"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?
ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?
##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##
ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)
"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"
ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง
???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”
??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!
??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”
??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”
??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?
???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอบอกว่าเจ้าตัวหลับสนิท
ชายหนุ่มร่างสูงเหลือบมองอยู่หลายครั้งระหว่างขับรถ
และ รู้สึกได้ว่าตอนที่อีกฝ่ายหลับ...แบบจริงๆ...
และดูไม่มีท่าทีป้องกันตัวเองเหมือนเวลาตื่นเลย
รถ Audi สีดำ ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาจอดสงบในบริเวณ จุดจอดรถ ที่หน้าบริษัท ในช่วงบ่าย
หลังจากมื้อเที่ยง ดูท่าเขาต้องปลุก เจ้าลูกจิ้งจอกแล้วซินะ
"ภีม" เอริคเรียกเสียงเบา แต่เจ้าตัวไม่ตอบสนอง
เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเอานิ้วจิ้มแก้มนิ่ม ๆ ของภีมเบา ๆ
จิ้มหนึ่งที... ไม่มีปฏิกิริยา
ลองจิ้มอีกที... คราวนี้เจ้าตัว ลืมตาขึ้นมาขมวดคิ้วนิด ๆ แบบงุนงง แต่ยังไม่ตื่นเต็มที่
เอริคกำลังจะลองใหม่อีกรอบ แต่—
"อือ..."
เจ้าเดฌกตาชี้ขยับตัว เอื้อมมือขึ้นมาปัดมือเขาแรง ๆ จนเกือบฟาดโดนหน้าคนปลุก
และนั่นดูเหมือนจะนึกขึ้นได้ ก่อนจะลืมตาชี้ๆดู หน้าเหวี่ยง และรีบเด้งตัวพรวดขึ้นอย่างอย่างรวดเร็ว
"ถึงแล้ว?" พยายามพูดแบบปกติ แต่เสียงยังงัวเงียเล็กน้อย เจ้าตัวหันไปมองข้างนอก เมื่อเห็นว่ารถจอดอยู่ที่บริษัทแล้ว
"ใช่..ถึงแล้ว" เอริคพยักหน้ารับขำ ๆ
ภีมพยุงตัวเปิดประตูรถ ก่อนจะลืมตัว..ลงไปบิดตัวยืดเส้นยืดสาย
เขา หาวออกมาเบา ๆ และยกมือปิดปากเล็กๆนั่น และยกมือขยี้ตานิดหน่อย เพื่อไล่ความง่วง
แต่.... พฤติกรรมแบบนี้ กลับทำให้ดูเด็กลงไปอีก
เอริคมองอยู่เงียบ ๆ ก่อนจะเปิดปาก
"อย่าลืมงานเลี้ยงตอนเย็นนี้ล่ะครับ คุณผู้ประสานงาน"
ภีมชะงัก หรี่ตามองเขานิด ๆ
".อย่าแกล้งเนียน..ผมรู้ทันนะ ว่าคุณกำลังจะทำเป็นลืม"
เอริคยิ้มมุมปาก เอาศอกวางพิงกระจกด้านข้างรถ "เธอจะไปกับฉันมั้ย?"
ภีมกลอกตา ทำหน้าเอือม"งั้น....ผมมีสิทธิ์เลือกคำตอบมั้ยครับ คุณฮาเกน?"
"แน่นอน"
"งั้นก็ไม่ไป"
เอริคหัวเราะในลำคอ แค่คาดเดาก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
ภีมไม่ได้พูดอะไรอีก แค่โบกมือไล่ ๆ ให้ขับรถออกไปได้แล้ว ก่อนจะหันหลังเดินเข้าบริษัท
เอริคมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายจนลับตา แต่....รอยยิ้มนั้น...กลับยังค้างอยู่บนริมฝีปาก
จริงๆแล้ว...เขาไม่ได้คาดหวังหรอกว่า....ภีมจะตอบตกลงในเงื่อนไขนั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ในใจ... คือรอยยิ้มนั่นต่างหาก
เขาคิดถึงท่าทางที่ เจ้าเด็กนั่น..ชอบแกล้งดึงจมูกเวลาที่รู้สึกหงุดหงิด
หรือจังหวะที่เจ้าลูกจิ้งจอก ชอบแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจอะไรทั้งที่
ดูเหมือนว่า..ในใจตอนนั้นกำลังคิดหนักไปหมด
และ..ทุกครั้งที่เจอกัน เอริคกลับรู้สึกเหมือนต้องคอยคาดเดาการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายตลอดเวลา
เขาได้แต่หัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง
"เกินความคาดมายชะมัด
แทบจะไม่เคยหัวเราะและยิ้มบ่อยขนาดนี้มาก่อนเลยแฮะ.."
