแน่น เสหน้าหนีไปอีกทาง

‘ไม่เป็นไร… ฉันมีเวลาเหลือเฟือ ที่จะค่อยๆ ไล่ต้อนจิ้งจอกน้อยของฉันไปเรื่อยๆ 

’ เขาคิด เมื่อลอบมองเห็น ภีมกำหมัดแน่น กัดฟันกรอด อยู่บนเบาะฝั่งข้างคนขับ

 

+++++++++++++++++++++++

'ให้ตายสิ... ไอ้ฝรั่งบ้านี่มันกวนประสาทชะมัด!'

ภีมกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกเป็นเป้าความสนุกของเอริค 

เขาหันไปมองใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายที่ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มกวนๆ อยู่อย่างนั้น

'จะยิ้มอะไรนักหนาครับคุณ...'

เขากัดฟันแน่น พยายามบังคับตัวเองให้ไม่ตอบโต้ เพราะยิ่งเขาโต้กลับ เอริคก็ดูจะยิ่งได้ใจ

แต่พอได้ยินคำว่า "เจ้าลูกจิ้งจอก" เท่านั้นแหละ

"ใครเป็นลูกจิ้งจอกของคุณไม่ทราบครับ?" เขาหันขวับไปเถียงทันที

 (เวรล่ะ!!... เผลอเล่นตามเกมของไอ้บ้าฝรั่งนี่ซะแล้ว) กว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวก็พลาดไปต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว

"ก็เธอไง"

เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉย ภีมรู้สึกเหมือนโดนแกล้งเข้าเต็มเปา ยิ่งพอเอริคเสริมด้วยคำอธิบายว่า...

"ตัวเล็ก ขนฟู—เอ่อ ผมนุ่ม แล้วก็ดูชอบขู่ฟ่อๆ เวลาโดนแหย่"

มันทำให้ ภีมก็กระตุกคิ้วขึ้นอย่างหงุดหงิดทันที

'ให้ตายเถอะ... แล้วเขาดันไปเถียงกลับอีก! (ตั้งสติสิว๊ะ ภีมวัจน์') 

แต่พอ ให้ย้อนนึกถึงตัวเอง ในเวลาที่ทำหน้าบึ้งใส่อีกฝ่ายเมื่อครู่ ก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับอยู่ในใจว่า... เออ มันก็คล้ายอยู่จริงแหละ!

แต่ไม่หรอก!

เขาไม่ใช่จิ้งจอกสักหน่อย!

ภีมสะบัดหน้าหนี ตั้งใจจะตัดบทสนทนา แต่เสียงหัวเราะเบาๆ ของเอริคที่ดังขึ้นข้างหู ทำให้เขาแน่ใจได้เลยว่า...

ไอ้บ้าฝรั่งนี่กำลังสนุกกับการแหย่เขาสุดๆ!

อดทนไว้ภีม… อดทน!! เขาพยายามผ่อนลมหายใจ

"ซัดซักทีดีมั้ยนะ..." ภีมพึมพำกับตัวเอง กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดขึ้น 

อยากจะซัดใส่ซักหมัดเต็มที ด้วยความรู้สึกที่มันแน่นอยูู่ข้างใน

แต่พอเหลือบมองมือของตัวเองแล้ว ก็ต้องถอนหายใจ ถ้าเผลอพลาดต่อยเข้าไปจริงๆ ล่ะก็… 

คนที่เจ็บอาจจะเป็นเจ้าตัวเองมากกว่าหมอนั่นอีกมั๊ง! 

เจ้านั่น...ตัวใหญ่ อย่างกับหมี ซะขนาดนั้น แถมยังเป็นฝรั่งกระดูกหนา

ถ้ากำปั้นเขาไปกระแทกคางอีกฝ่ายเข้าเต็มๆ มีหวังได้กุมมือร้องโอดโอยแทนแหงๆ คิดดูแล้ว (วิธีนั้นคงไม่ฉลาดเท่าไหร่ เจ็บใจแฮะ) 

ในขณะที่ภีมกำลังกลืนความหงุดหงิด อัออั้นในใจลงคอ 

 

"ทำหน้ามุ่ยอีกแล้ว นี่เธอเป็นลูกจิ้งจอกหรือแมวกันแน่เนี่ย?"

