"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน - ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน,พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตลก,รัก,ชาย-ชาย,ยุคปัจจุบัน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตสร้างกระแส,วายบันเทิง,คู่กัด,ปากร้าย,ปากแข็ง,ตกหลุมรัก,ตลก

รายละเอียด

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน โดย Julie juice @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

"ภีม ชายหนุ่มผู้มุ่งมั่นหาเงินจนลืมหัวใจ แต่เมื่อพรจากพระแม่ลักษมีพ่วงสามหนุ่มสุดป่วนมาด้วย ชีวิตที่เคยแน่วแน่กลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และคำถามสำคัญ — สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คืออะไรกันแน่?

ผู้แต่ง

Julie juice

เรื่องย่อ

##เมื่อชีวิตมันติดบั๊ก##

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มไรเดอร์สุดแกร่ง x เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดร้าย และหนุ่มๆ รอบตัว ที่ชวนปวดหัวในแต่ละวัน
เอริค ฮาเกน  นักธุรกิจหนุ่มสายเนียน และ ฮารุ หนุ่มรุ่นน้อง ตัวดีที่รู้ทันทุกอย่าง!)

"ก็แค่หาเงินเลี้ยงปากท้อง… แต่ทำไมดันไปติดบั๊กหมาป่าเจ้าเล่ห์ เจ้าหมาโกลเด้นจอมปลอมเจ้าแผนการ และเสือที่พร้อมจะขย้ำได้ตลอดเวลา?"

ภีมวัจน์ เจ้าหนุ่มนักสู้ชีวิต สายหาเช้ากินค่ำ ผู้ใช้ชีวิตแบบ "ไม่กินบุญใคร" เช้าเป็นพนักงานบริษัท เย็นขับไรเดอร์หาเงินเสริม อุดมการณ์ชัดเจน "ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร" แต่แล้วชีวิตก็เหมือนโดนโกงเมื่อเจอ หลี่เจียหยาง หนุ่มลูกครึ่งสุดเพอร์เฟกต์ที่ดูเหมือนจะ "มีแต่ให้" ...แต่แปลกที่เจ้าตัวกลับมองเขาด้วยสายตาล้อเลียนทุกครั้ง

???? จากไรเดอร์ส่งอาหาร สู่ของหวาน(?) ของใครบางคน
“คุณไรเดอร์ครับ เหนื่อยมั้ย?”
“...อะไรของนาย?”

??”? บั๊กแรก: เสือร้ายจอมขี้แกล้ง ??”?
เจียหยาง ลูกครึ่งจีน-เยอรมัน หล่อ รวย แถมขี้แกล้งระดับเทพ(?) ชอบหาเรื่องปั่นประสาทภีมทุกครั้งที่เจอ “ฉันอยากเลี้ยงแมวส้ม” เขาพูดเปรยๆ ก่อนจะเหลือบมองภีมที่กำลังทำหน้าเหมือนจะข่วนใส่!

??”? บั๊กสอง: หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ ??”?
เอริค ฮาเกน มหาเศรษฐี/นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งนอร์เวย์ เจ้าของบริษัทที่ภีมต้องคอนซัลต์งานให้ ดันสนใจหนุ่มไรเดอร์คนนี้เข้าอย่างจัง... “เธอนี่เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆ นะ ระแวงไปหมด” ภีมขมวดคิ้ว เอริคแค่ยิ้มมุมปาก “แต่ฉันชอบจิ้งจอกนะ”

??”? บั๊กสาม: หมาโกลเด้นท์ผู้รู้ทันทุกอย่าง ??”?
ฮารุ เพื่อนสนิทตัวดีของภีมที่ไม่เคยพลาดสังเกตอะไร! ผู้คอยดูแลใส่ใจตลอด แต่แท้จริงแล้วกลับซ่อนความคลั่งรัก และความรักที่ยึดติด “ให้ผมเป็นหมาน้อยของภีมได้มั๊ยครับ? ผมอยากมีภีมเป็นเจ้าของของผมคนเดียว”

??”? แค่พล็อตเบสิค แต่บั๊กเยอะจนคาดไม่ถึง ??”?
✔️ ฮาแตกทุกซีน กับมุกจิกกัดสุดเฉียบของภีมที่รับมือกับพวกตัวร้าย(?)
✔️ เคมีระหว่างคนซื่อตรง vs คนเจ้าเล่ห์ มันคือสงครามประสาทที่ไร้ผู้ชนะ
✔️ หักมุมยิ่งกว่าถนนในเมือง ชีวิตภีมแค่จะหาเงิน แต่ทำไมมันกลายเป็นละครวายไปได้!?