เพราะ...ตลอดเวลาที่ผ่านมา
เอริคก็แทบจะไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ารอยยิ้มที่เคยมีนั้น มันหายไปตอนไหน"
เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเมื่อเขาสตาร์ทรถ
แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยภาพของภีมในทุกจังหวะที่เผลอเผยความรู้สึกออกมา
เอริคขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจเบา ๆ
"เฮ้อออ...จะทำยังไงดีนะ..."
เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะขับรถออกไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และเต็มไปด้วยพนักงานที่เดินไปมา พร้อมกับเสียงสนทนาเบา ๆ
ที่ปะปนกันไปกับเสียงเครื่องถ่ายเอกสารและคีย์บอร์ดที่กำลังกระทบกันเป็นจังหวะ
ภีมเดินออกจากโซนโรงอาหารหลังจากเพิ่งผ่านศึกมื้อเที่ยงกับเอริค ด้วยว่าท้องตึงๆ เพราะว่าอิ่มจัด
ในระหว่างทาง ที่กำลังจะกลับเข้าออฟฟิศ เขาหยุดแวะที่ตู้ขายของอัตโนมัติ
พลันสายตาก็กวาดมองไปตามเครื่องดื่มเรียงราย ก่อนจะกดเลือก เมล่อนโซดา มาขวดหนึ่งอย่างเคยชิน
มันเป็นเครื่องดื่มสุดโปรด ที่เขามักจะซื้อประจำ
นิ้วเรียวจิ้มกดซื้อ เสียงเครื่องทำงานดัง กรึก! พร้อมกับขวดสีเขียวใสที่ไหลออกมาจากช่องรับสินค้า
ภีมหยิบขวดขึ้นมา เปิดฝาด้วยความเคยชิน ฟู่! เสียงก๊าซคาร์บอเนตพุ่งขึ้นมานิดหน่อย
กระทบปลายจมูก และหอมกลิ่นเมล่อนโซดา เขาเสียบหลอดลงไปแล้วดูดน้ำอัดลมเย็น ๆ อย่างกระหาย
อ่า....หวานซ่าเย็นจับใจ จนเผลอหลับตาไปชั่ว
ราวกับว่า ....มันเป็นการฮีลตัวเองหลังจากสงครามประสาทมื้อเที่ยงที่เพิ่งผ่านพ้นไปกับคุณฮาเกน
ขณะภีมเดินทอดน่องมาตามทางเดิน
"เฮ้อ..." เขาถอนหายใจเบา ๆ พลางยกมืออีกข้างขยี้ผมตัวเองเบา ๆ
เขารู้สึกเหนื่อยกับมื้ออาหารที่แทบจะเป็นเวทีโต้วาที
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ... ตอนนี้ เมล่อนโซดา ในมือ
คือสิ่งที่ช่วยเยียวยาทุกสิ่งจริง ๆ เขาเดินดูดน้ำเมล่อนโซดาไปอีกอึก
ในระหว่างที่ภีมกำลังเดินไปที่ลิฟต์อย่างเหนื่อยหน่าย
สายตากลับไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่ยืนรออยู่ตรงโซนหน้าลิฟต์
ร่างสูงโปร่ง โครงหน้าคมเข้มของลูกครึ่งฮ่องกงเยอรมันของ
หลี่เจียหยาง กำลังกอดอกพิงผนังด้วยท่าทางสบาย ๆ
ดวงตาคมกริบเหลือบมองมาที่ภีม เหมือนรออยู่ก่อนแล้ว
ภายใต้ แววตาคู่นั้น ยังคงแฝงไปด้วยความกวนโอ๊ยประจำตัว
และรอยยิ้มมุมปากที่ดูแล้วรู้สึกได้ทันทีว่า... ต้องมีเรื่องอีกแล้วแน่ ๆ
"ไงครับ, แมวส้ม" เสียงทุ้มแฝงแววหยอกเย้าดังขึ้นก่อนที่ภีมจะก้าวถึงตัวเขา
หลี่เจียหยางพูดขึ้น พร้อมกับยักคิ้วให้ภีมที่เดินมาทางเขา
ภีมหันมามองเจียหยางด้วยท่าทางรำคาญนิดหน่อย สายตา..ว่างเปล่า
"ผมบอกแล้วว่าไง ว่าไม่ใช่แมวส้ม เมื่อไหร่จะเลิกเรียกแบบนี้ซักทีเนี่ย?"เขาบ่นอุบอิบใส่คนร่างสูงตรงหน้า
หลี่เจียหยางหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางก้าวมา เข้ายืนใกล้ขึ้นเล็กน้อย
ดูเหมือนเขาจงใจโน้มตัวลงนิด ๆ ให้ระยะห่างดูแคบลง
"ดื่มอะไรน่ะแมวส้ม อร่อยหรอ?”