 เขาเหลือบมองภีมที่นั่งกอดอกทำหน้าหงิกอยู่ข้างๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะเบาๆ

"เป็นคนครับ! คนที่กำลังจะหมดความอดทนกับคนอย่างคุณ!!" ภีมหันขวับไปจิกตาใส่

"โอ๊ะ ฟ่อใส่อีกแล้ว" เอริคยิ้มกริ่ม "น่ารักดีนะ เอาจริงๆ"

ภีมตวัดสายตาไปมองอย่างคาดโทษ 

"คุณกำลังขับรถอยู่ โปรดดดดดด....ตั้งใจขับหน่อยเถอะครับ! ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ผมไม่ช่วยหรอกนะ"จ้าเด็กตาชี้ลากเสียงประชดประชัน

"หืมมม!! ใจร้ายจังแฮะ" เอริคหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเลิกแหย่ไปชั่วคราว แต่ยังไม่วายพูดต่อ 

"งั้นฉันต้องระวังให้ดีแล้วล่ะ ไม่งั้นอาจจะอดพาลูกจิ้งจอกไปกินเลี้ยงตอนเย็น”

เอริคยิ้มกวนๆ พลางเอื้อมไปปรับกระจกมองหลังแบบสบายใจ 

 

ภีมชะงักไปสองวินาที ก่อนจะตวัดสายตามองคนข้างๆ ทันที 

"เดี๋ยว! อะไรนะครับ!? กินเลี้ยงอะไรนะ? เมื่อกี้คุณว่าไงนะ? คุณยังไม่ได้บอกผมสักคำ!! ในที่ประชุมก็ไม่เห็นใครว่าอะไร?"

เอริคยิ้มกริ่ม "ก็มีกินเลี้ยงตอนเย็นน่ะสิ ก็บอกแล้วนี่ไง บอกตอนนี้นี่แหล่ะ"

"เสีย.ใจ.ด้วย.นะ.จ๊ะ" เอริคแกล้งถอนหายใจแบบโอเวอร์ และพูดเน้นประโยคทีละคำ เลียนแบบเขา

"เธอไม่มีทางปฏิเสธได้หรอก เพราะฉันบอกทุกคนไปแล้วว่าเธอจะไปด้วย"

ภีมทำหน้าเหมือนอยากทุ่มตัวเองออกจากรถ และ ร้อง กรี๊ดดด มันออกมา

"คุณนี่มัน...!! แบบนี้ไม่เรียกบอกแล้วครับ ทำไมคุณไม่รอให้ถึงช่วงเย็น แล้วบอกผมซะทีเดียวเลยล่ะครับ คุณฮาเกน" 

เจ้าลูกจิ้งจอกประชด ปรอทอารมณ์กำลังไต่ระดับขึ้นอีกแล้ว

"เอ้า ใจเย็นๆ อย่าทำหน้าจะฆ่าฉันแบบนั้นสิ" เอริคหัวเราะ

"เธอไม่อยากกินของอร่อยเหรอ? หรือว่าอยากกลับไปกินมาม่าคนเดียวที่ห้อง?"

เจ้าตัวเม้มปากแน่น นี่เขาโดนมัดมือชกอีกรอบแล้วใช่มั้ย!?