???? เตรียมตัวให้พร้อมกับนิยายวายสุดปั่น! ที่พระเอกสู้ชีวิต…แต่ชีวิตติดบั๊ก!
#หนุ่มไรเดอร์สายลุย #แต่จะดันโดนหมาป่าจับกิน #ปากร้ายจิกกัด #หักมุมตลอดเรื่อง   

สารบัญ

พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 1 พระแม่ครับ โปรดประทานพรให้ผมเถอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 2 ชีวิตต้องสู้ เพราะกู้มาเยอะ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 3 ตู้เจ้ากรรม นำพานายเวรมาพานพบ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 4 ถึงจะโสด ก็ได้โปรดอย่าจีบ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 5 พี่พร้อมจะโอนเพราะน้องมันโดนใจ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 6 เมื่อเงินมา งานก็เดิน,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 7 ป.ปลาตากลม กับคนทำความสะอาด,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 8 ฟัดจ์บราวนี่เนื้อนุ่มๆ หรือจะสู้ลุงที่ทำไข่เจียวอุ่นๆ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 9 วิบากของลูกจิ้งจอก กับหมาป่าจอมกลับกลอก,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 10 OK Goodboy มาทำให้ใจพี่ ม่วนจอยหน่อยได้มั้ย?,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 11 ถ้าอยากกินข้าว อย่าห้าวกับพี่,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 12 ข้อเสนอ ที่ทำให้เผลอใจเต้น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 14 เจ้าเหยื่อผู้น่าสงสาร กับการหยอกของเหล่าไฮยีน่าขี้เล่น ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 15 ก๋วยเตี๋ยวแค่ถ้วยเดียว แต่มันเปรี้ยวไปถึงใจ ,พระแม่ครับ..พรที่ขอ..ผมขอคืน-ตอนที่ 16 แผนการล่า ของหมาป่าตัวโต

เนื้อหา

ตอนที่ 13 อย่าท้าทายพี่ฝรั่ง ถ้ายังไม่รู้จักกันดีพอ

เสียงพูดคุยและเสียงแก้วกระทบกันดังก้องทั่วห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง 

ในขณะที่พนักงานหลายคนกำลังสนุกกับบรรยากาศงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มและเสียงหัวเราะ

แต่สำหรับ ภีม นี่ไม่ใช่ที่ที่เขาอยากจะอยู่

บรรยากาศงานเลี้ยงในช่วงเย็น ของวันนั้นเต็มไปด้วยความเป็นทางการและความสะดวกสบายอย่างลงตัว

 ท่ามกลางแสงไฟนุ่มๆ ที่ส่องสะท้อนบนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเตรียมอย่างดี 

ขวดไวน์และแก้วใสสะอาดเรียงรายบนโต๊ะยาวที่มีผู้คนบางตานั่งอยู่พูดคุยกันที่ไม่ได้ดังจนเกินไป 

ทุกอย่างดูเหมือนจะเหมาะกับบรรยากาศที่ต้องการให้คนรู้สึกผ่อนคลายและสนุกไปกับการเสวนาท่ามกลางอาหารรสเลิศ

ในมุมห้องมีดนตรีเบาๆ เล่นคลอไปกับเสียงพูดคุยของแขก ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและไม่อึดอัดเกินไปนัก

"อยากกลับบ้านชะมัด..." เขาคิดในใจ ขณะที่กำลังถือแก้วน้ำเปล่าและพยายามหลีกเลี่ยงวงเหล้าให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้

หนุ่มนอร์เวย์ร่างสูง ยืนอยู่ที่มุมห้อง เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบพลางมองไปรอบๆ 

ดวงตาสีฟ้าคมกริบลอบ คนร่างเล็กที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา

เจ้าเดกขี้วีน ยังอยู่ในชุดทำงานเสื้อเชิรต์สีขาวพับแขนครึ่งนึง เขาพยายามดูแลตัวเองไม่ให้เข้าไปพัวพันกับใครมากนัก

 ท่าทางของภีมดูไม่ค่อยคุ้นเคยกับงานแบบนี้ แต่เขาก็พยายามรักษามารยาทและไม่ให้ตัวเองดูแปลกแยกจากคนอื่นมากเกินไป

 รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปาก เอริค

"ลูกจิ้งจอก"

เสียงทุ้มติดแหบเล็กน้อยดังขึ้น ทำให้ภีมหันไปมอง

 เห็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความขี้เล่นและสายตาที่เหมือนนักล่ากำลังสนใจบางอย่าง

 เขากำลังยืนยิ้มพลางหมุนแก้วไวน์ในมือ

"ทำไม ทำหน้าบูดอะไรขนาดนั้น มางานเลี้ยงแบบนี้ก็ต้องสนุกสิ"

เอริค ทำเอนตัวเข้ามาใกล้เล็กน้อย ราวกับจงใจตีวงล้อมให้ระยะห่างแคบลง

ภีมขมวดคิ้วใส่ "ดูเหมือนคุณจะสนุกมากเลยนะครับ คุณฮาเกน?"