แต่.........ยังไม่ทันที่ เจ้าภีมจะตอบ
มือใหญ่ของเจียหยางก็ไวกว่า
เขาเอื้อมมือ...มาคว้าขวดเมล่อนโซดาในมือของภีมไปแบบไม่ทันตั้งตัวไปหน้าตาเฉย!
"โอ๊ะๆ นี่เราต้องเรียกคุณว่าคุณภีม หรือว่าคนขับแกร๊บดีครับ?"
เจ้าหนุ่มผู้มีสายเลือดผสมระหว่างลูกครึ่งฮ่องกง-เยอรมัน อย่างลงตัว
กับความสูง 185 ซม.ยักคิ้วอย่างกวนๆให้ พลางหยิบขวดน้ำเมล่อนโซดาในมือขึ้นมาดู
"เฮ้ย! เอาคืนมา!" ภีมร้องขึ้น ขมวดคิ้วพยายามจะคว้าคืน
แต่เจียหยางสูงกว่ามาก ด้วยความสูงที่แตะ 180 ขึ้นไปของเขา
เขาเพียงแต่แค่เอี้ยวตัวหลบก่อนจะยกขวดขึ้นสูง พอให้เจ้าแมวส้มเอื้อมไปแย่งคืนไม่ถึง
"เจียหยาง!" ภีมกัดฟันมอง ก่อนจะยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีกเมื่ออีกฝ่าย
ก้มลงจิบจากหลอดของเขาเฉย!
"อืม..." เจียหยางพึมพำ ทำสีหน้าครุ่นคิดหลังจากดูดไปสองสามอึก
"เมล่อนโซดา ก็น่าสนใจดีแฮะ... อร่อยแบบแปลก ๆดี"
ภีมเบิกตากว้าง "เห้ย! นายนี่มัน—!" เขารีบพุ่งไปแย่งขวดคืนมา คราวนี้ออกแรงเยอะจนดึงกลับมาได้สำเร็จ
"ไอ้บ้า! นั่นมันของฉันนะ!" เขากระชากขวดมาแนบอก ใบหน้าขึ้นสีโดยไม่รู้ตัว
ใน ขณะที่ตอนนี้ หลี่เจียหยางยืนหัวเราะขำ ๆ กับท่าทางของภีม
เจ้าตัวคนโดนแย่งน้ำของโปรด ดูไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำที่เจียหยาง ดูดจากหลอดเดียวกันที่เจ้าตัวเพิ่งดูดไปเมื่อกี้
เจียหยางโบกมือ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงสบาย ๆ จังหวะนั้น ลิฟต์ก็เปิดออกพอดี
ภีมถอนหายใจแรง ๆ และเดินเข้าไปในลิฟต์เพื่อกลับไปแผนก ราวกับขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงด้วย
หลี่เจียหยาง ไม่ปล่อย เจ้าเยื่อนี่ไปง่ายๆหรอก เขายิ้มกวน ๆ และเดินตามเข้ามาสบายๆ
และก้าวเข้ามายืนข้าง ๆ มือล้วงกระเป๋ากางเกงสแลค แบรนด์หรู
แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงเลศนัย พลางกดลิฟต์เพื่อไปส่งภีม ชั้นที่ภีมทำงาน
"เอาเถอะๆ อย่าหงุดหงิดไปเลยน๊า ผมมีเรื่องอยากขอความร่วมมือจากคุณพอดี และผมคิดว่าคุณน่าจะช่วยผมได้ในเรื่องนี้นะ"
ภีมขมวดคิ้ว "อะไรของนายอีกล่ะ?"