“ผมว่า....บางที..ผมนั่งกินมาม่าอยู่ห้องคนเดียว น่าจะอร่อยกว่าก็ได้นะครับ”

เอริคหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบคางพลางมองภีมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

"หืม... ฟังดูแล้วน่าสงสารจังนะครับ คุณผู้ประสานงาน... กลับไปกินมาม่าคนเดียวในห้องเงียบๆ แบบนั้น? ดูน่าเศร้าจัง" 

หนุ่มตาน้ำข้าว ..... ส่ายหน้าราวและปัั้นหน้าใส่กับว่า สงสาร

เจ้าลูกจิ้งจอกกลอกตา ถอนหายใจเฮือกก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ

 "นั่นซินะครับ เผลอๆ อาจจะอร่อยกว่าการนั่งฟังคุณกวนประสาทระหว่างมื้อนี่ ก็ได้นะ"

เอริคเห็นสีหน้าของภีมแล้วก็หัวเราะในลำคอ 

"โอ๊ะ โกรธแล้วๆ จริงๆ เหรอเนี่ย?" เขาแกล้งพูดเสียงเบาๆ แต่มีความสนุกแฝงอยู่ในนั้น

ภีมคิ้วชนกัน ปากยู่ไปแล้ว “ใครโกรธกันล่ะ”

เอริคหันไปมองภีมแวบหนึ่ง รอยยิ้มยังคงอยู่ที่มุมปาก "แต่ก็ยังไม่ทิ้งโอกาสให้แกล้งต่อนะ"

 เขาพูดแล้วทำท่าจะหันไปจับพวงมาลัยรถต่อ แต่ในความจริงนั้นดวงตาของเขากำลังจับตามองอาการของอีกฝ่าย

"โอเคๆ ยังไงก็ไปด้วยกันนะ อย่าทำหน้ามุ่ยแบบนั้นเลย" 

เอริคปล่อยให้บรรยากาศในรถนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อไป

ภีมยังคงทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ก็รู้ว่าเขาคงหนีไม่ได้แล้ว…

“ไงก็ช่วยอยู่ด้วยกันจนจบงานละกันนะครับ คุณผู้ประสานงาน” เอริคหยอกเขาในขณะที่กำลังจะเทียบรถจอดที่ร้าน

 

+++++++++++++++++++++++++++++++

 

 รถยนต์ Audi สีดำ คันหรู ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าจอดเทียบริมถนน

 บริเวณลานจอดรถของหน้าร้านอาหารเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นเป็นกันเอง 

ไฟนีออนที่ติดอยู่หน้าร้านเขียนว่า "MaeManee Thai Cuisine".

ภีมมองป้ายร้านแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาเอริคที่กำลังปลดเข็มขัดนิรภัย

"คุณเลือกมาที่นี่หรอ?" ภีมถามเสียงสูงเล็กน้อย

"Of course." เอริคยิ้มมุมปาก "I figured you’ d want something familiar."

ภีมเลิกคิ้ว แล้วแค่นหัวเราะเบาๆ 

"เยี่ยมมากครับ คุณฮาเกน ผมละประทับใจจริงๆ 

ที่คุณเลือกร้านอาหารไทยในการสร้างคอนเนคชั่นทำงานร่วมกัน คุณฝรั่งตัวโต?"

เอริคไหวไหล่ อย่างไม่ใส่ใจในการโดนจิกกัดในครั้งนี้

ภีมเหลือบตามองอย่างระแวง ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ

 

 ทั้งคู่ กำลังเดินเข้าไปในร้านที่ให้บรรยากาศเรียบง่าย แสงไฟสีส้ม แต่ดูอบอุ่น 

ทันทีเข้าไปในร้าน กลิ่นอาหารหอมลอยมาเตะจมูก กลิ่นเครื่องเทศ ต้มยำ มากมาย ของอาหารไทย ผสมกัน ชวนให้ท้องภีมร้องเบาๆ

 พนักงานต้อนรับออกมาต้อนรับอย่างมืออาชีพ ก่อนจะพาทั้งคู่ไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง

 เมื่อพนักงานพาทั้งสองไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง ภีมก็ดูไม่รีรอเลยแม้แต่น้อย ด้วยว่าหิวจริงๆ นั่นแหล่ะ