เอริคหัวเราะเบา ๆ พลางยกมือขึ้นเสยผมบรอนด์สีอ่อนที่ปรกหน้า ตอนนี้ผมที่เซทไว้เริ่มจะคลายตัว

 "ก็นิดหน่อยน่ะ แต่คุณดูไม่ค่อยอินกับงานเลี้ยงเท่าไหร่เลยนะ?"

ภีมถอนหายใจเบา ๆ "ก็จริงนะ...ผมไม่ค่อยชินกับบรรยากาศแบบนี้หรอกครับ" 

เขาลอบมองไปรอบ ๆ เห็นกลุ่มพนักงานที่กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส

ในขณะที่ บางคนเริ่มหน้าแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ บางคนก็หัวเราะเสียงดังเพราะความคึกคะนองจากเครื่องดื่ม

เอริคมองภีมอย่างพินิจ ก่อนสายตาจะเลื่อนไปยังแก้วไวน์ในมือของตัวเอง

"คุณดื่มไวน์เป็นไหม?"

ภีมเหลือบสายตามองไวน์ในแก้วของเอริค แต่... มันพร่องไปจเกือบหมดแล้ว

"เดี๋ยวนะ...นี่คุณเมาหรือเปล่าครับเนี่ย?" เขาเลิกคิ้วเข้มถาม

เอริคหัวเราะในลำคอ ดวงตาทอแสงวาววับ ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผม 

"อืม.!!.. นิดหน่อย" น้ำเสียงดูขี้เล่น

(นิดหน่อยบ้านแกสิ! ไอ้ฝรั่ง) ภีมคิด

ภีมยืนกอดอกพลางมองเอริคที่จิบไวน์ด้วยท่าทีสบาย ๆ  แต่แววตาของอีกฝ่ายดูมีเลศนัยจนเขารู้สึกได้

"ไม่ดื่ม...ซักหน่อยเหรอ?" เอริคเอ่ยขึ้นพลางยกแก้วไวน์ในมือของตัวเอง ชูขึ้นมาเล็กน้อย

ภีมหันมามองเอริคก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างระมัดระวัง 

"ไม่ละครับ ขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอล์...

แล้วก็...กรุณาอย่าลืมว่าผมต้องอยู่ดูแลคุณตามหน้าที่ 

เพราะงั้นวันนี้ถ้าคุณเมา อย่างมากผมก็จะทิ้งคุณไว้หน้าห้อง” ภีมส่งสายตาจิกให้เอริคที่กำลังยิ้มมุมปาก

เอริคยิ้มร้ายและยกแก้วไวน์ชูขึ้นใช้สายตาคู่งามคมกริบ สีฟ้ามองไปที่แก้ว

 "งั้นหรอ? ถ้าผมเมา คุณจะทิ้งผมไว้หน้าห้องจริงๆ เหรอเนี่ย?"

 น้ำเสียงเขาฟังดูขบขัน แต่...ใบหน้าเต็มไปด้วยความท้าทาย  ราวกับกำลังรอดูว่าภีมจะตอบกลับอย่างไร

เอริคหัวเราะในลำคอ แล้วจิบไวน์อย่างสบายๆ 

"ดูเหมือนคุณจะใจดีมากเลยนะครับ คุณภีมวัจน์” เขากระซิบพลางโน้มหน้าเข้าใกล้ภีมเล็กน้อย ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังทำหน้าตึงใส่

 "แต่ถ้าผมดื่มจนเมาเกินไป คุณจะรู้ไหมว่า... คุณทำอะไรกับคนเมาไม่ได้เลยนะ" 

เขายักคิ้วให้ภีมอย่างท้าทาย พร้อมรอยยิ้มซุกซนแต้มอยู่ที่มุมปาก

ภีมหรี่ตามอง กลับมาด้วยสายตาเย็นชา 

 "ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ คุณฮาเกน"

"ตัวคุณโตอย่างกับหมี ถ้าคุณเมามากขนาดนั้น ผมคงต้องโทรหาคนอื่นมาช่วยแล้วล่ะครับ"

ภีมยิ้มร้าย "เพราะผมไม่ใช่คนที่จะมาลำบาก....ลากคนตัวโตแบบคุณกลับคอนโดได้หรอกนะครับ กรุณาเข้าใจใหม่ด้วย"

"เพราะงั้นเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี..." ภีมโน้มตัวเข้าไปใกล้ เอ่ยเสียงเบาแต่เน้นชัด 

"ขอความกรุณา.........อย่าเมาจนคุมสติไม่ได้เลยนะครับ มิสเตอร์.เอ. ริค. ฮา.เกน"

 ภีมเน้นเสียงหนัก ก่อนจะหันหลังเดินหนี

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ไม่กี่นาทีต่อมา

เสียงพูดคุยของคนในงานยังคงดำเนินไป แต่สิ่งที่สะดุดตาภีมคือร่างของฝรั่งตัวโตที่เริ่มโซเซ

เหมือนคนที่แทบจะเดินไม่ตรง

ภีมขมวดคิ้ว "เชี่ยล่ะ!!.........อย่าบอกนะว่า..."