"ก็.........ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่เห็นว่า คุณอยากหารายได้เพิ่ม
พอดีว่าหลานชายผม เรียนอยู่ชั้นประถมกำลังมีปัญหาทำการ์บ้านผิดๆ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ช่วยสอนพิเศษให้หลานผมหน่อยสิ”
ภีมเลิกคิ้วขึ้นอย่างระแวงเล็กน้อย แต่ก็ยังฟังต่อ
"เฉินอวี หลานผม แกเป็นเด็กดีนะครับ เขาสนใจเรียนรู้มากเลยหล่ะ
แต่...แค่ว่า..ภาษาไทยเขายังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่
การ์บ้านภาษาไทยคราวที่แล้ว เขาให้มะม๊าสอน ก็เรียงสลับคำมั่วผิดไปหมด
... ผมสงสารเขาเลย ที่โดนคุณครูที่โรงเรียนหักคะแนนไปค่อนข้างเยอะซะด้วย"
เจียหยางยิ้มบาง "ก็เลยคิดว่าคุณเหมาะจะช่วยสอนน่ะสิครับ"
ภีมชะงักกึก "เดี๋ยวๆๆๆ แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ?"
หลี่เจียหยางเอียงคอมอง แววตาใสซื่อ
เขามอง ภีมเหมือนคนที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะถามแบบนี้ "ก็คุณพูดจีนได้นี่ครับ จริงไหมล่ะ?"
"ผมก็ได้แค่พื้นฐาน—ไม่ได้เก่งอะไรมากซักหน่อย"
"ดีครับ ได้แค่นั้น ก็พอแล้วครับ"
เจ้าหนุ่มหน้าลูกครึ่ง รีบตัดบท ในจังหวะที่ลิฟต์กำลังไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ และไม่ให้ภีมมีโอกาสเถียง)
"แล้วดูแล้ว คุณน่าจะเป็นคนใจดี น่าจะเข้ากับเด็กได้ง่าย"
ภีมมองหน้า และขมวดคิ้ว
"แล้วฉันไปแสดงความใจดีให้นายเห็นตอนไหน? มั่วแล้ว"
ดวงตาคู่สีน้ำตาลของภีม กำลังมองดูตัวเลขลิฟต์ที่กำลังไต่ระดับขึ้นไป ราวกับในใจภาวนาให้ถึงชั้นที่หมายเร็วๆ
เจียหยางหัวเราะเบาๆ
"ก็จากที่เห็นไงครับ... อย่างน้อย คุณก็ยังคุยกับผมอยู่ ทั้งที่ปกติคุณดูจะรำคาญพวกคนกวนๆ แบบผมนะ"
ภีมหรี่ตา "ฉันเลือกได้ด้วยหรอ?"
ภีมอ้าปากเถียง ด้วยว่าเริ่มขุ่นในใจ พลางยกขวดน้ำเมล่อนโซดาในมือ ขึ้นมาดูดต่ออย่างข่มใจ เพื่อดับอารมณ์
เจียหยางใช้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน มองคนที่ยืนข้างๆ แล้วยิ้มขำ
"ก็....ถือว่าช่วยหลานผมซักคนเป็นไงครับ? สงสารเด็กมันเถอะ
เฉินอวี่ค่อนข้างขี้กลัวคนแปลกหน้า ส่วนค่าตอบแทนคุณก็คิดมาละกันนะ ทางนั้นไม่ได้ติดอะไรอยู่แล้ว"
ภีมเลิกคิ้วขึ้นอย่างระแวงเล็กน้อย แต่ก็ยังฟังข้อเสนอต่อ
"เฉินอวีแกเป็นเด็กดีนะครับ เขาสนใจเรียนรู้มากเลยแหล่ะ แต่แค่ภาษาไทยเขายังไม่ค่อยแข็งแรง"
"แล้วฉันต้องสอนอะไรบ้าง?"