ลำพังแค่ทำงาน ก็ผลาญพลังงานไปมากพอแรง ยิ่งต้องมาต่อปากต่อคำ

"เจ้าฝรั่งตัวโต! ยิ่งใช้พลังงานมากไปอีก 

เจ้าเด็กตาชี้ หยิบเมนูขึ้นมาแค่ผ่านๆ แล้วสั่งอาหารรวดเดียวแบบไม่ต้องคิด รวดเดียวอย่างคล่องแคล่ว

เอริคเปิดเมนูไล่ดูรายการอาหารไปเรื่อยๆ ก่อนจะหันมามอง คนตรงหน้าที่ดูไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

"เอาต้มยำกุ้ง แกงส้มผักรวม ผัดกระเพราหมูเผ็ดๆ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง กับส้มตำปูปลาร้า ขนมจีน ข้าวเปล่า 1 โถ" ภีมสั่งรวดเดียว

พนักงานจดรายการไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนจะหันไปหาเอริคที่กำลังจ้องหน้าภีมราวกับ มีคำถามว่า นายกินหมดนี่จริงดิ?

เอริคเหลือบมองเมนูครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจง่ายๆ 

"I'll have what he's having."

พนักงานเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาทันที ก่อนจะแอบส่งสายตาไปทางภีม ราวกับจะถามว่า 

แน่ใจนะ!ว่าจะปล่อยให้คนต่างชาติสั่งความเผ็ดระดับนี้?

 

แต่ เจ้าเด็กตาชี้ ก็เพียงแค่ยิ้ม ยกมุมปากแบบเจ้าเล่ห์ ไม่คิดจะเตือนอะไรสักนิด

"โอเคค่ะ อาหารเผ็ดระดับไทยนะคะ " พนักงานย้ำเป็นครั้งสุดท้าย และรู้สึกอำลา "ภัย..ที่เจ้าฝรั่งนี่จะเจอ"

เอริคพยักหน้าสบายๆ ไม่มีทีท่าว่าจะลังเลแม้แต่นิดเดียว

แต่เจ้าคนตัวเล็ก ที่นั่งตรงหน้า กลับเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มองอีกฝ่ายอย่างนึกขำในใจ

 

+++++++++++++++++++++++++++++++

 

ณ เวลานี้ บนโต๊ะอาหารในขณะนี้ กำลังเต็มไปด้วยจานอาหารไทยหลากเมนู ่กำลังทยอยมาเสริฟท์

กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยอวลไปทั่วบริเวณ จนโต๊ะข้างๆ ยังต้องเหลือบมอง 

เจ้าเด็กร่างโปร่ง ยิ้มอย่าง พออกพอใจ มือขาวบาง หยิบช้อน ขึ้นมาตักแกงส้มเข้าปากอย่างไม่ลังเลอะไรเลย ซักนิด

"อืมมม! เผ็ดดี" เขาพึมพำอย่างพอใจ ขณะเคี้ยวสบายๆ 

ดวงตาสีน้ำตาล เหลือบไปมองสังเกตุ สีหน้าของ คนตรงหน้า ที่กำลัง ตัก น้ำต้มยำกุ้ง คำแรกเข้าปาก

...แล้วทุกอย่างก็เงียบไปสามวินาที........................

 

ชายร่างสูงชาวต่างชาติ ถึงกับชะงักงัน ไปเล็กน้อย 

รสชาติแรกที่กระทบลิ้นยังพอรับได้... 

แต่ทันใดนั้น รสเผ็ดร้อนของพริกแกงเผ็ด ก็พุ่งเข้าโจมตีต่อมรับรส..อย่างไม่ให้โอกาศตั้งตัว 

มันเหมือนลาวาเดือดไหลไปทั่วทั้งปาก แต่ถึงอย่างนั้น ใบหน้าคม ยังคงความนิ่งเอาไว้ได้อย่างน่าประหลาด และเก็บอาการสุดๆ

ภีมมองอีกฝ่ายด้วยแววตารู้ทัน แอบอมยิ้ม อย่างมีชัย 

ราวกับเด็กที่ดีใจ ในชัยชนะเล็กๆ  "อร่อยใช่ไหมครับ มิสเตอร์ฮาเกน?"