ก่อนที่เขาจะได้ขยับตัวทำเนียนๆหนี ด้วยว่าจะแอบไปห้องน้ำ เพื่อลี้ภัยนี้

 หัวหน้าฝ่ายของเขาก็สะกิดไหล่เบา ๆ

"ภีม ช่วยพาคุณฮาเกนไปส่งที่พักหน่อยสิ ดูเหมือนเขาจะเมาหนักแล้ว"

ภีมกลอกตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่  "ครับ..." 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ภีมวัจน์  ........ไม่เคยคิดว่าจะมีวันซวยได้เท่านี้ เรื่องทั้งหมด  ก็เพราะ....ดันไปท้าทายไอ้บ้าฝรั่งนั่น

หัวหน้าฝ่ายของภีม ที่ตอนนี้ ยังติดคุยงานกับลูกค้าคนอื่น 

ทำให้ภีมต้อง(ซวย) รับหน้าที่ดูแลเอริคแทน ในขณะที่พนักงานโรงแรมก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งมากเพราะหมอนี่เป็นแขก VIP 

หัวหน้าฝ่ายหันมากวักมือเรียกภีมที่ยืนอยู่ไม่ไกล

 “ภีม คุณช่วยพาคุณเอริคขึ้นไปพักหน่อยนะ เดี๋ยวพวกเราจัดการที่เหลือเอง”

 “หา!? ผมเนี่ยนะ!?” (แล้วใครจะช่วยแบกว่ะ ตัวยังกับหมี) ภีมคิดในใจ ราวกับความคิดกับคำพูดกำลังจะสลับกันออกมา

...แต่ก็แทบจะซ่อนสีหน้าไว้ไม่มิด

หัวหน้าฝ่ายพยักหน้า “ใช่ ก็นายเป็นคนรับผิดชอบเขานี่”

ภีมเหล่หางตาชี้ มองจิกเอริคที่ซบอยู่

 “…บ้าเอ๊ย” เขาสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย 

 

ภาพของ ภีม ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง หุ่นออกลีนมัสเซิล

 กำลังพยุงเอริคที่หนักเกือบเท่าหมี  ออกจากงานเลี้ยงอยู่ในสายตาของเหล่าพนักงาน

 และรุ่นน้องในออฟฟิศอย่างนีน่าที่กำลังอยู่ในงานเลี้ยงของวันนี้ ทกคนก็อยากจะช่วยนะภีม...แต่มันกำลังติดพันจริงๆ

 ภีมพยุง คนร่างใหญ่ ขึ้นลิฟต์ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย 

แขนใหญ่ของอีกฝ่าย พาดอยู่บนไหล่บางของเขา ขณะที่ร่างสูงใหญ่ ก๋กำลังเอนพิงเขาหนักขึ้นเรื่อย ๆ

"ให้ตายสิ… ตัวใหญ่เป็นบ้า" ภีมพึมพำพลางปรับท่าจับให้มั่นคงขึ้น 

"ถ้าคุณล้มลงมาจริงๆนะ ผมจะไม่ช่วยแบกขึ้นมาหรอก" และเอาตัวเขาไปพิงอีกฝั่งของลิฟต์

เอริค (พึมพำ): "I... Can... Walk... Wait, no. Maybe not." (จากนั้นก็เซไปพิงไหล่ภีมเต็มแรง)

 ภีมผลักออก "โอยยย หนัก! ไอ้บ้าฝรั่งนี่ เบาหน่อยไม่ได้รึไง เจ็บนะเว้ย!” เขาเริ่มหงุดหงิด ที่ราวกับต้องกลืนคำพูดตัวเองลงคอ และมันแสบร้อน

เอริคพึมพำ "Pheem... You smell nice."

ภีมชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี "พดูอะไของคุณน่ะ..อย่ามาพูดอะไรแปลก ๆแบบนี้ นะครับ"

เอริคหัวเราะเบา ๆ แต่ยังคงซบอยู่บนไหล่ภีมไม่ยอมขยับ "But it's true..."

"พอเลยครับ คุณฮาเกน" ภีมพยายามปรับท่าจับให้มั่นคงขึ้น "เดินดี ๆ สิครับ ผมไม่ใช่ไม้ค้ำยันนะ!"

"But you're warm too."

"อ้อ!! งั้นคุณจะให้ผมห่มผ้าห่ม และร้องเพลงกล่อมให้ด้วยไหมล่ะครับ!? คุณฮาเกน" 

เจ้าเด็กตาชี้ พูดประชด ด้วยว่ารู้ทัน และพาลหมันไส้ ขณะที่พยายามกดปุ่มลิฟต์ให้เร็วขึ้นด้วยอารมณ์โมโหที่กำลังจะทะลัก

เอริคพึมพำเสียงอู้อี้ "Not a bad idea..."