"ก็แค่พื้นฐานภาษาไทยทั่วไปน่ะครับ พูด อ่าน เขียนให้คล่องขึ้นแค่นั้นเอง"
หลี่เจียหยางพูดพลางไหวไหล่ ก่อนจะใช้สายตาคม เฝ้ามองปฏิกิริยาของภีม
ภีมยกขวดน้ำเมล่อนโซดา ในมือขึ้นมาดูดหลอดเดียวกันต่อ ริมฝีปากแตะลงไปโดย ลืมไปว่าเมื่อครู่เจียหยางเพิ่งใช้มันไป
เจ้าหนุ่มหน้าลูกครึ่ง แอบอมยิ้ม แต่ก็ยังคงทำหน้าตาปกติแบบเก็บอาการ
"ว่ายังไงครับ สนใจไหม?"
"แค่วันละไม่กี่ชั่วโมงเอง... ก็ไม่ได้ลำบากอะไรใช่ไหมล่ะ?"
ภีมที่ยังคงไม่รู้ตัวว่าตัวเอง ว่าเขาเพิ่งดูดน้ำต่อจากเจียหยาง ในตอนนี้เขา ก็แค่พยักหน้ารับฟัง และ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ภีมกำลังจะอ้าปากตอบ แต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อเขาเห็นสายตาของเจียหยางมองมาที่เขา แบบแปลกๆ
".อะไร?..ทำไมมองฉันแบบนั้น?"
ลิฟต์ยังคงไต่ระดับขึ้นไปตามตัวเลข ในขณะสายตาหลี่เจียหยางที่ยืนอยู่ข้างๆ ภีม
เขายืนกอดอกสบายๆ และส่งยิ้มกลับมาให้อย่างมีเลศนัย
เจียหยางยิ้มบางๆ พลางยักคิ้ว
"เปล่าครับ แค่คิดว่าคุณสนิทกับผมดีจังเลยน่ะ ภีม"
เจียหยางแอบยิ้มมุมปาก "น้ำเมล่อนโซดา..อร่อยไหมครับ?"
"...?" ภีมขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มมองขวดในมือตัวเอง แล้วสายตาเลื่อนไปที่หลอด
สมองประมวลผล...
"...เฮ้ย!!"
ใบหน้าของภีมขึ้นสีในทันที ดวงตาคู่สีน้ำตาล เบิกกว้าง พลางรีบยกมือเช็ดปากแรง ๆ
เจียหยางที่ยืนข้าง ๆ หัวเราะเบา ๆ มองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
"อะไรเหรอ? นั่นมัน ก็แค่เครื่องดื่มขวดเดียวเอง ไม่เห็นต้องคิดมากเลยครับ เจ้าแมวส้ม"
"ไอ้บ้านี่! แล้ว..นายจะดูดมันทำไมแต่แรกเล่า!!"
ภีมโวยวาย แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับเหมือนคนพยายามกลบเกลื่อนความเขินมากกว่าความโกรธจริง ๆ
"ผมก็แค่อยากรู้ว่า มันอร่อยขนาดไหนไง เห็นคุณกินออกจะบ่อย"
เจียหยางยิ้มมุมปาก ยักไหล่แบบสบาย ๆ
"และก็... อร่อยจริงๆแฮะ แต่... ไม่คิดว่าคุณจะไม่รู้ตัวเลยนะ ว่าดูดหลอดเดียวกับผม"
เขาส่งยิ้มแบบกวนประสาทให้ ราวกับตั้งใจทำให้ภีมไปไม่เป็น
ภีมกำขวดแน่น ก่อนจะหันไปมองเจียหยางด้วยสายตาคาดโทษ "นาย..โรคจิตหรือไง!?"
เจียหยางหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยักไหล่
"โรคจิตตรงไหนกัน? หลอดแค่เส้นเดียวเอง ไม่เห็นเป็นไรเลย อย่าคิดมากซิครับภีม"
เจียหยางหัวเราะขำออกมาเต็มเสียงในที่สุด
"ก็คุณไม่ทันสังเกตเองนะครับ แมวส้ม~"
…ภีม ในตอนนี้ อยากจะทิ้งขวดลงถังขยะเดี๋ยวนี้เลย
…แต่ก็น่าเสียดายของเกินไป...ก็จ่ายตังค์แล้วนี่
ติ๊ง!
เสียงลิฟต์มาถึงชั้นที่ภีมทำงานพอดี
ร่างบาง ..รีบจ้ำอ้าวออกไปอย่างไว อย่างกับแมว..ด้วยอาการโมโหฟึดฟัดที่โดนแกล้ง
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต”
เสียงตะโกนไล่ พร้อมกับลิฟต์ ที่ปิดลง
พร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ ของ เจ้าหนุ่มลูกครึ่งฮ่องกง ยังดังต่อเนื่อง
เจียหยางมองตามแผ่นหลังของภีมที่เดินจ้ำออกไปจากลิฟต์ พลางหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี
"หึหึ... น่าแกล้งจริง ๆ นะ เจ้าแมวส้ม"
เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะร่างสูง พิงผนังลิฟต์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน
ก็แค่เครื่องดื่มขวดเดียวเองแท้ ๆ แต่ดูสิ... เจ้าแมวส้ม นี่หน้าแดงไปถึงหูเลย
เขายกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองแวบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะในลำคออีกครั้ง
“น่าสนใจแฮะ...”
เจียหยางกดปิดลิฟต์ และเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองด้วยความรู้สึกพึงพอใจ
ถึงจะโดนเรียก "ไอ้บ้า โรคจิต" แต่สีหน้าของภีมตอนนั้นมัน...
น่าเอ็นดูชะมัดเลย...
เจ้าหนุ่มหน้าคมลูกครึ่งฮ่องกงเยอรมัน หลี่เจียหยาง เดินกลับมาถึงห้องเซิฟเวอร์ พร้อมอาการที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม
มราวกับแมวที่เพิ่งขโมยปลามาได้สำเร็จ เพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ก่อนแล้วเงยหน้าขึ้นจากจอ พร้อมกับเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
"ไอ้หยาง มึงไปทำอะไรมา ทำหน้าทำตา มีพิรุธมาเชียว"
"หืม? ฉันน่ะเหรอ?" เจียหยางแสร้งทำหน้าไร้เดียงสา แต่แววตากลับเต็มไปด้วยเลศนัย
"ใช่สิ หน้าตาอย่างกับ มึงเพิ่งแกล้งใครมา"
"เปล่า...ก็... แค่ให้อาหารแมวส้มไปนิดหน่อย"
"หืม?"
เจียหยางหัวเราะในลำคอ ไม่ตอบอะไรอีก แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไลน์ พิมพ์ข้อความส่งไปแหย่ภีมต่อ
[J.Yang]: ผมจะถือว่าคุณตกลงเรื่องสอนพิเศษนะ หลานผมคงดีใจมาก 😏
เขากดส่งไป ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ รอดูว่า ‘แมวส้ม’ ของเขาจะมีปฏิกิริยายังไง
ไม่กี่วินาทีต่อมา โทรศัพท์สั่นเบา ๆ
[Pheem]: ขอเวลาเตรียมตัว อาทิตย์หน้าละกัน
เจียหยางเลิกคิ้วเข้ม ก่อนจะหลุดยิ้ม
"ฮึ่... คิดว่าจะแข็งกว่านี้ซะอีกนะ"
เขาหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง พลางพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
[J.Yang]: รับทราบครับ ครูภีม 🐱✨
หลังจากกดส่ง เขาก็เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหันไปสนใจงานตรงหน้า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ในช่วงบ่ายวัน ณ ห้องประชุมของทีมไอที
ณ เวลานี้ หัวหน้าทีมกำลังแจ้งข่าวเกี่ยวกับ โครงการพัฒนาซอฟต์แวร์
ที่บริษัทของ เอริค ฮาเกน ได้เข้ามาร่วมพัฒนากับบริษัท และ กำลังมองหาคนที่มีความรู้ความสามารถด้านไอทีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมเพิ่ม
"โอเค พวกเรา ข่าวด่วน... บริษัทร่วมทุนจากฝั่งยุโรปกำลังต้องการทีมไอทีเพิ่มสำหรับโปรเจคนี้ มีใครสนใจเข้าร่วมบ้างมั๊ย?"