หนุ่มตาน้ำข้าว ค่อยเคี้ยวช้าๆ ก่อนจะพยักหน้าลง อย่างฝืนๆ

 "Mmm... very good." เขาพยายามฝืนทำเสียงราบเรียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ถึงจะเก็บอาการแค่ไหน ร่างกายมันก็ ซื่อตรงเสมอ

เมื่อเหงื่อ กำลังเริ่ม ค่อยๆ ผุดขึ้นที่ขมับอย่างช่วยไม่ได้ และหน้าก็ขึ้นสีแดงฝาดเคลือบใบหน้าของคนผิวขาว

ภีมขยับมือหยิบทิชชู่แล้วยื่นให้ 

"เผ็ดมากเลยเหรอครับ? เสียดายจัง ผมสั่งมากินกับคุณตั้งเยอะ มันอร่อยมากๆ เลยนะครับ"

 เขากำลังแกล้งทำหน้าใสซื่อ แบบไม่รู้เรื่องราว ไงล่ะ เจอความเผ็ดระดับวอดวาย แบบหมายังอยากลาตาย

เอริค รับทิชชู่มาอย่างเสียไม่ได้ เขาใช้มือถือแผ่นทิชชู่ ค่อยๆ ซับหน้าผากเบาๆ ก่อนจะส่ายหัว

"No… It’ s fine." แต่ ดูท่าจะเก็บอาการไม่ไหว เมื่อพูดจบ มือใหญ่ก็คว้าแก้วน้ำตรงข้างตัว ขึ้นดื่มรวดเดียว

เจ้าเด็กตาชี้ หัวเราะเบาๆ ก่อนเอนตัวพิงเก้าอี้ 

"ขอโทษด้วยครับ คุณฮาเกน ผมลืมบอกคุณไป ว่าผมเป็นคนกินเผ็ดเป็นปกติอยู่แล้ว" 

รอยยิ้มคนตรงหน้า มันบ่งบอกสีหน้ายิ้มเยาะเย้ย

เอริคชะงัก ก่อนหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด 

"You planned this, didn’ t you?"

ภีมแค่ยักไหล่อย่างไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ แล้วก็ตักส้มตำเข้าปากต่ออย่างสบายใจ... ในขณะที่เอริคต้องสูดหายใจลึก 

++++++++++++++++++++++++++++++++

 

กว่าจะจบมื่อนี้.............เอริค ฮาเกน

จบมื้ออาหารลง ด้วยน้ำเปล่าหลายแก้ว.............และสภาพของเขาที่พยายามคงความสง่างาม 

แต่ก็เห็นได้ชัดว่า เจ้าหมาป่าตัวโต เพิ่งผ่าน "สมรภูมิ สนามรบแห่งความเผ็ด" มาแบบไม่ค่อยสมศักดิ์ศรีเท่าไหร่นัก

เจ้าลูกจิ้งจอก ลอบมองและแอบยิ้ม อย่างสะใจเล็กๆ แม้จะพยายามเก็บอาการแบบ........สุดๆ

แต่รอยขบขันและความซุกซน ก็ซ่อนในดวงตาคู่งามสีน้ำตาลไม่ได้หายไปไหน

 

พนักงานของร้าน เดินเข้ามาพร้อมกับบิลใบเสร็จ

เจ้าตัวกำลังหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมา และกำลังควักเงินออกมาจ่ายทันที 

........แต่ก่อนที่เขาจะวางลงบนถาด ชายร่างสูงก็วางบัตรเครดิตทับไปก่อน

"เดี๋ยวซิ ผมบอกแล้วว่าผมจ่ายเองได้ คุณไม่ต้อง" ภีมหรี่ตาใส่ ด้วยว่าเขาเองก็กินและสั่งไปเยอะ

เอริคยักไหล่เล็กน้อย "I invited you."