ภีมหลับตาสูดหายใจลึก ๆ ทำใจให้สงบ ไม่จับอีกฝ่ายโยนลงพื้นกลางทางเดินไปซะก่อน

เอริคซบหน้ากับไหล่ของภีมีกครั้ง "หืม... นายตัวเล็กกว่าที่คิดนะ" เสียงพึมพำเบา ๆ ดังขึ้น ราวกับความคิดที่หลุดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ภีมเหลือบตามองก่อนจะกัดฟันแน่น

 "เงียบไปเลยนะครับ จะตัวเล็กตัวใหญ่ก็เรื่องของผม และผมไม่ใช่พยาบาลของคุณนะ คุณฮาเกน"

เอริคหัวเราะเบา ๆ ตายังคงมองมาที่เขา อย่างกับขนมหวาน "แต่ตอนนี้…เหมือนจะใช่นะ"

ภีมกลอกตา แต่ยังพยายามประคองอีกฝ่ายไปที่หน้าห้องพักของโรงแรม

"คีย์การด์ล่ะครับ?" ภีมถามเสียงห้วน พยายามสะกดความรำคาญของตัวเอง

"..." เอริคไม่ตอบ กลับเอนตัวหนักกว่าเดิม

"คุณเอริค!!!"

"อืม... ลืมแล้ว"

ภีมหยุดเดิน แค่นหัวเราะ "วิเศษไปเลยครับ งั้น คุณนั่งรอหน้าห้องนี่แหล่ะ ผมจะไปตามพนักงานก่อน"

ไม่ทันจบประโยคเอริคก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ สูดหายใจเบา ๆ แล้วส่งการ์ดเข้าพักให้

"เอ้า... ดูเหมือนผมยังพอมีสติอยู่นิดหน่อยนะ" เอริคยิ้มขำ

"ถ้าคุณยังมีสติ งั้นเดินเองดีกว่าไหมครับ คุณฮาเกน?"

เอริคหัวเราะอย่างซุกซนใส่อีกฝ่าย "ไม่ล่ะ แบบนี้สบายกว่า"

ความรู้สึกของคนตรงหน้า ตอนนี้อยากจะโยนการ์ดใส่หน้าอีกฝ่าย แต่เขาก็ทำแค่ถอนหายใจ ก่อนจะรูดการ์ดเปิดประตู

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 ภีมพยุงเอริคเข้าห้องพักของโรงแรมหรู เขาพยุงมาอย่างทุลักทุเล ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยให้ร่างสูงล้มลงบนโซฟา 

อย่างไม่ค่อยอ่อนโยนซักเท่าไหร่

 "ถึงแล้วครับ เชิญนอนให้เต็มที่เลยนะ คุณฮาเกน" เจ้าเด็กตาชี้ ตบมือตัวเองเบา ๆ

 อย่างเสร็จงานลุล่วงไปด้วยดี และ หันหลังจะเดินออก

 แต่  เหมือนว่า เจ้าหมาป่า จะมือไวกว่ามากและ คว้าข้อมือภีมเอาไว้: "No... comfy." 

ภีม หน้าขึ้นสี ปากก็โวยวายใส่ เขาพยายามแกะมือใหญ่นั้น ออกพัลวัน อย่างลนลาน

ด้วยว่ามือใหญ่นั้น ไม่ยอมปล่อย และยังคงรัดแน่นที่ข้อมือบาง 

"เฮ้ย! นายเมาแล้วปล่อยเลยนะ เจ้าบ้าฝรั่ง” 

 เอริคพูดด้วยน้ำเสียงง่วงๆ แบบเด็กน้อย "Stay... just a little... warm." 

ภีมถอนหายใจแรงใส่ "ผมไม่ใช่ผ้าห่มไฟฟ้านะครับ! ปล่อยเลย"

แต่เอริคยังคงจับแน่นข้อมือนั้นแน่น แถมยังจะขยับตัว เพื่อให้ซุกเข้าหาความอบอุ่นของมือนั้นมากขึ้น "Pheem... soft."

ภีมชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถลึงตาใส่

 "นี่.....คุณแกล้งเมาอยู่ใช่ไหม คุณฮาเกน? ผมรู้นะถ้าคุณ ยังไม่ปล่อยมือผม 

ผมจะโทรบอกหัวหน้าให้มาจัดการคุณเองนะ ว่าคุณกำลังจะคุกคามผม" 

เอริคไม่ได้ตอบ เอาแต่พึมพำอะไรฟังไม่ได้ศัพท์แล้วซุกหน้ากับแขนตัวเอง ราวกับจะหลับไปจริง ๆ

แม้จะพูดขู่แบบนั้น แต่.....เจ้าฝรั่งนอร์เวย์ กลับแค่ขยับตัวเล็กน้อย และปล่อยมือไปนั้น อย่างไม่เต็มใจนัก

ภีมสะบัดข้อมือออกอย่างแรง  

ก่อนจะมองคนที่  ดูเหมือนจะ กำลังแกล้งเมาด้วยสายตาไม่เชื่อถือ และเขาเชื่อเซนต์ตัวเองว่า...ไอ้บ้าฝรั่งนี่...ไม่เมาจริง

"...เฮ้อ" ภีมถอนหายใจอย่างโล่งอก 

ขณะที่กำลังเอามือเสยสีออกแดงๆยุ่งๆ และมองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง 

Pheem” เสียงทุ้มต่ำของเอริคดังขึ้น ขาดห้วงไปเล็กน้อยราวกับชั่งใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นนั่งและ—

พร้อมกับมือใหญ่ คว้าเอาตัวภีมเข้ามากอดไว้บนตัก!