หัวหน้าทีมถามขึ้น ขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองรอบห้อง อย่างมีความหวัง
แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือความเงียบ...
เหล่าเพื่อนร่วมทีมไอทีบางคนแอบเบือนหน้าหนี บางคนแสร้งทำเป็นพิมพ์งานแน่วแน่
ใครมันจะอยากโดนโยนเข้าไปในงานโหด ๆ แบบนั้นกันล่ะ แถมต้องทำงานร่วมกับคนต่างชาติที่เรื่องมากนี่อีก
แต่ก่อนที่หัวหน้าทีมจะบ่นขึ้นมา หลี่เจียหยาง ก็เอนหลังพิงเก้าอี้ พลางทำท่ายกมือขึ้นช้า ๆ อย่างอ้อยอิ่ง
"อืม... ผมว่า ผมน่าจะช่วยได้นะ"
พลันสายตาทุกคู่ในห้องหันมามองเขาทันที อย่างไม่เชื่อหู
"...เอ็งเนี่ยนะ?" หนึ่งในสมาชิกทีมไอทีถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
"อืม ก็แล้งไง..ทำไมเหรอ?" เจียหยางยักไหล่
"ผมจบด้านนี้มาอยู่แล้วนะ ประสบการณ์ผมก็มี แถมอังกฤษก็ได้ สำเนียงก็ไม่แย่..."
เขาหยุดพูดเว้นจังหวะ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ "หรือจะให้พวกนายไปแทนล่ะ? เอามั้ย?"
"ไม่เว้ย!" “โห่!! ไม่เอาอ่ะ” เหล่าคณะชายหนุ่มเหล่านั้นในที่ประชุมทำเสียงโห่ไส่ หลี่เจียหยาง ด้วยรู้นิสัยหมอนี่ดี
"ไอ้หยางแม่ง... มีง..เนียนอีกแล้ว!"
เสียงบ่นจากทีมไอทีดังขึ้นทันทีที่เจียหยางเสนอตัวเข้าร่วมโปรเจค อย่างรู้ทัน
"กูรู้นะมึงอยากเจอน้องภีม!" “โห่!!!!!” เหล่าทีมไอที หลายคนร่วมกันโห่ไล่ อย่างกับเป็นเรื่องสนุก
"หืม?" เจียหยางเลิกคิ้ว ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขณะเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างสบาย ๆ
"พูดอะไรของพวกนาย ผมแค่สนใจโปรเจคนี้เฉย ๆ นะ ความสามารถ ผมมันก็ต้องถูกใช้ให้คุ้มค่าปะ?"
"เห่อะ! มึงสนใจโปรเจคจริงๆ หรือสนใจคนอยู่ในโปรเจคกันแน่ ไอ้หยาง?" เพื่อนอีกคนเบะปากมองแรง
หลี่เจียหยางหัวเราะในลำคอ
เพื่อนร่วมทีม พากันบ่นกันอุบ แต่ก็ไม่มีใครเถียง เพียงเพราะโปรไฟล์ของ หลี่เจียหยางน่ะดีจริง ๆ
ด้วยว่า เขามีทักษะที่เหมาะสมทุกอย่างรอบด้านนั่นแหลาะ
และพูดตรง ๆ คือทีมไอทีที่เหลือ ก็ไม่มีใครอยากโดนโยนเข้าไปในโปรเจคนี้เลยซักนิด
หัวหน้าทีม ยังคงมองเขานิ่ง ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ
" ถ้าว่างั้นก็ดี ฉันจะเสนอชื่อของนายให้ทางนั้นพิจารณาละกัน อย่าทำเสียเรื่องล่ะ ห้ามนายสร้างปัญหาด้วย.หลี่เจียหยาง"
เหลี่เจียหยางยิ้มรับ "ด้วยความยินดีเลยครับ"
แต่ที่ยิ้มน่ะ ท่าจะไม่ใช่แค่เรื่องงาน...