ภีมยกคิ้ว "แล้ว...คุณก็โดนผมหลอกให้กินเผ็ดไปด้วย"

เอริคไม่ได้ดูเดือดร้อน กลับยิ้มมุมปาก "Exactly."

ภีมชะงัก ".ห่ะ!!..อะไรนะ?"

"Consider it as a reward for entertaining me." เอริคตอบเรียบๆ แต่แววตาดูมีเลศนัย

ภีมกะพริบตาไปสองที ก่อนจะหัวเราะเบาๆ 

"ก็ไม่อะไรมาก แค่...วันนี้สนุกดี ฉันก็เลยอารมณ์ดี อยากเลี้ยงข้าว"

คำพูดของเอริคฟังดูไม่เหมือนคำพูดของคนที่เพิ่งถูกปั่นด้วยอาหารเผ็ด 

แต่มันดูเหมือนว่า เขาเป็นคนที่ได้กำไรจากสถานการณ์นี้ซะมากกว่า

ภีมกำลังทำท่าจะเถียง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจ 

เออ....เอาเถอะ อย่างน้อยก็ได้เห็นคุณชายฝรั่งตัวโตหน้าแดงเพราะพริก ได้เอาคืนเท่านี้มันก็สะใจเล็กๆ

 

"อืม...เกรงใจจัง.งั้นผมขอของหวานเพิ่มด้วยละกันนะครับ" 

เขายิ้มหวาน สั่งไอศกรีมมะพร้าว และข้าวเหนียวมะม่วงเพิ่มไปอีกกับพนักงาน

เจ้าหนุ่มตาน้ำข้าว หัวเราะเบาๆ และส่ายหัวอย่างอ่อนใจ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรกับคนตรงหน้า

เอริคมองภีมที่ยิ้มหวานก่อนสั่ง ไอศกรีมมะพร้าว และ ข้าวเหนียวมะม่วง เพิ่มเข้าไปอีก

และ.... มันไม่ใช่แค่ไอศกรีมธรรมดา แต่เพิ่มข้าวเหนียวด้วย?

เขาดูจะ แปลกใจไม่น้อย พลางเลิกคิ้วเข้ม..ขึ้นมองคนเอเชียร่างเล็ก ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

เจ้าเด็กร่างสูงโปร่ง กล้ามเนื้อลีนแบบนี้… ทำไมกินเยอะได้ขนาดนี้...แล้วมันไปอยู่ตรงไหนหมดล่ะนี่?

"นี่....คุณกินเผื่อใครหรือเปล่าเนี่ย?" เอริคถามพลางเหลือบตามองโต๊ะตรงหน้า ที่เคยเต็มไปด้วยอาหารจานใหญ่มากมายก่อนหน้านี้

ภีมยิ้มให้ด้วยแววตาใสซื่อ 

"ก็....ผมใช้พลังงานเยอะ ก็ต้องกินเยอะเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่เห็นจะแปลกอะไรตรงไหน"

เอริค ได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ยังมีความสงสัยค้างอยู่ 

"แต่นายกินเผ็ดขนาดนั้นแล้ว ยังอยากของหวานต่ออีกหรอ?"

"ใช่ครับ...ยิ่งเผ็ดยิ่ง ก็ยิ่งต้องตบท้ายด้วยของหวานสิครับ" ภีมหัวเราะเบาๆ

"ของหวานจะเยียวยาทุกสิ่ง และ...มันช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้น"

เอริคได้แค่ส่ายหัวพลางยิ้มอย่างปลงๆ

"I swear, you must have a separate stomach just for dessert” Where do you even put all that food?

 Do you have a secret storage?”