ด้วยความเร็ว ราวหมาป่า ตระครุบเยื่อ

ชายหนุ่มลูกสัญชาตินอร์เวย์ หน้าคม ยังมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่บนริมฝีปาก 

หากรอยยิ้มที่ทำให้ภีมรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในอุ้งมือของนักล่าที่กำลังเพลิดเพลินกับเหยื่อของตัวเอง

 

"เฮ้ย!! ปล่อยผมนะ ผมจะกลับแล้ว!"

ภีม หน้าถอดสี ม่านตาขยาย หัวใจเต้นเร็วรัวเป็นกลองศึก 

ไอความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างเมื่อถูกแขนแข็งแรงโอบรัดรอบเอว 

ร่างบางของเขาแนบชิดกับอกกว้างของเอริค ใกล้......จนรู้สึกถึงจังหวะลมหายใจของอีกฝ่าย

เจ้าคนขี้วีน กำลังพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง และใช้มือดันไหล่แกร่ง 

ทั้งพยายามผลักออก แต่แทนที่จะปล่อย เจ้าหนุ่มตาน้ำข้าว กลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น

"No... stay."

เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นใกล้ใบหูจนภีมสะดุ้ง ขนอ่อนตามต้นคอลุกชัน ราวกับโดนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารด

ภีมพยายามกลั้นความหวาดกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้น

 “นายไม่ได้เมาใช่ไหม? ภีมชะงักไปเสี้ยววินาที ก่อนจะหันไปมองด้วยสายตาเย็นชา

 เขาพยายามกดเสียงต่ำ แต่เสียงนั้นสั่นเล็กน้อย

 "... นี่กอดเพราะเมา หรือเพราะชีวิตนี้ไม่มีใครกอดกันแน่ครับ? คุณฮาเกน"” เขาถามเสียงเข้ม แต่ปลายเสียงกลับสั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

เอริคแค่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าคม ลงมาวางคางบนไหล่บางเขา 

น้ำหนักที่กดลงทำให้ภีมรู้สึกเหมือนถูกกักขังไว้ในอ้อมแขนของสัตว์นักล่าขนาดใหญ่

"A little bit..."

“โกหก! นาย—นายมัน…ไอ้บ้าฝรั่ง ปล่อยนะเว้ย!!” 

ภีมกัดฟันแน่น เขาพยายามเอาตัวรอด 

และยกศอกกระทุ้งเข้าที่สีข้างของอีกฝ่ายเป็นพัลวัน

 แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเสียงทุ้มกระซิบใกล้ชิดกว่าเดิม

"You smell nice... like vanilla."

ร่างของภีมแข็งทื่อไปชั่วขณะ

“อะ..อะไรนะ?” 

“Sweet… like you.”

ปัง! หัวใจของภีมกระตุกแรง ราวกับมีอะไรกระแทกอยู่ในอก 

จู่ ๆ ความเย็นวาบก็ไต่ขึ้นมาตามแนวสันหลัง เขาไม่แน่ใจว่าเป็นความกลัวหรืออะไรอย่างอื่น 

แต่ความรู้สึกนี้มัน.........อันตราย—

“พอเลย! นายมันไอ้ฝรั่งลามก! อยากโดนต่อยนักใช่มั๊ย?”

คนร่างเล็ก...รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี...ด้วยความรู้สึกกลัวสุดขีด ผลักตัวเองออกเต็มแรง!

เอริคเสียหลัก ล้มไปกระแทกกับโซฟาตัวใหญ่สีขาว

เสียงร้อง ‘โอ๊ย’ ที่แสนจะไม่จริงใจดังขึ้น ขณะที่เขายกมือขึ้นกุมหน้าผาก ทำหน้าตาราวกับโดนทำร้ายหนักหนา