"ขอบคุณละกันครับคุณ ฮาเกน งั้นผมจะถือว่าเป็นคำชมนะ" เจ้าตัวหัวเราะอย่างพอใจ

 ในขณะรับไอศกรีมมะพร้าวที่พนักงานยกมาเสริฟท์ให้ที่โต๊ะ

เสียงช้อนกระทบถ้วยดังขึ้นเบาๆ ขณะที่ คนตรงหน้ากำลังตักเข้าปากอย่างอารมณ์ดี

เอริคมองภาพนั้นแล้ว เขาอมยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว

…++++++++++++++++++++++++

 

ท้องก็อิ่มแล้ว เงินก็จ่ายแล้ว

ทั้งคู่เดินออกมาจากร้านพร้อมกับ เอริคที่ยังดูพยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติอยู่

"Lesson learned? " ภีมแกล้งถาม เอริคหัวเราะเบาๆ 

"Not really." "อะไรครับ?"

"I’ d do it again, if it means I get to have lunch with you." 

ภีมชะงักนิดๆ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ แล้วเบือนหน้าหนี

"พูดอะไรไม่รู้เรื่องครับ คุณฮาเกน"

เอริคหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถให้ภีมขึ้นนั่ง 

"Alright, little fox. Let’ s get back."

ภีมก้าวขายาวๆ ขึ้นรถคันหรูสีดำ เขานั่งเอนหลังพิงเบาะ และปรับลมหายใจให้เป็นปกติหลังจากการกินอย่างหนักหน่วง

ชายหนุ่ม ขับรถไปอย่างใจเย็น มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัย อีกข้างก็เคาะนิ้วเบาๆ บนคอนโซล

บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอริคจะเอ่ยขึ้นมาอย่างลอยๆ

"So… Can I have your personal contact?"

ภีมเหล่มองทันที "เห่อะ! แต่คุณก็มีเบอร์ผมอยู่แล้วนี่ครับ"

เอริคยิ้มมุมปาก "That’ s the company contact. I meant your personal one."

ภีมกอดอก "ผมไม่ใช้หลายเบอร์หรอกครับ"

"Then Line, Instagram, หรือ WhatsApp?" เอริคเสนอหน้าตาย

"เอาไว้คุณมีเหตุผล ที่ดูสมเหตุสมผลกว่านี้ก่อนนะครับ" ภีมหรี่ตา 

"ไม่งั้น...ผมให้คุณแค่แฟนเพจร้านที่ผมทำงานพาร์ทไทม์ไปแทนเอาไหมล่ะ?"

เอริคหัวเราะเบาๆ 

"Come on, Pheem. We work together. Sometimes I might need to contact you outside office hours."

"ให้เหตุผลแบบมืออาชีพดีจัง" ภีมถอนหายใจ "แต่ผมรู้ทันหรอก ว่าคุณไม่ได้อยากติดต่อแค่เรื่องงาน"

เอริคเลิกคิ้ว "Oh? And what else would I want to contact you for?"

ภีมจ้องหน้าเอริค "ก็.....คุณเป็นพวกชอบแกล้งไง ผมรู้ทันหรอกนะ คุณฮาเกน"

เอริคยิ้มกวนๆ "I would never."

"ไม่เชื่อ" เจ้าตัวรีบพูด

เอริคหัวเราะอีกครั้งก่อนจะขับรถต่อไปเงียบๆ แล้วอยู่ๆ ก็พูดขึ้น

"Then let’ s make a deal."

ภีมเลิกคิ้ว "จะอะไรครับ?"

"งั้น....ถ้าฉันไม่กวนเธอเลยสามวัน เธอให้ฉันได้ไหมล่ะ ลูกจิ้งจอก?"

ภีมทำหน้าคิดหนัก "ก็ฟังดูดีนะครับ..แต่มันดูไม่น่าจะ เป็นไปไม่ได้เลยนะครับ"

"That’ s how much I want it." เอริคพูดพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้

ภีมถอนหายใจ "แล้ว....ถ้าคุณอดกวนประสาทผมไม่ได้ล่ะ?"