เจ้าลูกจิ้งจอก   รีบกระโจนถอยออกไปให้ห่างจากอีกฝ่ายมากที่สุด 

ดวงตาสีเข้มของเขาฉายแววตื่นตระหนกและหวาดระแวง

"ไม่ต้องมาเล่นละครเลยนะ! เอริค ฮาเกน"  ภีมถลึงตามองอีกฝ่าย ก่อนกัดฟันสบถเสียงต่ำ

 โกรธแล้วจริงๆด้วยนั่นแหล่ะ ทั้งหน้าที่แดงขึ้นจากเลือดฝาด คิ้วเข้ม ที่ขมวดชนกัน

โดนถลึงตาชี้จิกใส่ หน้าตาที่ดูจะเหวี่ยงอยู่แล้ว ยิ่งดูเหวี่ยงวีนขึ้นไปอีก 

และดูเหมือน เอริคจะหยอก เจ้าภีมล้ำเส้นไปหน่อยซินะ

 “ไอ้บ้าฝรั่งโรคจิต เชิญคุณเมาต่อไปคนเดียวเถอะ”

เขาไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรอีก ร่างเล็ก 

เจ้าลูกจิ้งจอกว่องไวมาก รีบก้าวฉับ ๆ ไปที่ประตู ก่อนจะกระชากมันเปิดออกและพุ่งออกไปทันที

เหมือนลูกจิ้งจอกวิ่งหนี นักล่า

ปัง!

เสียงประตูปิดสนิท ทิ้งให้เอริคนอนเอนกายอยู่บนโซฟา ดวงตาสีฟ้าคู่คมฉายแววขบขันระคนพึงพอใจ

ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มบาง ๆ

เสียงของภีมเมื่อครู่ยังคงติดอยู่ในหัวของเขา เจ้าหมาป่าตัวใหญ่ หัวเราะเบา ๆ พลางยกมือขึ้นลูบคางตัวเองช้า ๆ

เขาหลับตาลงเหมือนพยายามคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพึมพำเบา ๆ

 "Hmm... Interesting." 

ความคิดในหัวของเอริค ฮาเกน ตอนนี้เต็มไปด้วยความสนุก เขารู้ดีว่าเขาแกล้งภีมไปพอสมควร

 แต่ก็รู้สึกว่าภีมไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น และยิ่งทำให้เขาสนใจภีมมากขึ้นไปอีก

ในความคิดของเขายังคงหลงใหลอยู่ในภาพของภีมและสัมผัสที่ได้กอดเจ้าลูกจิ้งจอกแค่แว้บเดียวในอ้อมแขน 

 ท่าทางเขาทำให้รู้สึกเหมือนเขากำลังเล่นเกมกับตัวเอง ที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเล่นได้ง่าย แต่จริงๆ แล้วมันกลับยากเกินกว่าจะจับต้องได้ 

"คนนี้... ไม่เหมือนใครเลยจริง ๆ อืม!! คงจะไวไปซินะที่จะจับจิ้งจอก" เขาก้มลงมองมือตัวเอง

 เอริคคิดในใจ ขณะที่ยิ้มให้กับตัวเอง เขารู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะเริ่มรู้จักภีมได้แค่ผิวเผิน

 และมันน่าสนุกที่จะได้เห็นภีมแสดงออกในแบบที่เขายังไม่เคยเห็น

 ความคิดในหัวของเอริคเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด เขาหัวเราะในใจเพราะรู้ดีว่าทุกอย่างมันเหมือนการลิ้มรสชาติ 

............อาหารที่ต้องค่อยๆ ชิมและลิ้มรสให้ชัดเจน

 “เหมือนลูกจิ้งจอกจริงๆนั่นแหล่ะ" เอริคพูดเบาๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งกว่าสายลมที่เย็นชามันร้ายๆ 

เขาตั้งใจว่าเขาจะเข้าใกล้ภีมมากขึ้น ไม่ให้เขาหนีไปง่ายๆ 

แต่....ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการที่จะผลักภีมออกไปมากเกินไป 

เพราะเขารู้ว่าในเมื่อภีมออกห่างมากเกินไป เขาก็กลัวจะถูกคนอื่นพาตัวไปเหมือนกัน 

"I'll get you eventually, Pheem..." 

เขาหัวเราะในใจ ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลง และปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนในห้องที่ว่างเปล่า

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

เสียงประตูห้องพักขนาดเล็ก ปิดดัง “ปัง!” 

เมื่อ เจ้าของห้อง เดินเข้าไปในห้อง

 เขาหยุดนิ่งอยู่ที่ประตูพักหนึ่งราวกับกำลังประมวลผล และตั้งสติ

 ก่อนจะพาร่างตัวเองไปนั่งลงบนเตียงของเขาอย่างหมดแรง 

เหมือนร่างกายของเขาเหนื่อยอ่อนจากการเผชิญหน้ากับอะไรหลายๆ อย่างในวันนี้ 

ภีมนั่งลงบนขอบเตียงอย่างช้าๆ และใช้มือขยี้หน้าผาก รู้สึกถึงความปวดร้าวที่เริ่มแผ่กระจายจากส่วนลึกของใจ

"ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้..." เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง 

ในขณะที่ความเงียบครอบงำตัวเขา ภีมกลับรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในใจที่ไม่สามารถบรรเทาได้

 เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนรอบคำพูดและการกระทำของเอริค ที่ยังคงหลอกหลอนในหัวของเขา

“You smell nice... like vanilla. Sweet... like you.”

คำพูดเหล่านั้น .........ทำให้ภีมรู้สึกเหมือนกับถูกปลุกขึ้นจากการหลับใหลไปในความคิดของตัวเอง 

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเอริคจะทำอะไรแบบนั้นกับเขา

"ไอ้บ้านั่น"

มือที่ขยี้หน้าผากของเขากระชับมากขึ้นเหมือนจะพยายามลบความคิดทั้งหมดที่มันจุกอยู่ในหัว

 แต่ความจริงมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความรู้สึกที่ก่อตัวข้างในอก

ทั้ง ไม่พอใจ และ กลัว กำลังคืบคลาน โรยตัวเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ จนเขาแทบจะหายใจไม่ออก

เขานั่งเงียบไปสักพัก สัมผัสของความกลัวที่เริ่มแทรกซึมเข้าไปในทุกส่วนของร่างกาย 

กลัวที่จะเผชิญหน้ากับเอริคอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

 กลัวว่าจะต้อง ตอบสนอง หรือ แสดงความรู้สึก อะไรออกไป

“นายทำแบบนี้ทำไม?” ภีมพึมพำกับตัวเองเบาๆ แม้จะรู้ว่าไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ง่ายๆ 

แต่ความสงสัยมันยังคงอยู่ในใจ เขาเริ่มรู้สึกถึงความไม่แน่ใจ

 ว่าเอริคมี เจตนา อะไรอยู่เบื้องหลังการกระทำนั้น หรือมันแค่เป็นการแกล้งเล่นสนุกๆ 

ที่เอริคทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปเอง

แต่ไม่ว่าเอริคจะทำอะไร ภีมก็ยัง ไม่สามารถหลุดพ้นจากความรู้สึกนี้ได้ 

เขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงไปในเกมที่เขาไม่อยากเล่น

 เขาไม่ชอบที่ต้องมาเป็นส่วนหนึ่งในแผนของใครบางคน แต่เอริคกลับทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ง่ายที่จะหลีกเลี่ยง

“ทำไมต้องเป็นฉัน..อะไรกันวะ แม่ง!!เอ้ย.” ภีมสบถออกมาเบาๆ ด้วยความกลัว คับแค้นและรู้สึกหงุดหงิด

 เขาถอนหายใจออกมา และกดใบหน้าแนบกับหมอน สองมือยกขึ้นมาครอบปิดหน้าอย่างเหนื่อยล้า

 

เวลาแห่งความสงบในห้อง ตอนนี้ ....ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น 

แต่ความคิดที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวก็ทำให้เขากังวลไปทุกที และเริ่มรู้สึกว่า................. 

ไม่อยากเจอเอริคในวันพรุ่งนี้ ทั้งที่บางครั้งเขาก็ 

หลีกเลี่ยงไม่ให้ความรู้สึกตัวเองผูกพัน กับใคร

ภีมพยายามนอนนิ่งๆ ไม่คิดถึงอะไรมากนัก แต่เขาก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากความรู้สึกที่กวนใจ

 สายตามองขึ้นไปที่เพดานห้อง

"พระแม่ครับ....ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย...ผมแค่อยากได้แค่เงินกับงาน

แต่ทำไม ถึงบันดาล..ให้เจอ แต่พวกบ้าๆนี่" เขาพึมพำราวกับตัดพ้อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์

เขา ปิดตาและตั้งใจจะนอน แต่ความรู้สึกที่ว่าผ่านวันนี้ไปแล้วจะต้องเจอเอริคอีก

 มันทำให้เขานอนไม่หลับได้ยาก จนในที่สุด เขาก็หลับไปพร้อมกับความสงสัยที่ยังไม่ได้คำตอบ

เดี๋ยวมันก็จบไป... แล้ว.ฉันจะทำให้มันกลับไปเป็นเหมือนเดิม..." 

เขาพูดเสียงเบาๆ ให้กับตัวเอง ก่อนที่สายตาจะเริ่มหลุบต่ำลง

พร้อมกับ... สัญญาณแห่งความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้กับความรู้สึกในใจเริ่มเข้ามาแทนที่

เปลือกตาคู่นั้นค่อยๆปิดลงช้าๆ หวังให้ตัวเอง หลับไป และปล่อยให้วันพรุ่งนี้ผ่านไปอย่างไร้เงาของเอริค

แต่ในลึกๆ เขารู้ดีว่า สิ่งที่เขากลัวที่สุด คือการที่วันพรุ่งนี้ อาจจะเจอเอริคกลับมาอีกครั้ง—และเขาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้

ในที่สุด ภีมก็หลับตาลง แต่ความกลัวและความไม่แน่ใจยังคงอยู่กับเขาตลอดทั้งคืน