"Then… I’ ll buy you lunch every day for a week."

ภีมชะงัก

...เงื่อนไขดูเหมือนเขาจะได้เปรียบ?

เขายิ้มมุมปากก่อนตอบ "ตกลงครับ มิสเตอร์.ฮาเกน"

 

++++++++++++++++++++++++

หลังจบข้อเสนอลง ..... เอริคเหลือบตามองคนข้างๆ เป็นระยะ ขณะที่มือยังจับพวงมาลัยมั่นคง

ภีมนั่งเอนหลังสบายพิงเบาะ ศีรษะเอนพิงกระจกหน้าต่าง ดวงตาปิดสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ

 ผมสีน้ำตาลอ่อนมีโทนแดงเบาๆ ย้อยลงมาปรกลงมานิดๆ บนหน้าผาก คล้ายกับขนนุ่มของลูกจิ้งจอกที่ซุกตัวอยู่ใต้แสงแดดไม่มีผิด

เอริคกระตุกยิ้มจางๆ ขณะละสายตากลับมาที่ถนน 'เผลอหลับแบบนี้ คงอิ่มจัดจริงด้วย'

เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก "Little fox, huh?" เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ 

คนที่กำลังหลับสบายอยู่นั้น ไม่ได้รู้ตัวหรอก ว่ามีใครแอบเปรียบเทียบเขาเข้ากับสัตว์เจ้าเล่ห์ที่แสนน่ารัก

เจ้าหนุ่มตาน้ำข้าวส่ายหัวกับตัวเองนิดๆ ก่อนจะตั้งใจขับรถต่อไป แต่แวบหนึ่งในใจ เขาก็คิดว่า...

ถ้าจิ้งจอกตัวนี้รู้ตัวขึ้นมา คงจะหรี่ตาใส่เขาแล้วแขวะอะไรสักอย่างแน่ๆ

ในระหว่างที่รถแล่นไปอย่างนุ่มนวล เอริคก็ยังแอบเหลือบมองเป็นระยะ

เขาลอบมอง สังเกตเสี้ยวหน้าของภีมที่ดูผ่อนคลายเวลาหลับ ต่างจากเวลาตื่นที่มักจะเต็มไปด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์กับการต่อปากต่อคำ

กระจกหน้าต่างสะท้อนแสงแดดจากดวงอาทิตย์ เป็นจังหวะๆ ส่องลงบนพวงแก้มของภีม 

เอริคมองแล้วก็เผลอไล่สายตาตามเส้นกรามคม ก่อนจะส่ายหัวให้กับตัวเองเบาๆ

'ฉันต้องเลิกมองเขาแบบนี้ซะที'

เขากระแอมเบาๆ ไล่ความคิด ก่อนจะจดจ่อกับถนนข้างหน้า... แต่ไม่ว่ายังไง สายตาก็เผลอหันกลับไปมองอีกครั้งอยู่ดี

‘ฉันไปสัญญาบ้าบออะไรแบบนั้นได้ยังไงกันนะ? มันอาจจะเป็นเกม ล่า.. ที่สนุกขึ้นมาอีกหน่อยก็ได้’

เจ้าตัวหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง ขณะเหลือบมองภีมที่เอนหัวพิงกระจก หลับไปอย่างหมดแรงหลังจากกินอิ่ม

อดทนตั้งสามวันโดยไม่แหย่เจ้าจิ้งจอกตัวนี้เลยเหรอ? ทำไมมันฟังดูท้าทายกว่าดีลธุรกิจเสียอีกนะเนี่ย

‘แต่ถ้าทำสำเร็จ ฉันก็จะได้คอนแทคส่วนตัวของเขา…’

เอริคเคาะนิ้วเบาๆ บนพวงมาลัย ดวงตาสีฟ้าคมมองไปข้างหน้าอย่างใช้ความคิด

บางที—การอดทนให้ครบสามวัน อาจเป็นเกมที่น่าสนุกไม่น้อย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++